The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การแต่งกายในแต่ละยุค

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by กนกวรรณ แหมไธสง, 2023-12-22 07:40:41

Fashion ของยุคสมัย

การแต่งกายในแต่ละยุค

คำ นำ สารคดีเดีรื่อรื่ง “FASHION ของยุคสมัยมั ” เล่มนี้ เป็นป็ส่วส่นหนึ่งนึ่ของ รายวิชวิาภาษาไทย ชั้นชั้มัธมัยมศึกษาปีที่ปี ที่5 มีจุมีจุดประสงค์เพื่อพื่ศึกษาความรู้เรู้กี่ยว กับแฟชั่นชั่ ในแต่ละยุค ซึ่งซึ่สารคดีเดีล่มนี้มี นี้ เมีนื้อนื้หาเกี่ยวกับความเป็นป็มาของ แฟชั่นชั่การแต่งกายที่แตกต่างกันในแต่ละยุค และในแต่ละยุคจะมีกมีารแต่ง กายที่เป็นป็เอกลักษณ์ขณ์องตนเอง และเน้นน้ ไปที่องค์ประกอบของเครื่อรื่งแต่ง กายที่แตกต่างกัน ซึ่งซึ่รูปรูแบบของเครื่อรื่งแต่งกายจะเปลี่ยนไปตามยุคสมัยมัที่ ผลัดเปลี่ยน สารคดีเดีล่มนี้ เป็นป็การเขียขีนสารคดีเดีล่มแรกของพวกเรา หากมีข้มีอข้ผิดผิพลาดประการใด พวกเรา ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้ นี้ วด้ย คณะผู้จัผู้ ดจัทำ


สารบัญ 4 11 14 8 12 6


อารยธรรมอียิปต์โบราณมีมาเกือบ 3,000 ปี ดังนั้นประวัติของอียิปต์โบราณ สิ่งที่ทำ ในอียิปต์โบราณนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างหนึ่ง คือ การแต่งกาย เครื่องแต่งกายแบ่งของอียิปต์แย่งออกเป็น3ยุค คือ 1.1ยุคแรก ผู้ชายจะนุ่งผ้าสั้น ใช้ผ้าพันรอบสะโพก คาดเอว ทิ้งชายไว้ด้านหน้า ไม่สวมเสื้อ ส่วนคนทำ งาน จะนุ่งผ้าคล้ายผ้าขาวม้า หรือผ้าเตี่ยว เรียกว่า ลอยน์โคลท (LION CLOTH) ไทรแองกูล่า แอพพร่อน (TRIANGULAR APRON) แฟชั่นยุคอียิปต์ (3100 - 320 B.C.) ผู้หญิงจะ แต่งกายเช่นเดียวกับผู้ชาย คือ ใช้ผ้า ชั้นเดียว นุ่งเป็นทรงแคบคล้ายปลอกเรียกว่า ชิทกาวน์ (Sheath gown) เริ่มตั้งแต่ใต้อกถึง ข้อเท้า มีสายสะพายดึงไว้ที่ไหล่ทั้ง 2 ข้าง 1.2ยุคกลาง ผู้ชายจะเริ่มใช้ผ้านุ่งหลายชั้น ซ้อนกันแต่สั้น ยาว ลดหลั่น ทำ ให้ดูเป็นรูปเหลี่ยมเป็นชั้นๆ ด้านในสุด จะนุ่ง กางเกงขาสั้น เสื้อยาวถึงข้อเท้า ผู้หญิง การแต่งการของผู้หญิงในยุคนี้จะแต่งตัว เหมือนกับยุคแรกเพราะมีเหตุการเมือง การแต่งกายจึงหยุดชะงักลงชั่วระยะหนึ่ง 4


