The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือกายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยากับการบูรณาการในด้านการแพทย์แผนไทย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by fadeelah1196, 2023-02-03 08:08:25

คู่มือกายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยากับการบูรณาการในด้านการแพทย์แผนไทย

คู่มือกายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยากับการบูรณาการในด้านการแพทย์แผนไทย

2 5 6 5 ANATOMY กายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยา กับการบูรณาการในด้านการแพทย์แผนไทย Reproductive system Endocrine system Fluid and electrolyte balance, Homeostasis Body temperature maintenance system ABOUT PHYSIOLOGY


Contents สารบัญ 02 03 08 13 17 22 Introduction Reproductive system Endocrine system Fluid and electrolyte balance, Homeostasis Body temperature maintenance system Reference คํานํา ระบบสืบพันธุ์ ระบบต่อมไร้ท่อ ระบบควบคุมสมดุลน้ำ และอิเล็กโทรไลต์ ระบบรักษาอุณหภูมิของร่างกาย อ้างอิง


คู่มือกายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยากับการบูรณาการในงาน ด้านการแพทย์แผนไทย ฉบับนี้จัดทำ ขึ้นเพื่อเป็นป็ส่วนหนึ่งของรายวิชา กายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยา 2 ผู้จัดทำ ได้ศึกษาค้นคว้าผ่านทาง เว็บไซต์ และเนื้อหาจากสื่อการสอนของอาจารย์ผู้สอน โดยคู่มือเล่มนี้มี เนื้อหาเกี่ยวกับ กายวิภาคศาสตร์ของระบบสืบพันธุ์ ระบบต่อมไร้ท่อ ระบบควบคุมสมดุลน้ำ และอิเล็กโทรไลต์ และระบบรักษาอุณหภูมิของ ร่างกาย กับการบูรณาการในงานด้านการแพทย์แผนไทย โดยมีจุ ประสงค์เพื่อให้ผู้จัดทำ ได้ฝึกการค้นคว้า และนำ สิ่งที่ได้ศึกษาค้นคว้ามาส ร้างเป็นป็ชิ้นงานเพื่อเป็นป็ ประโยชน์ให้ตนเองและผู้อื่น 02 Introduction คำ นำ ผู้จัดทำ ได้รวบรวม และเรียบเรียงออกมาเป็นป็คู่มือเล่มนี้ โดย ประกอบด้วยเนื้อหาเกี่ยวกับกายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยากับการบูรณา การในงานด้านการแพทย์แผนไทย ผู้จัดทำ หวังเป็นป็อย่างยิ่งว่าจะเป็นป็ ประโยชน์ต่อคณะผู้จัดทำ ผู้ที่สนใจ และผู้ที่นำ ไปใช้ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามที่ คาดหวัง คณะผู้จัดทำ 02/02/2566


03 Reproductive system ระบบสืบพันธุ์ ระบบสืบพันธุ์เพศชาย • ระบบสืบพันธุ์เพศชายประกอบด้วยส่วนต่างๆ มากมาย เช่น อัณฑะ องคชาติ ท่อ นำ อสุจิ ต่อมลูกหมาก เป็นต้นซึ่งแต่ละส่วนนั้นล้วนมีหน้าที่เฉพาะและมีความ เกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน การสืบพันธุ์ของมนุษย์เป็นการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ เพราะมีการผสมกันของ เซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ (เซลล์อสุจิ) กับเซลล์สืบพันธุ์เพศเมีย (เซลล์ไข่) ระบบสืบพันธุ์เพศชายประกอบด้วยส่วนต่างๆ ดังนี้ อวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก ได้แก่ ถุงอัณฑะ องคชาติ 1.ถุงอัณฑะ (Scrotum) เป็นส่วนของผิวหนังที่ไม่มีไขมันใต้ผิวหนัง ยื่นลงมาจาก หน้าท้อง มีกล้ามเนื้อเรียบปรากฏอยู่ มีกล้ามเนื้อที่ช่วยปรับอุณหภูมิของอัณฑะให้ต่ำ กว่าอุณหภูมิของร่างกาย ประมาณ 3-5 องศาเซลเซียส 2. องคชาติ (Penis) ทำ หน้าที่เป็นทางผ่านของปัสสาวะ และเป็นอวัยวะในการร่วม เพศ องคชาติเป็นเนื้อเยื่อเกี่ยวพันชนิดพิเศษ โดยปกติจะหดตัวอยู่ แต่ถ้ามีความ รู้สึกทางเพศ จะสามารถแข็งตัวได้


เป็นท่อสั้นๆ เปิดเข้าสู่ท่อปัสสาวะตรงบริเวณ ต่อมลูกหมาก ยาวประมาณ 2 เซนติเมตร บางครั้งเรียกว่า หลอดฉีดน้ำ กาม ท่อนี้ทำ หน้าที่บีบตัวเพื่อขับน้ำ อสุจิ (Semen) หลอดเก็บอสุจิ (Epididymis) ท่อฉีดอสุจิ (Ejaculatory duct) 04 อวัยวะสืบพันธุ์ภายใน ได้แก่ อัณฑะ ท่อและต่อมต่างๆ อัณฑะ (Testis) เป็นอวัยวะสำ คัญที่สุดในระบบสืบพันธุ์เพศ ชาย ทำ หน้าที่สร้างอสุจิ และฮอร์โมนเพศชาย อัณฑะมีลักษณะรูปไข่อยู่ในถุงอัณฑะ ทำ หน้าที่สร้างฮอร์โมนเพศชาย คือ เทสโทสเตอ โรน โดยมีท่อนำ อสุจิออกสู่ภายนอก เป็นท่อขดไปมา วางตัวติดกับด้านหลังของ อัณฑะ ประกอบด้วยส่วนหัว ส่วนลำ ตัว และส่วนหาง หลอดเก็บอสุจิยาวประมาณ 4-6 เซนติเมตร ทำ หน้าที่เป็นที่เก็บอสุจิ ที่สร้างสมบรูณ์แล้ว ท่อนำ อสุจิ (Vas deferens) เป็นท่อต่อจากส่วนหางของหลอดเก็บ อสุจิ ยาวประมาณ 1 นิ้ว ทำ หน้าที่นำ อสุจิจากอัณฑะเข้าไปในช่องท้อง ต่อมลูกหมาก (Prostate gland) เป็นต่อมที่อยู่รอบท่ออสุจิ อยู่ด้านล่าง กระเพาะปัสสาวะ ทำ หน้าที่สร้างน้ำ กาม ซึ่งมีลักษณะคล้ายน้ำ นม น้ำ กามมีฤทธิ์ เป็นเบสเล็กน้อย และมีกลิ่นเฉพาะตัว


