The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือสิ่งแวดล้อมศึกษาปรับ-1 (1)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 1203saichol, 2022-01-05 23:25:45

คู่มือสิ่งแวดล้อมศึกษาปรับ-1 (1)

คู่มือสิ่งแวดล้อมศึกษาปรับ-1 (1)

47

แผนกำรจดั กำรเรียนรรู้ ำยวิชำวทิ ยำศำสตรเ์ พิ่มเตมิ

วิชำพลังงำนทดแทนกับกำรใช้ประโยชน์

กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้

หน่วยที่ 1 พลงั งานเพ่ือชีวติ เวลา 6 ชั่วโมง

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1 พลงั งานไฟฟ้า เวลา 2 ชว่ั โมง

สำระสำคญั
พลงั งานไฟฟา้ มีความสาคัญกบั การดาเนินชีวิตประจาวนั ปจั จบุ ันมีความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น

จากการบริโภคและอปุ โภคของมนุษย์ ทาใหแ้ หลง่ พลงั งานไฟฟา้ ทมี่ ีอยู่ไมเ่ พียงพอ จึงจาเปน็ ต้องหาแหลง่ พลังงาน
ทดแทนเพอื่ ให้เกิดความม่นั คงดา้ นพลงั งาน

พลังงานทดแทนเป็นพลังงานที่ใช้ทดแทนพลังงานจากฟอสซิล เช่น ถ่านหิน ปิโตรเลียมและแก๊ส
ธรรมชาติ ซ่งึ เปน็ แหล่งพลงั งานท่ีปลอ่ ยคารบ์ อนไดออกไซด์มหาศาลอนั เป็นสาเหตุของการเกดิ ภาวะโลกร้อน การ
ใช้พลังงานทดแทน เช่น พลังงานลม พลังงานน้า พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้าข้ึน-น้าลง พลังงาน
คลื่น พลังงานความร้อนใต้พิภพ และเช้ือเพลิงชีวภาพ จึงเป็นอีกทางเลือกหน่ึงที่ช่วยให้มีพลังงานไฟฟ้าใช้อย่าง
ยง่ั ยืนและลดผลกระทบต่อสิง่ แวดลอ้ ม

เพ่ือให้มีพลังงานไฟฟ้าใช้อย่างยั่งยืนนอกจากการใช้พลังงานทดแทนแล้ว จาเป็นต้องรณรงค์ให้เกิดความ
ตระหนักถึงผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อม แล้วร่วมแรงร่วมใจกันลดการใช้พลังงานทั้งจากการใช้พลังงานทางตรงและ
พลงั งานทางออ้ มจากการบรโิ ภคสินคา้ ต่างๆ โดยใช้การประเมินวงจรชีวติ ผลติ ภัณฑ์ต้งั แต่การหาวัตถุดิบ การผลติ
การจดั จาหนา่ ย การบรโิ ภค และการกาจัดและทาลาย เพ่ือเปน็ ข้อมูลในการตัดสินใจเลือกบริโภคผลิตภัณฑ์ท่ีลด
การใชพ้ ลงั งานและเป็นมิตรกับสิง่ แวดล้อม

ผลกำรเรยี นรู้
1. อธบิ ายความสาคญั ของพลงั งานทดแทนต่อมนษุ ย์และส่งิ แวดลอ้ ม
2. มจี ิตวิทยาศาสตร์ ค่านยิ มที่เหมาะสม และจติ สานึกในการใชพ้ ลงั งานอย่างประหยัดและคุม้ ค่า
3. ปรบั เปลย่ี นพฤติกรรมการบรโิ ภค อุปโภคท่ีคานงึ ถึงการอนรุ กั ษ์พลงั งานและสง่ิ แวดล้อม

จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้
1. สบื ค้นและอธบิ ายสาคญั ของพลงั งานทดแทนต่อมนุษยแ์ ละสิง่ แวดลอ้ ม
2. มที กั ษะในการวิเคราะหแ์ ละประเมินคา่ ผลกระทบของผลิตภัณฑท์ ม่ี ีต่อส่งิ แวดลอ้ มตลอดชว่ งชีวติ ของ
ผลิตภัณฑจ์ ากการประเมนิ วงจรชวี ิตผลิตภัณฑ์
3. ปฏบิ ัตติ นในการใช้พลงั งานอยา่ งฉลาด คุ้มค่า เลือกบริโภคผลติ ภัณฑ์ท่ปี ระหยดั พลงั งานและคานึงถึง
ผลกระทบต่อส่งิ แวดลอ้ ม

คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1. มุ่งม่นั ในการทางาน
2. มที ักษะชวี ิต

48

สมรรถนะสำคญั
1. ความสามารถในการแก้ปัญหา
2. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ

สำระกำรเรยี นรู้
1. กาเนิดพลังงานไฟฟา้
2. พลังงานทดแทน
3. การประเมินวงจรชีวิตผลิตภณั ฑ์ (Life Cycle Assessment ; LCA)

กระบวนกำรจัดกำรเรียนรู้

ข้ันสร้ำงควำมสนใจ (Engagement)
1.1 นักเรียนดูอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในห้องเรียน เช่น หลอดไฟ พัดลม คอมพิวเตอร์ โปรเจคเตอร์

แลว้ นักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายว่าเครอื่ งใช้เหลา่ น้ที างานได้อย่างไร
แนวคำตอบ เคร่ืองใช้ไฟฟ้าเหลา่ นจ้ี ะสามารถทางานได้ต้องมีพลังงานไฟฟา้
1.2 ครูใช้คาถามกระตนุ้ เพ่ือใหน้ ักเรียนเกดิ ความอยากรู้ สงสัย และตอ้ งการคน้ หาคาตอบ

โดยใชค้ าถาม ดงั นี้
- ไฟฟ้าทเี่ ราใชก้ ันทุกวันน้ีมาจากไหน เกดิ ขึ้นได้อยา่ งไร
- หากมีการคิดค้นผลิตภัณฑ์เครอื่ งใชไ้ ฟฟา้ ขนึ้ มาจานวนมากมาย ความต้องการใชพ้ ลังงานไฟฟ้าจะ

เปน็ อยา่ งไร
ขั้นสำรวจและคน้ หำ (Exploration)

1.3 นักเรยี นค้นหาคาตอบจากสือ่ วีดิทศั น์ เรอ่ื ง “ประวตั ิของไฟฟา้ ” และ “พลงั งานเพอ่ื ชวี ิต”
1.4 ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับความสาคัญของพลังงานไฟฟ้า สถานการณ์ความต้องการ
และใช้ไฟฟ้าในปจั จุบัน จากการดสู ่ือวีดทิ ัศน์ เรื่อง “ประวตั ขิ องไฟฟา้ ” และ “พลังงานเพอื่ ชวี ิต”
แนวคำตอบ ปัจจบุ ันมกี ารคิดคน้ ผลิตภัณฑเ์ ครอ่ื งใชไ้ ฟฟ้าขึ้นมาจานวนมากมาย ความต้องการใช้
พลังงานไฟฟ้าจึงเพ่ิมจานวนมากขึ้น แต่แหล่งพลังงานไฟฟ้ายังไม่พอเพียง จาเป็นต้องหาแหล่งพลังงานทดแทน
เช่น พลังงานลม พลังงานน้า พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้าขึ้นน้าลง พลังงานคลื่น พลังงานความร้อน
ใตพ้ ภิ พ เช้อื เพลงิ ชีวภาพ
1.5 นักเรียนดูวีดิทัศน์ “ปลายทางท่ีย่ังยืน” แล้วร่วมกันอภิปรายเก่ียวการใช้พลังงานอย่างย่ังยืนใน
ชวี ิตประจาวัน
แนวคำตอบ การใชพ้ ลังงานใหย้ ั่งยนื จาเปน็ ตอ้ งลดการซอื้ ลดการใช้ และเลอื กใช้ผลิตภัณฑท์ ใ่ี ช้
พลังงานนอ้ ยและเป็นมติ รกับส่ิงแวดลอ้ ม
ขน้ั อธิบำยและลงข้อสรปุ (Explanation)
1.6 ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายโดยใชค้ าถาม

- ปัจจุบนั ความต้องการใชพ้ ลงั งานไฟฟ้าท่มี ากขึน้ มาจากสาเหตุใด
- พลังงานไฟฟา้ ทีม่ ีอยจู่ ะเพียงพอต่อความต้องการใช้พลังงานไฟฟา้ หรือไม่
- จะมีวิธกี ารใดท่จี ะทาใหม้ พี ลังงานใช้อยา่ งเพียงพอและย่ังยืน

49

แนวกำรสรุป นักเรียนควรสรุปได้ว่า ความต้องการใช้ไฟฟ้าท่ีมากขึ้นทั้งจากการใช้พลังงานทางตรงและพลังงาน
ทางอ้อม ทาให้แหล่งพลังงานไฟฟ้าที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าในอนาคต
ซ่ึงนอกจากจะต้องหาแหล่งพลังงานทดแทนแล้วจาเป็นต้องรณรงค์ลดการใช้พลังงานจากการเลือกซ้ือ เลือกใช้
ผลิตภัณฑ์ โดยมีการประเมินวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ต้ังแต่การหาวัตถุดิบ การผลิต การจัดจาหน่าย การบริโภค และ
การกาจดั และทาลาย
ข้ันขยำยควำมรู้ (Elaboration)

1.7 ครูถามคาถามเพ่อื ใหน้ ักเรียนเรียนรขู้ ้ันตอนและกระบวนการประเมินวงจรชวี ติ ผลติ ภัณฑ์
(Life Cycle Assessment ; LCA) โดยใช้คาถามดังน้ี

- การประเมนิ วงจรชวี ติ ผลิตภัณฑท์ าไดอ้ ยา่ งไร มขี ัน้ ตอนอะไรบา้ ง
- ทาไมตอ้ งมีการประเมินวงจรชีวติ ผลิตภณั ฑ์
1.8 นักเรียนศึกษาใบความรู้ท่ี 1 การประเมินวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ เพ่ือทาให้เกิดความรู้ความเข้าใจ
เกี่ยวกับวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ และเกิดตระหนักเก่ียวกับการเลือกบริโภคผลิตภัณฑ์ท่ีส่งผลกระทบต่อ
สง่ิ แวดลอ้ ม
1.9 ครูเช่ือมโยงความรู้เกี่ยวกับการประเมินวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเล่นเกม
“ECO Go Game” เพอ่ื ฝึกทักษะการประเมินวงจรชวี ิตผลติ ภณั ฑ์
1.10 เมื่อมีผู้ชนะจากเกมให้ผู้ชนะแต่ละกลุ่มนาเสนอวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ของตนเอง หลังจากนั้นแล้ว
ร่วมกันวิเคราะห์ว่าทาไมถึงเป็นผู้ชนะ วงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ที่มีการใช้ทรัพยากร พลังงาน และมีผลกระทบต่อ
สิง่ แวดลอ้ มหรือไม่
1.11 นักเรียนแต่ละคนในกลุ่มทาใบกิจกรรมที่ 1 โดยให้นักเรียนเลือกประเมินวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ท่ีครู
กาหนดให้คนละ 1 ผลิตภัณฑ์ โดยผลิตภัณฑ์ที่กาหนดให้เป็นผลิตภัณฑ์ประเภทเดียวกันท่ีจัดไว้เป็น 10 ชุด
ชุดละ 2 ชนิด ท่ีแตกต่างกันอย่างชัดเจนด้านการใช้พลังงานและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ได้แก่ จักรยาน-
จักรยานยนต์ ถุงผ้า-ถุงหิ้วพลาสติก กระเป๋าเป้นาเข้า-กระเป๋าเป้นักเรียน แก้วน้าเซรามิก-แก้วโฟม จาน-กล่อง
โฟม ขนมห่อใบตอง-ขนมกรุบกรอบ น้าอัดลม-นมโรงเรียน ผลไม้กระป๋อง-ผลไม้ตามฤดูกาล กะทิคั้นสด-กะทิ
กล่อง ขนมจีนน้าเง้ียว-บะหมี่กึ่งสาเร็จรูป แล้วให้นักเรียนท่ีได้ผลิตภัณฑ์ชุดเดียวกันนาเสนอผลการประเมินวงจร
ชวี ิตผลิตภณั ฑ์ เปรียบเทียบและนาเสนอผลการตัดสินใจเลือกใช้ผลิตภณั ฑ์ทคี่ านงึ ถงึ ผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อม
ขัน้ ประเมินผล (Evaluation)
1.12 ครูถามคาถามเพ่อื ให้นักเรียนประเมินสิง่ ท่ีได้เรียนรู้ของตนเอง โดยใช้คาถามดังนี้
- การใช้พลงั งานไฟฟ้าของมนษุ ย์ มผี ลกระทบต่อส่งิ แวดล้อมอยา่ งไร
- ความตอ้ งการใช้พลงั งานไฟฟ้าท่ีมากขน้ึ มาจากสงิ่ ใด
- วธิ กี ารใดบ้างท่จี ะสามารถทาใหม้ ีพลังงานไฟฟ้าใช้อยา่ งยั่งยนื และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดลอ้ ม
แลว้ ให้นกั เรียนทาใบงานท่ี 1 พลงั งานทดแทน เพื่อประเมินความรู้ของตนเอง หลงั จากทาใบงานเสร็จครู
และนกั เรียนรว่ มกันเฉลยคาตอบเพือ่ ใหน้ กั เรยี นทราบคาตอบทีถ่ ูกต้องและสรปุ ระดบั คุณภาพของตนเอง

50
สอื่ การเรียนรู

1. สอ่ื ประกอบการเรยี นรูของโครงการ “พลงั งานเพ่ือชวี ติ ลดโลกรอน ดวยวิถพี อเพยี ง” ประกอบดว ย
1.1 วดี ทิ ศั น เรื่อง “ประวัตขิ องไฟฟา ”
1.2 วีดิทัศน เร่ือง “พลงั งานเพอ่ื ชวี ติ ”
1.3 วดี ทิ ศั น “ปลายทางทยี่ ่งั ยืน”
1.4 เกม “ECO Go Game”

