ศาสนธรรมปลุกคนใหตื่น ๙๖ ๙๖ สวางไสวไรความมืดมิดปดทวารนี้ไปไดเลย จะมืดบอดอยางนั้นตลอดกัปตลอดกัลป ความจริงก็ไมเปนเชนนั้นเสมอไป ใจที่มีธรรมยอมมีเวลาสวางได ถาการประพฤติปฏิบัติตามหลักธรรมพระพุทธเจา ยังมีอยูในจิตใจดวงใดใน บุคคลผูใด จิตของผูนั้นจะมีความสวางขึ้นมาโดยลําดับจนถึงความสวางเต็มที่ ไมมีมลทิน แมนิดแปดเปอนภายในจิตใจ กลายเปนผูบริสุทธิ์ขึ้นมาไดจากความโงเขลาเบาปญญาซึ่ง เคยมีมาแตกอน พระพุทธเจาก็ทรงอุบัติขึ้น ในทามกลางแหงความโงเขลาเบาปญญาเชนเดียวกับ พวกเรา ความมืดบอดมีเหมือนกัน กิเลสมีอยูจะไมเรียกวาคนมืดบอดยังไง พระราชบิดา พระราชมารดาทั้งสองก็เปนคนมีกิเลส พระองคก็เปนคนมีกิเลส เกิดในทามกลางแหง ความมีกิเลสทั้งรางกายและจิตใจที่เต็มไปดวยกิเลสเหมือนกัน แตเมื่ออาศัยการชําระสะสางซักฟอกอยูเสมอ จิตใจก็โผลขึ้นมาจากความมืดบอด ทั้งหลาย กลายเปนผูบริสุทธิ์ขึ้นมา พระทัยสวางกระจางแจง เปนโลกวิทูรูแจงโลกทั้งปวง แตกอนไมไดทรงเปลงพระวาจาวารูแจงโลกเพราะยังไมแจง แมแตจะรูแจงตัวเองยังไมรู แจงไดจะไปรูแจงโลกไดยังไง โลกขันธตัวเองยังไมรูจะไปรูโลกขันธโลกธาตุภายนอกได ยังไง พอทราบตัวเองแจงชัดก็กระจายไปหมด รูไดหมด จึงทรงมีพระนามวาโลกวิทูเรื่อย มาจนปจจุบันนี้ สาวกทั้งหลายก็เกิดมาในทามกลางแหงคนมีกิเลสเหมือนกันกับพวกเรา จะวาใคร ดีใครยิ่งใครหยอนกวาใคร เมื่อมีพอแมเปนแดนเกิดดวยกัน เปนผูมีกิเลสดวยกัน ผูเกิด มาก็เปนคนมีกิเลส พอแมผูใหกําเนิดก็เปนผูมีกิเลสดวยกัน ซึ่งเปนเรื่องของความมืด บอดดวยกัน อาศัยที่เราบําเพ็ญทั้งใหมและเกาอยูเสมอ ประพฤติปฏิบัติตัวดวยธรรมนี้ แลซึ่งเปนเครื่องขัดเกลาสิ่งที่มืดบอดที่มีอยูภายในใจ ใจคอยสวางกระจางแจงขึ้นมา เรื่อยๆ อยางคําที่วาจิตสงบ นี่เราไมเคยไดยินแตกอน อยาวาถึงเราไดทําเลย ความไดยิน ก็ไมเคยไดยิน แตเมื่อเราไดศึกษาอรรถธรรมกับครูกับอาจารยเรื่อยๆ เราก็ทําดวย ความ สงบก็คอยปรากฏขึ้นภายในใจเรา เออ วันนี้สบาย จิตสงบไมวุนวาย ถายิ่งไดประพฤติ ปฏิบัติมากเขา ความสงบก็เปลี่ยนสภาพสูความละเอียดเรื่อยๆ ไป ความสงบมีมากเพียง ไร ความสบายก็มีมากเพียงนั้น ความสุขมีมากเพียงนั้น เทาที่ความสุขไมปรากฏก็เพราะความสงบไมมี ความวุนวายนั่นแลเปนเครื่องกอ กวนไมใหเกิดความสงบขึ้นมาได เพราะฉะนั้นการชําระจิตใจดวยจิตตภาวนาจึงเปนการ
ศาสนธรรมปลุกคนใหตื่น ๙๗ ๙๗ ระงับดับความวุนวายทั้งหลาย เพื่อใหความสงบปรากฏตัวขึ้นมา ความสุขซึ่งเปนเงาเทียม ตัวกับความสงบนั้น ยอมปรากฏตัวขึ้นมาตามลําดับ จนกระทั่งปรากฏอยางเดนชัด นี่ ทานใหชื่อวาสมาธิไดกลายมาเปนสมบัติของผูบําเพ็ญจิตตภาวนาอยางชัดเจน เมื่อจิตมีความสงบหลายครั้งหลายหนก็เปนฐานมั่นคงขึ้นมาภายในใจ เรียกวาจิต เปนสมาธิ คือจิตมีหลักฐานมั่นคงไมหวั่นไหวโยกคลอนงายๆ เหมือนอยางแตกอน ความรับสัมผัสรับไดเพราะจิตเปนเจาฉลาดรูตลอดเวลาอยูแลว ทําไมจะรับทราบไมได อะไรสัมผัสตองรับทราบ แตไมหวั่นไหวไปตามนั้นอยางงายดายเหมือนแตกอนเทานั้น เอง ทีนี้เราควรพิจารณาทางดานปญญา เอา ปญญาคือความฉลาดแหลมคม ขุดคนลง ได ลึกตื้นหยาบละเอียดสามารถทําไดทั้งนั้น เราขุดดินทั้งแผนเราขุดไดกี่เมตรเรายังขุด ได เจาะหินเจาะเพชรยังเจาะได แตจะมาเจาะธาตุขันธของตัวเองนี้ ทําไมจะเจาะไมได เจาะไมทะลุ ถาใชปญญาเจาะยิ่งลึกยิ่งกวาเจาะสิ่งเหลานั้นเสียอีก สติปญญายังละเอียด แหลมคมยิ่งกวาเครื่องมือทั้งหลายที่เจาะหินเจาะเพชรนั้นอีก พระพุทธเจาทานเจาะดวย วิธีนี้ปญญาคือความฉลาดแหลมคม สอดสองเขาไป ขุดคนเขาไป ความจริงมีอยู เราปนเกลียวความจริงตางหาก จึงขนเอาทุกขขึ้นมาเผาตนเอง แต เราก็ไมเห็นโทษแหงความปนเกลียวกับธรรมวาเปนโทษ จึงตองปนอยูเสมอ ปนเสมอก็ ทุกขอยูเสมอ ปนไมหยุดก็ทุกขไมหยุด ทุกขอยูร่ําไปไมมีใครชวยไดถาเราไมชวยตัวเรา เอง ดวยการฝนกิเลสและปฏิบัติตนตามธรรม เอา เพื่อไมปนเกลียว มันเปนยังไงในธาตุขันธอันนี้ พิจารณาดูทั้งขางนอกขางใน นับแตวันเกิดมารางกายเปนยังไง ตัวเล็กๆ โตขึ้นมาขนาดนี้แลวเปนยังไง มันคอยทรุด โทรมลงไป ขางนอกขางในมันเปลี่ยนไปโดยลําดับลําดาเห็นไดอยางชัดเจน ไมปดไมบัง ทั้งวันทั้งคืน รูอยูเห็นอยูดวยใจของเราเองซึ่งเปนผูรับทราบกับสิ่งเหลานี้ เรื่องอนิจฺจํ ก็เห็นไดชัด ทุกฺขํ ก็เปนอยูแลว ทุกฺขํ มันขังเรานี่ซินั่งก็นั่งอยูกับกอง ทุกข นอนอยูกับกองทุกข ยืนเดินนั่งนอนอยูกับกองทุกขทั้งนั้น ถูกทุกขมันขังอยูตลอด เวลา เราจะวาทุกขขังเราก็ได แยกไปซิสติปญญาเรามียอมจนตรอกใหกิเลสกองทุกขขัง อยูทําไม อันใดเปนอุบายที่จะถอดถอนหรือไดสติสตังขึ้นมา ไดความคิดอานแปลกๆ ขึ้น มาเพื่อถอดถอนความโงเขลาเบาปญญาของตน อันนั้นเรียกวาปญญา เรียกวาธรรมทั้ง นั้น ไมจําเปนจะตองมีอยูในแบบแผนตํารับตําราอยางเดียว เพราะกิเลสไมใชจะถูกขังให
ศาสนธรรมปลุกคนใหตื่น ๙๘ ๙๘ อยูในแบบแผนตํารับตําราถายเดียวเทานั้น มันอยูไดกับหัวใจของคน สิ่งที่ใหเปนกิเลส มากนอยมันเปนไปไดทั้งนั้น โดยไมคํานึงถึงแบบแผนตํารับตําราเลย แตเวลาเราจะ พิจารณา ทําไมจึงตองไปคนหาแบบแผนตํารับตําราเสียทุกบททุกบาททุกคาถาบาลี อุบายวิธีนี้มีในตําราไหม อุบายวิธีนี้ทานเขียนไวไหม บทเวลาสั่งสมกิเลสพอกพูนหัวใจไม เห็นไปดูตําราเสียกอนละ ถาอยางนั้นก็ไมทันกัน เพื่อใหทันกัน เอา คิดขึ้นมา อุบายวิธีใด ที่เปนไปเพื่อความถอดถอนตัวเองใหรูแจงเห็นจริง นั้นแหละคือ ปญญา นั่นแหละคือ ธรรม ธรรมมีอยูกับเรา จงหาอุบายวิธีฉลาดแหลมคมแกตัวเราเอง ดูที่ตรงขันธนี้ดูให ชัดเจน หนาที่ของเราที่จะดู เวลานี้กําลังทํางาน จงบังคับจิตใจใหทํางานในหนาที่ของตัว อยาใหวอกแวกคลอนแคลนสงไปขางนอก การสงไปไหนทั้งวันทั้งคืน สงตั้งแตวันเกิดมา ไดประโยชนอะไร เวลานี้จะสงจิตใจเขาสูสภาวธรรมทั้งหลายมีกายเราเปนตน เพื่อจะ ถอดถอนตนออกจากหลมลึกนี้ ทําไมถึงไมพอใจคิดเขามา มีแตพอใจคิดภายนอก ซึ่ง เปนฟนเปนไฟทั้งนั้น ยังไมเห็นโทษอยูเหรอ เอาเผ็ดๆ รอนๆ อยางนั้นซิอุบายวิธีแกตัว เองหรือสั่งสอนตัวเองตองสั่งสอนอยางนั้น คนเขาไปใหเห็นชัด ในรูปในกายก็อยางที่เห็นนี้แหละ โลกทั้งโลกที่มีรูปมีกายมัน เหมือนกัน สีสันวรรณะความสูงต่ําอะไรไมสําคัญ สําคัญที่มันเหมือนกันในเรื่อง อนิจฺจํ ทุกฺขํอนตฺตา หรือเปนรูปเปนกายเหมือนกัน อนตฺตา เอา พิจารณาดูอันไหนเปนเรา อะไรเปนของเรา กองรูปทั้งหมดที่เรียก วารางกายทั้งทอนนี้แหละ ทั้งเวทนา ความสุข ความทุกข เฉยๆ ที่ปรากฏตัวขึ้นมาแลว ดับไปๆ สัญญา สังขาร วิญญาณ เหลานี้มันเปนอาการอันหนึ่งๆ เทานั้น ไมไดมารับ ทราบเราวาเราเปนอยางนั้น เราเปนอยางนี้ มีแตเราไปรับทราบเขา ก็หลงเขา ไปยึดเขา ปนเกลียวกับธรรมที่ทานวา สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา ธรรมทั้งปวงเปนอนตฺตา สพฺเพ ธมฺ มา นาลํอภินิเวสาย ธรรมทั้งปวงไมควรถือมั่น ถึงขั้นสุดทาย พิจารณาหมดบรรดาสภาว ธรรมทั้งมวล นั่นฟงแตวาทั้งปวงนั้นคือทั้งหมด ไมควรถือมั่น นั่นถึงเวลาจะปลอยแลวปลอยหมด ขึ้นบันไดไปถึงบานแลวก็ปลอยบันได เดิน ทางเขามาถึงจุดที่หมายแลวก็ปลอยทาง เมื่อจิตกาวขึ้นเปนตัวของตัวอยางเต็มที่โดยไม ตองพึ่งพิงอาศัยอะไรแลว จิตก็ปลอยหมด นี่สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา จุดสุดยอดจริงๆ แลว สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา ปลอยหมดโดยประการทั้งปวง
ศาสนธรรมปลุกคนใหตื่น ๙๙ ๙๙ นั่นคือปญญาแทงทะลุไปหมดแลวจะไมปลอยยังไง จะไปถืออะไรไว รูปก็ปลอย เวทนาก็ปลอย เวทนา ความสุข ความทุกข เฉยๆ ที่เปนภายในรางกายจิตใจปลอยไป หมด สัญญา ความจําไดหมายรูมามากนอยจําไดเทาไรปลอยหมด สังขาร วิญญาณ ปลอยหมด แมที่สุดจิตซึ่งเปนที่ยึดในตัวอันสําคัญ พิจารณาเขาจริงๆ จังๆ แลวปลอย หมด จิตก็ไมยึดจิต รูจริงแลวไมยึด นั่นละทานวา สมูลํตณฺหํ อพฺพุยฺห นิจฺฉาโต ปรินิพฺ พุโต ถอนกิเลสตัณหาออกพรอมทั้งราก เปนผูดับสนิทในความหิว นิจฺฉาโต ปรินิพฺพุโต ความหิวคือความอยากดวยอํานาจของกิเลสตัณหานั่นแหละดับสนิท ก็มีเทานั้น นี่จะเรียกวาไดมรรคผลนิพพานหรือไมที่นี่ เมื่อพิจารณาถึงขนาดนั้นแลว ไดไมได ก็ไมเห็นสําคัญอะไร ทราบอยูกับตัวแลวจําเปนตองไปหาชื่อหานามที่ไหนมาอีก มาตีตรา กันทําไม เหมือนรับประทานอิ่มแลวตีตราใหหรือไมตีตราใหเซ็นใบอิ่มใหหรือไมเซ็นใบ อิ่มใหใหประกาศนียบัตรหรือไมใหไมสําคัญ ก็เราอิ่มแลวรูอยูนี่ เอาใบประกาศมาทําไม รูอยูในตัว ใบประกาศมันเกิดประโยชนอะไร ชื่อนามเกิดประโยชนอะไร สิ่งที่เปน ประโยชนแทๆ ก็เราเปนผูทรงไวแลวเวลานี้นั่นละมรรคผลนิพพานแทๆ เปนอยางนั้น มีอยูกับจิตทุกดวงที่วามาทั้งนี้ไมวาจิตหญิงจิตชายเมื่อชําระได อันนั้นเปนสมมุติ อันหนึ่ง ธรรมชาติของความรูนั้นไมไดมีอยูกับคําวาเปนหญิงเปนชาย อันนี้แหละเปน แกนสําคัญ เปนแกนสําคัญ เปนแทนเปนแกนอันสําคัญ แกก็แกเพื่อจะใหเห็นธรรมชาติ อันสําคัญนี้เต็มภูมิของจิตของธรรม แบกอะไรมันก็ไมทุกขเหมือนแบกธาตุแบกขันธ แบกอุปาทานในขันธและอารมณ ทั้งปวง เราแบกไมหามเสาถึงเวลาปลอยวางก็ไดปลอย แบกธาตุแบกขันธนี้มันไมได ปลอยนา ตายแลวยังหวงอีกดวย เวลาจะตายยังหวงไมอยากตาย หวงก็คือ อยากจะหาม อยากจะแบกทุกขตอไปอีกอยูนั้นแล ใหรูใหปลอยทั้งที่ยังไมปลอยขันธนี่ซิวางเสียตอนที่ ยังไมไดวางขันธทิ้งนี้มันเหมาะ อยูสบาย ใครจะมีความฉลาดแหลมคมยิ่งกวาพระพุทธเจา ที่สั่งสอนสัตวโลกใหถึงความ สบายอันสูงสุดนี้มีหรือในโลกนี้มีใคร ไมมองเห็นใครจะฉลาดยิ่งกวาพระพุทธเจา พุทฺธํ สรณํคจฺฉามิเอา ยึดใหถึงใจ ปฏิบัติใหถึงตัวจริงความจริง เราจะพบศาสดาที่ตรงความจริงลวนๆ นั่นแหละ คือจิตที่บริสุทธิ์ลวนๆ นั้น เมื่อ ถึงจิตบริสุทธิ์แลว เราจะไมถามหาศาสดาเลยวาอยูที่ไหน นิพพานไปแลวกี่ปกี่เดือนอัน เปนกาลสถานที่เวล่ําเวลาเทานั้น ไมมีปญหาอะไรเลย ความจริงก็คืออันนี้อันนี้เปนฉันใด พระพุทธเจาเปนฉันนั้น แลวจะไปถามหาพระพุทธเจาที่ไหนอีก เพราะอยูที่ไหนก็เหมือน
