The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงงานกล่องนมปันสุข 4

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Sutharat Sutharat, 2022-07-29 05:52:25

โครงงานกล่องนมปันสุข 4

โครงงานกล่องนมปันสุข 4

คำนำ

โครงงานเรอื่ ง “กล่องนมปันสุข” น้ีเป็นสว่ นหนงึ่ ของการจัดกิจกรรมตามโครงการ โรงเรยี นคุณธรรม
สพฐ ห้องเรยี นของข้าพเจา้ จึงจดั ทำโครงงานน้ีขึน้ เพ่ือนำเสนอวิธกี ารท่ีจะทำให้นักเรยี นในชนั้ ประถมศึกษาปที ี่
6/1 ไดน้ ำหลักธรรมคำสอนมาปรับใช้ให้นกั เรยี นในชั้นเรยี นเปน็ คนที่มีความรับผิดชอบซึ่งกไ็ ด้แก่ พรหมวหิ าร
๔ การมจี ิตอาสา โครงงานนไ้ี ด้รวบรวมเนอื้ หามาจากอนิ เทอรเ์ นต็

คณะผูจ้ ดั ทำตอ้ งขอขอบคุณครทู ีป่ รกึ ษาทุกท่านท่ใี ห้ความรู้เก่ียวกบั การทำโครงงาน คณะผจู้ ัดทำ
หวังเป็นอยา่ งยงิ่ ว่าผู้ท่ีอา่ นโครงงานน้จี ะไดร้ บั ความรจู้ ากโครงงาน และคงจะเป็นประโยชนก์ ับท่านผ้อู ่าน
ทุกๆ ท่าน โครงงานเลม่ นอ้ี าจมีสิ่งใดผดิ พลาดก็ขออภัยมา ณ โอกาสน้ี

นักเรียนชัน้ ป.6/1
ผจู้ ดั ทำ

สารบญั

บทท่ี หน้า
บทท่ี ๑ บทนำ ๑
บทที่ ๒ เอกสารท่ีเก่ยี วข้อง ๓
บทท่ี ๓ วิธกี ารดำเนินงาน ๑๐
บทท่ี ๔ ผลการศึกษาคน้ คว้า ๑๑
บทที่ ๕ สรปุ ผล ๑๒

ภาคผนวก
- รปู ภาพ

บทที่ ๑
บทนำ
๑. ทีม่ าและความสำคญั
จากการสังเกตพฤตกิ รรมนกั เรยี นชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6/1 พบปัญหาอย่างหน่ึงคือ นักเรยี นด่มื นม
แลว้ ท้ิงกล่องนมไม่เป็นที่ และมกี ารกำจัดขยะกลอ่ งนมท่ีไม่ถกู วิธี กอ่ ใหเ้ กิดมลภาระต่อส่ิงแวดล้อม ไมม่ ีจติ อาสา
ในการช่วยกนั เกบ็ กล่องนมทำให้มขี ยะกล่องนมกระจายอยไู่ ม่เปน็ ที่ จากปญั หาดังกล่าว พวกเราจึงไดห้ าวิธีการ
แกไ้ ขปญั หา โดยการจัดทำโครงงานเรอ่ื ง “กลอ่ งนมปันสุข” เพื่อกระต้นุ ให้นกั เรียนมจี ิตอาสาในการจัดการขยะ
กลอ่ งนมให้ถูกวิธี และสามารถในไปใช้ประโยชน์ในดา้ นตา่ งๆอีกมากมาย

๒. วัตถุประสงค์
๑ เพื่อกำจัดขยะท่ีเกดิ จากกล่องนม
๒. เพื่อนำกล่องนมมาประดิษฐเ์ ป็นช้นิ งานใหล้ ดปริมาณขยะ

๓. ขอบเขตของโครงงาน
๑. ระยะเวลาในการดำเนินงาน คือ ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา ๒๕๖5
๒. แหลง่ ค้นคว้าข้อมลู คือ ครูผ้รู ู้ ห้องสมดุ อนิ เทอรเ์ นต็