2. ใบงานท่ี 1 พลงั งานทดแทน
3. ใบความรูท่ี 1 การประเมินวงจรชวี ิตผลิตภัณฑ (Life Cycle Assessment ; LCA)
4. ใบกิจกรรมที่ 1 การประเมินวงจรชีวติ ผลิตภณั ฑ (Life Cycle Assessment ; LCA)
แหลงเรียนรู
๑. เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ “พลังงานเพื่อชวี ิต ลดโลกรอน ดวยวิถีพอเพียง”
๒. กรมพฒั นาพลังงานทดแทนและอนรุ กั ษพลงั งาน กระทรวงพลังงานhttp://www.dede.go.th/
๓. การไฟฟาฝายผลิตแหงประเทศไทย http://www.egat.co.th/
๔. หนังสือเรยี นรายวชิ าเพิ่มเติมวทิ ยาศาสตร พลังงานทดแทนกบั การใชประโยชน ช้นั มัธยมศึกษาตอนตน

การวัดและประเมินผล

สง่ิ ท่ตี อ งการวดั วธิ กี ารวดั การประเมนิ ผล
1. สบื คน และอธิบายความสําคัญของพลงั งาน ตรวจคําตอบใน คะแนนเต็ม 10 คะแนน
ทดแทนตอมนุษยแ ละส่งิ แวดลอม ใบงานท่ี 1 คะแนนรอยละ70 ผา นเกณฑ
2. มที กั ษะในการวเิ คราะหแ ละประเมนิ คา ตรวจใหคะแนนจากการ คะแนนเต็ม 10 คะแนน
ผลกระทบของผลิตภณั ฑท่มี ตี อสง่ิ แวดลอม ประเมินวงจรชีวติ ผลิตภัณฑ คะแนนรอยละ70 ผานเกณฑ
ตลอดชว งชีวติ ของผลติ ภณั ฑ ในใบกิจกรรมท่ี 1
3. ปฏิบตั ิตนในการใชพลงั งานอยา งฉลาด สงั เกตพฤติกรรมการปฏบิ ตั ิตน ระดบั พฤติกรรม
คมุ คา เลือกบรโิ ภคผลติ ภณั ฑที่ประหยัด ในการใชพ ลังงาน
พลงั งานและคํานึงถึงผลกระทบตอ สิ่งแวดลอ ม

51

ใบควำมร้ทู ี่ 1
กำรประเมินวฎั จักรชีวติ ผลิตภณั ฑ์
(Life Cycle Assessment : LCA)

ควำมหมำยของ LCA
การประเมนิ วฏั จกั รชีวติ (Life Cycle Assessment: LCA) คอื กระบวนการวิเคราะหแ์ ละประเมนิ ค่า

ผลกระทบของผลติ ภัณฑ์ทม่ี ตี ่อสง่ิ แวดลอ้ มตลอดชว่ งชวี ิตของผลติ ภณั ฑ์ ต้งั แต่การสกัดหรอื การได้มาซง่ึ วตั ถุดิบ
กระบวนการผลติ การขนส่งและการแจกจ่าย การใช้งานผลิตภณั ฑ์ การใชใ้ หม/่ แปรรูป และการจดั การเศษซากของ
ผลิตภัณฑห์ ลังการใชง้ าน ซง่ึ อาจกลา่ วไดว้ ่าพิจารณาผลิตภณั ฑต์ งั้ แต่เกิดจนตาย (Cradle to Grave)

ขอบเขตของ LCA
การประเมินวฏั จักรชวี ิต จะมีการระบุถึงปรมิ าณพลงั งานและวตั ถุดิบที่ใช้ รวมถงึ ของเสียที่ปล่อยออกสู่

สิง่ แวดลอ้ มและการประเมนิ โอกาสที่จะส่งผลกระทบต่อระบบนเิ วศและสุขอนามัยของชุมชน เพือ่ ท่ีจะหาวธิ ีการใน
การปรบั ปรงุ ผลติ ภณั ฑใ์ ห้เกดิ ผลกระทบต่อสิง่ แวดลอ้ มนอ้ ยที่สุด
ขน้ั ตอนการประเมนิ วฏั จักรชีวิตผลิตภณั ฑ์

การประเมินวฏั จกั รชีวติ ผลิตภณั ฑแ์ ตกต่างจากการวิเคราะห์ทางส่ิงแวดล้อมอ่นื ๆ คอื การประเมินวัฏจกั ร
ชีวิตผลิตภัณฑจ์ ะรวมถงึ การพิจารณาถงึ ผลกระทบที่เกดิ ข้นึ จากกิจกรรมท่ีเกย่ี วขอ้ งกับผลิตภณั ฑ์ตงั้ แต่การได้มาซึ่ง
วัตถุดิบ การผลิต การขนสง่ การใช้งาน จนถงึ การกาจดั ผลิตภณั ฑ์ท่เี ส่อื มสภาพหรอื หมดอายุการใช้งานแลว้ เป็น
ต้น

จะเห็นไดว้ า่ การรว่ มพจิ ารณากิจกรรมอื่นๆ ตั้งแต่เกิดจนตายของแตล่ ะผลิตภัณฑ์ (Cradle to Grave)
เหล่านท้ี าใหส้ ามารถวิเคราะห์ถงึ ผลกระทบตอ่ ส่ิงแวดล้อมท่ีเกิดขึ้นจากผลติ ภัณฑ์และรับทราบถงึ ที่มาและสาเหตุ
ของปัญหาอย่างแทจ้ ริง

52

ใบกจิ กรรมที่ 1
กำรประเมนิ วฎั จกั รชีวติ ผลติ ภัณฑ์

คำชแ้ี จง นักเรียนแต่ละคนนาผลิตภัณฑท์ ี่ได้จากเกม “ECO Go Game” มาวเิ คราะห์วฏั จักรชีวติ
ของผลติ ภัณฑ์น้นั ว่ามกี ารใชท้ รัพยากร การใช้พลังงานและมีผลกระทบตอ่ ส่ิงแวดล้อม
อยา่ งไร แล้วตอบคาถามทา้ ยกิจกรรม

ชอ่ื ผลิตภัณฑ์ วงจรชีวิต วัตถุดิบที่ใช้ พลังงานท่ีใช้ ของเสยี ทปี่ ล่อยสู่
สิ่งแวดลอ้ ม

การหาวตั ถดุ บิ

การผลิต

การจัดจาหนา่ ย

การบรโิ ภค

การกาจัด ทาลาย

เกณฑ์กำรให้คะแนน อธบิ ายวตั ถุดบิ ทใ่ี ช้/พลังงานทใี่ ช้/ของเสียทป่ี ลอ่ ยสูส่ ่งิ แวดล้อม ในแต่ละข้ันของวงจรชวี ติ
ผลิตภัณฑ์ ได้

- ถกู ต้อง ครบถ้วน สอดคล้องกบั ความเป็นจริง (1 คะแนน)
- ถกู ต้องบางสว่ น (0.5 คะแนน)

คำถำมท้ำยกิจกรรม
1. ผลติ ภัณฑ์นี้มกี ารใช้ทรพั ยากรและพลังงาน ที่สง่ ผลกระทบต่อสง่ิ แวดล้อมหรอื ไม่ อยา่ งไร

(2 คะแนน)……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..

2. นักเรียนจะตดั สนิ ใจเลือกซื้อ หรอื เลือกใช้ผลิตภัณฑน์ ้หี รือไม่ เพราะเหตุใด (1 คะแนน)
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

3. นักเรียนจะปฏิบตั ติ นในการลดการใช้ทรพั ยากรและพลงั งาน จากการประเมินวงจรชวี ิตของผลติ ภณั ฑน์ ้ี
ไดอ้ ยา่ งไร (2 คะแนน) ………………………………….…………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..

53

ใบงำนท่ี 1
พลงั งำนไฟฟ้ำ

คำช้แี จง นักเรยี นตอบคาถามต่อไปนี้ใหถ้ ูกต้อง (ขอ้ ละ 1 คะแนน)

1. พลังงานไฟฟา้ มีความสาคญั กับการดารงชวี ิตของมนุษย์อยา่ งไร…………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………….

2. การผลิตพลงั งานไฟฟา้ มหี ลักการอย่างไร.................................................................................
............................................................................................................................. ....................

3. การใช้พลังงานไฟฟา้ มผี ลกระทบตอ่ มนุษย์และสิ่งแวดลอ้ มอย่างไร ........................................
........................................................................................................................................ ..........

4. การใชพ้ ลังงานไฟฟา้ ของมนษุ ย์ในการดาเนินชวี ิตประจาวนั มาจากสิ่งใด เพราะเหตใุ ด..........
.................................................................................................................................................

5. แหลง่ พลังงานไฟฟ้าท่ีมีอยู่ในปจั จบุ นั เพียงพอสาหรับความตอ้ งการใชพ้ ลงั งานไฟฟ้าในอนาคต
หรือไม่ เพราะเหตุใด ................................................................................................................
………………………………………………………………………………………………………………………………….

6. พลงั งานทดแทนมีความสาคัญตอ่ มนษุ ย์และสง่ิ แวดล้อมอย่างไร………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………….

7. แหล่งพลงั งานทดแทนทส่ี าคัญมอี ะไรบา้ ง……………………………………………………………….………
………………………………………………………………………………………………………………………………….

8. การประเมินวงจรชวี ิตผลิตภณั ฑเ์ กย่ี วข้องกบั การใชพ้ ลังงาน และมผี ลกระทบตอ่ ส่ิงแวดล้อม
อยา่ งไร………………………………………………………………………………….……………………………..……
………………………………………………………………………………………………………………………………….

9. การประเมนิ วงจรชวี ติ ผลติ ภณั ฑม์ ีความสาคญั อยา่ งไร………………………………………………..……
………………………………………………………………………………………………………………………………….

10.การปฏิบัตติ นอย่างไรทจ่ี ะสามารถอนรุ ักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมใหย้ ่ังยนื ได้.......................

54

แบบบนั ทกึ พฤติกรรมพฤติกรรมกำรปฏบิ ตั ติ นในกำรใช้พลงั งำน

ช่ือ.............................................................เลขท่.ี ................

ผู้ประเมิน ⃝ ผ้ปู กครอง ⃝ ครู ⃝ เพ่ือน

คำชแ้ี จง

ให้ทาเคร่ืองหมาย ทต่ี รงกับพฤติกรรมนกั เรียน

................. 1. รบั ประทานอาหารใหห้ มดจาน

................. 2. ลดการบริโภคขนมกรุบกรอบ

................. 3. ไมบ่ ริโภคอาหารบรรจุกล่องโฟมหรือถุงพลาสตกิ

................. 4. ใชแ้ กว้ น้า-ขวดน้าทนี่ ามาใชซ้ ้าได้

................. 5. ปดิ จอคอมพวิ เตอรต์ อนพกั การใช้งาน

................. 6. ปดิ ไฟดวงที่ไมใ่ ช้

................. 7. ถอดปล๊กั ไฟท่ีไม่ได้ใช้

................. 8. ใช้น้าอยา่ งประหยดั ในทุกๆ กิจกรรม

................. 9. แยกขยะก่อนท้ิง

................. 10. เดนิ หรือปน่ั จักรยานมาโรงเรียน

เกณฑก์ ำรประเมนิ แสดงพฤตกิ รรม 9-10 พฤติกรรม หมายถงึ ดีเยยี่ ม
แสดงพฤติกรรม 7-8 พฤตกิ รรม หมายถึง ดี
แสดงพฤติกรรม 5-6 พฤตกิ รรม หมายถงึ ผ่าน
แสดงพฤติกรรม 1-4 พฤตกิ รรม หมายถึง ไม่ผ่าน

55

แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้รำยวิชำวทิ ยำศำสตรเ์ พมิ่ เตมิ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น
วชิ ำพลังงำนทดแทนกบั กำรใช้ประโยชน์ เวลา 6 ชว่ั โมง
เวลา 4 ชวั่ โมง
กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์
หนว่ ยท่ี 1 พลังงานเพื่อชวี ิต
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 2 แผนทีว่ ถิ ีพอเพียง

สำระสำคญั
ปัจจุบันความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทาให้มีการออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนอง

ความต้องการและสิ่งอานวยความสะดวกต่างๆ จานวนมาก ทาให้ต้องมีการนาทรัพยากร และพลังงานมาใช้
จานวนมาก ดังน้ันจาเป็นต้องรณรงค์ให้ตระหนักถึงผลกระทบจากการใช้ผลิตภัณฑ์เหล่าน้ี โดยใช้การประเมิน
วงจรชีวิตผลิตภัณฑ์เป็นเคร่ืองมือในการสร้างการเรียนรู้และเป็นแนวทางไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อ
แก้ปัญหาที่เปน็ ผลกระทบตอ่ สงิ่ แวดล้อมจากการใชท้ รัพยากรและพลังงานนนั้

นอกจากนี้การสร้างความร่วมมือร่วมใจของประชาชนท่ีอยู่ในสง่ิ แวดล้อมเดียวกัน โดยการสร้างจิตสานึก
และความตระหนักในเร่ืองการรักษาส่ิงแวดล้อมของชุมชน การปรับพฤติกรรมการบริโภค การใช้แผนท่ีวิถี
พอเพียงจงึ เป็นอีกเคร่ืองมือหนึง่ ท่ีสะท้อนให้เหน็ ถงึ สภาพของวิถีชมุ ชนที่สะท้อนการดารงชวี ิตที่มีการกินอยู่แต่พอดี
การตัดสนิ ใจอยา่ งมีเหตผุ ลคานงึ ถึงสงิ่ แวดล้อม

