หลักคุณธรรมและจริยธรรมของผู้บริหารสถานศึกษา วิชา คุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ จุ าลงกรณราชวิทวิ ยาลัย
หลักคุณธรรมและจริยธรรมของผู้บริหารสถานศึกษา วิชา คุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ จุ าลงกรณราชวิทวิ ยาลัย คำนำ รายงานฉบับนี้คณะผู้จัดทำได้ศึกษาและรวบรวมเอกสารจากแหล่งความรู้ต่างๆ ในเรื่อง หลักคุณธรรมและจริยธรรมของผู้บริหารสถานศึกษา เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติตนในให้เป็นผู้บริหารที่ดี มีคุณธรรมจริยธรรม เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการมีคุณธรรม จริยธรรม จะส่งผลให้ผู้บริหาร สามารถบริหารงานได้อย่างประสบผลสำเร็จ มีประสิทธิภาพ รวมทั้งเกิดความรัก ความสามัคคีในหมู่คณะ ทุกคนมีความสุขในการทำงานร่วมกัน คณะผู้จัดทำ ก ก
หลักคุณธรรมและจริยธรรมของผู้บริหารสถานศึกษา วิชา คุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ จุ าลงกรณราชวิทวิ ยาลัย สารบัญ เรื่อง หน้า คำนำ ก สารบัญ ข ความหมายของคุณธรรมและจริยธรรม 1 ประโยชน์ของคุณธรรมจริยธรรมของผู้บริหาร 1 องค์ประกอบของหลักคุณธรรมและจริยธรรมของผู้บริหารสถานศึกษา 2 คุณธรรมสำหรับผู้บริหาร 8 หลักธรรมที่ใช้ยึดถือในการควบคุมการใช้อำนาจของผู้บริหาร 9 จริยธรรมของผู้บริหาร 9 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 11 สรุป 11 บรรณานุกรม 13 ข
หลักคุณธรรมและจริยธรรมของผู้บริหารสถานศึกษา วิชา คุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ จุ าลงกรณราชวิทวิ ยาลัย หลักคุณธรรมและจริยธรรมของผู้บริหารสถานศึกษา ความหมายของคุณธรรมและจริยธรรม ความหมาย คุณธรรม คือธรรมที่เป็นคุณ หรือสภาพคุณงามความดี เริ่มตั้งแต่ความนึกคิด ความปรารถนา ความตั้งใจ จริยธรรม แปลว่า ธรรมที่เป็นข้อประพฤติปฏิบัติ หรือศีลธรรมนั่นเอง หมายถึง คำพูดและการกระทำ (เกษม วัฒนชัย, 2557) (อัญชลี โพธิ์ทอง และสงศักดิ์ คงเที่ยง, 2564) ผู้บริหารโรงเรียนที่มีคุณธรรม จริยธรรมและ จรรยาบรรณวิชาชีพ ก็จะเป็นที่ยอมรับนับถือของผู้ร่วมงาน ทำให้ผู้ร่วมงานเกิดขวัญและกำลังใจ รู้สึกว่าตนเอง มีความมั่นคง ความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน ซึ่งส่งผลให้การปฏิบัติงานในองค์กรสามารถดำเนินไปได้อย่าง มีประสิทธิภาพ ซึ่งในปัจจุบันคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพเป็นสิ่งสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อ บุคคลทั่วไป จึงควรให้มีการปลูกฝังคุณธรรมให้เกิดกับบุคคลทุกๆ คน ประโยชน์ของคุณธรรมจริยธรรมของผู้บริหาร 1. ให้ความรู้ในเรื่องคุณค่าของชีวิต 2. ให้หลักในการดำเนินชีวิตว่าอะไรควร อะไรไม่ควร 3. เป็นการพัฒนาจิตใจของคนให้มีระดับจิตใจสูงขึ้น รู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ผู้อื่น 4. ช่วยให้เห็นคุณค่าของจริยธรรมสากล เช่น ความยุติธรรม ความซื่อสัตย์ สุจริต ความอดทน 5. ให้หลักในการตัดสินว่า อะไรดี อะไรชั่ว อะไรถูก อะไรผิด ข 1
หลักคุณธรรมและจริยธรรมของผู้บริหารสถานศึกษา วิชา คุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ จุ าลงกรณราชวิทวิ ยาลัย องค์ประกอบของหลักคุณธรรมและจริยธรรมของผู้บริหารสถานศึกษา คุณธรรม จริยธรรม สำหรับผู้บริหารนั้น ประกอบด้วยหลักธรรม 4 ประการ คือ 1. หลักการครองตน 2. หลักการครองงาน 3. หลักการครองคน 4. หลักธรรมาภิบาล หลักการครองตน หลักธรรมในการครองตนที่ดีการพัฒนาผู้นำตามหลักคุณธรรมของคนดี คือ เป็นผู้มีบุคลิกภาพที่ดี (Good Personality) คือ เป็นผู้มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี เป็นผู้มีสุขภาพอนามัยที่ดี มีท่วงท่ากิริยา รวมทั้งการแต่งกายที่สุภาพเรียบร้อย ดีงาม สะอาดและดูสง่างามสมฐานะเป็นผู้มีอัธยาศัยใจคอที่งามเป็นคนดี มีศีลธรรม ได้แก่ ศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ วิริยะ สติ สมาธิและ ปัญญา คือ มีคุณธรรมของคนดี ดังนี้ เป็นผู้มีศรัทธา หมายถึง เป็นผู้รู้จัก เลื่อมใสในปัญญาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า และข้อปฏิบัติที่ควร ศรัทธา ไม่ลุ่มหลง งมงาย เชื่อกรรมและผลของกรรมว่ามีจริง เป็นผู้มีศีล คือ ผู้ที่รู้จักสำรวมระวัง ความประพฤติปฏิบัติทางกายและทางวาจา ให้เรียบร้อยดีเป็นผู้มี สุตะ คือ ผู้ได้เรียนรู้ทางวิชาการและได้ศึกษาค้นคว้าในวิชาชีพดี ได้ยิน ได้ฟังมาก เป็นผู้มีจาคะ คือ เป็นผู้มีจิตใจ กว้างขวาง ไม่คับแคบ รู้จักเสียสละ เป็นผู้มีวิริยะคือ เป็นผู้ขยันหมั่นเพียรในการประกอบกิจการงานและ/หรือในหน้าที่ รับผิดชอบ เป็นผู้ มีสติ คือ ผู้ที่รู้จัก ยับยั้งชั่งใจ รู้จักคิดไตร่ตรองให้รอบครอบ ก่อนคิด ก่อนพูด ก่อนทำเป็นผู้มีสมาธิ คือ ผู้มีจิตใจ ตั้งมั่น ข่ม กิเลสนิวรณ์ไว้ได้ ผู้รอบรู้สภาวธรรมที่ประกอบด้วยปัจจัย ปรุงแต่ง (สังขาร) และที่ไม่ประกอบด้วยปัจจัย ปรุงแต่ง (สังขาร คือ พระนิพพาน) ผู้รู้แจ้งพระ อริยสัจ 4 รวมเป็นผู้มีปัญญาอันเห็นชอบรอบรู้ทางเจริญ ทางเสื่อมแห่ง ชีวิตตามที่เป็นจริง การพัฒนาผู้นำตามหลักคุณธรรมของมิตรที่ดี เป็นผู้มีกัลยาณมิตรธรรม 7 ประการ 1) เป็นผู้น่ารัก (ปิโย) คือ เป็นผู้มีจิตใจประกอบด้วยเมตตากรุณาพรหมวิหาร 2) เป็นผู้น่าเคารพบูชา (ครุ) คือเป็น ผู้ที่สามารถเอาเป็นที่พึ่งอาศัย เป็นที่พึ่งทางใจ 3) เป็นผู้น่านับถือ (ภาวนีโย) เป็นผู้ที่ได้ฝึกฝนตนควรแก่การยอมรับและยกย่องนับถือ 4) เป็นผู้มีเหตุผล หลักการ (วัตตา) รู้จักชี้แจงแนะนำผู้อื่นให้เข้าใจเป็นที่ปรึกษาที่ดีได้ 5) เป็นผู้อดทนต่อถ้อยคำที่ล่วงเกิน วิพากษ์ วิจารณ์ ซักถาม หรือขอปรึกษา (วจนักขโม) 6) สามารถแถลงชี้แจงเรื่องที่ลึกซึ้ง หรือเรื่องที่ยุ่งยากซับซ้อนให้เข้าใจอย่างถูกต้อง และตรงประเด็น ได้ (คัมภีรัญ จะ กะถัง กัตตา) 7) ไม่ชักนำในอฐานะ (โน จัฏฐาเน นิโยชะเน) คือ ไม่ชักจูงไปในทางเสื่อม (อบายมุข) หรือไปในทาง ที่เหลวไหล ไร้สาระ หรือที่เป็นโทษ เป็นความทุกข์ เดือดร้อน การพัฒนาผู้นำตามหลักสัปปุริสธรรม กล่าวคือ เป็นผู้มีคุณธรรมของสัตบุรุษ 7 ประการ คือ 1) ธัมมัญญุตา รู้จักเหตุ ได้แก่ ปัญญา ที่รู้เหตุแห่งทางเจริญและทางเสื่อม เป็นต้น 2) อัตถัญญุตา รู้จักผล ได้แก่ ปัญญา รู้ผล ที่เป็นมาแต่เหตุ หรือปัจจัยที่เกิดผลต่าง ๆ 2
หลักคุณธรรมและจริยธรรมของผู้บริหารสถานศึกษา วิชา คุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ จุ าลงกรณราชวิทวิ ยาลัย 3) อัตตัญญุตา รู้จักตน คือ รู้ภูมิธรรม ภูมิปัญญา และฐานะของตนตามที่เป็นจริง 4) มัตตัญญุตา รู้จักประมาณ ปฏิบัติตนวางตนให้เหมาะสมกับฐานะและรู้จักประมาณ 5) กาลัญญุตา รู้จักกาล คือ รู้จักเวลา หรือโอกาสที่ควร และไม่ควรพูด หรือกระทำการ 6) ปริสัญญุตา รู้จักชุมชน มีอัธยาศัย ฐานะความเป็นอยู่ และขนบธรรมเนียมประเพณี 7) ปุคลัญญุตา รู้จักบุคคล ว่ามีอัธยาศัยใจคอ มีภูมิธรรม ภูมิปัญญาและฐานะอย่างไร ทั้งนี้ การพัฒนาภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษา ต้องพัฒนาให้เป็นผู้มีความคิดริเริ่ม ( Initiatives) ด้วยความคิดสร้างสรรค์(Creative) โครงการใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์และวิธีการทำงานใหม่ๆ ให้การปกครอง การบริหารกิจการงานได้บังเกิดผลดี มีประสิทธิภาพเป็นนักคิดพัฒนา (Development) คือ พัฒนาปรับปรุง แก้ไขข้อบกพร่องให้ดีขึ้นอยู่เสมอ เป็นผู้มีสำนึกในภาระหน้าที่ความรับผิดชอบ (Sense of Responsibilities) สูง คือ มีสำนึกในความรับผิดชอบต่อตนเอง โดยการศึกษาหาความรู้ เพิ่มพูนศักยภาพ และสำนึกในการสร้าง ฐานะของตน มีสำนึกในหน้าที่ความรับผิดชอบต่อส่วนรวม คือ ต่อครอบครัว ต่อองค์กรและหมู่คณะ เป็นผู้ที่มี ความมั่นใจตนเองสูง (Self Confidence) หมายถึง มีความมั่นใจโดยธรรม คือ มีความมั่นใจในความรู้ ความสามารถ สติปัญญาและวิสัยทัศน์และทั้งคุณธรรม คือ ความเป็นผู้มีศีล มีธรรม ที่ตนได้ศึกษาอบรมมา ดีแล้ว และยังต้องรู้จักแสดงความมั่นใจ ในเวลาคิด พูด ทำ ให้เหมาะสมกับกาลเทศะ บุคคล สถานที่ และ ชุมชน อีกด้วย หลักการครองงาน หลักการครองงาน ประกอบด้วยหลักธรรม อิทธิบาทธรรม คือ พัฒนาให้เป็นผู้รู้จักหลักปฏิบัติที่ดี ได้แก่ 1. ฉันทะ ความรักงาน คือ จะต้องเป็นผู้รักงานที่ตนมีหน้าที่รับผิดชอบอยู่ ทั้งจะต้อง เอาใจใส่ กระตือรือร้นในการเรียนรู้งาน และเพิ่มพูนวิชาความรู้ความสามารถในการทำกิจการงาน และมุ่งมั่นที่จะ ทำงานในหน้าที่ที่รับผิดชอบหรือกิจการงานอาชีพของตนให้สำเร็จเรียบร้อยอยู่เสมอ 2. วิริยะ ความเพียร คือ จะต้องเป็นผู้มีความขยันหมั่นเพียร ประกอบด้วยความอดทน ไม่ย่อท้อต่อ ความยากลำบากในการประกอบกิจการงานในหน้าที่หรือในอาชีพของตน จึงจะถึงความสำเร็จ และความ เจริญก้าวหน้าได้ 3. จิตตะ ความเป็นผู้มีใจจดจ่ออยู่กับการงาน ผู้ที่จะทำงานได้สำเร็จด้วยดี มีประสิทธิภาพนั้น จะต้อง เป็นผู้ที่เอาใจใส่ต่อกิจการงานที่ทำและมุ่งกระทำงานอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะสำเร็จ ไม่ทอดทิ้งหรือวางธุระ เสียกลางคัน ไม่เป็นคนจับจด หรือทำงานแบบทำๆ หยุดๆ หัวหน้าหน่วยงานหรือผู้บริหารจะต้องคอยดูแลเอา ใจใส่ “ติดตามผลงาน และ/หรือ ตรวจงาน” หน่วยงานต่างๆ ภายในองค์การของตน เพื่อประกอบการ พิจารณาวินิจฉัย ตัดสินใจและสั่งการให้กิจการงานทุกหน่วยดำเนินตามนโยบายและแผนงาน