1
2 โครงสรา้ งพื้นฐานธุรกจิ ดิจทิ ลั 2
สาระสำคัญ
โครงสร้างพื้นฐานธุรกิจดิจิทัลเป็นส่วนสำคัญในระบบธุรกิจดิจิทัล เป็นส่วนที่ช่วยส่งเสริมธุรกิจ
วามเจริญก้าวหน้ามีความได้เปรียบในเชงิ การแขง่ ขันเป็นการนำเอาเทคโนโลยีดิจทิ ัลต่าง ๆ มาเพื่อให้
ก่อกิดประโยชน์มมี ูลค่าทางธุรกิจและเชิงเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเปน็ เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร
แบบใหม่ (New Communication Technology) การประมวลผลบนโทรศัพท์มือถือ (Mobile
Computing)การประมวลผลแบบคลาวด์ (Cloud Computing) การวิเคราะห์ข้อมูลเกินนับ (Big
Data Analytics) อนิ เทอรเ์ น็ตทกุ สรรพสงิ่ (Internet of Things) เปน็ ต้น
สาระการเรยี นรู้
1. โครงสรา้ งพ้นื ฐานระบบอุปกรณ์อิเลก็ ทรอนิกสเ์ คลอื่ นทไี่ ร้สาย
2. มิดเดลิ แวร์ของระบบอปุ กรณ์อเิ ล็กทรอนิกสเ์ คล่ือนท่ีไร้สาย
3. โครงสรา้ งพื้นฐานการเชื่อมต่อเครอื ข่ายเคลือ่ นท่ีไรส้ าย
4. การประมวลผลบนโทรศัพท์ และการประมวลผลบนอุปกรณ์สวมใส่
5. การประมวลผลแบบคลาวด์ (Cloud Computing)
6.ขอ้ มูลเกินนับ (Big Data)
7. อนิ เทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (Internet of Thing)
สมรรถนะประจำหน่วย
1. แสดงความร้เู กย่ี วกบั โครงสรา้ งพื้นฐานธรุ กิจดจิ ิทัล
2. สรา้ งระบบเครอื ขา่ ยเพื่อใชใ้ นธรุ กิจดจิ ิทลั
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธบิ ายเกี่ยวกบั โครงสร้างพ้นื ฐานและระบบอุปกรณ์อิเลก็ ทรอนิกส์เคลอ่ื นทไ่ี ร้สายได้
2. อธิบายเกี่ยวกบั มดิ เดลิ แวร์ของอุปกรณอ์ เิ ลก็ ทรอนกิ ส์เคล่ือนที่ไร้สายได้
3. อธบิ ายเกย่ี วกับโครงสร้างพน้ื ฐานการเชอ่ื มต่อเครอื ข่ายเคลื่อนที่ไร้สายได้
4. อธิบายเกีย่ วกับการประมวลผลบนโทรศัพทแ์ ละการประมวผลบนอุปกรณ์สวมใส่ได้
5. อธิบายเก่ียวกบั การประมวลผลแบบคลาวด์ (Cloud Computing) ได้
6. อธบิ ายเกี่ยวกบั ขอ้ มูลเกนิ นบั (Big Data) ได้
7. อธบิ ายเกี่ยวกับอนิ เทอรเ์ นต็ ของสรรพสงิ่ (Internet of Thing) ได้
3
1. โครงสร้างพ้ืนฐานระบบอุปกรณ์อิเลก็ ทรอนิกส์เคลอ่ื นที่
ไรส้ าย
โครงสร้างพ้ืนฐานระบบอุปกรณอ์ เิ ลก็ ทรอนิกส์เคล่ือนท่ีไรส้ ายจะมีส่วนเกี่ยวขอ้ งต่าง ๆได้แก่
ช่องทางการติดตอ่ สอ่ื สารระหวา่ งอปุ กรณ์ ช่องทางการทำธุรกรรมดจิ ทิ ัล เทคโนโลยีการส่ือสารต่าง
ๆ โดยมีรายละเอยี ดดงั น้ี
4
2. โครงสร้างพื้นฐานระบบอุปกรณ์อเิ ล็กทรอนิกส์
เคล่อื นทไี่ ร้สาย
โมไบล์มิดเดิลแวร์ เป็นซอฟต์แวร์ที่ทำการเชื่อมต่อการใช้งานระหว่างระบบปฏิบัติการ
หรือเชื่อมแอปพลิเคชันที่แตกต่างกัน คือ เป็นซอฟต์แวร์ที่ทำงานคั่นระหว่างระบบปฏิบัติการของ
อุปกรณอ์ เิ ล็กทรอนิกส์เคลื่อนทไ่ี ร้สายประเภทต่าง ๆ และแอปพลเิ คชนั หรือโมไบล์แอปพลิเคซันท่ี
ติดตั้งอยู่บนอปุ กรณ์อิเล็กทรอนิกส์เคล่ือนที่ไร้สายเหล่านั้น สามารถเชื่อมต่อประสาน (Interface)
เข้ากับอุปกรณ์ที่มีระบบปฏิบัติการหรือแอปพลิเคชันที่ต่างกันได้เพื่อให้การใช้งานสามารถใช้งาน
ต่อไปไดอ้ ยา่ งอตั โนมัติโดยมิดเดลิ แวรม์ ีประโยชน์ดังน้ี
พัฒนาและบรหิ ารจัดการแอปพลเิ คชนั ทท่ี ำงานบนเวบ็ และแอปพลเิ คชัน
1 ทีท่ ำงานบนอปุ กรณ์อเิ ล็กทรอนกิ ส์เคลือ่ นทีอ่ จั ฉริยะ
รวบรวมกลมุ่ ผใู้ ชง้ านทสี่ ามารถทำงานภายใต้ระบบต่าง ๆ ที่เปน็ เบ้อื งหลัง
2 ของโมไบลเ์ ว็บเซอร์วสิ หรอื แหล่งทรัพยากรข้อมลู บนคลาวด์ได้
3 รักษาความมนั่ คงปลอดภยั และบริการจัดการอปุ กรณอ์ เิ ลก็ ทรอนกิ สเ์ คลือ่ นท่ีไรส้ าย
4 รักษาความมั่นคงปลอดภัยของการเชอื่ มข้อมูล การขนสง่ ข้อมูล และขอ้ มูลแอป
พลเิ คชันตา่ ง ๆ ของอุปกรณอ์ ิเลก็ ทรอนิกสเ์ คล่ือนทีไ่ รส้ าย
5
3. โครงสรา้ งพื้นฐานการเช่อื มต่อเครอี ข่ายเคลื่อนทีไ่ ร้สาย
โครงสร้างพื้นที่การเชื่อมต่อเครือข่ายเคลื่อนที่ไร้สาย มีหลากหลายเทคโนโลยี ได้แก่
เทคโนโลยีระบุตัวตนด้วยคล่ืนวทิ ยุ เทคโนโลยีบลูทูธ เทคโนโลยีบีคอน เทคโนโลยไี วไฟ เทคโนโลยี
ซกิ ปี และเทคโนโลยโี ทรศพั ท์เคลอื่ นที่ โดยมรี ายละเอียด ดงั น้ี
3.1 เทคโนโลยีระบตุ ัวตนดว้ ยคล่นื วิทยุ หรืออาร์เอฟไอดี (Radio Frequency Identification:RFID)
มีการนำไปใช้ในธรุ กรรมดจิ ิทัลโมไบส์ สำหรบั ถ่ายโอนขอ้ มูลต่าง ๆ ท่เี ก็บไวใ้ นแทก็ อเิ ล็กทรอนิกส์บนสนิ คา้
และผลิตภัณฑ์ เชน่ ข้อมูลระบุตวั ตน รหัสและรายละเอียดของสินคา้ และผลติ ภัณฑ์
3.2 เทคโนโลยบี ลูทธู (Bluetooth Technology) เปน็ เทคโนโลยีมาตรฐานสามารถเชื่อมต่อ
การรับส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์แบบไร้สายโดยใช้พลังงานต่ำมาก นำมาใช้งานสำหรับธุรกรรม
ดิจิทัลโมไบล์ เช่น การเข้าถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เคลื่อนที่ไร้สาย เช่น
ลำโพงไร้สายหูฟงั ไรส้ าย เป็นตน้
6
3.3 เทคโนโดยีบีคอน (Beacon Technology) เป็นเทคโนโลยีกระจายสัญญาณและส่งข้อมูลภายใน
ระยะโดยรอบ โดยมกี ารตดิ ตังตวั ระายสัญญาณบลูทูธ 4.0 พลังงานดำ4.0 Low Energy: BLE) ตามจดุ ต่าง