การจดั ทาแผนทว่ี ถิ พี อเพียง เปน็ การเพ่มิ เติมมมุ มองปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงจากการทาแผนที่สเี ขียว ซง่ึ
แต่ละท้องถ่ินจัดทาขึ้นเพ่ือสะท้อนภาพเมืองของตนในมุมมองด้านสิ่งแวดล้อมและศิลปวัฒนธรรม ซึ่งแผนที่สีเขียว
น้ีมีความแตกต่างจากแผนที่ทั่ว ๆ ไป คือ มีการใช้สัญลักษณ์รูปภาพ แบ่งเป็น 3 หมวดหลัก คือ สัญลักษณ์เชิง
ทรัพยากร สญั ลกั ษณเ์ ชงิ วฒั นธรรม และสญั ลกั ษณ์เชิงสังคม การจัดทาแผนท่ีวิถีพอเพียงทเ่ี กิดจากการมสี ว่ นร่วม
ของชุมชน แล้วนาเสนอแผนท่ีวิถีพอเพียงต่อชุมชน จะก่อให้เกิดพลังของชุมชนในการสร้างการมีส่วนร่วมกา ร
อนุรักษ์พลงั งานและสงิ่ แวดลอ้ มของชุมชนอย่างย่งั ยนื

จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ เมือ่ นักเรียนเรยี นจบหัวข้อน้แี ลว้ นักเรยี นควรจะสามารถ
1. วางแผนการสารวจชมุ ชนเพ่อื จัดทาแผนทว่ี ิถีพอเพยี ง
2. อธบิ ายสภาพวิถีชุมชนทน่ี อ้ มนาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกตใ์ ช้ แหลง่ เรยี นรู้และภมู ิ
ปัญญาท้องถ่นิ ทป่ี รากฏในแผนทีว่ ิถพี อเพยี งได้
3. จดั ทาแผนทีว่ ิถีพอเพยี งชองชุมชนและนาเสนอแผนทว่ี ถิ พี อเพียงต่อชุมชนได้

คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1. มงุ่ ม่นั ในการทางาน
2. มที ักษะชีวิต
3. มีจติ สาธารณะ

สมรรถนะสำคญั
1. ความสามารถในการแก้ปัญหา
2. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต

56

สำระกำรเรียนรู้
1. แผนที่วิถพี อเพียง

กระบวนกำรจัดกำรเรยี นรู้ (ชวั่ โมงที่ 1-2)
ข้ันสรำ้ งควำมสนใจ (Engagement)

1.1 นักเรียนดูขนมข้าวแต๋นและมันฝร่ังทอดกรอบ แล้วให้นักเรียนช่วยกันตั้งคาถามเกี่ยวกับขนมทั้ง
2 ประเภท นักเรียนและครูรว่ มกันวิเคราะห์คาถาม เพ่อื ไดค้ าถามทม่ี ีประเด็น ดังตอ่ ไปน้ี

- ขนมทัง้ สองชนิดใชว้ ตั ถดุ ิบอะไรบ้าง
- ผลติ ทไี่ หน มีกระบวนการผลิตอย่างไร
- มีจาหน่ายทไี่ หนบา้ ง
- เมอ่ื รับประทานมปี ระโยชนห์ รืออนั ตรายอยา่ งไร
- ของเสียทป่ี ลอ่ ยสู่สง่ิ แวดล้อมมีผลกระทบอยา่ งไรบา้ ง
1.2 ครูเชื่อมโยงการเรยี นร้จู ากเกม “ECO Go Game” ในชั่วโมงทผ่ี ่านมาเกี่ยวกบั วฏั จกั รชวี ติ ผลติ ภัณฑ์
โดยผลิตภัณฑ์ท่ีเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจะใช้พลังงานในการหาวัตถุดิบ การผลิต การจัดจาหน่าย การบริโภค
และการกาจดั และทาลาย ซง่ึ จะเป็นผลติ ภัณฑ์ทผี่ ลิตและจาหนา่ ยภายในท้องถิ่น แล้วครูถามคาถามใหน้ ักเรียนไป
สารวจชมุ ชนเพื่อค้นหาสถานท่ี กิจกรรมต่าง ๆ ในชุมชน ดงั น้ี
- ในชมุ ชนของเรามแี หล่งวัตถดุ ิบ แหลง่ ผลติ แหล่งจาหนา่ ย และแหลง่ กาจัดและทาลายท่ีไหนบ้าง
ขั้นสำรวจและคน้ หำ (Exploration)
1.3 ครสู รา้ งความเขา้ ใจเรื่องแผนทวี่ ิถพี อเพียง โดยกาหนดประเด็นหรอื คาถามที่จะใหน้ กั เรียนหาคาตอบ
จากใบความรู้ที่ 2 เรื่อง แผนที่วิถพี อเพยี ง โดยครูถามคาถามเปิดเพอื่ ประเดน็ ดงั นี้
- ในการจดั ทาแผนทค่ี วรมีองคป์ ระกอบอะไรบ้าง
- การจดั ทาแผนทสี่ เี ขยี วแตกต่างจากแผนท่ีทั่วไปอย่างไร
- แผนทวี่ ิถีพอเพยี งมกี ารเพมิ่ เตมิ สิ่งใดจากแผนทส่ี เี ขยี ว
- ขนั้ ตอนการจัดทาแผนที่วิถีพอเพียงเป็นอยา่ งไร
แลว้ ครกู ระต้นุ ให้นกั เรยี นถามคาถามเพ่ิมเติม ซ่ึงคาถามของนกั เรยี นอาจมี ดงั นี้
- การกาหนดสญั ลกั ษณ์ในแผนที่ควรกาหนดอยา่ งไร
- การวัดระยะทางจรงิ เพื่อนามายอ่ ส่วนในแผนทจ่ี ะใช้วธิ กี ารวัดอยา่ งไร
- ใครควรจะมีสว่ นร่วมในการจัดทาแผนที่วิถพี อเพียงของชมุ ชนบ้าง
- การจดั ทาแผนทวี่ ถิ พี อเพยี งมปี ระโยชนอ์ ย่างไร
1.4 ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนกลุ่มละ 4-5 คน ร่วมกันศึกษาใบความรู้ 2 แผนที่วิถีพอเพียงแล้ว ครูใช้คาถาม
กระตุ้นให้นักเรยี นแตล่ ะกลุม่ วางแผนการออกไปสารวจชุมชนโดยรอบโรงเรียน
- ขอ้ มลู ที่จะบันทึกลงในแผนท่ีวิถีพอเพียงมอี ะไรบ้าง และจะไดข้ ้อมูลมาด้วยวธิ ีใด
- จะใช้การเดินทางไปสารวจขอ้ มลู ดว้ ยวธิ ใี ด และใชเ้ วลาใดออกไปสารวจขอ้ มลู
- ควรแบ่งหนา้ ทีข่ องสมาชิกในกลมุ่ อยา่ งไร
- การสมั ภาษณ์บคุ คลควรถามเกยี่ วกบั อะไรบ้าง

57

ครกู ระต้นุ ใหน้ ักเรียนถามคาถามเพ่ิมเตมิ ก่อนรว่ มกนั วางแผนการสารวจชมุ ชนตามรายละเอียด ดังน้ี
- วตั ถปุ ระสงคข์ องการสารวจ
- ส่งิ ทต่ี ้องการสารวจ
- พืน้ ท่ที จ่ี ะสารวจและระยะเวลาในการสารวจ
- วิธีการเก็บรวบรวมขอ้ มูล
- แบบบันทึกการสารวจ

1.5 เม่ือนักเรียนแต่ละกลุ่มวางแผนการสารวจเสร็จแล้ว ตัวแทนกลุ่มนาเสนอแผนการสารวจชุมชน ครู
และนักเรียนร่วมกันอภิปรายจุดเด่น จุดที่ควรปรับปรุง แล้วแต่ละกลุ่มปรับปรุงแผนการสารวจ แล้วซักซ้อมความ
เข้าใจของสมาชิกในการดาเนินการตามแผน (ก่อนการสารวจข้อมูลครูควรมีการประสานงานบุคคล ผู้ดูแลสถานที่
หน่วยงาน ท่ีอยู่ในพื้นท่ีท่ีนักเรียนจะออกไปสารวจตามแผนการสารวจ แล้วขออนุญาตผู้บริหารสถานศึกษาและ
ผู้ปกครอง)

1.6 นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มออกสารวจชุมชนตามแผนการสารวจ แลว้ บันทึกผลการสารวจในใบกจิ กรรมที่ 2
แผนที่วิถพี อเพยี งของชุมชน

ข้ันอธบิ ำยและลงข้อสรุป (Explanation)
1.7 นักเรียนนาข้อมูลจากการสารวจไปจัดทาแผนท่ีวิถีพอเพียงของชุมชนตามข้ันตอนการจัดทาแผนท่ี
วิถพี อเพียง

กระบวนกำรจัดกำรเรยี นรู้ (ชัว่ โมงที่ 3-4)
ขัน้ ขยำยควำมรู้ (Elaboration)

1.8 นักเรียนนาแผนท่ีวิถีพอเพียงไปเสนอต่อชุมชน (โดยครูประสานงานกับผู้นาชุมชน) เพื่อรับฟัง
ขอ้ เสนอแนะหรือข้อคิดเห็น แลว้ ใหช้ มุ ชนสารวจข้อมลู เพ่มิ เติมของพ้ืนที่ท่ีศึกษาในด้านต่าง ๆ และคน้ หาประเด็นท่ี
ขาดหายไป คน้ หาจดุ เด่นและจดุ ท่ตี ้องพฒั นา แลว้ ร่มกันปรับปรงุ แผนท่ีวถิ ีใหส้ มบูรณ์
ขนั้ ประเมินผล (Evaluation)

1.7 ครูถามคาถามเพื่อให้นกั เรียนประเมินสิง่ ที่ได้เรยี นร้ขู องตนเอง โดยใช้คาถามดังน้ี
- การจดั ทาแผนทว่ี ถิ ีพอเพยี งมปี ระโยชนต์ ่อชมุ ชนอยา่ งไรแลว้ ให้นกั เรยี นแตล่ ะคนทาใบงานท่ี 2

แผนที่วถิ ีพอเพยี ง เพื่อทดสอบความรู้ความเขา้ ใจเกีย่ วกบั แผนท่ีวถิ ีพอเพียงของชุมชน

สอื่ กำรเรยี นรู้
1. ใบความรูท้ ่ี 2 เรือ่ ง แผนทวี่ ิถีพอเพยี ง
2. ใบงานที่ 2 แผนท่วี ิถีพอเพยี ง
3. ใบกิจกรรมที่ 2 แผนท่ีวถิ พี อเพียงของชมุ ชน

58

แหล่งเรียนรู้
1. เอกสารประกอบการอบรมเชงิ ปฏบิ ัตกิ าร “พลงั งานเพื่อชีวิต ลดโลกรอ้ น ดว้ ยวิถพี อเพยี ง”
2. กรมพฒั นาพลงั งานทดแทนและอนรุ ักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงานhttp://www.dede.go.th/
3. การไฟฟ้าฝา่ ยผลิตแห่งประเทศไทย http://www.egat.co.th/
4. หนังสอื เรียนรายวชิ าเพมิ่ เติมวิทยาศาสตร์ พลังงานทดแทนกับการใช้ประโยชน์ ชนั้ มธั ยมศึกษาตอนต้น

กำรวดั และประเมนิ ผล

ส่งิ ท่ีต้องการวดั วิธกี ารวดั การประเมินผล

1. วางแผนการสารวจชมุ ชนเพือ่ การนาเสนอแผนการสารวจ คะแนนเต็ม 10 คะแนน

จดั ทาแผนทวี่ ถิ ีพอเพียง ชุมชน (ประเดน็ ละ 2 คะแนน)

คะแนนร้อยละ70 ผา่ นเกณฑ์

2. อธบิ ายสภาพวถิ ีชุมชนทน่ี อ้ มนา ตรวจบันทึกผลการสารวจชมุ ชน คะแนนเต็ม 10 คะแนน

หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง คะแนนร้อยละ70 ผ่านเกณฑ์

มาประยุกตใ์ ช้ แหล่งเรยี นรู้และ

ภมู ปิ ัญญาท้องถน่ิ ทีป่ รากฏในแผน

ทว่ี ิถีพอเพยี งได้

3. จดั ทาแผนทว่ี ิถพี อเพยี งของ ตรวจแผนทีว่ ถิ ีพอเพยี งของชุมชน คะแนนเต็ม 10 คะแนน