ให้ถึงความสำเร็จ ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ 4. วิมังสา ความเป็นผู้รู้จักพิจารณาเหตุสังเกตผลในการปฏิบัติงานของตนเองและของผู้น้อยหรือของ ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ว่าดำเนินไปตามนโยบายและแผนงานที่วางไว้หรือไม่ ได้ผลสำเร็จ หรือมีความคืบหน้าไป ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้หรือไม่เพียงไร มีอุปสรรคหรือปัญหาที่ควรได้รับการปรับปรุงแก้ไขวิธีการทำงาน หรือ วิธีการบริหารกิจการงานนั้นให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ได้อย่างไร ขั้นตอนนี้ เป็นการนำข้อมูลจากที่ได้ ติดตาม ประเมินผลงานหรือตรวจงานนั้น มาวิเคราะห์ วิจัย ให้ทราบเหตุผลของปัญหาหรืออุปสรรคข้อขัดข้อง ในการทำงาน แล้วพิจารณาแก้ไขปัญหาเหล่านั้น และปรับปรุงพัฒนาวิธีการทำงานให้ดำเนินไปสู่ความสำเร็จ 3
หลักคุณธรรมและจริยธรรมของผู้บริหารสถานศึกษา วิชา คุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ จุ าลงกรณราชวิทวิ ยาลัย ให้ถึงความเจริญก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้นไปได้อนึ่ง อิทธิบาทธรรม ข้อ “วิมังสา” คือ ความเป็นผู้รู้จักพิจารณาเหตุ สังเกตผลในการทำงาน ให้ได้ผลดีนี้กล่าวโดยความหมายอย่างกว้าง จะเห็นมีข้อปฏิบัติที่จะช่วยให้การ ปฏิบัติงานในหน้าที่รับผิดชอบ หรือในการประกอบสัมมาอาชีวะ ให้ได้ผลดีและมีความเจริญมั่นคงยิ่งกว่าข้อ อื่นๆ อีก ที่ในวงวิชาการบริหารได้ศึกษาวิจัยเห็นผลดีมาแล้ว ได้แก่ ก) เป็นผู้มีความคิดริเริ่ม (Initiatives) ด้วยความคิดสร้างสรรค์ (Creative) โครงการ ใหม่ๆ ที่เป็น ประโยชน์สุขแก่หมู่คณะ สังคมและประเทศชาติ และวิธีการทำงานใหม่ๆ ให้การปกครอง การบริหารกิจการ งานได้บังเกิดผลดี มีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้น ข) มีความคิดพัฒนา (Development) คือ เป็นนักพัฒนา ปรับปรุงแก้ไขสิ่งที่ล้าหลัง หรือข้อบกพร่อง ในการทำงานให้ดีขึ้นอยู่เสมอ ค) เป็นผู้มีสำนึกในภาระหน้าที่ความรับผิดชอบ (Sense of Responsibilities) สูง คือ มี สำนึกใน ความรับผิดชอบต่อตนเอง โดยการศึกษาหาความรู้ เพิ่มพูนศักยภาพและสำนึกในการสร้างฐานะของตน และมี สำนึกในหน้าที่ความรับผิดชอบต่อส่วนรวม คือ ต่อครอบครัว ต่อองค์กรและหมู่คณะ ที่ตนรับผิดชอบอยู่ และ ต่อสังคมประเทศชาติให้เจริญสันติสุขและมั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำนึกในหน้าที่รับผิดชอบต่อสถาบันหลัก ทั้ง 3 ของประเทศ ชาติไทยเรา คือ สถาบันชาติ 1 สถาบันพระพุทธศาสนา 1 และสถาบันพระมหากษัตริย์ 1 เพราะสถาบันหลักทั้ง 3 นี้ หากสถาบันใดคลอนแคลนไม่มั่นคง ไม่ว่าจะเป็นเพราะถูกศัตรูภายใน และ/หรือ ศัตรูจากภายนอกรุกราน ย่อมกระทบกระเทือนถึงสถาบันหลักอื่นๆ ของชาติไทยเราให้พลอยคลอนแคลน อ่อนแอไปด้วย ผู้นำที่ดีจึงย่อมต้องสำเหนียกและจักต้องมีความสำนึกในหน้าที่ความรับผิดชอบต่อสถาบันหลัก ทั้ง 3 นี้ อย่างจริงใจและจะต้องรับช่วยกันดำเนินการให้ความคุ้มครอง ป้องกัน แก้ไข บำรุง รักษา อย่าง เข้มแข็งจริงจัง และต่อเนื่อง ให้เกิดความเจริญและความสันติสุขอย่างมั่นคงให้ได้ ง) มีความมั่นใจตนเอง (Self Confidence) สูง หมายถึง มีความมั่นใจ โดยธรรม คือ มีความมั่นใจใน ความรู้ ความสามารถ สติปัญญาและวิสัยทัศน์ และทั้งคุณธรรม คือ ความเป็นผู้มีศีล มีธรรม อันตนได้ศึกษา อบรมมาดีแล้ว มิใช่มีความมั่นใจอย่างผิดๆ ลอยๆ อย่างหลงตัวหลงตน ทั้งๆ ที่แท้จริง ตนเองหาได้มีคุณสมบัติ และคุณธรรมดีสมจริงไม่ และจักต้องรู้จักแสดงความมั่นใจ ในเวลาคิด พูด ทำ ให้เหมาะสมกับกาละเทศะ บุคคล สถานที่ และชุมชนด้วย หลักการครองคน หลักธรรมในการครองคนที่ดีหลักการครองคน ประกอบด้วยหลักธรรมดังต่อไปนี้ 1. รู้จักหลักปฏิบัติต่อกันด้วยดีระหว่างผู้บังคับบัญชากับลูกน้อง หรือผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาตาม หลักธรรมของพระพุทธเจ้า ชื่อ “เหฏฐิมทิศ” มีเนื้อความว่า “เหฏฐิมทิศ” คือ ทิศเบื้องต่ำ เจ้านาย หรือผู้บังคับบัญชา พึงบำรุงบ่าว คือ ผู้ใต้บังคับบัญชา ด้วย สถาน 5 คือ 1.1 ด้วยการจัดงานให้ตามกำลัง คือ มอบหมายหน้าที่การงานให้ตามกำลังความรู้ สติปัญญา ความสามารถ (Put the right man on the right job – รู้จักใช้คนให้ถูกกับงาน) 1.2 ด้วยการให้อาหารและบำเหน็จรางวัล คือ เมื่อทำดี ก็รู้จักยกย่องชมเชย และ/หรือ สนับสนุน อุดหนุน ให้ได้รับบำเหน็จรางวัล เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่งตามสมควรแก่ฐานะ เมื่อทำไม่ดี ก็ให้คำ ตักเตือน แนะนำ สั่งสอน ให้พัฒนาสมรรถภาพให้ดีขึ้น ถ้าไม่ยอมแก้ไขพัฒนาตนให้ดีขึ้น ก็ต้องตำหนิ และมี โทษตามกฎเกณฑ์โดยชอบธรรม 4
