The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by pakanatt, 2022-02-01 21:16:05

หมอบรัดเลย์

หมอบรัดเลย์

แพทยศาสตรบัณฑิต

หมอบรัดรีย์

แดน บีช แบรดลีย์

หมอบรัดลีย์

ประวัติ

หมอบรัดเลย์ หรือ แดน บีช แบรดลีย์ (Dan Beach Bradley, M.D.) หรือบางคนเขียนเป็น หมอ
บรัดเลหมอปลัดเล หมอปรัดเล หรือ หมอปรัดเลย์ เป็นนายแพทย์ชาวอเมริกันที่เข้ามาเผยแพร่
ศาสนาคริสต์ในประเทศไทยสมัยรัชกาลที่ 3 และยังเป็นผู้เริ่มต้นการพิมพ์อักษรไทยในประเทศไทย
เป็นครั้งแรก และทำการผ่าตัดในประเทศไทยเป็นครั้งแรก

แดน บีช บรัดเลย์ เป็นชาวเมืองมาร์เซลลัส (Marcellus) เกิดเมื่อ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2347 บุตร
คนที่ห้าของนายแดน บรัดเลย์และนางยูนิช บีช บรัดเลย์ สำเร็จการแพทย์จาก มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก
สมรสกับภรรยาคนแรก เอมิลี รอยส์ บรัดเลย์ และภรรยาคนที่สอง ซาราห์ แบลคลี บรัดเลย์

คนไทยกับคนอเมริกันได้พบเห็นหน้าอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อในรัชกาลที่ ๓ ในครั้งนั้น
ประธานาธิบดีแย็กสัน (Andrew Jackson) ได้แต่งตั้งให้เอมินราบัดหรือ
เอดมันด์ รอเบิต (Edmond Roberts) เป็นทูตขี่เรือกำปั่ นเข้ามาทำหนังสือสัญญาทางพระราชไมตรี
และการค้าขายเมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๕ (ภายหลังประเทศอังกฤษ) และต่อจากนั้น ๓ ปี หมอบรัดเลย์ก็นั่ง
เรือใบเข้ามา

ประวัติ

บรัดเลย์เสียชีวิตเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ.
2416 อายุ 69 ปี ศพฝังที่สุสานโปรเตสแตนต์
ที่ใกล้โรงงานยาสูบ ถนนตก ซึ่งยังมีอยู่มาถึง

ทุกวันนี้

บิดาแห่งการพิมพ์ของไทย

ผู้สร้างวัคซีนเข็มเเรกของไทย
ช่วงปลายรัชกาลที่ 3 ก็เกิดการระบาดของ ‘โรคฝีดาษ’ หรือ ‘ไข้ทรพิษ’ ทำให้มี
ผู้คนเจ็บป่วยล้มตายจำนวนมาก หมอบรัดเลย์จึงตัดสินใจเขียนจดหมายกลับบ้านเกิด
ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนหมอด้วยกัน เพื่อที่จะสั่ง ‘หนองฝีวัว’ จากอเมริกาเข้ามา
รักษาผู้คนในตอนนั้น
หมอบรัดเลย์เริ่มปลูกฝีให้ชาวบ้านเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2379
แต่ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร เนื่องจากหนองฝีวัวที่ได้มานั้นใช้เวลาขนส่งนานกว่า
10 เดือน ทำให้คุณภาพและประสิทธิภาพการใช้งานลดลง
6 ปีให้หลัง โรคฝีดาษกลับมาระบาดอีกครั้ง ทั้งชาวบ้านและลูกสาวหมอบรัดเลย์
ต่างติดเชื้อและเสียชีวิตลง ด้วยเหตุนี้ท่านจึงทุ่มเทศึกษาเกี่ยวกับการปลูกฝี และ
ทดลองทำหนองฝีจนในที่สุดก็สำเร็จในปลาย พ.ศ. 2385 โดยฉีดหนองฝีของผู้ป่วย
โรคฝีดาษเข้าไปในวัว เพื่อทำให้วัวเป็นโรคแล้วสร้างภูมิคุ้มกัน ก่อนจะสกัดเชื้อมาทำ
วัคซีนใช้รักษาคนต่อไป ทั้งยังพิมพ์ตำราปลูกฝีโคหรือปลูกฝีดาษ เป็นหนังสือการ
แพทย์สมัยใหม่เล่มแรกของคนไทยสมัยนั้น

