The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สื่อการสอนPPT หน่วยที่ 2 เศรษฐกิจพอเพียง+แผนพัฒนาเศรษฐกิจ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by a0981653842, 2023-03-17 10:43:50

สื่อการสอนPPT หน่วยที่ 2 เศรษฐกิจพอเพียง+แผนพัฒนาเศรษฐกิจ

สื่อการสอนPPT หน่วยที่ 2 เศรษฐกิจพอเพียง+แผนพัฒนาเศรษฐกิจ

หน่วยที่ 2 เศรษฐกิจพอเพียง


ความเป็นมาของเศรษฐกิจพอเพียง


หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง หลักการต่อไปนี้เป็นหลักการที่พัฒนาขึ้นโดยส านักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในฐานะหน่วยงานหลักในการวางแผนประเทศได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิ จากสาขาต่าง ๆ มาร่วมกันพิจารณากลั่นกรอง พระราชด ารัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชในโอกาสต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจพอเพียง จากนั้นได้น าขึ้นทูลเกล้า ฯ ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตน าไปเผยแพร่ส่งเสริมให้ประชาชนทุกระดับได้มีความเข้าใจ และสามารถใช้เป็นพื้นฐานในการด าเนินชีวิตง่ายขึ้น


ซึ่งทรงพระกรุณาปรับปรุงแก้ไขและโปรดเกล้า ฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตตามที่ขอ พระกรุณา เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2542 สศช. ได้อัญเชิญ “ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” มาเป็นปรัชญาน าทางในการจัดท า แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ ๙ (พ.ศ. ๒๕๔๕-๒๕๔๙) และฉบับที่ ๑๐ (พ.ศ. ๒๕๕๐-๒๕๕๔) รวมทั้งได้เสริมสร้างความเข้าใจ ไปยังภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความ เข้าใจ เห็นคุณค่า และน้อมน าไปประยุกต์ใช้ในวิถีชีวิตต่อไป หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง


หลักการ และแนวคิดของเศรษฐกิจพอเพียง หลักแนวคิดของเศรษฐกิจพอเพียง ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวทาง การด าเนินชีวิตและวิถีปฏิบัติที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชด ารัสชี้แนะแก่พสกนิกร ชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า ๓๐ ปี และได้ทรงเน้นย้ า แนวทางพัฒนาที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของทางสายกลาง และความ ไม่ประมาท โดยค านึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี ตลอดจน ใช้ความรู้และคุณธรรม เป็นพื้นฐานในการด ารงชีวิต การป้องกันให้รอดพ้นจาก วิกฤต และให้สามารถ ด ารงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์และความ เปลี่ยนแปลงต่าง ๆ


ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีหลักพิจารณาดังนี้ 1. กรอบแนวคิด เป็นปรัชญาที่ชี้แนะแนวทางการด ารงอยู่และปฏิบัติตนในทางที่ควรจะเป็น โดยมีพื้นฐาน จากวิถีชีวิตดั้งเดิมของสังคมไทย สามารถน ามาประยุกต์ใช่ได้ตลอดเวลา และเป็นการมองโลก เชิงระบบที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มุ่งเน้นการรอดพ้นจากภัย และวิกฤต เพื่อความ มั่นคงและความยั่งยืนของการพัฒนา 2. คุณลักษณะ เศรษฐกิจพอเพียงสามารถน าน ามาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติตนได้ในทุกระดับ โดยเน้น การปฏิบัติบนทางสายกลาง และการพัฒนาอย่างเป็นขั้นตอน 3. ค านิยาม ความพอเพียงจะต้องประกอบด้วย คุณลักษณะพร้อม ๆ กัน ดังนี้


หลักการ เงื่อนไข ความพอเพียงจะต้องประกอบด้วย 3 คุณลักษณะ ดังนี้ • ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อย เกินไป และไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียนตนเอง และผู้อื่น เช่น การผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับ พอประมาณ • ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับ ของความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้องตลอดจน ค านึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระท านั้น ๆ อย่างรอบคอบ • มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี หมายถึง การเตรียมตัวให้ พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยค านึงถึงความเป็นไปได้ของ สถานการณ์ต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้ง ใกล้และไกล การตัดสินใจและการด าเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้อยู่ ในระดับพอเพียงนั้น ต้องอาศัยความรู้และคุณธรรมเป็น พื้นฐาน กล่าวคือ • เงื่อนไขความรู้ - ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน - ความรอบคอบที่จะน าความรู้เหล่านั้นมา พิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผน - ความระมัดระวังในขั้นปฏิบัติ • เงื่อนไขคุณธรรม ที่จะต้องเสริมสร้างคนที่มีความรู้ ประกอบคุณธรรมด้านต่าง ๆ ดังนี้ - มีความตระหนักในคุณธรรม - มีความซื่อสัตย์สุจริต - มีความอดทน ความเพียร - ใช้สติปัญญาในการด าเนินชีวิต