ระบบสืบพันธุ์เพศหญิง ระบบสืบพันธุ์เพศหญิงประกอบด้วยส่วนต่างๆ มากมาย เช่น คลิทอริส รังไข่ ท่อนำ ไข่ ช่องคลอด มดลูก เป็นต้นซึ่งแต่ละส่วนนั้นล้วนมีหน้าที่เฉพาะและมีความเกี่ยวข้อง สัมพันธ์กัน การสืบพันธุ์ของคนเป็นการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ เพราะมีการผสมกันของเซลล์ สืบพันธุ์เพศผู้ (เซลล์อสุจิ) กับเซลล์สืบพันธุ์เพศเมีย (เซลล์ไข่) ระบบสืบพันธุ์เพศ หญิงประกอบด้วยส่วนต่างๆ ดังนี้ อวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก ได้แก่ คลิทอริส แคมใหญ่ แคมเล็ก เวสทิบุล เยื่อพรหมจา รีย์ รวมทั้งต่อมสร้างน้ำ เมือกบริเวณช่องคลอด 1.คลิทอริส (Clitoris) เทียบได้กับองคชาติในเพศชาย ประกอบด้วยเนื้อเยื่อที่ทำ ให้ เกิดการแข็งตัว โดยให้เลือดมาคั่ง 2.แคมใหญ่ (Labia Majora) เป็นปุ่มนูนขนาดใหญ่ 2 อัน ซึ่งประกอบด้วย ต่อม น้ำ มัน ไขมัน มีขนปกคลุมอยู่ด้านบนของแคมใหญ่ 3.แคมเล็ก (Labia Minora) มีลักษณะเป็นเนื้อนิ่มของปุ่มนูนของผิวหนังเหมือนกัน แต่ไม่มีไขมัน ไม่มีขน ด้านหลังจะมารวมกันเป็นฝีเย็บซึ่งจะฉีกขาดในตอนคลอด 4.เวสทิบุล (Vestibule) เป็นส่วนที่อยู่นอกสุดของช่องคลอด จะมีเยื่อพรหมจารีย์ (Hymen) ปิดอยู่ มีช่องเปิดของท่อปัสสาวะ และช่องเปิดของช่องคลอดรวมอยู่ 5.ต่อมสร้างน้ำ เมือก (Vestibula Gland) อยู่ที่บริเวณแคมเล็ก ทำ หน้าที่สร้างสาร เมือก เพื่อการหล่อลื่น 05


1. รังไข่ (Ovary) เป็นอวัยวะที่สำ คัญที่สุดในระบบสืบพันธุ์เพศหญิง มีอยู่ 2 ข้าง ในช่องท้องน้อยยึดติดกับมดลูกโดยเอ็น ส่วนด้านนอกยึดติดกับลำ ตัว ภายใน รังไข่จะพบไข่มากมายประมาณ 3-4 แสนใบ รังไข่ทำ หน้าที่ 2 อย่าง คือ สร้างไข่ และสร้างฮอร์โมนเพศหญิงไข่ใบที่สุกเต็มที่แล้ว จะหลุดออกมาจากรังไข่ เรียกว่า การตกไข่ (Ovulation) ซึ่งถูกควบคุมและกระตุ้นโดยฮอร์โมน LH และ FSH จาก ต่อมใต้สมอง รังไข่จะสร้างฮอร์โมนโพรเจสเตอโรน ในรอบ 28 วัน ไข่จะสุกเพียง วันเดียว และระยะตกไข่จะมีเวลาประมาณ 14 วัน หากไข่ไม่ได้รับการผสมก็จะสลาย ไป และหลุดออกมาสู่ภายนอกพร้อมๆ กับผนังมดลูก เรียกว่า ประจำ เดือน (Menstruation) ประจำ เดือนจะหมดเมื่ออายุประมาณ 45-50 ปี 2. ท่อนำ ไข่ (Oviduct) เป็นท่อซึ่งด้านหนึ่งติดกับมดลูก อีกด้านหนึ่งอยู่ใกล้ๆ รังไข่ เป็นทางผ่านของไข่และอสุจิซึ่งจะพบกันประมาณ 1 ใน 3 ของท่อนำ ไข่ 3. ช่องคลอด (Vagina) อยู่ระหว่างทวารหนัก กับปากท่อปัสสาวะ ผนังด้านในมี เยื่อเมือกบุอยู่ ยืดหดได้ดี ที่ปากช่องคลอดมีกล้ามเนื้อหูรูดสามารถบังคับได้ 4. มดลูก (Uterus) มีขนาดกว้าง 2 นิ้ว ยาว 3 นิ้ว และหนา 1 นิ้ว อยู่ในช่อง ท้องน้อย ผนังยืดหดได้มากเป็นพิเศษ และขยายตัวได้มากในเวลาตั้งครรภ์ ในระยะ คลอด ฮอร์โมนออกซิโทซินจะกระตุ้นให้กล้ามเนื้อบริเวณนี้หดตัวอย่างรุนแรง ทำ ให้ คลอดได้ง่ายขึ้น อวัยวะสืบพันธุ์ภายใน ได้แก่ รังไข่ มดลูก และช่องคลอด 06


