The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

อุปสงค์ อุปทาน ราคาดุลยภาพ 2-2565

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by a0981653842, 2023-03-17 11:07:30

อุปสงค์ อุปทาน ราคาดุลยภาพ 2-2565

อุปสงค์ อุปทาน ราคาดุลยภาพ 2-2565

การก าหนดราคาในระบบเศรษฐกิจ


ซื้อขายแลกเปลี่ยน = การเกิดขึ้นของ “ราคา” สินค้าและบริการ ความจ ากัด/หายากของ ทรัพยากร ทรัพยากรมีมูลค่า สินค้า – บริการต่าง ๆ จึงมี “ราคา” “ตลาด” ผู้ผลิตต้องการใช้ในการผลิต ผู้บริโภคต้องการบริโภคสินค้าและบริการ


การก าหนดราคาในสังคมไทย ระบบเศรษฐกิจ........................ของไทย ผู้มีบทบาทก าหนดราคาในสังคมไทย เอกชน รัฐ ปล่อยให้เป็นไป ตามกลไกราคา ก าหนดราคา เชิงกลยุทธ์ เข้าแทรกแซงราคา เพื่อความเป็นธรรมต่อ อุปสงค์ อุปทาน ผู้ผลิต ผู้บริโภค แบบผสม


การก าหนดราคาตามอุปสงค์ อุปทาน ระบบสังคมนิยม รัฐวางแผนจัดสรร ทรัพยากร ผลิตอะไร อย่างไร เพื่อใคร ระบบทุนนิยม กลไกราคา ผลิตอะไร อย่างไร เพื่อใคร


การก าหนดราคาโดยเอกชนด้วยการปล่อยให้เป็นไปตาม กลไกราคา (Price Mechanism) กลไกราคา = การเปลี่ยนแปลงระดับราคาสินค้า ขึ้น (แพง) – ลง (ถูก) เป็นไปตามแรงผลัก ของความต้องการ………….ของผู้บริโภค และความต้องการ…….…......ของผู้ผลิต กลไกราคา เป็น “มือที่มองไม่เห็น” คอยจัดการให้สินค้าราคาแพงขึ้น เมื่อความต้องการสินค้าสูงกว่าปริมาณสินค้าในตลาด................................. ท าให้สินค้าราคาถูกลง เมื่อความต้องการสินค้าต่ ากว่าปริมาณสินค้าในตลาด............................... ซื้อ ขาย (สินค้าขาดตลาด) (สินค้าล้นตลาด)


หากเราพอใจที่จะซื้อสินค้าและบริการ ลองคิดดูว่ามีอะไรบ้างที่เป็นตัวก าหนดความต้องการของเรา ? ฐานะผู้บริโภค ความชอบ เงินในกระเป๋า ราคา


อุปสงค์ (Demand) อุปสงค์ (Demand) ปริมาณของสินค้าชนิดหนึ่งที่ผู้ซื้อต้องการซื้อ และ มีความสามารถที่จะซื้อสินค้านั้นได้ ณ ราคาต่าง ๆ ความต้องการ (Wants) ความเต็มใจที่จะซื้อ (Willingness to buy) ความสามารถที่จะซื้อได้ (Ability to Pay) อุปสงค์


ปัจจัยที่ก าหนดอุปสงค์ ตัวอย่างปัจจัยที่ก าหนดอุปสงค์ ความสัมพันธ์กับอุปสงค์ 1. ราคาของสินค้าที่ต้องการซื้อ (เป็นปัจจัยก าหนดอุปสงค์ที่ส าคัญที่สุด) ราคาสินค้าที่ต้องการซื้อเพิ่มขึ้น → อุปสงค์….…………… 2. รสนิยมของผู้บริโภค (ความชอบส่วนบุคคล) มีรสนิยมชอบดื่มนมรสช็อกโกแลต → อุปสงค์นมรสช็อกโกแลต… ……………………… 3. สมัยนิยมหรือความนิยมของผู้บริโภค (ความชอบที่เป็นกลุ่ม/คนส่วนใหญ่) ผู้บริโภคหันมาใส่ใจบริโภคสินค้าสุขภาพมากขึ้น อุปสงค์สินค้าสุขภาพ....……………….. ลดลง เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น