เป้าหมายของเศรษฐกิจพอเพียง เศรษฐกิจพอเพียงค านึงถึง “ความสุข” ของผู้ปฏิบัติเป็นส าคัญ เป็นความสุข ทั้งทางกายและทางใจ เพราะเมื่อเรามีความพอดี พอเพียงในการปฏิบัติ ก็จะท าให้มี ความรู้สึกว่าไม่มีค าว่า “เกินไป” มาให้ขุ่นข้องหมองใจ ความสุขก็จะบังเกิด ดังนั้น เป้าหมายที่เป็นภาพรวมของเศรษฐกิจพอเพียงจึงเป็นสังคมที่ “อยู่ดีมีสุข” หมายถึง การที่คนในสังคมมีสุขภาพกายที่ดี สุขภาพจิตที่ดี มีเศรษฐกิจที่พออยู่พอกิน มีการใช้ทรัพยากรท้องถิ่นเท่าที่จ าเป็นและตั้งอยู่บนรากฐานทางวัฒนธรรมในสังคม ของตนเอง ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดจากการปฏิบัติตามหลักการและเงื่อนไขเศรษฐกิจพอเพียง


วิเคราะห์คุณค่า ความส าคัญ และประโยชน์ของปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง • ท าให้เราคิดเป็น จึงคิดที่จะรู้จักพอและกระท าจริง • ท าให้เรามีสติต่อการกระท าต่าง ๆ ว่ามีความพอเพียงหรือท าให้ ตนเองและผู้อื่นเดือดร้อนหรือไม่ • ท าให้เราเป็นคนที่รู้จักแบ่งปัน เอาใจเขามาใส่ใจเรา • ท าให้เราเป็นคนมีเหตุมีผลในการกระท า รู้คุณค่าและผลที่เกิดจาก การกระท าต่าง ๆ ของเรา • ท าให้เรารู้จักจัดการบริหารทรัพยากรต่าง ๆ ที่มีอย่างจ ากัด มา ตอบสนองความต้องการของตนเองได้อย่างมีเหตุผลและมีคุณธรรม • ท าให้เรารักษาความเป็นตัวของตัวเอง สิ่งเร้าภายนอกกระทบต่อเรา น้อยลง • ท าให้เราสามารถยืนอยู่ได้ด้วยตัวของเราเอง รู้จักพึ่งตนเองมากกว่า พึ่งพาผู้อื่นเพราะมีแต่ตัวเราเท่านั้นที่จะอยู่กับเราไปตลอด • ท าให้เราอยู่ในสังคมแห่งความพอเพียงนี้ได้อย่างมีความสุข • ด้านการเมือง เกิดการเมืองที่โปร่งใสมีธรรมาภิบาลปราศจากการฉ้อราษฎร์- บังหลวง มีการบริหารงานเพื่อผลประโยชน์ของประเทศอย่างแท้จริง เกิดการยอมรับในหลักเสียงข้างมาก เคารพในสิทธิเสรีภาพระหว่างกัน • ด้านเศรษฐกิจ เกิดภาวะ “อยู่รอด” ทางเศรษฐกิจด้วยพื้นฐานที่มั่นคง แม้ สภาวะเศรษฐกิจโลกจะผันผวนเพียงใดก็ตาม เราก็ยังอยู่ได้ • ด้านสังคม เกิดการพัฒนาโดยเริ่มจากคนในสังคมที่มีความแข็งแกร่งทั้ง ร่างกาย จิตใจ ปัญญา อารมณ์ น าไปสู่การพัฒนาชุมชนที่เข้มแข็ง เป็น “สังคมสีขาว” ถึงสังคมแห่งสมานฉันท์ เอื้ออาทร และมีคุณธรรม • ด้านสิ่งแวดล้อม เกิดการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจ ากัด ให้คุ้มค่าและ เกิดประโยชน์สูงสุด และรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็น “ทรัพยากรสาธารณะ” ของทุกคนบนโลกไว้ให้ดี และยั่งยืน คุณค่า ความส าคัญ และประโยชน์ของปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ต่อตนเอง ต่อประเทศชาติ