ๆ เพื่อให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เคลื่อนที่ไร้สาย เช่น แท็บเล็ดหรือโทรศัพท์สมาร์ดโฟนที่เปิดใช้งาน
อุปกรณ์บลทู ธู และตติ ต้งั แอปพลเิ คชันทีเ่ กีย่ วขอ้ งสามารถรับสญั ญาณและขอ้ มลู ท่ีสง่ ออกมาได้
3.4 เทคโนโลยีใวใฟ (W-Fi) เป็นเทคโนโลยีท่ีเหมาะสำหรับเครือข่ายแลนไร้สาย ใช้งานเชื่อมต่อเครือข่าย
แลนกบั อปุ กรณ์สื่อสารตามมาตรฐานของเทคโนโลยีไวไฟ IEEE 802.11x แตล่ ะรุ่น
3.5 เทคโนโลยีซิกบี (ZigBee) เป็นเทคโนโลยีสื่อสารที่ใช้สำหรับเครือข่ายตัวรับรู้ไร้สายตามมาตรฐาน
IEEE 801.15.4 ซ่ึงมีการทำงานทไ่ี มช่ บั ชอ้ น มอี ัตราบติ หรอื อัตราส่งข้อมูลตำ่ และประหยดั ค่าใชจ้ ่าย
3.6 เทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนท่ี มีการใช้งานในธุรกิจดิจิทัลโมไบล์เป็นส่วนใหญ่มีการทำงานอยู่บน
แพลตฟอร์มแอปพลิเคชันของโทรศัพท์เคลื่อนท่ีเพื่อการติดต่อสื่อสารกับแม่ข่ายเพื่อให้บริการธุรกิจดิจิทัล
ผ่านโทรศพั ท์เคล่ือนท่รี ุน่ ตา่ ง ๆ
7
แ
4. การประมวลผลบนโทรศพั ท์และการประมวลผลบนอุปกรณส์ วมใส่
4.1 การประมวลผลบนโทรศัพท์ (Mobile Computing) คือ โทรศัพท์มือถือที่มีลักษณะ
การทำงานเหมือนคอมพวิ เตอร์ เทคโนโลยที ่ีช่วยให้ผใู้ ช้งานสามารถเขา้ ถงึ บริการต่าง ๆ ได้ทกุ ที่ทกุ
เวลา การประมวลผลบนโทรศพั ท์มีการเชือ่ มโยงกับการส่อื สารไรส้ าย ส่ังการผา่ นแอปพลเิ คชัน ทำ
ให้รับรู้ตำแหน่งสถานที่สนับสนุนการเคลื่อนไหว (Mobility Support) ความปลอดภัย (Security)
การจัดการทรัพยากร(Resource Management โปรโตคอลเครือข่าย (Network Protocols)
การออกอากาศ (Broadcast)เทคโนโลยี (Technologies) มาตรฐาน (Standards) และสื่อไร้สาย
(Wireless Medium) แสดงได้ดงั ภาพที่ 2.1
ภาพที่ 2.1 แสดงความสัมพนั ธ์ระหว่าง Mobile Computing กบั Wireless Communication
ที่มา: Christian Poellabauer (2018)
8
จุดเด่นของการประมวลผลบนโทรศัพท์มีอยู่ด้วยกันหลายประการ ได้แก่ สามารถเปิดใช้
งานการเช่ือมต่อทุกทท่ี ุกเวลา การใช้งานมคี วามคลอ่ งตัว สามารถใชง้ านแอปพลิเคชันใหม่ และยัง
มงี านวจิ ยั ใหม่ท่ีนา่ สนใจสนับสนุนรองรับอีกมาก
4.2 การประมวลผลบนอุปกรณ์สวมใส่ (Wearable Computing) คือ อุปกรณ์สวมใส่ที่มี
ลักษณะการทำงานเหมือนคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีที่ช่วยผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงบริการต่าง ๆ ได้
ทุกที่ทุกเวลาซึ่งสามารถควบคุมโดยผู้ใช้งานและมีความมั่นคงในการปฏิบัติงาน ผู้ใช้สามารถป้อน
คำสั่งและดำเนินการชุดคำสั่งที่ป้อนไว้และผู้ใช้งานสามารถทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้ โดย Steve
Mann ไดก้ ำหนดคุณลกั ษณะของการประมวลผลบนอปุ กรณ์สวมใสไ่ ว้ ดงั นี้
คุณลักษณะ 7 ประการของการประมวลผลบนอุปกรณ์สวมใส่ (Steve Mann, 1998)
1 ไม่ไดเ้ พกิ เฉยตอ่ ความสนใจของผู้ใช้งาน ผู้ใชง้ านสามารถเขา้ ร่วมกิจกรรมอ่ืน ๆ ได้
2 ไม่จำกดั กับผใู้ ช้งาน ช่วยให้การโต้ตอบในขณะทผี่ ู้ใช้ทำหน้าที่ตามปกติ
3 สังเกตผใู้ ชง้ าน ในขณะที่ผ้ใู ช้งานสวมใส่อยใู่ นระบบผู้สวมใสจ่ ะสามารถรบั รไู้ ด้อยา่ งต่อเนื่อง
4 สามารถควบคุมได้โดยผู้ใช้งาน ผู้ใชง้ านสามารถควบคมุ ไดต้ ลอดเวลา
5 ใสใ่ จกับสงิ่ แวดลอ้ ม สามารถปรับปรุงสภาพแวดลอ้ มของผใู้ ช้งานและการรบั ร้สู ถานการณ์
6 ส่อื สารกบั ผู้อื่น โดยใชเ้ ป็นส่ือการส่ือสารได้
7 แบ่งปนั ในบริบททางกายภาพและสถานการณ์เดยี วกันกบั ผ้ใู ช้งาน
9
5. การประมวลผลแบบคลาวด์ (Cloud Computing)
การประมวลผลแบบคลาวด์ (Cloud Computing) เป็นลักษณะของการทำงานของ
ผู้ใช้งานคอมพวิ เตอรผ์ า่ นอินเทอร์เนต็ ที่ให้บรกิ ารใดบริการหน่ึงกบั ผู้ใช้ โดยผูใ้ หบ้ ริการจะแบง่ ปนั
ทรัพยากรให้กับผู้ต้องการใช้งานนั้น การประมวลผลแบบคลาวด์ เป็นลักษณะที่พัฒนาขึ้นต่อมา
จากความคิดและบริการของเวอร์เชชันไลเซชันและเว็บเซอร์วิช โดยผู้ใช้งานนั้นไม่จำเป็นต้องมี
ความรใู้ นเชงิ เทคนิคสำหรับตวั พน้ื ฐานการทำงานน้ัน
สถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติของสหรัฐอเมริกาให้คำจำกัดความ "Cloud" ว่า
เป็นอุปลักษณ์ จากคำในภาษาอังกฤษที่แปลว่า กลุ่มเมฆ กล่าวถึงอินเทอร์เน็ตโดยรวม ในรูปของ
โครงสรา้ งพื้นฐาน (เหมือนระบบไฟฟา้ ประปา) ท่ีพรอ้ มให้บรกิ ารกับผูใ้ ช้งานเมอื่ มีความตอ้ งการใช้
ผู้ให้บริการการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆส่วนใหญ่ จะให้บริการในลักษณะของเว็บแอปพลิเคชัน
โดยใหผ้ ู้ใชท้ ำงานผ่านเว็บเบราว์เซอร์ ขณะเดยี วกันซอฟต์แวร์และขอ้ มูลทงั้ หมดจะถูกเกบ็ ไว้บนแม่
ข่ายของผ้ใู ห้บรกิ าร
การประมวลผลแบบคลาวด์ ถูกอธิบายถึงโมเดลรูปแบบใหม่ของเทคโนโลยีสารสนเทศใน
การใช้งานบนอินเทอร์เน็ตท่ีเน้นการขยายตวั ได้อย่างยดื หยุ่น สามารถที่จะปรบั ขนาดได้ตามความ
ต้องการของผู้ใช้และมีการจัดสรรทรัพยากร โดยเน้นการทำงานระยะไกลอย่างง่าย ที่ใช้
อินเทอรเ์ น็ตเปน็ โครงสร้างพื้นฐาน