หลักคุณธรรมและจริยธรรมของผู้บริหารสถานศึกษา วิชา คุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ จุ าลงกรณราชวิทวิ ยาลัย 1.3 ด้วยการรักษาพยาบาลในยามเจ็บไข้ คือ ต้องรู้จักดูแลสารทุกข์สุกดิบของผู้อยู่ใต้บังคับ บัญชา ไม่เป็นผู้แล้งน้ำใจ คือ ไม่ปฏิบัติกับลูกน้อง หรือผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา 1.4 ด้วยแจกของมีรสดีแปลกๆ ให้กิน หมายความว่า ให้รู้จักมีน้ำใจแบ่งปันของกิน ของใช้ดีๆ ให้ลูกน้อง 1.5 ด้วยปล่อยในสมัย คือ รู้จักให้ลูกน้อง หรือผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาได้ลาพักผ่อนบ้าง ส่วนบ่าว หรือลูกน้องผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา เมื่อเจ้านาย หรือผู้บังคับบัญชา ทำนุบำรุงอย่างนี้แล้ว ก็พึงปฏิบัติอนุเคราะห์ เจ้านาย ผู้บังคับบัญชาด้วยสถาน 5 ตอบแทนด้วยเช่นกัน คือ (1) ลุกขึ้นทำงานก่อนนาย คือ ให้รับสนองงานผู้บังคับบัญชาด้วยความขยันขันแข็ง ควรมาทำงานก่อนนาย หรือผู้บังคับบัญชา อย่างน้อยก็มาให้ทันเวลาทำงาน ไม่มาสายกว่านาย หรือ สายกว่า เวลาทำงานตามปกติ (2) เลิกการทำงานทีหลังนาย คือ ทำงานด้วยความขยันขันแข็ง แม้เลิกก็ควรเลิก ทีหลังนาย หรือ ผู้บังคับบัญชา อย่างน้อยก็อยู่ทำงานให้เต็มเวลา ไม่หนีกลับก่อนเวลาเลิกงาน (3) ถือเอาแต่ของที่นายให้ คือ มีความซื่อสัตย์ จงรักภักดี ไม่คดโกงนาย หรือผู้บังคับ บัญชา ไม่คอร์รัปชั่น ไม่เรียกร้องต้องการโดยไม่เป็นธรรม หรือเกินเหตุ (4) ทำงานให้ดีขึ้น คือ ต้องรู้จักพัฒนาคุณวุฒิ ความรู้ ความสามารถ และวิสัยทัศน์ ในการทำงานให้ได้ผลดี มีประสิทธิภาพสูง (5) นำคุณของนายไปสรรเสริญ คือ รู้จักนำคุณความดีของเจ้านาย ผู้บังคับบัญชา ไปยกย่องสรรรเสริญตามความเป็นจริง ในที่และโอกาสอันสมควร กล่าวโดยย่อ ผู้บังคับบัญชา กับผู้อยู่ใต้บังคับ บัญชาพึงปฏิบัติต่อกัน ดังคำนักปกครอง นักบริหารแต่โบราณ กล่าวว่า “อยู่สูงให้นอนคว่ำ อยู่ต่ำให้นอน หงาย” “อยู่สูงให้นอนคว่ำ” หมายความว่า เป็นผู้ปกครอง ผู้บังคับบัญชา หรือเป็นผู้นำคน พึงดูแลเอาใจใส่ ทำนุบำรุง ผู้ใต้บังคับบัญชา หรือลูกน้องด้วยดี คือด้วยความเป็นธรรมตามหลักธรรมของพระพุทธเจ้าตามที่ กล่าวข้างต้นนี้ เพื่อให้ลูกน้อง หรือผู้ใต้บังคับบัญชา มีขวัญกำลังใจในการสนองงานได้เต็มที่ อย่าให้ลูกน้อง หรือผู้อยู่ ใต้บังคับบัญชา เกิดความรู้สึกท้อถอยว่าทำดีสักเท่าใด ผู้ใหญ่ก็ไม่เหลียวแล ดังคำโบราณท่านว่า มีปากก็มีเปล่า เหมือนเต่าหอย เป็นผู้น้อย แม้ทำดี ไม่มีขลัง หรืออย่าให้ลูกน้อง หรือผู้ใต้บังคับบัญชา เกิดความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจว่า ผู้ใหญ่ไม่ยุติธรรม มักเลือกปฏิบัติไม่เสมอกัน ดังคำที่ว่า (เรา) ทำงานทั้งวัน ได้พันห้า (ส่วนคนอื่น) เดินไปเดินมา ได้ห้าพัน “อยู่ต่ำให้นอนหงาย” หมายความว่า ลูกน้อง หรือผู้อยู่ใต้บังคับ บัญชาก็พึงปฏิบัติตนต่อเจ้านาย หรือ ผู้บังคับบัญชาด้วยดี รับสนองงานท่านด้วยความยินดี ด้วยใจจริง และ ทำงานด้วยความเข้มแข็งตามหลักธรรม คือ “เหฏฐิมทิศ” ดังที่กล่าวมาแล้ว 2. เป็นผู้มีมนุษยสัมพันธ์ (Human Relation) ที่ดีด้วยคุณธรรม คือ พรหมวิหารธรรม และสังคหวัตถุ พรหมวิหารธรรม คุณธรรมเครื่องอยู่ของผู้ใหญ่ 4 ประการ (1) เมตตา คือ ความรัก ปรารถนาที่จะให้ผู้อื่นอยู่ดีมีสุข (2) กรุณา คือ ความสงสาร ปรารถนาให้ผู้มีทุกข์ เดือดร้อน ให้พ้นทุกข์ (3) มุทิตา คือ ความพลอยยินดี ที่ผู้อื่นได้ดี ไม่คิดอิจฉาริษยากัน (4) อุเบกขา คือ ความวางเฉย ไม่ยินดียินร้ายเมื่อผู้อื่นถึงซึ่งความวิบัติ โดยที่เราก็ช่วย อะไรไม่ได้ก็ต้อง ปล่อยวางใจของเราเองด้วยปัญญา ตามพระพุทธพจน์ว่า “สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม” 5
หลักคุณธรรมและจริยธรรมของผู้บริหารสถานศึกษา วิชา คุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ จุ าลงกรณราชวิทวิ ยาลัย สังคหวัตถุธรรม 4 ประการ คือ (1) ทาน รู้จักให้ปัน สิ่งของของตน แก่ผู้อื่นที่ควรให้ปัน (2) ปิยวาจา รู้จักเจรจาอ่อนหวาน คือ กล่าวแต่วาจาที่สุภาพอ่อนโยน (3) อัตถจริยา รู้จักประพฤติสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น (4) สมานัตตตา เป็นผู้มีตนเสมอ คือ ไม่ถือตัวเย่อหยิ่ง จองหอง อวดดี คุณธรรม 4 ประการนี้ เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้อื่นไว้ได้ และยังความสมัครสมานสามัคคีให้ เกิดขึ้นระหว่างกันและกันในสถานศึกษา ทั้งการสร้างแรงจูงใจเพื่อให้ผู้ใต้บังคับบัญชาปฏิบัติงานให้บรรลุ เป้าหมายที่ตั้งไว้ซึ่งการสร้างแรงจูงใจมีทั้งทางบวกและทางลบ เช่น การให้รางวัล หรือการลงโทษ เป็นต้น แต่ในความเป็นจริงในการสร้างแรงจูงใจที่ดีที่สุด คือ การทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชามีความรู้สึกว่าได้ปฏิบัติหน้าที่ กับผู้บังคับบัญชาที่มีความซื่อสัตย์สุจริต ยุติธรรม ดังนั้นถ้าผู้บริหารมีคุณธรรมก็จะเป็นการสร้างแรงจูงใจให้แก่ ผู้ใต้บังคับบัญชาได้เป็นอย่างดี การพัฒนาผู้นำตามหลักพุทธ ธรรม คือ ให้เป็นผู้เข้าใจอคติตามพุทธธรรม 4 ประเภท ได้แก่ 1) ฉันทาคติ คือ ความลำเอียงเพราะความรักใคร่ หมายถึง การทำให้เสียความยุติธรรม เพราะอ้างเอาความรักใคร่ หรือความชอบพอกัน ซึ่งมักเกิดกับตนเอง ญาติพี่น้องและคนสนิทสนม การแก้ ฉันทาคติ ต้องทำ ใจให้เป็นกลาง โดยการปฏิบัติต่อทุกคนให้เหมาะสมเหมือนๆ กัน 2) โทสาคติคือ ความลำเอียงเพราะความไม่ชอบ เกลียดชัง หรือโกรธแค้น หมายถึง การทำ ให้เสียความยุติธรรม เพราะความโกรธหรือ ลุอำนาจโทสะ การแก้ไขโทสาคติ ทำได้ด้วยการทำใจให้หนักแน่น รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจ เราและพยายามแยกเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานออกจากกัน 3) โมหาคติ คือ ความลำเอียงเพราะความไม่รู้ หรือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หมายถึง การทำให้ เสียความเป็นธรรมเพราะความสะเพร่าความไม่ละเอียดถี่ถ้วน ด่วนตัดสินใจก่อนพิจารณาให้ดี วิธีแก้ไข ทำด้วย การเปิดใจให้กว้างทำใจให้สงบ มองโลกในแง่ดีและยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น 4) ภยาคติ คือ ความลำเอียงเพราะความกลัว หมายถึง การทำให้เสียความยุติธรรมเพราะ มีความหวาดกลัว หรือเกรงกลัวภยันตรายวิธีแก้ท าได้ด้วยการพยายามฝึกให้เกิดความกล้าหาญ โดยเฉพาะ ความกล้าหาญทาง จริยธรรม คือกล้าคิด กล้าพูดในสิ่งที่ดีงาม ผู้บริหารสถานศึกษาควรได้รับการพัฒนาให้เกิด ความรู้ความเข้าใจเรื่องอคติตามพุทธธรรม จะได้บริหารสถานศึกษาได้อย่างมีสติไม่เกิด อคติต่อผู้ร่วมงาน เพราะ อคติแปลว่าไม่ใช่ทางไป ไม่ควรไป ไม่ควรเดิน ในภาษาไทยหมายถึง ความลำเอียง ความไม่ยุติธรรม ความไม่เป็นธรรม อคติเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ยังไม่ หมดกิเลส ซึ่งมักมีอยู่ด้วยกันทุกคน เพราะคนเราจะทำ อะไรก็ตาม มักจะคิดถึงประโยชน์ของตนเอง ญาติพี่น้อง หรือพวกพ้องก่อนเสมอ ซึ่งการกระทำในลักษณะ เช่นนี้ เป็นสาเหตุให้ความถูกใจอยู่เหนือความถูกต้อง ความผิดอยู่เหนือความถูก หรือผิดเป็นชอบ ดังนั้นการ วิเคราะห์หลักคุณธรรมและจริยธรรมทางพระพุทธศาสนาเพื่อประยุกต์ใช้ในการพัฒนาภาวะผู้นำของผู้บริหาร สถานศึกษา จึงเป็นความสำคัญที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรตระหนักและดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริม ให้ผู้บริหารสถานศึกษามีภาวะผู้นำ สามารถครองตน ครองคน และครองงาน ในการบริหารสถานศึกษาได้ อย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลและมีการบริหารงานด้วยความโปร่งใส ซื่อสัตย์สุจริตแล้ว การใช้งบประมาณ จะทำได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย องค์กรจะได้ผลอย่างคุ้มค่ามากที่สุด 6 7
หลักคุณธรรมและจริยธรรมของผู้บริหารสถานศึกษา วิชา คุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ จุ าลงกรณราชวิทวิ ยาลัย หลักธรรมาภิบาล หลักธรรมาภิบาล คือ คุณธรรมของนักปกครองนักบริหารที่ดี (Good Governance) คือ 1. หลักความถูกต้อง คือ มีการพิจารณาวินิจฉัยปัญหา การทำการตัดสินใจ (Decision Making) และสั่งการ (Command) ด้วยความถูกต้องตามกฎหมายบ้านเมือง และกฎระเบียบข้อบังคับของ องค์กรที่ออกตามกฎหมาย ถูกต้องตามหลักศีลธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีของสังคม ถูกต้องตาม นโยบายของ ผู้บังคับบัญชาหน่วยเหนือและถูกต้องตรงประเด็นตามหลักวิชา และได้รับความพึงพอใจจากผู้ ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย 2. หลักความเหมาะสม คือ รู้จักคิด พูด ทำ กิจการงานและปฏิบัติงานได้เหมาะสม ถูกกาละ เทศะบุคคล สังคม และสถานการณ์ (มีสัปปุริสธรรม) สัปปุริสธรรม คือ คุณธรรมของสัตบุรุษ คือคนดีมีศีลธรรม มี 7 ประการ คือ 1. ธัมมัญญุตา รู้จักเหตุ ได้แก่ ปัญญารู้เหตุแห่งทางเจริญ และทางเสื่อม เป็นต้น 2. อัตถัญญุตา รู้จักผล ได้แก่ ปัญญารู้ผล ที่เป็นมาแต่เหตุ หรือปัจจัยให้เกิดผลต่างๆ ตามที่เป็นจริง 3. อัตตัญญุตา รู้จักตน คือ รู้ภูมิธรรม ภูมิปัญญา และฐานะของตน ตามที่เป็นจริง แล้ววางตนให้เหมาะสมแก่ฐานะ 4. มัตตัญญุตา รู้จักประมาณตน ปฏิบัติตน วางตน ให้เหมาะสมแก่ฐานะ และรู้จัก