การประยุกต์ใช้เศรษฐกิจพอเพียงในการด าเนินชีวิต การประยุกต์ใช้เศรษฐกิจพอเพียงในระดับบุคคล คือ ความสามารถในการ ด ารงชีวิตได้อย่างไม่เดือดร้อน มีความเป็นอยู่อย่างประมาณตนตามฐานะ ตามอัตภาพ ที่ส าคัญไม่หลงใหลไปตามกระแสของวัตถุนิยม มีอิสรภาพ เสรีภาพ ไม่พันธนาการอยู่ กับสิ่งใด หลักการพึ่งตนเอง อาจจะแยกแยะโดยยึดหลักส าคัญอยู่ 5 ประการ คือ 1 ด้านจิตใจ ท าตนให้เป็นที่พึ่งตนเอง มีจิตส านึกที่ดี สร้างสรรค์ให้ตนเองและชาติ โดยรวมมีจิตใจเอื้ออาทร ประนีประนอม เห็นประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง 2 ด้านสังคม แต่ละชุมชนต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายชุมชน ที่แข็งแรงเป็นอิสระ


การประยุกต์ใช้เศรษฐกิจพอเพียงในการด าเนินชีวิต 3 ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ใช้และจัดการอย่างฉลาด พร้อมทั้งหาทาง เพิ่มมูลค่า โดยยึดอยู่บนหลักการของความยั่งยืน 4 ด้านเทคโนโลยี จากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เทคโนโลยีที่เข้ามาใหม่มีทั้งดี และไม่ดี จึงต้องแยกแยะบนพื้นฐานของภูมิปัญญาชาวบ้านและเลือกใช้เฉพาะที่สอดคล้องกับ ความต้องการตามสภาพแวดล้อมและควรพัฒนาเทคโนโลยีจากภูมิปัญญาของเราเอง 5 ด้านเศรษฐกิจ แต่เดิมนักพัฒนามักมุ่งที่การเพิ่มรายได้ และไม่มีการมุ่งที่การลดรายจ่าย ในภาวะที่เศรษฐกิจวิกฤต จึงต้องปรับทิศทางการพัฒนาใหม่ คือ ต้องมุ่งลดรายจ่ายก่อน เป็นส าคัญ โดยยึดหลักพออยู่ พอกิน พอใช้


การประยุกต์ใช้เศรษฐกิจพอพียงในการด าเนินชีวิตในระดับบุคคล สามารถแบ่งได้เป็น 4 ระดับ คือ ระดับตนเอง เริ่มต้นจากการเสริมสร้างตนเองให้มีการเรียนรู้ วิชาการ และทักษะต่าง ๆ ที่จ าเป็น เพื่อให้สามารถรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ พร้อมทั้งเสริมสร้างคุณธรรม จนมีความ เข้าใจและตระหนักถึงคุณค่าของการอยู่ร่วมกันของคนในสังคม เป็นผู้ให้เกื้อกูล แบ่งปัน มีสติคิด พิจารณาอย่างรอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจหรือการกระท าใด ๆ จนกระทั่งเกิดเป็นภูมิคุ้มกันที่ดี ในการด ารงชีวิต โดยสามารถคิดและกระท าบนพื้นฐานของความมีเหตุมีผล พอเหมาะ พอประมาณ กับ สถ านภ าพ บทบ าท แ ล ะหน้ าที่ ข อ ง แต่ ล ะบุคค ลใน แต่ ล ะ สถ าน ก า รณ์ แ ล้ ว เพี ย ร ปฏิบัติเช่นนี้จนสามารถท าตนเองให้เป็นที่พึ่งของตนเองได้ และเป็นที่พึ่งของผู้อื่นได้ในที่สุด


ระดับครอบครัว การประยุกต์ใช้เศรษฐกิจพอพียงในการด าเนินชีวิตในระดับบุคคล สมาชิกในครอบครัวมีความเป็นอยู่ในลักษณะที่พึ่งพาตนเองได้อย่างมีความสุข ทั้งทางกาย และทางใจ สามารถด าเนินชีวิตได้โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น รวมทั้งไม่เป็นหนี้หรือมีภาระด้าน หนี้สินของตนเองและครอบครัว แต่สามารถหาปัจจัย 4 มาเลี้ยงตนเองได้โดยที่ยังมีเหลือเป็นส่วนออม ของครอบครัว