ตามตำ ราแพทย์แผนไทยในพระคัมภีร์โบราณ ยังได้กล่าวถึง ลักษณะ ระดูหรือลักษณะ ปรกติประจำ เดือนของสตรีไว้อีกกลุ่มหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นอัน เนื่องจากสภาวะของธาตุทั้ง 4 ในร่างกาย เมื่อ ประจำ เดือนใกล้จะมาจะเกิด อาการ ต่างๆประจำ ระดูทีเกิดจากสภาวะของธาตุทั้ง 4 ต่างจากกลุ่มแรกที่ เรียกว่าระดูปรกติโทษ คือ เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว เมื่อร่างกาย เสียสมดุลอัน เนื่องมาจากสาเหตุ ต่างๆ เช่น การกิน ฤดูกาล ภูมิอากาศ การ เปลี่ยนแปลงทีอยู่อาศัย อารมณ์ เป็นต้น ซึ่งต่างจากระดูปรกติโทษที เกิดอาการต่างๆทุกครั้งเมื่อจะมีประจำ เดือน เกิดขึ้นบ่อยๆ เป็นประจำ ดังมี รายละเอียดดังต่อไปนี้ 1)ลักษณะโลหิตอันเกิดแต่กองอาโปธาตุ อาการสําคัญคือ เบื่ออาหาร ปวดท้อง ประจําเดือนเดินไม่สะดวก ลักษณะ ประจําเดือนมีลักษณะเฉพาะคือเป็นมูก เป็นมัน เหม็นคาวมาก คนโบราณ เปรียบเทียบลักษณะดังกล่าวว่า ”ข้นเหนียวเหมือนน้ำ ตาลเคี่ยว” 2)ลักษณะโลหิตอันเกิดแต่กองเตโชธาตุ อาการสำ คัญ คือ ตึงไปทั้งตัวร้อนบริเวณช่องคลอดเหมือนถูกพริก ลักษณะของประจำ เดือนจะเป็น ฟอง สีเหมือนน้ำ ฝาง ถูกน้ำ มะนาวจะกลาย เป็นสีเหลือง ผิวหนังจะร้อนเหมือนพองลอกออกมา อาเจียน เหม็นอาหาร บริโภคอาหารมิได้สะบัดร้อนสะบัดหนาวจุกแดก(จุกแน่นท้อง) 3)ลักษณะโลหิตอันเกิดแต่กองวาโยธาตุ อาการสําคัญคือท้องขึ้น ท้องพอง จุกเสียด ตัวร้อนจับเป็นเป็นเวลา คลื่นเหียนอาเจียนมีแต่ลม เปล่าๆ ประจำ เดือนเดินไม่สะดวก มีสีเหมือนน้ำ ดอกคำ จางๆ ปวดท้องอย่างรุนแรง 4)ลักษณะโลหิตอันเกิดแต่กองปัถวีธาตุ อาการสําคัญ คือ เมื่อยขบทุกข้อ ทุกกระดูก ประจำ เดือนหยดย้อย ไม่ สะดวก มีลักษณะผิดปรกติ ต่างๆ และท้องขึ้น ประจำ เดือนมีกลิ่นคาวจัด และมีสีต่างๆกัน ไป เช่น สีดำ สีแดง สีขาว สีเหลือง อาการระดูทุจริตโทษ ระบบการสืบพันธุ์ เกี่ยวข้องยังไงกับเเพทย์เเผนไทย 07


เป็นต่อมไร้ท่อที่อยู่ในส่วนกลางตอนล่างของสมอง มีความเชื่อมโยงกับระบบต่อมไร้ท่อและระบบ ประสาท เซลล์ประสาทในไฮโพทาลามัสจะสร้างสารเคมีซึ่งควบคุมการหลั่งของฮอร์โมนจากต่อมพิทูอิตารี หรือต่อมใต้สมอง (Pituitary Gland) โดยไฮโพทาลามัสทำ หน้าที่รวบรวมข้อมูลที่สมองรับรู้ เช่น อุณหภูมิสิ่งแวดล้อม ความรู้สึก และส่งต่อไปยังต่อมใต้สมอง จึงมีอิทธิผลต่อฮอร์โมนที่ต่อมใต้สมอง ผลิตและปล่อยออกมา มีบทบาทการขับเคลื่อนการทำ งานของระบบต่อมไร้ท่อ 08 Endocrine System ระบบต่อมไร้ท่อ เป็นต่อมขนาดเล็กเท่าเม็ดถั่วและมีน้ำ หนักประมาณ 0.5 กรัมเท่านั้น และตำ แหน่งของมันอยู่ใต้ สมองจึงเรียกอีกชื่อได้ว่า ต่อมใต้สมอง ต่อมใต้สมองมี 2 กลีบด้วยกัน คือด้านหน้าและด้านหลัง ทำ หน้าที่รับสัญญาณจากไฮโพทาลามัส แล้วจึงสร้างหรือหลั่งฮอร์โมนเพื่อควบคุมการทำ งานของต่อมไร้ท่อ อื่น ๆ ตัวอย่างของฮอร์โมนที่สร้างจากต่อมใต้สมอง เช่น - โกรทฮอร์โมน (Growth Hormones) กระตุ้นการเจริญของกระดูกและเนื้อเยื่อต่าง ๆ - โพรแลกติน (Prolactin) กระตุ้นการสร้างน้ำ นมในหญิงที่ให้นมบุตร - แอนติไดยูเรติก (Antidiuretic) ช่วงควบคุมสมดุลน้ำ ในร่างกาย ซึ่งมีผลต่อการทำ งานของไต - ออกซีโทซิน (Oxytocin) กระตุ้นการหดตัวของมดลูกระหว่างการคลอด ต่อมพิทูอิตารียังหลั่งสารเคมีที่ชื่อว่า เอนโดรฟินฟิซึ่งมีบทบาทต่อระบบประสาทและช่วยลดความรู้สึกเจ็บ ปวดลงได้ นอกจากนี้ยังหลั่งฮอร์โมนที่ส่งสัญญาณให้อวัยวะสืบพันธุ์สร้างฮอร์โมนเพศ ควบคุมการตก ไข่และรอบเดือนในเพศหญิงด้วย ประเภทของต่อมไร้ท่อ ไฮโพทาลามัส (Hypothalamus) ต่อมพิทูอิตารีหรือต่อมใต้สมอง (Pituitary Gland)