ประมาณในการบริโภค ใช้สอยทรัพย์ที่มีอยู่และตามมีตามได้ 5. กาลัญญุตา รู้จักกาล คือ รู้จักเวลา หรือโอกาสที่ควร และไม่ควรพูด หรือกระทำ การต่างๆ 6. ปริสัญญุตา รู้จักชุมชน ว่ามีอัธยาศัยใจคอ ฐานะความเป็นอยู่ และขนบธรรมเนียม ประเพณีของหมู่ชน ต่างๆ เพื่อให้รู้จักวางตัวให้เหมาะสม 7. ปุคลัญญุตา รู้จักบุคคล ว่ามีอัธยาศัยใจคอ มีภูมิธรรม ภูมิปัญญาและมีฐานะ อย่างไร เพื่อปฏิบัติตน หรือวางตน ให้เหมาะสมตามฐานะของเราและของเขา 3. หลักความบริสุทธิ์คือ มีการวินิจฉัย สั่งการ กระท ากิจการงาน ด้วยความบริสุทธิ์ใจ คือ ด้วยเจตนา ความคิดอ่าน ที่บริสุทธิ์ 4. หลักความยุติธรรม คือ มีการวินิจฉัย สั่งการ และปฏิบัติต่อผู้อยู่ใต้ปกครอง และบุคคลที่ เกี่ยวข้อง ด้วยความชอบธรรม บนพื้นฐานแห่งหลักธรรม หลักการ เหตุผลและข้อมูลที่ถูกต้อง เชื่อถือได้ และ ตรงประเด็น และด้วยความเที่ยงธรรม คือ ไม่อคติ หรือลำเอียงด้วยความหลงรัก หลงชัง ด้วยความกลัวเกรง และด้วยความ หลงไม่รู้จริง คือ ขาดข้อมูลที่ถูกต้องเชื่อถือได้และสมบูรณ์ เป็นเครื่องประกอบการวินิจฉัย ตัดสินใจให้ความเที่ยงธรรม หลัก “ธรรมาภิบาล” นี้ เมื่อกระจายเป็นข้อปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ สำหรับพระราชามหากษัตริย์ที่ทรงใช้ ปกครองพระราชอาณาจักรให้อาณาประชาราษฎร์อยู่เย็นเป็นสุข ชื่อว่า “ทศพิธราชธรรม” อัน ผู้ปกครอง/ ผู้บริหารประเทศชาติทุกระดับ และแม้ผู้บริหารองค์กรอื่นๆ พึงใช้ประกอบ การปฏิบัติงานของตน ให้บรรลุ ความสำเร็จตามเป้าหมาย เพื่อประโยชน์สุขแก่ประชาชนโดยส่วนรวม ได้เป็นอย่างดี “ทศพิธราชธรรม” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงคุณอันประเสริฐของเรา ได้ทรงถือเป็นหลัก ปฏิบัติในการครองพระราชอาณาจักร ให้พสกนิกรของพระองค์อยู่เย็นเป็นสุข เป็นที่ประจักษ์ตา ประจักษ์ใจแก่ 7
หลักคุณธรรมและจริยธรรมของผู้บริหารสถานศึกษา วิชา คุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ จุ าลงกรณราชวิทวิ ยาลัย ชน ชาวโลกเสมอมานั้น มี 10 ประการ ตามพระพุทธภาษิตดังต่อไปนี้ คือ 1) ทาน การให้ 2) ศีล การสังวรระวังกายและวาจา ให้เรียบร้อยดีไม่มีโทษ 3) ปริจจาคะ การเสียสละ 4) อาชชวะ ความซื่อตรง 5) มัททวะ ความสุภาพอ่อนโยน 6) ตปะ ความเพียรเพ่งเผากิเลส 7) อักโกธะ ความไม่โกรธ 8) อวิหิงสา การไม่เบียดเบียนผู้อื่น ตลอดทั้งสัตว์ให้ได้ทุกข์ยาก 9) ขันติ ความอดทน 10) อวิโรธนะ ความประพฤติปฏิบัติที่ไม่ผิดทำนองคลองธรรม และดำรงอาการคงที่ ไม่หวั่นไหว ด้วยอำนาจยินดียินร้าย คุณธรรมสำหรับผู้บริหาร ผู้บริหารที่ดีควรมีลักษณะความเป็นผู้นำที่ดีซึ่งประกอบด้วยคุณสมบัติดังต่อไปนี้ 1. เป็นผู้มีบุคลิกภาพที่ดีคือ เป็นผู้มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี 1.1 มีสุขภาพที่ดีคือ เป็นผู้มีสุขภาพอนามัยที่ดีมีท่วงท่ากิริยารวมทั้งการแต่งกายที่สุภาพ เรียบร้อยดีงามสะอาด และดูสง่างามสมฐานะ 1.2 มีสุขภาพจิต มีสุขภาพจิตที่ดีคือ มีสุขภาพจิตที่ดีคือเป็นคู่มีอัธยาศัยใจคอที่งาม เป็นคนดี มีศีลธรรม ได้แก่ ศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ วิริยะ สติ สมาธิ และ ปัญญา กับทั้งมีกัลยาณมิตตธรรม คือ มี คุณธรรมของคนดี 1.) เป็นผู้มีศรัทธา คือ เป็นผู้รู้จักศรัทธาบุคคลและข้อปฏิบัติที่ควรศรัทธาไม่หลงงม งายในที่ตั้งแห่ง ความลุ่มหลง 2.) เป็นผู้มีศีล คือ ผู้ที่รู้จักสำรวมระวังความประพฤติปฏิบัติทางกายและวาจาให้ เรียบร้อยดีงามไม่ ประพฤติผิดเปลี่ยนตนเองและผู้อื่น 3.) เป็นผู้มีสุตะ คือ ผู้ที่ได้เรียนรู้ทางวิชาการและได้ศึกษาค้นคว้าในวิชาชีพดี 4.) เป็นผู้มีจาคะ คือ เป็นผู้มีจิตใจกว้างขวางไม่คับแคบรู้จักเสียสละ 5.) เป็นผู้มีวิริยะคือผู้ขยันหมั่นเพียรในการประกอบกิจการงานอาชีพและ/หรือใน หน้าที่รับผิดชอบ 6.) เป็นผู้มีสติคือ ผู้รู้จักยับยั้งชั่งใจรู้จักคิดไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนคิดพูดทำ 7.) เป็นผู้มีสมาธิคือผู้มีจิตใจตั้งมั่นคงกิเลสนิวรณ์ 8.) เป็นผู้มีปัญญา คือ ผู้ที่รอบรู้กองสังขารผู้รอบรู้สภาวธรรมที่ประกอบด้วยปัจจัย ปรุงแต่งสังขารและที่ไม่ประกอบด้วยปัจจัยปรุงแต่ง (วิสังขารหรือพระนิพพาน) ผู้รู้แจ้งพระอริยสัจ 4 รวมเป็นผู้ มีปัญญาอันเห็นชอบ รอบรู้ทางเจริญทางเสื่อมแห่งชีวิตตามที่เป็นจริง 8