ศาสนธรรมปลุกคนใหตื่น ๑๐๐ ๑๐๐ อยูกับพุทธะ นี่แหละพุทธะแท ถึงพุทธะนี้แลวก็เหมือนเขาเฝาพระพุทธเจาอยูตลอด เวลาอกาลิโก เอาละการแสดงธรรมก็เห็นสมควร รูสึกเหนื่อยๆ
ศาสนธรรมปลุกคนใหตื่น ๑๐๑ ๑๐๑ เทศนอบรมฆราวาส ณ วัดปาบานตาด เมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๑๙ จิตเปนสิ่งที่ฝกได พระกรรมฐานทานผูปฏิบัติมุงอรรถมุงธรรม มุงมรรคผลนิพพานจริงๆ เราดู ทานนาดูอยางซึ้ง นาดูอยางบอกไมถูกก็มีนาดูที่พอพูดไดก็มีในกิริยาที่ออกมาจากใจ ซึ่งมีความเขมแข็ง มีสติสตัง มีความระมัดระวังของทาน อยูไหนทานอยูแบบอนาถาดู ไมคอยกังวลอะไร เหมือนไมมีความกังวลอะไร ทานนะสบาย ผูไปดูความเปนอยูของ ทานแลวสลดสังเวชเพราะสงสารทาน ทานอยูอยางจนๆ เขียมๆ ในปจจัยสี่ ในปาในถ้ํา ในภูเขาอันเปนสถานที่บําเพ็ญของทาน ทั้งนี้ก็เปนมาดั้งเดิมแตพระพุทธเจาพระสาวกที่ พาดําเนินมา หลักใหญที่ออกมาจากความมุงมั่นแหงธรรมนั้นแสดงออกมาเปน อปฺปจฺฉตา คือความมักนอย เหมือนนกมีแตปกกับหางคืออวัยวะเทานั้น บินไปหากินผลไมที่สุก ตามที่ตางๆ พออิ่มทองแลวก็บินไป ไมไดมีความหวงใยตนไมนี้วาเราเคยกิน ผลไมนี้ เปนของเรา เปอกตมนี้เปนของเรา เราติดสถานที่นี่ เราชอบสถานที่นี่ นกไมมีอารมณ ยุงกับสิ่งเหลานั้น ผูปฏิบัติก็เหมือนกัน ไปที่ไหนแลวเปนอันวาผานไปๆ ไมเปนสัญญาอารมณกับ สิ่งตางๆ ซึ่งเคยไดอยูอาศัย เคยสนิทสนมมาแลว ความไมเปนอารมณเหลานี้ก็เพราะ ความมุงมั่นตอธรรมเปนสิ่งสําคัญ เหมือนกับแมเหล็กอันหนึ่ง ดึงดูดความรูสึกตางๆ ใหเขาไปสูจุดเดียวนั้น กิริยาอาการที่แสดงออกจึงสอใหเห็นวาแมเหล็กนั้นดึงดูด คือ ความมุงมั่นนั้นดึงดูดใหกิริยาอาการทุกอยางหนักไปในธรรม จึงเปนกิริยาที่นาดูนา เคารพเลื่อมใสแกผูไดเห็นไดยิน การภาวนาของทานไมไดถือแตเวลานั่ง เวลาเดินจงกรม เวลานั่งภาวนา ทานถือ สติเปนสําคัญ ความระมัดระวังสติตั้งคอยรักษาจิต เพราะจิตนั้นเทียบแลวก็เหมือนนัก โทษ ตอนนั้นยังไมมีคุณคาอะไรพอจะเรียกวา “นักคุณ” เอาอยางนี้ดีกวา ควรเรียกวา นักโทษดีกวา เหมือนผูตองหา คําวานักโทษก็ไดแกความรุมรอนที่มันกลุมรุมอยูภายใน จิต ผูตองหาก็ถูกกิเลสเหยียบย่ําทําลาย หาเรื่องนั้นใสหาเรื่องนี้ใส หาเรื่องนั้นมาทุบหา เรื่องนั้นมาตีอยูทํานองนั้น ไมมีใครชวยเหลือไดเลย
ศาสนธรรมปลุกคนใหตื่น ๑๐๒ ๑๐๒ เราจะเรียกวา จิตเรียกรองหาความชวยเหลือจากเราอยูตลอดเวลาก็ไมผิด เพราะจิตไมมีความปรุโปรงโลงทะลุภายในตัวเองพออยูเปนปกติสุขไดเลย มีแตถูกรุม ลอมดวยกิเลสอยูตลอดเวลายืนเดินนั่งนอน อิริยาบถทั้งสี่ไมเคยมีอิสระ ความไมมีอิสระ ความอยูใตอํานาจแหงความกดขี่บังคับมันเปนความสุขที่ไหน มีแตความทุกขทั้งนั้น เพราะความเปนนอยเขา นอกจากความเปนนอยแลว เจานาย บังคับเราก็คือตัวกิเลส มันจะไวหนาใคร บีบบังคับอยูตลอดเวลา จะหาความสุขที่ไหน จึงเรียกวาผูตองหา เรียกวานักโทษกวนตัวเอง หาความสุขก็ไมเจอ มองไปไหนก็มืด แปดทิศแปดดาน ทางที่จะเล็ดลอดออกไปก็ไมมีจิตก็ตองเรียกรองหาผูชวยเหลือ แลว ใครจะเปนผูชวยเหลือจิตที่ไดรับความทุกขความกดขี่บังคับนอกจากเรา คําวาเรามีขึ้น มาอีกอันหนึ่ง แทรกกันขึ้นมาจากจิตนั่นแล ก็หมายถึงสติปญญา หมายถึงความรูสึก ชนิดหนึ่งที่แทรกผุดขึ้นมาจากใจมาเปนความรับผิดชอบใจ มีสติปญญาคอยควบคุม รักษา ผูนี้แลที่จะใหความชวยเหลือได เมื่อผูนี้สามารถใหความชวยเหลือได ผูตองการที่จะรื้อถอนจิตออกจากความ กดขี่บังคับก็ตองพยายามทางสติ ปญญา ศรัทธา ความเพียรเขาใหมาก เพื่อจิตจะได เบาบางจากสิ่งกดถวงทั้งหลายลงโดยลําดับ เรานี้แลเปนผูใหความหวังความพนทุกขมี กําลัง มีศรัทธา มีความเพียรกลา มีความอดความทน เปนผูเหนียวแนนแกนนักรบก็ที่ ตรงนี้เอง เพราะในโลกนี้ไมมีอันใดมีคุณคาหรือใหญที่สุดยิ่งกวาจิต จิตเปนสิ่งที่ครอบ โลกธาตุ เพราะจะคิดเรื่องอะไรก็มีจิตเทานั้น ออกจากใจผูเดียวไปใหความหมายในสิ่ง ตางๆ ถาดีก็ดีเลิศ ถาเลวก็เลวที่สุด ไดแกจิตดวงเดียวนี้ เมื่อจิตนี้ทําไดทั้งสองอยาง ใครจะตองการความเลวที่สุดเลา ยิ่งผูมุงตอความดีอยางยิ่ง ผูที่มีความเชื่อความเสื่อม ใสตามหลักธรรมของพระพุทธเจา และผูปฏิบัติเปนนักบวชดวยแลว ก็ยิ่งจะหนักแนน ในทางความพากเพียรใหมากขึ้นโดยลําดับ จิตเมื่อมีผูชวยเหลือ ก็ยอมไดรับความสวางไสวความเบาภายในตัวเอง ถาโรคก็ เรียกวาพอหลับพอนอนไดไมครวญครางอยูทั้งวันทั้งคืนนัก พอมีเวลาหลับไดแมจะมี ทุกขเวทนาเกิดขึ้นก็พอทนไดไมถึงกับตองรองครางเพื่อความลมตายถายเดียวเพราะมี ยา ยาเขาไปกําราบปราบปราม หรือยาเขาไประงับโรครายใหบรรเทาเบาบางลงไป คน ไขก็พอนอนหลับไดพักไดพอทนไดกับทุกขเวทนาไมสาหัสจนเกินไป
ศาสนธรรมปลุกคนใหตื่น ๑๐๓ ๑๐๓ จิตเมื่อไดอาศัยธรรมเปนธรรมโอสถ กิเลสประเภทตางๆ ซึ่งเปรียบเหมือนกับ โรคก็คอยถอยตัวลงไป จิตใจก็พอมีความสงบสุข เรียกวาพอนอนหลับไดดวยความ สงบเย็นใจ เพราะใจนี้เหมือนกับคนไขนั่นเอง และพยายามโดยทางหยูกยา คือความ พากเพียรเขาเรื่อยๆ จนกระทั่งจิตคอยสบายหายวันหายคืนไป ความสวางกระจางแจง ก็ปรากฏขึ้นมาเรื่อยๆ สิ่งที่ไมเคยรูก็รูสิ่งไมเคยเห็นก็เห็น รูเห็นขึ้นที่ใจ เพราะใจเปน สิ่งที่ละเอียดที่สุดในโลกนี้ไมมีอะไรเสมอเหมือน แมจะถูกกิเลสกดขี่บังคับหนักเบา ขนาดไหน ความคลองแคลววองไวของจิตไมเคยลดละตัวเองเลย ยิ่งไดปลดเปลื้องสิ่ง โสมมทั้งหลาย สิ่งกดถวงทั้งหลายออกไดโดยลําดับดวยแลว ก็ยิ่งแสดงความคลอง แคลววองไว ความเฉลียวฉลาดแหลมคมยิ่งขึ้น ทําใหเกิดความอัศจรรยภายในตัวเอง โดยที่ไมเคยคาดฝนมากอน เพียงแตสมาธิสงบอยางเต็มที่ใหเราเห็นเทานั้น ก็เห็นเปนความอัศจรรยของเรา โดยไมตองไปถามใคร เวลาสงบจริงๆ มันขาดหมดนี่ ไมมีอะไรสืบตอกันเลย เพียงขั้น สมาธิที่สงบแนบแนนอยางเต็มที่ก็เห็นไดชัดกับตัวเอง หายการไขวควาที่เคยเปนมา มี แตตั้งหนาบําเพ็ญสมาธิภาวนาเพื่อผลอันยิ่งใหญตอไปไมลดละทอถอย ความที่จิตขาดจากอารมณอะไรทั้งหมด ไมมีอะไรมาประสับประสานยุงกวน เวลานั้นแลเปนเวลาที่จิตสงบและเปนตัวของตัวเต็มที่ในขั้นสมาธิ ผลที่เกิดขึ้นจาก ความสงบก็คือความสุข ความอัศจรรยเห็นไดอยางชัดเจน แมสมาธินั้นจะคอยผานไป ขณะนั้นจะผานไป กลายมาเปนจิตธรรมดาก็ตาม ความเชื่อในผลที่เคยรูเคยเห็นจาก การปฏิบัติของตนนั้นจะไมถอดถอนเลย จิตใจก็มีความสงบเย็นเปนพื้นฐานของใจ ไม วอกแวกคลอนแคลนเหมือนแตกอนที่จิตยังไมไดหลักยึดเปนที่พอใจ คําวา อจลศรัทธา ก็เกิดขึ้นมาเอง คือเชื่อไมหวั่นไหว ทีนี้เชื่อแนแลววาผลแหง การประพฤติปฏิบัติในแงจิตตภาวนาเปนเชนนี้ นี่เปนอจลศรัทธา อจลา สุปติฏฐิตา ความเชื่อไมหวั่นไหวโยกคลอนตั้งดีแลว ดังทานสวดอนุโมทนาตอนเชา เปนหลักของ ใจหลักของความเชื่อมั่น จะเห็นหรือไมเห็น รูหรือไมรูก็ตาม ตองการทุกเวลาก็ตาม ความพยายามจะพยายามอยูเรื่อย ผลปรากฏขึ้นมาเรื่อยๆ และปรากฏผลสืบตอกันไป ไมขาดสาย จนกระทั่งใหสงบไดทุกเวลา จับไดทุกเวลา ตามความชํานาญของจิตเปน อยางนั้น จิตเปนสิ่งที่ฝกได ถาฝกไมไดพระพุทธเจาก็ไมสอนใหฝก พระพุทธเจาก็ไม บริสุทธิ์เพราะฝกไมได มันเปนอฐานะ คือเปนสิ่งที่ไมควรเปนได แลวจะเปนไดยังไง