09 เป็นต่อมขนาดเล็กที่มีน้ำ หนักเพียง 0.10-0.14 กรัม อยู่ติดกับด้านหลังของต่อม ไทรอยด์ หลั่งฮอร์โมนพาราไทรอยด์ซึ่งคอยควบคุมระดับความสมดุลของแคลเซียมในเลือดและใน กระดูก ซึ่งถูกควบคุมโดยฮอร์โมนแคลซิโทนิน (Calcitonin) ที่สร้างขึ้นจากต่อมไทรอยด์ เป็นต่อมที่อยู่ด้านหน้าของบริเวณคอติดกับหลอดลมและกล่องเสียง ลักษณะของต่อม ไทรอยด์จะคล้ายกับปีกผีเสื้อที่กางสยายออก ต่อมนี้หลั่งฮอร์โมนที่เรียกว่า ไตรไอโอโดไทโรนีน (Triiodothyronine) และ ไทร็อกซิน (thyroxin) ซึ่งมีความสำ คัญต่อการเจริญเติบโต ควบคุม การเผาผลาญของร่างกาย ช่วยให้กระดูกของเด็กเติบโตและพัฒนาขึ้น ทั้งยังมีบทบาทในการ พัฒนาสมองและระบบประสาทอีกด้วย ต่อมอะดรีนนัลหรือต่อมหมวกไตเป็นต่อมเล็ก ๆ ลักษณะคล้ายรูปสามเหลี่ยม อยู่บน ยอดสุดของไต มีน้ำ หนักเพียง 7-10 กรัม ประกอบไปด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นคอร์เท็กซ์และ เมดัลลา เป็นต่อมไร้ท่อที่สร้างฮอร์โมนอะดรีนาลิน (Adrenalin) และ นอร์แอดรีนาลิน (Noradrenalin) มีผลต่อการหดตัวของเลือดและทำ ให้ความดันเลือดสูงขึ้น นอกจากนี้ยังสร้างฮ อร์โมที่เรียกว่า คอร์ติโคสเตอรอยด์ (Corticosteroids) ซึ่งมีผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจ ปริมาณออกซิเจน การไหลเวียนเลือด และสมรรถภาพทางเพศด้วย ต่อมไทรอยด์ (Thyroid Gland) ต่อมพาราไทรอยด์ (Parathyroid Gland) ต่อมอะดรีนัลหรือต่อมหมวกไต (Adrenal Gland)


10 ตับอ่อน (Pancreas) ต่อมไพเนียล (Pineal Gland) เป็นต่อมขนาดเล็กอยู่บริเวณกลางสมอง มีน้ำ หนักประมาณ 0.2 กรัม ต่อมนี้ทำ หน้าที่ หลั่งเมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับ ทำ ให้รู้สึกง่วง ต่อมไทมัส (Thymus Gland) ต่อมไทมัสเป็นต่อมที่อยู่บริเวณกลางทรวงอก มีบทบาทสำ คัญในระบบน้ำ เหลือง และ ระบบต่อมไร้ท่อ โดยมีหน้าที่ผลิตและหลั่งฮอร์โมนไทโมซิน (Thymosin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่จำ เป็น ต่อการพัฒนาและผลิตเม็ดเลือดขาวที่เรียกว่า ทีลิมโฟไซต์ (T-lymphocytes) ซึ่งมีหน้าที่ต่อสู้กับ เชื้อโรค และสำ คัญต่อการพัฒนาระบบภูมิคุ้มกันของเด็ก ตับอ่อนตั้งอยู่บริเวณด้านซ้ายของช่องท้องใต้ตับ โดยเป็นทั้งต่อมมีท่อและต่อมไร้ท่อ สำ หรับต่อมมีท่อ ตับอ่อนจะส่งเอนไซม์ไปช่วยย่อยอาหาร ส่วนต่อมไร้ท่อ ตับอ่อนจะมีหน้าที่ผลิต ฮอร์โมนที่ชื่อว่ากลูคากอน (Glucagon) และอินซูลิน (Insulin) เพื่อช่วยควบคุมระดับของน้ำ ตาล กลูโคสในเลือด