ผู้สร้างวัคซีนเข็มเเรกของไทย

ต่อมารัชกาลที่ 5 มีพระราชประสงค์ที่จะทำหนองฝีขึ้นใช้เองในประเทศ จึงรับสั่ง
ให้กระทรวงธรรมการจัดส่งหมอ 2 นายไปศึกษาวิชาการทำพันธุ์หนองฝี ณ เมือง
มะนิลา เกาะฟิลิปปินส์ จนเกิดการทำพันธุ์หนองฝีโดยฝ่ายราชการเป็นครั้งแรกใน
พระนครเมื่อ พ.ศ. 2444

หลังจากนั้นไม่นานก็ได้มีการจัดตั้ง ‘ปาสตุระสภา’ สถานที่ดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
แห่งแรกในไทย รวมทั้งได้ย้ายกิจการทำพันธุ์หนองฝี ทำวัคซีน รวมถึงการทำเซรุ่มสำหรับรักษาโรค
ของสัตว์พาหนะต่างๆ ตลอดทั้งจัดหาเซรุ่มที่ใช้ในการรักษาโรคสำหรับคนมาไว้ที่เดียวกัน ซึ่งปัจจุบันที่
แห่งนี้คือ ‘สถานเสาวภา’ สถานที่ผลิตวัคซีนและเซรุ่มของประเทศไทยนั่นเอง
แม้ภายหลังการรักษาของสยามจะเจริญขึ้น จนทำให้บทบาทของแพทย์มิชชันนารีค่อยๆ ถูกลดความ
สำคัญลง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘หมอบรัดเลย์’ ชายต่างชาติร่างบางที่มีหนวดเคราเต็มใบหน้าคนนี้ คือผู้
ที่อุทิศตนให้เกิดการแพทย์สมัยใหม่ในสยามไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใครเลย

บิดาแห่งการพิมพ์ของไทย

6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2395 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานที่ดินให้
หมอบรัดเลย์ รวมถึงมิชชานารี ได้สร้างโรงพิมพ์บริเวณปาก คลองบางกอกใหญ่ ข้าง ป้อมวิชัย
ประสิทธิ์ (ปัจจุบันอยู่ใน เขตบางกอกใหญ่ ) พระองค์เสด็จไปสนทนาภาษาอังกฤษและเรื่องราว
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์กับเขาและแหม่มซาราห์ที่บ้านอยู่บ่อยครั้ง

บิดาแห่งการพิมพ์ของไทย

บรัดเลย์ถือเป็นผู้บุกเบิกงานพิมพ์ในประเทศไทย ภูมิหลังน่าจะได้มาจากบิดาซึ่งเป็น
บรรณาธิการหนังสือ และการสนใจในวรรณคดีแต่เด็ก การพิมพ์ในยุคแรกของเขามุ่งเน้นเรื่อง
ทางศาสนา โดยได้แปลและพิมพ์หนังสือ ใบปลิวที่เกี่ยวกับศาสนาคริสต์เป็นจำนวนมาก โดยไม่
ยอมพิมพ์หนังสือเรื่องทางโลกอื่น ๆ ยกเว้นเรื่องทางการแพทย์และเอกสารของราชการ
เนื่องจากหมอบรัดเลย์ได้พัฒนาอักษรและแท่นพิมพ์ให้เหมาะสม ทำให้ราชสำนักสยามว่าจ้างให้
ตีพิมพ์เอกสารประกาศของราชการ อย่าง ประกาศห้ามมิให้คนสูบแลค้าขายฝิ่ นจำนวน 9,000
ฉบับ ปีกุน พ.ศ. 2382 ออกเผยแพร่ให้แก่ราษฎร ซึ่งนับว่าเป็นเอกสารทางราชการไทยชิ้นแรกที่
ได้จัดพิมพ์ขึ้น