ตัวอย่างปัจจัยที่ก าหนดอุปสงค์.. ความสัมพันธ์กับอุปสงค์ 4. ราคาสินค้าที่ทดแทนกันได้อย่างสมบูรณ์ เช่น ถ้าราคาเนื้อหมูสูง → อุปสงค์เนื้อไก่….........………. 5. รายได้ของผู้บริโภค (อ านาจซื้อ) มีรายได้เพิ่มขึ้น → อุปสงค์………………. 6. ระยะเวลาที่ต้องใช้เพื่อบริโภคสินค้า หากนานครั้งจึงจะได้มีโอกาสว่ายน้ า → อุปสงค์ต่อชุดว่ายน้ า………….... 7. เทศกาลส าคัญ เทศกาลสงกรานต์ → อุปสงค์ต่อปืนฉีดน้ า……………. 8. วันส าคัญ วันแม่→ อุปสงค์ดอกมะลิ ของขวัญให้แม่………........… 9. ฤดูกาล ฤดูร้อน → อุปสงค์ต่อน้ าแข็ง ไอศกรีม เครื่องปรับอากาศ………………. 10. การจัดงานแสดงสินค้า หากเป็นงานแสดงสินค้าที่ขายสินค้าที่มีราคาถูกกว่าตลาด สามารถ เข้าถึงงานได้ไม่ยาก และรวมสินค้าที่หลากหลายไว้ในสถานที่แห่งเดียว → อุปสงค์ต่อสินค้าในงาน………............… เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น ลดลง เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น ปัจจัยที่ก าหนดอุปสงค์


ตัวอย่างปัจจัยที่ก าหนดอุปสงค์ ความสัมพันธ์กับอุปสงค์ การสร้างจุดเด่น เอกลักษณ์ หรือ ความหมายให้กับสินค้า หากเป็นสินค้ารุ่นที่มีจ ากัด (Limited Edition) → อุปสงค์ต่อ สินค้า…………....... หากเป็นสินค้าที่มีความหมายท าให้ระลึกถึงสถานที่ที่ตนไปท่องเที่ยว → อุปสงค์ต่อสินค้า……………...... กลยุทธ์ทางการตลาด หากมีการลด แลก แจก แถม มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์→ อุปสงค์ต่อสินค้า……………....... โครงสร้างกลุ่มประชากร สังคมไทยมีแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของประชากรวัยชรา → อุปสงค์ต่อสินค้าของวัยชรา…………........ เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น ปัจจัยที่ก าหนดอุปสงค์


กฎของอุปทานและการแสดงเส้นอุปทาน กฎของอุปสงค์ (Law of Demand) ปริมาณของสินค้าและบริการชนิดใดชนิดหนึ่งที่ผู้บริโภคต้องการซื้อ ย่อมแปรผกผันกับ ระดับราคาของสินค้าและบริการชนิดนั้นเสมอ โดยสมมุติให้ปัจจัยอื่น ๆ คงที่ เมื่อราคาสินค้าสูงขึ้น → อุปสงค์ (ปริมาณความต้องการซื้อ) จะ…………………. ลดลง อุปสงค์จะ...........................................................กับราคา เมื่อราคาสินค้าลดลง → อุปสงค์ (ปริมาณความต้องการซื้อ) จะ…………………. เพิ่มขึ้น 50 บ. 40 บ. แพงจัง ตรงกันข้าม (แปรผกผัน)


ดังนั้น กฎอุปสงค์นั้นจึงเป็นการน าความต้องการซื้อไปเทียบกับระดับราคาสินค้านั่นเอง เช่น อุปสงค์ต่อนมกล่อง พิจารณาได้จากตาราง กฎอุปสงค์และการแสดงเส้นอุปสงค์ ราคาสินค้าต่อกล่อง (บาท) ปริมาณอุปสงค์ (กล่อง) 5 5 10 4 15 3 20 2 25 1 ปริมาณสินค้า (กล่อง) ราคา (บาท) 25 20 15 10 5 0 1 2 3 4 5 เส้นอุปสงค์ จากตารางจะเห็นได้ว่า หากนมมีราคากล่องละ 5 บาท จะมีปริมาณความต้องการซื้อถึง 5 กล่อง แต่หากราคา กล่องละ 25 บาท จะมีปริมาณความต้องการซื้อเพียง 1 กล่อง ดังนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างราคาและอุปสงค์จึงเป็นไป ในลักษณะ ผกผันกัน เส้นอุปสงค์ (ราคาสินค้า “แปรผกผัน” กับอุปสงค์) ต่อราคาจึงสามารถแสดงได้ดังแผนภาพ