๔. กลมุ่ เป้าหมาย
เชงิ ปรมิ าณ
นกั เรียนชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 6/1 จำนวน ๒8 คน เปน็ ผมู้ จี ิตอาสาจัดเก็บขยะกล่องนม
เชิงคณุ ภาพ
นกั เรียนมีการกำจดั ขยะกล่องนมอย่างถกู วิธี

๕. หลักธรรมท่ีนำมาใช้
พรหมวิหาร 4 หรอื พรหมวหิ ารธรรม เป็นหลกั ธรรมประจำใจเพ่ือให้ตนดำรงชวี ิตได้อยา่ งประเสรฐิ

และบรสิ ุทธิ์เฉกเชน่ พรหม เป็นแนวธรรมปฏิบตั ิของผู้ทีป่ กครอง และการอยูร่ ว่ มกบั ผู้อ่ืน ประกอบดว้ ยหลกั
ปฏบิ ัติ 4 ประการ ไดแ้ ก่

1. เมตตา คอื ความรักใคร่ ปรารถนาดอี ยากให้เขามีความสุข มีจิตอนั แผ่ไมตรีและคดิ ทำประโยชน์แก่
มนษุ ย์สตั ว์ทั่วหนา้

2. กรณุ า คือ ความสงสาร คดิ ช่วยใหพ้ น้ ทกุ ข์ ใฝ่ใจในอนั จะปลดเปลอ้ื งบำบดั ความทกุ ขย์ ากเดือดร้อนของ
ปวงสตั ว์

3. มทุ ิตา คือ ความยนิ ดี ในเมื่อผ้อู ่ืนอยูด่ ีมสี ุข มีจติ ผ่องใสบันเทงิ ประกอบด้วยอาการแชม่ ชื่นเบิกบานอยู่
เสมอ ตอ่ สตั ว์ท้ังหลายผู้ดำรงในปกตสิ ุข พลอยยนิ ดีดว้ ยเมื่อเขาได้ดีมีสขุ เจรญิ งอกงามยิง่ ข้ึนไป

4. อเุ บกขา คือ ความวางใจเป็นกลาง อนั จะให้ดำรงอยู่ในธรรมตามท่ีพจิ ารณาเหน็ ดว้ ยปญั ญา คอื มจี ิต
เรียบตรงเท่ียงธรรมดุจตาชง่ั ไม่เอนเอยี งดว้ ยรักและชัง พิจารณาเหน็ กรรมทีส่ ตั ว์ท้ังหลายกระทำแล้ว

อันควรได้รบั ผลดหี รือชว่ั สมควรแกเ่ หตอุ นั ตนประกอบ พร้อมท่จี ะวนิ ิจฉัยและปฏิบตั ิไปตามธรรม
รวมทง้ั รู้จักวางเฉยสงบใจมองดู ในเมื่อไมม่ ีกิจท่ีควรทำ เพราะเขารบั ผิดชอบตนได้ดีแลว้ เขาสมควร
รับผดิ ชอบตนเอง หรือเขาควรได้รับผลอันสมกับความรบั ผิดชอบของตน
ความเชื่อมโยงส่คู ณุ ธรรมอตั ลกั ษณ์
การมจี ิตอาสา
๖. พฤตกิ รรมบ่งช้ีเชงิ บวก
๑. นกั เรยี นช่วยกนั เก็บกล่องนมทกุ ครง้ั เม่ือด่มื นมเสรจ็ ตามที่ไดร้ บั มอบหมายให้สำเร็จลลุ ว่ งไปได้ดว้ ยดี
๒. นักเรียนชว่ ยกนั จัดการขยะกล่องนมไดถ้ ูกวิธี
๗. ประโยชน์ท่คี าดว่าจะได้รับ
๑. นกั เรียนเปน็ ผทู้ ่มี ีจิตอาสาในตนเองมากขึน้
๒. นกั เรยี นรู้จักคำว่าเสียสละ เอ้อื เฟ้ือเผื่อแผ่
๓. นักเรยี นรู้จักความสามัคคี เห็นคุณคา่ ของการทำงานรว่ มกัน
๔. นกั เรียนทุกคนสามารถมองเห็นคณุ ค่าในตนเอง