ระดับชุมชน การประยุกต์ใช้เศรษฐกิจพอพียงในการด าเนินชีวิตในระดับบุคคล ชุมชนพอเพียงคือชุมชนที่ใฝ่หาความก้าวหน้าบนพื้นฐานของปรัชญาแห่งความพอเพียง บุคคล เหล่านี้มารวมกลุ่มกันท ากิจกรรมต่าง ๆ ที่สอดคล้องเหมาะสมกับสถานภาพภูมิสังคมของแต่ละชุมชน โดยพยายามใช้ทรัพยากรต่าง ๆ ที่มีอยู่ในชุมชนให้เกิดประโยชน์สูงสุดผ่านการร่วมแรง ร่วมใจ ร่วมคิด ร่วมท าและแลกเปลี่ยนความรู้ในสิ่งที่จะสร้างประโยชน์สุขของคนส่วนรวมและความก้าวหน้าของชุมชน อย่างมีเหตุผล โดยอาศัยสติปัญญา ความสามารถของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องและบนพื้นฐานของความ ซื่อสัตย์สุจริต อดกลั้นต่อการกระทบกระทั่ง และมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ระหว่างสมาชิกชุมชนจนน าไปสู่ ความสามัคคีของคนในชุมชน ซึ่งเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีของชุมชน จนน าไปสู่การพัฒนาของชุมชนที่สมดุล และพร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ จนกระทั่งสามารถพัฒนาไปสู่เครือข่ายระหว่างชุมชนต่าง ๆ


ระดับประเทศ การประยุกต์ใช้เศรษฐกิจพอพียงในการด าเนินชีวิตในระดับบุคคล เริ่มจากการวางรากฐานของประเทศให้มีความพอเพียง โดยส่งเสริมให้ประชาชนส่วนใหญ่ สามารถอยู่อย่างพอมีพอกิน และพึ่งตนเองได้มีความรู้และทักษะที่จ าเป็นในการด ารงชีวิตอย่างเท่าทัน ต่อการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ และมีคุณธรรม ซื่อสัตย์สุจริต ขยันหมั่นเพียร เอื้อเฟื้อแบ่งปัน และใช้ สติปัญญาในการตัดสินใจและด าเนินชีวิตพร้อมกับส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกลุ่มคนต่าง ๆ จากหลากหลายภูมิสังคม หลากหลายอาชีพ หลากหลายความคิด ประสบการณ์ เพื่อสร้างความเข้าใจ และรู้ความเป็นจริงระหว่างกันของคนในประเทศจนน าไปสู่ความสามัคคี และจิตส านึกที่ร่วมแรงร่วมใจ กันพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า


การประยุกต์ใช้เศรษฐกิจพอเพียง ในภาคเกษตร อุตสาหกรรม การค้าและบริการ การประยุกต์ใช้เศรษฐกิจพอเพียงในภาคเกษตร ระบบเกษตรแบบยั่งยืน ระบบเกษตรแบบยั่งยืน (Sustainable Agriculture) หรือระบบเกษตรกรรมทางเลือก (Alternative Agriculture) หรือระบบเกษตรถาวร (Permanent Agriculture หรือ Permaculture) ล้วนเป็นระบบเกษตรกรรมที่มีหลักการใหญ่ ๆ คล้ายคลึงกัน มีผู้ให้ค าจ ากัด ความและความหมายของแนวทางเกษตรกรรมทางเลือก – เกษตรกรรมยั่งยืนไว้มากมาย แต่โดยส่วนใหญ่จะใกล้เคียงกัน โดยให้ความส าคัญกับสมดุลของระบบนิเวศ ผลผลิต คุณภาพ ที่ดี และเพียงพอต่อเกษตรกรและผู้บริโภค


รูปแบบการท าเกษตรกรรมยั่งยืน ได้แก่ 1. ระบบไร่หมุนเวียน 2. ระบบเกษตรผสมผสาน (Integrated farming) 3. ระบบไร่นาสวนผสม (Mixed/Diversefied/Polyculture Farming) 4. ระบบไร่นาป่าผสมหรือวนเกษตร (Agro Forestry) 5. เกษตรธรรมชาติ (Natural farming) 6. เกษตรทฤษฏีใหม่ 7. เกษตรกรรมประณีต 8. เกษตรอินทรีย์ (Organic farming) 9. เกษตรกรรมที่เป็นมากกว่าเกษตรอินทรีย์ (Beyond Organic farming)


เศรษฐกิจพอเพียงกับทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชด าริ แนวพระราชด าริ “ทฤษฎีใหม่” แนวพระราชด าริ “ทฤษฎีใหม่” เป็นการ ประยุกต์ใช้เศรษฐกิจพอเพียงกับภาคเกษตรโดยเฉพาะ อย่างเป็น ขั้นเป็นตอน เพื่อให้เกษตรกรสามารถพึ่งตนเองได้ ลดการพึ่งพิง จากภายนอก ซึ่งนอกจากจะท าให้เกษตรกรสามารถด ารงชีวิต อยู่รอดได้ด้วยอาหารที่เพียงพอต่อการยังชีพแล้ว ยังมีผลผลิต เหลือออกไปขายจนสร้างรายได้งอกเงยให้แก่เกษตรกรตลอดปีได้ อีกด้วย


ทฤษฎีใหม่ขั้นที่ 1 เป็นการจัดการบริหารที่ดินและน้ าเพื่อ การเกษตรในพื้นที่ขนาดเล็กให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้ เนื่องมาจากเกษตรกรมักประสบปัญหาในการเพาะปลูก โดยเฉพาะเรื่องการขาดแคลนน้ า “น้ า”จึงถือว่าเป็น “หัวใจ” ของทฤษฎีใหม่ การบริหารจัดการที่ดินและน้ านั้นให้จัดสรรพื้นที่ อยู่อาศัยและที่ท ากินออกเป็น 4 ส่วน ตามอัตราส่วน 30 : 30 : 30 : 10 โดยมีโครงการพัฒนาพื้นที่วัดมงคลชัย พัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชด าริ อ าเภอเฉลิมพระ เกียรติ จังหวัดสระบุรี เป็น “ต้นแบบทฤษฎีใหม่” เมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2536


ทฤษฎีใหม่ขั้นก้าวหน้า ทฤษฎีใหม่ขั้นที่สอง ทฤษฎีใหม่ขั้นที่สาม


ทฤษฎีใหม่ขั้นที่สอง เมื่อเกษตรกรเข้าใจในหลักการและได้ปฏิบัติในที่ดินของตนจน ได้ผลแล้ว ก็ต้องเริ่มขั้นที่สอง คือให้เกษตรกรรวมพลังกันในรูป กลุ่ม หรือสหกรณ์ร่วมแรงร่วมใจกันด าเนินการในด้าน


ทฤษฎีใหม่ขั้นที่สาม เมื่อด าเนินการผ่านพ้นขั้นที่สองแล้วเกษตรกร หรือกลุ่ม เกษตรกรก็ควรพัฒนาความก้าวหน้าไปสู่ขั้นที่สามต่อไป คือ ติดต่อ ประสานงาน หรือแหล่งเงิน เช่น ธนาคารหรือบริษัท ห้างร้านเอกชน มาช่วยในการลงทุนและพัฒนาคุณภาพชีวิต ทั้งนี้ ทั้งฝ่ายเกษตรกร ฝ่ายธนาคาร หรือบริษัทเอกชนจะได้รับประโยชน์ร่วมกัน กล่าวคือ ➢ เกษตรกรขายข้าวได้ราคาสูง (ไม่ถูกกดราคา) ➢ ธนาคาร/บริษัทเอกชนสามารถซื้อข้าวบริโภคในราคาต่ า (ซื้อข้าวเปลือกตรงจากเกษตรกรและมาสีเอง) ➢ เกษตรกรซื้อเครื่องอุปโภคบริโภคได้ในราคาต่ า เพราะ รวมกันซื้อเป็นจ านวนมาก (เป็นร้านสหกรณ์ราคาขายส่ง) ➢ ธนาคารหรือบริษัทเอกชน จะสามารถกระจายบุคลากร เพื่อไปด าเนินการในกิจกรรมต่าง ๆ ให้เกิดผลดียิ่งขึ้น


แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คือ การ ก าหนดแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของ ประเทศ เพื่อให้ประชาชนมีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยการเข้ามามีส่วนร่วมของประชาชนทุกขั้นตอนอย่าง เป็นระบบ


13 ฉบับ


จบการน าเสนอ


Click to View FlipBook Version