The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

มาตรฐานวิชาชีพครูและบุคคลากรทางการศึกษา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sreworasa, 2023-07-24 04:37:19

มาตรฐานวิชาชีพครูและบุคคลากรทางการศึกษา

มาตรฐานวิชาชีพครูและบุคคลากรทางการศึกษา

รายงาน เรื่อง มาตรฐานวิชาชีพครูและบุคคลากรทางการศึกษา เสนอ พระครูวินัยธรวรวุฒิ เตชธมฺโม,ดร. อาจารย์บรรยายในรายวิชา การพัฒนาวิชาชีพทางการศึกษา รหัสวิชา ๖๑๐ ๒๐๑ จัดทำโดย พระสมุห์พรชัย ฐานวโร รหัสนิสิต ๖๖๐๕๒๐๒๐๐๑ พระมหาณัชพล สิทฺธิเมธี รหัสนิสิต ๖๖๐๕๒๐๒๐๐๒ พระศุภชัย สิรินฺธโร รหัสนิสิต ๖๖๐๕๒๐๒๐๐๓ นายวิทวัส สุดน้อย รหัสนิสิต ๖๖๐๕๒๐๒๐๐๔ นางสาวอรทัย ลุนสะแกวงษ์ รหัสนิสิต ๖๖๐๕๒๐๒๐๐๕ สาขาวิชา พุทธบริหารการศึกษา ชั้นปีที่ ๑ รายงานเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา การพัฒนาวิชาชีพทางการศึกษา ๖๑๐ ๒๐๑ ตามหลักสูตรครุศาสตรมหาบัณฑิต (ค.ม.) มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น


รายงาน เรื่อง มาตรฐานวิชาชีพครูและบุคคลากรทางการศึกษา เสนอ พระครูวินัยธรวรวุฒิ เตชธมฺโม,ดร. อาจารย์บรรยายในรายวิชา การพัฒนาวิชาชีพทางการศึกษา รหัสวิชา ๖๑๐ ๒๐๑ จัดทำโดย พระสมุห์พรชัย ฐานวโร รหัสนิสิต ๖๖๐๕๒๐๒๐๐๑ พระมหาณัชพล สิทฺธิเมธี รหัสนิสิต ๖๖๐๕๒๐๒๐๐๒ พระศุภชัย สิรินฺธโร รหัสนิสิต ๖๖๐๕๒๐๒๐๐๓ นายวิทวัส สุดน้อย รหัสนิสิต ๖๖๐๕๒๐๒๐๐๔ นางสาวอรทัย ลุนสะแกวงษ์ รหัสนิสิต ๖๖๐๕๒๐๒๐๐๕ สาขาวิชา พุทธบริหารการศึกษา ชั้นปีที่ ๑ รายงานเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา การพัฒนาวิชาชีพทางการศึกษา ๖๑๐ ๒๐๑ ตามหลักสูตรครุศาสตรมหาบัณฑิต (ค.ม.) มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น


ก คำนำ รายงานการศึกษาเล่มนี้มีชื่อว่า มาตรฐานวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ รายวิชา การพัฒนาวิชาชีพทางการศึกษา (๖๑๐ ๒๐๑) ชั้นปีที่ ๑ โดยมีจุดประสงค์ศึกษาเรื่อง มาตรฐาน วิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งรายงานนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรู้จาก การค้นคว้าจากแหล่งข้อมูล หนังสือ งานวิจัย และเว็บไซต์ ต่างๆ คณะผู้จัดทำได้เลือก หัวข้อนี้ในการทำรายงาน เพื่อศึกษาองค์ความรู้ของ ระดับบัณฑิตศึกษาเพื่อนำไปพัฒนาต่อยอดในวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษาและผู้บริหารการศึกษาในอนาคตซึ่ง คณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ได้ศึกษาและได้เรียนรู้ในรายงานเล่มนี้และนำไปต่อยอด เนื้อหาและแก้ไขปัญหาได้จริงและเป็นองค์ความรู้พัฒนาต่อไป สุดท้ายนี้คณะผู้จัดทำต้องขอขอบพระคุณ พระครูวินัยธรวรวุฒิ เตชธมฺโม,ดร. อาจารย์บรรยายใน รายวิชา การพัฒนาวิชาชีพทางการศึกษา ที่ให้คำปรึกษาและรายงานเล่มนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีเช่นเคยขอ กราบขอบพระคุณ คณะผู้จัดทำกลุ่มที่ ๑ หลักสูตรครุศาสมหาบัณฑิต พุทธบริหารการศึกษา ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๖


ข สารบัญ หน้า คำนำ ก สารบัญ ข มาตรฐานวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษา มาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษา ๑ วิชาชีพควบคุมทางการศึกษา ๑ ความหมายของมาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษา ๒ มาตรฐานวิชาชีพครู ๓ มาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ ๓ มาตรฐานความรู้ ๖ มาตรฐานประสบการณ์ของครู ๑๑ มาตรฐานการปฏิบัติงาน ๑๓ มาตรฐานการปฏิบัติตน (จรรยาบรรณของวิชาชีพ ) ๑ ๕ จรรยาบรรณต่อตนเอง ๑ ๕ จรรยาบรรณต่อวิชาชีพ ๑ ๕ จรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ ๑ ๕ จรรยาบรรณต่อผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ ๑ ๕ จรรยาบรรณต่อสังคม ๑ ๕ สรุป ๒๐ เอกสารอ้างอิง ๒๑


๑ มาตรฐานวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษา มาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษา วิชาชีพควบคุมทางการศึกษา๑ ลักษณะของวิชาชีพควบคุม วิชาชีพ (Profession) เป็นอาชีพให้บริการแก่สาธารณะชนที่ต้องอาศัยความรู้ความชำนาญเป็นการ เฉพาะ ไม่ซ้ำซ้อนกับวิชาอื่น และมีมาตรฐานในการประกอบวิชาชีพ โดยผู้ประกอบวิชาชีพต้องฝึกอบรมทั้ง ภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติอย่างเพียงพอก่อนที่จะประกอบวิชาชีพต่างกับอาชีพ (Career) ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ ต้องทำให้สำเร็จ โดยมุ่งหวังค่าตอบแทนเพื่อการดำรงชีพเท่านั้น วิชาชีพซึ่งได้รับยกย่องให้เป็นวิชาชีพชั้นสูง ผู้ประกอบวิชาชีพย่อมต้องมีความรับผิดชอบอย่างสูงตามมา เพราะมีผลกระทบต่อผู้รับบริการและสาธารณชน จึงต้องมีการควบคุมการประกอบวิชาชีพเป็นพิเศษ เพื่อให้ เกิดความมั่นใจต่อผู้รับบริการและสาธารณชน โดยผู้ประกอบวิชาชีพต้องประกอบวิชาชีพด้วยวิธีแห่งปัญญา (Intellectual Method) ได้รับการศึกษาอบรมมาอย่างเพียงพอ (Long Period of Training) มีอิสระในการใช้ วิชาชีพตามมาตรฐานวิชาชีพ (Professional Autonomy) และมีจรรยาบรรณของวิชาชีพ (Professional Ethics) รวมทั้งต้องมีสถาบันวิชาชีพ (Professional Institution) หรือองค์กรวิชาชีพ (Professional Organization) เป็นแหล่งกลางในการสร้างสรรค์จรรโลงวิชาชีพ การกำหนดให้วิชาชีพทางการศึกษาเป็นวิชาชีพควบคุม วิชาชีพทางการศึกษา นอกจากจะเป็นวิชาชีพชั้นสูงประเภทหนึ่งเช่นเดียวกับวิชาชีพชั้นสูงอื่น เช่น แพทย์ วิศวกร สถาปนิก ทนายความ พยาบาล สัตวแพทย์ ฯลฯ ซึ่งจะต้องประกอบวิชาชีพเพื่อบริการต่อ สาธารณชนตามบริบทของวิชาชีพนั้นๆ แล้วยังมีบทบาทสำคัญต่อสังคมและความเจริญก้าวหน้าของประเทศ กล่าวคือ ๑. สร้างพลเมืองดีของประเทศ โดยการให้การศึกษาขั้นพื้นฐานที่จะทำให้ประชาชนเป็นพลเมืองดี ตามที่ประเทศชาติต้องการ ๒. พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อสนองตอบการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ๓. สืบทอดวัฒนธรรมประเพณีอันดีงานของชาติ จากคนรุ่นหนึ่งไปอีกรุ่นหนึ่ง ให้มีการรักษาความ เป็นชาติไว้อย่างมั่นคงยาวนาน จากบทบาทและความสำคัญดังกล่าว พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ จึงกำหนด แนวทางในการดำเนินงานกำกับดูแลรักษาและพัฒนาวิชาชีพทางการศึกษา โดยกำหนดให้มีองค์กรวิชาชีพครู ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารการศึกษาให้มีอำนาจหน้าที่กำหนดมาตรฐานวิชาชีพ ออกและเพิกถอน ๑ ชลธิชา สุขเจริญ, การปฏิบัติงานตามเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพของครู โรงเรียนกลุ่มบางละมุง ๓ สังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต ๓, วิทยานิพนธ์ กศ.ม. (การบริหารการศึกษา). ชลบุรี : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยบูรพา, หน้า ๑๔๕