บทท่ี ๒

เอกสารท่เี กย่ี วขอ้ ง

พรหมวิหาร 4
พรหมวหิ าร 4 ประการ คือ ธรรมครองใจ 4 ประการ ทีท่ ำให้บุคคลในสังคมพงึ ประพฤตปิ ฏิบัติในทาง

อนั ประเสรญิ ทัง้ ต่อตน และผู้อ่นื ประกอบด้วยธรรม 4 ประการ คือ
1. เมตตา หมายถงึ ความประสงคท์ ่จี ะให้ผูอ้ ่ืนมคี วามสุข
2. กรุณา หมายถงึ ความประสงค์ที่จะชว่ ยให้ผอู้ นื่ พน้ ทุกข์
3. มุทิตา หมายถึง ความยินดีสรรเสริญในความสขุ ทผี่ ู้อนื่ ได้รับ
4. อเุ บกขา หมายถึง ความวางใจเปน็ กลางต่อความสุข และความทุกข์ท่ีมีต่อตน และผอู้ ่นื ได้รบั

อรรถาธบิ ายเพ่มื เติม พรหมวหิ าร 4
1. เมตตา
เมตตา แหง่ พรหมวหิ าร 4 เปน็ ความปรารถนาหรือความประสงค์อนั เกดิ ข้ึนในจิตท่ีจะยงั ใหผ้ ู้อ่ืนมีความสุข
ภายใต้จิตอันบริสุทธ์ิ อนั จักนำไปสู่การเกิดความกรุณาต่อไป

ประเภทของเมตตาแหง่ พรหมวหิ าร 4
1. เมตตาแท้ คอื ความปรารถนาทีจ่ ะใหผ้ ้อู นื่ มีความสุขอย่างแท้จรงิ อันประกอบขึ้นจากใจทบี่ ริสุทธไิ์ มแ่ อบแฝง
ด้วยเพยี งหวงั ประโยชนแ์ ก่ตน
2. เมตตาเทียม คือ การแสรง้ ทำด้วยความปรารถนาหรือความประสงค์ที่จะใหผ้ อู้ นื่ มีความสุข อันประกอบขึ้น
จากใจทม่ี ุ่งหวังหวังประโยชน์แก่ตน

การฝกึ ตนให้เกดิ ความเมตตา
1. การต้งั มั่นในจิต คือ การกำหนดจติ ของตนท่จี ะมคี วามเมตตาต่อสรรพสิ่งทั้งหลายผ่านการทำสมาธิ และการ
ภาวนาอย่างเปน็ นจิ
2. การแผเ่ มตตา คือ การภาวนาในจิตพร้อมการสวดดว้ ยวาจาในการแผ่เมตตาใหแ้ กส่ รรพสิง่ ทัง้ หลาย

การแสดงออกในความเมตตา
– ระลึกถงึ ความทุกข์ของผู้อนื่ และยังจติ ใหม้ ีกุศลอยู่เสมอ
– ไมเ่ บียดเบียน รังแก หรอื เอารัดเอาเปรยี บผู้อน่ื
– มคี วามรกั และความปรารถนาดที ีจ่ ะเหน็ ผู้อ่ืนมคี วามสุข
– ใหค้ วามเปน็ มติ รต่อคนรอบข้าง
2. กรุณา
กรณุ า แหง่ พรหมวหิ าร 4 เปน็ ความปรารถนาทจ่ี ะช่วยหรือสงเคราะห์ใหผ้ ู้อ่นื ให้พน้ จากความทุกข์ บนพ้นื ฐาน
จติ ใจอันบริสุทธิ์ จนนำไปสกู่ ารใช้ปญั ญาเพื่อทีจ่ ะหาแนวทาง และการประพฤตติ ่อการสงเคราะห์นัน้ ให้สำเร็จ ซง่ึ
จะยังให้ตนเกดิ มุทิตา คือ ความอ่ิมเอิบ และยินดตี ่อความสุข และการพ้นจากทกุ ข์ของผู้น้ัน

ความทุกข์ 2 ประการ
– ทกุ ขท์ างกาย คือ ความทุกขท์ ่เี กดิ ขึ้นจากการเปลีย่ นแปลงทางรา่ งกายทำให้ต้องทนกับการเปลย่ี นแปลงนนั้ ๆ
เช่น การเจ็บไข้ได้ปว่ ย การรู้สึกร้อนหนาว เป็นตน้
– ทกุ ขท์ างใจ คือ ความขุ่นข้องหมองใจอันเกิดจากความผิดหวังหรือไมต่ ้องตามประสงคใ์ นสิง่ ท่ตี นยึดมัน่ ถือมนั่ ใน
ส่งิ น้ันๆ

ประเภทของกรุณา
1. กรุณาแท้ คือ การสงเคราะห์ผ้อู น่ื ให้พน้ จากทุกขด์ ้วยความปรารถนาที่แทจ้ รงิ อันประกอบข้ึนจากใจท่บี ริสุทธิ์
ไม่ได้เพียงสงเคราะห์ผอู้ ืน่ เพราะหวังให้เขาหลงเช่ือหรือยังซึ่งประโยชน์แกต่ น
2. กรณุ าเทยี ม คือ การแสร้งทำสงเคราะหผ์ อู้ ่ืนให้พ้นจากทุกข์ดว้ ยความที่ตนมงุ่ หวังให้เขาหลงเช่ือหรือเพยี งเพ่ือ
หวงั ในประโยชน์จากผอู้ ื่นหรอื เพื่อเพิ่มความทุกข์ใหผ้ ู้อ่ืน

การแสดงออกในความกรณุ า
– ใหค้ วามชว่ ยเหลอื หรือสงเคราะหผ์ ู้อื่นตามกำลังทรัพย์ของตน เชน่ การบริจาคทรัพย์ให้แก่ขอทาน
– การชว่ ยเหลือหรือสงเคราะห์ผอู้ ื่นให้พ้นจากทุกข์ ได้แก่ การนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล
– การส่งเสรมิ ความดีของผู้อน่ื ใหเ้ จริญยิง่ ขึ้น เชน่ การช่วยส่งเสยี เด็กกำพรา้ ให้เลา่ เรยี นหนงั สือ
– การยงั ตนให้เปน็ ประโยชน์แก่สว่ นรวม เช่น การทำความสะอาดวดั วาอารามในวนั ว่าง

บคุ คลท่ีพึงระวงั ในการแสดงความกรณุ า
– บุคคลทเ่ี กลยี ดกนั หรือเป็นศตั รกู ัน เพราะจะทำให้เกิดความขุ่นเคือง ความอจิ ฉา และเพมิ่ ความบาดหมาง
– บคุ คลท่รี ักมาก เพราะหากเกิดความทุกเพียงเล็กน้อยย่อมจะทำใหต้ นทุกขต์ ามไปดว้ ย
– บุคคลทไ่ี มย่ ินดีในเรา เพราะความกรณุ าสูญเปลา่ หรือควรให้กรณุ าแกผ่ ู้อน่ื ที่ยินดใี นตนจะยังกุศลมากกว่า
– บุคคลที่มีความใคร่ต่อเรา เพราะจะเพิ่มความใครน่ ัน้ ใหเ้ พมิ่ ขนึ้
3. มุทติ า
มทุ ิตา แห่งพรหมวหิ าร 4 เปน็ ความอ่มิ เอบิ และยินดีในใจท่ไี ดเ้ หน็ ผอู้ ืน่ มีความสุข และการพ้นจากทกุ ข์ อันจะ
นำไปสูก่ ารส่งเสรมิ และสนับความสุขหรือความดนี น้ั ๆให้คงอยู่ และเจรญิ ยิ่งๆขนึ้ ไป อันเปน็ การกำจัดกเิ ลสทางใจ
ทยี่ ังให้เกิดแก่อุเบกขาต่อไป

ประเภทของมุทิตา
1. มุทติ าแท้ คือ การทำใจยินดี และแสดงออกถึงความยนิ ดีตอ่ ความสขุ และการพ้นจากทกุ ข์ของผู้อนื่ ด้วยจติ อัน
บรสิ ทุ ธ์ิ มิใช่แกลง้ ทำเพื่อหวงั ใหผ้ ูอ้ ืน่ หลงเชื่อหรือหวงั ประโยชนจ์ ากเขา
2. มทุ ติ าเทียม คือ การแสร้งทำใจยนิ ดีหรือแกล้งแสดงออกถงึ ความยนิ ดตี ่อความสุข และการพ้นจากทกุ ข์ของ
ผู้อนื่ เพียงเพ่อื หวงั ให้ผู้อนื่ หลงเชอ่ื หรอื จะไดร้ ับประโยชนจ์ ากเขา

การแสดงออกในมุทิตา
– แสดงความยนิ ดีต่อผอู้ น่ื ด้วยจิตอนั บรสิ ทุ ธิ์ เม่ือเหน็ ผู้อ่ืนมีความสขุ
– ยกย่อง สรรเสริญในความดี และความสุขทผี่ อู้ ่นื ไดร้ บั
– แนะนำหรือเสนอแนะแนวทางต่อการยงั ประโยชน์ของผู้อ่นื ให้เจรญิ ย่ิงข้ึนไป
– อนโุ มทนาในกศุ ลกรรมทีผ่ ูอ้ ื่นได้กระทำ
4. อเุ บกขา
อุเบกขา แหง่ พรหมวิหาร 4 เปน็ ความสงบของจิตใจดว้ ยการวางใจเปน็ กลางต่อความสขุ หรอื ความทุกข์ท่ีตนหรือ
ผู้อื่นไดร้ ับ ทปี่ ระกอบขน้ึ ดว้ ยจิตทป่ี ราศจากความเศรา้ หมองหรอื ความอิจฉาริษยาต่อสิ่งน้ันๆ

ประเภทของอุเบกขา
1. อเุ บกขาแท้ คือ การวางใจเปน็ กลางต่อความสุขหรือความทกุ ข์ดว้ ยจติ อันที่ตนตงั้ ม่ันโดยแท้ มใิ ช่เพยี งแสร้งทำ
เพ่ือใหผ้ ู้อื่นหลงเชื่อ
2. อุเบกขาเทยี ม คือ การแสร้งทำในการวางใจเป็นกลางต่อความสขุ หรอื ความทุกข์ เพียงเพ่อื หลอกใหผ้ ู้อ่นื
หลงเชื่อในตน

การแสดงออกในอเุ บกขา
– ทำใจจติ เปน็ กลาง ไม่มีความอจิ ฉาริษยาตอ่ ความสุขที่ผู้อ่ืนได้รบั
– มีความเปน็ ธรรม และความเสมอภาคต่อผอู้ น่ื
– จิตใจสงบ ไม่โต้ตอบต่อสง่ิ เราด้วยกายหรอื วาจา
– ใหค้ วามเคารพตอ่ ต่อความคิด และการแสดงออกของผู้อ่ืน
– ยอมรับในผลแห่งการกระทำทย่ี งั ให้เกิดขึน้ ดว้ ยตนหรอื ผู้อื่น

ภาระหน้าทแ่ี ละความมจี ิตอาสาจติ อาสา
จิตสาธารณะ การเป็นคนจิตอาสา ต้อง อา-สา รับทำด้วยความเตม็ ใจ ด้วยความสมคั รใจ ไม่หวงั สง่ิ

ตอบแทนใดๆท้ังสนิ้ เช่นดแู ลคนชรา ดแู ลเด็ก ดแู ลคนยากไร้ดอ้ ยโอกาส สัมผสั กันด้วยความรักความเมตตาและ
หวั ใจความเปน็ มนษุ ย์ การอาสาเพือ่ ให้คนอน่ื พ้นทุกข์ และมคี วามสุข ผูอ้ าสา ต้องไดร้ บั การฝึกฝน ทง้ั ดา้ นความรู้
ความรู้สึกเกยี่ วกับเรื่องท่ีจะอาสา ทกั ษะท่ีจำเปน็ ฝกึ ใหม้ องไกลเหมือนพญาเหยีย่ ว ไม่ใช่มองใกลเ้ หมือน
เจา้ หน้าทที่ ี่มีจุดอ่อนดา้ นน้ี มักมองเห็นแตส่ ิง่ ท่ีใกล้ตวั อาสาตอ้ งใช้ปากอยา่ งมธุรสวาจา ถามด้วยความหว่ งใย
แนะนำ ชว่ ยผอ่ นคลายทุกข์ คลายเครยี ดและความวติ กกังวลรวมทั้งทำกจิ กรรมท่ีช่วยให้ความสุขเชน่ เลน่ ดนตรี
อาสาตอ้ งใชห้ ฟู ังอย่างต้ังใจและเข้าใจ ดังเช่นอาสาใน ร.พ.อาจใชป้ ระโยชน์โดยการฟังได้มากกว่าบุคลากรทาง
การแพทยท์ ่มี เี วลาน้อยไมส่ ามารถฟงั ได้อย่างตัง้ ใจเพราะคนไข้มีจำนวนมาก อาสาจงึ เป็นผเู้ ติมส่วนขาดดา้ นนี้ทำ
หนา้ ท่ีรับฟงั อย่างตั้งใจ อาสามีหวั ใจต้องมีพรมวิหาร อันเป็นธรรมะของผมู้ ใี จอนั ประเสริฐมีความรกั เปน็ ปกติ มี
ความสงสารเปน็ ปกติและ มจี ิตออ่ นโยนไมอ่ จิ จาริษยาใคร พลอยยนิ ดีกบั บุคคลอ่ืนท่ีได้ดีเป็นปกติ สำหรับ
อเุ บกขาความวางเฉย รู้จกั ปล่อยวางเม่ือชว่ ยเหลืออะไรไมไ่ ด้พรหมวหิ าร คอื ธรรมอนั เป็นที่อาศยั ของพรหม
มี 4 อยา่ งคือ ทำ พูด คิด ทำจิตให้มี- เมตตา ปรารถนาให้ผูอ้ ื่นมสี ขุ - กรณุ า ปรารถนาให้ผอู้ ่นื พน้ ทุกข์
- มทุ ติ า ยินดีเมอื่ ผู้อ่ืนมสี ุขและ/หรือพน้ ทกุ ข์- อุเบกขา ปล่อยวางได้ เม่ือไมส่ ามารถชว่ ยให้ผ้อู ื่นมีสุขและ/หรือ
พ้นทกุ ขไ์ ด้

บทที่ ๓
วธิ กี ารดำเนนิ งาน

๑. ขนั้ ตอนการดำเนนิ งาน
๑. นกั เรยี นชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/1 และครูประจำชน้ั ร่วมประชมุ ปรึกษาหารือเกยี่ วกับ

การดำเนินงานภายในห้องเรยี น เช่น การแบง่ หนา้ ทใ่ี นการจัดเก็บกล่องนม และการจดั การขยะกล่องนม
๒. เลือกหัวหนา้ เวร และเวรประจำวันตามความสมคั รใจในการจัดการขยะกลอ่ งนม
๓. จดั ทำแนวปฏิบตั ิและขอ้ ตกลงในการปฏิบัติหน้าท่เี วรแต่ละวัน
๔. ทุกคนปฏบิ ัติหนา้ ที่ตามที่ไดร้ ับมอบหมาย
๕. สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงาน
๖. สรุปและประเมนิ ผล โดยใชเ้ ครือ่ งมือประเมิน คือ แบบบันทกึ การตรวจเวรประจำวนั
๗. เสนอแนะ ปรบั ปรุง แก้ไข
๘. จดั ทำรูปเล่ม
๙. จัดทำบอร์ดโครงงาน
๑๐. นำเสนอโครงงาน

๒. ตัวชวี้ ดั
๑. นกั เรียนมีพฤติกรรมท่ีพึงประสงค์ และมจี ิตอาสาในตนเองมากขึน้
๒. นกั เรียนชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 6/1 ได้ผลลัพธ์ในระดบั ร้อยละ 9๐

๓. วิธีการวัดและประเมินผล
๑. สงั เกตพฤติกรรม

๔. ช่วงระยะเวลาการประเมิน
ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2565

บทที่ ๔

ผลการศึกษาคน้ คว้า

จากการทำโครงงาน “กลอ่ งนมปันสขุ ”ของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 6/1 ภาคเรียนที่ 1
ปีการศึกษา ๒๕๖5 โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์โดยเรม่ิ จากการประชมุ ปรึกษาหารือเกี่ยวกับการดำเนนิ
งานภายในหอ้ งเรยี น เช่น การแตง่ ตั้งหัวหนา้ หอ้ งเรียน การแตง่ ต้ังเวรประจำวนั ฯลฯ การเลือกหวั หนา้ เวร
ประจำวนั และใหส้ มาชกิ แต่ละคนเลือกเวรประจำวนั ตามความสมคั รใจ เพื่อจดั การขยะกล่องนม จดั ทำแนว
ปฏบิ ัติและข้อตกลงในการปฏิบตั ิหนา้ ท่ีเวรแตล่ ะวนั ทกุ คนปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ตามท่ีไดร้ บั มอบหมาย และสงั เกต
พฤติกรรมการปฏิบัติงาน สามารถสรปุ ผลการดำเนินงาน ดังน้ี

จากการศึกษาพบว่า
๑. นักเรียนทีเ่ ขา้ ร่วมกจิ กรรมโครงงาน “กลอ่ งนมปันสขุ ” มจี ติ อาสามากขึน้
๒. ผลการตรวจชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 6/1 ร้อยละ 9๐ มจี ิตอาสามากข้นึ

บทท่ี ๕

สรปุ ผล

สรปุ ผลการดำเนินงาน
จากการดำเนินงานโครงงาน “กล่องนมปันสุข” ของนักเรยี นชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 6/1 ภาคเรยี นท่ี 1

ปกี ารศึกษา ๒๕๖5 เพ่อื แก้ปัญหาการทง้ิ ขยะกล่องนม นกั เรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๒/๔ โดยสรุปผลการ
ดำเนนิ งาน ดงั น้ี

๑. นักเรียนทเี่ ขา้ ร่วมกจิ กรรมโครงงาน “กล่องนมปันสขุ ” มจี ิตอาสามากขน้ึ
๒. ผลการตรวจชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6/1 รอ้ ยละ 9๐ มีจติ อาสามากขึน้
ข้อเสนอแนะ
๑. ควรขยายผลไปยงั นักเรยี นทกุ หอ้ งเรียนในโรงเรยี น
๒. ควรจดั ทำโครงงานนีอ้ ย่างต่อเน่ืองเพื่อใหน้ ักเรยี นมีจิตอาสาอย่างย่งั ยืนของลักษณะนิสยั
๓. ควรมีการพัฒนาส่ือคณุ ธรรมในรปู แบบตา่ ง ๆ เพื่อกระตนุ้ คณุ ลกั ษณะที่พงึ ประสงคไ์ ดด้ ยี ง่ิ ขึน้

ภาคผนวก




Click to View FlipBook Version