อุปสงค์ต่อรายได้ของผู้บริโภค สินค้าปกติ (Normal Goods) สินค้าด้อย (Inferior Goods) เป็นสินค้าที่มีปริมาณเสนอซื้อมากขึ้น หากผู้บริโภค มีรายได้สูงขึ้น เป็นสินค้าที่ปริมาณเสนอซื้อมากขึ้น หากผู้บริโภคมี รายได้ลดลง หรือเรียกว่า สินค้าด้อยคุณภาพ รายได้ผู้บริโภคเพิ่มขึ้น → อุปสงค์……………. รายได้ผู้บริโภคลดลง → อุปสงค์……………… รายได้ผู้บริโภคเพิ่มขึ้น → อุปสงค์………………. รายได้ผู้บริโภคลดลง → อุปสงค์……………….. ตัวอย่างสินค้า : สินค้าทั่วไป ตัวอย่างสินค้า : เช่น บะหมี่กึ่งส าเร็จรูป เสื้อโหล เพิ่มขึ้น ลดลง ลดลง เพิ่มขึ้น (เพราะมีเงิน จึงไม่จ าเป็นต้องพึ่งพาของถูก) (เพราะไม่มีเงิน จึงจ าเป็นต้องซื้ออย่างเลี่ยงไม่ได้)


อุปสงค์กับราคาสินค้าชนิดอื่นที่เกี่ยวข้อง เป็นความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณเสนอซื้อสินค้าชนิดหนึ่งกับราคาสินค้าอีกชนิดหนึ่งที่เกี่ยวข้องกัน ซึ่งจะเรียกว่า “อุปสงค์ไขว้” (Cross Demand) เราสามารถพิจารณาได้ 2 กรณี ตามประเภทของสินค้าที่เกี่ยวข้อง กรณีสินค้าที่ต้องใช้ประกอบกัน (Complement) สินค้าที่อาจจ าเป็นต้องใช้ประกอบกัน เพื่อให้เกิด การบริโภคที่สมบูรณ์ หรือสามารถตอบสนองความ ต้องการของผู้บริโภคได้มากขึ้น สินค้าอาจทดแทนกันได้หากเป็นสินค้าในกลุ่ม ประเภทเดียวกัน มีความคล้ายกัน หรือเป็นสินค้า ชนิดเดียวกันแต่มียี่ห้อที่ต่างกัน โดยถูกก าหนดว่า เป็นสินค้าที่แทนกันได้อย่างสมบูรณ์


กรณีสินค้าทดแทนกันได้ (Substitute) กรณีสินค้าที่ต้องใช้ประกอบกัน (Complement) ตัวอย่าง หากไข่ไก่และไข่เป็ดเป็นสินค้าที่ทดแทนกันได้ เมื่อราคาไข่ไก่สูง → อุปสงค์ไข่เป็ดสูง เมื่อราคาไข่ไก่สูง → ปริมาณเสนอซื้อไข่ไก่ จะต้องลดลง (ตามกฎอุปสงค์) เมื่อไข่เป็ดแทนไข่ไก่ได้และราคาของไข่เป็ดไม่สูงเท่าไข่ไก่ → ปริมาณเสนอซื้อไข่เป็ดจะสูงขึ้น สรุปความสัมพันธ์ระหว่างอุปสงค์กับสินค้าทดแทนกันได้ เปลี่ยนไปในทิศทางเดียวกัน ตัวอย่าง หากรถยนต์กับน้ ามันเป็นสินค้าที่ต้องใช้ประกอบกัน เมื่อราคาน้ ามันสูง → อุปสงค์รถยนต์ต่ า เมื่อราคาน้ ามันสูง → ปริมาณเสนอซื้อรถยนต์จะต้องลดลง (ตามกฎอุปสงค์) เมื่อน้ ามันจ าเป็นต้องใช้ประกอบกับรถยนต์ ดังนั้น เมื่อปริมาณเสนอซื้อ รถยนต์ลดลง → ปริมาณเสนอซื้อน้ ามัน จึงต้องลดลงตาม สรุปความสัมพันธ์ระหว่างอุปสงค์กับสินค้าที่ต้องใช้ประกอบกัน เปลี่ยนไปในทิศทางตรงกันข้าม


อุปทาน (Supply) ปริมาณของสินค้าชนิดหนึ่งที่ผู้ขายยินดีที่จะขาย และ มีความสามารถที่จะขายสินค้านั้นได้ ณ ราคาต่าง ๆ ผู้ผลิตมีความเต็มใจที่จะขาย ความสามารถที่จะขาย อุปทาน