๒ ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพกำกับดูแลให้มีการปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณของวิชาชีพ รวมทั้ง พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๖ ซึ่งเป็นกฎหมายเกี่ยวกับวิชาชีพทางการศึกษา กำหนดให้วิชาชีพทางการศึกษาเป็นวิชาชีพควบคุม ประกอบด้วย ๑. วิชาชีพครู ๒. วิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา ๓. วิชาชีพผู้บริหารการศึกษา ๔. วิชาชีพควบคุมอื่นที่กำหนดในกฎกระทรวง การกำหนดให้วิชาชีพทางการศึกษาเป็นวิชาชีพควบคุม จะเป็นหลักประกันและคุ้มครองให้ผู้รับบริการ ทางการศึกษาได้รับการศึกษาอย่างมีคุณภาพ รวมทั้งจะเป็นการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานวิชาชีพให้สูงขึ้น การประกอบวิชาชีพควบคุม ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และบุคลากรทางการศึกษาอื่น ที่กฎกระทรวงกำหนดให้ เป็นวิชาชีพควบคุม ต้องประกอบวิชาชีพภายใต้บังคับแห่งข้อจำกัดและเงื่อนไขของคุรุสภา ดังนี้ ๑. ต้องได้รับใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพ โดยยื่นขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพตามที่คุรุสภา กำหนด ผู้ไม่ได้รับใบอนุญาต หรือสถานศึกษาที่รับผู้ไม่ได้รับใบอนุญาตเข้าประกอบวิชาชีพควบคุมใ น สถานศึกษา จะได้รับโทษตามกฎหมาย ๒. ต้องประพฤติตนตามมาตรฐานและจรรยาบรรณของวิชาชีพ รวมทั้งต้องพัฒนาตนเองอย่าง ต่อเนื่อง เพื่อดำรงไว้ซึ่งความรู้ความสามารถ และความชำนาญการตามระดับคุณภาพของมาตรฐานในการ ประกอบวิชาชีพ ๓. บุคคลผู้ได้รับความเสียหายจากการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ มีสิทธิกล่าวหา หรือ กรรมการคุรุสภา กรรมการมาตรฐานวิชาชีพ และบุคคลอื่นกล่าวโทษผู้ประกอบวิชาชีพที่ประพฤติผิด จรรยาบรรณได้ ๔. เมื่อมีการกล่าวหาหรือกล่าวโทษ คณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพอาจวินิจฉัยชี้ขาดให้ยกข้อ กล่าวหา/กล่าวโทษ ตักเตือน ภาคทัณฑ์ พักใช้ใบอนุญาต หรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพได้ และผู้ถูก พักใช้ หรือเพิกถอนใบอนุญาตไม่สามารถประกอบวิชาชีพต่อไปได้ การกำหนดให้วิชาชีพทางการศึกษาเป็นวิชาชีพควบคุม นับเป็นความก้าวหน้าของวิชาชีพทางการศึกษา และเป็นการยกระดับมาตรฐานวิชาชีพให้สูงขึ้น อันจะเป็นผลดีต่อผู้รับบริการทางการศึกษาที่จะได้รับ การศึกษาอย่างมีคุณภาพและมีมาตรฐานที่สูงขึ้นด้วยซึ่งจะทำให้วิชาชีพและผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ได้รับความเชื่อถือ ศรัทธา มีเกียรติ และศักดิ์ศรีในสังคม


๓ ความหมายของมาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษา๒ มาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษา คือ ข้อกำหนดเกี่ยวกับคุณลักษณะ และคุณภาพที่พึงประสงค์ในการ ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ซึ่งผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องประพฤติปฏิบัติตามเพื่อให้เกิดคุณภาพ ในการประกอบวิชาชีพ สามารถสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาให้แก่ผู้รับบริการจากวิชาชีพได้ว่าเป็นบริการที่มี คุณภาพ ตอบสังคมได้ว่าการที่กฎหมายให้ความสำคัญกับวิชาชีพทางการศึกษา และกำหนดให้เป็นวิชาชีพ ควบคุม นั้น เนื่องจากเป็นวิชาชีพที่มีลักษณะเฉพาะ ต้องใช้ความรู้ ทักษะ และความเชี่ยวชาญในการประกอบ วิชาชีพ ตามพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๖ มาตรา ๔๙ กำหนดให้มีมาตรฐาน วิชาชีพ ๓ ด้าน ประกอบด้วย ๑. มาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ หมายถึง ข้อกำหนดสำหรับผู้ที่จะเข้ามาประกอบ วิชาชีพ จะต้องมีความรู้และมีประสบการณ์วิชาชีพเพียงพอที่จะเข้ามาประกอบวิชาชีพ จะต้องมีความรู้และมี ประสบการณ์วิชาชีพเพียงพอที่จะประกอบวิชาชีพ จึงสามารถขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเพื่อใช้เป็น หลักฐานแสดงว่าเป็นบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ และมีประสบการณ์พร้อมที่จะประกอบวิชาชีพทางการ ศึกษาได้ ๒. มาตรฐานการปฏิบัติงาน หมายถึง ข้อกำหนดเกี่ยวกับการปฏิบัติงานในวิชาชีพให้เกิดผลเป็นไปตาม เป้าหมายที่กำหนด พร้อมกับมีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความชำนาญในการประกอบวิชาชีพ ทั้งความชำนาญเฉพาะด้านและความชำนาญระดับคุณภาพของมาตรฐานการปฏิบัติงาน หรืออย่างน้อยต้องมี การพัฒนาตามเกณฑ์ที่กำหนดว่ามีความรู้ความสามารถ และความชำนาญ เพียงพอที่จะดำรงสถานภาพของ การเป็นผู้ประกอบวิชาชีพต่อไปได้หรือไม่ นั่นก็คือการกำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพจะต้องต่อใบอนุญาตทุกๆ ๕ ปี ๓. มาตรฐานการปฏิบัติตน หมายถึง ขอกำหนดเกี่ยวกับการประพฤติตนของผู้ประกอบวิชาชีพ โดยมี จรรยาบรรณของวิชาชีพเป็นแนวทางและข้อพึงระวังในการประพฤติปฏิบัติ เพื่อดำรงไว้ซึ่งชื่อเสียง ฐานะ เกียรติ และศักดิศรีแห่งวิชาชีพ ตามแบบแผนพฤติกรรม ตามจรรยาบรรณของวิชาชีพที่คุรุสภาจะกำหนดเป็น ข้อบังคับต่อไป หากผู้ประกอบวิชาชีพผู้ใดประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพทำให้เกิดความเสียหายแก่ บุคคลอื่นจนได้รับการร้องเรียนถึงคุรุสภาแล้ว ผู้นั้นอาจถูกคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพวินิจฉัยชี้ขาดอย่าง ใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้(๑) ยกข้อกล่าวหา (๒) ตักเตือน (๓) ภาคทัณฑ์ (๔) พักใช้ใบอนุญาตมีกำหนดเวลา ตามที่เห็นสมควร แต่ไม่เกิน ๕ ปี (๕) เพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ (มาตรา ๕๔) สำนักงานเลขาธิการคุรุสภาได้ดำเนินการศึกษาวิเคราะห์เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องสำรวจความ คิดเห็น จัดประชุมสัมมนา ประชุมเชิงปฏิบัติการ ประชุมรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งด้านการ ๒ นิภา นาคสิงห์, การปฏิบัติตามเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพของครูผู้สอนในโรงเรียนเครือข่ายพัฒนาคุณภาพ การศึกษาที่ ๔ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาราชบุรี เขต ๑, การค้นคว้าอิสระ ค.ม. (การบริหาร การศึกษา), ราชบุรี : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง, หน้า ๑๕๖