ตัวอย่างของการประมวลผลแบบคลาวด์ ได้แก่ ยูทูบ (YouTube) โดยที่ผู้ใช้สามารถเก็บ
วิดโี อออนไลนไ์ ด้ โดยไมต่ อ้ งมีความร้ใู นการสร้างระบบวิดีโอออนไลน์ หรอื ในระบบเครือข่ายสังคม
ออนไลน์ต่าง ๆ เป็นต้น
10
สรุปได้ว่าการประมวลผลแบบคลาวด์ คือ การใช้บริการหรือเช่าใช้ระบบ
คอมพิวเตอรห์ รอื ทรพั ยากรด้านคอมพิวเตอรข์ องผูใ้ ห้บริการนำมาใชใ้ นการทำงาน
ทำให้ไม่ต้องลงทุนซื้อฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์รวมถึงการวางระบบเครือข่าย ทั้ง
ระบบที่มีต้นทุนที่มาก ทำให้ลดความรับผิดชอบในการดูแลระบบ เนื่องจากผู้
ให้บริการจะทำหน้าที่ดูแลให้ไม่ต้องกังวลในตอนอัพเกรดระบบยังทำได้ง่ายกว่า
ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงระบบข้อมูลต่าง ๆ ผ่านทางอินเทอร์เน็ต สามารถจัดการ
บริหารทรัพยากรของระบบ ผ่านเครือข่าย และมีการแบ่งใช้ทรัพยากรร่วมกัน
และการจ่ายเงินเพื่อเช่าระบบ สามารถจ่ายตามความต้องการของผู้ใช้บริการ ใช้
เทา่ ไหร่ จา่ ยตามทไ่ี ดใ้ ช้เท่านนั้ ถา้ มคี วามประสงค์
มีความต้องการใช้เพิ่มขึ้นก็สามารถซื้อเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มศักยภาพของระบบการ
ประมวลผลแบบคลาวด์ได้โดยที่ไม่ต้องอัพเกรดระบบและเครื่องคอมพิวเตอร์จึง
เปน็ เหตุผลที่สำคัญท่ีธุรกจิ ขนาดเล็กและขนาดกลาง รวมไปถงึ สถาบนั การศึกษาจึง
นิยมใช้การประมวลผลแบบคลาวด์ ทำให้ช่วยลดตันทุนและลดความยุ่งยากต่าง ๆ
มากจะมีลักษณะคล้ายกับเป็นการจ้างบริการจากภายนอก เพื่อที่จะให้บริษัท
หน่วยงาน หรือองค์กรให้ความสนใจกับภารกิจงานหลักของตนเอง นอกจากน้ี
ผู้ใช้บริการยังสามารถเข้าถึงข้อมูลบนคลาวด์จากที่ไหนก็ได้ ซึ่งเป็นความอำนวย
ความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการเป็นอย่างมาก5.1 ประเภทของการประมวลผลแบบ
คลาวด์ (Cloud Computing) สามารถแบง่ ออกได้เปน็
11
5.1 ประเภทของการประมวลผลแบบคลาวด์ (Cloud Computing) สามารถแบ่งออกไดเ้ ปน็
3 ประเภท ไดแ้ ก่ Private Cloud, Public Cloud และ Hybrid Cloud โดยมีรายละเอยี ดดงั นี้
5.1.1 คลาวด์ส่วนตัว (Private Cloud) คือ การประมวลผลแบบคลาวด์ (Cloud Computing)ที่
เป็นส่วนตัว ในแต่ละบริษัทหรือองค์กรจะลงทุนจัดตั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ใช้เป็น พื้นฐานในการ
ทำศูนย์ข้อมูลกลางบนคลาวด์ขึ้นมาเป็นของตนเอง เพื่อให้พนักงานในองค์กรใช้เท่านั้น ซึ่งจะมีข้อดี
ข้อมูลปลอดภัยเพราะจัดเก็บอยู่ภายในศูนย์ข้อมูลกลางของตนเอง ข้อเสียก็คือไม่สามารถเพิ่มหรือลด
ขนาดของทรพั ยากรแบบกะทันหนั เมอ่ื เกดิ การเพิม่ มากขึ้นในชว่ งท่ีมกี ารใชง้ านมาก ๆ ได้เหมือนกบั คลา
วด์สาธารณะ (Public Cloud) และมีต้นทุนค่ใช้จ่ายสูงเพราะต้องลงทุนซื้อฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดูแลระบบเองทงั้ หมด
5.1.2 คลาวดส์ าธารณะ (Public Cloud) คอื การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆทส่ี รา้ งขนึ้ เพ่ือให้ทุกคน
สามารถใช้งานได้ โดยจะมีผูใ้ ห้บริการระบบคลาวด์เปน็ คนตั้งระบบฮาร์ดแวร์และซอฟตแ์ วร์ขึ้นมา แล้ว
ให้บริษัทหรือองค์กรเข้าไปเช่าใช้บริการ โดยมีการจ่ายค่าบริการเป็นรายเดือนหรือรายปี ข้อดีคือ
ประหยดั คา่ ใชจ้ ่ายไดม้ ากกว่า เพราะไมต่ อ้ งลงทนุ ตั้งศนู ยข์ ้อมลู กลางเป็นของตนเอง ข้อเสียกค็ อื อาจจะมี
ปัญหาด้านการตรวจสอบด้านนโยบายสารสนเทศในบางบริษัท เพราะบางบริษัทห้ามเก็บข้อมูลไว้นอก
องค์กร เป็นตน้
5.1.3 คลาวด์แบบผสม (Hybrid Cloud) คือ เป็นการเอาข้อดีของคลาวด์ส่วนตัวและคลาวด์สาธ
ธารณะมารวมกัน เช่น การนำคลาวด์ส่วนตัวมาใช้สำหรับเก็บข้อมูลภายในองค์กร และนำคลาวด์สา
ธารณะมาใช้เพื่อการเพิ่มหรือลดขนาดของทรัพยากรแบบกะทันหันในการประมวลผลในช่วงที่เกิดการ
เพิ่มมากขนึ้ ในช่วงที่มีการใชง้ านมาก ๆ เป็นต้น ขอ้ ดีคือ เพิ่มความยืดหยุ่นในการ
12
จัดการได้มากขึ้นและจุดข้อเสียของทั้ง 2 รูปแบบนั้นได้ ข้อเสียของคลาวด์แบบผสมคือ มีความยุ่งยากเพราะ
รายละเอียดของคลาวด์ทั้งสองแบบนั้นต่างกันมาก ต้องมีผู้เชี่ยวชาญปรับแต่งระบบให้ทำงานร่วมกัน และ
ทดสอบบอ่ ย ๆ เพอื่ ใหเ้ กิดความเสถยี ร
5.2 การบริการบนระบบการประมวลผลแบบคลาวด์ (Cloud Computing) สามารถแบ่งรูปแบบของชั้น
ได้แก่ การใหบ้ รกิ ารซอฟต์แวร์ หรือ Software as a Service (SaaS) การให้บรกิ ารแพตฟอร์มหรอื Plat form
as a Service (PaaS) การให้บริการโครงสรา้ งพื้นฐาน หรือ Infrastructure as a Service) ซึ่งเป็นการบริการ
หลกั และยังมบี ริการระบบจดั เกบ็ ขอ้ มลู หรือ data Storage as (dSaaS) บริการรว่ มรวมลำดับความเชื่อมโยง
หรือ Composite Service (CaaS) แสดงไดด้ ังภาพที่ 2.2
ภาพท่ี 2.2 แสดงการบรหิ าร Cloud Service Model
ทม่ี า: https://blog.openlandscape.cloud/what-is-cloud-computing
13
การให้บรกิ ารซอฟต์แวร์ หรอื Software as a Service (SaaS) เป็นการใหบ้ รกิ ารการป