ชมุ ชนและนาเสนอแผนที่วถิ ี และการนาเสนอต่อชุมชน คะแนนร้อยละ70 ผ่านเกณฑ์

พอเพียงต่อชุมชนได้

59

ใบควำมรู้ 2
เรือ่ ง แผนที่วิถีพอเพียง
1. แผนท่ี (Map)
แผนที่ คือ การนารูปภาพอย่างงา่ ยซ่งึ จาลองบริเวณบรเิ วณหน่งึ และมกี ารแสดงความสัมพันธ์ระหวา่ ง
องคป์ ระกอบต่าง ๆ เชน่ วตั ถุ หรอื บริเวณย่อย ๆ ท่ีอยใู่ นบรเิ วณน้ัน
องคป์ ระกอบของแผนท่ี สามารถแบง่ ออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ สงิ่ ที่เกดิ ขนึ้ เองตามธรรมชาติ
เชน่ ภูมปิ ระเทศแบบต่าง ๆ ป่าไม้ ปริมาณนา้ ฝน และสิง่ ที่มนษุ ยส์ รา้ งข้นึ เชน่ ทต่ี ั้งของเมือง เส้นทางคมนาคม
พื้นที่เพาะปลูก โดยมีองคป์ ระกอบท่ีสาคัญ ดังนี้
1. ชอื่ แผนที่ เปน็ สิง่ ที่มคี วามจาเป็นสาหรับใหผ้ ้ใู ช้ไดท้ ราบว่าเปน็ แผนที่เรอ่ื งอะไร แสดงรายละเอยี ด
อะไรบ้าง เพ่ือให้ผใู้ ช้ไดอ้ ย่างถูกต้อง และตรงความตอ้ งการ
2. ทิศทาง มคี วามสาคัญต่อการคน้ หาตาแหนง่ ท่ตี งั้ ของส่ิงต่าง ๆ ในแผนทจ่ี ะตอ้ งมีภาพเข็มทศิ หรือลกู ศร
ชไี้ ปทางทิศเหนือเสมอ
3. สญั ลกั ษณ์ เป็นเคร่ืองหมายทใี่ ชแ้ ทนสิ่งต่าง ๆ ในภูมิประเทศจริง เพื่อชว่ ยใหผ้ ใู้ ช้สามารถอา่ นและแปล
ความหมายจากแผนที่ได้อย่างถกู ต้อง
4. สีทใี่ ชใ้ นแผนท่ี ทีแ่ สดงรายละเอยี ดบนแผนที่ สีทใ่ี ช้เป็นมาตรฐาน มี 6 สี
4.1 สดี า ใช้แสดงรายละเอยี ดทเี่ กดิ จากแรงงานของมนษุ ย์ เชน่ วดั โรงเรียน หมบู่ า้ น
4.2 สีแดง ใช้เปน็ สัญลกั ษณ์ท่ีเป็นถนน
4.3 สีน้าเงิน ใช้เป็นสัญลักษณ์ท่ีเปน็ นา้ เช่น แม่นา้ ลาคลอง บึง ทะเล ฯลฯ
4.4 สนี า้ ตาล ใชเ้ ปน็ สญั ลกั ษณ์ทีเ่ ก่ียวกบั ความสูงและทรวดทรงของพน้ื ที่สูง ๆ ต่า ๆ
4.5 สีเขียว ใชเ้ ป็นสัญลักษณท์ ีเ่ กี่ยวกับท่รี าบ ป่าไม้ บริเวณที่ทาการเพาะปลกู พชื สวน
4.6 สีเหลอื ง ใช้เปน็ สญั ลกั ษณ์ทีเ่ ก่ยี วกบั ทร่ี าบสูง
4.7 สอี ื่น ๆ เพ่ือแสดงรายละเอยี ดพเิ ศษบางอย่าง ทบ่ี ง่ ไวใ้ นรายละเอียดในแผนที่
4. มาตราสว่ น เปน็ อัตราส่วนระหว่างระยะทางท่ียอ่ สว่ นมาลงในแผนที่กบั ระยะทางจริงในภมู ปิ ระเทศ
มาตราสว่ นชว่ ยใหผ้ ใู้ ช้ทราบวา่ แผนทน่ี ัน้ ๆ ย่อสว่ นมาจากสภาพในภูมปิ ระเทศจรงิ ในอตั ราสว่ นเทา่ ใด

2. แผนทสี่ เี ขียว (Green Map)
เป็นแผนที่ซ่ึงแต่ละท้องถ่ินจัดทาขึ้นเพื่อสะท้อนภาพเมืองของตนในมุมมองด้านสิ่งแวดล้อมและ

ศิลปวัฒนธรรม ซึ่งแผนท่ีสีเขียวน้ีมีความแตกต่างจากแผนที่ทั่ว ๆ ไป คือ มีการใช้สัญลักษณ์รูปภาพ แบ่งเป็น 3
หมวดหลัก คือ สัญลักษณ์เชิงทรัพยากร สัญลักษณ์เชิงวัฒนธรรม และสัญลักษณ์เชิงสังคม นอกเหนือจากการ
แสดงตาแหน่งของเสน้ ทางและสถานท่ีสาคญั ของเมือง

แผนที่สีเขยี วทส่ี รา้ งมาจากความร่วมมอื ร่วมใจของประชาชน จะช่วยสร้างจติ สานกึ และความตระหนักใน
เรื่องการรักษาสิง่ แวดลอ้ มของชมุ ชน การปรบั พฤติกรรมการบริโภคท่คี านึงถึงสงิ่ แวดลอ้ ม

3. แผนที่วิถีพอเพียง (Sufficiency Map)
แผนท่ีวิถีพอเพียง เป็นเคร่ืองมือท่ีสะท้อนให้เห็นถึงสภาพของวิถีชุมชนท่ีน้อมนาพระราชดาริเศรษฐกิจ

พอเพียงมาประยุกต์ใช้และแสดงออกมาเป็นรูปธรรมในสังคม โดยเพ่ิมเติมมุมมองปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจาก

60

การทาแผนท่ีสีเขียว เพ่ือสะท้อนการดารงชีวิตที่มีการกินอยู่แต่พอดี การตัดสินใจอย่างมีเหตุผลคานึงถึง
สิ่งแวดล้อม พ่ึงพาตนเองได้เม่ือมีเหตุการณ์ต่าง ๆ เข้ามากระทบ มีปัญญาในการดาเนินชีวิต และมีความเป็น
กลั ยาณมติ รทก่ี อ่ ให้เกิดพลงั ของชมุ ชน

4. ขน้ั ตอนกำรทำแผนที่วิถีพอเพยี ง
การทาแผนทีว่ ิถีพอเพียงเริ่มจากการทาแผนทสี่ ีเขยี ว โดยการสารวจชุมชนในมมุ มองด้านสง่ิ แวดลอ้ มและ

ศลิ ปวัฒนธรรม หลังจากน้นั ทาการสารวจหรอื ค้นหาวถิ ีพอเพียงในชมุ ชน โดยมขี ั้นตอนดังนี้

ขั้นท่ี 1 สารวจชมุ ชนดา้ นส่ิงแวดลอ้ ม ดา้ นศิลปวฒั นธรรม และด้านสังคม

ขัน้ ที่ 2 จัดทาแผนท่ีสีเขยี ว โดยกาหนดสญั ลักษณ์เชงิ สงิ่ แวดลอ้ ม สญั ลกั ษณเ์ ชงิ
ศลิ ปวัฒนธรรมและสัญลักษณ์เชิงสงั คม

ขนั้ ท่ี 3 ค้นหากจิ กรรมของชุมชนจากแผนทสี่ เี ขยี ว ด้านความพอเพียง

ข้ันท่ี 4 เพ่มิ เติมรายละเอียดการปฏิบตั ิทส่ี อดคล้องกบั วิถพี อเพยี งของกิจกรรมนนั้ ๆ

ข้ันที่ 5 นาเสนอแผนที่วิถีพอเพยี งสู่สาธารณชน เพื่อรบั ฟงั ข้อเสนอแนะและ
ข้อคิดเหน็

ขน้ั ท่ี 6 ปรบั ปรงุ แผนที่วิถีพอเพยี ง เพิม่ เตมิ จดุ เรยี นรูห้ รือกจิ กรรมท่สี อดคล้องกับ

วิถพี อเพียง แบบบนั ทกึ กำรสำรวจชมุ ชน

61
คำช้ีแจง นักเรยี นออกไปสารวจชมุ ชนแล้วบนั ทึกรายการทสี่ ารวจลงในตาราง (10 คะแนน)

ดา้ นส่ิงแวดล้อมและทรัพยากร ดา้ นศลิ ปวฒั นธรรมและภมู ิปัญญา ดา้ นเศรษฐกจิ และสังคม

เกณฑ์การให้คะแนน บันทึกขอ้ มูลจุดสารวจได้อยา่ งละเอียด ชดั เจน จุดละ 1 คะแนน
แผนท่ีวิถีพอเพียงของชุมชน

คำชี้แจง นักเรียนออกไปสารวจชมุ ชน แล้วบันทกึ รายการทสี่ ารวจลงในตาราง (10 คะแนน)

มาตราสว่ น ………………………………………………………………………………….…………………….
สัญลักษณ์ ................................. ................................. .................................
................................. ................................. .................................

62

กจิ กรรมโครงกำรโรงเรยี นปลอดขยะ (Zero Wests School)
ของโรงเรียนสนั ป่ำตอง(สวุ รรณรำษฎรว์ ทิ ยำคำร)

โครงกำรโรงเรยี นปลอดขยะ (Zero Wests School)
กำรสนบั สนนุ จำกกองทุนหลักประกนั สุขภำพระดบั ท้องถิ่นหรอื พืน้ ทเี่ ทศบำลตำบลสันปำ่ ตอง

หลักกำรและเหตุผล
ปัญหาขยะและการจัดการขยะ เป็นนโยบายแห่งชาติและรัฐบาล โรงเรียนสันป่าตอง(สุวรรณราษฎร์วิทยาคาร)

ได้เข้าร่วมโครงการโรงเรียนปลอดขยะ (Zero Wests School) และดาเนินงานต้ังแต่ปีการศึกษา ๒๕๕๙ เปน็ ตน้ ไป ใน
การดาเนนิ งานโครงการต้องมคี ่าใช้จ่ายตา่ ง ๆ เช่น จัดซอ้ื ถงั ขยะ ถุงดาและอื่น ๆ งบประมาณท่ีไดร้ ับจากสานักงาน
เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต ๔ ไม่เพียงพอต่อการดาเนินงาน จาเป็นที่จะต้องจัดหาเพ่ิมเติม
เพอ่ื ใหก้ ารดาเนินงานเกดิ ผลสาเร็จตามวัตถุประสงค์ จงึ ได้จัดแผนงานขึ้นเพ่ือขอรบั การสนับสนุนงบประมาณ

วัตถปุ ระสงค/์ ตวั ช้ีวดั
๑. นกั เรยี นสามารถแยกขยะและทิง้ ขยะในถงั ขยะประเภทตา่ ง ๆ ได้
๒. โรงเรยี นมขี ยะลดลงและมคี วามสะอาดปราศจากขยะลน้ ถัง
๓. โรงเรียนมถี งั ขยะเพียงพอ และมีถังขยะทวั่ บรเิ วณโรงเรียน

วิธีดำเนนิ กำร
๑. ประชมุ วางแผน ประชาสมั พันธ์
๒. อบรมให้ความร้นู ักเรียน
๓. จัดหาถงั ขยะ
๔. ดาเนินงานโครงการ
๕. ประเมนิ ผล

ผลท่คี ำดวำ่ จะไดร้ ับ
๑. นกั เรียนคดั แยกขยะได้อยา่ งถูกต้อง
๒. โรงเรียนมคี วามสะอาด ไม่มีขยะลน้ ถงั
๓. ขยะในโรงเรยี นลดลง

หน่วยงำน/องค์กร/กลุ่มคน ทรี่ บั ผิดชอบโครงการ (ตามประกาศคณะกรรมการหลกั ประกันฯ พ.ศ. ๒๕๕๗ ข้อ ๗)
 ประเภทหน่วยงานอื่นๆ ทไี่ ม่ใช่หนว่ ยงานสาธารณสขุ เชน่ โรงเรยี น

ประเภทกำรสนบั สนนุ (ตามประกาศคณะกรรมการหลักประกันฯ พ.ศ. ๒๕๕๗ ขอ้ ๗)
 สนบั สนุนกจิ กรรมสร้างเสรมิ สุขภาพ การป้องกันโรคของกลุ่มหรือองค์กรประชาชน/หน่วยงานอ่นื
[ขอ้ ๗(๒)]

กล่มุ เปำ้ หมำยหลัก (ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการสง่ เสริมสุขภาพและปอ้ งกนั โรคฯ พ.ศ. ๒๕๕๗)
 กลุ่มเด็กวัยเรยี นและเยาวชน

63
ผลกำรดำเนินงำนของโครงกำรโรงเรียนปลอดขยะ (Zero Wests School)

โครงการโรงเรียนปลอดขยะ (Zero Waste School) โรงเรยี นสนั ป่าตอง (สวุ รรณราษฎร์วทิ ยาคาร) ได้
ดาเนนิ การตามแผนงานดังต่อไปนี้

1) จัดกจิ กรรมให้ความรู้เรื่อง โรงเรยี นปลอดขยะ (Zero Waste School) และการคดั แยกขยะตาม
ชนิดของขยะและสขี องถงั ขยะ แกน่ ักเรียนโรงเรียนสนั ป่าตอง (สวุ รรณราษฎร์วทิ ยาคาร) ทกุ คน

2) ให้ความรแู้ ก่นักเรยี นในดา้ นการคดิ แยกขยะผ่านเสียงตามสายภายในโรงเรยี น
3) รณรงคใ์ หค้ วามรู้แกน่ ักเรียนและชมุ ชน

4) จัดเขตบริการเร่ืองการคัดแยกขยะในการรบั ประทานอาหารใหน้ กั เรียน เพ่ือจากัดการทิ้งขยะ
5) จัดกิจกรรมรณรงค์ลดการใชแ้ ก้วพลาสตกิ ถงุ พลาสติก ในการจาหนา่ ยอาหารในโรงเรียน
ปญั หำและอุปสรรค
นักเรียนยงั นาอาหารไปรบั ประทานอาหารนอกเขตทีใ่ ห้บริการถงั ขยะ ทาให้ขยะแพร่กระจายออก
นอกเขตบริการ
ขอ้ เสนอแนะ
1) ควรจดั กจิ กรรมโรงเรียนปลอดขยะ (Zero Waste School) อย่างต่อเน่ืองเพื่อให้นกั เรยี นตระหนักและ
เหน็ ความสาคัญของการรักษาความสะอาด การลดปริมาณขยะ และตระหนกั ถงึ ความสาคัญในการคัดแยกขยะ อัน
จะทาใหโ้ รงเรียนซงึ่ เป็นบา้ นหลงั ทส่ี องนั้น สะอาดเรียบร้อย มีสภาพแวดลอ้ มทีด่ ีที่นาไปสู่การเรยี นรทู้ ี่ดี
2) ควรมกี ารสนับสนุนโครงการโรงเรียนปลอดขยะ (Zero Waste School) อย่างต่อเนื่อง เนอ่ื งจากเป็น
โครงการที่ต้องปฏิบตั ิอย่างต่อเนื่อง เพ่ือให้เกิดผลในระยะยาว และสมารถนาไปเผยแพร่ตอ่ ชุมชนและผทู้ ่สี นใจใน
การจดั การเรื่องขยะ

64

กจิ กรรมโครงกำรโรงเรียนปลอดขยะ (Zero Waste School)
ของโรงเรยี นวัดแม่สะลำบ

การดาเนนิ โครงการโรงเรียนปลอดขยะ (Zero Waste School) โรงเรยี นวดั แม่สะลาบได้ดาเนินกิจกรรม
ประสบผลสาเรจ็ เป็นอย่างดี ได้แก่

 กิจกรรมแยกขยะ โรงเรียนมกี ารจดั การขยะอย่างเปน็ ระบบ ทาให้สามารถลดปรมิ าณขยะทั่วไป