ศาสนธรรมปลุกคนใหตื่น ๑๐๔ ๑๐๔ แตนี้เปนฐานะ สิ่งที่ควรเปนไปได ศาสนธรรมที่สั่งสอนโลกก็เปนฐานะ เหมาะกับโลก ทั้งหลาย ในธรรม ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธนี้ เปนธรรมที่อยูในฐานะของโลกที่จะ ปฏิบัติไดตามสติกําลังของตนดวยกัน สิ่งใดที่เปนอฐานะ พระพุทธเจาจะไมนํามาแสดงใหสัตวโลกเสียเวล่ําเวลาเลย และพระองคเองก็ไมทรงสอนใหเสียเวลาเหมือนกัน ธรรม ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธนี้ อยูในวิสัยของสัตวโลก ที่จะสามารถประพฤติปฏิบัติไดแมไมทุกรายก็ตาม แตมีจํานวน มากตอมากที่จะสามารถรูได เปนไปไดตามธรรมแงนั้นๆ รวมแลว ๘๔,๐๐๐ พระ ธรรมขันธ เพื่อจริตนิสัยของสัตวที่มีจํานวนมาก จะไดเลือกเอาตามจริตนิสัยหรือความ ถนัดของตนไปปฏิบัติจนปรากฏผลขึ้นมา เรานักปฏิบัติจิตตภาวนา ถายังไมจนตรอกมักไมเชื่อตัวเองได เมื่อจนตรอกสัก ทีสองทีเขาไป จนตรอกดวยการตอสู ไมใชจนตรอกดวยความสิ้นทาถอยหลัง เมื่อจน ตรอกจริงๆ แลวก็สูกัน สูดวยสติสูดวยปญญา ไมไดสูดวยความอดทนเฉยๆ โดยไมมี สติปญญาเปนเครื่องมือสําหรับใชในการตอสู สูอยางนี้ผลจะแสดงขึ้นมาใหเราเชื่อตัว เองได สวนมากคนเราถาไมจนตรอก สติปญญาก็ไมเกิด อยูปกติก็เหมือนโงดวยกันทุก คน แตธรรมดาทั่วๆ ไปแลว คนเราไมใชจะโงอยูตลอดเวลา ถึงเวลาฉลาดมันมีไดเชน เวลาจนตรอกคนเราตองหาชองหาทางความคิดความอานตางๆ ในแงสติปญญาเอาให เต็มสติปญญาจนขนาดวาเอาตัวรอดไดนั่นเอง คิดจนเต็มภูมิเพื่อเอาตัวรอด หมดสติ ปญญาแลวจึงจะยอมตาย ถายังพอมีทาคิดทาสูอยูแลวจะไมยอมตายงายๆ คนเรา นั่น แหละสติปญญาเกิดตรงนั้นแหละ นักปฏิบัตินั่นแลจะรูความโงความฉลาดของตนจาก การตอสูในเวลาคับขันจนตรอกจนมุม เชนทุกขเวทนากลาในเวลานั่งภาวนานานๆ และ เวลาเจ็บไขไดปวยหนักๆ อตฺตา หิอตฺตโน นาโถ จะแสดงฤทธิ์เดชแหงธรรมทั้งหลาย มีสติธรรม ปญญาธรรมเปนตนขึ้นมาเพื่อชวยตัวเองในเวลานั้น ใครๆ ไมยอมตายอยู เฉยๆ แหละ ตองสูตองพิจารณา เชนทุกขเวทนาเกิดขึ้นในเวลาเจ็บไขไดปวย ก็ถือทุกขเวทนานั้นเปนเปาหมาย แหงการพิจารณาไมลดละทอถอย ไมปรุงไมหมายใหทุกขเวทนาดับไป ความอยากให ทุกขดับไปนั้นเปนภวตัณหา กามตัณหา ความอยากใหทุกขหายนั่นละคือกิเลส ถามัน หายดวยความอยากจริงๆ ก็ไมตองหาหยูกหายามารักษากัน ใครก็อยากหายดวยกันทุก คน โรคตองหาย ความเจ็บปวดนั้นๆ ตองหายดวยความอยากใหหาย แตนี้ไมไดหาย
ศาสนธรรมปลุกคนใหตื่น ๑๐๕ ๑๐๕ ดวยความอยาก เพราะความอยากเปนการเพิ่มความทุกขใหมากขึ้นโดยความสําคัญ ของตน จึงไมตองไปอยากใหทุกขเวทนาหาย พิจารณาใหรูตามความเปนจริงของมัน ดวยสติปญญา มันจะหายมันก็หาย มันไมหายก็ใหรูวามันไมหายดวยการพิจารณา ไม ตั้งความอยากใหหายสูมัน จะเปนการเสริมสมุทัยและเพิ่มทุกขยิ่งขึ้น พิจารณาลงตามความจริงใหเห็นทุกข ทานวา ทุกฺขํ อริยสจฺจํ ทุกขเปนของจริง เปนของจริงอยางไรบาง พอคนเขาไปเจอแลวยอมรับเอง โอคําวา ทุกฺขํอริยสจฺจํทุกข เปนของจริง จริงอยางนี้เอง นั่น พอวาจริงอยางนี้เองแลวมันถึงใจแลวนั่น ทีนี้ทุกขไม สามารถเขามากระทบกระเทือนจิตใจไดเลย เพราะแยกกันออกแลว ถาลงไดทราบทุกข วาเปนของจริงประจักษใจแลว ทุกขภายในใจก็ไมมีในขณะนั้น ทุกขในรางกายก็เปนสัด เปนสวนไมกระทบกระเทือนถึงใจเลย เพราะแยกจากกัน ทุกขเปนอันหนึ่ง ใจเปนอัน หนึ่ง ไมใชทุกขเปนเรา เราเปนทุกข มันแยกกันไดในขณะที่ปญญาพิจารณารอบกาย เวทนา จิต จงคิดถึงเวลาจะเปนจะตาย มาเทียบเคียงกับความทุกขธรรมดาของเราที่เปนอยู เพราะการเจ็บปวย เพราะการนั่งภาวนานานๆ กับทุกขเวทนาในเวลาจะตาย มันมีขอ หนักแนนตางกันอยางไรบาง เพียงเทานี้เราสูไมไดเราทอถอย บทเวลาจะเปนจะตายนั้น เปนเรื่องที่หนักมาก มันจะตายแนๆ จิตทอถอยก็ไมเกิดประโยชนอะไร นอกจากจะทํา ใหเสียทาเสียที เพราะไมมีสติปญญาพอจะแกไขตัวใหรอดไปไดในเวลาจําเปนนั้น ฉะนั้น จําตองเตรียมพรอมกับการตอสูกิเลส ตัวกลัวทุกขกลัวตายใหรอบตัวไวแตบัดนี้ แมเวลาจะตายซึ่งเปนเรื่องธาตุขันธจิตก็ไมหวั่นไหวโยกคลอน ตายไปอยางสุคโตของผู องอาจกลาหาญตอคติธรรมดาซึ่งเปนหลักความจริง นี่จึงเชื่ออยางฝงลึกในการพิจารณาทุกขเวทนาดวยสติปญญา เพราะเคย พิจารณาและเห็นผลมาแลว เห็นผลอยางประจักษโดยไมตองไปถามใครอีกแลว เวลา ทุกขมากๆ นั้นไมมีทางไปจริงๆ เราก็ตั้งใจตอสูอยูแลวนี่ ตั้งทาตอสูอยูแลวมันจะถอย ไปไหน เอา ถอยไมได ทุกขมีเทาไร เอาจงแสดงใหหมด เราจะฟงอริยสัจมีทุกขสัจ เปนตนจนกระทั่งตาย ถาไมตายถึงเวลาแลวจึงจะออกจากสมาธิลงเวทีกันครั้งหนึ่ง แต เวลานี้จะสูกันบนเวทีชนะกันบนเวทีหรือตายบนเวทีดวยทาสมาธินี้เทานั้น ทุกขมีมากเทาไรสติปญญาจะนอนอยูไมได ถาอยูเฉยๆ ทุกขก็ยิ่งบีบบังคับเขา ไปๆ อยากใหหายเทาไรยิ่งทุกขมาก จะทําไง มันก็ตองไดจับทุกขขึ้นเปนที่พิจารณาซิ เอา มันทุกขที่ตรงไหน ทุกขที่ตรงไหนมาก จิตจอเขาไปตรงนั้น สติจอที่ตรงนั้น ปญญา
ศาสนธรรมปลุกคนใหตื่น ๑๐๖ ๑๐๖ คลี่คลายดูตรงที่วาเปนทุกขนั้น กําหนดพิจารณาลงไปจริงๆ มันก็ประจักษใจวาอวัยวะ สวนตางๆ มันมีของมันอยูตั้งแตวันเกิดโนน ทุกขพึ่งมาปรากฏในเวลานี้ แลวทําไมวา อวัยวะสวนนั้นสวนนี้เปนทุกข มันหลอกเรานี่ อาการตางๆ มันมีอยูตามความจริงของ มัน ทุกขมันก็เปนความจริงของมันอันหนึ่งเทานั้น เชนเดียวกับไฟไดเชื้อ มันลุกลาม สงแสงพุงขึ้นจรดเมฆก็ตาม ไฟนั้นก็ไมทราบความหมายของตนวารอนหรือสงแสงไป ถึงไหน คนตางหากเปนผูไปใหความหมายในเปลวไฟนั้น อันนี้ความทุกขที่จะแสดงขึ้น มากนอยเขาก็ไมทราบความหมายของเขา ไมทราบตัวเองวาเขาเปนอยางไร เปนแตจิต นี้ไปใหความสําคัญมั่นหมายตางๆ กับเขา เมื่อไปใหในทางผิดก็เผาตัวเองเขาอีก ถาให ในทางถูก เขาใจตามความจริงของเขาดวยปญญาชอบ ทุกขก็สักแตวาทุกข กายสวน ตางๆ ก็สักแตวากาย ความรูคือจิตนี้ก็สักแตวาจิต แนะมันขาดกันที่ตรงพิจารณารอบนี้ แล ทุกขเมื่อเราพิจารณาเห็นความจริงอยางประจักษใจนี้แลว ทุกขก็ดับไปประการ หนึ่ง อีกประการหนึ่ง แมทุกขจะไมดับแตก็ไมสามารถจะประสับประสาน หรือทําจิตใจ ของเราใหกระทบกระเทือนไดเลย ตางอันตางจริง เมื่อตางอันตางจริงแลวก็ไมมีอะไร กระทบกระเทือนกัน ทุกขจะเกิดขึ้นมากนอยเราก็ดูไดอยางไมลําเอียง ดูไดดวยสติ ปญญาของเราอยางเต็มภูมิไมมีความสะทกสะทานหวั่นไหว เชนเดียวกับเราดูเปลวไฟที่แสดงเต็มที่อยูดวยความหางไกล ไมใหความรอน นั้นมาสัมผัสตัวเรา เราก็สนุกดู นี่เราดูทุกขเวทนาที่เกิดขึ้นภายในรางกาย จะมากจะ นอยเราดูดวยความมีสติรูรอบคอบแลว ทุกขก็ไมสามารถแผดเผาเราได ที่ทานวา อริยสัจเปนของจริง จริงอยางนี้ไมใชจริงดวยความจําไดเฉยๆ แตจริงดวยความรูความ เขาใจดวยปญญาจริงๆ แลวเราจะคานพระพุทธเจาไดที่ตรงไหน หาที่คานไมไดก็ตอง กราบทานอยางราบคาบเทานั้นซิ ตอนที่จิตพิจารณารอบหมดแลวนั้น จิตตองแสดงความสงาผาเผย ความองอาจ กลาหาญที่สุด เดนดวง ความสวางกระจางแจงก็เดน ความองอาจกลาหาญก็เดน เดน ทุกอยางขึ้นชื่อวาสิ่งที่พึงใจปรารถนา เดนขึ้นหมดในเวลานั้น เมื่อเปนเชนนี้เราจะไป ตําหนิทุกขก็ตําหนิไมลง ก็ไมทราบจะไปตําหนิเขาทําไมกัน เพราะเขาเปนความจริงของ เขาอยางนั้น รางกายสวนตางๆ ที่วาเขาเปนทุกขก็จะไปตําหนิไดลงคอยังไง เพราะเขา ไมไดเปนทุกข เขาเปนสวนนั้นๆ ของเขาตางหาก ตางอันตางจริง นอกจากจิตเราเปน
ศาสนธรรมปลุกคนใหตื่น ๑๐๗ ๑๐๗ บาหาเรื่องใสเขา แลวก็กอบโกยทุกขเขามาเผาตัวเทานั้น จึงไมมีอะไรที่นาชมในขณะ นั้น เมื่อพิจารณารอบแลวจิตก็เดนดวง นอกจากนั้นยังเกิดความอาจหาญไปถึง อนาคตคือวาระสุดทายของธาตุของขันธเออ เวลาจะตายนั่นนะ ทุกขเวทนาจะหนักเบา มากนอยเพียงไรจนถึงขนาดตาย มันก็เปนทุกขเวทนาตัวที่เรากําลังพิจารณาอยูเวลานี้ และตัวที่เรารูอยูเวลานี้จะเปนทุกขเวทนาหนาไหนมาหลอกเราพอใหลุมหลงมันนา มัน อาจหาญขนาดนั้น ทีนี้ความกลัวตายก็ไมมีปญหา จิตไมกลัว ความตายก็ไมมีปญหา เพราะเปนสวนผสมของธาตุ หมดกําลังของมันแลวก็ สลายตัวลงไปตามความจริงเทานั้น ถาความปลอมแลวก็วาเราเกิด แลวก็วาเราตาย แลวก็วาเราจะฉิบหายปนปไมมีอะไรเหลือ สิ้นสุดกันเพียงเทานี้ เราจะไมมีอะไรสืบภพ สืบชาติ ไดรูไดเห็นสิ่งนั้นสิ่งนี้ตอไปอีกเหมือนขณะที่เปนอยูนี้ นี่ความจอมปลอมของ จิตมันหลอกอยางนี้หากความจริงแลวไมหลอกไมเขยา ตายก็ทราบอยู สวนผสมคือธาตุขันธนี้สลายตัวลงไป ธาตุไหนก็ลงไปสูธาตุเดิม ของตน ดินก็ลงไปสูสภาพดิน ลม ไฟ น้ํา ก็ลงไปสูสภาพเดิมของเขาตามความจริง แม จะอยูในรางกายมันก็เปนธาตุ เปนสวนของใครของมันอยูนั้น เปนแตมาผสมกันเขา เปนรูปเปนราง ที่โลกใหชื่อวาเปนหญิงเปนชาย เปนเราเปนเขา เปนสัตวเปนบุคคล เพราะอํานาจของจิตอวิชชาเขาไปยึดครองตางหาก ความจริงจิตก็เปนจิตมาดั้งเดิมจะ เปนอะไรไป ความเสกสรรความสําคัญตางๆ ของกิเลสนั่นแลหลอกเรา เพราะฉะนั้น จึงตอง แกสิ่งหลอกลวงทั้งหลายออกดวยสติปญญา จนเขาใจตามความปลอมของมันประจักษ ใจแลวก็หายกังวล การปฏิบัติธรรมปฏิบัติอยางนี้และเวลารูก็รูอยางนี้ คําวาสนฺทิฏฐิโก ดังพระพุทธเจาประทานไวนั้นไมมีปญหา จะรูเอง ก็เราปฏิบัติ เองทําไมจะไมรูเอง ความรูความเห็นที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัตินี้พระพุทธเจาไมทรงผูก ขาด มอบไวกับผูปฏิบัติทุกคนจะพึงรูพึงเห็น ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิฺูหิอันทานผูรู ทั้งหลายพึงรูจําเพาะตน นอกจากทานผูรูแลวก็ไมมีใครจะรู คนมืดคนหลงจะไปรูไดยัง ไง รูธรรมนะ เราเคยอยูกับทุกขมานาน เราทําไมถึงกลัวทุกขอยูตลอดเวลา กลัวอยางหวั่น อยางไหว อยางไมมีทาตอสูใหเห็นความจริงของมันบางเลย ความกลัวนี้ก็ไมเกิด ประโยชนอะไรกับเราแมนอย นอกจากสั่งสมกิเลสเพิ่มแกเราเขาอีก และเพิ่มทุกขเขา