๔ ผลิต การพัฒนา และการประกอบวิชาชีพ รวมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อนำมากำหนดเป็นวาระสำคัญของมาตรฐาน วิชาชีพ ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการคุรุสภาในคราวประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๔๘ วันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๔๘ และที่ประชุม คณะกรรมการคุรุสภาครั้งที่ ๖/๒๕๔๘ วันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๔๘ ได้อนุมัติให้ออก ข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณของวิชาชีพที่เรียบร้อยแล้ว มาตรฐานวิชาชีพครู๓ มาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ ราชกิจจานุเบกษา ประกาศรายละเอียดของมาตรฐานความรู้และประสบการวิชาชีพครูตามข้อบังคับของคุรุ สภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพ (ฉบับที่ ๔ ) พ.ศ. ๒๕๖๒ และหลักเกณฑ์และวิธีการทดสอบและประเมิน สมรรถนะทางวิชาชีพครู พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยมีรายละเอียดดังนี้ ประกาศคณะกรรมการคุรุสภา เรื่องรายละเอียดของมาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพครูตาม ข้อบังคับของคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒ คุรุสภา ได้แก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับ ของคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๕๖ ในส่วนของมาตรฐานวิชาชีพครู ด้านมาตรฐานความรู้และ ประสบการณ์วิชาชีพและมาตรฐานการปฏิบัติงาน เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงและทิศทางการศึกษา ของชาติ โดยออกเป็น “ข้อบังคับของคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒” ซึ่งมีผลบังคับ ใช้ตั้งแต่วันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นมา คณะกรรมการคุรุสภาได้ออกประกาศคณะกรรมการคุรุสภาดังกล่าว เพื่อกำหนดรายละเอียดของ มาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพครูตามข้อบังคับดังกล่าว ซึ่งประกอบด้วย สาระความรู้ และ สมรรถนะตามมาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพครู ทังนี้เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาให้การ รับรองปริญญา และประกาศนียบัตรทางการศึกษา เพื่อการประกอบวิชาชีพครู ของสถาบันต่างๆ ที่เสนอให้คุรุ สภารับรอง ตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๖๒ เป็นต้นไป รวมทั้งใช้เป็นกรอบในการดำเนินการทดสอบและประเมิน สมรรถภาพทางวิชาชีพครู เพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ตามข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยใบอนุญาต ประกอบวิชาชีพ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งกำหนดให้ผู้ขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ทั้งชาวไทย และ ชาวต่างชาติ ต้องผ่านการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครูตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ คณะกรรมการคุรุสภากำหนด โดยมีผลบังคับใช้กับผู้เข้ารับการศึกษาในหลักสูตรปริญญา และประกาศนียบัตร วิชาชีพครูที่คุรุสภารับรอง ตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๖๒ เป็นต้นไป ประกาศคณะกรรมการคุรุสภา เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพ ครู พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยที่เป็นการสมควรให้มีการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการทดสอบและประเมินสมรรถนะ ทางวิชาชีพครู ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู เพื่อเป็นส่วนหนึ่ง ของกลไกและระบบการคัดกรองผู้ประกอบวิชาชีพครูให้ได้ผู้มีจิตวิญญาณของความเป็นครูและมีความรู้ ๓ กระทรวงศึกษาธิการ, รายงานประจำปี ๒๕๕๘ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ, กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย,ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐาน วิชาชีพ (๒๕๕๖), ราชกิจจานุเบกษา, ๑๓๐ ตอนพิเศษ หน้า ๖๕.


๕ ความสามารถตามมาตรฐานวิชาชีพครูที่คุรุสภากำหนด คุรุสภาจึงออกข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยใบอนุญาต ประกอบวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๕๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยข้อบังคับของคุรุสภา ว่าด้วยใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ใหม่ โดยกำหนดให้ผู้ขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ทั้งชาวไทย และ ชาวต่างประเทศ ต้องผ่านการ ทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการคุรุสภากำหนด โดย ยกเว้น ผู้ที่สำเร็จการศึกษาจากปริญญา หรือ ประกาศนียบัตรทางการศึกษาที่คุรุสภารับรองที่เข้าศึกษาก่อนปี การศึกษา ๒๕๖๒ และผู้ผู้ได้สิทธิในการขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูก่อนข้อบังคับนี้มีผลบังคับใช้ (ผู้ ผ่านการรับรองความรู้ความสามรถในการประกอบวิชาชีพครู และมีใบอนุญาตปฏิบัติการสอนอยู่ระหว่างทำ คุณสมบัติด้านประสบการณ์ วิชาชีพครู ๑ ปี ภายในวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๓) โดยคณะกรรมการคุรุสภาในการประชุมครั้งที่ ๖/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๒ และครั้งที่ ๒/ ๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๓ ได้มีมติเห็นชอบแนวทาง การดำเนินการทดสอบ และการกำหนด หลักเกณฑ์และวิธีการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู ออกเป็น “ประกาศคณะกรรมการคุรุสภา เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู พ.ศ. ๒๕๖๓” ซึ่งประกาศในราชกิจจา นุเบกษาเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๓ สาระสำคัญโดยย่อของประกาศ ๑. กำหนดองค์ประกอบของการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู ประกอบด้วย ๒ ส่วน ได้แก่ ๑.๑ ความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ ตามมาตรฐานวิชาชีพครู ซึ่งจะดำเนินการโดยวิธีทดสอบ รวม ๕ รายวิชา ได้แก่ (๑) วิชาภาษาและเทคโนโลยี ดิจิทัล ประกอบด้วย ๑) การใช้ภาไทยเพื่อการสื่อสาร ๒) การใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ๓) การใช้เทคโนโลยี ดิจิทัลเพื่อการศึกษา (๒) วิชาชีพครู (๓) วิชาเอก ตามที่คณะอนุกรรมการกำหนด ๑.๒ การปฏิบัติงานและการปฏิบัติตน ตามมาตรฐานวิชาชีพครู ซึ่งจะดำเนินการโดยวิธีการ ประเมิน ตามเครื่องมือประเมินที่คุรุสภากำหนด ในด้านต่างๆ ได้แก่ (๑) การจัดการเรียนรู้ (๒) ความสัมพันธ์กับผู้ปกครองและชุมชน (๓) การปฏิบัติหน้าที่ครู และจรรยาบรรณของวิชาชีพ ๒. กำหนดคุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบและประเมินฯ จำแนกเป็น ๒ กลุ่ม ได้แก่ ๒.๑ ผู้ศึกษาในหลักสูตรปริญญาทางการศึกษา หรือเทียบเท่าที่คุรุสภารับรอง ประกอบด้วย (๑) ผู้มีคุณวุฒิปริญญาทางการศึกษา หรือเทียบเท่าที่คุรุสภารับรอง หรือ


๖ (๒) ผู้อยู่ระหว่างศึกษาในหลักสูตรปริญญาทางการศึกษา หรือเทียบเท่า ที่คุรุสภารับรองตาม หลักเกณฑ์คุณสมบัติที่คณะอนุกรรมการกำหนด ๒.๒ ผู้มีคุณวุฒิ ปริญญาอื่น ที่คุรุสภารับรอง และมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้ (๑) ผ่านการรับรองความรู้ตามมาตรฐานวิชาชีพครูที่คุรุสภากำหนด หรือ (๒) ผ่านการรับรองคุณวุฒิการศึกษาเพื่อการประกอบวิชาชีพครู ๓. กำหนดให้มีคณะอนุกรรมการอำนวยการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครูเพื่อขอรับ ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู มีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดนโยบายแนวทาง และรายละเอียดของหลักเกณฑ์ และวิธีการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู อำนวยการและดำเนินงานตามนโยบาย แนวทางและ รายละเอียดหลักเกณฑ์และวิธีการทดสอบ กำกับ ติดตาม และประเมินผลการดำเนินการทดสอบอื่นๆ ที่คุรุ สภามอบหมาย ๔. กำหนดอัตราค่าสมัครเข้ารับการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครูด้านความรู้และ ประสบการณ์วิชาชีพครู ตามประกาศของคุรุสภา สำหรับชาวไทย วิชาละ ๓๐๐ บาท และ ชาวต่างประเทศ วิชาละ ๕๐๐ บาท ๕. กำหนดระยะเวลาในการใช้ผลการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู กรณีเป็นการ ทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู ด้านความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ กำหนดใช้ผลการทดสอบ และประเมิน ๖. ที่ผ่านเกณฑ์ ในวิชานั้นๆ เพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูได้ภายใน ๓ ปี นับตั้งแต่วัน ประกาศผลการทดสอบฯ หากพ้นกำหนดดังกล่าว ต้องเข้าทดสอบใหม่ และกรณีการทดสอบและประเมิน สมรรถนะทางวิชาชีพครู ด้านการปฏิบัติงานและการปฏิบัติตน สามารถใช้ผลการทดสอบและประเมินฯ ได้โดย ไม่จำกัดระยะเวลา การเตรียมดำเนินการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู ครั้งแรกในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ คณะอนุกรรมการอำนวยการทดสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ในการประชุม ครั้งที่ ๒/ ๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๒ มีมติให้ดำเนินการจัดการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู ด้านความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ ตามมาตรฐานวิชาชีพครู ปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ในเดือน ตุลาคม ๒๕๖๓ โดยมี กลุ่มเป้าหมายในการทดสอบ ได้แก่ นิสิตนักศึกษาที่เข้าศึกษาในหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษา ปีการศึกษา ๒๕๖๒ ในหลักสูตรปริญญาโททางการศึกษา (วิชาชีพครู) และประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู ที่คุรุสภา รับรอง ซึ่งสำนักงานเลขาธิการคุรุสภาได้สำรวจข้อมูลนักศึกษาในหลักสูตรดังกล่าวแล้วพบว่า มีประมาณ ๗,๘๐๐ คน การดำเนินงานจัดการการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครูด้านความรู้และ ประสบการณ์วิชาชีพครู สำนักงานเลขาธิการคุรุสภาได้ประสานความร่วมมือกับสถาบันทดสอบทางการศึกษา แห่งชาติ (องค์กรมหาชน) เพื่อดำเนินการสร้างข้อสอบ ตามผังการสร้างข้อสอบที่คณะอนุกรรมการอำนวยการ ทดสอบให้ความเห็นชอบและจะดำเนินการจัดการทดสอบ ในเดือนตุลาคม ๒๕๖๓ ณ ศูนย์ทดสอบที่กำหนด โดยกระจายในภูมิภาคต่างๆ รวม ๙ ศูนย์ ทั้งนี้ รายละเอียด เกี่ยวกับการจัดการทดสอบ เมื่อผ่านความ เห็นชอบจากคณะอนุกรรมการอำนวยการทดสอบฯ และคณะกรรมการคุรุสภาเรียบร้อยแล้ว จะได้