ลงได้ถงึ ร้อยละ ๘๐ จากขยะทง้ั หมด

 กิจกรรมลดขยะอนิ ทรยี ์ในโรงเรียนมาใช้ประโยชน์ โดยการทาปยุ๋ ชีวภาพ ทาใหน้ ักเรียนมีจติ สานึกใน
การรับประทานอาหารใหห้ มด ไมเ่ หลอื อีกท้ังยังเป็นการสง่ เสริมคุณธรรม จรยิ ธรรม ความมนี า้ ใจ ทรี่ ุ่นพ่ไี ด้ช่วย
เหลอื รุ่นน้องในการบริการอาหารกลางวัน เป็นตวั อย่างที่ดีในการจัดกิจกรรมสง่ เสรมิ การลดขยะอย่างครบวงจร

จากกจิ กรรมลดขยะอินทรีย์ยังสามารถต่อยอดไปสู้กจิ กรรม อ่ืน ๆ ไดด้ งั น้ี การทาปุ๋ยหมักชวี ภาพ การเพาะเห็ด
โครงการปลกู พืชผักสวนครวั การปลกู พืชไร้ดนิ

65
 กจิ กรรมนาขยะกลบั มาใช้ประโยชน์ ทาใหน้ ักเรียนรู้คุณคา่ ของการคัดแยกขยะเพ่ือนากลับมาใช้ เปน็ การ
สง่ เสริมให้นักเรียนนาทรัพยากรที่มีอยเู่ ดิมกลบั มาใช้อยา่ งคุ้มคา่ นักเรียนได้สรา้ งสรรค์ชิ้นงานจากวัสดุท่ีไม่ใชแ้ ลว้

 กจิ กรรมแยกขยะอันตราย ทาให้นักเรยี น ครู บคุ ลากร ผูป้ กครอง และชมุ ชน มีความรคู้ วามเข้าใจเก่ยี วกับขยะ
อันตรายและโทษท่เี กดิ จากขยะอนั ตราย ส่งผลให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงความสาคญั ของการรักษาสง่ิ แวดลอ้ ม ป้องกนั
อนั ตรายที่อาจส่งผลต่อการดาเนินชวี ติ

 กจิ กรรมจิตอาสาตาวิเศษ เพอ่ื การพัฒนาท่ยี ง่ั ยืน เป็นกิจกรรมที่กลุ่มนักเรยี นคอยดแู ล แนะนา
นกั เรียนในการท้งิ ขยะของนักเรียนในโรงเรยี นและชว่ ยดูแลรักษาส่ิงแวดลอ้ มในโรงเรียน ทาใหโ้ รงเรียนวัดแม่สะ
ลาบสะอาด สวยงาม นา่ อยู่ มีบรรยากาศทีเ่ อื้อต่อการเรียนการสอนและเปน็ ทีช่ น่ื ชมของบุคคลทวั่ ไป

66
โรงเรียนวดั แมส่ ะลาบมกี ารดาเนินกิจกรรมต่อเน่ืองที่ดาเนนิ การทกุ ปีการศึกษา มกี ารพฒั นากิจกรรมให้
เหมาะสมกับนโยบายตน้ สังกัด สภาพเศรษฐกิจ สังคม ชมุ ชน และส่งิ แวดลอ้ ม
ดงั แผนภาพ

ความสมั พันธ์ของโครงการและกิจกรรมตา่ งๆ
ทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั โครงการโรงเรียนปลอดขยะ (Zero Waste School)

โครงกำรอำหำรกลำงวนั
ในโรงเรียน

ผักสวนครัว ขยะรีไซเคลิ

โครงกำรผักไฮโดรโปนิกส์ อาหาร โครงกำรโรงเรยี น
ปลอดสำรพิษ ปลอดขยะ

ขยะสด, เศษ
อาหาร, ใบไม้แห้ง

โครงกำรปยุ๋ หมักชวี ภำพ

67

กจิ กรรม : Wonderful Purple Compost
โรงเรียนบ้ำนไร่

โครงการ : โครงการส่งเสริมและพฒั นาคุณลักษณะที่พึงประสงคข์ องผเู้ รยี น
กจิ กรรม : Wonderful Purple Compost
สอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษาของสถานศกึ ษา : มาตรฐานที่ ๑ คณุ ภาพของผเู้ รยี น

๑. หลักกำรและเหตุผล
โรงเรียนบ้านไร่มีมีต้นไม้จานวนมากทาให้ใบไม้เกิดการทับถมมากข้ึนเร่ือยๆ ซ่ึงการทับถมของใบไม้แล้ว

ทาให้เกิดปุ๋ยขึ้นเองตามธรรมชาตินั้น ต้องใช้ระยะเวลาที่นานพอสมควร และควรมีวิธีการที่สร้างจิตอาสาให้
นักเรียนรู้จักรักและดูแล โรงเรียนบ้านไร่ให้สะอาด ร่มรื่น นักเรียนชุมนุมอนุรักษ์ทรัพย์ยากรธรรมชาติและ
สงิ่ แวดลอ้ ม จงึ เกดิ แงค่ ิดอกี รูปแบบหนึง่ วา่ ควรกาจดั ใบไมเ้ หลา่ นนั้ ท้ิงไป โดยบางคนอาจเลอื กวิธีเผาใบไมท้ ิ้ง ซ่งึ ทา
ให้ส่งผลกระทบถึงภาวะโลกร้อนท่ีกาลังทาความเดือดร้อนทั่วทุกมุมโลก ภาวะโลกร้อนเกิดข้ึนจากการปล่อยก๊าซ
คาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซมีเทนข้ึนสู่บรรยากาศของโลก ดังนั้นชมรมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดลอ้ มบ้านไร่ จงึ คดิ หาวิธีช่วยใหโ้ รงเรยี นสะอาดชุมชนน่าอยู่ ในรปู แบบของปุ๋ยชวี ภาพจากใบไม้แห้งและว่าน
กาบหอยแครง ซึ่งเหมาะกับการบารุงในภาคการเกษตรในรูปแบบต่างๆ ซึ่งพวกเราได้ทาการทดลองในการทาปุ๋ย
ชีวภาพ เพื่อที่จะนาไปบารุงต้นไม้ให้เจริญงอกงาม ทาให้ต้นไม้เติบโตอย่างรวดเร็วเป็นต้นไม้ที่ช่วยในการดูดซับ
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซมีเทนเพ่ือลดภาวะโลกร้อน และช่วยในงานเกษตรรูปแบบต่างๆ ประกอบกับ
โรงเรยี นบา้ นไรม่ ีตน้ ว่านกาบหอยแครง ซง่ึ เป็นพชื ศึกษาของโรงเรยี นบ้านไร่ ในงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น และ
มีสรรพคุณในการช่วยย่อยสลายและจะทาให้ปุ๋ยชีวภาพมีสีสันท่ีแปลกตาข้ึน จึงนาว่านกาบหอยแครงมาเป็น
ส่วนผสมในปุ๋ยชีวภาพด้วยเพ่ืออาศัยกิจกรรมจากเศษใบไม้ ให้นักเรียนเป็นผู้มีความรับผิดชอบ และมีวินัยใน
ตนเอง ในการทาความสะอาดตามกลุ่มสีที่นักเรียนรับผิดชอบ และเปน็ การสรา้ งรายไดร้ ะหวา่ งเรียนจากการทาปุ๋ย
หมัก และนาปุ๋ยหมักไปจาหน่าย เพ่ือดารงชีวิตตามแนวทางของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พออยู่ พอกิน
พอประมาณ มีเหตุผล กิจกรรมน้ีจะส่งผลให้นักเรียนเกิดกระบวนการพัฒนาตนเอง ให้เป็นผู้มีระเบียบ วินัย มี
ความรับผิดชอบตอ่ ตนเอง และผู้อ่นื ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม อกี ท้ังนกั เรียนยังสามารถ นาแนวทางปฏิบตั ปิ ระยกุ ต์ใช้ใน
ชวี ติ ประจาวนั ไดอ้ ีกดว้ ยโดยการอาศัยกิจกรรมจากเศษใบไม้แห้งและว่านกาบหอยแครง ใหน้ กั เรียนเป็นผู้มีวนิ ัย มี
น้าใจและมีมีความรับผิดชอบในการทาความสะอาด ตามกลุ่มสีท่ีนักเรียนรับผิดชอบ และเป็นการสร้างรายได้
ระหว่างเรียนจากการทาปุ๋ยหมัก และนาปุ๋ยหมักไปจาหน่าย เพื่อดารงชีวิตตามแนวทางของปรัชญาเศรษฐกิจ
พอเพียง พออยู่ พอกิน พอประมาณ มีเหตุผล กิจกรรมนี้จะส่งผลให้นักเรยี นเกิดกระบวนการพัฒนาตนเองให้
เป็นผู้มีระเบียบ วินัย มีความรับผิดชอบต่อตนเอง และผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม ทั้งน้ีนักเรียนสามารถ นาแนวทาง
ปฏิบัตปิ ระยุกต์ใชใ้ นชวี ิตประจาวันขยายผลสู่ชมุ ชนบา้ นไรไ่ ดอ้ ยา่ งย่งั ยืน

สภำพปัญหำ นักเรียนขาดความรับผิดชอบในการทางานกลุ่มสี ขาดความมีน้าใจในการช่วยกันทาความ
สะอาดเก็บใบไม้ และทาให้สภาพแวดล้อมของโรงเรียนไม่สวยงาม ไม่สะอาด และเพ่ือเป็นการขยายผลความรู้สู่
ชุมชนบ้านไร่ นาความร้เู ร่ืองการทาปุ๋ยหมักไปใชใ้ นชวี ิตประจาวัน ดงั น้นั จงึ ได้มโี ครงงาน “wonderful purple
compost”

68

๒. วตั ถุประสงค์
๑) เพ่อื ปลูกฝังคณุ ธรรมจริยธรรมใหน้ ักเรียนโรงเรียนบ้านไร่ มีจติ อาสาพฒั นาโรงเรยี นและชมุ ชน
๒) เพ่ือปลูกฝงั นสิ ัยให้นักเรยี นรักษาความสะอาด
๓) เพ่ือส่งเสริมใหน้ กั เรียนมีวินัยในการทางาน
๔) เพื่อสรา้ งความรับผดิ ชอบและการทางานเปน็ ทีมให้กับนกั เรยี น

๓. เปำ้ หมำย
ผ้เู รยี นทกุ คน ในโรงเรียนบา้ นไร่ ประจาปีการศึกษา ๒๕๖๒
๓.๑ ผลผลติ (Outputs) ผู้เรียนทุกคนในโรงเรียนบา้ นไร่ ไดร้ บั การเรียนรู้ ส่งเสรมิ และพัฒนาคุณธรรม

จรยิ ธรรมและคา่ นิยมทพ่ี งึ ประสงค์
๓.๒ ผลลัพธ์ (Outcomes) นักเรยี นมี วินัย มนี ้าใจ มีความรบั ผดิ ชอบ และมีจติ อาสาในการเกบ็ ใบไม้ มี

นิสยั รกั ษาความสะอาดและขยายผลสชู่ ุมชนบา้ นไร่ ให้มีจติ สานึกในการน้อมนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
มาใชใ้ นชีวติ ประจาวนั และขยายผลสชู่ มุ ชนบ้านไร่ได้ อยา่ งยั่งยนื

๔. คำ่ ใชจ้ ่ำยในกำรดำเนนิ งำน ทั้ง งำน / โครงกำร 500 บำท

๕. ระยะเวลำดำเนินงำน
เร่มิ ต้นการดาเนนิ งาน วนั ที่ ๑๖ เดือน พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒
ส้นิ สุดการดาเนินงาน วันท่ี ๓๑ เดอื น มนี าคม พ.ศ. ๒๕๖๓

๖. สถำนทด่ี ำเนินกำร
โรงเรียนบา้ นไร่ อ.หางดง จ.เชยี งใหม่

๗. ผลกำรดำเนินงำน ตามขัน้ ตอน PDCA มดี งั น้ี
ขั้นวำงแผนงำนตำมกิจกรรม (Plan) ผลจากการประชมุ ครูได้มีมติท่ีประชุมสรุปเรอ่ื งการกิจกรรม

wonderful purple compost ปีการศึกษา ๒๕๖๒
ขน้ั ดำเนนิ กำรตำมกิจกรรม (Do) ไดด้ าเนินการกิจกรรมตามโครงการสง่ เสริมและพฒั นาคุณลักษณะอนั

พึงประสงค์ของผูเ้ รยี น ดงั น้ี๔ กจิ กรรม Wonderful purple compost
ขน้ั ประเมนิ ผลกำรดำเนนิ งำน (Check) จากการดาเนินกิจกรรม Wonderful purple compost

ของโรงเรยี นบ้านไร่ ผบู้ รหิ ารและครูไดค้ วามรู้ ความเข้าใจในการขับเคลื่อนกจิ กรรม เพื่อพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี นให้
ไดต้ ามมาตรฐานการศึกษาข้นั พืน้ ฐานต่อไป และสามารถนาความร้มู าพฒั นาความถนดั ของแต่ละบุคคล สง่ เสรมิ
ใหผ้ ้เู รยี นไดพ้ ฒั นาคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ของผเู้ รียนเป็นไปตามจดุ มุ่งหมายของหลักสูตร

ขั้นพฒั นำ แนวทำงกำรปรับปรงุ แกไ้ ข (Action) ทางโรงเรียนควรดาเนนิ งานกจิ กรรม wonderful
purple compost อยา่ งเปน็ ระบบให้สอดคลอ้ งกับมาตรฐานการศึกษาข้ันพ้ืนฐานเพื่อสง่ ผลตอ่ การพฒั นา
คณุ ภาพผ้เู รยี น

๘. จำนวนผเู้ ข้ำรว่ มกจิ กรรมในครั้งน้ี ๑๑๔ คน
๙. ผรู้ ับผดิ ชอบ นางนิรชญาวรรณ มีณรงค์