บิดาแห่งการพิมพ์ของไทย

แต่ต่อมาหลังจากกลับจากอเมริกาและถึงกรุงเทพฯ ในวันที่ 28 พฤษภาคม ค.ศ. 1850 มี
ความจำเป็นต้องพึ่งตัวเองมากขึ้น จึงเริ่มพิมพ์งานอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับศาสนา เช่น พิมพ์
นิราศลอนดอน ของหม่อมราโชทัย (หม่อมราชวงศ์กระต่าย อิศรางกูร) ใน พ.ศ. 2404 โดยได้ซื้อ
ลิขสิทธิ์จากหม่อมราโชทัยด้วยจำนวนเงิน 400 บาท ถือเป็นการซื้อขายลิขสิทธิ์ในการพิมพ์
หนังสือครั้งแรกในประเทศไทย และได้จัดพิมพ์หนังสือด้วยตัวอักษรลาวขึ้นเป็นครั้งแรกด้วย มี
การตีพิมพ์ ภูมิประวัติศาสตร์ของประเทศฝรั่งเศส พิมพ์ตำราเรียนภาษาไทย เช่น ประถม ก กา
จินดามณี หนังสือกฎหมาย ทั้งยังพิมพ์เรื่องในวรรณคดีต่าง ๆ เช่น ราชาธิราช สามก๊ก เลียดก๊ก
ไซ่ฮั่น และก่อนจะเสียชีวิตในปี 1873 ได้ตีพิมพ์พจนานุกรมไทย ชื่อ อักขราภิธานศรับท์

บิดาแห่งการพิมพ์ของไทย

นอกจากนี้เขายังเป็นผู้ริเริ่มการพิมพ์หนังสือพิมพ์ในแนวจดหมายเหตุ ที่ชื่อ บางกอกรีคอ
เดอ ถือเป็นหนังสือพิมพ์ภาษาไทยฉบับแรก ฉบับแรกออกเมื่อ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2387 เป็น
เอกสารชั้นต้นซึ่งบันทึกข่าวสารเหตุการณ์สำคัญทั้งในประเทศและต่างประเทศ เนื้อหาในแต่ละ
ฉบับมีข้อมูลสิ่งประดิษฐ์ เทคโนโลยีวิทยาศาสตร์ การแพทย์และการสาธารณสุข ตลอดจนให้
ข้อมูลสินค้าของสยามและต่างประเทศ คำศัพท์สำนวนภาษาอังกฤษ พงศาวดารต่างชาติ ฯลฯ
หมอบรัดเลย์นำเสนอข่าวสารอย่างกล้าหาญและรักความเป็นธรรม ตัวอย่างเช่นเมื่อกงสุล
ฝรั่งเศสชวนข้าทาสไทยให้เข้าไปอยู่ในความคุ้มครองของฝรั่งเศสและเป็นตัวแทนจำหน่ายสุรา
โดยไม่บอกรัฐบาลไทยทราบ เมื่อลงหนังสือพิมพ์ก็ถูกฟ้องร้องและถูกปรับ แต่ฝรั่งในไทยช่วยกัน
รวมรวมเงินจ่ายค่าปรับแทน โดยรัชกาลที่ 4 พระราชทานเงินสมทบด้วย

บรัดเลย์ยังริเริ่มการเย็บเล่ม เข้าปกแบบหนังสือตะวันตก จึงเรียกว่า สมุดฝรั่ง และพิมพ์
ปฏิทินสุริยคติเป็นภาษาไทยขึ้นเป็นครั้งแรก

บิดาแห่งการพิมพ์ของไทย

บิดาแห่งการพิมพ์ของไทย

หมอศาสนา

บรัดเลย์สมัครเป็นมิชชันนารีกับคณะกรรมการพันธกิจคริสตจักรโพ้นทะเล (American Board of
Commissioners for Foreign Missions) โดยเรียนศาสนศาสตร์ด้วยตัวเอง ต่อมาภายหลังเขาเชื่อหลัก
ศาสนศาสตร์เรื่อง คริสเตียนสมบูรณ์แบบ (Christian perfection) ของชาลส์ ฟินนีย์ โดยเชื่อว่า
คริสเตียนทำบาปไม่ได้ เขาเชื่อว่าคนมีสองพวกเท่านั้น คือคนชอบธรรมและอธรรม