ศาสนธรรมปลุกคนใหตื่น ๑๐๘ ๑๐๘ ไปอีกเทานั้น เพราะความกลัวเปนตัวภัยทําใหเราเกิดความหวั่นความไหวไขวควาหา หลักยึดลมๆ แลงๆ จึงควรพิจารณาเรื่องความกลัวเหลานี้จนเห็นตามความจริงแลวก็ ไมกลัว ถารูความจริงแลวไมกลัว กลัวอะไร อะไรตาย จิตไมตาย สิ่งเหลานี้ก็สลายลง ตามสภาพของมัน นอกจากนั้นจิตที่ไดชําระสะสางตนดวยดีแลว ไมตองถามถึงภูมิอันดี ของจิต จิตดวงที่ดีอยูแลวไปที่ไหนก็ดีไมละความดีของตน เขาสูภพกําเนิดไหนก็ดีจะ เอากําเนิดเลวที่ไหนมาสวมจิตไดทั้งๆ ที่จิตดีอยู ภพกําเนิดใดที่เหมาะสมกับจิตที่จะ กาวเขาสูภพภูมินั้นๆ จิตจะกาวเขาเองเพราะจิตดีอยูแลว ของชั่วจะเขาถึงของดีไดยังไง ปจจุบันเปนอยางไร อนาคตเปนเครื่องสอถึงกัน เพราะฉะนั้น ทานจึงสอนใหชําระจิต เสียตั้งแตบัดนี้ ใหเห็นความจริงของจิตของธรรมแตยังไมตายเปนเหมาะที่สุด เอาจน เห็นตัวภพตัวชาติประจักษใจ เพราะตัวภพตัวชาติอยูกับใจเราเอง สิ่งที่กิเลสตัวหนา ดานสันดานเลวปฏิเสธเหยงๆ อยางไมมียางอายตอความจริงบางเลย เชนบาปไมมีบุญ ไมมีตายแลวไมไดเกิด คือตายแลวสูญเหลานี้ก็มีอยูในจิตดวงนี้จิตตองรูตองเห็น ปด ไมอยู เพราะมีอยูกับใจ รูขนาดกิเลสอาย หนาหงายหายหนาไปเลยไมกลามาแหยมได อีกนั่นแล เราแบกภพแบกชาติแบกกําเนิดเกิดตายมากี่กัปกี่ลานกัลป เรายังมาเปนปญหา สงสัยภพชาติในตัวเราอยูอะไรอีก ถายังไมเห็นก็จงมองดูตัวเราขณะนี้ซิ เห็นไหมนี่มัน ตัวภพหรือตัวอะไรกัน จะวาเราฉลาด ฉลาดที่ตรงไหน เพียงเรื่องของตัวที่คลุกเคลากัน อยูกับภพชาติไมทราบกี่ภพกี่ชาติเรายังไมสามารถทราบไดยังแบกความสงสัยอยูเต็ม หัวใจของผูเปนนักกอสรางชางรับเหมาการเกิดตาย แลวจะวาเปนคนฉลาดไดอยางไร จะวาเราฉลาดไดอยางไร ภพชาติอยูกับเรา ถาอยูนอกโลกนอกสงสารนั้นก็สุดวิสัย เรา ไมรูไดเพราะอยูหางไกลกัน แตนี่อยูตัวเราเองทุกรายไมมียกเวน เรื่องภพเรื่องชาติเรื่อง เกิดเรื่องตายนี้อยูกับเรา เราไมทราบไดวาเหตุที่จะเกิดเปนเพราะอะไร การเกิดมาเปน ภพนอยภพใหญดีชั่วตางๆ เปนเพราะเหตุไร ทั้งๆ ที่การเกิดการตายมีสาเหตุดวยกัน ทั้งนั้น แตเราไมสามารถทราบได จะเรียกวาเราฉลาดไดยังไง ถาไมเรียกวาโงเต็มตัว เพราะปญญาไมรอบตัวรอบใจจะเรียกวาไง ถาจะใหฉลาดเต็มตัวก็เรียนวิชาจิตนี้ใหดีให จบซิ จิตนี้แลเปนตัวการสําคัญ กิเลสอาสวะประเภทตางๆ ดีชั่วทั้งมวล บาปบุญคุณ โทษรวมอยูที่จิต ออกจากจิตนี้เปนกิริยาแหงการทํา ผลก็ยอนเขามาหาสูจิต เมื่อปฏิบัติ
ศาสนธรรมปลุกคนใหตื่น ๑๐๙ ๑๐๙ ชําระเขาไปดวยภาคปฏิบัติจิตตภาวนาโดยลําดับ จะสามารถทราบไดโดยไมตองสงสัย และไมตองถามใครซึ่งเปนการลบลวดลายของ สวากขาตธรรม ที่ตรัสไวชอบแลว ให เสียศักดิ์ศรี เพราะภาคจิตตภาวนาเปนภาคจะใหรูความจริงทุกสวนที่ไมตองถามใคร สนฺทิฏฐิโก บอกเอง มีอวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา ที่ฝงจมอยูในจิตเปนสําคัญในวงวัฏจิต พระพุทธเจาไมทราบสิ่งดังกลาวนี้ พระองคจะเอาอะไรไปสอนโลกละ เรื่องภพ เรื่องชาติ เรื่องบุญเรื่องบาปอันเปนสิ่งที่มีอยูกับใจ เปนสิ่งที่ใจจะรูจะเห็นดวยการ ปฏิบัติ เมื่อรูเห็นแลวก็นําออกมาพูดไดเต็มปากไมสะทกสะทาน ดังพระพุทธเจาสอน โลกทานสอนตามสิ่งที่มีอยูเปนอยู ซึ่งเปนความจริงลวนๆ ทั้งนั้น เปนแตโลกไมรูไม เห็นตามสิ่งที่เปนที่มีนั้นเทานั้น จึงยุงนุงนังไมจบสิ้นกันเรื่อยมา นอกจากไมรูไมเห็น แลวยังมีการปฏิเสธ แตการปฏิเสธดวยความไมยอมรับตามหลักธรรมคือความจริง นั่น ไมทราบวาไดความรูความฉลาดมาจากไหน ถาไมไดมาจากอวิชฺชาปจฺจยา พาสัตวให มืดบอดจอดจมจะไดวิชชาวิเศษมาจากไหน นั่นยอมรับทันที ไมคิดอานไตรตรองพอใหกิเลสเสียเวลารอฟงบาง เชนไมเชื่อบุญวามี ไมเชื่อ บาปวามีไมเชื่อนรกสวรรความี ความรูนี้ไปเอามาจากไหน ถาไมเอามาจากคลังกิเลส ดังกลาวแลวนะ ถาวาไปรูไปเห็นความไมมีมาแลวจึงมาบอกเพื่อนมนุษยก็เปนอีกอยาง หนึ่ง นี่ทั้งๆ ที่ไมรูก็ดนเดาเชื่องาย ฝายที่หวานปาก หวานคอ หวานลิ้น ก็คือกิเลสวัฏฏ นั่นแล จะเปนเราเปนทานที่ไหน ฉะนั้นจึงอยามัวเพลินฟงเพลงกลอมของมันไปชานาน จะเสียการณจะวาไมบอก เรื่องของกิเลสโลกยอมเชื่องาย ถาเปนเรื่องของธรรมสัตวโลกไมคอยเชื่อและ เชื่อไดยาก เพราะถูกปดบังถูกกีดกันจากกิเลสมารภายในใจ ทําใหจิตใจปลอมไปทั้ง ดวง ความจริงเขาซึมซาบไมได กิเลสไมยอมตอนรับ ถาของปลอมแลวรับกันวันยังค่ํา คืนยังรุงไมมีคําวาปดประตูพอแลว กิเลสกับใจกลมกลืนเปนอันเดียวกัน นอนอยูดวย กันกินอยูดวยกัน จมอยูดวยกันไมมีวันมีคืนเลย ไมมีขึ้น มีแตจมดิ่ง กิเลสชอบ เพราะ ใจกับกิเลสเปนอันเดียวกัน ของจริงถึงแทรกเขาไมได เรายังมีความเชื่อความเลื่อมใสตอพระพุทธเจาอยูแลว เราประพฤติปฏิบัติคน หาความจริงซึ่งมีอยูกับตัวของเราทําไมจะไมพบ ทําไมจะไมรูทําไมจะไมเห็น ปราบลง ไปซิพญามารภายในใจดังกลาวมา ปราบพญามารตัวพาใหมืดมิดปดใจออกแลว ความ สวางแหงธรรมจะแสดงออกมาเอง และยอมรับตามสิ่งที่มีที่เปนนั้นๆ โดยลําดับจน ตลอดทั่วถึง
ศาสนธรรมปลุกคนใหตื่น ๑๑๐ ๑๑๐ อะไรเปนสาเหตุใหเกิดภพนอยภพใหญ สาเหตุใหดีใหชั่วใหโงใหฉลาด มันเปน มาจากไหน จงพิจารณาดวยปญญาจะทราบกับตัวเอง วิธีการปฏิบัติของจิตตภาวนาจะ ไมหนีจากจุดนี้เลย เมื่อพิจารณาเขาไป ปญญาจะเขาไปถึงจุดนี้แหละ ปดกั้นไมอยู จะ เปดเผยออกโดยลําดับ อะไรจะใหเกิด ใหดีใหชั่วตางๆ เปนเพราะอะไร ทราบชัดๆ เขา ไปตามลําดับ เอา สาเหตุที่จะใหเกิดไมวาภพนอยภพใหญ ภพดีขนาดไหน เชน พรหม โลกหรืออรูปภพ ซึ่งถือวาเปนภพละเอียด ก็สามารถทราบไดภายในใจวามีอะไรเปน สาเหตุใหเกิดในภพนี้คนเขาไปจะรูหมด รูเขาไปจนกระทั่งไมมีภพ ไมมีอะไรเหลือภาย ในจิตเลย หมดเรื่องเกิดๆ ตายๆ หมดเชื้อที่จะใหเกิดในภพนอยภพใหญภายในจิต ก็ ทราบไดชัดวาหมด ทีนี้หมดแลว หมดปญหาโดยสิ้นเชิง เรื่องความเกิดความตายนี้เปนปญหาใหญโตมาก จากจิตดวงเดียวนี้เทานั้นที่ หลงตัวเอง เมื่อมาทราบเรื่องของตนพรอมทั้งตนเหตุที่ตนเปนผูสั่งสมมาดวยเหตุใด อยางชัดเจนแลวก็หมดปญหา นี่เรียกวิชาจิต คือเรียนเรื่องตัวเองเรียนอยางนี้รูเรื่องตัว เองรูอยางนี้ใครจะวาโงวาฉลาดก็ตาม ถาเรียนเรื่องของตัวจบแลวเปนจอมปราชญ ดัง พระพุทธเจาแลสาวกทานเปนจอมปราชญทั้งนั้น ไมจําเปนตองหาใบประกาศนียบัตร มาแขวนคอเหมือนขิกเหมือนขอก็ไดนี้เรียนเพื่อรูจริงๆ ตองรูอยางนี้ ธรรมของพระพุทธเจาจริงอยางนี้แล ทาทายดวยการพิสูจน เอา พิสูจนซิถาตั้ง ใจจะพิสูจนจริงๆ จะเห็นความจริงจากการพิสูจนดวยหลักธรรมะของพระพุทธเจาโดย ภาคปฏิบัติไมสงสัย เรื่องความเกิดความตาย นรก สวรรคอยาไปหาพิสูจนดวยการดน เดาคาดคะเน แลวเอาเรื่องบาๆ บอๆ มืดๆ ดําๆ มาพูดกันหลอกกันไปวันยังค่ําหา ความจริงไมไดเหมือนกระตายตื่นตูม ขาหักไปเปลาๆ นั่นแหละ ถาพิสูจนเขาหาความ จริงดวยการปฏิบัติตามหลักธรรมภาคจิตตภาวนา ความจริงมีอยูทําไมจะไมรูไมเห็น พระพุทธเจารูจากความจริงอันนี้ สาวกทั้งหลายรูจากความจริงอันนี้แทๆ ธรรมทานก็ สอนไวแลวเพื่อความจริง ธรรมก็เปนความจริงอยูแลว ทั้งสอนเพื่อความจริงดวย ความจริงก็มีอยูดวย ผูปฏิบัติก็ปฏิบัติจริงดวย ทําไมเราจะไมรูไมเห็น ตองรูตองเห็น ทานผูเรียนจบแลวทานแสนสบาย คือเรียนเรื่องของจิตจบแลวแสนสบาย ไมมีอะไรจะสบายในโลกทั้งสามนี้เทาการเรียนจิตจบ ทานจึงวาเหนือโลก โลกุตรธรรม ธรรมเหนือโลก ก็คือจิตเหนือโลกสมมุติทั้งปวงนั่นเอง แตกอนอยูใต อํานาจของกิเลส ถูกกิเลสเหยียบย่ําทําลายทั้งวันทั้งคืนไมมีการลดหยอนผอนคลาย จิต
ศาสนธรรมปลุกคนใหตื่น ๑๑๑ ๑๑๑ เรียกรองหาผูชวยเหลือแสนทุกขทรมานอีกทางหนึ่ง เวลาไดรับการชวยเหลือเต็มที่ก็ หลุดพนไปไดโดยสิ้นเชิงไมมีอะไรเหลือ เปนอิสระเต็มตัวตลอดอนันตกาล เอาละการแสดงธรรมเทานี้เหนื่อย
ศาสนธรรมปลุกคนใหตื่น ๑๑๒ ๑๑๒ เทศนอบรมฆราวาส ณ วัดปาบานตาด เมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๑๙ อํานาจแหงความดี เวลาอยูในที่สงัด เราบําเพ็ญภาวนา จิตใจที่มีความสงบเปนขั้นๆ ขึ้นไป จน กระทั่งถึงจิตที่บริสุทธิ์เต็มดวงแลวนั้น จะมีเสียงมีอะไรกระทบกระเทือนก็ตาม เชน เสียงนก เสียงกา แมที่สุดเสียงรองรําทําเพลงเชน เขารองรําทําเพลงอยูในหมูบานดวย เครื่องกระจายเสียงก็ตาม เสียงนั้นจะเพียงแววๆ อยูภายนอก ไมสามารถจะเขาไปถึง ความรูที่เดนชัดอยูภายในนั้นไดเลย เฉพาะจิตที่บริสุทธิ์ดวยแลวเปนหลักธรรมชาติ เสียงที่ผานเขามานั้นจะเปน เพียงผิวเผิน เพียงแย็บๆ เทานั้น จะไมเขาในวงแหงความรูนั้นไดเลย แตจิตที่ลดหลั่น กันลงมานั้นอาจจะเขาไปเกี่ยวของไดบาง หรือเกี่ยวของไดตามขั้นของจิตที่มีความเขม แข็งและออนแอตางกัน นี่หมายถึงจิตที่มีความทรงตัว มีรากมีฐานพอเปนหลักของตน ไดไมเหมือนจิตที่ไมมีอะไรเปนเครื่องยึดเลย จิตประเภทนั้นคอยที่ยึดสิ่งนั้นสิ่งนี้อะไร ผานเขามาตองเขาถึงๆ ซึ่งเปนเรื่องรบกวนทั้งนั้น เพราะฉะนั้น ในขณะที่เราภาวนา ตอนที่เรายังไมไดหลักเกณฑภายในจิตใจนี้ เสียงเปนตนจึงเปนภัยตอความตั้งใจของเรา เปนภัยตอการภาวนาของเราอยางมาก มาย ถึงกับภาวนาไมไดเรื่องเลยก็มีเพราะเสียงรบกวน เสียงมันเขาไปกังวานอยูใน ความรูเสียทั้งหมด เมื่อความรูมีเสียงเขาไปสอดแทรก มีเสียงเขาไปทําลายแลว อรรถ ธรรมที่จะพึงรูพึงเห็น หรือความสงบ หรืออารมณแหงธรรมที่ตนกําลังนึกบริกรรม ภาวนาอยูนั้นก็หลุดลอยไปหมด เหลือแตความรูกับสิ่งเหลานั้นเขามาคละเคลากันวุน กันไปไมไดเหตุไดผล ไมไดความสงบเย็นใจเลย นี่ผิดกันอยูมากระหวางจิตธรรมดาที่ ยังไมไดหลักฐานกับจิตที่ไดหลักฐาน จนกระทั่งจิตที่พอตัวแลว มีเหลื่อมล้ําต่ําสูงตาง กันอยูมากมาย ฉะนั้น เราจึงไดเห็นคุณคาของการอบรมจิตใจบุคคลคนเดียวกันนั่นแล เวลาที่ จิตเปนจิตธรรมดา ซึ่งยังไมไดหลักไดเกณฑอะไรเลยนั้นมันเปนอยางที่วานี้ อะไรผาน เขามามันคอยจะรับกวานเขามาเปนสื่อเปนทางไดเปนอยางดี ตัวจิตเองนั่นแหละเปน สื่อคอยรับเรื่องทั้งหลายเขามาภายในตัว ทั้งๆ ที่เราไมอยากรับ แตธรรมชาติอันหนึ่งที่ เหนือเรามันคอยจะตอนรับ ตองการตอนรับ อยากตอนรับและตอนรับตลอดเวลา