ผู้ชายถ้าหากไม่มีหนวด แล้วมีงานพิธีจะใส่ หนวดส่วนปลอมผมจะใช้วิกที่ ทำ ด้วยขน สัตว์ โดยปลายยุคใหม่ผู้คนมักจะทำ ผม เป็น ทรงรูปสามเหลี่ยมเครื่องประดับ จะใช้ พัดขนนก สร้อยทอง หินสีน้ำ เงินเส้นใหญ่ คล้องคอหรือคาดเอว รองเท้ากษัตริย์ทำ จาก ต้นปาล์ม 1.3ยุคใหม่ เสื้อผ้าของชายหญิงเปลี่ยนแปลงไป จากอิทธิพลของชาวซีเรียนที่เคยยกทัพมาตีอียิปต์ เช่น ใส่ชุดยาวคร่อมเท้าเสื้อคลุมไหล่ทั้ง 2 ข้าง จากเดิมคลุมไหล่เพียงข้างเดียว การใช้ผ้าคลุมไหล่และแขนคล้ายเสื้อทำ ให้ดูไม่เปลือย แต่ผ้าที่ใช้คลุมบางและลงแป้งป้จนแข็ง ทำ ให้เห็นรูปร่างได้ถนัด ผ้านุ่งยังคงนิยมการจับจีบ ในช่วงยุคใหม่ตอนปลายนั้นนิยมเสื้อผ้า สีสันสดใสฉูดฉาด และการมีจีบจะหายไปเนื่องจาก การได้รับอิทธิพลจากชาวเอเซีย การใช้ดอกไม้ เพชรพลอยมาทำ เป็นสร้อยคาดเอว หรือนำ มาประดับที่คอ ชาวอียิปต์เริ่มนิยมใช้แป้งป้น้ำ หอม น้ำ มัน เครื่องประดับผม ทาคิ้วสีเข้ม ใช้อายแชโดสีเขียว เหมือนในหนังคลีโอพัตรา เนื่องภูมิอากาศของอียิปต์โบราณค่อนข้างร้อน ดังนั้นชาวอียิปต์จึงไม่มีฤดูที่หนาวหรือ ฤดูฝน ดังนั้นเสื้อผ้าของพวกเขาจึงเรียบง่ายมาก โดนผู้ชายจากทุกชนชั้น ตั้งแต่ฟาโรห์ไป จนถึงทาส ส่วนใหญ่จะสวมผ้ากันเปื้อนเชนติ ส่วนผู้หญิงส่วนใหญ่จะสวมเสื้อผ้าที่เรียกว่าคา ลาซิริส จึงกลายเป็นเสื้อผ้าที่คนใส่กันในชีวิตประจำ วันตลอดยุคอียิปต์ 5


ในขณะที่ยุโรปมีความเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเรื่อยๆ ชนชั้นกลางในเมืองซึ่งเป็นแรงงานที่มีทักษะ ก็เริ่ม สวมใส่เสื้อผ้าที่ซับซ้อนมากขึ้นตามแฟชั่นที่ชนชั้นสูง กำ หนด ในช่วงเวลานี้เองที่ได้เริ่มเห็นแฟชั่นในแง่มุม ชั่วขณะ ปัจจุบันผู้คนอาจจะเชยด้วยเสื้อผ้าของตน และการที่เสื้อผ้าไม่ทันสมัย กลายเป็นปัญหาของ สังคม ลักษณะของศตวรรษที่มีความสำ คัญคือผ้า โพกศีรษะ เสื้อเชิ๊ตและเสื้อคลุมที่เผยให้เห็นด้าย ขอบเสื้อของผู้หญิงตอนล่างแบบใหม่และ ความเย้ายวน ผ้าขนสัตว์เป็นที่นิยมมากที่สุดสำ หรับ ทุกชนชั้น การทอผ้าไหมได้มีจัดตั้งขึ้นโดยมีจุดเริ่มต้น ของศตวรรษที่15 ขนสัตว์ถูกสวมใส่ส่วนใหญ่เป็นชั้น ซับใน ในช่วงปลายศตวรรษที่15 ขนสัตว์ป่าป่เช่น แมวป่าป่ชนิดหนึ่งได้รับความนิยม เป็นเทคนิคการ ตกแต่งที่เกี่ยวข้องกับการตัดเย็บเล็กบนผ้าด้านนอก ของเสื้อผ้าเพื่อเผยให้เห็นเสื้อผ้าด้านในหรือซับในที่มี สีสันสดใสในบางครั้ง กับเสื้อผ้าทุกประเภททั้งของ ผู้ชายและผู้หญิง แฟชั่นในศตวรรษ ที่ 5-15 ในช่วงศตวรรษที่ 5-15 ในการแต่งกายจะขึ้นอยู่ กันทางวัฒนธรรมและพื้นที่ที่อยู่อาศัยและมีการแบ่ง ชนชั้นในการแต่งกาย นิยมใช้ผเขนสัตว์ในการทำ ผ้า โพกศีรษะ เสื้อเชิ๊ต และเสื้อคลุม ช่วงยุคที่ยาวนานหลักหลายพันปีทำ ให้เสื้อผ้า เปลี่ยนแปลงไปได้พอสมควรแต่ก็ยังคงระบุได้ว่าอยู่ ในช่วงยุคกลาง ด้วยเหตุผลด้วนความแตกต่างทาง วัฒนธรรมและพื้นที่ย่อมส่งผลให้ชุดที่ออกมานั้น แตกต่างกัน ชุดของยุคกลางในยุโรปจึงกลายเป็น เดรสที่มีรูปแบบทั้งเปิดใหล่ ปิดถึงช่วงคอ เนกไลน์ แบบรูกุญแจสำ หรับให้นมไปจนถึงรูปแบบชุด เจ้าหญิง แต่มีอีกชุดหนึ่ง คือ ความเป็นเอกลักษณะ ของชาวบ้านในยุคนั้น มีความสะท้อนถึงชีวิตอันต รากตรำ ของผู้ไม่ใช่ชนชั้นสูงในยุคนั้นได้อย่างชัดเจน 6