ปัจจัยที่ก าหนดอุปทาน ตัวอย่างปัจจัยที่ก าหนดอุปทาน ความสัมพันธ์กับอุปทาน ราคาของสินค้าที่ต้องการขาย (เป็นปัจจัย ก าหนดอุปทานที่ส าคัญที่สุด) ราคาสินค้าที่ต้องการขายเพิ่มขึ้น → อุปทาน……………… ต้นทุนการผลิต หากต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น อันเนื่องมาจากราคา ปัจจัยการผลิตสูงขึ้น (เพิ่มภาษี เพิ่มอัตราค่าจ้างแรงงาน ขั้นต่ า เพิ่มมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม) เช่น การติดตั้ง เครื่องบ าบัดน้ าเสีย → อุปทาน………………… การคาดคะเนเหตุการณ์ในอนาคต หากมีการคาดคะเนว่าเศรษฐกิจจะดีในไตรมาสหน้า → อุปทานสินค้าไตรมาสนี้……………........ (เพราะจะรอไปขาย ในไตรมาสหน้า) เพิ่มขึ้น ลดลง ลดลง


ตัวอย่างปัจจัยที่ก าหนดอุปทาน ความสัมพันธ์กับอุปทาน สภาพแวดล้อม ดินฟ้าอากาศ มีอิทธิพลอย่างมากต่ออุปทานสินค้าเกษตรกรรม เช่น หากเกิด ภัยแล้ง → อุปทานสินค้าเกษตร………………. เทคโนโลยีการผลิต การเพิ่มเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการผลิต เกิดการผลิตคราวละ มาก ๆ (Mass Production) → ต้นทุนการผลิตโดยเฉลี่ยลด ต่ าลง → อุปทานสินค้า……………… จ านวนของผู้ขาย หากมีผู้ขายสินค้าชนิดนั้นมาก → อุปทาน……………… ทั้งนี้ เพราะหากสินค้าชนิดใดมีผู้ขายมาก ผู้ขายย่อมเล็งเห็นถึงผู้ซื้อ หรือตลาดในสินค้าชนิดนั้นว่ายังคงขยายได้อยู่ ด้วยเหตุนี้ อุปทานในสินค้าชนิดนั้นจึงมีมากขึ้น เพื่อมาช่วงชิงใน “ส่วนแบ่ง ทางการตลาด” (Market Share) ลดลง เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น


กฎของอุปทานและการแสดงเส้นอุปทาน กฎของอุปทาน (Law of Supply) ปริมาณสินค้าที่ผู้ผลิตเต็มใจจะน าสินค้าออกขายในขณะใดขณะหนึ่งจะมีความสัมพันธ์ในทาง เดียวกันกับราคาสินค้าชนิดนั้น โดยสมมุติให้ปัจจัยอื่น ๆ คงที่ เมื่อราคาสินค้าสูงขึ้น → อุปทาน (ความต้องการขาย) จะ……………... เพิ่มขึ้น อุปทานจะ...........................................................กับราคา ทิศทางเดียวกัน (แปรผันตรง) เมื่อราคาสินค้าลดลง → อุปทาน (ความต้องการขาย) จะ……………... ลดลง 50 บ. 40 บ. ไม่คุ้ม


ดังนั้น กฎของอุปทานจึงเป็นการน าความต้องการขายไปเทียบกับระดับราคาสินค้าที่ต้องการขาย เช่น อุปทานต่อเครื่องดื่มชาเขียว พิจารณาได้จากตาราง ราคาสินค้าต่อ ขวด (บาท) ปริมาณ อุปทาน (ขวด) 5 1 10 2 15 3 20 4 25 5 เส้นอุปทาน จากตารางจะเห็นได้ว่า หากเครื่องดื่มชาเขียวมีราคาขวดละ 5 บาท จะมีปริมาณความต้องการขายเพียง 1 ขวด แต่หากราคาขวดละ 25 บาท จะมีปริมาณความต้องการขายมากที่สุดถึง 5 ขวด ดังนั้นความสัมพันธ์ ระหว่างราคาและอุปทานจึงเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ปริมาณสินค้า (ขวด) ราคา (บาท) 25 20 15 10 5 0 1 2 3 4 5


กลไกราคาและราคาดุลยภาพ (Equilibrium Price) ผู้ผลิตอยากขายของ ตลาด ในราคาแพง ๆ ผู้บริโภคอยากซื้อของ ในราคาถูก ๆ แล้วเราจะทราบได้อย่างไรว่า ราคาควรจะเป็นเท่าไร และซื้อขายกันจ านวนกี่ชิ้น ถึงจะท าให้บุคคลทั้ง 2 ฝ่ายพอใจ กลไกราคาและราคาดุลยภาพ (Equilibrium Price)