ศาสนธรรมปลุกคนใหตื่น ๑๑๓ ๑๑๓ คราวนี้พอมีธรรมเปนเครื่องดื่ม มีธรรมเปนหลักใจพอเปนกําแพงไดบาง เสียงเหลานั้น ก็ประปรายไมคอยมีฤทธิ์มีอํานาจมาก ไมคอยเขามาแทรกมาสิง มาทําลายจิตใจไดเต็ม ที่เหมือนอยางแตกอน นี่เราก็พอเห็นคุณคาของจิตอีกขั้นหนึ่ง พอจิตมีความมั่นคงเขาไปโดยลําดับ แมจะยังไมถึงความสิ้นสุดวิมุตติก็ตาม ก็ ยิ่งเห็นความชัดเจนของจิตที่เดนภายในตัวเองกับสิ่งภายนอกที่เขามาเกี่ยวของ เหมือน อยางขโมยเดินมาเลียบๆ บริเวณบานขางนอกเรา เขาไมกลาที่จะเขามาภายใน เดิน เลียบๆ เคียงๆ อยูขางนอก ลอบๆ มองๆ เพียงเทานั้นก็ผานไปๆ ไมเขามาถึงบริเวณ ภายในบานเราได จิตที่เปนหลักธรรมชาติตายตัว ไมเกี่ยวเกาะ ไมยึด ไมซึมซาบอะไรเลย เพราะ ความพอตัวแลวจากสมมุติทั้งหลาย จิตประเภทนั้นแมอะไรจะมาผาน มันก็สักแตวาเทา นั้น เราพูดไดสักแตวาผาน จะเปนความนินทา ความสรรเสริญ เสียงรื่นเริงบันเทิง เสียงอะไรก็ตาม เปนแตเพียงรับทราบแย็บๆ แลวผานไปๆ พรอมในขณะนั้น คือดับ ไปพรอมๆ โดยหลักธรรมชาติซึ่งเราไมบังคับบัญชาจิตใจใหดับ หรือไมมีความจงใจที่ จะดับสิ่งเหลานั้น บังคับสิ่งเหลานั้นไมใหมาเกาะเกี่ยวกับจิตเรา แตมันเปนธรรมชาติ ของมันอยางนั้น นี่เราจึงไดเห็นความแปลกตางของจิตเราดวงเดียวนี้เปนลําดับๆ มา ตั้งแตขั้นจิตธรรมดาถึงขั้นเริ่มแรกแหงการปฏิบัติธรรม ตลอดมาถึงขั้นสมบูรณเต็มภูมิ ของใจ ใจจึงเปนสิ่งสําคัญ พระพุทธเจาทรงประทานพระโอวาทไวทั้งหมด ทรงมุงหวัง ตอจิตใจเทานั้นเปนสําคัญกวาอยางอื่น เพราะใจเปนนาย ใจเปนหัวหนางานทุกแผนก เรียกวาใจเปนนาย กายกับวาจานี้เปนบาว กิริยาอาการจะแสดงออกในลักษณะใด ขึ้น อยูกับใจเปนผูบงการ เมื่อใจไดรับการอบรมที่ถูกตองตามหลักอรรถหลักธรรมแลว ยอมจะสามารถยังความเคลื่อนไหวของกาย วาจาใหแสดงออกในทางที่ถูกทางเสมอไป และไมเปนพิษเปนภัยแกตนและผูเกี่ยวของมากนอย จิตจึงเปนสิ่งสําคัญที่ควรจะไดรับ การอบรม เราทุกคนมีฐานะที่จะอบรมจิตใจไดดวยธรรมของพระพุทธเจา เฉพาะอยางยิ่ง เราก็มีฐานะพอสมควรไมยุงเหยิงวุนวายจนเกินไป ไมถูกบังคับเสียจนกระทั่งไมมีเวล่ํา เวลาจะประกอบคุณงามความดีใหทาน รักษาศีล เจริญภาวนา เราพอเปนไปไดแมจะมี งานการเหมือนโลกทั่วๆ ไปที่เขามีกันก็ตาม แตเราก็มีเวลาที่จะหลบหลีกปลีกตัวใน เวลาใดเวลาหนึ่ง เพื่อประกอบจิตใจของเราใหมีความสงบรมเย็นไดเวลาที่เรายังมีชีวิต
ศาสนธรรมปลุกคนใหตื่น ๑๑๔ ๑๑๔ อยูนี้ เปนเวลาที่แนนอนเห็นประจักษกับตัวเราเอง เราทําไดทุกอยาง แมกระทั่งความ ชั่วเรายังทําไดขณะที่มีชีวิตอยูนี้เหตุใดเราจะทําความดีไมไดในชีวิตอันเดียวกัน ความดีเปนสิ่งที่ทั่วโลกประสงคปรารถนากันทั้งนั้น เราไดเขามาชองแหงความดี นี้แลว เราจงพยายามเดินตามแนวทางแหงความดี หรือสืบทอดความดีนี้ไวใหไดตาม สติกําลังของเรา อยาปลอยใหเวล่ําเวลา เดือน ปนาทีโมง กินไปเสียเปลาๆ ในวันหนึ่ง ขณะหนึ่งมีแตเวล่ําเวลากินไปๆ กินไปจนกระทั่งชีวิตของคนทั้งคนไมมีอะไรเหลือเลย โดยไมเกิดประโยชนอะไรอยางนี้แสดงวาเรานี้ประมาทจนเกินตัว การที่เราไดบําเพ็ญคุณงามความดีมาโดยลําดับลําดาเชนนี้ ชื่อวาเราไมประมาท เรารูสภาวะความเปนอยูของโลกนี้อยูใตกฎ อนิจฺจํดวยกัน จะตองมีความแปรสภาพไป เรื่อยๆ แมตัวของเราเองก็มีความแปรปรวนไปอยูเสมอ กระทั่งถึงวาระสุดทาย จนไมมี อะไรจะแปรอีกแลวนั้นแลถึงจะหมดปญหากันไป คือคนตายแลว หมดทางมันจะแปร ไปอะไร เพราะหมดความรับผิดชอบกันแลว นั่นสุดวิสัย จะทําอะไรก็ทําไมไดขณะนี้ เปนเวลาที่เราทําได ใจเปนสิ่งสําคัญมาก เมื่อไดบําเพ็ญจิตใจของเราใหมีความหนักแนน เฉพาะ อยางยิ่งจิตตภาวนาปรากฏขึ้นภายในจิตแลวนั้น จะเปนสิ่งที่แนใจประจักษใจ อาจหาญ ภายในตัวเอง อาจหาญตอความเปนอยูในปจจุบันดวย อาจหาญตออนาคตที่จะเปนไป ขางหนา ภพหนา ชาติหนาดวย ไมมีความกลัว ไมมีความหวาดเสียวใดๆ ทั้งสิ้น เพราะ ประจักษภายในใจวา กําลังของเรามีอยางไรบางอยูแลว เชนเราเดินเขาไปในปาแตตัวเปลาๆ นี้มีความหวาดกลัวมาก ถามีศัสตราวุธติด ตัวไปดวยแลวก็มีความอาจหาญ ยิ่งมีอาวุธที่ทันสมัยเขาไปโดยลําดับดวยแลว ก็ยิ่งมี ความกลาหาญชาญชัยตอสิ่งตางๆ ที่ถือวาเปนภัย เราสามารถจะปราบปรามไดหมด ผู นั้นอาจหาญ ความดีของเรานี้แหละเปนเหมือนกับอาวุธที่ทันสมัย อาวุธเหลานี้สําหรับปราบ สิ่งที่เราไมพึงปรารถนา คือความทุกขยากลําบากตางๆ ที่จะประสบพบเห็นดังโลกทั่วๆ ไปประสบกัน สัตวโลกหลีกเวนไมไดในเรื่องความทุกขมากนอย ตามแตกรรมของตนที่ ทําลงไป ทีนี้กุศลธรรมเราไดสรางโดยลําดับมา จนกระทั่งมารวมอยูภายในจิตดวงเดียว นี้แลวเราก็ไมหวาดกลัวมาก และไมกลัว ผลแหงทานที่เราทําไปมากนอยก็เขาไปอยูที่จิต ศีล อํานาจแหงการรักษาศีล เจริญเมตตาภาวนามากนอย รวมเขาไปอยูที่จิต เลยไปเต็มอยูที่จิต ประจักษอยูที่จิตนั่น
ศาสนธรรมปลุกคนใหตื่น ๑๑๕ ๑๑๕ ละ เหมือนกับไดเครื่องมือที่ทันสมัย ยังเปนอยูก็อาจหาญ เวลาจะตายก็ไมสะทก สะทาน ตายแลวจะไปเกิดในภพใดชาติใดก็ไมหวั่นไหว ไมกลัว เพราะเหตุไร เพราะ ธรรมชาติที่มีอยูภายในจิตใจ ไดแกใจของเรานี้เต็มไปดวยความดีอยูแลว เต็มไปดวย ความรื่นเริงบันเทิง เพราะอํานาจแหงความดีที่หลอเลี้ยงอยูภายในจิตใจเรา เราจึงไมมี ความหวั่นไหวพรั่นพรึงกับสิ่งใด ตายไปก็เปนสุคโต นี่อํานาจแหงความดีที่ผูบําเพ็ญได บําเพ็ญเต็มสติกําลังความสามารถของตน ยอมจะทําผูนั้นใหมีความรื่นเริงบันเทิงทั้ง ปจจุบันที่มีชีวิตอยู และอนาคตที่จะแปรสภาพไป ดังที่โลก อนิจฺจํ เปนกันเรื่อยมา จะ เกิดในภพใดชาติใดก็ตองเปนภพเปนชาติของผูมีบุญตองไปเกิด ไมใชไปเกิดแบบผูมี บาป มีความทุกขรอนทรมานอยูทั้งโลกนี้และโลกหนาอยางนั้น บุญ ทานจึงวาเปนความสุข ถากลาวโดยเหตุก็เปนเครื่องชําระสิ่งที่ไมดีทั้งหลาย ออกจากตน เหมือนกับน้ําที่สะอาด ชําระสิ่งสกปรกโสมมทั้งหลาย ถากลาวโดยผลก็คือ ความสุข ความสุขนี้ไมวาโลกไหนๆ สัตวประเภทใดไมมีใครรังเกียจ มีแตผูตองการ ดวยกันทั้งนั้น การสรางคุณงามความดี จึงมีความมุงหวังตอความสุขความเจริญโดยถายเดียว ความสุขจะเกิดขึ้นมากนอยดวยอํานาจแหงเหตุอันดีที่เราทําลงไป เมื่อทําลงไปไดมากๆ สั่งสมไปทุกวันทุกเวลาไมประมาทนอนใจแลว ความดีก็ยอมเพิ่มพูนขึ้นโดยลําดับ ถึง วาระที่จะไปก็ไปอยางผาสุกสบาย ทานวา อิธ นนฺทติอยูในโลกนี้ก็รื่นเริงบันเทิง เปจฺจ นนฺทติ แมละโลกนี้ไปแลวก็ไมเปนความลมจมเหมือนอยางโลกทั้งหลายคิดกัน แตไป เพื่อความกาวหนา คือสุคโตเปนที่ไป อยูดวยความรมเย็นเปนสุข เกิดในภพใดชาติใดก็ มีความรมเย็นเปนสุขในภพชาตินั้นๆ เพราะจิตนี้ไมอันตรธาน ไมใชเปนผูสูญหาย ไมใชเปนผูฉิบหาย เปนผูทรงภพ ทรงชาติไวเสมอมาตั้งแตกาลไหนๆ จนกระทั่งบัดนี้ และจะเปนผูทรงภพทรงชาติดีชั่ว ไปเรื่อยๆ ตามอํานาจแหงกรรมและวิบากแหงกรรม จนกวาจะถึงความสิ้นสุดวิมุตติ พระนิพพาน จิตนั้นจึงกลายเปนจิตที่ทรงอรรถทรงธรรมและเปนธรรมทั้งดวงตลอดไป เพราะฉะนั้น เราจึงตองสรางความดีเอาไว เพื่อจิตนี้จะไดมีเครื่องสนับสนุนใหทรงภพ ทรงชาติที่ดี มีความสุขความเจริญในภพตอไป เมื่อวาระสุดทายอํานาจแหงกุศลถึง พรอมแลว ก็ผานพนไปไดโดยไมมีอะไรเกาะเกี่ยว ภพชาติตางๆ ไมเกี่ยวของเลย ถึง ความเปนตัวของตัวโดยสมบูรณแลว ไมตองอาศัยภพใดชาติใดเปนที่พึ่งที่ยึดที่อาศัย อีกตอไปตลอดอนันตกาล
ศาสนธรรมปลุกคนใหตื่น ๑๑๖ ๑๑๖ ความสุขที่เราเคยไดรับมาใดๆ ก็ตาม สูความสุขที่เกิดจากจิตที่บริสุทธิ์ลวนๆ ไมได ความสุขนั้นเปนความสุขโดยหลักธรรมชาติซึ่งปรากฏอยูกับจิตเอง ความสุขนั้น ไมมีความแปรปรวน ไมอยูในกฎแหงอนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา ดังความสุขความทุกขทั้ง หลายที่เปนอยูในโลก อนิจฺจํทุกฺขํอนตฺตา นี้นี่ผิดกัน เพราะฉะนั้น พระพุทธเจาก็ดีพระสาวกก็ดีเมื่อทานปรินิพพานไปแลวทานจึง ไมมีภพมีชาติอีกตอไป ทานทราบแลวขณะที่ทานบรรลุธรรมหรือตรัสรูธรรม ดังพระ พุทธเจาเราตรัสรูธรรม สาวกทั้งหลายบรรลุธรรม คือ บรรลุถึงความพนทุกขโดยสิ้นเชิง พนทั้งภพทั้งชาติเกิดแกเจ็บตาย พนทั้งความทุกขความลําบากทั้งภายในกายในจิต ที่ จะเกิดในภพนั้นๆ ดวยอํานาจกิเลสพาใหเกิดไมมีเลย เปนบรมสุข คําวานิพพานเที่ยง ก็หมายถึงจิตที่ชําระสิ่งที่เปนกฎ อนิจฺจํ ซึ่งแทรกสิงอยูภาย ในจิตใจออกหมดแลว จิตก็เที่ยงเทานั้นเอง จิตเที่ยงก็คือจิตที่บริสุทธิ์ เมื่อจิตเที่ยงก็วา นิพพานเที่ยงเขาในอันเดียวกันนี้ เราจะไปหานิพพานที่ไหน เมื่อเจอจิตที่บริสุทธิ์แลวก็ เขาใจทันทีไมตองถาม ไมตองอยาก เราจะเคยอยากเคยหิวแทบลมแทบตายก็ตาม เชน อยากไปสวรรคอยากไปพรหมโลก อยากไปนิพพาน ความอยากนี้เปนมรรคที่จะใหเรา เกิดความอุตสาหพยายามวิ่งเตนขวนขวายเพื่อจะไปภูมินั้นๆ แตเมื่อเต็มภูมิแลว สวรรคก็ผาน พรหมโลกก็ผาน แมนิพพานก็ไมอยาก อะไรเปนนิพพานก็รูเสียภายใน จิตใจนั้น คําวานิพพานนั้นเปนชื่อสมมุติอันหนึ่ง ธรรมชาติของนิพพานจริงๆ นั้นคืออะไร ก็รูประจักษอยูกับจิตนี้เสีย ความหิวโหยซึ่งเคยรบกวนใหอยากเสาะแสวงหาเพื่อไป นิพพานนั้นก็หมดไป ความอยากไมมีเมื่อความอยากไมมีแลวอะไรจะมากวนใจ ไมวา ความอยากดีไมวาความอยากประเภทใด เชน ความอยากเปนกิเลสตัณหาก็เปนเรื่อง กวนใจ ความอยากไปในทางที่ดีซึ่งเปนมรรคก็เปนเรื่องรบกวนเหมือนกัน แตความรบ กวนอันนี้เพื่อจะใหทําทางที่ดี มันก็เปนขอกังวลความกังวลอยูเหมือนกัน เพราะเปน งานที่เราจะตองทําเพื่อความพนทุกข เมื่อไดผานพนความอยากอันนี้ไปทั้งหมด ถึงที่ตนประสงคที่ตนตองการแลว ความอยากทั้งหลายก็หายไปในทันทีทันใด เชนเดียวกับเราอยากมาวัดปาบานตาด มี ความมุงหมายตั้งแตออกเดินทางทีแรก มุงตอวัดปาบานตาดเรื่อยมา พอถึงวัดปาบาน ตาดแลวเทานั้น ความอยากไปวัดปาบานตาดก็หายไป นี่จะวาเราประมาทไหม ทั้งๆ ที่ เราอยากมาวัดปาบานตาด พอถึงวัดปาบานตาดแลวความอยากนั้นหายไป