ยุคนี้จะผ่านยุคแฟชั่นของของเสื้อผ้าถึง 2 ยุคด้วยกันคือ บาโรก และ ยุคโรโคโค ซึ่ง การแต่งตัวส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับความหรูหรานั้นเอง โดยการแต่งตัวของสตรียุคบาโรกมีดังนี้ จะมีการใส่กระโปรงที่พองมักตกแต่งด้วยลูกปัดส่วนเสื้อ ท่อนบนนั้นจะตกแต่งด้ยวลูกไม้และนิยมเสื้อท่อนบนที่มีลักษณะคอเสื้อลึกหรือจะเป็นเสื้อเปิดไหล่ เพราะเป็นสิ่งที่พระเจ้าหลุยส์ที่สิบสี่ชื่นชม แฟชั่นผู้หในยุคบาโรกส่วนใหญ่นั้นถูกกำ หนดโดยกษัตริย์ ว่ากษัตริย์นั้นชื่นชอบอะไรบ้าง ส่วนคอเซ็ทนั้นยังคงเป็นที่บังคับเนื่องจากจะทำ ให้เอวของผู้หญิงนั้น ดูเรียวบางซึ่งการใส่ไปนานๆนั้นก็สร้างผลกระทบให้กับผู้หญิงอยู่ดี ทรงผมที่นิยมในยุคนี้คือ ผม ทรงน้ำ พุและจะมีการประดับด้ายลูกไม้และริบบิ้น การแต่งหน้าของผู้หญิงในยุคนี้มักจะทาหน้าขาว และแต่งแต้มใบหน้าด้วยการสร้างขี้แมลงวันปลอมจากผ้าไหมสีดำ รองเท้าที่ใส่จะเป็นรองเท้าที่ไม่มี ส้นลักษณะเรียบแบน แฟชั่นยุค 1600 – 1780 ยุค1600ถึง1700 โดยในยุคบาโรกนั้นจะเน้นรูปทรงที่นุ่ม นวลผ้าที่พริ้วไหวซึ่งการแต่งตัวในยุคนี้เป้นป้ยุคที่การแต่งตัว อลังการและฟุ่มฟุ่เฟือฟืยทั้งชายและหญิงโดยแฟชั่นในยุคนี้ได้ รับอิทธิพลมาจาก พระเจ้าหลุยส์ที่14 และเป็นเจ้าของ พระราชวังแวร์ซายเนื้องจากแฟชั่นยุโรปขึ้นอยู่กับแวร์ซาย และเหล่าผู้ระชับใช้หรือขุนนางทั้งหลายได้สวมใส่กันดังนั้นไม่นานก็ แพร่หลายไปทั้งยุโรป ส่วนเสื้อผ้าทางฝั่งผู้ชายยุคบาโรกจะมีการแต่งตัวทีมักแต่ง ตัวกันตามพระเจ้าหลุยส์ที่14 โดยมักนิยมใส่สูทโดยใส่เสื้อ ชั้นในลูกไม้ เสื้อเชิ้ต สวมเสื้อกั๊กและเสื้อคลุม โดยเสื้อกั๊ก นั้นสั้นกว่าเสื้อคลุมและอีกชุดที่มักใส่กันคือ ชุดทหารนั้นเอง โดยเป็นเสื้อผ้ายาวถึงเข่า รัดด้วยเข็มขัดกว้าง มักประดับ ด้วยกระดุมที่สง่างาม รวมถึงเพชร โดยยังมีกระเป๋าป๋ด้าน หน้าสองช่อง โดยที่ด้านข้างสองช่องและช่องด้านหลังอีก ช่องหนึ่งทำ รอยบากทำ ขึ้นเพื่อความสะดวกในการขี่ม้า และยังตกแต่งด้วยการปัก มองเห็นชายแขนเสื้อลูกไม้ของ เสื้อท่อนล่างตั้งแต่ใต้แขนเสื้อ ผันผ้าผันคอสีขาว และสวมใส่กางเกงรัดรูปขาสั้นยาวถึงเข่าและใส่ถุงน่องไหม สีขาวไว้ด้านในซึ่งผู้ชายในยุคบาโรกนั้นนิยมสวมวิกสีขาว ผมยาวทำ ให้เป็นขดลอนใหญ่ๆหรือบางคนอาจจะโรยแป้งป้บน หัวของพวกเขาด้วย 8