69
๑o. ผลท่ไี ดร้ ับ

๑๐.๑ นักเรยี นโรงเรียนบา้ นไร่มีวนิ ยั มคี วามรบั ผดิ ชอบ มีจติ อาสาในการทางานมนี สิ ัยรกั ความสะอาด
๑๐.๒ ครู นกั เรียนและผูท้ ่สี นใจไดค้ วามรู้วธิ ีการผลติ ปุ๋ยหมักชีวภาพจากใบไม้แหง้ และต้นวา่ นกาบ
หอยแครง และสามารถนาไปขยายผลการใช้ประโยชนจ์ ากปยุ๋ หมกั ให้กับชมุ ชนบา้ นไร่
๑๐.๓ การนาปุ๋ยหมัก ไปใช้ในงานเกษตรของโรงเรียนบ้านไร่ เพื่อส่งผลผลิตให้โครงการอาหารกลางวัน
และสรา้ งรายไดส้ รา้ งอาชีพแกน่ ักเรียนและชุมชน

ป๋ยุ หมกั ชวี ภาพจากใบไม้แห้งและว่านกาบหอยแครง จากกิจกรรม “Wonderful Purple Compost” ท่ีพัฒนา
ตอ่ ยอดไปสู่โครงการเศรษฐกิจพอเพยี งในโรงเรียนบ้านไร่ ในกิจกรรมโครงงานศาสตร์พระราชาสกู่ ารพฒั นาสวน
ไทย และโครงงานศาสตร์พระราชาสกู่ ารพัฒนาชุมชนบา้ นไร่

70

71

(ตัวอยำ่ ง)

แผนกำรเรยี นรู้

กล่มุ สำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษำปีที่ 5

หนว่ ยกำรเรียนรู้ ส่ิงแวดล้อมและทัพยำกรธรรมชำติ เวลำ 14 ชวั่ โมง

แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ กำรใช้ทรัพยำกรธรรมชำติอยำ่ งย่ังยนื เวลำ 2 ช่ัวโมง

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

มำตรฐำนกำรเรยี นรู้

มำตรฐำน ว 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสมั พนั ธ์ระหว่างสิง่ ไม่มชี วี ติ กับส่งิ มีชีวติ

และความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งส่งิ มีชวี ติ กบั สงิ่ มชี วี ติ ตา่ ง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การเปลย่ี นแปลงแทนท่ี

ในระบบนเิ วศ ความหมายของประชากร ปญั หาและผลกระทบทม่ี ตี ่อทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ ม แนวทาง

ในการอนุรักษ์ ทรพั ยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหาสง่ิ แวดล้อมรวมท้งั นาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ตัวชว้ี ัด

ตัวชว้ี ัด ว1.1 ป.5/4 ตระหนกั ในคุณคา่ ของสงิ่ แวดลอ้ มที่มตี อ่ การดารงชีวิตของส่งิ มชี วี ิต โดยมสี ่วนร่วม

การดูแลรักษาส่งิ แวดล้อม

จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้

1. สืบคน้ และอภปิ รายการใช้ทรพั ยากรธรรมชาติอยา่ งประหยัด คุม้ คา่ และการมสี ่วนร่วมดูแลรกั ษา
ทรัพยากรธรรมชาติใหเ้ กดิ ความยง่ั ยืนได้ (P)

2. อธิบายประโยชน์ของการมีส่วนรว่ มในการดูแลรกั ษาทรัพยากรธรรมชาติได้ (K)
3. เป็นคนชา่ งสังเกต ชา่ งคิดชา่ งสงสยั และเปน็ ผูท้ ่มี ีความกระตือรอื ร้นในการเสาะแสวงหาความรู้ (A)
สำระสำคัญ

การใช้ทรพั ยากรธรรมชาติ ควรใช้อย่างประหยดั และคุ้มคา่ เพือ่ ใหเ้ กดิ ความย่งั ยืน เพียงพอตอ่ การใชใ้ น
อนาคตและไม่ทาใหเ้ กิดปญั หาทรัพยากรธรรมชาติ การมีส่วนร่วมในการดแู ลรักษาทรัพยากรธรรมชาติสามารถทา
ได้ดว้ ยวิธงี า่ ยๆ โดยเร่ิมจากตนเอง ดงั น้ี

1. ช่วยกันปลูกปา่ เพอ่ื รักษาแหลง่ ตน้ นา้ และช่วยดูดซับแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์
2. เลือกใชผ้ ลิตภณั ฑ์ท่เี ป็นมิตรกบั ส่งิ แวดล้อม และชว่ ยกนั คัดแยกขยะ นาขยะทยี่ ังใช้ไดอ้ ย่กู ลับมาใช้ใหม่
เป็นการรไี ซเคลิ กาจัดขยะอันตรายได้อย่างเหมาะสม ปลอดภัยต่อสงิ่ แวดลอ้ ม
3. ลดการใช้พลงั งานรวมถึงพลังงานไฟฟา้ โดยถอดปลั๊กเคร่ืองใชไ้ ฟฟ้าทุกชนดิ หลังเลิกใช้งาน
สำระกำรเรยี นรู้
- ทรพั ยากรธรรมชาติในท้องถนิ่
- การมีสว่ นร่วมในการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ
สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน

1. ความสามารถในการสื่อสาร
 การอธบิ าย การเขียน การพดู หน้าชนั้ เรยี น

2. ความสามารถในการคดิ

72

 การสังเกต การสารวจ การจาแนกประเภท การคดิ วเิ คราะห์ การสร้างคาอธิบาย การสื่อ
ความหมาย การจดั ระบบความคิดเป็นแผนภาพ การสบื ค้นโดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์

3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา
 การแกป้ ัญหาขณะปฏบิ ัติกิจกรรม

4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
 กระบวนการกลุม่

5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
1. ใฝ่เรียนรู้ ( แสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนร้ตู ่าง ๆ ท้ังภายในและภายนอกโรงเรียนด้วยการเลือกใช้สอื่

อยา่ งเหมาะสม บนั ทึกความรู้ วิเคราะห์ สรปุ เป็นองค์ความรู้ สามารถนาไปใชใ้ นชวี ิตประจาวนั ได้ )
2. มจี ิตสาธารณะ ( เขา้ รว่ มกิจกรรมท่เี ปน็ ประโยชน์ตอ่ โรงเรยี น ชมุ ชน และสงั คม )

ชน้ิ งำนหรือภำระงำน
ผลการสบื คน้ โครงการทีเ่ ป็นส่วนเสรมิ สร้างทรัพยากรปา่ ไม้

คำถำมทำ้ ทำย
นักเรียนมีส่วนร่วมในการดแู ลรักษาทรัพยากรธรรมชาตไิ ดอ้ ยา่ งไรบ้าง

กำรจัดกจิ กรรมกำรเรียนรู้
ข้ันท่ี 1 สรำ้ งควำมสนใจ (engagement) (5 นาที)

1. ให้นักเรียนศกึ ษาวดี ิทัศน์เก่ียวกบั ทรัพยากรธรรมชาติ ทบทวนประสบการณ์เดิม โดยใหน้ ักเรยี นตอบ
คาถามในประเด็น

1.1 นักเรยี นมสี ่วนรว่ มในการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาตไิ ด้อยา่ งไรบ้าง
(แนวคาตอบ ชว่ ยกันรักษาแหลง่ น้าให้สะอาด เพื่อจะไดม้ ีน้าไว้ใชต้ อ่ ไป ช่วยกนั คัดแยกขยะ และนาขยะท่ยี ังใชไ้ ด้
อย่กู ลับมาใช้ใหม่เป็นการรีไซเคิลขยะ และกาจัดขยะอนั ตรายไดอ้ ย่างเหมาะสมและปลอดภัยต่อส่งิ แวดล้อม ทา
การเกษตรตามทฤษฎแี นวใหม่ การใช้สารชวี ภาพในการกาจดั ศัตรูพืช ประหยัดพลังงานไฟฟ้า โดยถอดปล๊กั
เครื่องใช้ไฟฟา้ ทุกชนดิ หลงั เลกิ ใชง้ าน)

2. ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามลงในกระดาษท่คี รูเตรยี มให้
ขัน้ ท่ี 2 สำรวจและค้นหำ (exploration) (20 นาท)ี

ครแู บ่งนักเรยี นออกเป็น 5 กลุม่ จากน้ันใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุ่มสารวจทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิน่ มา 1
ประเภท จากน้ันบันทึกลงในแบบบนั ทกึ ดังตัวอย่าง

73

แบบบันทึกกิจกรรม

1.1 ชอื่ ชมุ ชน/ทอ้ งถ่ิน (ร่วมใจพฒั นำ)

1.2 ทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิน่ ทสี่ นใจศึกษา

 ดนิ  นา้  ป่า แร่

1.3 ประโยชน์จากการใช้ทรพั ยากรธรรมชาตใิ นท้องถิ่น (ป่าไมท้ าใหฝ้ นตกตามฤดูกาล

เปน็ แหล่งต้นน้าลาธาร และทาใหน้ า้ ไม่ไหลบา่ ท่วมท้องถิ่น)

1.4 ปัญหา สาเหตุ ผลกระทบ และแนวทางการแก้ไขปัญหาหรือการอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติในท้องถ่ิน

(คนในท้องถ่นิ ผลกระทบ
ถำงป่ำเพ่ือปรับปรงุ
พืน้ ทเ่ี กษตรกรรม) (พชื มจี ำนวนลดลง ต้นไม้ใหญถ่ กู ตดั โค่น
สัตวป์ ำ่ ไม่มที ีอ่ ย่อู ำศัย ไม่มแี หลง่ อำหำร

(ปญั หำ พืน้ ท่ีป่ำลดลง ทำใหฝ้ นไม่ตกตำม
สำเหตุ ปำ่ ไม้) ฤดูกำล ไมม่ ีแหล่งต้นน้ำลำธำร)

(คนในท้องถ่ินตัดไม้
เพือ่ นำไม้ไปขำย)

แนวทำงกำรแก้ไขปัญหำหรอื กำรอนุรกั ษ์ทรพั ยำกรธรรมชำติในท้องถ่ิน
(รณรงค์ให้ทุกคนช่วยกนั ปลกู ปำ่ ทดแทน ไมต่ ัดไม้ทำลำยป่ำ)

แผนภำพ กา้ งปลาแสดงการวิเคราะหป์ ัญหา สาเหตุ ผลกระทบ และแนวทางการแก้ไขปัญหาและ
การอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติในทอ้ งถน่ิ
1.5 นกั เรียนมคี วามรู้สึกอย่างไรตอ่ การมีสว่ นรว่ มในการแก้ไขปัญหาหรอื อนุรกั ษท์ รัพยากรธรรมชาติ

 

1.6 การท่นี ักเรียนเห็นถงึ ความสาคญั และรว่ มกนั รณรงค์แก้ไขปญั หาหรืออนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ แสดงว่า
นกั เรยี นมคี ุณลักษณะอนั พึงประสงค์ในข้อใด

ใฝร่ ใู้ ฝเ่ รียน  มจี ติ สาธารณะ  ซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ

74

ขน้ั ท่ี 3 อธิบำยและลงข้อสรุป (explanation) (20 นาท)ี
1. ให้ผู้แทนนกั เรยี นแต่ละกล่มุ นาเสนอผลงาน
2. ใหน้ ักเรยี นรว่ มกนั สรปุ ความรเู้ ก่ียวกบั การมีสว่ นร่วมในการอนุรกั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติใหไ้ ด้ประเดน็

ตามจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
ขัน้ ที่ 4 ขยำยควำมรู้ (elaboration) (10 นาท)ี

1. ใหน้ ักเรียนสบื คน้ โครงการพระราชดาริที่เป็นสว่ นเสรมิ สร้างทรัพยากรป่าไม้ 1 โครงการ จากนั้น
บันทึกลงในแบบบันทกึ จัดทาเปน็ ชิ้นงาน ดังตวั อย่างต่อไปน้ี

โครงการที่เป็นส่วนเสรมิ สร้างทรัพยากรป่าไม้

1. ชื่อโครงการ (ป่ำรักษ์นำ้ )
2. ประโยชนท์ ่ีไดจ้ ากโครงการ (กระตุน้ จิตสำนึกของประชำชนในกำรช่วยกันอนรุ ักษ์ทรพั ยำกรป่ำไม้
รว่ มกัน ปลูกป่ำ ก่อใหเ้ กดิ ควำมร่วมมอื กันทั้งภำคเอกชนและรัฐบำลในกำรเสรมิ สร้ำงทรพั ยำกรปำ่ ไม้ ซ่ึง
เป็นแหล่งตน้ น้ำลำธำร ลดควำมแปรปรวนของสภำพอำกำศ ลดกำรไหลบำ่ ของนำ้ ป่ำ และลดปญั หำนำ้
ท่วมได้)
3. ความเปน็ ไปได้ท่ีนักเรียนจะมีสว่ นร่วมในโครงการนัน้ (เรำสำมำรถมีสว่ นร่วมในโครงกำรไดท้ ั้งทำงตรง
และทำงอ้อม เช่น สมคั รเขำ้ ร่วมโครงกำร หรอื ปฏบิ ตั ติ นในกำรช่วยอนุรกั ษป์ ่ำตำมแนวนโยบำยของ
โครงกำร)

2. ให้นักเรียนสรุปเป็นแผนภาพด้วยตนเองในหัวข้อดังนี้ นักเรียนมีส่วนร่วมในการดูแลทรัพยากรในท้องถ่ินของ
นกั เรียนไดห้ รือไม่ อย่างไร

1. เร่ิมทต่ี ัวเรำเอง ตอ้ ง กำรดแู ลทรัพยำกร 2. ใหค้ วำมรว่ มมอื ในกำร
รักษำและดูแลทรพั ยำกรใน ในทอ้ งถ่ินของ ดูแลทรัพยำกร เชน่ ปลูกปำ่
ท้องถิน่ เชน่ ไม่ทิง้ ขยะลง นักเรยี น ทดแทน
แหลง่ น้ำ ไม่ตดั ไม้ทำลำยป่ำ