ศาสนธรรมปลุกคนใหตื่น ๑๑๗ ๑๑๗ ความอยากไปนิพพานก็เชนเดียวกัน เมื่อถึงธรรมชาติที่แทจริงที่เรียกวาเปน นิพพานนั้นแลว จะอยากไปไหนอีก ความอยากไปนิพพานก็หมด เพราะเมื่อถึงจุดแลว ก็หมดไปดวยกันไมวาอะไรทั้งสิ้น อยากรับประทานคือ ความหิว ความอยาก พอรับ ประทานอิ่มแลวความหิวก็หมดไปแลว จะอยากอะไรอีกมันอิ่มแลว นี่เมื่อจิตอิ่มตัวก็ เปนอยางนั้นเหมือนกัน นี่อํานาจแหงการอบรมจิต จิตจะมีความเปลี่ยนแปลงตัวเอง กาวเขาสูความละเอียด ความดีเปนลําดับๆ ความดีอยูกับจิต ไมไดอยูกับที่วาอดีต อนาคต สิ่งที่ลวงมาแลวและวันหนาหรือ กาลหนาตอไป ภพหนาชาติหนาที่ยังไมมาถึง ขอใหจิตซึ่งเปนตัวสําคัญในตัวเราและรับ ผิดชอบนี้ดีเถอะ อยูไหนก็ผูนี้แหละจะเปนผูดี ถาจิตนี้ไมดีเสียอยางเดียว จิตนี้เปนตัว สั่งสมบาปสั่งสมกรรมตางๆ กอความเดือดรอนใหแกตนและผูอื่นตลอดเวลาแลว จะ หวังภพใดชาติใดก็มีแตความหวังเฉยๆ แตสิ่งที่จะสนองความตองการยอมจะเปนผลที่ เกิดจากตนทําไวนั่นแล จะตองไปเจอตั้งแตความทุกขความเดือดรอนในอนาคตโดยไม ตองสงสัย เพราะฉะนั้น การปรับปรุงแกไขจึงตองปรับปรุงที่ตัวของเรา ไมไดปรับปรุงที่ อดีตอนาคต ไมไดปรับปรุงที่วันเวล่ําเวลา สถานที่นั้นสถานที่นี้ ภพนั้นภพนี้ แตปรับ ปรุงตัวของเราใหเหมาะสมกับความดีงาม เมื่อปรับปรุงตนใหเหมาะสมกับความดีงาม แลว ไปอยูที่ไหนก็คือผูดีงามนั้นแล จะเปนผูทรงความสุขความเจริญดวยอํานาจแหง ความดีงามนั้นๆ พาใหเปนไป จงมีความตั้งมั่นและมีความแนใจที่การปรับปรุงตัวใหดี แตบัดนี้จะไมเสียใจในภายหลัง ทั้งจะภูมิใจในตัวเราเองขณะที่มีชีวิตอยูนี้ การปฏิบัติศาสนานั้น ปฏิบัติใจเปนสําคัญ ใหพยายามสังเกตใจของเราใหดี เมื่อใจดีแลว ไปที่ไหนก็ไปเถอะคนเรา ไมไดวิตกวิจารณ ไมไดเดือดรอนวุนวาย มีแต ความสุขความสบายเปนที่รองรับทุกกาลสถานที่ไมสงสัย เอาละ การแสดงธรรมก็เห็นวาสมควร ขอยุติเพียงเทานี้
fl ffifflfffi !" #fl$%fl&'ffff() *+ % ()#,$$ ff-+ %ff. ff-/ 'ff + %+fi%ffi0ffiffl) ' 12ff)00+ ' fl $ + % ffi0ffiffl)ff-+ % 3ffl)0ff.%# 456 3 466466 )ff0' 0 78 fflff-ffi0()#,$+$+3- fi%&ff+3- 7'%'9 % 7'6&%'6&%'6 fi%+ffi3- 7fl32&0:(3'(3;%9 4 3- 7fl0:6% fl &' &%'6 /203- 7flff0:35' &' ff%6456+ /203- 7flff0: 35'&7' fl &' /20fl/ffi'456#2<+& &4' &()4' #+ff+3-6 3ff+ % 3+ % fl $#fl''ff &%6 7fl(3'6 / )0 )< ff/20 fl $'<4+3 )*5'fl $' ffl/20# 7fl flfflfl%&& ff-+ % fl 3 &0+035'%+ % fl<% =5'#4' &$%(12ff #2ff2 + % + % 2& &$%&%'6 32ff fi74' ff- /%,$)0 $ 3- 6'&)7)76'#3 fffl4+$ 7fl(3'69 '#,$ *5'4'*5' 7fl :>':fl % *5' ()*5' ()?2 ,$)0$ 4669 ff-fl() () fl * ff&ffi&'+ ff- *$ # 469456++)*5' 46 $' ffl+ % 7'( 3 (12ff&ff%7 ffl7 ff-() #,$ *$&ff.77 &ffflfl &fl ?24',$ .776 )5'ff.ff - -- 3%&'ffi0ffiffl)4''.77 - - 8- ff<2'fl */2 '$3- )- :$ 7ffi0& /2< '$'3-- ffi0&6ff ' 12ff+&%'20&ff'4' &7' ff%'@A 3 ffl+ % 6+ % 44'' ' - :$ 74' 'flff /%)77 &4' 12ff)0 *4()( 46( '3&7&ffff / 'ffi0'fl */ '+&%'*5'()fflff46fflff:$ 74' /204'() *
4'ffi0'fl+*+ % () &&%'& ff-+ % fl 3 &0+2& + %,70+ff3 fl<% / 'ff 6#ff4' + %(fi% / / '$3-)7 &$%)74',$$,$3- %6 fl<% 63 &*5' ff77& 35'9/ 'ff'fl fl fi/ 'ff'ff0ffiB7.77ff20 fi < 6#ff35'9 4' %&ff% fl fl< ' # 0=5'ff )ff /:&(ffi0&4'ffi0ffiffl) (312ff+3-+&7 )ffff77&ff'/ 'ff4'ffi0ffiffl) ffi0ffiffl)'/ '7ff20 ff** ff/fffl ,70ff%'9 =5' &$%ffff&)()4' 6'ff %' 7 ff<ffl'3ff<ffi-; 7'(3 ff./20)7;'ff' 456&7*$ff' flff4' &ff% #ff'/ 'ff&ff4' ffi)0(34*5' / 7 + 6'/%7ff20fi<+#2< =5' ()#ff8 <fl;)0' 6'32&+/20.77 + ffi0?06fl<%()ff- ff-)5'#4'fl$%flfl$%fl&'ff&%'&7'+ % 7'( )03 0 &7'ff%()ff 3 0 %ff*#:fi0ff-#:fi03 0 ffl fl()#:fi03 0 % &%'&7' + %%)0# 46( ()# :fi0 ()#,$ ()#,$' 69 + fl *4'() )0 * + ff&25ff63&20& ffi/&ff)fffl<% 6+ %ff-/ '*5'ff ff /2% ff ff0< fl ff07ff fl fl7ffl'4'() )0#fffl7'ff- 'fiff- fl7 ff2'9+ %##fiff- %&ff%ff flffff0<6/2#/ %/3%'ff 'ff 6/2#ffi%/ %/3%',2Cfi6'32& 6/2#,$,27,2456 fl ff ff0<fl fl7:&(()%&ff% 1ff fl7%&ff%ffffl2ff fl7+ % %&ff%ffffl2ff fl7ff2'9%&ff% +/ff%fl fl76# 3ffl7 /ff/3%'ff 'ff %'9fi+ % 0 %+ %)ff6ff-0&ff 'ff&) ()#,$ ''ff 0&ff 'ff&)#ff<ffi$ <fiffi$fi <ff2'9 ffi$ff2'9 #ff77&/3%'ff 'ff 35'9%&ff%ff 6'6ff ff ff-#4'fl$%flff ff ' ffi$*5'32ff8fl)7()/2' fl ffl%'3 &(3 12ff+%() fl <fl;&%'+/2 )5'' 'ff ff&ff() =5'
ffff0<&$%22ffi7fffl74'%fl7+(',7)0fl/ff+4 &%'+ fl7+('*$ff)0fl %' 7 &%'+ /20(3%fl fl7%'9 6 #'4')7 '4')7/2%&ff%ff flff 0)<)7 ffff% ' 0)<)7+ % ) 762'+*+ % 3ff3 (3' (3,% fl 3 0 &3ffl6 )5')<# ff <3)7()fl ffi$)ffff- fl0'fl fl7+ % /20ff>)7(32:&(fffl7ffl'%'9 + %2%&2& 2&=5')0ffi(320 0+ ff ff fi flffff0<ff0<fi &$%:&(ff&)()4' 12ff&$%/2(fl)022'3.7 fl<%ffl;/20#'4'fl fl fi fl ffl4fl fflff46+ %+ '/ ',2 ffl4fflff4/ff%,$<&$%&+ (fl)0 <) ffi&'+ff- )0 22',2</2?&91&&'<ff 6&$%fi%&' <ff fi&$% )022'fl fi/20,2/3%'fl fi+/ff%fl fflff46+ %(3 &% #++ %+ ffi0ff <#,$,27456 ' (fl+ %,27 (fl)5'22'+ %+ ''#,$'<ff 6ff 6)5')03&ffl(3,2%+ fl ff.456/3%'7ff ff.456)ffffff0<6%'3ff + %+ff. 456)ff 7'( ff22'ff-'22''6 'fl fl70:6 & )0# 0:(ff- + %'ff+ %ffi5'* ffi&& ' ffi&& 0 0'ff>+ %(3fl7+ %(3<456 7'6ff-0'+32&fl6'32&3ff- 7 ' fffl fl769)ff0'20fl fl76+1&-4+ %)fl7456 &%'6 +ff2& ffi0<)4' 7D;;#,$4fflfl @D(34+/26/2fi% #,$22'ff fifi769 + + % ,$()0 22' )0 **ff fi 6'32&)fffl fl7fl ffl' ffff0<4'ff&)()+ %(3/ ',2+ ff)ff ,$<fl&)0/ff+422'+&ff3&ffl+ %<%+%6 fl<% ff flffff0<fi'ff&)() #fl )7'0)<12ff 0)< 6'7 + % 0+)0 /2'322'(3#+ # &#ff &/20#7fffi&&$%ffffff0<+ %# )5'fl<%ff 6+ %+ ff 6)5'#32ff <fl;&$%('ffi0 ffi0 12ff <ff fiff&$%7/ + % (fl&$%?&9 +1&+ %<0+6''() 6'' )/20'ff& + %<'(ff-'<'35'&$%/2 ffff0<&' &$% 'fl ,7*$ff=5'ff7456)ffffff0<6ff-&% #fi%6ff-' ff ff(3$7 7ff0< <&%'+*5')0#fl *$ff <
&%'+#fl ,7 /20)0/ff+4fl ,76&7( )0<ffl' %' 7 fl 6(3 )7;'ff' 4561&2<&7( #ffl&7ff% (3$)ff7.77 4' 12ff,$<ff fi /20 &,2&$%& + % 23&%,%fl2&'2& )0+.77&7*$ff',2)0#flffl#01&fi/ff%'%fl+ % ' /%fl fflff4( %1&*%&& % 3 $%fi(3$7.77%'6/2 + %(fi%% + :$4 7@Aff ,$ffi)04()+('fl fl fi &$%ff'ffl;' =5' &$%ff ,$ffi)04()+/20.77 + ff-#flffl# 01&fi/ff%,$6,$6ff-fl/ff% ffi0'fl% 12ff0:ffi)04() 3,$)04()+&%'25ff=56' /20ff'4' =5' &$%&ff 0: fl #,$ffi /2)0$)03- ffi0'fl+&%'- 3,$)04() 32ff 4'ffi0ffiffl)+ &%'- ffifflfl 'ff2' *ffi$*5'=- fl35'ffi /2& =-fl35'ffi /2!E0: ff#,$ffi &$%/2!FE 456+ 0: + % =-ff2& /%=-2 24 F G$&H 1& *%&�:3$3ff+ %fi+ % ()(fl<%ffl;/20ff)ff 7' 'ff&%'&,7*$ff+ %fl<5')0<77+ 7''ff&%'& + %+fl<5'*5'%#fl ,7*$fffi0ff(2& 0:6&ff%+ % =- ff2& %&ff% fflfifflff fl 6'ff2'ff2'fl&7' 22 &$%&fl :&()7()%6 6'9 6 &$%ff- ff/%%6 fi% 4' 3$ff-fi%&ff3$4' + % ())0@D'*@D' fl *$ff'' 0+6' 76 ffff2%6'6ff2% * / '+ 0:4' 12ff % )7 7 &3'%'ff / (ffi0=5'#fiffiffl/9 &' 0+(' & 'ff2 ' * 2 0 / 'B7I(3() ()% $)4'ff )4'(3fl ffi&2 32+%3%&' + %&2& 0 +3(fl +3ffi)03&7'%(+ % &ff>+ % ,7 ffi)0+30/20=ffl=79 ' fl4 4'ffi0ffiffl) fl 0:6=5'#,$fl fl<% &&0 #,$ fl/0< ' + 32&fl6'32&3ff-fl%&4&7456+ ffi68 &$%/2 !FE
