สื่อการเรียนการสอน
เรื่อง กาพย์เห่เรือ
บทเห่ชมไม้
ประวัติผู้แต่ง
ผู้แต่งกาพย์เห่เรือ คือ เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรหรือเจ้าฟ้ากุ้ง
ซึ่งเป็นพระราชโอรสพระองค์แรกในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
พระราชชนนี คือ พระพันวัสสาใหญ่
บทเห่ชมไม้
ลักษณะคำประพันธ์
บทเห่ชมไม้ มีโคลงสี่สุภาพ ๑ บท และ
กาพย์ยานี ๑๒ บท โดยกล่าวถึงนางอันเป็นที่รัก
ซึ่งกรมพระยาดำรงราชานุภาพสันนิษฐานว่าเป็น
การครํ่าครวญถึงพระสนมของพระบิดา
อันเป็นเหตุให้ต้องพระราชอาญา
จนถึงแก่ชีวิตในเวลาต่อมา
โคลง
สาคร = นํ้า เรือชายชมมิ่งไม้ มีพรรณ แกมกัน = ปนกัน,ผสมกัน
คันธ์ = กลิ่น ริมท่าสาครคันธ์ กลิ่นเกลี้ยง หอมหื่น = หอมยวนใจ
เพล็ด = เผล็ด (ในที่นี้ เพล็ดดอกออกแกมกัน ชูช่อ
กลิ่นเนื้อนวลนาง นวลนาง = นางงาม (ในที่นี้
หมายถึงผลิดอก) หอมหื่นรื่นรสเพี้ ยง หมายถึงนางอันเป็นที่รัก)
ถอดคำประพั นธ์
เมื่อกวีได้แล่นเรือคล้อยไปจนพบพรรณไม้ต่าง ๆ อยู่ริมท่าน้ำ มีกลิ่นหอมสดชื่น
ผลิดอกออกช่อผสมกัน กลิ่นหอมน่าชื่นเชยเหมือนกลิ่นเนื้อของน้อง
กาพย์
เรือชายชมมิ่งไม้ ริมท่าไสวหลากหลายพรรณ
ส่งกลิ่นเกลี้ยงเพี ยงกลิ่นสมร
ไสว = ชูสะพรั่งอยู่ไหว ๆ
เพล็ดดอก = ผลิดอก เพล็ดดอกออกแกมกัน
ถอดคำประพั นธ์ สมร = นางซึ่งเป็นที่รัก
(ในที่นี้หมายถึง
นางอันเป็นที่รัก)
เมื่อกระบวนเรือของกวีเคลื่อนมาพบต้นไม้หลากหลายชนิดขึ้นริมน้ำ
ผลิดอกออกช่อผสมกัน ส่งกลิ่นหอมสดชื่นเหมือนกลิ่นกายน้อง
ชมดวงพวงนางแย้ม บานแสล้มแย้มเกสร บังอร = นาง (ในที่นี้
หมายถึงนางอันเป็นที่รัก)
โอษฐ์ = ปาก , ริมฝีปาก
นางแย้ม (ดอกไม้) คิดความยามบังอร แย้มโอษฐ์ยิ้มพริ้มพรายงาม
แสล้ม = สวย,แช่มช้อย
ถอดคำประพั นธ์
เมื่อกวีเห็นดอกนางแย้มที่บานแย้มเกสรออกมา ก็คิดถึงเมื่อน้องยิ้ม
ออกมาอย่างร่าเริง
จำปาหนาแน่นเนื่อง คลี่กลีบเหลืองเรืองอร่าม
อร่าม = แพรวพราว คิดคะนึงถึงนงราม ผิวเหลืองกว่าจำปาทอง
, สว่างไสว
ถอดคำประพั นธ์
เมื่อกวีเห็นดอกจำปาที่ขึ้นอยู่หนาแน่นที่คลี่กลีบสีเหลืองอร่าม
ออกมา คิดถึงผิวน้องที่เป็นสีเหลืองสวยกว่าสีดอกจำปา
นงราม = นางงาม (ในที่นี้
หมายถึงนางอันเป็นที่รัก)
ประยงค์ทรงพวงห้อย ระย้าย้อยห้อยพวงกรอง
เหมือนอุบะนวลละออง เจ้าแขวนไว้ให้เรียมชม
ถอดคำประพั นธ์
เมื่อกวีเห็นดอกประยงค์ที่ห้อยกันเป็นพวงดูแล้วก็เหมือนอุบะ
ที่ห้อยมาลัยที่น้องทำแขวนไว้ให้พี่ ชื่นชม
เจ้า = (ในที่นี้หมายถึง ระย้า=เครื่องห้อยย้อย
นางอันเป็นที่รัก) เป็นพวงเป็นพู่ หรือ
เรียม = เป็นคำที่ใช้แทน เครื่องที่ห้อยย้อยลงมา