๗ ประชาสัมพันธ์ให้ทราบโดยเร็วต่อไป รวมทั้ง การเตรียมความพร้อมในเรื่องการจัดการ ทดสอบ หาก สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID - ๑๙) ยังคงต้อง คงมารการควบคุมอย่าง เข้มงวดตามมติคณะรัฐมนตรีสำนักงานเลขาธิการคุรุสภาจะหารือร่วมกับสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ เพื่อเตรียมดำเนินการจัดการตามสถานการณ์ดังกล่าวต่อไป มาตรฐานความรู้ มีคุณวุฒิไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางการศึกษาหรือเทียบเท่า หรือคุณวุฒิอื่นที่คุรุสภารับรอง โดยมีความรู้ ดังต่อไปนี้ ๑. ภาษาและเทคโนโลยีสำหรับครู ๒. การพัฒนาหลักสูตร ๓. การจัดการเรียนรู้ ๔. จิตวิทยาสำหรับครู ๕. การวัดและประเมินผลการศึกษา ๖. การบริหารจัดการในห้องเรียน ๗. การวิจัยทางการศึกษา ๘. นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศน์ทางการศึกษา ๙. ความเป็นครู สาระความรู้ และ สมรรถนะของครู ๑. ภาษาและเทคโนโลยีสำหรับครู สาระความรู้ ๑) ภาษาไทยสำหรับครู ๒) ภาษาอังกฤษหรือภาษาต่างประเทศอื่น ๆ สำหรับครู ๓) เทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับครู สมรรถนะ ๑) สามารถใช้ทักษะในการฟัง การพูด การอ่าน การเขียนภาษาไทย เพื่อการสื่อความหมายได้ อย่างถูกต้อง ๒) สามารถใช้ทักษะในการฟัง การพูด การอ่าน การเขียนภาษาอังกฤษหรือภาษาต่างประเทศอื่น ๆ เพื่อการสื่อความหมายได้อย่างถูกต้อง ๓) สามารถใช้คอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐาน ๒. การพัฒนาหลักสูตร สาระความรู้ ๑) ปรัชญา แนวคิดทฤษฎีการศึกษา ๒) ประวัติความเป็นมาและระบบการจัดการการศึกษาไทย ๓) วิสัยทัศน์และแผนพัฒนาการศึกษาไทย


๘ ๔) ทฤษฎีหลักสูตร ๕) การพัฒนาหลักสูตร ๖) มาตรฐานและมาตรฐานช่วงชั้นของหลักสูตร ๗) การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา ๘) ปัญหาและแนวโน้มในการพัฒนาหลักสูตร สมรรถนะ ๑) สามารถวิเคราะห์หลักสูตร ๒) สามารถปรับปรุงและพัฒนาได้อย่างหลากหลาย ๓) สามารถประเมินหลักสูตรได้ ทั้งก่อนและหลังการใช้หลักสูตร ๔) สามารถจัดทำหลักสูตร ๓. การจัดการเรียนรู้ สาระความรู้ ๑) ทฤษฎีการเรียนรู้และการสอน ๒) รูปแบบการเรียนรู้และการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอน ๓) การออกแบบและการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ ๔) การบูรณาการเนื้อหาในกลุ่มสาระการเรียนรู้ ๕) การบูรณาการการเรียนรู้แบบเรียนรวม ๖) เทคนิค และวิทยาการจัดการเรียนรู้ ๗) การใช้และการผลิตสื่อและการพัฒนานวัตกรรมในการเรียนรู้ ๘) การจัดการเรียนรู้แบบยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ ๙) การประเมินผลการเรียนรู้ สมรรถนะ ๑) สามารถนำประมวลรายวิชาจัดทำแผนการเรียนรู้รายภาคและตลอดภาค ๒) สามรถออกแบบการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับวัยของผู้เรียน ๓) สามารถเลือกใช้ พัฒนาและสร้างสื่ออุปกรณ์ที่ส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน ๔) สามารถจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนและจำแนกระดับการเรียนรู้ของผู้เรียน จากการประเมินผล ๔. จิตวิทยาสำหรับครู สาระการเรียนรู้ ๑) จิตวิทยาพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการมนุษย์ ๒) จิตวิทยาการศึกษา ๓) จิตวิทยาแนะแนวและให้คำปรึกษา


๙ สมรรถนะ ๑) เข้าใจธรรมชาติของผู้เรียน ๒) สามารถช่วยเหลือผู้เรียนให้เรียนรู้และพัฒนาได้ตามศักยภาพของตน ๓) สามารถให้คำแนะนำช่วยเหลือผู้เรียนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ๔) สามารถส่งเสริมความถนัดและความสนใจของผู้เรียน ๕. การวัดผลและประเมินผลการศึกษา สาระความรู้ ๑) หลักการและเทคนิคการวัดและประเมินผลทางการศึกษา ๒) การสร้างและการใช้เครื่องมือวัดผลและประเมินผลทางการศึกษา ๓) การประเมินตามสภาพจริง ๔) การประเมินจากแฟ้มสะสมงาน ๕) การประเมินภาคปฏิบัติ ๖) การประเมินผลแบบย่อยและแบบรวม สมรรถนะ ๑) สามารถวัดและประเมินผลได้ตามสภาพความเป็นจริง ๒) สามารถนำผลการประเมินไปใช้ในการปรับปรุงการจัดการเรียนรูและหลักสูตร ๖. การบริหารจัดการในห้องเรียน สาระการเรียนรู้ ๑) ทฤษฎีและหลักการบริหารจัดการ ๒) ภาวะผู้นำทางการศึกษา ๓) การคิดอย่างเป็นระบบ ๔) การเรียนรู้วัฒนธรรมองค์กร ๕) มนุษยสัมพันธ์ในองค์กร ๖) การติดต่อสื่อสารในองค์กร ๗) การบริหารจัดการชั้นเรียน ๘) การประกันคุณภาพการศึกษา ๙) การทำงานเป็นทีม ๑๐) การจัดทำโครงการทางวิชาการ ๑๑) การจัดโครงการฝึกอาชีพ ๑๒) การจัดโครงการและกิจกรรมเพื่อพัฒนา ๑๓) การจัดระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการ ๑๔) การศึกษาเพื่อพัฒนาชุมชน