#&%'& &ff% &&0 #,$fl)0<++ flfiff)$'++ /0< ' 32&fl6'32&3ff-fl%&4&7456+# JFE KFE 456+)ff0'*5'& =- +/ff%*5' ffl)ffl3 &2&' ffi0ff@D'32&fl6'32&3 ff <ffi-;+ %3&ffl+ %*&+ %220fl ffi& <ffi-;+&9 7ff<2' fl *4')4&7456+*5'&=- 12ff 0:6/2# 12fffl/ff% fl # ffl& ' 4'ffi0ffiffl) /20 0:6/2)0#,$fl/ff% /ff2%+ (6' fl<% / / 'ff77&ff 6%0 )0ff.)7 , $)7 # 74')71&/+ % 2 %/ 'ff7.77ffi(34*5' /6ffiff6/2)04*5' /6&ff&5 #32ff.77# /'#4- 7'7 ffiffl % &%'6 $/23-/2&'&% 3fl+ %+ *)0fl ff-fl' & *)022' ff-22'' & *)0<2& ff-<2&' &ffi0 &$%ff$93-9&$%4069'6')5' &$%%*&ff<2&ff-<fi2'+1&)0.7 %fl fflff4+ % + % ff- &'<&$%/2ff-fi%ff<2&ffifl ,2'#fl , ,2;&$%1& ff %' 7 ff %' 7 &ffff> ff.77 ff-flff %' 7 ffff> ff.77% ff&ff&fl fl fi /2,2&% #fl '% &-/ff%'ff22'ff<2& ff-fl22' ff<2&' ffi0 ff&'#&ffff fl ('*$ffffifl ffl4fl )7; ffLLM #fl *$ff'' )5' %ffLLM('*$ff,2&% #fflff4/ff%' ffi0ffiffl) +&$%ff6'3 ffi0 &$% + % +(30flffl'ff+&ffl%'ff+ % 32fffl )7'6' 76 ffi02 ffi0ffiffl)'.77 ff-.77&%'6 '$3-456 ff-'$3-456ff& ()4'ffi0'fl+ %++$(ffi)0 ' 12ff+9 ' 12ff ff- ' ffi(3$'4'/20$7*'74')7 fl7 ',7*$ff0+'ffff0<'ff&)<&%'+,7*$ff0ff(''fi6/ /0/'(34()7.77%1&*$ff' 7'(#:&%&ffff0< 7'6ff-/0< ' (3ffi&& 20* =5'#3 ff ffi*33 ff
)ff4'ff<2' &/'&$%L 32ff % 2'ff&)() ffl>&1&?ffi0+ % + 32ff8 <fl;)0.77(3*$ff')5'&$%ff& )()4'' ?06 )5'+ %flfi0+ + %fl ()0+ ff&7'ff%fl ()( 0 )0< ffl'/ff+4' %' 7 '(3*$ff'' 32ff fi fl''4'42'fi ffl% ffl% 3332ffffN+ %+fiOBff>& =5')0ffi(3()4+(',7 fl<%O ff-ff+)ff ff/)'6%6 )0 )0fi)07>71 )ff+3ff-$93-9ff&$%- &$%/2+32'0+ff fl<%'fiff-fl'4'ff 2& ff-fl2&4'ff /24 $2& *$ff $'*$ff ,$ff'*$ff 4ff-&32ff7fi ,$ff 32ff7fi4& ff- ff )ff4'fl6/320 =5' ff fi#ff8&$%/2 * fl ?2 *&,$ff' 3&$2& (3$ fl #)7'/2 ff-+ %)<#)0' $2& %6 )0 *4())ff0'2& $4'32'ff-4() $4'3ff- 4()ffi0%'ff&fflff % #ff #$2ff>04'ff fiff+ /20#,24'ff / 'ff &ff6'6 /%+ % *$+2 *5' fl #)7'4'%'ff& %%'9 %6 $ffi&''$9 29 )fi 2&ff-+ %*$ff/%ff-fi$ff ffi0 ffl>& 7 &fi1ff3ff + %fi4')7' *' 1ff3ff/2ffi27ffi27)2 2<2 2 3 2 &' '7ff26&'ff0P ()ff-+ % 1ffffi0fl fifl ffi27ffi(3#+ % ffff- $ffi&'L $2& $'ff766O6%6ff-&' ffi#/#?ffi&ff(3ffi279 ,$fiff-ffifi(3ffi27 'ff-*$ff ' ff-,7 *)0$(3*$ff)7'9 ff-$4'6/320# 7'3 0 ffl fl$fl fl2+3'ff& )()4''% fl2+3+('3'fi ff-$% '/20+ %+ ffff0<4'/2 flfiff ff-<(3*$ff'' &$%1& < )%#,$ ' &$%22 + %%0&06' 456 2' ffi456'ff-456 ffi2''ff-2' ffi0' &$%ff ffi ff- ffifi ff-fi $+ %$ ff-fffi4' &$%6 /2 3ff+$26 &''6 fi&''60 fl )7' ff-fffi#0)<&$% /2 )ffffff0</20fi4' )ff4' =5'#'3#2&4' 2& $'6#3 0 ffl <3fiffiffl &%ffifffl &$%+ %# ffl42' /%ff0P ff2'+ %3&ffl+ %*& + %4-+ %32 '7(ff0P+ %3 6<('
3 fflff- '3 ++ ffi0 (3;%ff-2' ff &ff-2'& &% 3 + +3 ff)00+ ff ff- + 32ff &%'6'6'+ %/%()%)0 %,$ ()@D' /20LD'fl fi( ' 6/ )0*$ff fl )7'ffi0fl fi/2 9 /2'9 6fl&#ffi2'ff2% () / &/2 (fl)0+ ()20 '%&9 ff)ffffl ff+4(3ffi0%$' $2& (3 &ff *5'()ff% $(3 ffi0ffi0% 2 & %+ %1ff3ff3 (fl9 ff-fi/20+() /%) 2 fl7+ff-+%ffi0%1ff3ff+ %#ff-)7'/%'/2032ff7fiffi(31ff3ff%)<' ffi$ ' 32ff7fi/ &,7+3%ff- 7+1ff3ff32'+(3%$(3 % ff-&'+)0#++$ )*$ffP'1%%0)0&ff%ff $ff$()*5')7' 32' :ffi + % 3('$')5'+ % ()/%+3/%+ ff)ff)<#)7'9ff-$(3 &35'9)0$(3 ff&ffi&'ffi$/&-%6ff-2fflff /26'4&& ff03&&ffffiff1 $2& 2&3 + %(fi%&''6)0ffi$(3@D' fl ff ff% ff& &% ,$fl0'ff ff /20* )+ 32'ffi%$3 $2& #+3 ff$6 $+&+ %,7 & %$/ %&< ff2fflff456*'6$(3, '=&ffffi ff& /ff (33 $3 &%')3; fffl&$/ %&< *2')0 $/2+ %%/%L 32' 2& / 2<3+39 ff-$+6'6 /20&+ %,7/ ff0&&& fi<2'$4/ffi2-&&fl fl%'45 ffi ff&ff Q&6 2& #-ff / %fl&3&+ %&/20L %&(fi%+3 ''#+ff% /ff (fi%+3 ff '&%'1ff3ff3 0 '& fl )7' 3 & 025ff+3 &6 11R /%-ff9 + %%(flff-'13&ff3+ %ffi ffi0fl = 0 -ff / 1/2/ %ff-fl&ffl%&ffi0fl *2+*2(fi% +3 & ffi01ff-=ff/35' / flfl/2ff-1 &4$% %&9 ffi0</ 2' 0ffl()4(fi%+3 2%0 7 &,$3;7'fi%ff-%' /320 & 6' 46 4+3,7'+3 *,7(3ff+ %'ff'() )0 +@S7fi &(3 %+ %)ffl() &' ,7+ ffi&'%6,$ $3 ff-4-32fl 3; + %ff2 (3$ff 2'+&&+3/2 *$ff)4-ff0'&ff-+ %33 '
fl fl 3 +ff2& )0ff2 ff&'+' ff-&)*$fffflff& *)0.7 %#-ff/ % + %fl&&2&ff-)0=ffff%+ %fl&ffl'3)*$ff )4-fl )7'/ %ff2$ff + %fl&&/20ffl%ff' 3 3 / %&<ff-'&'=ff )ffl*$ff/2 )5' %3 $/ % fl$fl $'%&+,2- /%)0& $'62<ff )5'+ %fl%& (fl fi$'ff$1>4'$fl ,74'fl+ %fi)5'+ %3-fl ,74' +ffi2%+$/%fl ,74'fl ,2)5' /%ff7&7ff7/6'+ % ff701&fi0+2&/%ff-fi$ff/6 20)/fl%6
flffi fflffflfi !" # fflfffl$%&%'fifl #()fl *fi+*(,-$$.fl ./fi0+*(,-$$. fflff1flfi2#fl fl 1 fi2#fl )1fi2#fl *fi$. +) 3$.+) fl &4 3*fi&*)fflff1flfl 1 )14 3*fi&*)fl $5'-$.fi2 4 3#fl $.fi24 3#fflfffl# )$.fi24 3#fflfffl67.*) 8ffi9-:3$.fi066fi2 066$. ffl/fflfffl.66fflffl44 !" ;(<' fi6 4 3ffi-%2ffl/fflfffl. <3066 fl 3) ) 4<'fi2 34066 ffl/fflfffl. %#':fi%'3fi+)ffl/fflfffl. #fflfffl67+)3 <'/ 3#=:ff& , ff>0?fi$fi' 6 6fi3-fi066fl +) -6)4%24:&:fl +*(#'8 <3ffi )-fi-2,-$$.. ffi @'-@' .6$. ffi 3)fi/.3)<.) '/fi6' 4#'8'8 fi2 3 4%2ffl/fflfffl.4%2&ffi#'8'8+*(4 &066.&*)6 ff6%'ffffl '- fi2 34%2&ffi2 )ffi %2ffl/fflfffl. ffl/fl ffl/ )2 )ffi -+ 8ffi9.*)-:3fi 3,-fi<34 34 < ./<34 34 -3)-,-$+)fi2 $% ffi <3 ffi ffi)3%'fifl -fi066 ./# 66 )ffi'<fi3-:3 ffi83+)fi<34 34( 3 )fiffl/ ).fi/4-4-:3 /)fiA7 #ffi )fi+) <3fi./#44 $.%)%4 3 2 % ffl-)4(fi2+*(-:3fifi'' +*(-:3fi%ff='ffi./#44 %2 %./#44 34 %'--3)-fi./8$%ffi <34 34 .*)&fi066+)# 6) 8ffi9 B*)-fi4066ffl/fflfffl. ffl/fl ffl/ ) -:31- 8 ()5 ffl/ )$ ))fiA7fi24 3 ffl/fflfffl.fi24 3 &ffl: ff6<3 -:3,-$.6$.+)=:066#+) 8ffi9 ffi./066)(4fi2 4 34fi2.8#./8-3)4%ff='ffi./4 )4 &%ff='4 3ffi./4 fi24 34-:3) < ./-fi fi-ffl-)4fi2-3 #44 34 ffl/(fi-fi 6),-fi
6),-$.*).8#fi3ffl./ &84 fi8')fffi'$% $.%fi<3 ()ffi %)4$.(-fi066='./fi0+*( #3 -2<fi3) 3*fi fflff1fl5 4 3ffi-%2ffl/fflfffl. *fifl 1 -)4 3ffi-%2ffl/fl fi2./:./%2+*( $. *fi&*)ffl/ )fi2% fi -:3 3ffi 4 3#ffi) ffi ffi , fl6-:3)( fl6 ,<'fi2-fi3 4 3 #ffi) ,-fi(<34 34< ffl/ -:3&0664 3fi2% fi) -:3<34 3 ffl/fi2% ) ffl-- fi74 3$%)fi2ffi ffl-- fi7+) -fi066)< ) <'( fl6,-3''/ -:34%fi2% -:3fiffl/ -:3fi -:3fi ffl/fflfffl. ffl/fl ffl/ ) < 4 3fi0%2)ffi36 % ffi5 4fi2 <3fi2#ffi <33 ffl/ ffl/fflfffl. ffl/fl ffl/ )-:3$.+) # 6) 8ffi9 .)ffl-- fi7( /< )($% +*( fi7($% .69ff3))(<%'/./< )='+*(+)=: )4ffl/ )40664ff& ,ff>0?fi</8 ) fi2fi<)3%*)&() ffi %)4 fi 4 34fi2./fi6ffi -$.<'/ff3-4% -6)-fi34 3() ffi %) -fi -:3 -5 -fi B*)) .fiffi:.-4ffi-</8 ) 4<' (<%'/#ffi ffi 8% < ./4 3 ffl/ )-:3fi fi24 3 -4 3%34 3.fiffl*)ffl/ -:3,-$$.'' ffl/ )./4-:3)1 3fi2)ffl-- 3$% %'fi fiC &4 3 %'fi fiC$ffi+ fi2 3)4 ff3 ff3 % )fi2fi74 3ffiff ) )fi24 344 3 3 fl6#-)4)>99#-)4)4 3ffi-fi0,-$.6$.'- <3<'fi2./4 fl6 >99 6 ff6%'ffffl$%ffifi2#44 34ffl/<3 4 <3ffi .84 4 3ffi .6)4 ffl/4 3:ffi .6) -3)(fi2#fi'8fi 4 3 ) -4 .*)4 3ffi,: 6$.1-&3-- ffl/%4ffl/4-:3- . )fi 3 -. <D)-:3)fi'3 .6$.4 3 %'fifiC(#.6$.4 3<3 &.6$. %'fifiC(#ffi <3 :/.fi73/4ffi/44 3ffi-:3fi) <'/066864-ffi ) ffl/-3)(%-fi ffl-)ffi -fi4+)fi2-fi4ffl/ <3ffl/./4 </8 ) $%+fi+$. ffl ()3fi2 %'fi fiC/%*)3 #ffi)) -:3$+)3<' < ffi4 34/1- <33fi2#/1- 8%3)
4 3 -ffl/-3)(%-fi fi< $ )4-)fi2%4 3)3-'--33<3 ))fiA7 4 3 ffl/<'/%ffl/-fi'- &%'fi$.4 3 ffifi24 3fi6/1- )fi24 3fi6/1- fi.fi(-)./ #ffi -<fi3)fi 4 3$ 3+) =:8ffi )) %'fifiCffi)8 )ffi.*)./4/1- - <%'/%'fi+)ffl/fflfffl 3 ) 1'fi3 ) -3)( fiE fiC %ff ='4 3$ 3 ) fi4<'ff3 55 ff3 ff3 % <1'fi/fi <1'fi/fi <fl fi<1'fi(=6fiffl/fflfffl./fi ( /fi<fl fi/fi <fl ffi )fi2066)fi2: ) - fl 4 34 ) -ffi 1',ffi 1''-1'fi 6 $5+ ffi'<D) '- 4 3fi-fi) 676 fi%4 3 fi ffi& fi%4 3 fi/43 4 3 $. $.<3./$%#/1- <fi3ffi $%ffi4+fi+$.$(&(fl ) 4 ffl./#ffi ff+ffi .69<fi3+().6$.<'/ffi /fflA63)5 $% %'fi fiC.fifi</8 ) ffi()fflffflfi'3 -3)( 3 #<1'fi#-)4)%$.fi2#1'fi %$.-)#1'fi<' -3 ()ffi 1', ()ffi 1fifl ()ffi %')#4fi #4fifi ) fi24 3#='#/1- 3ffi./#=: )fi2 ) ffi 1',ffi 1fiflffi %') ffi/%<D)4$- <./#fi - '/ %'fi 84 +<'3 <1'fi-3)(4 3&:fi4 3=: fi'/'/fi -fi ffl/3)ffi3)8ffi 1',4 1',fi2ffi1'fi) fi .fi1'fi<'fi2-fi3 1',<fi<+)fi #1',#1fifl#%') +$%'/fi6' <./$%+'/fi6' <3fi' ) fi6' -ffi -fi 676 fi -fi$%ffiffiffl& fi -fi46fi', fi -fi 8. fi -fi -)13)) -fi fi66fflfi66ffiff fi -fi$%+:6< -3)( #1'fi()(4 3#fl )ffl/fflfffl.<' fi3 ) fi ) fflffi #fl ( -3 #4-ffi 8 &fl # () 4 3)1'fi 6 + fi-+),-$$.+)=: fi fi2 %ff =' fiE fiC ffi ffl / #%'fi#() 3 5 fi-3)(<3ffi() fflffflfi'.*) ffi )