ต่อมเพศ (Gonads) รังไข่เป็นต่อมเพศในเพศหญิง อยู่บริเวณใต้บริเวณท้องด้านข้างของลำ ตัวข้างละ 1 รังไข่ ทำ หน้าที่หลั่งฮอร์โมนเพศอย่าง โพรเจสเตอโรน (Progesterone) เอสโทรเจน (Estrogen) และเทส โทสเตอโรน (Testosterone) อัณฑะเป็นต่อมเพศในเพศชาย ทำ หน้าที่ผลิตสเปิร์มและหลั่งฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ซึ่งมีผลต่อ กระบวนการผลิตสเปิร์ม ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และแรงขับเคลื่อนทางเพศ จะสังเกตได้ว่า ต่อมไร้ท่อนั้นมีความสำ คัญกับระบบการทำ งานของร่างกายในส่วนต่างๆ อย่างมาก หากเกิดความผิดปกติของต่อมหรือเสียสมดุลของฮอร์โมนเหล่านี้ ก็อาจทำ ให้ร่างกายเกิดความผิด ปกติได้ เช่น โรคเบาหวาน ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของตับอ่อนในการสร้างอินซูลิน หรือโรคกระดูก พรุน ซึ่งเกิดจากรังไข่ไม่สามารถสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนได้เพียงพอ โดยพบบ่อยในเพศหญิง ส่วน เพศชายอาจพบภาวะกระดูกพรุนนี้ได้เมื่อฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำ เกินไป การบำ รุงรักษาระบบต่อมไร้ท่อ 1. เลือกรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบทั้ง 5 หมู่ ในปริมาณที่เหมาะสมหลีกเลี่ยง อาหารที่จะก่อให้เกิดโทษกับร่างกาย ลดอาหารที่มีรสหวานจัด เพราะอาจเป็นสาเหตุที่ทำ ให้เกิดโรคเบา หวานได้ รับประทานอาหารทะเลหรือเกลือที่มีธาตุไอโอดีน เพื่อป้องกันโรคคอพอก 2. ดื่มน้ำ ในปริมาณที่เพียงพอ ประมาณ 6-8 แก้วต่อวัน เพราะน้ำ ช่วยในการผลิตฮอร์โมน 3. ออกกำ ลังกายสม่ำ เสมอ เพราะการออกกำ ลังทำ ให้ระบบต่อมไร้ท่อและระบบประสาทอัตโนมัติ ทำ งานได้อย่างสมดุล 4. ลดปริมาณเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์มีผลต่อการทำ งานของระบบต่อมไร้ท่อ บางต่อมให้ด้วยประสิทธิภาพลง เช่น ต่อมใต้สมอง ต่อมไทรอยด์ รวมทั้งรังไข่และอัณฑะด้วย 5.หลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อม ที่ส่งผลต่อระบบต่อมไร้ท่อ เช่น แหล่งโรงงานอุตสาหกรรมยา อุตสาหกรรมหลอมโลหะโรงงานถลุงแร่ เป็นต้น 6. พักผ่อนให้เพียงพอ มีความคิดสร้างสรรค์ คิดในเชิงบวกมาก ๆ จะส่งผลไปที่ต่อมใต้สมองทำ ให้ หลั่งฮอร์โมนที่ดีมีผลทำ ให้สุขภาพและสุขภาพจิตดี 11


12 ระบบต่อมไร้ท่อ เกี่ยวข้องยังไงกับเเพทย์เเผนไทย ตัวอย่าง“โรคไทรอยด์เป็น ป็ พิษ” รักษาไทรอยด์เป็นป็พิษด้วยสมุนไพร แพทย์แผนไทยได้วิเคราะห์อาการโรค ไทรอยด์เป็นพิษ เกิดจากราตุไฟเสียสมดุล สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการปรับธาตุ อาการของโรคไทรอยด์ ในแพทย์แผนไทยมองว่า โรคไทรอยด์เป็นป็พิษเกิด ภาวะปิตปิตะ คือการที่ธาตุไฟทำ งานผิดปกติหรือเสีย สมดุลไป อาการของโรคไทรอยด์เป็นป็พิษมีดังนี้ - หัวใจเต้นเร็ว - ทานมากขึ้น แต่น้ำ หนักลด - คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว - นอนไม่หลับ นอนหลับไม่สนิท - ผู้หญิงมีประจำ เดือนผิดปกติ - ผู้ชายมีเต้านมขนาดใหญ่ขึ้น - วิตกกังวล หงุดหงิดง่าย ไม่มีสมาธิ - มือสั่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง - ผิวหนังบาง คัน เหงื่อออกมาก - ผมขาด ผมร่วง - ตาโปน คอพอก การรักษาแบบแพทย์แผนไทยจะใช้ยาสมุนไพรร่วมกับ การปรับพฤติกรรม เป็นป็การรักษาให้ธาตุกลับมาสมดุล เป็นป็ ปกติ ซึ่งต่างจากการแพทย์แผนปัจปัจุบันที่รักษาด้วย การกดฮอร์โมนหรือการฝ่าตัด รักษาไทรอยด์เป็นป็พิษด้วยแพทย์แผน ไทย การรักษาตามหลักแพทย์แผนไทยนั้น ต้องใช้สมุนไพร ฤทธิ์เย็นเพื่อลดความร้อน สมุนไพรที่เสริมภูมิคุ้มกัน สมุนไพรลดความอยากอาหาร และยังมีตำ รับยาสมุนไพร สามารถลดอาการใจสั่นหงุดหงิดจากการเปลี่ยนแปลง ของฮอร์โมนได้ - บำ รุงหัวใจและอวัยวะภายใน - ลดความอยากอาหาร ทำ ให้ไม่ทรมาน - ลดอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ให้กลับมามีกำ ลังเป็นป็ ปกติ - บำ รุงลมภายใน แก้อาการคลื่นไส้เวียนหัว - แก้อาการหงุดหงิด ลดความวิตกกังวล ช่วยให้นอน หลับสบาย - บำ รุงเลือดและการไหลเวียนของเลือด - เสริมภูมิคุ้มกัน ลดอาการแพ้คัน - ลดอาการตาโปน คอบวม อันเกิดจากความร้อนใน ร่างกายเพิ่ม วิธีดูแลสุขภาพไทรอยด์เป็นพิษ นอกจากใช้สมุนไพรรักษาแล้ว การดูแลและสังเกตตัวเอง จะทำ ให้ สามารถหายขาดจากไทรอยด์เป็นพิษได้ค่ะ - หลีกเลี่ยงตัวยาที่ขัดขวางการทำ งานของสมุนไพร เช่น ยาลดกรด วิตามินรวม - งดการทานอาหารแสลงของโรคไทรอยด์ เช่น กะหล่ำ ปลี บร็อคโคลี คะน้า กระเทียม หอม อาหารทะเล เครื่อง ในสัตว์ ถั่วเหลืองเห็ด เป็นป็ต้น - พักผ่อนมากๆ หลีกเสี่ยงการออกกำ ลังกายที่หนักเกินไป เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟื้ ฟูได้เต็มที่สำ หรับผู้ที่มี ภาวะ