หลักคุณธรรมและจริยธรรมของผู้บริหารสถานศึกษา วิชา คุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ จุ าลงกรณราชวิทวิ ยาลัย 2. เป็นผู้มีกัลยาณมิตตธรรม คือ ผู้มีคุณธรรมของมิตรที่ดี 7 ประการ คือ เป็นผู้น่ารัก (ปิโย) คือ เป็นผู้ มีจิตใจประกอบด้วยเมตตากรุณาพรหมวิหาร เป็นผู้น่าเคารพบูชา (ครุ) คือ เป็นผู้ที่สามารถเอาเป็นที่พึ่งอาศัย เป็นที่พึ่งทางใจ เป็นผู้น่านับถือ น่าเจริญใจ (ภาวนีโย) ด้วยว่าเป็นผู้ได้ฝึกฝนอบรมตนมาดีแล้วควรแก่การ ยอมรับและยกย่องนับถือ เอาเป็นเยี่ยงอย่างได้เป็นผู้รู้จักพูดจาโดยมีเหตุผลและหลักการ (วัตตา) รู้จักชี้แจง แนะนำให้ผู้อื่นเข้าใจดีแจ่มแจ้ง เป็นที่ปรึกษาที่ดีเป็นผู้อดทนต่อถ้อยคำที่ล่วงเกินวิพากษ์วิจารณ์ซักถาม หรือ ขอปรึกษาหารือขอให้คำแนะนำต่างๆได้ (วจ นักขโม) สามารถแถลงชี้แจงเรื่องที่ลึกซึ้ง หรือเรื่องยุ่งยากซับซ้อน ให้เข้าใจอย่างถูกต้องและตรงประเด็นได้ (คัมภีรัญ จะ กะถัง กัตตา) ไม่ชักนำในอฐานะ (โน จัฏฐาเน นิโยชะเย) คือ ไม่ชักจูงไปในทางเสื่อมอบายมุข หรือไปในทางที่เร็วไหลไร้สาระ หรือที่เป็นโทษเป็นความทุกข์เดือดร้อน การเสริมสร้างคุณธรรมสำหรับนักบริหาร นักบริหารที่ดีควรมีหลักธรรมสำหรับพัฒนาตน เพื่อเสริมสร้างคุณธรรมได้แก่ 1. ศีล คือ การสำรวมระวังความประพฤติปฏิบัติทางกายทางวาจาให้เรียบร้อยดีงามไม่ประพฤติ เบียดเบียน ตนเองและผู้อื่น 2. สมาธิ คือ การรักษาใจให้ผ่องใส ปราศจากกิเลสนิวรณ์แล้วให้ตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์เดี่ยว 3. ปัญญา คือ การรอบรู้กองสังขารรอบรู้สภาวธรรมที่ประกอบด้วยปัจจัยปรุงแต่งสังขารและที่ไม่ ประกอบด้วยปัจจัยปรุงแต่งสังขาร คือ พระนิพพานและรู้แจ้งเห็นแจ้งพระอริยสัจ 4 รวมเป็นผู้มีปัญญาอัน เห็นชอบรอบรู้ทาง เจริญทางเสื่อมแห่งชีวิตตามที่เป็นจริงศีลสมาธิปัญญารวมเรียกว่าไตรสิกขาคือหลักธรรมที่ ควรศึกษาปฏิบัติ 3 ประการ หลักธรรมที่ใช้ยึดถือในการควบคุมการใช้อำนาจของผู้บริหาร ผู้บริหารเป็นผู้มีอำนาจในการให้คุณให้โทษแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา การพิจารณา ความดีความชอบ ปลด ย้าย ให้ออก การเลื่อนตำแหน่ง ถ้าผู้บริหารไม่มีอดคติตั้งมั่นในความถูกต้องตาม หลักธรรม ดังต่อไปนี้ 1) หิริ ได้แก่ ความละอายใจ ละอายต่อการกระทำชั่ว 2) โอตตัปปะ ความเกรงกลัวต่อบาป ความชั่ว 3) ขันติ ความอดทน อดกลั้นที่จะไม่กระทำสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย 4) โสรัจจะ ความสงบเสงี่ยม รักษาอากัปกริยาให้เหมาะสม จริยธรรมของผู้บริหาร จริยธรรมที่กำหนดไว้สำหรับผู้บริหารอาจจะแตกต่างกันไปสำหรับองค์การ แต่โดยทั่วไปจริยธรรมหลัก ของผู้บริหารองค์การ ประกอบด้วย 1. ผู้บริหารจะต้องมีความศรัทธา ความผูกพัน ซื่อสัตย์สุจริต และความภักดีต่อองค์กร 9
หลักคุณธรรมและจริยธรรมของผู้บริหารสถานศึกษา วิชา คุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ จุ าลงกรณราชวิทวิ ยาลัย 2. ผู้บริหารจะต้องบริหารงานด้วยความระมัดระวัง เอาใจใส่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล 3. ผู้บริหารจะต้องมีความยุติธรรมต่อพนักงาน บริหารงานโดยไม่มีการลำเอียงเลือกที่รัก มักที่ชัง 4. ผู้บริหารจะต้องบริหารงานด้วยความยุติธรรม และเพื่อประโยชน์ต่อผู้เกี่ยวข้องกับ องค์กรทุกฝ่าย เช่น เจ้าหนี้ ลูกค้า ผู้คือหุ้น และคู่ค่าขององค์การให้สอดคล้องกับปรัชญาหรือจริยธรรมของ องค์กร 5. ผู้บริหารจะต้องบริหารงานเพื่อประโยชน์และความรับผิดชอบต่อชุมชน และสังคมและ ประเทศชาติเป็นส่วนรวม 6. รู้จักอุปการะ คือ ทำคุณทำประโยชน์ให้แก่บุคคลอื่น นึกถึงประโยชน์ของบุคคลอื่นเป็น ที่ตั้งพร้อมที่จะให้ความอนุเคราะห์แก่คนอื่นในงานหน้าที่ และความรับผิดชอบของตนรวมทั้งดูแลทุกข์สุขของ ผู้ใต้บังคับบัญชา 7. ไม่มีอคติใด ๆ ในการปฏิบัติตนต่อผู้ร่วมงาน ผู้ใต้บังคับและบุคคลทั่วไป 8. ผู้บริหารจะต้องมีจริยธรรม ที่ทำให้สำเร็จ ตามวัตถุประสงค์ 9. มีพรหมวิหาร 4 คือ มีความเมตตา ปราณนาจะให้บุคคลอื่นเป็นสุข มีความกรุณา คิดหาทางจะช่วยเหลือคนอื่นพ้นทุกข์ มีมุทิตา คือ ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี มีอุเบกขา คือ การรู้จักวางเฉย การวางใจเป็นกลาง 10. มีความรอบรู้หมั่นศึกษาหาความรู้รอบตัว 11. มีคุณธรรมที่เป็นเครื่องผูกน้ำใจบุคคลอื่นโดยทั่วไป 12. ประพฤติตนให้ห่างจากอุบายมุข เช่น การไม่เป็นคนเจ้าชู้ การดื่มสุรา การพนัน การ คบคนชั่วช้าเสเพล 13. มีความจริงใจต่อผู้ร่วมงาน ผู้ใต้บังคับบัญชาต่อบุคคลทั่วไป ไม่เป็นคนมีเสน่ห์หรือ เชื่อถือไม่ได้ 14. ไม่กระทำตนเป็นคนเบียดเบียนผู้อื่น ผู้ร่วมงานผู้ใต้บังคับบัญชา 15. รักษาความลับผู้ใต้บังคับบัญชา 9 10