๑๐ สมรรถนะ ๑) มีภาวะผู้นำ ๒) สามารถบริหารจัดการในชั้นเรียน ๓) สามารถสื่อสารได้อย่างมีคุณภาพ ๔) สามารถในการประสานประโยชน์ ๕) สามารถนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ในการบริหารจัดการ ๗. การวิจัยทางการศึกษา สาระความรู้ ๑) ทฤษฎีการวิจัย ๒) รูปแบบการวิจัย ๓) การออกแบบการวิจัย ๔) กระบวนการวิจัย ๕) สถิติเพื่อการวิจัย ๖) การวิจัยในชั้นเรียน ๗) การฝึกปฏิบัติการวิจัย ๘) การนำเสนอผลงานวิจัย ๙) การค้นคว้า ศึกษางานวิจัยในการพัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู้ ๑๐) การใช้กระบวนการวิจัยในการแก้ปัญหา ๑๑) การเสนอโครงการเพื่อทำวิจัย สมรรถนะ ๑) สามารถนำผลการวิจัยไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน ๒) สามารถทำวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอนและพัฒนาผู้เรียน ๘. นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา สาระความรู้ ๑) แนวคิด ทฤษฎี เทคโนโลยี และนวัตกรรมการศึกษาที่ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ ๒) เทคโนโลยีและสารสนเทศ ๓) การวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดจากการใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีและสารสนเทศ ๔) แหล่งการเรียนรู้และเครือข่ายการเรียนรู้ ๕) การออกแบบ การสร้าง การนำไปใช้ การประเมินและการปรับปรุงนวัตกรรม สมรรถนะ ๑) สามารถเลือกใช้ ออกแบบ สร้างและปรับปรุงนวัตกรรมเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่ดี ๒) สามารถพัฒนาเทคโนโลยีและสารสนเทศเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่ดี ๓) สามารถแสวงหาแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน


๑๑ ๙. ความเป็นครู สาระความรู้ ๑) ความสำคัญของวิชาชีพครู บทบาท หน้าที่ ภาระงานของครู ๒) พัฒนาการของวิชาชีพครู ๓) คุณลักษณะขอครูที่ดี ๔) การสร้างทัศนะคติที่ดีต่อวิชาชีพครู ๕) การเสริมสร้างศักยภาพและสมรรถภาพความเป็นครู ๖) การเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้และการเป็นผู้นำทางวิชาการ ๗) เกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพครู ๘) จรรยาบรรณของวิชาชีพครู ๙) กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา สมรรถนะ ๑) รัก เมตตา และปรารถนาดีต่อผู้เรียน ๒) อดทนและรับผิดชอบ ๓) เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้และเป็นผู้นำทางวิชาการ ๔) มีวิสัยทัศน์ ๕) ศรัทธาในวิชาชีพครู ๖) ปฏิบัติตามจรรยาบรรณของวิชาชีพครู มาตรฐานประสบการณ์ของครู ผ่านการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาตามหลักสูตรปริญญาทางการศึกษาเป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๑ ปี และผ่านเกณฑ์ประเมินปฏิบัติการสอนตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เละเงื่อนไขที่คณะกรรมการคุรุสภากำหนด ดังนี้ ๑. การฝึกปฏิบัติวิชาชีพระหว่างเรียน ๒. การปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาในสาขาวิชาเฉพาะ สาระฝึกทักษะ และ สมรรถนะของครู ๑. การฝึกปฏิบัติวิชาชีพระหว่างเรียน สาระการฝึกทักษะ ๑) การบูรณาการความรู้ทั้งหมดมาใช้ในการฝึกประสบการณ์วิชาชีพในสถานศึกษา ๒) ฝึกปฏิบัติการวางแผนการศึกษาผู้เรียน โดยการสังเกต สัมภาษณ์ รวบรวมข้อมูลและนำแสนอ ผลการศึกษา ๓) มีส่วนร่วมกับสถานศึกษาในการพัฒนาและปรับปรุงหลักสูตร รวมทั้งการนำหลักสูตรไปใช้ ๔) ฝึกการจัดทำแผนการเรียนรู้ร่วมกับสถานศึกษา


๑๒ ๕) ฝึกปฏิบัติการดำเนินการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ โดยเข้าไปมีส่วนร่วมใน สถานศึกษา ๖) การจัดทำโครงการทางวิชาการ ๒. การปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาในสาขาวิชาเฉพาะ สาระการฝึกทักษะ ๑) การบูรณาการความรู้ทั้งหมดมาใช้ในการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๒) การจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ที่ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ ๓) การจัดกระบวนการเรียนรู้ ๔) การเลือกใช้ การผลิตสื่อและนวัตกรรมที่สอดคล้องกับการจัดการเรียนรู้ ๕) การใช้เทคนิคและยุทธวิธีในการจัดการเรียนรู้ ๖) การัดและประเมินผลการเรียนรู้ ๗) การทำวิจัยในชั้นเรียนเพื่อพัฒนาผู้เรียน ๘) การนำผลการประเมินมาพัฒนาการจัดการเรียนรู้และพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ๙) การบันทึกและรายงานผลการจัดการเรียนรู้ ๑๐) การสัมมนาทางการศึกษา สมรรถนะ ๑) สามารถจัดการเรียนรู้ในสาขาวิชาเฉพาะ ๒) สามารถประเมิน ปรับปรุง และพัฒนาการจัดการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับศักยภาพของผู้เรียน ๓) สามารถทำวิจัยในชั้นเรียนเพื่อพัฒนาผู้เรียน ๔) สามารถจัดทำรายงานผลการจัดการเรียนรู้และการพัฒนาผู้เรียน


๑๓ มาตรฐานการปฏิบัติงาน๔ มาตรฐานที่ ๑ ปฏิบัติกิจกรรมทางวิชาการเกี่ยวกับการพัฒนาวิชาชีพครูอยู่เสมอ๕ หมายถึง การศึกษาค้นคว้าเพื่อพัฒนาตนเอง การเผยแพร่ผผลงานทางวิชาการ และการเข้าร่วม กิจกรรมทางวิชาการที่องค์การหรือหน่วยงาน หรือสมาคมจัดขึ้น เช่น การประชุม การอบรม การสัมมนา และ การประชุมปฏิบัติการ เป็นต้น ทั้งนี้ต้องมีผลงานหรือรายงานที่ปรากฏชัดเจน มาตรฐานที่ ๒ ตัดสินใจปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ โดยคำนึงถึงผลที่จจะเกิดแก่ผู้เรียน หมายถึง การเลือกอย่างชาญฉลาด ด้วยความรัก และหวังดีต่อผู้เรียน ดังนั้น ในการเลือกกิจกรรมการ เรียนการสอนและกิจกรรมอื่น ๆ ครูต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่จะเกิดแก่ผู้เรียนเป็นหลัก มาตรฐานที่ ๓ มุ่งมั่นพัฒนาผู้เรียนได้เต็มตามศักยภาพ หมายถึง การใช้ความพยายามอย่างเต็มความสามารถของครูที่จะให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ให้มากที่สุด ตามความถนัด ความสนใจ ความต้องการ โดยวิเคราะห์วินิจฉัยปัญหาความต้องการที่แท้จริงของผู้เรียน ปรับเปลี่ยนวิธีการสอนที่จะให้ได้ผลดีกว่าเดิม รวมทั้งการส่งเสริมพัฒนาการด้านต่างๆ ตามศักยภาพของผู้เรียน แต่ละคนอย่างเป็นระบบ มาตรฐานที่ ๔ พัฒนาแผนการสอนให้สามารถปฏิบัติได้เกิดผลจริง หมายถึง การเลือกใช้ ปรับปรุง หรือสร้างแผนการสอน บันทึกการสอน หรือเตรียมการสอนในลักษณะ อื่น ๆ ที่สามารถนำไปใช้จัดกิจกรรมการเรียนการสอน ผู้เรียนบรรลุวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ มาตรฐานที่ ๕ พัฒนาสื่อการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพอยู่เสมอ หมายถึง การประดิษฐ์ คิดค้น ผลิต เลือกใช้ ปรับปรุงเครื่องมืออุปกรณ์ เอกสารสิ่งพิมพ์ เทคนิควิธีการ ต่างๆ เพื่อผู้เรียนบรรลุจุดประสงค์ของการเรียนรู้ มาตรฐานที่ ๖ จัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยเน้นผลถาวรที่เกิดแก่ผู้เรียน หมายถึง การจดัการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนประสบผลสำเร็จในการแสวงหาความรู้ตามสภาพความ แตกต่าง ของบุคคลด้วยการปฏิบัติจริง และสรุปความรู้ทั้งหลายได้ด้วยตนเองก่อให้เกิดค่านิยมและนิสัยในการ ปฏิบัติจนเป็นบุคลิกภาพถาวรติดตัวผู้เรียนตลอดไป มาตรฐานที่ ๗ รายงานผลการพัฒนาคณุภาพของผู้เรียนได้อย่างมีระบบ หมายถึง การรายงานผลการพัฒนาผู้เรียนที่เกิดจากการปฏิบัติการเรียนการสอนให้ครอบคลุมสาเหตุ ปัจจัย และการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องโดยครูนำเสนอรายงานการปฏิบัติในรายละเอียดดังนี้ ๔ ปิยะวรรณ ใจห้าว, การประเมินผลการปฏิบัติตามมาตรฐานการปฏิบัติงานของผู้ประกอบวิชาชีพครูของ ข้าราชการครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครศรีธรรมราช เขต ๔, วิทยานิพนธ์ก.ศ.ม. (การวิจัยและประเมิน), สงขลา : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยทักษิณ, หน้า ๑๘๙ ๕ มาตรฐานการปฏิบัติงานครู, [ออนไลน์], จากแหล่งข้อมูล : “http://www.rtc.ac.th/download/T๒๔.pdf” (สืบค้น เมือวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๖)