13 Fluid and electrolyte balance, Homeostasis คือไอออนประจุบวก (cation) และไอออนประจุลบ (anion) ที่ กระจายตัวอยู่ทั่วไปในของเหลว แต่ละส่วนของร่างกาย เช่น ในพลาสมา ร่างกายจะมีกลไกในการรักษาความเข้มข้นของไอออน ประจุบวกให้เท่ากับ ความเข้มข้นของไอออนประจุลบ เรียกว่า electrical neutrality หน้า น้ ที่ของอิเล็กโทรไลต์ 1. ช่วยปรับความสมดุลของระดับน้ําในร่างกาย 2. ช่วยปรับความเป็นกรด-ด่างของร่างกาย (pH) 3. ช่วยลำ เลียงสารอาหารไปยังเซลล์ต่างๆ 4. ช่วยขนย้าย/กำ จัดของเสียออกจากร่างกาย 5. ช่วยให้ระบบประสาท กล้ามเนื้อ หัวใจ และสมอง ทำ งานได้อย่างปกติ อิเล็กโทรไลต์ (Electrolyte)


14 การควบคุมสมดุลของน้า น้ และอิเล็กโทรไลต์เป็นกลไกที่ ซับซ้อน อาศัยการทางานของ อวัยวะหลายอย่างร่วมกัน ระบบการควบคุมสมดุลน้ำ 1. สมอง : ควบคุมการเปลี่ยนแปลงของ osmolality ผ่านทาง osmoreceptor, thirst center และการหลั่ง antidiuretic hormone (ADH) 2. ไต : ควบคุมการเปลี่ยนแปลงของปริมาณน้ำ ในร่างกาย และ สมดุลของกรด-ด่าง โดยการทำ งานของ Glomerulus ร่วมกับ renal tubule 3. ปอด : ควบคุมการเปลี่ยนแปลงของ pH ตามการหายใจเพื่อขับ ก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์ออก 4. ต่อมหมวกไต : ควบคุมการเปลี่ยนแปลงของปริมาณเลือดที่ไหล เวียน (น้ำ และ โซเดียม) ด้วยฮอร์โมนต่างๆ จาก Adrenal cortex และ medulla (กลไกควบคุมสมดุลของสารน้ำ ) สมองส่วนไฮโปทาลามัสทำ หน้าที่ควบคุมปริมาณสารน้ำ ในร่างกาย เมื่อ ร่างกายมีการสูญเสียน้ำ สมองส่วนไฮโปทาลามัส ซึ่งมีศูนย์ ควบคุมการกระหายน้ำ จะสั่งการให้เกิดการดื่มน้ำ ทดแทน โดยจะ รู้สึกกระหายน้ำ และเมื่อมีการกลืนน้ำ เข้าไปก็จะช่วยบรรเทาความ กระหายได้อย่างรวดเร็ว ถ้าร่างกายขาดน้ำ ประมาณ 3 วัน ก็จะทำ ให้เสียชีวิตได้ สำ หรับ ภาวะขาดน้ำ เรื้อรัง ซึ่งเกิดจากการดื่มน้ำ ไม่เพียงพอ จะทำ ให้เกิด โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ


15 อิเล็กโทรไลต์เกี่ยวข้องยังไงกับ เเพทย์เเผนไทย อุจจาระร่วงเกิดจากการเคลื่อนไหวที่เพิ่มขึ้นร่วมกับเพิ่มการหลั่งและลดการ ดูดซึมของน้ำ ในท่อทางเดิน อาหาร ทำ ให้เกิดการสูญเสียน้ำ และอิเล็กโทรไลต์โดยเฉพาะ โซเดียม ดังนั้น การขาดน้ำ และความไม่สมดุล ของกรดด่างในร่างกายจึงเป็นภาวะที่ อันตรายในอุจจาระร่วงเฉียบพลัน การรักษาที่สำ คัญเป็นอันดับแรกเพื่อ ช่วยลดการ ตายคือ การทดแทนด้วยสารน้ำ และอิเล็กโทรไลต์ โดยให้ดื่มสารน้ำ ทดแทนทางปากซึ่ง ประกอบด้วย โซเดียม คลอไรด์ กลูโคส และโพแทสเซียม ส่วนการรักษาด้วยยาฆ่า เชื้อเหมาะสำ หรับผู้ป่วยที่ทราบชนิดของเชื้อโรคชัดเจน อย่างไรก็ตาม ยาหลาย ชนิดมี ฤทธิ์ไม่พึงประสงค์และการใช้ยาฆ่าเชื้อเกินความจำ เป็นยังก่อให้เกิดภาวะเชื้อดื้อยา สมุนไพรจึงเป็น อีกทางเลือกหนึ่งในการรักษาเพื่อช่วยลดฤทธิ์ไม่พึงประสงค์ จากยาแผนปัจจุบัน องค์การอนามัยโลกแนะนำ สมุนไพรกว่า 5,000 ชนิดที่ใช้รักษา อุจจาระร่วง การศึกษาพืชสมุนไพรหลายชนิดพบว่ามีสารที่ออกฤทธิ์ช่วยลด การ เคลื่อนไหวและ/หรือการหลั่งในท่อทางเดินอาหาร การรักษาของแพทย์แผนไทยใช้พืชที่ มีความเป็นกรดและ มีรสฝาดเพื่อช่วยลดการหลั่งน้ำ ในท่อทางเดินอาหาร โดยพืช สมุนไพรอาจใช้เป็นชนิดเดียวหรือใช้ร่วมกันหลายชนิด งานวิจัยที่ศึกษาประสิทธิภาพ ของสมุนไพรแสดงให้เห็นว่าการใช้พืชสมุนไพรร่วมกันหลายชนิดได้ผลในการ รักษาดี กว่าการใช้เพียงชนิดเดียว ตัวอย่างพืชและสมุนไพรที่ใช้รักษาอุจจาระร่วงในไทย เช่น ทับทิม ฝรั่ง เป็นต้น