ผู้พู ด สำหรับผู้ชายพู ด อุบะ = ดอกไม้ที่ร้อยเป็น
กับผู้หญิงที่เป็นที่รัก สายแล้วเข้าพวงห้อยกับ
มาลัย
ชวย = พัดอ่อนๆ (ใช้กับลม) พุ ดจีบกลีบแสล้ม พิ กุลแกมแซมสุกรม
แสล้ม = สวย,แช่มช้อย
หอมชวยรวยตามลม เหมือนกลิ่นน้องต้องติดใจ
ถอดคำประพั นธ์ รวย = ระรวย
น้อง = (ในที่นี้หมายถึง
นางอันเป็นที่รัก)
เมื่อกวีเห็นดอกพุ ดจีบมีกลีบบาน ทั้งดอกพิกุลและดอกสุกรมขึ้นแซม
ต่างโชยกลิ่นหอมระรวยมาตามลม หอมเหมือนกลิ่นของน้องที่พี่ติดใจ
สาวหยุดพุ ทธชาด บานเกลื่อนกลาดดาษดาไป
นึกน้องกรองมาลัย วางให้พี่ ข้างที่นอน
ถอดคำประพั นธ์
เมื่อกวีเห็นดอกสาวหยุดกับดอกพุ ทธชาดที่บานอยู่เกลื่อนเต็มตลิ่ง
นึกถึงน้องที่เคยร้อยมาลัยวางไว้ให้ตัวกวีที่ข้างหมอน
ดาษดา=มากมาย,เกลื่อนกลาด
น้อง = นางอันเป็นที่รัก
กรอง = ร้อย (ร้อยมาลัย)
พิ กุลบุนนาคบาน กลิ่นหอมหวานซ่านขจร
แม้นนุชสุดสายสมร เห็นจะวอนอ้อนพี่ ชาย
ขจร = ฟุ้งไป,กระจายไป
ถอดคำประพั นธ์ ซ่าน = กระจายทั่วไป
สมร = นางงามซึ่งเป็นที่รัก
(ในที่นี้คือนางอันเป็นที่รัก)
เมื่อกวีเห็นดอกพิ กุลกับดอกบุนนาคที่บานส่งกลิ่นหอมหวาน
กระจายไปทั่ว หากน้องมาเห็นก็คงอ้อนวอนให้พี่เก็บให้
เต็งแต้วแก้วกาหลง บานบุษบงส่งกลิ่นอาย
หอมอยู่ไม่รู้หาย คล้ายกลิ่นผ้าเจ้าตาตรู
ถอดคำประพั นธ์ บุษบง = ดอกไม้
เจ้า = นางอันเป็นที่รัก
ตรู = งาม
เมื่อกวีเห็นต้นเต็ง ต้นแต้ว ต้นแก้ว และต้นกาหลง ต่างก็มี
ดอกบานหอมอบอวลไม่รู้หาย คล้ายกับกลิ่นเสื้อผ้าของน้อง
มะลิวัลย์พั นจิกจวง ดอกเป็นพวงร่วงเรณู
หอมมาน่าเอ็นดู ชูชื่นจิตคิดวนิดา
ถอดคำประพั นธ์
เมื่อกวีเห็นดอกมะลิวัลย์เลื้อยพันต้นจิก ต้นจวง มีดอกเป็นพวงกลิ่น
หอมอ่อนๆ ชื่นใจทำให้นึกถึงน้อง
เรณู = ละออง,ละอองเกสร
ชื่น = ชื่นใจ
วนิดา = หญิงสาว (ในที่นี้
หมายถึงนางอันเป็นที่รัก)
ลำดวนหวนหอมตรลบ กลิ่นอายอบสบนาสา
นึกถวิลกลิ่นบุหงา รำไปเจ้าเศร้าถึงนาง
ถอดคำประพั นธ์ ตรลบ = ตลบ
นาสา = จมูก
ถวิล = คิด , คิดถึง
เมื่อกวีเห็นดอกลำดวนก็มีกลิ่นหอมตลบอบอวล เมื่อกวีได้
กลิ่นก็ทำให้มีความรู้สึกคิดถึงนางผู้เป็นที่รักอย่างเศร้าใจ
รวยรินกลิ่นรำเพย คิดพี่ เคยเชยกลิ่นปราง
นั่งแนบแอบเอวบาง ห่อนแหห่างว่างเว้นวัน
ถอดคำประพั นธ์ รวยริน = เรื่อย ๆ ชื่น ๆ
รำเพย = พัดอ่อนๆ
ห่อน = ไม่
ปราง = แก้ม
เมื่อกวีได้กลิ่นดอกรำเพยที่รวยรินมากับสายลมเรื่อย ๆ ทำให้
กวีคิดถึงกลิ่นแก้มของนางที่เคยนั่งชิดกัน เมื่อครั้งเคยเชยชม
น้องอยู่ทุกวันไม่มีห่างแม้แต่วันเดียว
มาลี = ดอกไม้
วนิดา = นางผู้เป็นที่รัก
ชมดวงพวงมาลี ศรีเสาวภาคย์หลากหลายพรรณ