๑๔ ๑) ปัญหาความต้องการของผู้เรียนที่ต้องด้รับการพัฒนาและเป้าหมายของการพัฒนาผู้เรียน ๒) เทคนิค วิธีการ หรือ นวัตกรรมการเรียนการสอนที่นำมาใช้เพื่อการพัฒนา และเป้าหมายของการ พัฒนา ผู้เรียน ๓) ผลการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามวิธีการที่กำหนด ที่เกิดกับผู้เรียน ๔) ข้อเสนอแนะแนวทางใหม่ ๆ ในการปรับปรุงและพัฒนาผู้เรียนให้ได้ผลดียิ่งขึ้น มาตรฐานที่ ๘ ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้เรียน หมายถึง การแสดงออกการประพฤติและปฏิบัติในด้านบุคลิกภาพทั่วไป การแต่งกาย กิริยา วาจา และ จริยธรรมทีเหมาะสมกับความเป็นครูอย่างสม่ำเสมอ ที่ทำให้ผู้เรียนเสื่อมใสศรัทธาและถือเป็นแบบอย่าง มาตรฐานที่ ๙ ร่วมมือกับผู้อื่นในสถานศึกษาอย่างสร้างสรรค์ หมายถึง การตระหนักถึงความสำคัญรับฟังความคดิเห็น ยอมรับในความรู้ความสามารถ ให้ความ ร่วมมือในการปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ของเพื่อนร่วมงานด้วยความเต็มใจ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของสถานศึกษา และร่วมรับผลที่เกิดขึ้นจจากการกระทำนั้น มาตรฐานที่ ๑๐ ร่วมมือกับผู้อื่นในชุมชนอย่างสร้างสรรค์ หมายถึง การตระหนักถึงความสำคัญ รับฟังความคดิเห็น ยอมรับในความรู้ความสามารถ ของบุคคลอื่น ในชุมชน และร่วมมือปฏิบัติงานเพื่อพัฒนางานของสถานศึกษา ให้ชุมชนและสถานศึกษามีการยอมรับซึ่งกัน และกัน และปฏิบัติงานร่วมกันด้วยความเต็มใจ มาตรฐานที่ ๑๑ แสวงหาและใช้ข้อมูลข่าวสารในการพัฒนา หมายถึง การค้นหา สังเกต จดจำ และรวบรวมข้อมูลข่าวสารตามสถานการณ์ของสังคมทุกด้าน โดยเฉพาะสารสนเทศเกี่ยวกบวิชาชีพครู สามารถวิเคราะห์ วิจารณ์อย่างมีเหตุผล และใช้ข้อมูลปประกอบการ แก้ปัญหา พัฒนาตนเอง พัฒนางาน และพัฒนาสังคมได้อย่างเหมาะสม มาตรฐานที่ ๑๒ สร้างโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ในทุกสถานการณ์ หมายถึง การสร้างกจิกรรมการเรียนรู้โดยการนำเอาปัญหาหรือความจำเป็นในการพัฒนาต่างๆ ที่ เกิดขึ้นในการเรียนและการจัดกิจกรรมอื่นๆ ในโรงเรียนมากำหนดเป็นกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อนำไปสู่การ พัฒนาของผู้เรียนที่ถาวร เป็นแนวทางในการแก้ปัญหาของครูอีกแบบหนึ่งที่จนำเอาวิกฤติต่างๆ มาเป็นโอกาส ในการพัฒนา ครูจำเป็นต้องมองมุมต่างๆ ของปัญหาแล้วผันมุมของปัญหาปในทางการพัฒนา กำหนดเป็น กิจกรรมในการพัฒนาของผู้เรียน ครูจึงต้องเป็นผู้มองมุมบวกในสถานการณ์ต่างๆ ได้ กล้าที่จะเผชิญกับปัญหา ต่างๆ มีสติในการแก้ปัญหา มีได้ตอบสนองปัญหาต่างๆ ด้วยอารมณ์หรือแง่มุมแบบตรงตัว ครูสามารถมองหัก มุมในทุกๆ โอกาส มองเห็นแนวทางที่นำสู่ผลก้าวหน้าของผู้เรียน


๑๕ มาตรฐานการปฏิบัติตน (จรรยาบรรณของวิชาชีพ)๖ จรรยาบรรณต่อตนเอง ๑. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องมีวินัยในตนเอง พัฒนาตนเองด้านวิชาชีพ บุคลิกภาพ และ วิสัยทัศน์ ให้ทันต่อการพัฒนาทางวิทยาการ เศรษฐกิจ สังคมและการเมืองอยู่เสมอ จรรยาบรรณต่อวิชาชีพ ๒. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องรัก ศรัทธา ซื่อสัตย์สุจริต รับผิดชอบต่อวิชาชีพ และเป็นสมาชิก ที่ดีขององค์กรวิชาชีพ จรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ ๓. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องรัก เมตตา เอาใจใส่ ช่วยเหลือ ส่งเสริม ให้กำลังใจแก่ศิษย์และ ผู้รับบริการ ตามบทบาทหน้าที่โดยเสมอหน้า ๔. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ ทักษะ และนิสัยที่ถูกต้องดีงามแก่ ศิษย์และผู้รับบริการ ตามบทบาทหน้าที่อย่างเต็มความสามารถด้วยความบริสุทธิ์ใจ ๕. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ทั้งทางกาย วาจา และจิตใจ ๖. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ถูกต้องไม่กระทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความเจริญทางกาย สติปัญญา จิตใจ และสังคมของศิษย์และผู้รับบริการ ๗. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องให้บริการด้วยความจริงใจและเสมอภาค โดยไม่เรียกรับหรือ ยอมรับผลประโยชน์จากการใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ จรรยาบรรณต่อผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ ๘. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา พึงช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันอย่างสร้างสรรค์ โดยยึดมั่นใน ระบบคุณธรรม สร้างความสามัคคีในหมู่คณะ จรรยาบรรณต่อสังคม ๙. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา พึงประพฤติปฏิบัติตนเป็นผู้นำในการอนุรักษ์และพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ศาสนา ศิลปะวัฒนธรรม ภูมิปัญญา สิ่งแวดล้อม รักษาผลประโยชน์ของส่วนรวมและยึดมั่นในการ ปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ๖ คุรุสภา.ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๕๖, [ออนไลน์], จากแหล่งข้อมูล : “https://www.ksp.or.th/ksp๒๐๑๘/wp-content/uploads/๒๐๒๐/๐๖/ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ.๒๕๕๖.pdf” (สืบค้น เมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๖)