16 ระบบการควบคุมสมดุลน้ำ เกี่ยวข้องยังไงกับเเพทย์เเผนไทย วิธีส่งเสริมสุขภาพของตนเอง ตามศาสตร์การแพทย์แผนไทย ซึ่งศาสตร์ การแพทย์แผนไทยแบ่งธาตุเจ้าเรือนของคนเราเป็น 4 ธาตุ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ โดย เช็คจากวันเดือนปีเกิด และเวลา ตกฟากอย่างละเอียด แต่หากจะดูแลสุขภาพใน เบื้องต้น อาจเช็คธาตุเจ้าเรือนของเราจากเดือนเกิดง่าย ๆ ดังนี้ ธาตุดิน ได้แก่ผู้ที่ เกิดช่วงเดือนตุลาคม - ธันวาคม ธาตุน้ำ คือ ผู้ที่เกิดในช่วงเดือนกรกฎาคม – กันยายน ธาตุลม คือ ผู้ที่เกิดในช่วงเดือนเมษายน – มิถุนายน และคนธาตุไฟ คือ ผู้ ที่เกิดในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม เมื่อรู้ธาตุเจ้าเรือนเบื้องต้นแล้ว เราจะนำ มาใช้ ในการปรับธาตุเพื่อให้ร่างกายเกิดความสมดุล เป็นการส่งเสริมสุขภาพ เพื่อป้องกัน อาการเจ็บป่วย ควรปรับสมดุลธาตุด้วยการเน้นรับประทานสมุนไพรรสเผ็ดร้อน เพราะช่วย ขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อฟ้กระตุ้นเลือดลมให้ไหลเวียน เช่น ข่า, ตะไคร้, แมงลัก, กะเพรา, โหระพา, พริกไทย และคนธาตุไฟ มีจุดอ่อนด้านสุขภาพ คือ มักเป็นไข้ตัว ร้อน เป็นแผลร้อนใน เป็นสิว ผิวหนังอักเสบ นอนไม่ค่อยหลับ อารมณ์แปรปรวน ควรปรับสมดุลธาตุด้วยการเน้นรับประทานอาหารที่มีสมุนไพรรสขม จืด เย็น จะช่วย แก้ไข้ ลดความร้อนภายในร่างกาย ช่วยให้นอนหลับสบาย และลดการอักเสบของ ผิวหนัง เช่น มะระ, ขี้เหล็ก, สะเดา, ฟักฟั , แฟง, ตำ ลึง, ผักบุ้ง, แตงกวา เป็นต้น ยิ่ง ในช่วงสถานการณ์โควิด 19 เรายิ่งต้องสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกาย เมื่อ ร่างกายแข็งแรงก็จะสามารถสร้างภูมิในการป้องกันโรคได้


Body temperature maintenance system ระบบรักษาอุณภูมิของร่างกาย การควบคุมอุณหภูมิร่างกาย (Regulation of body temperature) อุณหภูมิของร่างกายของคนปกติจะ อยู่ระหว่าง 35.85-36.70 องศา เซลเซียสแต่ถ้าอุณหภูมิของร่างกายต่ำ กว่า35องศาเซลเซียสหรือสูงกว่า 38 องศาเซลเซียสเป็นเวลานานจะทำ ให้ ปฏิกิริยาเคมีในร่างกายไม่สามารถ ดำ เนินได้ตามปกติและเกิดอันตราย ร่างกายจึงมีกลไกในการปรับอุณหภูมิ ให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสม การรักษาอุณหภูมิของมนุษย์ ไฮโพทาลามัส (Hypothalamus) เป็นส่วนที่ อยู่ด้านล่างของสมองส่วนหน้าที่ยื่นมาติดต่อกับ ต่อมใต้สมอง (pituitary gland) เป็นศูนย์ ควบคุม อุณหภูมิของร่างกาย การเต้นของหัวใจ ความดัน เลือด ความหิว การนอนหลับ การหลั่งฮอร์โมน ของต่อมไร้ท่อ การหลั่งน้ำ ย่อยจากกระเพาะอาหาร ความสมดุลของน้ำ ในร่างกายและการแสดงออก ทางอารมณ์ความรู้สึก 17


เมื่ออุณหภูมิต่ำ อุณหภูมิร่างกายลด รับรู้โดยไฮโพทาลามัส เพิ่มเมตาบอลิซึม หลอดเลือดหดตัว กล้ามเนื้อหด ลดการระเหยและการพาความร้อน อุณหภูมิสูงขึ้น เข้าสู่ภาวะปกติ เมื่ออุณหภูมิสูง อุณหภูมิร่างกายเพิ่ม รับรู้โดยไฮโพทาลามัส ลดเมตาบอลิซึม หลอดเลือดขยาย หลั่งเหงื่อง เพิ่มการระเหยและการพาความ ร้อน อุณหภูมิลดลง เข้าสู่ภาวะปกติ การรักษาอุณหภูมิของมนุษ นุ ย์ (Thermoregulation) 18