ส่วนแฟชั่นทางฝั่งของผู้ชายในยุคโรโคโคนั้นเป็นอย่างไร โดยการแต่งกายของผู้ชายในยุคนั้นคือ ผู้ชายจะสวมสูทในรูปแบบที่แตกต่างกันที่เสื้อโค้ท เสื้อกั๊ก และกางเกง โดยเสื้อกั๊กจะเป็นชิ้นที่มีการตกแต่งมากที่สุด มักจะปักอย่างหรูหรา หรือแสดงผ้าที่มีลวดลาย ซึ่งจะนิยมใส่เสื้อกั๊กที่สั้นพอดีตัวแทนเสื้อกั๊กยาว ส่วนผ้าลูกไม้จะ นำ มาผูกไว้รอบคอ กางเกงมักจะมีความสั้นประมาณเข่า โดยสวมถุงน่องสีขาวไว้ข้างใต้และ สวมรองเท้าส้นสูง และจะใส่เข็มขัดที่มีหัวเข็มขัดสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ สวมเสื้อคลุมแนบชิด กับลำ ตัวที่ยาวจนถึงเข่าและซึ่งไม่มีลักษณะบานออกเหมือนกับกระโปรงที่ใส่ในสมัยบาโรก หรือจะไม่ใส่เสื้อคลุมเลยก็มีเพื่อแสดงเสื้อกั๊กที่ได้รับการเย็บปักอย่างประณีต หมวกทรงที่ นิยมใส่กันคือหมวกทรง TRICORNEหรือก็คือหมวกสามมุมนั่นเอง ทรงผมผู้ชายที่ได้รับ ความนิยมในช่วงเวลานี้มักจะมีการถักเปียและตกแต่งด้วยขนนกกระจอกเทศ ผู้ชายมักจะ สวมวิกอย่างยิ่งโดยเฉพาะวิกสีขาว การแต่งกายในยุค1600ถึง1800 นั้นจะเน้นการแต่งตัวที่ อลังการหรูหราและงดงามแสดงถึงฐานะ และในการแต่งตัว ส่วนใหญ่นั้นได้รับอิทธิพลจากความชอบของกษัตริย์เป็นส่วน ใหญ่ ซึ่งเทรนแฟชั่นของผู้หญิงในยุคนี้ที่ไม่เคยหายไปเลยคือ กระโปรงพองๆส่วนของผู้ชายคือชุดสูท 1715 ถึงยุค 1780 ยุคโรโคโค เป็นยุคที่ได้รับอิทธิพลจาก หลุยส์ที่15และ16 ซึ่งการแต่งกายในยุคนี่ไม่ค่อยมีความแตก ต่างจากยุคบาโรกมากยังคงนิยมการประดับอย่างหรูหราวิจิตร เว่อวังอลังการ แต่เน้นใช้โทนสีที่อ่อนลงจากเดิมลวดลายชุดจะ มีความเป็นดอกไม้ที่ซับซ้อนกันและลวดลายที่มีความแฟนตาซีที่ แสดงถึงความหรูหราและรื่นเริง โดยเสื้อผ้าสตรีจะเน้นสีพลาส เทล เนื้อผ้าที่ใช้ในการทำ ชุดของสตรีจะมีหลักๆ คือ ผ้าไหม ซาตินหรือผ้าแพรแข็ง และสวมใส่วิกผมและตบแต่งประดับผม ให้ดูเด่นสะดุดตา เช่น การทำ ผมสูงๆประดับริบบิ้นดอกไม้ เครื่ อประดับในยุคนี้คือ ดอกไม้ประดิษฐ์,ขนนกแฟนซี,ร่ม,ตุ้มหูหรือ สร้อยคอขนาดใหญ่,กระเป๋าป๋ปักลายลูกไม้และอีกสิ่งหนึ่งที่ฮิตจน เกิดการใส่กันอย่างแพร่หลายในยุคนี้คือการสวมใส่ถุงน่อง การแต่งหน้าที่นิยม ในยุคนี้จะมีลักษณะการแต่งหน้าและผิวให้ดูขาวซีดและลิปสติกที่ธรรมชาติ รองเท้าสตรีที่นิยมใส่จะมี ลักษณะที่ส้นเท้าและปลายเท้าที่มีลักษณะแหลมและส้นทำ มาจากไม้ที่สั่งตัดทำ โดยเฉพาะ ส่วนผู้นำ แฟชั่นหญิงที่อิทธิพลในยุคนี้คือ มาดาม เดอ ปอมปาดูร์ และ มารี อองตัวแน็ต 9


ว่านหางจระเข้ เป็นยาฆ่าเชื้อ ฝาดสมานแผล ห้าม เลือด ในขณะเดียวกันก็เป็นตัวกระตุ้น เซลล์เนื้อเยื่อให้เจริญเติบโต ทำ ให้แผล หายเร็วขึ้น นำ มาใช้รักษาแผลธรรมดา แผลไฟไหม้ น้ำ ร้อนลวก แผลที่เกิด จากการฉายรังสี ลดอาการอักเสบ สรรพคุณ :


แฟชั่นในสมัยนี้ เป็นสมัยที่หลายคนรู้จักและคุ้นตากันมากที่สุด และมีการสวมใส่เครื่อง แต่งกายเพื่อให้เห็น สรีระที่ซ่อนอยู่ใต้ชุด และการสร้างสรรค์ชายกระโปรงที่น่าสนใจ แฟชั้นในสมัยยุควิคตอเรียทรวดทรงในอุดมคติของผู้หญิงเริ่มเปลี่ยนไปจากชุดเรียบร้อย สวยงาม หรือกระโปรงสุ่มโครงกว้าง เปลี่ยนเป็นนิยมคอร์เซตรัดเอวประกอบกับรูปร่างอวบ แน่นในช่วงหน้าอกและบั้นท้าย กันอย่างแพร่หลาย นำ มาสู่ชุดที่มีความเอวคอดของเสื้อ แต่ แฝงไปด้วยสัดส่วนที่เผื่อหน้าอกปรับแต่งไปตามพื้นที่ ช่วงกระโปรงทิ้งชายจับระบายหลาก หลายรูปแบบ หรือการทิ้งเลเยอร์ลงมาตรงๆจะเป็นวิธีที่ฮิตสุดๆ ส่งผลให้ในอเมริกาเกิด บรรทัดฐานเรียกว่าสลิมเกิร์ล และได้กลายเป็นภาพที่โด่งดังที่คนยึดถือเป็นแม่แบบทาง แฟชั่นและรูปร่าง จนชุดมีลักษณะช่วงไหล่ยกขึ้นเล็กน้อย ชุดกระโปรงหรือเดรสคงไว้ของ การคอดของเอว การแต่งตัวแฟชั่นสมัยยุควิกตอเรีย ผู้หญิงมักสวมใส่คอร์เซต ทำ ให้บั้นท้ายและหน้าอกกระชับ และเห็นเป็นสัดเป็นส่วน และนิยม ปล่อยชายผ้ากระโปรงมาตรงๆเพื่อเน้นสัดส่วนให้เด่นชัดยิ่งขึ้น แฟชั่นศตวรรษที่ 1830 - 1900 11