3. รณรงค์ให้คนในท้องถิน่
ช่วยกันดแู ลทรพั ยำกร เช่น
ทำโปสเตอร์

แผนภำพ การดูแลทรัพยากรในทอ้ งถ่นิ ของนักเรียน

75

ข้ันท่ี 5 ประเมินผล (evaluation) (5 นาท)ี

1. ให้นกั เรียนเขียนแสดงความรสู้ กึ หลงั การเรียน ในประเด็นต่อไปนี้
 สิ่งทนี่ ักเรียนได้เรียนร้ใู นวันนีค้ ืออะไร
 นักเรียนเข้าใจเรื่องใดมากท่สี ดุ
 นกั เรยี นมปี ญั หาหรือขอ้ สงสยั ในเรอ่ื งใดบา้ ง
 นักเรยี นพงึ พอใจกับการเรียนในวนั นห้ี รอื ไม่
 นักเรยี นต้องการใหค้ รปู รับปรงุ การสอนในเร่ืองใด

2. ครูประเมนิ การเรยี นร้ขู องนักเรยี นดังนี้ สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นขณะทางานร่วมกัน สงั เกตการตอบ

คาถามของนกั เรยี นในช้นั เรียน ศึกษาผลการประเมนิ ตนเองของนักเรยี นจากการเขียนแสดงความร้สู ึก

หลังเรียน ประเมินผลการสืบค้น ประเมนิ แผนภาพ และประเมนิ คณุ ลักษณะ

อนั พึงประสงค์ โดยใช้แบบประเมินตามสภาพจรงิ

สื่อ/แหลง่ กำรเรยี นรู้
1. วดี ทิ ศั นเ์ รือ่ งทรัพยากรธรรมชาติ
2. แหลง่ เรียนรูภ้ ายในและภายนอกชนั้ เรียน

กิจกรรมเสนอแนะ
กจิ กรรม “ ยืดอกพกถุง ”

ปัญหาสิ่งแวดลอ้ มภายในโรงเรียนส่วนใหญ่ คือ ปญั หาขยะ ซ่ึงเกดิ จากการบรโิ ภคของนักเรียน หาก
สามารถลดการบรโิ ภคสนิ คา้ หรือผลิตภัณฑ์ประเภทใชแ้ ลว้ ท้ิงได้ ก็จะชว่ ยลดปญั หาขยะและลดการใชท้ รัพยากร
กจิ กรรมยดื อกพกถงุ ใหน้ ักเรยี นประเมนิ วงจรชีวติ ผลติ ภัณฑ์ (LCA) ของสนิ คา้ ประเภทต่างๆ เปรียบเทียบกับการ
ใช้ถงุ ผา้ และกระบอกน้า เพื่อวิเคราะหแ์ ละประเมนิ คา่ ผลกระทบของผลติ ภัณฑ์ทมี่ ีต่อส่งิ แวดลอ้ มตลอดช่วงชวี ิต
ของผลติ ภณั ฑ์ ตง้ั แตก่ ารไดม้ าซึง่ วตั ถดุ บิ กระบวนการผลิต การขนสง่ และการแจกจา่ ย การใช้งานผลติ ภณั ฑ์ และ
การจัดการเศษซากของผลติ ภัณฑ์ หลังการใชง้ าน ซ่ึงอาจกล่าวได้วา่ พจิ ารณาผลิตภณั ฑต์ ั้งแต่เกิดจนตาย (Cradle
to Grave) โดยจะมีการระบุถึงปริมาณพลงั งานและวัตถุดิบท่ีใช้ รวมถึงของเสยี ท่ปี ล่อยออกสสู่ ง่ิ แวดลอ้ มและการ
ประเมินโอกาสท่จี ะสง่ ผลกระทบตอ่ ระบบนเิ วศและสขุ ภาพ

76

กำรประเมินกำรเรียนรู้
เกณฑ์กำรให้คะแนนแบบประเมนิ กำรทำโครงงำนของนกั เรยี น

ตวั ชว้ี ัด ระดับคะแนน
1. การวางแผนในการ
ทาโครงงาน 4 32 1
วางแผนในการทา วางแผนท่จี ะทา
2. การใชอ้ ุปกรณแ์ ละ/ โครงงานอยา่ งคิด วางแผนท่ีจะทา วางแผนทจี่ ะทา โครงงานตาม
หรือเครื่องมือ สร้างสรรคเ์ หมาะสม มี แบบอยา่ ง โดยไมม่ ี
ความละเอยี ด และมี โครงงานอย่างคดิ รเิ ริม่ โครงงานอย่าง ความคดิ สรา้ งสรรค์
3. การทากิจกรรม การเชอ่ื มโยงให้เห็น หรือทาโครงงาน
โครงงานตามแผนท่ี เปน็ ภาพรวม แสดงให้ และเหมาะสม มีความ เหมาะสม แตไ่ มม่ ี ตามท่ีครแู นะนา
ออกแบบ เห็นถึงความสัมพันธ์
4. การบนั ทึกผลการทา ของวิธกี ารทง้ั หมด ละเอยี ดแตไ่ ม่มีการ ความคิดสร้างสรรค์ ไม่ ใชอ้ ุปกรณแ์ ละ/หรอื
กจิ กรรมโครงงาน ใชอ้ ปุ กรณแ์ ละ/หรอื เคร่ืองมอื ในการทา
เคร่ืองมือในการทา เชื่อมโยงให้เหน็ เปน็ มคี วามละเอียด และไม่ กจิ กรรมไม่ถกู ตอ้ ง
5. การจดั กระทาข้อมลู กิจกรรมไดอ้ ย่างถกู ต้อง และไม่มีความ
และการนาเสนอ ตามหลกั การปฏิบตั ิ ภาพรวม และไม่แสดง มกี ารเชอื่ มโยงให้เห็น คล่องแคล่วในการใช้
และคล่องแคล่ว
ให้เหน็ ถงึ ความสัมพันธ์ เปน็ ภาพรวม ทากิจกรรมโครงงาน
ทากจิ กรรมโครงงาน ขา้ มขัน้ ตอนและไมม่ ี
ตามแผนทอ่ี อก ของวิธีการ การปรับปรุง
แบบอย่างเปน็ ข้ันตอน
ด้วยความคล่องแคลว่ ใชอ้ ปุ กรณ์และ/หรือ ใช้อุปกรณ์และ/หรอื บนั ทึกผลไม่ครบ ไมม่ ี
มกี ารปรับปรุง การระบหุ นว่ ย และ
บันทึกผลเป็นระยะ เครื่องมอื ในการทา เคร่อื งมอื ในการทา ไม่เปน็ ไปตามการทา
อย่างถูกต้อง มีระเบยี บ กจิ กรรมโครงงาน
มีการระบุหน่วย มกี าร กจิ กรรมได้อย่าง กจิ กรรมได้อยา่ ง
อธบิ ายขอ้ มลู ให้เห็น จดั กระทาข้อมลู อย่าง
ความเช่อื มโยงเป็น ถกู ตอ้ งตามหลักการ ถกู ต้องโดยมีครู หรือ ไมเ่ ปน็ ระบบ และมี
ภาพรวม เปน็ เหตุ เป็น การนาเสนอ
ผล และเปน็ ไปตามการ ปฏิบัติแตไ่ ม่ ผูอ้ น่ื เปน็ ผู้แนะนา ไม่ส่อื ความหมายและ
ทากิจกรรมโครงงาน ไมช่ ดั เจน
จดั กระทาข้อมลู อย่าง คล่องแคลว่
เปน็ ระบบ มกี าร
เชอ่ื มโยงใหเ้ ห็นเป็น ทากิจกรรมโครงงาน ทากิจกรรมโครงงาน
ภาพรวม และนาเสนอ
ดว้ ยแบบตา่ ง ๆ อย่าง ตามแผนทอ่ี อก ตามแผนทอ่ี อก
ชัดเจน ถูกต้อง
แบบอยา่ งเป็นข้นั ตอน แบบอยา่ งเป็นข้นั ตอน

ด้วยความคล่องแคล่ว แต่มีการแกไ้ ขปรบั ปรงุ

มีการปรับปรุงบ้าง เปน็ ระยะบา้ ง

บนั ทกึ ผลเป็นระยะ บนั ทกึ ผลเป็นระยะ แต่

อย่างถูกตอ้ ง มีระเบียบ ไมเ่ ป็นระเบยี บ ไมม่ ี

มีการระบหุ น่วย มีการ การระบหุ น่วย และไม่

อธิบายขอ้ มลู ให้เห็นถึง มีการอธบิ ายข้อมลู ให้

ความสัมพนั ธเ์ ปน็ ไป เหน็ ถึงความสมั พันธ์

ตามการทากจิ กรรม ของการ

โครงงาน ทากิจกรรมโครงงาน

จดั กระทาข้อมลู อยา่ ง จัดกระทาขอ้ มลู อย่าง
เป็นระบบ มีการ เปน็ ระบบ มีการ
จาแนกข้อมูลใหเ้ หน็ ยกตวั อยา่ งเพมิ่ เตมิ ให้
ความสมั พนั ธ์ นาเสนอ เขา้ ใจงา่ ยและนาเสนอ
ดว้ ยแบบตา่ ง ๆ ได้ แต่ ด้วยแบบต่าง ๆ แตย่ ัง
ยงั ไมช่ ดั เจน ไม่ชัดเจน ไม่ถกู ต้อง

77

ตวั ช้ีวดั 4 ระดับคะแนน 1
32

6. การสรปุ ผลการทา สรปุ ผลการทากิจกรรม สรุปผลการทากิจกรรม สรุปผลการทากิจกรรม สรุปผลการทา

กจิ กรรมโครงงาน โครงงาน ได้อย่าง โครงงาน ได้ถูกตอ้ ง แต่ โครงงานไดโ้ ดยมีครู กจิ กรรมโครงงาน

ถกู ตอ้ ง กระชบั ชัดเจน ยัง หรอื ผอู้ ่ืนแนะนาบา้ งจึง ตามความรู้ท่ี

และครอบคลุมข้อมลู ไม่ครอบคลุมข้อมลู จาก สามารถสรปุ ไดถ้ ูกต้อง พอมอี ยู่ โดยไม่ใช้

จากการวิเคราะห์ การวิเคราะหท์ ั้งหมด ขอ้ มูลจากการทา

ทงั้ หมด กิจกรรม

7. การดูแลและการเกบ็ ดูแลอุปกรณ์และ/หรือ ดูแลอุปกรณแ์ ละ/หรือ ดแู ลอปุ กรณ์และ/หรือ ไม่ดแู ลอปุ กรณแ์ ละ/

อปุ กรณแ์ ละ/หรือ เครือ่ งมอื ในการทา เครอ่ื งมือในการทา เครอื่ งมือในการทา หรือเครือ่ งมือในการ

เครอื่ งมอื กจิ กรรมโครงงาน มี กจิ กรรมโครงงาน และ กิจกรรมโครงงาน ทากจิ กรรมโครงงาน

การทาความสะอาด มกี ารทาความสะอาด มกี ารทาความสะอาด และไม่สนใจ

และเกบ็ อย่างถูกตอ้ ง อยา่ งถูกต้อง แตเ่ กบ็ ไม่ แต่เก็บ ทาความสะอาด

ตามหลกั การ และ ถูกต้อง ไมถ่ ูกตอ้ ง ต้องให้ครู รวมท้งั เก็บ

แนะนาให้ผอู้ ่นื ดูแลและ หรอื ผอู้ นื่ แนะนา ไมถ่ กู ต้อง

เกบ็ รกั ษาไดถ้ กู ต้อง

เกณฑ์กำรให้คะแนนแบบประเมนิ กำรจดั กระทำและนำเสนอแผนภำพ

ตวั ชีว้ ัด ระดับคะแนน

การจดั กระทาและ 4 3 21
นาเสนอแผนภาพ
จดั กระทาแผนภาพ จัดกระทาแผนภาพ จัดกระทาแผนภาพได้มี จัดกระทาแผนภาพ
อยา่ งเป็นระบบ และ
นาเสนอด้วยแบบที่ อย่างเป็นระบบ มีการ การยกตวั อย่างเพิ่มเตมิ อยา่ งไม่เป็นระบบ
ชดั เจน ถกู ต้อง
ครอบคลมุ และมกี าร จาแนกขอ้ มูลให้เห็น และนาเสนอดว้ ยแบบ และนาเสนอไม่ส่ือ
เชอื่ มโยงเปน็ ภาพรวม
ความสัมพนั ธแ์ ละ ต่าง ๆ แต่ยังไม่ ความหมาย และ

นาเสนอด้วยแบบที่ ครอบคลมุ ไม่ชดั เจน

ครอบคลมุ

78

แบบรายงานการจดั กจิ กรรมสง่ิ แวดลอมศกึ ษาในโรงเรยี น ปก ารศึกษา 2563

คาํ ชแ้ี จง ใหโรงเรยี นรายงานการจดั กิจกรรมส่งิ แวดลอมศึกษาในโรงเรยี น ปก ารศึกษา 2563
ระยะท่ี 1 ( สรุปรายงาน) ภายในวนั ที่ 10 กันยายน 2563
ระยะท่ี 2 ( สรปุ รายงาน) ภายในวันท่ี 10 มนี าคม 256๔

โรงเรยี น............................................................................................... สพป.เชียงใหม เขต ๔

๑. ขอมูลพน้ื ฐานของโรงเรียน
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

๒. การดาํ เนนิ การตามนโยบาย
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

๓. เปาหมายทกี่ าํ หนดไว
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

๔. วธิ ีการ/ขั้นตอนการดาํ เนินงาน/กระบวนการทาํ งาน
.................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................

๕. ผลการดําเนนิ งาน/ผลลัพธที่เกดิ ขึ้นจริง
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

๖. ปจ จยั ท่สี งผลใหการดําเนนิ งานประสบความสําเร็จ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

79

๗. อปุ สรรค/ข้อจากัด/ข้อขดั ข้อง ท่ีพบในการดาเนินงาน
............................................................................................................ ..................................................................
............................................................................................................................. .................................................

๘. ข้อเสนอแนะ และความต้องการ
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................