แอปพลิเคชันทีแ่ ม่ข่ายของผู้ให้บริการหรือเช่าใช้ซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันผ่านอินเทอรเ์ น็ตโดย
การประมวลผลบนระบบของผู้ให้บริการ ผู้ให้บริการจะเป็นผู้ดูแสโครงสร้างพื้นฐาน
(Infrastructure)และสร้างแอปพลิคชันให้แก่ผู้ใช้บริการ ข้อดีคือไม่ต้องลงทุนในการสร้างระบบ
คอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวรแ์ ละซอฟต์แวร์ ในการใช้งานซอฟต์แวรจ์ ะถูกเรยี กใช้งานผา่ นคลาวค์จากท่ี
ใด ๆ ก็ได้ ตวั อยา่ งได้แก่ Google Docs หรอื Google Apps ทมี่ าในรปู แบบการใช้ซอฟต์แวร์ผ่าน
เว็บเบราว์เซอร์ โดยไม่ต้องทำการติดตั้งซอฟต์แวร์ลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ ผู้ใช้สามารถเรียกใช้
แอปพลเิ คชนั ตา่ ง ๆ ผ่านทางเว็บได้ เปน็ ต้นแสดงดงั ภาพที่ 2.3
ภาพทที่ 2.3 การใหบ้ รกิ ารซอฟต์แวร์
ทม่ี า:https://esla.facebook.com/shobproth/posts/pfbid02cWkr39eqFTf4XshF4CxwQ6PfFJRhCq8EbbiF
kNdeEyKuSUZh8J9i9jvnk8wHSpxXl?__tn__=-R
14
การให้บริการแพลตฟอร์ม หรือ Platform as a Service (PaaS) เป็นการประมวลผล ซึ่งมี
ระบบปฏิบัติการและการสนับสนุนเว็บแอปพลิเคชันเข้ามาร่วมด้วย ที่เป็นการให้บริการด้าน
แพลตฟอร์มสำหรับผู้ใช้งาน นักพัฒนาระบบ หรือ Developer ที่ทำงานด้านชอฟต์แวร์และแอป
พลิเคชัน โดยผู้ให้บริการ Cloud จะจัดเตรียมสิ่งที่จำเป็นต้องใช้ในการพัฒนาชอฟต์แวร์และแอป
พลิเคชันไว้ให้ท้งั ในด้านฮาร์ดแวรช์ อฟต์แวร์ หรอื ชุดคำสงั่ เพือ่ ให้ผูใ้ ช้งานสามารถตอ่ ยอดทางธุรกิจ
ดิจิทัลต่อไปได้ ข้อดีทำให้สามารถช่วยลดต้นทุนและเวลาที่ใช้ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ ตัวอย่าง
ได้แก่ Google App Engine และ Microsoft Azure ที่มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และสามารถ
นำมาพัฒนาแอปพลิเคชันทใ่ี ห้บริการคนจำนวนมากมายได้ แสดงได้ดังภาพที่ 2.4
Enable single sign-on Build mission-critical Connect your on-prem
and multifactor apps with a fully sites and workers at scale
identification
managed database with VPN
Azure Active Directory
(Azure AD) Azure SQL Database Azure VPN Gateway
Add cognitive Auto-scale, auto-patch Build and scale apps with
capabilities to apps with and auto-balance apps managed Kubernetes
APIS Azure App Service Azure Kubernetes Service
Azure Cognitive Services
ภาพท่ี 2.4 Azure products and services
15
การให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน หรือ Infrastructure as a Service (Iaa5) เป็นการ
ให้บริการครอบคลุมเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานทางด้านไอทีซึ่งได้แก่ ระบบเครือข่าย (Network)
ระบบจัดเก็บข้อมูล (Database) ระบบประมวลผล (CPU) ไปจนถึงอุปกรณ์พื้นฐาน เช่น ด้านแม่
ข่ายและระบบปฏิบัติในรูปแบบระบบเสมือน (Virtualization) โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนซื้อ
Hardware ที่มีราคาสูง ยังมีประโยชน์ในการประมวลผลทรัพยากรจำนวนมาก ข้อดีไม่ต้องจัดหา
ลงทนุ ซ้อื เอง สามารถขยายไดต้ ามการเดิบโตของกจิ การ และมีความยืดหยุ่นสงู ลดความยุ่งยากใน
การดูแลระบบและพัฒนาระบบ ตัวอย่างของคลาวด์ระเภทนี้เช่น บริการ Cloud storage ต่าง ๆ
เช่น Google Drive หรือ Microsoft OneDriนอกเหนือจากนี้มีบริการให้เช่ากำลังประมวลผล,
บริการให้เช่าแม่ข่ายเสมือน เพื่อใช้ลงและรันแอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่ผู้ใช้งานต้องการเช่น
OpenLandscape Cloud, Amazon Web Services เป็นต้นใน Amazon Web Services จะมี
ผลิตภัณฑ์ให้บริการด้านต่าง ๆ เช่น Analytic, ApplicationIntegration, AR&VR, AWS Cost
Management, Blockchain แสดงได้ดงั ภาพท่ี 2.5
ภาพท่ี 2.5 Amazon products and services
ท่มี า: Amazon (2020)
16
บริการระบบจัดเก็บขอ้ มลู หรือ data Storage as a Service (dSaaS) เป็นระบบการจดั เกบ็
ข้อมลู ทมี่ ีขนาดใหญไ่ ม่จำกดั รองรับการสบื ค้นและการจัดการข้อมลู ขัน้ สูง
บรกิ ารร่วมรวมลำดับความเชือ่ มโยง หรอื Composite Service (CaaS) คอื สว่ นทำหน้าท่ี
รวมโปรแกรมประยุกต์ หรือจัดลำดบั การเช่อื มโยงแบบ workflow ข้ามเครอื ข่าย รวมถงึ การ
จัดการด้านความปลอดภัย
การประมวลผลแบบคลาวด์ (Cloud Computing) เป็นสิ่งที่ใกล้ตัวเรา สามารถนำมา
ประยุกต์ใช้ได้กับธุรกิจทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กในยุคธุรกิจดิจิทัลให้ดำเนินไปอย่างมี
ประสิทธิภาพ ช่วยสามารถเพิ่มศักยภาพทั้งในด้านของความรวดเร็ว ความยืดหยุ่น และความ
ปลอดภยั ชว่ ยลดต้นทนุ และประหยดั คา่ ใช้จา่ ย
6. ข้อมลู เกนิ นับ (Big Data)
ความหมายของคำว่า "ข้อมูลเกินนับ (Big Data)" จากองค์ความรู้ ภาษา-วัฒนธรรม โดย
สำนักงานราชบัณฑิตยสภา หมายถึง ข้อมูลตัวเลข ข้อความ รูปภาพ วีดิทัศน์ สื่อประสม ใน
รูปแบบดิจิทัล ที่สร้างหรือผลิตขึ้นตลอดเวลา เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บ เผยแพร่ แลกเปลี่ยน