สิ่งที่บรัดเลย์ทำเป็นประจำควบคู่กับการรักษาคนเจ็บป่วยที่คลินิกคือการเทศน์และการอธิบายถึง
พระเจ้าแท้จริง เขาจะไปเทศน์อธิบายข้อความในพระคัมภีร์ทุกแห่งที่มีโอกาสไม่ว่าจะเป็นที่วัด เช่นเมื่อ
ครั้งไปเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขณะที่ทรงผนวชอยู่ที่วัดราชาธิวาสราชวรวิหาร ก็
ถือโอกาสเทศน์ให้พระสงฆ์ หรือเมื่อไปรักษาคนเจ็บป่วยในวังก็เทศน์ให้ชาววัง ยังมีการแจกแผ่นปลิวที่
พิมพ์เป็นภาษาไทย จากการแปลด้วยตัวเอง และมีครูภาษาไทยช่วยเรียบเรียงให้ในระยะแรก บรัดเลย์ยัง
แวะขึ้นเรือสำเภาที่จอดริมแม่น้ำเจ้าพระยา แถบท่าดินแดง ราชวงศ์ คลองสาน เรื่อยมาจนถึงบางรัก
ยานนาวา แจกแก่ลูกเรือชาวแต้จิ๋ว

“ผ่าตัดใหญ่” เป็นครั้งแรกในไทย

การเข้ามาของการแพทย์แบบตะวันตกในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พร้อมกับมิชชันนารีชาวอเมริกัน แตกต่างกับการเข้ามาของการ
แพทย์ตะวันตกในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นอย่างมาก เนื่องจากในสมัยรัตนโกสินทร์นั้น การแพทย์มีความก้าวหน้าไปมาก จากการค้น
พบกระบวนการสันดาปของอังตวน ลาวัวร์ซิเอร์ การคิดค้นเครื่องมือต่าง ๆ ในทางการแพทย์อย่าง เช่น หูฟัง เทอร์โมมิเตอร์ หรือ
การ ค้นพบเชื้อโรค หรือการผ่าตัดที่พัฒนาไปอย่างมากในอเมริกาด้วยประสบการณ์ในการรักษาผู้ที่บาด เจ็บจากการรบใน
สงครามกลางเมือง

แพทย์มิชชันนารีที่เข้ามาเผยแพร่คริสต์ศาสนาในสยามได้นําเอาความรู้สมัยใหม่และเทคโนโลยี ทางการแพทย์ในศตวรรษที่ 18-
19 นี้เข้ามาด้วย และได้แสดงความสามารถราวกับเป็นหมอผู้วิเศษ ให้ชาวสยามได้ประจักษ์ในหลายเรื่อง ตัวอย่างที่โดดเด่นเรื่องหนึ่ง
ได้แก่ การผ่าตัดครั้งแรกในเมืองไทยที่หมอบรัดเลย์เขียนไว้ในบันทึกของตนไว้ว่า เป็นการผ่าก้อนเนื้อเหนือคิ้วของชายชาวจีนผู้หนึ่ง

ในเวลาต่อมา หมอบรัดเลย์ได้ทําการผ่าตัดใหญ่เป็นครั้งแรกในเมืองไทย เมื่อวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2380 เนื่องจากเจ้าพระยา
พระคลังจัดงานฉลองวัดประยุรวงศาวาส ปืนใหญ่ที่ใช้ยิ่งไฟพะเนียง เกิดระเบิดขึ้น ทําให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิด
เจ้าพระยาพระคลังจึงได้เรียกหมอบรัดเลย์ที่อยู่ใกล้บริเวณเกิดเหตุมาทําการรักษาคนบาดเจ็บ

แต่มีผู้สมัครใจยอมให้หมอบรัดเลย์รักษาเพียง 2 คนเท่านั้น ส่วนมากไปรักษากับหมอไทย มีภิกษุรูปหนึ่งที่บาดเจ็บถึงขั้นกระดูก
แขนแตกยอมรับการรักษา หมอบรัดเลย์จึงทําการตัดแขนผู้ป่วยในที่เกิดเหตุ

หมอบรัดเลย์ได้สรุปไว้ในบันทึกของตนเองว่า คนไทยไม่มีความรู้เรื่องการผ่าตัด และพระสงฆ์ ที่ผ่านการรักษาโดยการผ่าตัดไม่
นานก็หายดี แม้ว่าตอนนั้นจะไม่มียาสลบหรือยาชาสําหรับการผ่าตัด และยังอ้างด้วยว่าคนที่ได้รับการรักษาจากมิชชันนารีหายดีหมด
แต่คนที่ไม่ยอมรักษาตายเพราะบาดแผลเป็นจํานวนมาก

“ผ่าตัดใหญ่” เป็นครั้งแรกในไทย

ขอบคุณครับ :D

นายภคณัท ศีปาน ม.5/12 เลขที่ 11


Click to View FlipBook Version