หลักคุณธรรมและจริยธรรมของผู้บริหารสถานศึกษา วิชา คุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ จุ าลงกรณราชวิทวิ ยาลัย งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง อาคม มากมีทรัพย์ ได้ศึกษาเรื่อง จริยธรรมผู้บริหาร พบว่า 1.องค์ประกอบจริยธรรมผู้บริหาร ประกอบด้วย 11 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านความเมตตากรุณา 2) ด้านกัลยาณมิตร 3) ด้านธรรมาภิบาล 4) ด้านความ ยุติธรรม 5) ด้านความซื่อสัตย์ 6) ด้านการบังคับตนเอง 7) ด้านความมีเหตุผล 8) ด้านการเป็นผู้นำ 9) ด้านการ ปกครอง 10ด้านความมีวินัย และ12) ด้านความรับผิดชอบ 2.จริยธรรมผู้บริหารสถานศึกษาที่ประกอบด้วย องค์ประกอบที่สำคัญจำนวน 11 ด้าน มีความเป็นไปได้ถูกต้อง เหมาะสม สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ สอดคล้องกับแนวคิดทฤษฎีของการวิจัย จรรยา โต๊ะตาเหยะ ได้ศึกษาเรื่อง คุณธรรมจริยธรรมของผู้บริหารโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ในจังหวัดนครศรีธรรมราชพบว่า 1. คุณธรรม จริยธรรมของผู้บริหารโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ใน จังหวัด นครศรีธรรมราช ตามความคิดเห็นของครูโดยรวมอยู่ในระดับมาก โดยเรียงตามลำดับ จากค่าเฉลี่ยมาก ที่สุด ได้แก่ ด้านความซื่อสัตย์ รองลงมาคือ ด้านความรับผิดชอบ ด้านความเสียสละ และมีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุดคือ ดานความอดทน อดกลั้น 2. คุณธรรม จริยธรรม ของผู้บริหารโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในจังหวัด นครศรีธรรมราช ตามความคิดเห็นของครูด้านความซื่อสัตย์ควรคัดเลือกผู้บริหารที่มีจริยธรรม รักในหน้าที่ เสียสละ ทุ่มเทและมีความบริสุทธิ์ใจในการทำงาน ด้านความรับผิดชอบ ควรมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมความ รับผิดชอบ การมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือพัฒนาสังคม ด้านความเสียสละ ควรเห็นประโยชน์ของส่วนรวม มากกว่าส่วนตน และมีความโอบออมอารีและด้านความอดทน อดกลั้น ควรต้องใช้ความอดทน สุขุม รอบคอบ ในการบริหารงาน สรุป คุณธรรมจริยธรรมจึงนับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง ในสังคมปัจจุบันที่มีผู้คนในสังคมจำนวนมากมี ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมแก่เด็กและเยาวชนในรูปแบบต่างๆ จะทำให้ คุณธรรมจริยธรรมของประชาชนเป็นไปอย่างยั่งยืนโดยกระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดเป้าหมายการศึกษาไว้ว่า การจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้คู่ คุณธรรมมีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข การจัด กระบวนการเรียนรู้ให้สถานศึกษา จัดการเรียนการสอนโดยผสมผสานสาระความรู้ด้านต่างๆอย่างได้สัดส่วน สมดุลกัน รวมทั้งปลูกฝังคุณธรรมค่านิยมที่ดีงามและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ไว้ในทุกวิชา โดยให้ผู้เรียนเกิด คุณลักษณะที่พึงประสงค์ คือเห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยในตนเอง ปฏิบัติตามหลักคุณธรรมจริยธรรมของ พระพุทธศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งมุ่งเน้นการพัฒนาความรู้ ความคิดและทักษะในการปฏิบัติจริง อันจะ นำไปสู่การพัฒนาตนเองให้เกิดความสุขและนำไปสู่การพัฒนาอาชีพสุจริตการมีงานทำและมีรายได้ และมีส่วน ทำประโยชน์ให้กับสังคมของตนเองและประเทศชาติ ดังนั้นในการบริหารสถานศึกษา ผู้บริหารทุกคนจึงควรนำหลักคุณธรรมและจริยธรรมทั้ง ทศพิธราชธรรม พรหมวิหารธรรม อิทธิบาทธรรม และสังคหวัตถุธรรม มาเป็นหลักในการบริหารสถานศึกษา อันเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าเป็นผู้บริหารที่สมบูรณ์ ทำให้บุคลากรผู้ร่วมงานเกิดแรงจูงใจ ร่วมมือเกิดเป็นการยอมรับ เป้นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา สามารถนำพาองค์กรให้พัฒนาก้าวหน้าไปข้างหน้าด้วยความสถาพร มั่นคง อย่างมีประสิทธิผลและมีประสิทธิภ 10 12 11 11 11
หลักคุณธรรมและจริยธรรมของผู้บริหารสถานศึกษา วิชา คุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ จุ าลงกรณราชวิทวิ ยาลัย บรรณานุกรม ธีรดา จรทะผา. (2555). คุณลักษณะผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบลซึ้งที่ประชาชนต้องการ. ปัญหาพิเศษ ปริญญารัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต. ชลบุรี: มหาวิทยาลับบูรพา. วิไลวรรณ ลายถมยา. (2556, 29 ธันวาคม). แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับคุณธรรม จริยธรรมจรรยาบรรณ วิชาชีพผู้บริหาร. (ออนไลน์). เข้าถึงได้จากhttp://www.kunnaphuk.multiply.com/journal/item /5. 32 12
หลักคุณธรรมและจริยธรรมของผู้บริหารสถานศึกษา วิชา คุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ จุ าลงกรณราชวิทวิ ยาลัย 9 13