๑๖ การจำแนกพฤติกรรมที่พึง/ไม่พึงประสงค์๗ จรรยาบรรณต่อตนเอง ๑. ครูต้องมีวินัยในตนเอง พัฒนาตนเองด้านวิชาชีพ บุคลิกภาพ และวิสัยทัศน์ ให้ทันต่อการพัฒนาทาง วิทยาการ เศรษฐกิจ สังคม และการเมืองอยู่เสมอ โดยต้องประพฤติและละเว้นการประพฤติตามแบบแผน พฤติกรรม ดังตัวอย่างต่อไปนี้ พฤติกรรมที่พึงประสงค์ พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ ๑. ประพฤติตนเหมาะสมกับสถานภาพและเป็นแบบอย่าง ที่ดี ๒. ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีในการดำเนินชีวิต ตามประเพณีและวัฒนธรรมไทย ๓. ปฏิบัติงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ อย่าง มีคุณภาพตามเป้าหมายที่กำหนด ๔. ศึกษาหาความรู้วางแผนพัฒนาตนเอง พัฒนางาน และ สะสมผลงานอย่างสม่ำเสมอ ๕. ค้นคว้า แสวงหา และนำเทคนิคด้านวิชาชีพที่พัฒนา และก้าวหน้าเป็นที่ยอมรับมาใช้แก่ศิษย์และ ผู้รับบริการ ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่พึงประสงค์ ๑. เกี่ยวข้องกับอบายมุขหรือเสพสิ่งเสพติดจน ขาดสติ หรือแสดงกิริยาไม่สุภาพเป็นที่น่า รังเกียจในสังคม ๒. ประพฤติผิดทางชู้สาวหรือมีพฤติกรรมล่วง ละเมิดทางเพศ ๓. ขาดความรับผิดชอบ ความกระตือรือร้น ความเอาใจใส่ จนเกิดความเสียหายในการ ปฏิบัติงานตามหน้าที่ ๔. ไม่รับรู้หรือไม่แสวงหาความรู้ใหม่ ๆ ในการ จัดการเรียนรู้ และการปฏิบัติหน้าที่ ๕. ขัดขวางการพัฒนาองค์การจนเกิดผล เสียหาย จรรยาบรรณต่อวิชาชีพ ๒. ครูต้องรัก ศรัทธา ซื่อสัตย์สุจริต รับผิดชอบต่อวิชาชีพ และเป็นสมาชิกที่ดีขององค์กรวิชาชีพ โดย ต้อง ประพฤติและละเว้นการประพฤติตามแบบแผนพฤติกรรม ดังตัวอย่างต่อไปนี้ พฤติกรรมที่พึงประสงค์ พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ ๑. แสดงความชื่นชมและศรัทธาในคุณค่าของวิชาชีพ ๒. รักษาชื่อเสียงและปกป้องศักดิ์ศรีแห่งวิชาชีพ ๓. ยกย่องและเชิดชูเกียรติผู้มีผลงานในวิชาชีพให้ สาธารณชนรับรู้ ๔. อุทิศตนเพื่อความก้าวหน้าของวิชาชีพ ๕. ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์สุจริต ตามกฎ ระเบียบ และแบบแผนของทางราชการ ๑. ไม่แสดงความภาคภูมิใจในการประกอบ วิชาชีพ ๒. ดูหมิ่น เหยียดหยาม ให้ร้ายผู้ร่วมประกอบ วิชาชีพ ศาสตร์ในวิชาชีพ หรือองค์กรวิชาชีพ ๓. ประกอบการงานอื่นที่ไม่เหมาะสมกับการ เป็นผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ๗ คุรุสภา.ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยแบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๕๐, [ออนไลน์], จาก แหล่งข้อมูล : https://www.ksp.or.th/ksp๒๐๑๘/wp-content/uploads/๒๐๑๙/๐๖/O๔๘ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยแบบ แผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๕๐.pdf (สืบค้น เมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๖)


๑๗ ๖. เลือกใช้หลักวิชาที่ถูกต้อง สร้างสรรค์ เทคนิค วิธีการ ใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาวิชาชีพ ๗. ใช้องค์ความรู้หลากหลายในการปฏิบัติหน้าที่และ แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสมาชิกในองค์การ ๘. เข้าร่วมกิจกรรมของวิชาชีพหรือองค์กรวิชาชีพอย่าง สร้างสรรค์ ๔. ไม่ซื่อสัตย์สุจริต ไม่รับผิดชอบ หรือไม่ปฏิบัติ ตาม กฎ ระเบียบ หรือแบบแผนของทางราชการจน ก่อให้เกิดความเสียหาย ๕. คัดลอกหรือนำผลงานของผู้อื่นมาเป็นของ ตน ๖. ใช้หลักวิชาการที่ไม่ถูกต้องในการปฏิบัติ วิชาชีพ ส่งผลให้ศิษย์หรือผู้รับบริการเกิดความ เสียหาย ๗. ใช้ความรู้ทางวิชาการ วิชาชีพ หรืออาศัย องค์กรวิชาชีพแสวงหาประโยชน์เพื่อตนเองหรือ ผู้อื่นโดยมิชอบ จรรยาบรรณต่อผู้รับริการ ๓. ครูต้องรัก เมตตา เอาใจใส่ ช่วยเหลือ ส่งเสริม ให้กำลังใจแก่ศิษย์และผู้รับบริการ ตามบทบาทหน้าที่ โดย เสมอหน้า ๔. ครูต้องส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ ทักษะ และนิสัยที่ถูกต้องดีงามแก่ศิษย์และผู้รับบริการ ตามบทบาท หน้าที่อย่างเต็มความสามารถด้วยความบริสุทธิ์ใจ ๕. ครูต้องประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ทั้งทางกาย วาจา และจิตใจ ๖. ครูต้องไม่กระทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความเจริญทางกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์ และสังคมของศิษย์ และ ผู้รับบริการ ๗. ครูต้องให้บริการด้วยความจริงใจและเสมอภาค โดยไม่เรียกรับหรือยอมรับผลประโยชน์ จากการใช้ ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ โดยต้องประพฤติและละเว้นการประพฤติตามแบบแผนพฤติกรรม ดังตัวอย่างต่อไปนี้ พฤติกรรมที่พึงประสงค์ พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ ๑. ให้คำปรึกษาหรือช่วยเหลือศิษย์และผู้รับบริการด้วย ความเมตตากรุณาอย่างเต็มกำลังความสามารถ และเสมอ ภาค ๒. สนับสนุนการดำเนินงานเพื่อปกป้องสิทธิเด็ก เยาวชน และผู้ด้อยโอกาส ๓. ตั้งใจ เสียสละ และอุทิศตนในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้ ศิษย์และผู้รับบริการได้รับการพัฒนาตามความสามารถ ความถนัด และความสนใจของแต่ละบุคคล ๑. ลงโทษศิษย์อย่างไม่เหมาะสม ๒. ไม่ใส่ใจหรือไม่รับรู้ปัญหาของศิษย์หรือ ผู้รับบริการ จนเกิดผลเสียหายต่อศิษย์หรือ ผู้รับบริการ ๓. ดูหมิ่นเหยียดหยามศิษย์หรือผู้รับบริการ ๔. เปิดเผยความลับของศิษย์หรือผู้รับบริการ เป็นผลให้ได้รับความอับอายหรือเสื่อมเสีย ชื่อเสียง


๑๘ ๔. ส่งเสริมให้ศิษย์และผู้รับบริการสามารถแสวงหา ความรู้ได้ด้วยตนเองจากสื่อ อุปกรณ์ และแหล่งเรียนรู้ อย่างหลากหลาย ๕. ให้ศิษย์และผู้รับบริการ มีส่วนร่วมวางแผนการเรียนรู้ และเลือกวิธีการปฏิบัติที่เหมาะสมกับตนเอง ๖. เสริมสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ศิษย์และผู้รับบริการ ด้วยการรับฟังความคิดเห็น ยกย่อง ชมเชย และให้กำลังใจ อย่างกัลยาณมิตร ๕. จูงใจ โน้มน้าว ยุยงส่งเสริมให้ศิษย์หรือ ผู้รับบริการ ปฏิบัติขัดต่อศีลธรรมหรือ กฎระเบียบ ๖. ชักชวนใช้จ้างวานศิษย์หรือผู้รับบริการให้ จัดซื้อ จัดหาสิ่งเสพติดหรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับ อบายมุข ๗. เรียกร้องผลตอบแทนจากศิษย์หรือ ผู้รับบริการในงานตามหน้าที่ที่ต้องให้บริการ จรรยาบรรณต่อผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ ๘. ครูพึงช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันอย่างสร้างสรรค์ โดยยึดมั่นในระบบคุณธรรม สร้างความสามัคคี ในหมู่คณะ โดยพึงประพฤติและละเว้นการประพฤติตามแบบแผนพฤติกรรม ดังตัวอย่างต่อไปนี้ พฤติกรรมที่พึงประสงค์ พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ ๑. เสียสละ เอื้ออาทร และให้ความช่วยเหลือผู้ร่วม ประกอบวิชาชีพ ๒. มีความรัก ความสามัคคี และร่วมใจกันผนึกกำลังใน การพัฒนาการศึกษา ๑. ปิดบังข้อมูลข่าวสารในการปฏิบัติงาน จนทำ ให้เกิดความเสียหายต่องานหรือผู้ร่วมประกอบ วิชาชีพ ๒. ปฏิเสธความรับผิดชอบ โดยตำหนิให้ร้าย ผู้อื่นในความบกพร่องที่เกิดขึ้น ๓. สร้างกลุ่มอิทธิพลภายในองค์การหรือกลั่น แกล้ง ผู้ร่วมประกอบวิชาชีพให้เกิดความ เสียหาย ๔. เจตนาให้ข้อมูลเท็จทำให้เกิดความเข้าใจผิด หรือเกิดความเสียหายต่อผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ ๕. วิพากษ์วิจารณ์ผู้ร่วมประกอบวิชาชีพในเรื่อง ที่ก่อให้เกิดความเสียหายหรือแตกความสามัคคี จรรยาบรรณต่อสังคม ๙. ครูพึงประพฤติปฏิบัติตนเป็นผู้นำในการอนุรักษ์และพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ศาสนา ศิลปะวัฒนธรรม ภูมิปัญญา สิ่งแวดล้อม รักษาผลประโยชน์ของส่วนรวมและยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยพึงประพฤติและละเว้นการประพฤติตามแบบแผนพฤติกรรม ดังตัวอย่าง ต่อไปนี้ พฤติกรรมที่พึงประสงค์ พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ ๑. ยึดมั่น สนับสนุน และส่งเสริมการปกครองระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ๑. ไม่ให้ความร่วมมือหรือสนับสนุนกิจกรรมของ ชุมชนที่จัดเพื่อประโยชน์ต่อการศึกษาทั้งทางตรง หรือทางอ้อม