ในยุค 1920 เป็นสงครามโลกครั้งที่ 1 สิ้นสุดลง คนหนุ่มสาวปฏิเสธที่จะอยู่บ้านนอก ทำ ไร่นา เข้าสู่ เมืองใหญ่ถือว่าเป็น MODERN ERA แห่งวงการแฟชั่นในช่วงเวลานั้น ปัจจุบันแฟชั่นการแต่งกายแบบ CONSERVATIVE GENTLEMAN กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง การแต่งกายสไตล์ VINTAGE 1920’S ในประเทศไทยนั้นมีข้อจำ กัดในด้านสภาพอากาศที่ ไม่เอื้ออำ นวยต่อการสวมใส่สูท แฟชั่นยุค 1920 กลิ่นอายของยุค 1920’S โดยเฉพาะการแต่ง กายของสุภาพบุรุษที่มีเอกลักษณ์ชัดเจน จาก การออกแบบและพัฒนาแบบร่างมาสู่ขั้นตอน การทดลองเทคนิค และพบปัญหามากมายในขั้น ตอนต่างๆ จากปัญหาดังกล่าว จึงได้วิเคราะห์ และแก้ปัญหา โดยการนำ ผ้ามาผสมกับโลหะ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถนำ ไปพัฒนา และ ต่อยอดไปสู่แฟชั่นการแต่งกายของผู้ที่ชื่นชอบ สไตล์ 1920 แฟชั่น 20 ของแท้ต้องมีการรัดหน้าอกด้วยเสต ย์ เพราะเชื่อว่า หน้าอกแบนๆ กับผมสั้นกุด เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นหนุ่มสาว ดีไซน์เนอร์แห่งยุค 20 จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก มาดามโคโค่ ชาแนลผู้ปฏิวัติแฟชั่น ด้วย "LITTLE BLACK DRESS" เข้าสู่ยุค JAZZ AGE เป็นยุคของคนรุ่นใหม่และหนุ่มสาว ลักษณะชุด ช่วง 20 หลังสงคราม ชุดที่มาแรงสุดๆ เป็นสัญลักษณ์ของยุคนี้คือ "FLAPPER DRESS" เป็นชุดลําตัวตรง หน้าอกแบนเป็นไม้กระดาน กระโปรงสั้นลง 12


ยุค 1930 มีวิวัฒนาการ การดัดผมความรุ่งโรจน์ทาง การออกแบบแฟชั่นให้เราเห็นจาก อิทธิพลของแบรนด์ CHANEL ที่ สร้างสันชุดเดรสคลาสสิครูปแบบ เสื้อผ้าเอียงไปในทิศทางเดียวกัน จากร่างกายในอุดมคติความชอบ ของแต่ละบุคคลบางคนก็จะทำ การ จัดจัดหมวกเเละเข็มขัดให้เอียง เพื่อเพิ่มลูกเล่นให้ตัวเอง แฟชั่นยุค 1930 ยุค1930แฟชั่นในยุคนี้เป็นการนำ เอาความชอบของแต่ละบุคคลมาจับรวมกันแล้ว ดัดแปลงทั้งชุดที่ใส่แล้วโดดเด่นตอนกลางคืนแล้วชุดที่ใส่แล้วคล่องกับงานที่เเต่ละบุคคล หรือเรียกได้ว่าออกเเบบชุดเพื่อสนองความต้องการของเเต่ละบุคคล ในปี 1930 ผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ครั้งใหญ่เริ่มส่งผลกระทบต่อสาธารณชน และ แนวทางอนุรักษ์นิยมที่มากขึ้นสำ หรับแฟชั่นได้เข้ามา แทนที่ ของปี ค.ศ. 1920 สำ หรับผู้หญิง จะกลับคืน สู่ตำ แหน่งปกติของแฟชั่นจากช่วงทศวรรษ 1920 ใช้เวลานานกว่าจะเลิกใช้ หมวก CLOCHE ยังคงเป็นที่นิยมจนถึงปี 1933 ในขณะที่ผมสั้นยัง คงเป็นที่นิยมสำ หรับผู้หญิงหลายคนเนื่องจาก สงครามโลกครั้งที่สองซึ่งเกิดขึ้นระหว่างปี 1939- 1945 สิ่งนี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อแฟชั่น การแต่งกายของผู้หญิงในช่วงทศวรรษที่ 1940 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ นักออกแบบจึงต้อง ลดราคาเสื้อผ้าเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอด และรูปแบบการ แต่งกายก็ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจาก ผู้หญิงจำ นวนมากรู้วิธีเย็บ ดังนั้นเสื้อผ้าจึงสามารถ เข้าถึงได้มากขึ้นและยังมีช่วง อนุญาตให้ผู้หญิง จากทุกชนชั้นและทุกพื้นเพทางสังคมเข้าถึงแฟชั่น โดยไม่คำ นึงถึงความมั่งคั่ง ด้วยราคาที่ลดลง สำ หรับประเภทของผ้าที่ใช้สำ หรับการออกแบบ สิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ เช่น ซิปทำ ให้เสื้อผ้าเร็วขึ้นและถูก กว่า นอกจากนี้ยังได้รับอิทธิพลจากการเพิ่มขึ้นของ ผู้หญิงที่เข้าสู่วัยทำ งานควบคู่ไปกับการเติบโตของ นักธุรกิจสาว เนื่องจากพวกเธอยังสามารถที่จะแต่ง ตัวดีและมีสไตล์ได้ชุดกลางวันยังต้องใช้งานได้จริง แต่ก็ไม่เคยสูญเสียสัมผัสของความสง่างามหรือ ความเป็นผู้หญิงไป เนื่องจากชุดเดรสจะยังคงเน้น รูปร่างของผู้หญิงหรือผู้หญิงอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยรอบเอวที่รัดรูป กระโปรงที่พอดีกับสะโพก และ ความแน่นที่ชายเสื้อเพิ่มเข้ามาด้วยขอบบานหรือจีบ เสื้อเบลาส์ผ้าเรยอนก็เข้าได้กับช่วงเอวที่ผูกไว้ด้วย 14