๙. รปู แบบ/วิธีการใหม่/นวตั กรรมท่เี กิดขึ้น
.................................................................................................. ............................................................................
.................................................................................................................. ..................................................................
............................................................................................................................. .......................................................
....................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................................................
............................................................................................................................. .......................................................
...................................................................................................................................................................... ..............
.

ลงชอื่ …………………………………..……ผรู้ ายงาน
(…………………………………………)

ตาแหน่ง……………………………………
……../…………………………../………..

ลงชื่อ…………………………………..……ผู้รับรองข้อมลู
(…………………………………………)

ตาแหน่งผอู้ านวยการโรงเรยี น..........
……../…………………………../………..

80

บรรณำนุกรม

กรมวชิ าการ. (2546). วถิ ีใหมแ่ ห่งกำรเรียนรู้ : กำรเรยี นรแู้ บบร่วมมือ The New circles of Learning :
cooperation in the classroom. กรงุ เทพฯ.

กนก จนั ทร์ทอง. สงิ่ แวดล้อมศกึ ษำ : ควำมรเู้ ร่ืองส่ิงแวดล้อม, ปตั ตานี : คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัย
สงขลานครนิ ทร์, 2541.

กษิรา กาเยาว์. กำรจดั กำรส่ิงแวดล้อมชุมชนของกลุ่มไตรภำคใี นชุมชนกะรนจังหวัดภเู กต็ เชยี งใหม่ :
วิทยานิพนธ์ศลิ ปศาสตรมหาบัณฑติ สาขาวิชาการจดั การมนุษยก์ ับสิง่ แวดลอ้ ม มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่,
2550.

การต่างประเทศ และสมาคมเพ่อื ชวี ติ และส่ิงแวดล้อม, กระทรวง. แผนปฏิบัติกำร 21 เพ่ือกำรพฒั นำ
ท่ยี ่งั ยืน . กรุงเทพมหานคร : อมรนิ ทร์พร้ินตง้ิ แอนด์ พบั ลิชช่งิ , 2537

เกษม จันทร์แกว้ , ส่ิงแวดล้อมศึกษำ. กรุงเทพมหานคร : อกั ษรสยามการพิมพ์, 2536.

คงศักด์ิ ธาตุทองและงามนติ ย์ ธาตทุ อง. รำยงำนกำรวจิ ยั เรื่อง กำรศกึ ษำเพื่อพัฒนำกระบวนกำร
ส่ิงแวดล้อมศึกษำท่ีเหมำะสมกับบริบทของโรงเรยี น. ขอนแก่น : คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัย
ขอนแก่น, 2550

กรมสง่ เสรมิ คุณภาพส่งิ แวดล้อม. คมู่ อื ปฏบิ ัติงำนโครงกำรโรงเรยี นสง่ิ แวดลอ้ มศึกษำเพ่ือกำรพัฒนำย่ังยืน .
กรุงเทพมหานคร : 2554.

กรมสง่ เสรมิ คุณภาพสง่ิ แวดล้อม, คูม่ อื ส่ิงแวดล้อมศึกษำ. กรงุ เทพมหานคร , 2541

โครงการรุ่งอรุณ, ฝ่ายพัฒนาบคุ คลากร. กำรเรียนรเู้ พ่ือกำรอนรุ กั ษพ์ ลังงำนและส่งิ แวดล้อม กรุงเทพมหานคร :
มปท, 2542

เตม็ ดวง รัตนทัศนีย์. มนุษย์กับส่งิ แวดล้อม . พมิ พค์ รั้งที่ 2. นครปฐม : ฝ่ายการศึกษาโครงการศึกษา
ต่อเน่ืองมหาวิทยาลยั มหดิ ล, 2539.

กรมสง่ เสริมคุณภาพส่ิงแวดล้อม. ถอดรหสั สิ่งแวดลอ้ มศึกษำในโรงเรียนจำกงำนวิจยั . กรุงเทพมหานคร ,2550.

กรมสง่ เสรมิ คุณภาพส่งิ แวดล้อม. กำรสำรวจข้อมลู พ้นื ฐำนกำรดำเนินงำนสงิ่ แวดลอ้ มศึกษำในประเทศไทย.
กรุงเทพมหานคร, 2547

ทิศนา แขมมณี. (2553). ศำสตรก์ ำรสอน (องค์ควำมรู้เพื่อกำรจดั กระบวนกำรเรียนรูท้ มี่ ปี ระสิทธิภำพ),
กรุงเทพฯ : จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั .

นุชนี หนิ จาปา. กำรใช้ชดุ กจิ กรรมเสริมหลักสูตรเร่ืองสิ่งแวดลอ้ มศึกษำ สำหรับนักเรยี นชนั้ ประถมศึกษำปีที่ 6.
ขอนแก่น : วิทยานพิ นธ์ วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต, 2552.

81

บญุ ล้อม นามบุตร. ผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียนและควำมตระหนกั เกี่ยวกับกำรอนรุ กั ษส์ ิ่งแวดล้อมของนกั เรยี นชั้น
ประถมศึกษำปีท่ี 6 ที่ได้รบั กำรสอนโดยใช้กระบวนกำรสรำ้ งนิสัย. วทิ ยานพิ นธ์ ศึกษาศาสตร์
มหาบัณฑติ .ขอนแกน่ : มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น, 2543.

ประเสรฐิ ศรีอุทธา. กำรศกึ ษำสภำพกำรจดั กำรสง่ิ แวดล้อมศกึ ษำในโรงเรยี นมัธยมศึกษำขนำดกลำงสงั กดั กรม
สำมญั ศึกษำ จังหวัดขอนแก่น . วทิ ยานพิ นธ์ การศึกษามหาบัณฑติ : มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 2541.

ปราณี ทิวะทรัพย์. ควำมคิดเห็นของนกั เรียนเกยี่ วกับควำมเหมำะสมในกำรจดั กำรสิ่งแวดล้อมทำงกำยภำพของ
โรงเรยี นเพ็ญพทิ ยำคม จังหวัดอดุ รธำนี. มหาสารคาม : วิทยานิพนธ์ วทิ ยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวชิ า
การบรหิ ารการจดั การสงิ่ แวดลอ้ ม มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 2552

ปริญญา โปธาเก่ยี ง. ควำมตระหนกั และจิตสำนึกของประชำชนในกำรจดั กำรส่ิงแวดล้อมของเทศบำลตำบล
อโุ มงค์ อำเภอเมอื ง จงั หวดั ลำพนู เชียงใหม่ : วิทยานพิ นธ์ การศิลปศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวชิ าการจดั การ
มนษุ ย์กับส่ิงแวดล้อม,มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2551

ผอ่ งศรี สิทธิราช. กำรมีส่วนรว่ มของชมุ ชนและโรงเรยี นในกำรจัดกำรสิง่ แวดล้อม : กรณีบ้ำนใหมห่ มอกจ๋ำม
ตำบล

ทำ่ ตอน อำเภอแม่อำย จังหวัดเชยี งใหม่, เชียงใหม่ : วิทยานพิ นธ์ ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการ
จดั การมนุษย์กับสิง่ แวดลอ้ ม, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2552

สทุ ธพิ งศ์ นิพัทธนานนท์. แนวทำงกำรพัฒนำโรงเรยี นสง่ิ แวดล้อมศกึ ษำเพื่อกำรพัฒนำทีย่ งั่ ยนื ตำมกรอบ
ส่งเสรมิ คุณภำพสิง่ แวดล้อม .วทิ ยานพิ นธ์ ปรัชญาดษุ ฎีบัณฑติ มหาวิทยาลัยราชภฏั เชียงใหม่, 2556
นโยบาย สพฐ. 2563, สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน

คณะกรรมการยทุ ธศาสตร์ชาติ. ยุทธศำสตร์ชำติ (พ.ศ. 2561 – 2580). เขา้ ถงึ ได้จาก
http://www.ratchakitcha.soc.go.th เมื่อวนั ท่ี 25 พฤษภาคม 2563

สานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ. แผนปฏริ ปู ประเทศด้ำนกำรศึกษำ แผนพัฒนำเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชำติ ฉบับท่ี 12 (พ.ศ. 2560 – 2564). เข้าถงึ ไดจ้ าก https://www.nesdc.go.th
เมอ่ื วนั ที่ 25 พฤษภาคม 2563

สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ. แผนกำรศึกษำแห่งชำติ พ.ศ. 2560 – 2579 . เข้าถึงได้จาก
http://www.kknpeo.moe.go.th/2018/ เม่อื วนั ที่ 25 พฤษภาคม 2563

82

83

84

85

คณะผจู้ ดั ทำ

ทป่ี รกึ ษำ รกั ษาราชการแทน ผอ. สพป. เชียงใหม่ เขต ๔ ประธานกรรมการ

๑.๑ นายไพโรจน์ เดชะบุญ รองผอ. สพป. เชียงใหม่ เขต ๔ กรรมการ
๑.๒ นายประสิทธ์ิ เมืองไสย
๑.๓ นายประกอบกิตต์ ปัสสวาท รองผอ. สพป. เชยี งใหม่ เขต ๔ กรรมการ
1.4 นายนิคม กีรติวรางกรู
๑.5 นางจไุ ร ภาโนชิต รองผอ. สพป. เชยี งใหม่ เขต ๔ กรรมการ

ผู้อานวยการกลมุ่ นิเทศฯ กรรมการและเลขานกุ าร

คณะกรรมกำรส่งเสรมิ สนบั สนุนการดาเนินงาน

2.1 นายนคิ ม กีรติวรางกูร รอง ผอ. สพป. เชียงใหม่ เขต ๔ ประธานกรรมการ
กรรมการ
2.2 นางจไุ ร ภาโนชิต ศึกษานเิ ทศก์ กรรมการ
กรรมการ
2.3 นายจานงค์ โปธาเก๋ยี ง ศึกษานิเทศก์ กรรมการ
กรรมการ
2.4 นางฉววี รรณ ไชยพเิ ศษ ศึกษานเิ ทศก์ กรรมการ
กรรมการ
2.5 นางสุนทิ รา พรมมล ศกึ ษานเิ ทศก์ กรรมการ
กรรมการ
2.6 นางธญั พร ภุมรินทร์ ศึกษานเิ ทศก์ กรรมการ
กรรมการ
2.7 นายพงศร์ ติ แกว้ อ้าย ศึกษานิเทศก์ กรรมการ
กรรมการและเลขานุการ
2.8 นายวรากุล ตุ่นเครือ ศกึ ษานเิ ทศก์
กรรมการและผู้ชว่ ยเลขานุการ
2.9 นายดมั พ์ แย้มนิม่ นวล ศกึ ษานิเทศก์

2.10 นายสรรค์ ไชยมงคล ศึกษานเิ ทศก์

2.11 นางสาวรสพร พรวนหาญ ศกึ ษานเิ ทศก์

2.12 นางสาวบุณยรตั น์ สุวชิ า ศกึ ษานิเทศก์

2.13 นายสุทธิพงศ์ อรยิ ะกุล ศกึ ษานิเทศก์

2.14 นางสาวชนกานต์ ทิพย์อุน่ ศึกษานิเทศก์

2.15 นางสาวพรรณณภัทร ตาลป่า ศกึ ษานเิ ทศก์

คณะกรรมกำรจดั ทำ รองผ้อู านวยการสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษา ฯ ประธานกรรมการ

3.1 นายนคิ ม กีรติวรางกูร ศกึ ษานิเทศก์ กรรมการ
3.2 นายจานงค์ โปธาเก๋ียง
3.3 นางวัลลภา พรมทา้ ว ครูชานาญการพเิ ศษโรงเรยี นบา้ นสนั ป่าสัก กรรมการ
3.4 นางศิรากานต์ ไชยชนะ
3.5 นางฉววี รรณ ไข่แก้ว ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรียนบ้านสักปา่ สัก กรรมการ
3.6 นางสาวนา้ คา้ ง สวสั ดป์ิ ระดิษฐ์
3.7 นายชยพล สิงหบ์ ัว ครูชานาญการพิเศษโรงเรยี นสนั ปา่ ตองสวุ รรณ์ราษฏร์วทิ ยาคาร กรรมการ
3.8 นางพทิ ยาธร อะตะมะ
ครูชานาญการพเิ ศษโรงเรยี นสันปา่ ตองสวุ รรณร์ าษฏร์วทิ ยาคาร กรรมการ

ครูโรงเรียนสันป่าตองสวุ รรณ์ราษฏร์ กรรมการ

ครชู านาญการพิเศษ โรงเรยี นบา้ นไร่ กรรมการ

86

3.9 นางนิรชญาวรรณ มีณรงค์ ครชู านาญการพิเศษโรงเรยี นบ้านไร่ กรรมการ
3.10 นางสาวสทุ ธดิ า ฉัตรศริ ยิ งิ่ ยง
3.11 นายวีระยทุ ธ วชิ ยั พรม ครู โรงเรียนบา้ นไร่ กรรมการ
3.12 นางสาวชวณันทร์ ทธภรณ์
3.13 นางมกุ ดา ขอร้อง ครูชานาญการพิเศษโรงเรยี นบา้ นสามหลงั กรรมการ
3.14 นางสาวพริ าวรรณ ปนั ใจแก้ว
3.15 นางสาวชนกานต์ ทพิ ย์อนุ่ ครูชานาญการพิเศษโรงเรียนบ้านสามหลงั กรรมการ
3.16 นางสาวพรรณณภัทร ตาลปา่
3.17 นางสาวจีรภา ยาวิชัย ครชู านาญการพเิ ศษโรงเรียนบา้ นแมส่ ะลาบ กรรมการ

ครโู รงเรยี นบา้ นแม่สะลาบ กรรมการ

ศึกษานิเทศก์ กรรมการและเลขานุการ

ศึกษานเิ ทศก์ ผู้ชว่ ยกรรมการและเลขานุการ

ศกึ ษานเิ ทศก์ ผู้ชว่ ยกรรมการและเลขานุการ

ผู้เรียบเรยี ง
นางสาวชนกานต์ ทิพย์อุ่น
ศกึ ษานิเทศก์ชานาญการพิเศษ
สพป. เชยี งใหม่ เขต ๔


Click to View FlipBook Version