๑๙ ๒. นำภูมิปัญญาท้องถิ่นและศิลปะวัฒนธรรมมาเป็นปัจจัย ในการจัดการศึกษาให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ๓. จัดกิจกรรมส่งเสริมให้ศิษย์เกิดการเรียนรู้และสามารถ ดำเนินชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ๔. เป็นผู้นำในการวางแผนและดำเนินการเพื่ออนุรักษ์ สิ่งแวดล้อมพัฒนาเศรษฐกิจ ภูมิปัญญา ท้องถิ่น และ ศิลปะวัฒนธรรม ๒. ไม่แสดงความเป็นผู้นำในการอนุรักษ์หรือ พัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ศาสนา ศิลปะวัฒนธรรม ภูมิปัญญา หรือสิ่งแวดล้อม ๓. ไม่ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีในการ อนุรักษ์หรือ พัฒนาสิ่งแวดล้อม ๔. ปฏิบัติตนเป็นปฏิปักษ์ต่อวัฒนธรรมอันดีงาม ของชุมชนหรือสังคม คณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้ ๕ สถาน โทษจรรยาบรรณ ๕ สถาน (๑) ยกข้อกล่าวหา (๒) ตักเตือน (๓) ภาคทัณฑ์ (๔) พักใช้ใบอนุญาตมีกำหนดเวลาตามที่เห็นสมควร แต่ไม่เกิน ๕ ปี (๕) เพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ (พ้น ๕ ปี ขอใหม่ได้)


๒๐ สรุป ความหมายครูจากความหมายดังกล่าว สรุปได้ว่า ครู มาจากคำว่า "ครุ" แปลว่า หนัก ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่ บรรพบุรุษกำหนดให้บุคคลที่ ทำหน้าที่ในการสืบทอด และถ่ายทอดองค์ความรู้จากภายนอกที่มองเห็น ความรู้ จากภายใน อีกทั้งทำความรู้ให้กระจ่างและเป็นผู้ที่มีหน้าที่สร้างบุคคลให้มีคุณภาพทั้งวิชาการ คุณธรรม จริยธรรมสามารถดำธงชีวิตอยู่ได้ในสังคมอย่างมีความสุข และเป็นกัลยาณมิตรดั้งนั้นจะเห็นได้ว่า ลักษณะของ วิชาชีพ เป็นอาชีพให้บริการแก่สาธารณชน ที่ต้องอาศัยความรู้ ความชำนาญเป็นการเฉพาะ ไม่ซ้ำซ้อนกับ วิชาชีพอื่น และมีมาตรฐานในการประกอบวิชาชีพ โดยก่อนประกอบวิชาชีพต้อง ฝึกอบรมทั้งภาดทฤษฎีและ กาคปฏิบัติอย่างเพียงพอก่อนที่จะประกอบ วิชาชีพ เช่น แพทย์ พยาบาล สัตว-แพทย์ วิศวกร สถาปนิก ทนายความ และครู เป็นต้น ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ต้องทำ ให้สำเร็จ โดยมุ่งหวังค่าตอบแทนเพื่อการดำธงชีพเท่านั้น “ครู” : บุคคลซึ่งประกอบวิชาชีพหลักทางด้านการเรียนการสอนและการส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วย วิธีการต่าง ๆ - ในสถานศึกษาปฐมวัย - ขั้นพื้นฐาน และ - อุดมศึกษาที่ต่ำกว่าปริญญาทั้งของรัฐและเอกชน “ผู้บริหารสถานศึกษา” : บุคคลซึ่งปฏิบัติงานในตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษาภายในเขตพื้นที่การศึกษา และสถานศึกษาอื่นที่จัดการศึกษา - ปฐมวัย - ขั้นพื้นฐาน และ - อุดมศึกษาที่ต่ำกว่าปริญญาทั้งของรัฐและเอกชน “ผู้บริหารการศึกษา” : บุคคลซึ่งปฏิบัติงานในตำแหน่งผู้บริหารนอกสถานศึกษา ในระดับเขตพื้นที่ การศึกษา “บุคลากรทางการศึกษาอื่น” : บุคคลซึ่งทำหน้าที่สนับสนุนการศึกษาให้บริการหรือปฏิบัติงานเกี่ยวเนื่อง กับการจัดกระบวนการเรียนการสอน การนิเทศ และการบริหารการศึกษาในหน่วยงานการศึกษาต่าง ๆ ซึ่งหน่วยงานการศึกษากำหนดตำแหน่งให้ต้องมีคุณวุฒิทางการศึกษา จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะอาชีพไหน ล้วนต้องอาศัย คุณธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณ ประพฤติ ปฏิบัติ ให้อยู่ใน กรอบกฎระเบียบ และเป็นผู้มี ความมุ่งหวังให้ ความจริงใจไม่หวังสิ่งใดตอบแทน ให้ด้วยความรักและเมตตา หวังเพียงว่าวันหนึ่งศิษย์นั้นจะก้าวเดินไปด้วยตนเองอย่างกล้าหาญ มีคุณธรรมนำหัวใจ มีความรู้คู่ปัญญาและ ความดี คู่กาย มีความงามที่สะท้อนให้เห็นคุณลักษณะของความเป็น วิชาชีพครู


๒๑ อ้างอิงเอกสาร กระทรวงศึกษาธิการ. (๒๕๕๘). รายงานประจำปี ๒๕๕๘ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้น พื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.ข้อบังคับคุรุ สภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพ. (๒๕๕๖). ราชกิจจานุเบกษา. ๑๓๐ ตอนพิเศษ. หน้า ๖๕. ชลธิชา สุขเจริญ. (๒๕๕๖). การปฏิบัติงานตามเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพของครู โรงเรียนกลุ่มบางละมุง ๓ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต ๓. วิทยานิพนธ์ กศ.ม. (การบริหาร การศึกษา).ชลบุรี : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยบูรพา. นิภา นาคสิงห์. (๒๕๕๔). การปฏิบัติตามเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพของครูผู้สอนในโรงเรียนเครือข่าย พัฒนาคุณภาพการศึกษาที่ ๔ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาราชบุรี เขต ๑. การค้นคว้า อิสระ ค.ม. (การบริหารการศึกษา). ราชบุรี : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง. ปิยะวรรณ ใจห้าว. (๒๕๕๒). การประเมินผลการปฏิบัติตามมาตรฐานการปฏิบัติงานของผู้ประกอบ วิชาชีพครูของข้าราชการครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครศรีธรรมราช เขต ๔. วิทยานิพนธ์ ก.ศ.ม. (การวิจัยและประเมิน). สงขลา : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยทักษิณ. ฐานข้อมูลออนไลน์ (อินเทอร์เน็ต) คุรุสภา.ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. 2556 [ออนไลน์] 2556,แหล่งที่มา: https://www.ksp.or.th/ksp2018/wp-content/uploads/2020/06/ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยจรรยาบรรณ ของวิชาชีพ พ.ศ.2556.pdf (สืบค้น เมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๖) คุรุสภา.ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยแบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. 2550 [ออนไลน์] 2550,แหล่งที่มา: https://www.ksp.or.th/ksp2018/wp-content/uploads/2019/06/O48 ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยแบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. 2550.pdf (สืบค้น เมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๖) มาตรฐานการปฏิบัติงานครู, [ออนไลน์], จากแหล่งข้อมูล : “http://www.rtc.ac.th/download/T24.pdf” (สืบค้น เมือวันที่ 12 กรกฎาคม 2566)


Click to View FlipBook Version