การควบคุมอุณหภูมิร่างกาย (Regulation of body temperature) อายุ การออกกำ ลังกาย การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ ในรอบวัน ฮอร์โมนต่างๆ ภายหลังรับประทานอาหาร ปัจจัยที่มีผลให้อุณหภูมิ เปลี่ยนแปลงได้ในภาวะปกติ การนำ ความ ร้อน(Conduction) การพาความ ร้อน(Convection) การแผ่รังสีความ ร้อน(Radiation) การระเหยเหงื่อและ น้ำ (Evaporation) การสูญเสียความร้อน จากร่างกาย 19 การติดเชื้อ ความผิดปกติในการทำ งานของสมอง ภาวะร่างกายขาดน้ำ อย่างรุนแรง เมื่อมีการทำ ลายของเนื้อเยื่อ ไข้ (Pyrexia, fever) การที่อุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 37.8 องศาเซลเซียส สาเหตุของไข้


การเลือกรับประทานอาหารที่มีฤทธิ์เย็นจะเป็นตัวช่วยที่ดี ในการดับพิษร้อน และ ลดการสะสมของความร้อน ภายในร่างกายอาหารที่มีรสจืด-เย็น เช่น ไก่ตุ๋นฟักฟัเขียว มะนาวดอง ผัดบวบใส่ไข่ แกงจืดตำ ลึงใส่หมูสับ และ แกงจืดผักหวานบ้าน ช่วยทำ ให้ร่างกายเย็นลง ดับพิษ ร้อนที่สะสมในร่างกาย ลดอาการเป็นไข้-ตัวร้อน สิ่งที่ควรระวังคือ การอยู่ในที่ร้อน การรับประทานอาหาร ปิ้ง ย่าง ทอด และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หลักทฤษฎีของศาสตร์การแพทย์แผนไทยระบุว่า เมื่อสภาพ ภูมิอากาศเพิ่มสูงขึ้น มักจะส่งผลให้ธาตุไฟในร่างกายเกิด ความแปรปรวนหรือเสียสมดุลได้ง่าย ผู้ที่มีโรคประจำ ตัว หรือร่างกายไม่สามารถปรับตัวตามสภาพอากาศได้ทัน จะ ป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับ "ธาตุไฟ" โรคประจำ ตัวของธาตุไฟ คือ โรคความดันโลหิตสูง โรคเครียด โรคหัวใจ โรคเบา หวาน ตับอักเสบ ตัวเหลือง ตาเหลือง ภูมิแพ้ บ่อยครั้งจะ เกิดอาการอาหารไม่ย่อย มีลมร้อนในกระเพาะทำ ให้เรอบ่อย ร้อนใน มีแผลในปาก เหงื่อออกมากผิดปกติ 20 ระบบรักษาอุณหภูมิของร่างกาย เกี่ยวข้องยังไงกับแพทย์แผนไทย


"สมุนไพรพื้นบ้าน" ถือเป็น "สมุนไพรแก้หนาว" ที่มีรส เปรี้ยว รสขม และรสเผ็ดร้อน จะช่วยเสริมเกราะป้องกัน อาการเจ็บป่วยช่วงฤดูหนาว หรือช่วงที่เราเดินทางไป พบกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นได้เป็นอย่างดี สิ่งที่ควรระวังคือ การอยู่ในที่เย็น การดื่มน้ำ เย็น การกลั้นอุจจาระและปัสสาวะ หลักทฤษฎีของศาสตร์การแพทย์แผนไทยระบุว่า เมื่อสภาพ ภูมิอากาศลดต่ำ ลง มักจะส่งผลให้ธาตุน้ำ ในร่างกายเกิด ความแปรปรวนหรือเสียสมดุลได้ง่าย ผู้ที่มีโรคประจำ ตัว หรือร่างกายไม่สามารถปรับตัวตามสภาพอากาศได้ทัน จะ ป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับ "ธาตุน้ำ " โดยเฉพาะโรคระบบทางเดิน หายใจและโรคประจำ ตัวของธาตุน้ำ คือ ไข้หวัด ไอมีเสมหะ ทอนซิลอักเสบ ไซนัส ปอดบวม หอบหืด หลอดลมอักเสบ มดลูกอักเสบ ไตอักเสบ โรคอ้วน โรคระบบขับปัสสาวะ เป็นต้น การเจ็บป่วยมักจะเกิดในฤดูหนาว 21 ระบบรักษาอุณหภูมิของร่างกาย เกี่ยวข้องยังไงกับแพทย์แผนไทย


https://www.poonrada.com/sickness/detail/142 สืบค้นวันที่ 01/02/2566 https://www.trueplookpanya.com/knowledge/content/90303 สืบค้นวันที่ 01/02/2566 https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/1716398 สืบค้นวันที่ 01/02/2566 https://www.princhealth.com/life-elements-summer-food/ สืบค้นวันที่ 01/02/2566 http://journalgrad.ssru.ac.th/index.php/5-01/article/view/670/631 สืบค้นวันที่ 01/02/2566 https://www.trueplookpanya.com/learning/detail/33937 สืบค้นวันที่ 01/02/2566 REFERENCE อ้างอิง 22


1.ชญานิศ พรหมเมฆ 65205304002 2.ญารอนี เชื้อสง่า 65205304005 3.นัฐธิดา อาจหาญ65205304007 4.นันท์นภัส เกตุแก้ว 65205304008 5.นูรฮาฟีซฟีา สนิแล 65205304016 6.พรธิตา บุญจำ เนียร 65205304020 7.ฟาดีละฮ์ ใบมะหาด 65205304021 8.รัสมี กูเตะ 65205304023 9.อามาณี มะประสิทธิ์ 65205304037 GROUP MEMBERS


THANK YOU ขอบคุณ


Click to View FlipBook Version