พิจารณาตัวอย่างราคาของส้มในตลาดแห่งหนึ่งช่วงตรุษจีน ราคาส้ม (บาท/กก.) ปริมาณ ความ ต้องการซื้อ (กก.) ปริมาณ เสนอขาย (กก.) ผลกระทบ ปริมาณส้ม (กก.) ภาวะในตลาด 50 30 210 45 60 180 40 90 150 35 120 120 30 150 90 25 180 60 20 210 30 ราคาดุลยภาพ เหลือ 180 กก. เหลือ 120 กก. เหลือ 60 กก. ขาด 60 กก. ขาด 120 กก. ขาด 180 กก. หมดพอดี ดุลยภาพ อุปทาน ส่วนเกิน (สินค้าล้นตลาด) (สินค้าขาดตลาด) อุปสงค์ ส่วนเกิน (สินค้าล้นตลาด) (สินค้าล้นตลาด) (สินค้าขาดตลาด) (สินค้าขาดตลาด) ผู้ขายมักปรับราคาให้สูงขึ้น ผู้ขายมัก ปรับราคา ให้ลดลง


กลไกราคาและราคาดุลยภาพ (Equilibrium Price) ราคาดุลยภาพ ราคาที่ท าให้ปริมาณสินค้าและบริการที่ ต้องการซื้อในระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง เท่ากับปริมาณที่ต้องการขาย ปริมาณดุลยภาพ ปริมาณสินค้า ณ ระดับราคาดุลยภาพ


1. ภาวะที่ไม่ดุลยภาพ อาจจะเกิดการขาดแคลนสินค้าหรือสินค้าเหลือล้นตลาด อย่างไรก็ตามตลาด ต้องการสินค้าที่หมดพอดี ในระดับราคาสินค้าที่ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายพอใจ ราคาจึงเกิดการปรับตัวเข้า สู่จุดดุลยภาพในที่สุด จึงถือว่าเป็นความ “มหัศจรรย์” ของกลไกราคา ที่เป็นเสมือน “มือที่มองไม่เห็น” ของอดัม สมิธ นั่นเอง ภาวะที่ไม่ดุลยภาพ ลักษณะ ผลต่อปริมาณ สินค้า การปรับตัวของ ราคา ภาวะต่ ากว่าดุลยภาพ อุปสงค์ส่วนเกิน หรือส่วนขาด ของตลาด (Excess Demand) ราคาที่ท าการซื้อขายต่ ากว่า ราคาดุลยภาพ ท าให้อุปสงค์มี มากกว่าอุปทาน สินค้าขาดตลาด ผู้ขายมักปรับราคาให้ สูงขึ้น ภาวะสูงกว่าดุลยภาพ อุปทานส่วนเกิน หรือส่วนเกิน ของตลาด (Excess Supply) ราคาที่ท าการซื้อขายสูงกว่า ราคาดุลยภาพ ท าให้อุปทานมี มากกว่าอุปสงค์ สินค้าเหลือล้นตลาด ผู้ขายมักปรับราคาให้ลด ต่ าลง


2. ภาวะดุลยภาพ เกิดจากราคาดุลยภาพ ซึ่งเป็นราคาที่ อุปสงค์เท่ากับอุปทาน (สินค้าหมดพอดี) อุปสงค์ส่วนเกินและอุปทานส่วนเกินมีค่าเป็นศูนย์ D = อุปสงค์Demand s = อุปทาน supply ราคาส้ม (บาท/กก.) ปริมาณ ความ ต้องการซื้อ (กก.) ปริมาณ เสนอขาย (กก.) ผลกระทบ ปริมาณส้ม (กก.) ภาวะในตลาด 25 1 5 20 2 4 15 3 3 10 4 2 5 5 1 เหลือ 4 กก. เหลือ 2 กก. หมดพอดี ดุลยภาพ (สินค้าล้นตลาด) (สินค้าขาดตลาด) (สินค้าขาดตลาด) (สินค้าล้นตลาด) ขาด 2 กก. ขาด 4 กก. ราคา (บาท) ปริมาณสินค้า (กิโล) 25 20 15 10 5 0 1 2 3 4 5 S D E(D=S) อุปสงค์ส่วนเกิน (D>S) อุปทานส่วนเกิน (S>D) E = Equilibrium


Click to View FlipBook Version