ผ่านเครือข่ายสารสนเทศโดยบุคคล องค์การของรัฐและเอกชน ข้อมูลเหล่านั้นเมื่อรวมกันเข้ามี
ปริมาณมากครอบคลุมเรื่องหลากหลาย และมีความชับซ้อน ไม่อาจประมวลผลด้วยระบบ
คอมพิวเตอร์ที่มีอยู่ทั่วไปได้ ต้องใช้โปรแกรมประมวลผลที่จัดทำเฉพาะ มาวิเคราะห์ จัดหมวดหมู่
และจัดการ เพือ่ นำผลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ตามประสงค์
ข้อมูลเกินนับ (Big Data) ได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากเทคโนโลยีต่าง
ๆท่ีสนบั สนุนการเกบ็ ข้อมูล การใชง้ านของข้อมูล และการประมวลผล เพ่งิ เกดิ ขนึ้ ได้ไม่นาน และมี
ความสำคัญในการทำธุรกิจ เนื่องจาก Big Data เป็นการใช้ข้อมูลมาเป็นแหล่งวัตถุดิบในการ
วิเคราะห์หาแนวทางการแก้ปัญหาเชิงลึก ในแต่ละองค์กรจะมีผลลัพธ์และแนวทางต่าง ๆ ที่ไม่ซ้ำ
กบั ทไ่ี หน เพราะจะมีการใชโ้ มเดลทเ่ี ฉพาะเจาะจงในแต่ละทเ่ี ทา่ นัน้
17
6.1 คณุ ลักษณะของข้อมลู เกนิ นบั (Big Data) ซ่งึ ประกอบไปดว้ ยขนาดของข้อมลู (Volume)
ความเร็ว (Velocity) ความหลากหลาย (Variety) ความถูกต้อง (Veracity) คุณค่า (Value) และ
ความแปรผนั ได้ (Variability) แสดงได้ดังภาพท่ี 2.6
ภาพที่ 2.6 คุณลักษณะของข้อมูลเกินนับ (Big Data)
ท่ีมา: https://ict.dip.go.th/th/category/2020-07-01-15-38-40/2020-07-01-16-09-27
ขนาดของข้อมูล (Volume) คือข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถเป็นได้ทั้งรูปแบบออนไลน์และ
ออฟไลน์ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องใช้โปรแกรมอื่นมาจัดการ นอกจากนี้ข้อมูลที่ว่าเป็นข้อมูลเกิน
นับย่อมสามารถขยายตัวต่อไปได้ ไม่หยุดอยู่กับที่ ทำให้ในการจัดการจัดเก็บข้อมูลไม่สามารถใช้
วิธกี ารจัดการแบบปกตไิ ด้ ซ่งึ สว่ นมากแลว้ จะมีขนาดของขอ้ มูลมากกว่าหนว่ ย TB (Terabyte) ข้ึน
ไป
18
ความเร็ว (Velocity) ส่งผ่านข้อมูลกันอย่างต่อเนื่อง (Real-time) จนทำให้การวิเคราะห์
ง่าย ๆแบบการลงมือทำให้เกิดข้อจำกัด หรือไม่สามารถจับรูปแบบหรือทิศทางของข้อมูลได้
ตัวอย่างในการซื้อขายหุ้น การทำ Faut Detection ในระบบการธนาคาร หรือแม้กระทั่งการจอง
แท็กซีใ่ น Grab Taxiซึ่งจะต้องทำการดึงข้อมูลเป็นจำนวนมากจากหลากหลายแหล่งข้อมูลดว้ ยกัน
และจะต้องมีการกระทำย่างต่อเนื่องแบบ Real-Time จึงทำให้ต้องมีการวางการไหลของกระแส
งาน (Workflow) เพราะหากเกิดความผดิ พลาดท่ใี ด ตอ้ งมีการแกไ้ ขไดโ้ ดยเรว็
ความหลากหลาย (Variety) หมายถึงรูปแบบของข้อมูลที่แตกต่างกันออกไป ทั้งใน
รูปแบบตวั อักษร วิดีโอ รูปภาพ ไฟลต์ ่าง ๆ ฯลฯ และหลากหลายแหล่งท่มี า เช่น Social Network
ต่าง ๆดังนั้นการจะใช้ข้อมูลต้องผ่านการวิเคราะห์ข้อมูล และสร้างความสัมพันธ์ของตัวแปร และ
แหลง่ ทม่ี าของขอ้ มูล เพื่อให้สามารถประมวลผลไดใ้ นเวลาท่รี วดเร็วตอ่ ไป
ความถูกต้อง (Veracity) หมายถึง มีความน่าเชื่อถือของแหล่งที่มาข้อมูลและความ
ถูกต้องของชุดข้อมลู มีกระบวนการในการตรวจสอบและยืนยันความถกู ต้องของข้อมูล ซึ่งมีความ
เกย่ี วเน่ืองโดยตรงกับผลลพั ธ์การวิเคราะห์ขอ้ มลู ตวั อย่างเช่น กรงุ เทพมหานครสามารถเขียนได้ว่า
กทม. หรือสามารถเขียนเป็น กรุงเทพ หรือ กรุงเทพฯ ก็ได้ โดยในทางปฏิบัติจะเข้าใจได้ว่าเป็น
จังหวัดเดียวกัน แต่หากอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์จะไม่สามารถแยกได้ว่าเป็นจังหวัดเดียวกัน เป็น
ตน้
คุณค่า (Value) หมายถึง ข้อมูลมีประโยชน์และมีความสัมพันธ์ในเชิงธุรกิจ และไม่ใช่ทุก
ข้อมูลจะมีประโยชน์ในการเก็บและวิเคราะห์ ข้อมูลที่มีประโยชน์จะต้องเกี่ยวขอ้ งกับวัตถุประสงค์
ทางธรุ กจิ เชน่ ถา้ ต้องการเพ่มิ ขีดความสามารถในการแซง่ ขนั ในตลาดของผลิตภัณฑท์ ขี่ าย ข้อมูลท่ีมี
ประโยชนท์ ่ีสดุ นา่ จะเปน็ ขอ้ มลู ผลติ ภณั ฑข์ องคแู่ ขง่ เป็นต้น
ความแปรผันได้ (Variability) หมายถงึ ขอ้ มูลสามารถเปลย่ี นแปลงรปู แบบไปตามการใช้
งานหรือสามารถคิดวิเคราะห์ได้จากหลายแง่มุม และรูปแบบในการจัดเก็บข้อมูลก็อาจจะต่างกัน
ออกไปในแตล่ ะแหลง่ ของข้อมลู
19
คุณลักษณะที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเหตุที่ทำให้การจัดการข้อมูลเกินนับมีความชับซ้อนและยากแต่ก็
เป็นโอกาสใหอ้ งค์กรสร้างความได้เปรียบเหนอื คูแ่ ชง่ ด้วยการพัฒนาขีดความสามารถในการวิเคราะหข์ ้อมลู
และข้อมูลเกนิ นับช่วยให้สามารถใช้ข้อมูลจากทุกแหล่งที่เป็นไปได้ และวิเคราะห์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่องคก์ ร
ต้องการ เข้าใจผู้บริโภคได้มากขึ้น ลดต้นทุนได้ ลดระยะเวลาดำเนินการ และสามารถตัดสินใจได้อย่าง
แม่นยำมากขน้ึ ปจั จุบันหลายบรษิ ทั ได้นำขอ้ มูลเกินนับมาประยกุ ต์ใช้ในส่วนของการขายและการตลาดของ
ธุรกิจ เครื่องมือทีใ่ ชส้ ำหรับการรองรับข้อมูลเกิน เช่น Google Analytics หรือระบบ ERP เป็นต้น
จากบทความ How Companies Say They're Using Big Data ของ แรนดี บีน (Randy Bean)