จะอ้อนพี่ ชี้ชมเชย
วนิดามาด้วยกัน
เสาวภาคย์ = ความสุข
ถอดคำประพั นธ์ เกษม , ความเจริญ
เมื่อกวีนั่งชมดอกไม้ที่สวยงามหลากหลายชนิดก็ทำให้คิดว่าหากน้อง
มาด้วยคงอ้อนวอนให้พี่ ช่วยชี้ชมดอกไม้ด้วยกัน
พรรณนาถึงดอกไม้
๑.ดอกนางแย้ม ๑๐.ดอกเต็ง
๒.ดอกจำปา ๑๑.ดอกแต้ว
๓.ดอกประยงค์ ๑๒.ดอกแก้ว
๔.ดอกพุดจีบ ๑๓.ดอกกาหลง
๕.ดอกพิกุล ๑๔.ดอกมะลิวัลย์
๖.ดอกสุกรม ๑๕.ดอกลำดวน
๗..ดอกสาวหยุด ๑๖.ดอกจิก
๘.ดอกพุทธชาด ๑๗.ดอกจวก
๙.ดอกบุนนาค
คุณค่าด้านเนื้อหา
มีการขึ้นต้นด้วยโคลงสี่สุภาพ ๑ บท ตามด้วยกาพย์ยานี ๑๑ ขยายความ
โคลงบทนำ โดยกาพย์ยานีบทแรกจะมีใจความเดียวกับโคลงสี่สุภาพบทนำ
คุณค่าด้านวรรณศิลป์
มีการเลือกใช้คำที่ถูกต้องตรงความหมาย โดยกวีกล่าวถึงนางผู้เป็นที่รัก
จึงเลือกความหมายให้เหมาะและสัมผัสตามข้อบังคับต่าง ๆ
มะลิวัลย์พันจิกจวง ดอกเป็นพวงร่วงเรณู
หอมมาน่าเอ็นดู ชูชื่นจิตคิดวนิดา
คุณค่าด้านสังคม
สะท้อนขนบธรรมเนียมประเพณีของคนไทย
การร้อยกรองดอกไม้ สตรีจะมีลักษณะเป็นแม่บ้านแม่เรือน มีฝีมือใน
การประดิษฐ์โดยเฉพาะงานดอกไม้ จะมีฝีมือในการร้อยกรองดอกไม้
เป็นอุบะมาลัย และใช้มาลัยแสดงความรักแทนตัว ดังความว่า
ประยงค์ทรงพวงห้อย ระย้ายห้อยพวงกรอง
โวหารภาพพจน์ที่ปรากฏ ได้แก่ อุปมาโวหาร บทที่ปรากฎคือ
เรือชายชมมิ่งไม้ มีพรรณ
ริมท่าสาครคันธ์ กลิ่นเกลี้ยง
เพล็ดดอกออกแกมกัน ชูช่อ
หอมหื่นรื่นรสเพี้ยง กลิ่นเนื้อนวลนาง
จากบทประพันธ์ เรือแล่นคล้อยไปจนพบพรรณไม้ต่าง ๆ อยู่ริมท่าน้ำ มีกลิ่นหอมสดชื่น
ผลิดอกออกช่อผสมกัน กลิ่นหอมน่าชื่นเชยชม เหมือนกลิ่นเนื้อของน้อง เพี้ยง แปลว่า เท่า,
เสมอ, เหมือน (ใช้ในโคลงแทน เพียง) คำที่เปล่งออกมาเมื่ออธิษฐานให้เป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง)
โวหารภาพพจน์ที่ปรากฏ ได้แก่ อุปมาโวหาร บทที่ปรากฎคือ
ประยงค์ทรงพวงห้อย ระย้าย้อยห้อยพวงกรอง
เรือชายชมมิ่งไม้ มีพรรณ เหมือนอุบะนวลละออง เจ้าแขวนไว้ให้เรียมชม
ริมท่าสาครคันธ์ กลิ่นเกลี้ยง
จากบทประพันธ์ ดอกประยงค์เป็นพวงห้อยระย้า
เพล็ดดอกออกแกมกัน ชูช่อ เปรียบเหมือนอุบะที่น้องร้อยแขวนประดับให้พี่ดู
หอมหื่นรื่นรสเพี้ยง กลิ่นเนื้อนวลนาง เหมือน แปลว่า อย่างเดียวกัน, ไม่แปลกกัน
จากบทประพันธ์ เรือแล่นคล้อยไปจนพบพรรณไม้ต่าง ๆ
อยู่ริมท่าน้ำ มีกลิ่นหอมสดชื่น ผลิดอกออกช่อผสมกัน กลิ่นหอม
น่าชื่นเชยชม เหมือนกลิ่นเนื้อของน้อง เพี้ยง แปลว่า เท่า,
เสมอ, เหมือน (ใช้ในโคลงแทน เพียง) คำที่เปล่งออกมา
เมื่ออธิษฐานให้เป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง)