โครงงานคุณธรรม
เรือ่ ง หอ้ งเรยี นสะอาด น่าอยู่ น่ารู้ นา่ เรียน
ผจู้ ดั ทำโครงงำน
นกั เรยี นชนั้ ประถมศึกษำปีท่ี ๕/๒
ครทู ีป่ รกึ ษำ
คำนำ
โครงงาน “ห้องเรียนสะอาดนา่ อยู่ นา่ รู้ นา่ เรียน” นเ้ี ป็นสว่ นหน่ึงของการจัดกจิ กรรมตามโครงการ
โรงเรียนคุณธรรม สพฐ กลมุ่ ของขา้ พเจ้าจัดทำขนึ้ เพ่ือนำเสนอวธิ กี ารทจ่ี ะทำให้ห้องเรยี นสะอาดนน่ั ก็คือ การนำ
หลักคำสอนมาใช้ซึงเป็นหลักคำสอนอทิ ธิบาท 4 ความรับผดิ ชอบ ความขยนั หมั่นเพยี ร
คณะผจู้ ัดทำต้องขอขอบคุณคุณครูทปี่ รึกษาทุกท่านทใ่ี หค้ วามร้เู ก่ยี วกับการทำโครงงาน คณะผู้จัดทำ
หวงั เป็นอย่างยิ่งว่าผู้ที่อา่ นโครงงานนจ้ี ะไดร้ บั ความร้จู ากโครงงาน และคงจะเป็นประโยชนก์ ับท่านผอู้ ่านทุกๆ
ท่าน โครงงานเลม่ นี้อาจมสี ง่ิ ใดผดิ พลาดก็ขออภยั มา ณ โอกาสนี้
นกั เรยี นระดับช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 5/2
ผจู้ ดั ทำ
สารบญั
เรอ่ื ง หน้า
บทท่ี 1 บทนำ ....................................................................................................................1-3
บทท่ี 2 เอกสารท่เี กีย่ วข้อง ................................................................................................4-9
บทที่ 3 วิธกี ารดำเนนิ งาน ..................................................................................................10
บทที่ 4 ผลการศกึ ษาคน้ คว้า ..............................................................................................11
บทท่ี 5 สรุปผล ..................................................................................................................12
ภาคผนวก
☺ รูปภาพ .........................................................................................................................13-18
บทท่ี 1
บทนำ
1.ท่มี าและความสำคญั
จากการสังเกตพฤตกิ รรมนักเรยี น พบว่าภายในหอ้ งเรียนได้มขี ยะทเ่ี กดิ จากการนำขนมมารบั ประทาน
ในช่วงเวลาว่าง นำหนังสือเรยี นหรอื ส่ือการเรยี นภายในหอ้ งเรยี นขึ้นมาใช้งานและไม่ยอมนำไปเกบ็ ไว้ทเี่ ดิม ท้ิง
เศษกระดาษตามซอกเก้าอี้ บนพืน้ ห้องเรยี น ใตโ้ ต๊ะของตนเอง และไมจ่ ัดเก้าอใี้ ห้เป็นระเบยี บเรยี บรอ้ ยหลังเลกิ
เรียน ไมเ่ ก็บของใช้ใหเ้ รยี บร้อย และการใช้อปุ กรณก์ ารเรยี นการสอน เชน่ การใช้ระบายสี การใชด้ ินสอ ท่ีต้อง
มกี ารเหลาดนิ สอและสใี หม้ ีความแหลม ซ่งึ เปน็ สงิ่ หนง่ึ ท่ีนกั เรยี นมีพฤติกรรมท่ีก่อให้เกิดขยะ เยอะแยะมากมาย
และดูไมส่ ะอาดตา จงึ ทำใหก้ ่อเปน็ สาเหตุหนึง่ ที่ทำให้บรรยากาศในการจดั การเรียนการสอนไม่เอ้ืออำนวย และ
ไมด่ นู า่ ใช้สอย
จากนั้นได้มีการนำปัญหาจากการพดู คุยอภปิ รายกบั นกั เรยี นดังกลา่ ว พร้อมร่วมวางแนวทางในแก้ไข
ปัญหาตอ่ การดำเนนิ การจัดกิจกรรมท่ีสง่ เสริมให้กับนักเรียน จึงได้จดั ทำโครงงานคุณธรรม เร่อื ง “หอ้ งเรยี น
สะอาดน่าอยู่ น่ารู้ น่าเรียน ” ระดบั ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 5/2 ปกี ารศกึ ษา 2565 เพื่อจัดการปัญหาดังกล่าว
โดยน้อมนำคำสอนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของ ในหลวงรัชกาลท่ี 9 นำมาดำเนนิ กิจกรรม ใหม้ ีการ
ปรบั เปล่ยี นพฤติกรรมผู้เรียนใหเ้ ปน็ พลเมอื งทีด่ ี รู้จกั หน้าท่ีของตนเอง ช่วยเหลอื ผู้อื่น มีจิตสาธารณะ ทำดีด้วย
หัวใจ โดยยดึ มนั่ ในคณุ ธรรม จริยธรรม สุจริต มีวนิ ยั และมคี วามสามคั คซี ง่ึ กันและกัน เปน็ หลกั ในการดำรงชีวติ
ประจำวนั สรา้ งบรรยากาศภายในช้นั เรยี นให้มีความสะอาด น่าใช้สอย และเอ้ือต่อการเรียนรู้
2.วัตถุประสงค์ (KPA)
1. เพื่อใหน้ กั เรียนมีความรแู้ ละความเขา้ ใจเก่ยี วกบั ความรับผิดชอบของนักเรียน (K)
2.เพ่อื ให้นกั เรียนชว่ ยกนั รักษาความสะอาดของห้องเรยี นและทิง้ ขยะใหล้ งถังและจัดโตะ๊ เกา้ อใี้ หเ้ ปน็
ระเบยี บทุกวนั หลังเลิกเรียน
3.เพ่อื ปลกู ฝังความรบั ผดชอบ สร้างความตระหนกั และจิตสำนึกในความรับผดิ ชอบให้กับนักเรียน (A)
3 ปญั หา
4.1 ห้องเรยี นช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 5/2 ไม่สะอาดและไม่เป็นระเบยี บ
4. สาเหตุของปญั หา
5.1 นักเรียนไม่ท้งิ ขยะลงถัง
5.3 นกั เรียนเรยี นเสรจ็ แล้วไม่เก็บโตะ๊ เก้าอี้
5.เป้าหมาย
- เชงิ ปรมิ าณ นักเรยี นชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 5/2 โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 50 จำนวน 19 คน
- เชงิ คุณภาพ นกั เรยี นระดับชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 5/2 โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 50 ร้อยละ
80 มคี วามรบั ผดิ ชอบชว่ ยกันเก็บขยะ และเก็บโต๊ะเก้าอ้ีอย่างเปน็ ระเบียบ
- เปา้ หมายระยะส้ัน (ระยะเวลา 6 เดือน) นักเรียนระดบั ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 5/2 โรงเรยี นราชประชา
นุเคราะห์ 50 มคี วามรบั ผดิ ชอบ ไม่ท้ิงเศษขยะในห้องเรียน
- เป้าหมายระยะยาว (ระยะเวลา 12 เดอื น) นักเรียนระดับชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 5/2 นกั เรียนระดับชั้น
ประถมศกึ ษาปีที่ 5/2 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 50 ห้องเรยี นสะอาดเปน็ ระเบยี บเรียบร้อยเป็นประจำทกุ
วนั
6.วธิ กี ารแกไ้ ขปัญหา
1.ครแู ละนักเรียนประชุมปรึกษาหารือเรื่องความสกปรกของหอ้ งเรียน และโต๊ะเกา้ อที้ ี่ไม่เป็นระเบียบ
2.ครูและนกั เรยี นจึงชว่ ยกนั เสนอความคดิ เห็นเกีย่ วกบั การแก้ปัญหาขยะของห้องเรียน และโต๊ะเกา้ อี้
ทไ่ี ม่เป็นระเบยี บ เชน่ การจดั ตง้ั เวรทำความสะอาดห้องเรียนทุกวัน
3. ครูและนักเรียนได้ทำขอ้ ตกลงในชัน้ เรียนรว่ มกัน โดยให้นกั เรยี นจดั ทำเวรประจำวนั ท่ีนักเรยี นสมัคร
ใจเลือกเวรประจำวันเอง และชว่ ยกันรักษาความสะอาดของหอ้ งเรียนและทิ้งขยะใหล้ งถัง มีการจัดโต๊ะเกา้ อ้ใี ห้
เป็นระเบียบเรยี บร้อยหลงั เลกิ เรียน และนำขยะไปทง้ิ ในบ่อขยะของโรงเรยี น เปน็ ประจำทกุ วัน
8) หลกั ธรรมทน่ี ำมาใช้ อิทธิบาท 4
8.1 ฉนั ทะ ความพอใจรักใครใ่ นส่งิ นน้ั (เต็มใจทำ)
8.2 วิรยิ ะ ความพากเพียรในสิ่งน้ัน (แข็งใจทำ)
8.3 จิตตะ ความเอาใจใสฝ่ กั ใฝ่ในสงิ่ นน้ั (ตั้งใจทำ)
8.4 วิมังสา ความหม่ันสอดส่องในเหตผุ ลของสิง่ นั้น (เข้าใจทำ)
ความเช่อื มโยงสู่คณุ ธรรมอัตลกั ษณ์ = ความรบั ผดิ ชอบ
9. คุณธรรมอตั ลกั ษณ์ (ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง)
เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาชถ้ี ึงแนวการดำรงอย่แู ละปฏบิ ตั ิตนของประชาชนในทุกระดับ ตง้ั แต่
ระดับครอบครัว ระดบั ชมุ ชน จนถึงระดับรฐั ทั้งในการพัฒนาและบรหิ ารประเทศให้ดำเนินไปในทางสายกลาง
โดยเฉพาะการพฒั นาเศรษฐกิจ เพ่อื ให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภวิ ตั น์ ความพอเพียง หมายถึงความพอประมาณ
ความมีเหตผุ ล รวมถึงความจำเปน็ ทจ่ี ะต้องมีระบบภมู ิคุ้มกนั ในตวั ทดี่ ีพอสมควร ต่อการมีผลกระทบใดๆ อันเกดิ
จากการเปล่ยี นแปลงทงั้ ภายนอกและภายใน ทง้ั นี้ จะต้องอาศยั ความรอบรู้ ความรอบคอบ และความ
ระมดั ระวังอย่างย่ิงในการนำวิชาการต่างๆมาใชใ้ นการวางแผนและการดำเนินการทุกขั้นตอน และ
ขณะเดียวกันจะต้องเสรมิ สรา้ งพ้ืนฐานจติ ใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าทีข่ องรฐั นักทฤษฎี และนกั ธุรกจิ
ในทุกระดับ ใหม้ สี านกึ ในคุณธรรม ความซือ่ สัตย์สุจรติ และใหม้ คี วามรอบรทู้ ่เี หมาะสม ดำเนนิ ชวี ิตด้วยความ
อดทน ความเพียร มสี ติ ปัญญา และความ รอบคอบ เพ่ือใหส้ มดุลและพร้อมต่อการรองรบั การเปล่ยี นแปลง
อย่างรวดเร็วและกว้างขวางทั้งดา้ นวตั ถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เปน็ อย่างดี
ความเช่อื มโยงส่คู ุณธรรมอตั ลักษณ์: จิตอาสา พฤติกรรมบ่งชเ้ี ชิงบวก : ผ้บู รหิ ารและครูมกี ารปฏิบตั ิ
เปน็ แบบอยา่ งท่ีดีในเรื่องของความมวี ินัยและรบั ผดิ ชอบ และเอาใจใส่ในให้นกั เรียนในการเรียนการสอน
การปฏบิ ตั ิตนของนักเรยี น นักเรยี นทำงานท่ีได้รบั มอบหมายตรงตามเวลาและห้องเรียนมคี วามสะอาด
เรยี บร้อย นักเรียนท้ิงชยะใหเ้ ปน็ ท่เี ป็นทาง มีการปรับปรงุ ห้องเรยี นและส่ือการเรยี นรู้ต่างๆภายในหอ้ งเรยี นจน
ทำให้เกดิ บรรยากาศท่เี อ้ือต่อการเรียนรู้
พฤตกิ รรมบงช้ีเชิงบวก (นกั เรียน)
1.นกั เรียนเกบ็ ขยะเอง และทำความสะอาดห้องเรยี นโดยที่ครูไมต่ ้องบอก
2.นักเรยี นรู้จักบทบาทหน้าที่ของตนเอง และมีความรบั ผดิ ชอบในการทำเวรประจำวนั ของตนเอง
10.ประโยชน์ทีค่ าดวา่ ไดร้ ับ
1.นักเรียนเป็นผูท้ ี่มคี วามรับผิดชอบในตนเองมากขน้ึ
2.นกั เรยี นรูจ้ กั คำวา่ เสียสละ เอื้อเฟอ้ื เผื่อแผ่
3.นักเรยี นรู้จกั ความสามัคคี เห็นคณุ ค่าของการทำงานร่วมกนั
บทที่ 2
เอกสารทีเ่ ก่ียวขอ้ ง
อทิ ธบิ าท 4 เปน็ แนวทางการเรยี น การทำงาน ให้ประสบผลสำเร็จ
พทุ ธทาสภิกขุ อธบิ ายวา่ การทำงานแบบใดๆ โดยไมร่ สู้ ึกตัว มีระดบั มากน้อยแตกต่างกัน คนทีท่ ำงาน
ดว้ ยความพอใจ ขยนั ขนั แขง็ เอาใจใส่ใคร่ครวญอยู่เสมอนนั้ เรยี กวา่ มีอทิ ธบิ าท 4 ประการ มกี ารปฏิบัติโดย
ไม่ได้ตง้ั ตวั ซงึ่ อิทธบิ าททง้ั 4 ประการนี้ ถ้าปฏิบัติไดค้ รบถ้วนสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผใู้ หญก่ ต็ าม ยอ่ มท่ี
จะประสบความสำเร็จดังประสงค์
อทิ ธบิ าท 4
1.ฉนั ทะ (aspiration)
ฉนั ทะ แหง่ อทิ ธบิ าท 4 คอื ความพอใจ รักใคร่ เต็มใจ และฝกั ใฝ่ในงานอยูเ่ สมอ ทุ่มเทความสามารถ และ
ปรารถนาเพื่อที่จะทำงานนัน้ ให้ดที สี่ ดุ ด้วยการรกั ในงานของตน ชอบในงานของตน งานในทีน่ ้หี มายถงึ ส่งิ ที่เรา
ทำ ผู้ใดมงี านอะไรแลว้ มีความรกั ใคร่พอใจในงานน้ัน เรยี กวา่ มีฉนั ทะ คนท่ีขาดฉันทะ ไมพ่ อใจในงานของตน
มกั จะทำงานดว้ ยความเหนด็ เหนือ่ ยใจ และชอบทง้ิ งานใหจ้ บั จดและคงั่ คา้ งความอยากหรอื ความฝักใฝ่ที่เกิด
จากฉันทะน้ี มไิ ด้มีความหมายเหมอื นกับความอยากไดเ้ พ่ือให้ไดม้ าซ่งึ การเสพเสวยแก่ตนในทุกสิง่ ทุกอยา่ ง หรอื
ทเ่ี รยี กว่า ตัณหา เพราะความอยากที่เกดิ จากฉนั ทะนัน้ เป็นความอยากในทางสจุ ริตทต่ี ้องมกี ารทุ่มเทกำลังกาย
และกำลงั ใจเพื่อใหส้ ิง่ น้นั สำเร็จตามความมุ่งหมาย ภายใต้พื้นฐานของคุณธรรม และความดี
องคป์ ระกอบของฉนั ทะ
1. ความยนิ ดใี นสง่ิ ทท่ี ำ นน้ั ๆ
2. ความพอใจในส่ิงที่ทำ น้นั ๆ
3. ความเต็มใจในขณะทีท่ ำสงิ่ นั้นๆ
4. ความมีใจรักในขณะทท่ี ำส่ิงนนั้ ๆ
5. ความอยากหรือฝกั ใฝ่ท่ีจะทำสงิ่ น้ันๆใหบ้ รรลถุ ึงจดุ หมาย
ทง้ั นี้ ลักษณะของฉนั ทะทีเ่ กิดข้ึนมไิ ด้เพยี งใชส้ ำหรับการกระทำในการงานเพียงอยา่ งเดยี ว แตส่ ามารถนำไปใช้
เป็นหลักการดำเนนิ ชีวติ ในด้านอนื่ ๆได้ด้วยเช่นกนั ไดแ้ ก่
– ความยินดี และพอใจในฐานะทางครอบครัว
– ความยนิ ดี และพอใจในทรัพยส์ นิ ทต่ี นมี
– ความยนิ ดี และพอใจในความสามารถของตน
– ความยินดี และพอใจในคคู่ รองของตน
– ความยนิ ดี และพอใจในตำแหน่ง และหน้าท่ีของตนในสงั คม
– ความยินดี และพอใจในศาสนาหรอื ลทั ธิทตี่ นนับถือ
ฯลฯ
ฉันทะ เปน็ สงิ่ ทเี่ กิดข้นึ ในจิตภายใต้หลกั ธรรม คอื โยนโิ สมนสิการ คือ การรจู้ ักคดิ วิเคราะห์ หรือคิด
ในทางท่ีถูก และเหมาะสมเพ่ือใหเ้ กิดความสำเร็จตามจดุ มุง่ หมายท่ตี ั้งไว้ภายใต้สภาวะแห่งเหตุ และผล ดงั น้ัน
เม่อื เกดิ ฉนั ทะ คือ ความพอใจหรอื ยินดีในสิง่ น้นั แลว้ ยอ่ มทำใหเ้ ปน็ ผู้ทร่ี ู้จกั ใชโ้ ยนโิ สมนสกิ าร คอื การคิด
วิเคราะห์หาแนวทางที่จะดำเนนิ ต่อไป ซ่ึงจะนำมาสู่การเกิดวิรยิ ะ คอื ความเพียรในแนวทางน้นั ต่อไป
2. วิริยะ (exertion)
วริ ิยะ แหง่ อิทธบิ าท 4 คือ ความเพียรพยายาม ความอตุ สาหะ และมานะบากบนั่ ท่จี ะทำงานหรือทำ
ส่งิ หน่งึ สง่ิ ใดใหด้ ที สี่ ดุ ไม่ท้อถอยเมื่อเกดิ อุปสรรค และความยากลำบากตา่ งๆ ดว้ ยการมองปญั หาหรืออุปสรรค
ที่ขดั ขวางต่อการทำสิ่งน้นั เปน็ สิ่งที่ท้าทาย และต้องเอาชนะใหส้ ำเรจ็
วิริยะ เปน็ ความเพียรท่ปี ระกอบความดี มีความขยันหมัน่ เพียร ไม่ทอดธุระ เปน็ เครอื่ งพยุงความพอใจ
ไม่ใหท้ ้อถอยในการทำงาน เพราะวา่ งานทุกชนดิ มักจะงา่ ยตอนคิด แตม่ ักจะตดิ ตอนทำจงึ จำเป็นตอ้ งใชค้ วาม
พยายามเรื่อยไปจนกว่าจะสำเร็จตามความพอใจทป่ี ลกู ไว้
วิริยะ หรอื ความเพยี รนี้ มีความจำเปน็ สำหรับการปฏบิ ัตงิ านหรือการกระทำต่อส่ิงหน่ึงสิง่ ใดใน
ขณะนัน้ เพราะหากต้องการความสำเร็จตามจดุ มุ่งหมายที่ตัง้ ไว้กต็ ้องจำเปน็ ต้องมีความพยายามเปน็ สำคญั แต่
ความพยายามน้ี มใิ ชห่ มายครอบคลมุ ถึง การปฏบิ ตั หิ รือการกระทำที่ไม่มวี นั หยุด หรอื ไมร่ ซู้ ึ่งพื้นฐานของ
ตนเอง ท่ีมาจากหลักธรรมแห่งโยนโิ สมนสิการ คือ การรู้จกั คิดวิเคราะห์อย่างมเี หตุ และผลในคันรองคลองธรรม
เช่นกนั
ประเภทของวริ ยิ ะ
1. สังวรปธาน หมายถึง เพียรระวัง คือ การกระทำสิ่งใดๆจะต้องรจู้ กั พงึ ระวงั รอบคอบด้วยการรจู้ กั เหตุ
และผล ไม่ต้ังอยใู่ นความประมาทหรอื อกุศลกรรมท้ังปวง
2. ปหานปธาน หมายถงึ เพยี รละ คือ การร้จู ักละ ลด หรือหลีกเลยี่ งจากอกุศลกรรมทง้ั ปวงทจ่ี ะเป็นเหตุ
ทำให้การกระทำสง่ิ หนงึ่ สง่ิ ใดไม่ประสบความสำเรจ็
3. ภาวนาปธาน หมายถงึ เพยี รบำเพญ็ คอื การรู้จกั เพียรต้ังมน่ั และอุทศิ ตนตอ่ การกระทำในสิง่ หนง่ึ สง่ิ ใด
อย่างเสมำ่ เสมอ
4. อนุรกั ขนาปธาน หมายถงึ เพยี รตามรักษาไว้ คือ รจู้ ักรักษาหรือทำใหค้ วามเพียรในส่งิ นนั้ ๆคงอยู่กบั ตน
เป็นนจิ
องค์ประกอบของวิริยะ
1. ความเพยี รในการทำส่ิงน้นั ๆในทางทถี่ ูกตามเหตุ และผล ภายใตพ้ ื้นฐานตามหลักคณุ งามความดี
2. การมคี วามกลา้ และความแนว่ แน่ท่ีจะทำในสงิ่ นัน้ ๆ
3. การไม่ละท้ิงซง่ึ การงานหรือส่ิงทก่ี ำลงั ทำอยู่
4. การความอตุ สาหะ และอดทนต่อความยากลำบากอยา่ งเปน็ นิจ
ท้ังน้ี ลกั ษณะของวริ ิยะที่เกิดข้ึน มไิ ด้อยูใ่ นกรอบสำหรับการงานเท่านนั้ แต่สามารถนำไปประยกุ ตใ์ ช้เปน็
หลกั การดำเนินชีวิตในดา้ นอนื่ ๆ ไดแ้ ก่
– ความเพยี รในการเจรญิ ธรรม การเจริญภาวนา หรอื การรกั ษาศีล
– ความเพียรในการศึกษาเล่าเรยี นฯลฯ
ดว้ ยเหตุนี้ วิริยะจึงเป็นหลกั ท่ีมคี วามสำคญั อนั จะนำไปสู่การประพฤตปิ ฏิบตั ใิ นการงานหรือการกระทำต่อ
สิง่ ใดๆ ภายใต้พ้ืนฐานของหลักการเหตุ และผลท่เี กิดจากโยนิโสมนสกิ าร เพอ่ื มงุ่ ใหส้ ่ิงน้ันๆดำเนนิ ไปสู่จดุ หมาย
และสำเร็จตามทไ่ี ด้ต้ังไว้ โดยมีความเพียรทีด่ ำเนินไปในลักษณะของการปฏบิ ัติตามหลกั ปธาน 4 ในขา้ งตน้ แต่
ท้ังน้ี ความเพียรท่ีมีมากเกินไป มกั จะทำให้เกิดความฟุ้งซ่าน ความไมม่ สี ติ ความเหน็ดเหนื่อย จนนำไปสกู่ ารการ
เกิดอุปสรรค และปัญหาในสิง่ น้ัน ส่งผลต่อความท้อแท้ตามมาได้ นอกจากนน้ั หากมุ่งเพียรต่อสงิ่ ใดส่งิ หน่ึงมาก
เกนิ ไป มักจะทำใหเ้ กดิ การลืมท่ีจะกระทำต่อสิง่ อนื่ ได้ง่ายเช่นกัน
3. จิตตะ (thoughtfulness)
จติ ตะ แหง่ อทิ ธิบาท 4 คือ การเอาใจใส่ และใหใ้ จจดจ่ออยู่กบั อยู่กับส่งิ ท่ีทำ มสี มาธิมั่นคงอยู่กบั งาน ไม่
ปลอ่ ยปละละเลยในงานท่ีทำ และทำงานดว้ ยความตง้ั ใจท่ีจะให้งานน้นั สำเร็จ แต่หากใครทำการสิง่ ใดด้วย
ความเปน็ คนประมาท ไม่เอาใจใส่กับงานท่ีตนทำ ทำอะไรท้ิงๆ ขวา้ งๆ งานน้นั ย่อมไม่สำเร็จตามเป้าประสงค์
หรอื หากสำเรจ็ แต่กเ็ ป็นความสำเร็จท่ไี ม่มีประสิทธิผลในงานท้งั นี้ จติ ตะ หมายถึง จิตใจ คอื สว่ นท่ีทำหนา้ ท่รี ู้
สำนึก ร้คู ดิ ซึง่ ความรู้ท่ีเกดิ มาจากจิตน้ัน เปน็ ความรู้ท่ีเกดิ ข้ึนในปัจจุบัน อดตี กาล หรือกำลังจะเกดิ ในอนาคต
ล้วนเป็นความรู้ทฝ่ี ังอยู่ในจติ หรือทผี่ ่านมาแลว้ ทั้งส้นิ หมายถงึ จิตส่ังสมความรใู้ ห้เกดิ ข้ึนในกาลทง้ั 3 นัน่ เอง
สว่ นจติ ตะในทีน่ ้ี หมายถงึ สภาวะทางอารมณ์ที่สะท้อนมาจากจิต อาทิ ความเข้มแข็ง ความมั่นคง ความม่งุ มนั่
และความจดจ่อ ตอ่ สงิ่ หนึ่งสิ่งใดทที่ ำอยนู่ ั้น
องคป์ ระกอบของจิตตะ
1. มีความสนใจในสิง่ ที่จะทำน้ันอยา่ งจรงิ จงั
2. การเอาใจใส่ในขณะที่กระทำส่งิ น้ันๆ
3. การมีใจท่เี ป็นสมาธิในขณะทก่ี ระทำสง่ิ นั้นๆ
4. การทม่ี จี ิตใจมุ่งมัน่ และแน่วแน่ในขณะท่ีกระทำสง่ิ น้นั ๆ
ทงั้ นี้ ลักษณะของจติ ตะทีเ่ กิดขน้ึ มไิ ด้อย่ใู นกรอบสำหรับการงานเทา่ นน้ั แต่สามารถนำไปประยุกตใ์ ช้ใน
ชวี ติ ประจำวันด้านอนื่ ๆ ได้แก่
– การเอาใจใส่ และมงุ่ ม่นั ในการเจรญิ ธรรม
– การเอาใจใส่ และมงุ่ มัน่ ในการศกึ ษาเล่าเรยี นฯลฯ
จติ ตะ มีความสมั พนั ธ์กบั สมาธิ คอื หมายถึง จิตเป็นเครื่องผลกั ดนั และควบคุมการเกดิ ของสมาธิ โดย
สภาวะจติ ทมี่ คี วามแน่วแน่ และจดจอ่ ต่อส่งิ หนึง่ สิง่ ใด ภาวะท่เี กดิ ข้ึนกับจิตนจี้ ึงเรียกว่า สมาธิ ซึง่ เปน็ เครือ่ ง
เสริมประสทิ ธภิ าพในการจะกระทำสง่ิ ใดๆใหป้ ระสบความสำเร็จ เพราะจติ ที่เป็นสมาธิแน่วแนอ่ ยู่กับสิง่ ที่กำลงั
ทำ อยู่ โดยไมเ่ กิดความฟุ้งซ่าน ย่อมทำใหง้ านประสบความสำเร็จไดด้ ี ไมผ่ ิดพลาด และมีประสิทธิภาพตาม
เป้าหมายทีว่ างไว้
4.วมิ งั สา (investigation)
วิมังสา แห่งอิทธบิ าท 4 คือ การสอบสวน ไตร่ตรอง และพิจารณาตรวจสอบในส่ิงท่กี ำลงั ทำนนั้ ๆ รวมถงึ
การรจู้ กั คน้ ควา้ ทดลอง คิดค้น และร้จู ักคิดแก้ไขปรบั ปรุงงาน ใหก้ ้าวหน้าอยเู่ สมอท้งั นี้ ปจั จยั สำคัญท่สี ง่ ผลตอ่
ความสำเร็จในการทำสง่ิ ใดๆ ยอ่ มเกิดจากปจั จัยจากข้อนเี้ ปน็ ส่งิ สำคญั เพราะการใชว้ มิ ังสา คอื การคิด
วเิ คราะห์ อยา่ งมีเหตุ และผล ยอ่ มทำให้เขา้ ใจต่อกระบวนการ วิธีการ และแนวทางในการดำเนินงานที่ถูกต้อง
เหมาะสม รวมถึงยอ่ มรู้จกั แนวทางในการแกไ้ ขปัญหาที่อาจเกิดข้นึ ได้ดี แตห่ ากไมม่ ีการใช้ปัญญาก่อนทำหรือ
ขณะทำสง่ิ ใดๆแล้ว ย่อมนำมาซึง่ ปัญหา และอุปสรรคในสง่ิ นั้นๆ ส่งผลตอ่ การท้อแท้ การทำสงิ่ นนั้ ไม่สำเร็จ หรอื
หากสำเรจ็ กจ็ ะไม่เกดิ ประสทิ ธผิ ลอย่างเต็มที่
องค์ประกอบของวิมังสา
1. การใชป้ ญั ญาคดิ วิเคราะห์ก่อนทจ่ี ะลงมือปฏบิ ตั ิหรอื ระหว่างปฏบิ ัติในส่งิ น้ันๆ
3. การใชป้ ญั ญาคดิ วเิ คราะหใ์ นสิ่งนั้นๆ ตามคนั รองคลองธรรม
2. การแกไ้ ข ปรับปรุงข้อบกพร่อง และพัฒนาในส่งิ น้นั ๆด้วยปญั ญา
ทั้งน้ี ลักษณะของวิมงั สาทเ่ี กดิ ข้ึน มไิ ดเ้ หมาะสำหรบั นำไปใช้ในการงานเท่าน้นั แต่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ใน
ชวี ติ ประจำวนั ด้านอ่นื ๆ ได้แก่
– การรจู้ กั คิด วิเคราะหใ์ นการเจรญิ ธรรม
– การรจู้ ักคิด วเิ คราะห์ในบทเรยี น
– การรู้จกั คดิ วเิ คราะห์ก่อนท่ีจะพูดหรือทำในส่ิงใดๆฯลฯ
วมิ งั สา คือ การร้จู กั คดิ วเิ คราะห์ ท่มี ักคู่กับคำวา่ ปญั ญา คือ ความรู้ หรอื ความรูแ้ จ้ง เป็นความรู้
ความเข้าใจ ต่อสิง่ ใดสิง่ หนึ่งในเหตุ และผล รวมถึงองคป์ ระกอบ และพืน้ ฐานของส่ิงๆน้ัน สามารถตดั สนิ และ
บ่งชี้สิง่ นน้ั ไดเ้ ป็นมาอย่างไร มีลกั ษณะอย่างไร รวมถึงรูแ้ ยกแยะสง่ิ ต่างๆว่าถูกผดิ ดีชวั่ ดงั นนั้ แลว้ การมปี ญั ญา
จงึ เป็นการรอบรู้ในทกุ ๆด้าน และพึงใช้ปัญญาก่อนทจี่ ะทำเพื่อใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจ และลึกซ้ึงก่อน เพอ่ื ใหก้ าร
นน้ั ๆดำเนินไปตามเป้าหมายท่ีวางไว้ และไมเ่ กดิ ปัญหาอุปสรรค พรอ้ มยังประสทิ ธภิ าพในสิ่งน้นั ใหส้ ำเรจ็ ตาม
วตั ถุประสงค์
ประโยชน์ของอิทธิบาท 4
1. ประโยชน์ของฉันทะ คอื ทำใหเ้ ปน็ ผู้มีความพอใจ และมีใจรักตอ่ งาน ทำใหเ้ กิดความรู้สึกเตม็ ใจในการ
ทำงาน เกิดการทำงานดว้ ยความสุข ไมร่ ้สู ึกเบื่อหนา่ ยงา่ ย ไม่เกดิ อาการทอ้ แท้ ช่วยใหง้ านดำเนนิ ต่อไปอย่าง
ตอ่ เน่ือง และเกดิ การสร้างสรรค์ในงาน
2. ประโยชนข์ องวิรยิ ะ คือ ทำใหเ้ ปน็ คนมน่ั เพยี ร และขยนั ในการทำงาน ไมม่ คี วามเกียจคร้าน ม่งุ มน่ั ทจ่ี ะ
ทำงานใหเ้ สรจ็ ผ้ทู ขี่ าดความขยัน ยอ่ มทำงานขาดๆเกนิ ๆหรือมกั ทำงานนนั้ ไมส่ ำเรจ็ หรอื หากสำเร็จก็สำเร็จ
ลา่ ช้า และไม่มีประสทิ ธิภาพ
3. ประโยชนข์ องจติ ตะ คือ ทำใหเ้ ปน็ คนมคี วามม่งุ มน่ั และจดจอ่ กับงานทที่ ำ จติ มีความแน่วแน่ และ
ม่ันคงต่อปญั หาตา่ งๆที่เกดิ ขน้ึ ชว่ ยให้งานดำเนนิ ตอ่ ไปอยา่ งตอ่ เน่ืองตามกระบวนการ ทราบความเปน็ ไปของ
งานอยเู่ สมอ
4. ประโยชน์ของวิมังสา คอื ทำให้เป็นผทู้ ่ีรูจ้ ักคดิ วเิ คราะหใ์ นงาน ช่วยทำใหท้ ราบ และเข้าใจใน
กระบวนการของงาน และหากเกิดปัญหาก็ย่อมเกิดแนวทางในการแก้ปัญหานน้ั ได้อย่างง่ายดาย งานไม่
ผดิ พลาด และทำงานตามกรอบท่ีวางไว้ให้ประสบความสำเร็จ ถา้ ขาดวิมงั สาจะทำใหเ้ ปน็ คนทำงานไม่มี
หลักการ ทำงานไม่มีแนวทาง ไม่มแี บบแผน ซึง่ ยากที่จะเกดิ ความสำเรจ็ ได้โดยง่าย
ดังนั้น ฉันทะ และวิริยะ เป็นหลักปฏิบัติท่ีช่วยใหบ้ ุคคลมคี วามมั่นใจในการทีจ่ ะเผชญิ หนา้ กับปญั หา และ
อุปสรรคในการทำงาน และมีจติ ตะ และวิมงั สา เป็นหลักปฏบิ ตั ทิ ช่ี ่วยในการเอาชนะปญั หา และอปุ สรรคใน
การทำงานเปน็ ไปอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพยิ่งข้ึน
บทที่ 3
วธิ กี ารดำเนนิ งาน
1. ขนั้ ตอนการดำเนินงาน
1. นักเรียนระดบั ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/2 ร่วมประชุมปรึกษาหารือเกยี่ วกบั การดำเนนิ งานภายใน
ห้องเรยี น เชน่ การแต่งต้ังหัวหนา้ หอ้ ง การแต่งตัง้ เวรประจำวัน ฯลฯ
2. เลือกหวั หน้าเวรประจำวันและใหส้ มาชิกแตล่ ะคนเลอื กเวรประจำวันตามความสมัครใจ
3. จัดทำแนวปฏิบตั ิและขอ้ ตกลงในการปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ีเวรประจำวันแตล่ ะวัน
4. ทกุ คนปฏิบัตหิ น้าที่ท่ีไดร้ ับมอบหมาย
5. ครูทปี่ รกึ ษาแนะนำวธิ ีการ แนวทางในการนำขยะมาประดษิ ฐ์เปน็ ของใช้ต่างๆ เพือ่ ใหน้ ักเรียนเห็น
ความสำคญั ของขยะ และมามารถนำมาแลกเป็นเงินได้
6. สงั เกตพฤติกรรมการปฏบิ ัตงิ าน และปฏบิ ัติตน
7. สรปุ ละประเมินผล โดยใช้เครอ่ื งมือประเมนิ คือ แบบบันทึกตรวจเวรประจำวันของคณะกรรมการ
นกั เรยี น
8. เสนอแนะ ปรบั ปรงุ แก้ไข
9. จัดทำรูปเล่ม
10. จัดทำผังโครงงาน
11. นำเสนอโครงงาน
2. ตวั ชี้วดั
1.นกั เรยี นมพี ฤติกรรมท่ีพงึ ประสงค์ คือรูจ้ ักความรับผดิ ชอบและมวี นิ ยั ในตนเองมากขึ้น
2. ผลจากการสำรวจห้องเรยี นของสภานักเรยี น ร้อยละ 90 ห้องเรียนช้ัน ป.5/2 สะอาดและเปน็
ระเบยี บเรียบร้อยดี
3.วธิ ีการวดั และประเมนิ ผล
1. สังเกตพฤติกรรม
2. แบบบันทกึ การตรวจเวรประจำวันของคณะกรรมการนักเรยี น
บทท่ี 4
ผลการศกึ ษาค้นควา้
จากการทำโครงงาน “ห้องเรียนสะอาดน่าอยู่ นา่ รู้ น่าเรยี น ” ของนักเรียนระดับชนั้ ประถมศึกษาปที ี่
5/2 ประจำปกี ารศึกษา 2565 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 50 เรมิ่ จากการประชุมปรกึ ษาหารือเก่ยี วกับ
การดำเนินงานภายในห้องเรยี น เช่น การแตง่ ตัง้ หวั หน้าห้อง การแตง่ ต้ังเวรประจำวัน การเลอื กหวั หน้าเวร
ประจำวนั และให้สมาชกิ แตล่ ะคนเลอื กเวรประจำวนั ตามความสมคั รใจ จดั ทำแนวปฏิบตั แิ ละข้อตกลงในการ
ปฏิบตั หิ น้าที่เวรแต่ละวนั ทุกคนมาปฏบิ ตั หิ น้าที่ท่ีได้รับมอบหมาย นอกจากนี้นกั เรียนกไ็ ดเ้ ก็บขยะท่สี ามารถ
ขายได้ เก็บใสถ่ ุงดำเพ่ือนำไปขาย บางสว่ นนกั เรยี นกน็ ำมาประดิษฐเ์ ป็นของใชส้ ่วนตวั เชน่ กล่องใสด่ นิ สอ
ตะกรา้ จากกล่องนม โดยสังเกตุพฤติกรรมการปฏิบตั งิ าน ปฏบิ ตั ิตน สามารถสรุปผลการดำเนนิ งาน ไดด้ งั นี้
จากการศึกษาพบว่า
1. นักเรยี นทีเ่ ขา้ รว่ มกิจกรรมโครงงาน “ ห้องเรียนสะอาดนา่ อยู่ น่ารู้ น่าเรยี น ” มคี วามรบั ผดิ ชอบ
และมีวินยั ในตนเองมากขน้ึ
2. ผลการตรวจหอ้ งเรียนจากกรรมการสภานักเรียนพบวา่ ร้อยละ 90 มคี วามสะอาด และเป็น
ระเบียบมากขนึ้
บทที่ 5
สรปุ ผล
สรปุ ผลการดำเนินงาน
จากการดำเนินโครงงาน “ ห้องเรยี นสะอาดน่าอยู่ น่ารู้ น่าเรียน” ของนักเรยี นระดับชน้ั ประถมศึกษา
ปที ่ี 5/2 ปีการศึกษา 2565 เพ่ือแกป้ ัญหานักเรยี นท้ิงขยะไม่ถูกที่ ไมเ่ ก็บขยะ ไมท่ ำความสะอาดห้องเรียน
โดยสรุปผลการดำเนินงาน ดงั นี้
1. นกั เรียนทีเ่ ขา้ รว่ มกิจกรรมโครงงาน “หอ้ งเรียนสะอาดน่าอยู่ น่ารู้ นา่ เรยี น ” มีความรับผิดชอบ
และมวี ินัยในตนเองมากขึน้
1. 2. ผลการตรวจหอ้ งเรยี น ร้อยละ 90 มคี วามสะอาด เป็นระเบียบมากขนึ้
ข้อเสนอแนะ
1.ควรขยายผลไปยงั นกั เรยี นทกุ คนในโรงเรียน
2.ควรจัดทำโครงงานนีอ้ ย่างต่อเน่อื ง เพื่อให้นกั เรียนมคี วามรบั ผิดชอบและมีวนิ ยั ในตนเองอยา่ งยงั่ ยืน
ของลักษณะนสิ ยั
โครงงานคุณธรรม
เรือ่ ง หอ้ งเรยี นสะอาด นา่ อยู่ น่ารู้ น่าเรียน
โรงเรียนรำชประชำนุเครำะห์ ๕๐
อำเภอบ้ำนแฮด จงั หวดั ขอนแก่น
สำนักบริหำรงำนกำรศึกษำพิเศษ
สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขน้ั พื้นฐำน
กระทรวงศึกษำธกิ ำร