ซึ่งตีพิมพ์ในนิตยสาร Harvard Business Review เมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 2017 กล่าวถึงผลสำรวจความ
คดิ เห็นผู้บริหารของบริษทั ที่มีรายได้จากการประกอบการสงู สุดในสหรฐั อเมรกิ า 1,000 บรษิ ทั แรก
จัดโดยนิตยสารฟอรจ์ นู (Fortune) แสดงไดด้ ังภาพที่ 2.7
ภาพที่ 2.7 แสดงให้เห็นถงึ การให้ข้อมลู เกนิ นับเพอื่ ลดคา่ ใช้จา่ ยขององคก์ ร
ท่มี า: ธนพงศ์พรรณ ธัญญรตั ตกุล (2563)
20
จากภาพที่ 2.7 ข้างต้นแสดงให้เห็นถึงการใชข้ ้อมูลเกินนบั เพื่อลดค่าใช้จา่ ยขององคก์ ร โดย
วัดจากจำนวนโครงการทด่ี ำเนนิ การอยู่ ซง่ึ ผบู้ รหิ ารสว่ นใหญต่ ่างมีความคิดเห็นว่า การมีฐานข้อมูล
เกินนับ สามารถลดค่าใช้จ่ายภายในองค์กรได้ บริษทั ต่าง ๆ จงึ พยายามเปล่ียนแปลงวิธีการดำเนิน
ธุรกิจ โดยใชป้ ระโยชนจ์ าก Big Data เพอื่ ปรับปรุงประสิทธิภาพต้านการทำงาน การตัดสนิ ใจ การ
คดิ คน้ และเปดิ ตัวผลิตภณั ฑ์ใหม่ ๆ การเทียบรายไดห้ รอื แม้แต่การพัฒนากลยทุ ธ์ธุรกิจ ฯลฯ
6.2 หลกั การและการวางกลยุทธ์ของข้อมูลเกนิ นบั จะมี 3 คำที่เก่ยี วข้องกัน คือ ขอ้ มูล (Data)
สารสนเทศ (Information) และการวิเคราะห์ (Analytics) ซงึ่ มคี วามสัมพันธ์ในหลักการและการ
วางกลยทุ ธข์ องขอ้ มลู เกนิ นบั แสดงไดด้ ังภาพท่ี 2.8
หลกั การและการวางกลยุทธข์ อง Big Data
ภาพที่ 2.8 แสดงความสัมพนั ธใ์ นหลักการและการวางกลยทุ ธ์ของ Big Data
ที่มาะ ธนพงศ์พรรณ ธญั ญรตั ตกุล (2563)
21
ขอ้ มลู (Data) คือ ขอ้ มลู ข้อเท็จจริงเกี่ยวกบั สิ่งใดส่ิงหน่งึ เช่น คน สง่ิ ของ หรือในรูปแบบของคำ
ภาษา ตัวเลข ภาพ ตัวอักษร สัญลักษณ์ต่าง ๆ แต่ยังไม่มีการประมวลหรือดำเนินการแปลความหมาย
ของ Data ทเ่ี กิดข้นึ เพือ่ นำไปใช้ประโยชน์
สนเทศ (Information) คือ สารสนเทศ ที่มีลักษณะเป็นข้อมูลที่ผ่านการคำนวณ วิเคราะห์ และ
แปลความหมาย จดั ทำเปน็ รายงานทส่ี ามารถนำไปใชป้ ระโยชนต์ ่อได้
การวิเคราะห์ (Analytics) คือ การนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อก่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึก (Insights)
และเป็นประโยชนต์ ่อการสร้างมลู ค่า (Value) ใหก้ บั ธุรกจิ ได้
ด้วยคุณลักษณะของข้อมูลเกินนับ เกิดเป็นความท้าทายของธุรกิจในยุคดิจิทัล ที่จะต้องมี
ทักษะและเครื่องมือในการบริหารจัดการ รวบรวม ประมวลผล คำนวณ และวิเคราะห์ข้อมูล
(Data) ให้เปน็ สารสนเทศ (Information) และนำมาวิเคราะห์ (Analytics) เพอ่ื ใหเ้ กิดขอ้ มูลในเชิง
ลึก (Insights) ท่สี ามารถสร้างมูลคา่ (Value) ให้กับธุรกิจได้
22
6.3 การเปลี่ยนข้อมูลเป็นสินทรัพย์ชิงกลยุทธ์ของธุรกิจ เป็นความท้าทายสำหรับผู้บริหารหรือ
เจ้าของธุรกิจในเรื่องของขอ้ มูลเกนิ นบั ก็คือการเปลี่ยนข้อมูลเป็นสนิ ทรพั ยเ์ ชงิ กลยุทธ์ของธุรกิจ ก็
คือผู้บริหารหรือเจ้าของธุรกิจจะต้องระบุความต้องการให้ใด้ว่า ต้องการสร้างคุณค่าอะไรต่อธุรกิจ
จากข้อมลู ทีเ่ กดิ ขนึ้ โดยขอ้ มลู ของธุรกิจแบง่ เปน็ 3 ประเภทหลักๆ ไดแ้ ก่
ข้อมูลประเภทกระบวนการของธุรกจิ เช่น การผลิต สินคา้ คงคลงั หว่ งโซ่อปุ ทาน
การจัดซื้อ การขาย ซึ่งข้อมูลประเภทนี้ ธุรกิจมักจะบริหารจัดการกระบวนการต่าง ๆ ได้อย่าง
เหมาะสมเกิดประสทิ ธภิ าพ ลดความเสยี่ ง เปน็ ตัน
ข้อมูลของสินค้าและบริการทเ่ี กดิ การนำเสนอคุณค่าของธรุ กจิ ตอ่ ลกู ค้า
ท่ีทำในธุรกิจสามารถปรับปรงุ และพฒั นาสนิ ค้าและบริการใหม้ ีการนำเสนอคุณค่ามากขนึ้
ข้อมลู ของลกู ค้า ทั้งข้อมูลและประวัติของลูกค้า การซื้อ การใช้งาน พฤติกรรม
ตา่ ง ๆการปฏิสัมพันธ์กบั แบรนด์ทัง้ บนออนไลนแ์ ละออฟไลน์ เพราะขอ้ มูลจะช่วยให้เขา้ ใจและรู้จัก
ผู้บริโภคได้ดีขึ้น เพื่อที่จะนำเสนอข้อมูลต่าง ! ที่ตรงกับความต้องการ และมีข้อมูลต่อลูกค้าแต่ละ
รายได้มากขึ้น
ในเรอ่ื งของข้อมลู เกินนับควรจะระบุความตอ้ งการเพ่ือสร้างคุณค่าใหก้ ับธุรกิจน้ัน ควรจะ
กำหนดกรอบความต้องการตามประเภทของข้อมูล เพือ่ จะได้กำหนดโจทย์ วัตถุประสงค์ หรือดชั นี
ช้ีวัดผลงานหรอื ความสำเร็จของงาน (Key Performance Indicator: KP) ในการวดั ผลจากการทำ
ข้อมูลเกินนบั ในแตล่ ะครัง้ จะนำมาสผู่ ลลัพธแ์ ละความสำเรจ็ ของธุรกจิ ตอ่ ไป
23
6.4 การสร้างคุณค่าให้ธุรกิจด้วยการทำยุทธศาสตร์ข้อมูล (Data Strategy) ขององค์กร
โดยการเริ่มต้นตั้งแต่การเก็บรวบรวมข้อมูลจากแหล่งใดบ้าง เช่น การเก็บข้อมูลจากแหล่งภายใน
บริษัทจากฝ่ายต่าง ๆ หรือเอกสาร เป็นต้น และจากภายนอกองค์กร เช่น อินเทอร์เน็ต สื่อสังคม
ออนไลน์ เป็นต้นต่อจากนั้นก็ทำการวิเคราะห์ข้อมูล โดยนำข้อมูลที่รวบรวมมาได้มาทำการ
วิเคราะห์ด้วยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ในการวิเคราะห์ข้อมูลแบ่งเป็น 4 ประเภทตามความ
ซับซ้อนและคณุ ค่าของข้อมลู ท่ีเกดิ ขน้ึ แสดงได้ดังภาพท่ี 2.9
การสร้างคุณคา่ ใหธ้ รุ กิจดว้ ยการทำยทุ ธศาสตร์ (Data Strategy) ขององค์กร
ภาพที่ 2.9 การสร้างคุณค่าใหธ้ รุ กิจด้วยการทำยทุ ธศาสตรข์ อ้ มลู (Data Strategy) ขององคก์ ร
ทมี่ า: ธนพงศพ์ รรณ ธญั ญรัตตกุล (2563)