ฟ้า ฟ้ ทะลายโจร สรรพคุณ คุ : ฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์บรรเทาอาการเจ็บคอ แก้ไอ แก้ไข้หวัด ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน แก้อาการท้องเสียอาหารเป็นพิษ รักษา โรคข้อรูมาตอยด์ งูสวัด และช่วยรักษาริดสีดวงทวาร วิธีกินฟ้าทะลายโจรเพื่อช่วย บรรเทาอาการเจ็บคอ นำ ใบสด5-7ใบมาชงด้วย น้ำ เดือดปิดฝาทิ้งจนอุ่น เก็บไว้ดื่มครั้งละ1แก้ว


ชื่อ/นามสกุล : นางสาว นันทกานต์ แสนศรี ชั้น/เลขที่ : มัธยมศึกษาปีที่ 5/3 เลขที่ 11 ตำ แหน่ง : เรียบเรียง บรรณาธิการสมาชิก ชื่อ/นามสกุล : นาย พิสิทธิ์ ศรีธร ชั้น/เลขที่ : มัธยมศึกษาปีที่ 5/3 เลขที่ 1 ตำ แหน่ง : หาข้อมูล ชื่อ/นามสกุล : นางสาว กนกวรรณ แหมไธสง ชั้น/เลขที่ : มัธยมศึกษาปีที่ 5/3 เลขที่ 9 ตำ แหน่ง : หาข้อมูล , infographic


ชื่อ/นามสกุล : นางสาว นันทนา สาละลึก ชั้น/เลขที่ : มัธยมศึกษาปีที่ 5/3 เลขที่ 27 ตำ แหน่ง : หาข้อมูล ชื่อ/นามสกุล : นางสาว จิรฐา ยุทธภัณฑ์ดำ รง ชั้น/เลขที่ : มัธยมศึกษาปีที่ 5/3 เลขที่ 29 ตำ แหน่ง : เรียบเรียง , infographic ชื่อ/นามสกุล : นางสาว พิชชากร จันทเกษ ชั้น/เลขที่ : มัธยมศึกษาปีที่ 5/3 เลขที่ 33 ตำ แหน่ง : หาข้อมูล ชื่อ/นามสกุล : นางสาว วรัชยา ชัยพงษ์ ชั้น/เลขที่ : มัธยมศึกษาปีที่ 5/3 เลขที่ 34 ตำ แหน่ง : หาข้อมูล , infographic


Click to View FlipBook Version