24
Descriptive Analytics เปน็ การวิเคราะห์เบื้องต้นทีส่ ดุ เนน้ การอธิบายว่าเกิดอะไร
1
ข้ึนกบั ธรุ กิจ
Diagnostic Analytics คือ การหาคำตอบวา่ ทำไมหรอื สาเหตุ ปัจจยั อะไรที่ทำใหเ้ กิด
2
เหตกุ ารณน์ ี้ขึน้ และแตล่ ะเหตุการณเ์ กิดขน้ึ จากการวเิ คราะหใ์ นข้นั ตอน Descriptive
Analytics
Predictive Analytics เปน็ การ "พยากรณ์หรอื ทำนาย" สิ่งที่กำลังจะเกดิ ข้ึนโดยใช้
3 ขอ้ มลู จากส่ิงทเ่ี กดิ ขึ้นในอดตี เข้ามาวเิ คราะห์เทคนิคและเคร่อื งมือในการทำขอ้ มูลเกินนบั
และการวเิ คราะห์ตา่ ง ๆ จะช่วยให้ธุรกจิ สามารถวิเคราะห์โอกาสและความเส่ียงที่จะ
เกิดขึ้น ในอนาคตได้
Prescriptive Analytics เปน็ การวเิ คราะหข์ อ้ มลู ท่มี คี วามชับซ้อนและเกิดคุณคา่ ให้กับ
4 ธุรกจิ ในทส่ี ุด เพราะสามารถแนะนำทางเลอื กตา่ ง ๆ พรอ้ มทงั้ ขอ้ ดีและข้อเสยี ของแตล่ ะ
ทางเลือกได้
6.5 Big Data และการทำ Digital Transformation สำหรับธุรกิจ เมื่อมีผู้สนใจเข้าไปดู
สินค้าในเว็บไซต์ของ Amazon จะเห็นได้ว่ามีคำแนะนำต่าง ๆ ที่ช่วยให้ผู้ซื้อพิจารณาในการ
ตัดสินใจซื้อสินค้าและยังมีคำวิจารณ์จากลูกค้าด้วย และนำข้อมูลนั้นมาช่วยจัดลำดับสินค้า มีการ
เปรียบเทยี บตัวสนิ ค้าในลกั ษณะสินคา้ ทใี่ กล้เคยี งกนั แสดงไดด้ งั ภาพท่ี 210 และภาพท่ี 2.11
Amazon เริ่มด้วยวัตถุประสงค์ทางธุรกิจก่อนที่จะลงทุนด้านเทคโนโลยี แล้วจึงนำ
เทคโนโลยีข้อมูลต่าง ๆ เข้ามาใช้งาน โดยพิจารณาว่าเทคโนโลยีใดที่จะช่วยให้บรรลุวัตถุประสงค์
ได้ หลงั จากนน้ั คอ่ ยเริ่มลงทุนในเทคโนโลยนี นั้ ๆ
25
องค์กรใด ๆ ก็ตามจะมีลักษณะที่มีกรอบแนวทางในการปรับองค์กรให้เข้าสู่ขับเคลื่อน
องคก์ รด้วยข้อมูลทีเ่ หมอื นกันกค็ อื
1 การกำหนดวัตถุประสงค์เพื่อตอบโจทย์ทางดา้ นธรุ กิจกอ่ น
2 สนบั สนนุ สภาพแวดลอ้ ม
3 สรา้ งวฒั นธรรม
4 การสนิ ใจดว้ ยขอ้ มลู อยา่ งเป็นระบบ
5 ลดข้อจำกดั ในการใชข้ ้อมูล
6 มีตัวชว้ี ดั ในการใชข้ ้อมูล
7 มรี ะบบการกำกบั ดูแลข้อมูลที่ชดั เจน
ภาพที่ 2.10 สนิ คา้ ใน amazon.com ภาพที่ 2.11 การเปรียบเทียบสนิ คา้ จากแหลง่ อนื่ ๆ
ท่ีมา: Amazon.com (2020) ทม่ี า: Amazon.com (2020)
26
7. อนิ เทอร์เนต็ ของสรรพสิง่ (Internet of Thing)
หมายถึง เครือข่ายของวัตถุ อุปกรณ์ พาหนะ สิ่งปลูกสร้าง และสิ่งของอื่น ๆ ที่มีวงจร
อิเล็กทรอนกิ สซ์ อฟตแ์ วร์ เซ็นเชอร์ และการเชอ่ื มต่อกบั เครอื ข่าย ฝังตัวอยู่ และทำให้วัตถุเหล่าน้ัน
สามารถเก็บบันทึกและแลกเปลี่ยนข้อมูลได้ อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่งทำให้วัตถุสามารถรับ รู้
สภาพแวดลอ้ มและถูกควบคุมได้จากระยะไกลผ่านโครงสร้างพนื้ ฐานเครือข่ายท่มี อี ยแู่ ล้ว ทำให้เรา
สามารถผสานโลกกายภาพกบั ระบบคอมพิวเตอรไ์ ด้แนบแน่นมากข้นึ ผลทตี่ ามมาคือประสิทธิภาพ
ความแม่นยำ และประโยชนท์ างเศรษฐกิจที่เพม่ิ มากขึน้ เม่อื อนิ เทอรเ์ น็ตของสรรพสง่ิ ถกู เสริมด้วย
ระบบตรวจจับ (Sensor) และตัวกระตุ้น(Actuator) ซึ่งสามารถเปลี่ยนลักษณะทางกลได้ตามการ
กระตุ้น ก็จะกลายเป็นระบบที่ถูกจัดประเภทโดยทั่วไปว่าระบบไชเบอร์-กายภาพ (Cyber-
Physical System) เช่น โครงขา่ ยไฟฟา้ อัจฉรยิ ะmart Grid) บา้ นอจั ฉรยิ ะ (Smart Home) ระบบ
ขนส่งอัจฉริยะ (Intelligent Transport) และเมืองอัจฉริยะ (Smart City) เป็นต้น วัตถุแต่ละชิ้น
สามารถถูกระบุได้โดยไม่ช้ำกันผ่านระบบคอมพิวเตอร์ฝังตัว และสามารถทำงานร่วมกันได้บน
โครงสรา้ งพนื้ ฐานอนิ เทอรเ์ นต็ ที่มีอย่แู ล้วในปจั จุบนั แสดงได้ดังภาพท่ี 2.12
ภาพที่ 2.12 อนิ เทอร์เนต็ ของสรรพสง่ิ (Internet of Thing)
ท่ีมา: Freepik (2020)
27
ท่ีมา: https://www.aerialcoms.com/iot-กบั ธรุ กิจ/
7.1 การจัดกลุ่มการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ เข้ากับโครงขา่ ยอินเทอร์เน็ต มีการจัดรูปแบบ
ในการใช้งานได้แก่ การเชื่อมต่อผ่านอุปกรณ์สื่อสารระยะสั้น ( Short-Range Devices) การ
เชื่อมต่อผ่านโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ การเชื่อมต่อผ่านโครงข่ายกำลังส่งต่ำบริเวณกว้าง (Low
Power Wide Area Network: LPWAN) และการเชื่อมต่อผ่านโครงข่ายสื่อสารดาวเทียม โดยมี
รายละเอยี ดดังน้ี
การเชื่อมต่อผ่านอุปกรณ์สื่อสารระยะสั้น (Short-Range Devices) เป็นรูปแบบการ
เชอ่ื มต่ออปุ กรณใ์ นระยะสนั้ มากโดยใชก้ ำลังส่งต่ำมาก เหมาะสำหรบั การส่ือสารในพื้นที่ครอบคลุม
ขนาดเล็ก ซึ่งอยู่ในลักษณะการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ (Peer-to-Peer) หรือการเชื่อมต่อแบบ
โครงข่ายก็ได้ ตัวอย่างของการเชื่อมต่อในลักษณะดังกล่าว เช่น ไวไฟ (WiFi) บลูทูธ (Bluetooth)
ชีเวฟ (Z-Wave) และชิกบี(ZigBee) เป็นตน้
28
การเชื่อมต่อผ่านโครงข่ายโทรศัพทเ์ คลื่อนที่ เป็นรูปแบบการให้บริการที่มีพื้นที่ครอบคลมุ
กวา้ งโดยอาศัยการเชอ่ื มต่ออปุ กรณ์เครื่องลูกข่ายอนิ เทอรเ์ น็ตของสรรพสิง่ เขา้ กับโครงสรา้ งพ้ืนฐาน
ของระบบโทรศพั ทเ์ คลื่อนท่ที ี่มีอยูแ่ ลว้ เช่น เทคโนโลยี NB-IoT และ LTE-M เปน็ ต้น
การเชื่อมต่อผ่านโครงข่ายกำลังส่งต่ำบริเวณกว้าง เป็นรูปแบบการเชื่อมต่อผ่านโครงข่าย
กำลังส่งต่ำบริเวณกว้าง โดยเน้นใช้งานในลักษณะการสื่อสารแบบช่องสัญญาณแคบ (Narrow
Band) หรือระบบวทิ ยุ
แบบแถบความถี่แคบ (Ultra-Narrow Band) ที่มีอัตราการส่งข้อมูลต่ำมาก ประหยัด
พลังงานมาก และมีราคาอุปกรณ์ต่อหน่วยที่ต่ำ ตัวอย่างของการเชื่อมต่อในลักษณะดังกล่าว เช่น
LoRaWAN SigFox, และ ingenu เปน็ ตน้
การเช่อื มตอ่ ผ่านโครงข่ายสื่อสารดาวเทยี ม ซ่งึ มีเหมาะสมกับการใช้งานท่มี ีพ้ืนท่ีครอบคลุม
การให้บริการที่กว้างมาก แต่การเชื่อมต่อดังกล่าวจะมีระยะเวลาการตอบสนอง (Latency) ที่ข้า
กว่าการเชื่อมต่อรูปแบบอื่น ๆ เนื่องจากระยะเวลาที่สัญญาณเดินทางไป-กลับระหว่างอุปกรณ์
ส่ือสารภาคพื้นโลกและดาวเทยี ม
7.2 ประโยชน์ของอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่งสำหรับธุรกิจ ขึ้นอยู่กับวิธีการใช้งาน สิ่งที่
สำคัญ คือสามารถเข้าถึงข้อมูลสินค้าและระบบภายในขององค์กรใหไ้ ดม้ ากข้นึ และเข้าถึงความสข
องตัวเองให้มากขึ้นเพือ่ สร้างความเปลีย่ นแปลงใหไ้ ด้ผลลัพธ์ที่ต้องการ ประโยชน์ของอินเทอร์เนต็
ของสรรพสิ่งสำหรับธรุ กิจ มดี ังน้ี
29
เพิ่มโอกาสทางธุรกิจอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง เป็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ และช่วยให้
1 หลายๆ บริษัทได้รับผลประโยชน์จากรายได้แบบใหม่และพัฒนารูปแบบธุรกิจให้ทันสมัย
นวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่งสร้างรากฐานธุรกิจที่แข็งแรง ลดเวลา
ในการทำการตลาด และเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน อินเทอร์เน็ตของสรรพส่ิงมี
ประสิทธิภาพในการเปลี่ยนวิธีที่ผู้บริโภคและธุรกิจจะเข้าถึงโลกโดยการใช้ประโยชน์จาก
อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง
เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพย์สินอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง จะพัฒนาการติดตาม
2 ทรัพย์สิน (เครื่องมือ เครื่องยนต์ อุปกรณ์ เป็นต้น โดยการใช้เซ็นเซอร์และการเชื่อมต่อซง่ึ
ช่วยให้องค์กรได้ผลประโยชน์จากข้อมูลตามเวลาจริง องค์กรสามารถรู้ถึงปัญหาใน
ทรพั ย์สินไดง้ า่ ยข้ึน และบำรุงรกั ษาเชิงป้องกนั เพ่ือพัฒนาประสิทธภิ าพในการใชท้ รพั ย์สิน
เพิ่มประสิทธิภาพในการนำจำนวนเครื่องมืออินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง ทำให้ธุรกิจ
3 อจั ฉริยะข้ึน ดว้ ยการใช้ข้อมูลตามเวลาจรงิ ในขณะทีล่ ดคำดำเนินการลง ขอ้ มูลที่ได้มาจาก
เครือข่ายขนส่ง พื้นที่โรงงาน และเครือข่ายผู้ผลิต จะช่วยลดสินค้าคงคลังเวลาในการทำ
การตลาด และการหยุดงานเพราะซอ่ มบำรงุ
เพม่ิ การผลติ หน่งึ ในเทรนด์สำคญั ชองธรุ กจิ ทกุ วนั นค้ี อื ระบบอัตโนมัติ จากสรา้ งธุรกจิ เองสู่
4 การรว่ มทนุ หลายธุรกจิ กำลังใช้ประโยชนจ์ ากส่งิ น้ซี ่งึ ช่วยประหยดั ทรัพยากรเพียงหนึ่งท่ีไม่
มีธุรกิจไหนนำกลับมาได้ นั่นก็คือเวลา การผลิตเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างกำไรของทุก
ๆ ธุรกิจ ดังนั้นหากเพิ่มระบบอัตโนมัติและช่วยให้ลูกจ้างประหยัดเวลาได้นั้นจะไม่เพียง
ช่วยเพิ่มผลผลิต แต่จะกระตุ้นการทำงานอีกด้วย อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่งให้การฝึก
ทันเวลาสำหรับลูกจ้าง พัฒนาประสิทธิภาพของแรงงาน และลดความสามารถที่ไม่
เกีย่ วขอ้ งในขณะทเ่ี พิ่มผลผลติ ขององคก์ ร
30
ลดค่าใช้จ่ายในการพัฒนาประสิทธิภาพในการใช้ทรัพย์สิน การผลิต และประสิทธิภาพ
5 ของกระบวนการสามารถประหยัดรายจ่าย เช่น การวิเคราะห์คาดเดาและวินิจฉัยแบบ
ฉับพลันช่วยลดคา่ ซ่อมบำรงุ
พัฒนาความปลอดภัยและความมั่นคง บริการ อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่งร่วมกับระบบ
6 ตรวจจับและกล้องวิดีโอช่วยสอดส่องที่ทำงานเพื่อความปลอดภัยของเครื่องมือ และ
ป้องกนั จากการถูกทำลาย การเชือ่ มตอ่ ของอินเทอร์เน็ตของสรรพส่ิงประสานงานกับหลาย
ทมี เพ่ือแกป้ ญั หาได้อย่างทันท่วงที
สรุป
โครงสร้างพื้นฐานธุรกิจดิจิทัลเป็นส่วนที่สำคัญในระบบธุรกิจดิจิทัล เป็นส่วนที่ช่วยส่งเสริมธุรกิจให้มีความ
เจริญก้าวหน้า มีความได้เปรียบในเชิงการแข่งขัน เป็นการนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลต่าง ๆมาประยุกต์เพื่อให้ก่อเกิด
ประโยชนม์ ีมูลค่าทางธรุ กิจและเชงิ เศรษฐกจิ เชน่ โครงสรา้ งพน้ื ฐานระบบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เคล่ือนท่ไี รส้ าย มิด
เดลิ แวรข์ องระบบอุปกรณ์อิเลก็ ทรอนิกส์เคลอ่ื นที่ไรส้ ายโครงสร้างพ้ืนฐานการเช่ือมตอ่ เครือข่ายเคลอ่ื นท่ีไร้สาย การ
ประมวลผลบนโทรศัพท์มือถือ (Mobile Computing ) กับการประมวลผลบนอุปกรณ์สวมใส่ ( Wearable
Computing ) การประมวลผลแบบคลาวด์ (Cloud Computing) ขอ้ มลู เกนิ นับ (Big Data) อินเทอรเ์ น็ตของสรรพ
สงิ่ (Internet of Thing) เป็นตน้