fi2% fiffl/ )-:3$3)fi2()$.#fl 4 3$%#1'fi fffi( <#1'fi4fi./4 3 %'<'./34) -:3$<3-6 )1'fi ffl./4 ffi :6 <' *fifi48 fi) )%-:3%fi6 -ffl+) #-:3 -ffl'(-) ffl <3.( ff3)4)1'fi - ffi83#1'fi 3 fi#-3)(<' '(fi8')# : 3) %: ffl: ffi .6).*)4 3=6 =:#3)%fi=6 =:ffl: )ffi .6)ffl:44 3=6 &ffl: ffi .6)=6 fl fi2 1'fi4 34 ffl/ ffi .6) ()(4 348%6 ffl:ffi .6) &-)1'fiffl ) 1'fi fi2#fi-3) %*) -fi3 ) 1'fi1-fl +)1'fi 1'fi+-6 <+)3)5 ffl4:6fl 31'fi-<'/ fi(4 3=6ffl/#)+)1'fiffi-0663fi <' -fl <'/ fl #) ffl fi24 3 $ffi /ff /ff$.ffl/ # <'/# ffl+)+ 3ffl/=: 48-3)( +fi )( .*)4fi'3fi <1'fi <fl 4 fflffl6.'fiFG <') %2ffi <3-3)4fi2 +*( 3fl <'-3 %1'fi .)-fl $%.,-$ .6$.&/ $% ffi :ffi @'<fi@,-$$. -+066-' fl6 >99&/ )1'fififl (#ffi fi-)fi ./) ) ffi4-3)). fi'%9$%ff<'/='ffi-=3 <'/&*)$.()=: ) <'/=:F>) )ffl/fflfffl. <' fi3/fi fl #-3) 4 3 /4./ ) ffi4&:fi)) -6)fi3)fl ffl/@/(fi- fl '5 (fi2#fi-1'fi-:3$ 2. ffl/1'fififl ffi'/ffi'fi-:3 '' 4 3.8#)4%1)81)--fiffl 699(699( ,-$B*)ffl4$/fi<'fi2=35 #1'fi4 --fi-3)(<' %fi)/4fi2#1'fi4% <%'/fl fi'-#1'fi fi2fi'-# 4 -'/B6ffl/%+) . 8-:3$-3)#'8# <fi fi2 +-/<+-)-)-)3 fi2 6 %4% $ffi8%66-)4 34ffi- <3./%)%%'3%%%'- -6)fi3 ff+ffi-./fifi -fi -fl -)4) &*)#-3)(-fl .6)<3$. 64#fl - #1'fi#fi6' 2 %$.&*) 4#-3)( -fl fflfl fi2)<fi6?6 /<fi 6)./fi/fi/B*)fi<'/fi.*) ./&:fi ffi % -+)fl $.%fi$%ff=' &:fi8%66-fi2- -
fl fl %ff=' + fi2- -%ff='HHH&./ &4 3fi2$%-%ff=' <''3- )4 ffi .6) ()ffi 6-()ffi 69 1'fifl <+4 = -/4 3B* B$.'- < = fi2ffl-):4 3B* B+,-$.6$.4 3=:- fl =::fl ffi % -+)fl 4 3 ffi (8 4 3ffi fi/fi/ffl/1'fifl = fflfl<' fi2#=: ffi) ) ffi$% ffi <3% ffi)4-ffl')$.+) ))fi24 3 fi8')$.4 3 ffi :ffi @'4 3 %'fi$../ ) ffi$% ffi : ffi @' %'fi.6%'fi$.4-3)4 '8fi-3)()@/(.*)ffiffl6.- -:34%fi2 &8$% +$% ,-$.6$.&/ -:3$fi2 -:3$fi2 -:34%fi2 &.6%3)%6.fifl fi2 3%3)%6.fi < ./ 4-:3,-$fi2-:3 fi<33ffl( ffl(4%fi2 ff6+*($%## 4 ()( ffi ff6$% $% +)ffi4 3 6( ff ) ff6 #-3)( + 8ffi9-:3) ) )<%'/ 8ffi9 fifi3 ) =: ffifi6 ) -fi fi2# ffi5%*) ) $%:-fi:)3-:: $fi3<'ffi3- ) ffi&*)-fi)3-fi2 ffl ) fi44ffl/:6flfi &fi2-)4 3:6fl '-./4 ) ffi$% :):( -fi<%'/<)+)fflfffl 3 1'fi3 -3)( <3fi33 -fi'3()( 4 3 ffi ,$' <3ffl/fflfffl.') 1-'8 ffl/ ) fi44%34 34<fiffi ,4 ffi ,-:3$+)3% ffl/ffi ::+*($. #-:3$. fl -:3$. 8fl fi.fi$.4 1'fi.*)4 34 <fiffi ,$'4- 86- . 8ffi ,ffi' 8:ffl/4IEfiffi'-:3$ )ffi34- ) 1'fi-fi()($ffi()fflffflfi' ffl/ fi :%2 ffl/fflfffl.<' fi2 / -fl 3:3 %2 +( ,: 6+)=: fi *fi7 3./ffi %fi fi-%- '/-ffl-)4 3 ( .fi/) '3)44()%'--; .*)4 =: ffi6ffi+*( 3 %fi% ffl/%=: - 9$&$fl 4<' ffi8 +) ffl/fflfffl.fi2./''<'/ :9%-4% ffl/4 3 $ffi).844).fi4 3 =: ffi :ffi @'-@'<fi@ .*)4..*fi+*(%')#ffl/4IEfi ffl/6-IEfi ffl/,6fl IEfiffl/ ffIEfi fi<'# IEfi-fi3ffl/4IEfi 4.*fi')$ffi ,<'fi2-fi )fi2-ffl&fflfl ffl066 .6)5 )fi2-1-4 3 $../066 -ffl4 4 .fi&.fifl B*)#
# +)fi6' <'/fl $<)33)5 <' fi23- fi: fi 3@'- @'<3.6$. ) fi6' -ffi 8ffi93)5<'/ffl)+*(3(. 9 @'<%' ffi 4 3 $ffi :-4 fi:4 fifi.fi(-)() ((),: 6$%fifl fifl 1fifl fi %-9 /1-ffi /1-ffi%/1-ffi%fi/1-ffi .2/1-ffi </1-ffi fi/1-ffi +4%% fi<=36./&'3 13<3/ ffl/ %fi6 ffi :+)fi 9-ffi 8ffi9 <34 34#fi 9- ffi .6)ffl/@/(ffi .8fiffi .6).*)3)fi-:3 fi (fi2 <3 %.6)4 3 fi2'-4-:3$ffi , -% 4 3-:3$%$.ffi 4 3-:3fifi/fflA6066+)ffi fl6>99fi2-:31$813B*) <3 &./ -flffi%<)fi<'fi2 <39 )6 2 -:3$<)fi%flffi( <3)6 .6)5 4 3 $flffi <3 4 33fi-fi% fi< )fi'3 -<' #-3)( '- <3 - ffi='6fflfflfi2 <3 4.8%3-+-fi6 fi -fi3-fi) -3)fffi( :B6 ffl6 fflfl /+-fifi'4% ffi- <fi4<fi@-1fi -3)+-fi2% fi ffi-4')'/'2fi'/ -$%) ffl#)%fi6 : *fi ' ) $.fi)fflffi( ) .6) fi ' <fifi4-3)(<' ffi()fflffflfi'fi ->..ff( =6fi-%ff( &066$%) < ffl/fflfffl.) ) 4<' ffi()(fiffi()(fi24 3 /4=6fi ffl/# fi +fl ffl/fflfffl. 4 <'-fi 4 3 /4+<-)fi'- =:066()%'- 4 3 )/'//<)ffl/3)ffi3) ff3)%ff ff3)=' ffi /'//<)./fi6 .fi4%&4 3fi6 .fi6?6 /ffi 4 3')-fiffl/ffi %2<fi3%2<fi3ffi : +)fi+(.*)#fifi/fi/ fi &fi+fl ffi+fi%fffi='./4 3 /4fi6+*(-3)ffl/%3-:3 -fifi-fiffl)ffi 4 3ffi-fi034 8/ffifl6fi3'- &#ff&ff <' 1 1J- fi -< ;K--) :4 34 +-) '+*(3-fi '$%(8 '%-ff - fflfi( -D;fi -6?6 / 4 3 - 4 3 ')fi <3./ /3- +*( 3fi6' < +<fifl fi24 3- ')-fifl )#fi6' -:3-)ffi8 +<fi%$. ffifi28$%4 3')$ffi<34%<34
ffl/@/(ffl%.6) .*)ffi066 %'fi3 4 ./4%2.6) +*( ./4 3 ) -3ffl/fflfffl.3:-)4)%2-)4)3 -)4)./:./%2 -fi066 %'fifl +)ffl/fflfffl.<'066$%.6)$%.) 3(<%'/(
fl ffifflfffi !!! "#$% "fl#&'$ff ($)** +,(fl#,,-.$"$/ " %0 ,(1$*$*(%-$. ,*%,"fi$fi% % ","fi $fi2% "fl"#%3456(&'$ 7(.,8$3#$50fflfi/ "%% 5$fi&'$ 50 -2,3468.5',,ffl fl.$,*%fi *9 8fi#9":#5. ;#% "$ "$ fi(< ,*%%0 < <" "$ 039fi2% ",-1 fl#9"fifl 9 fl 9" #fi",*50fl 9#9"fi *fl#flflffl 6(&'$fi2% ",-1$,,-""$(%$ <"50-fl 9 8fi% ,-ffi(0#fi" ',,fflff ',,ffl,* ,*.$%# fi(< <0"$ff "< $%#" ,(6% 3 5,=8$9#9"<4.509 $fi%;#4-,*5,% " ;fi "$fi 9":#fiffi(,fifi(< ff 0fi(< #$<0"$ff " < $% fl 9.fi2 "fi%;#4-% "6fl6 ,fi($,4$ ffi#$".fi2ffi0234,fifi&'$ff " ,* $ fl $6$,*.134fi*68. ,fifi&'$ff #fl .$5,%+9fi$ "$"$/"< $.5$5 fifl$#9"5fl $,-fi2#" ,-%$;#% ",,"",(,- ,* $ 5,#" 1 ffl6 5,% " fl ffl6ffi(5,% " $ 5,fi$#9" 44 % ""**#+5<"04 * #". $fl ffl$fl fl* $ "$/ 1$#ffl"$fi5,.% "< $56(04 * <"+04% " *fi2-50>'% "$/fl:$fl<0"$fl 04 "#fi:$fl<0"$ ff*6$* #$" +,*6 9":$fl<0"$fl 04#"$ *<4,(% ">'68. fi29 8fi"$fi# fi-4$ +>';>'.>'% "0#ffl% "+#% "fl"# fi-4$$"$fi# fl,*% " $4$ 9":$fl<0"$ fl 04,* $#" fl ffl668. ,8$ffi02;?<0"$fl % " $6$5,"1 $fi"fi-4#fl $ ffl66$5, ,fi.fi2-5,506ffl" 34<0"$fl 6ffl" 6$5,fi2 fi*1fflfi668. <"% "9*ff<fi%6 6(.16(,(&'$ff ffi34(;# $,*5,;#7ffi(,8$% "fl "$ ,*% 9"$0 +556(&'$ &'$#fi#"$.34,(1fl $ ffl6 34fi*68..#fi"1* $ <0"$fi&'$ff ,* fl $<4(fl 3"$5 " " #9"06#fifl34fi*68.,fifi&'$ff 0* $ <0"$fi&'$ff 50ffifi
65,%#"$. " fi @@A ffi()** fi,(< $$5$ ,ff % "fl"#,( < $$* "#fi*; fffi #fi*. fffi$.$. fl.1 #"$. fl.1#"$. $:fl)**"% "fl"##fi* < $ " $fl ,*$ #9"fi6$fflfiflffifl ,*$ fl ,*$<4fi2 $ -*0 ffl#*ff44.$"% ".$04# fl 5,5ffifflff <4(fi)**,*: =8$1%ffi fl $$,*5,%ffl "0ffifi ,8$%4$ < $50&'$ , ffl"$ < ,( fl 4-fi# ffl6:ffi% "fl"#0 <"fi"fi2 ffi( ffl6:ffifflfi.9 8fi"ffl ; ;fl $;fl fl;fl05,08$<4(;fl,204$,208$ 2/ .fi26#fi 4'fi1#"$ fi# $(fl#.$0*fi ,8$fl"##$ $ $ . +ff <4fi2% "fi#6$fi5fl #9";#4-ffi$ ffifl $6$ffffl6ff fl (fi6$ffffl6ff". ".$04#fi2%.$5, < $50&'$ fl,(1%% #0ffl.,8$fiffl.$5,&'$50 -2,(;# ff 1ff *4*( *B ffl5;4fi% " *$5 0 4#fiff . ,(fi)"1fl $01fl ,# fi#ffi#$%. ,*139 ,*139$ ,*1: ( -0ff .$04# 0fi,*#$% " +,(ff .$04# 7ffi(#"$#*$$)**% ff < ,( #9" fi #ffi#$%fi2% "fi)509 "1 *$ -flC0fi*D *ff*D*?(fi5fi2 <"ffi9fi4 / <4$/;#% "02fl ,*$.4# <4fi2-50 ff4$% % " fi6ffi#1fl$fi(0"$,*fi ff ffi(7(. fi)**,*:,8$1(;#fl -flC#"$#*$,( (0"$,*fiff 6 3 fi ffi(,*1: (0 ( #"$#*$fiff ff #" +*,*.".% " 1 +*1#9"5,fiff ,8$0 ( fi#"$#*$ #0ffl. fflfi$fl(fiff ;4fi ,8$ 4$5,6$ ffl?# =8$ 1399 ffl* fflCflffl;?(;# *5 "(;# % "0 /%=8$% "9 :?:?(% ffi(ffifflff,39 ff fi2 4$5, ffi(5,1: ( -flCfiff .$04# 5, ff 10 05, 10 "$fi# +ffl101 # "8fi "$ .3 0fi*;:fl0#9fi#"$/1fl$#6$ "$fi# 1fl$-ffl$"$fi#50 fl 1#9"<4( fl 3 fflfi "5, 1 #81#<" . $(:fl #"$08$ #"$08$+ fi21:#",*5, -5,50fi*fl ffl"# + fi21flffl<fi" ,*5,50 fl $" #2%;#4- "ff 1 <4(1#86$5,
"#fi"fiffl4ff #fi"fiffl4ff =8$fi*68.%,fi,* $#. <4<",(E;fi 50$5fi* ,* +-50fi*68.% ffi(7(. ff =8$16$ ,8$fl<fi"390$ fl .$04#,(ffi8$)**50ff 6 3 5, ffi(ffifflff,%$ 3 ff #"$2 ffi(# 1ffi(#* fflff*D ffl "<4,8$%- ff . $ ;4fi;#+ffi($fl$139(fi104fi(fi" ff ( $ ;4fi. ,- fi" fi% ",fl <",8fi%5fl :ffi#$ffi( " FGHIII ffi(ff 6ff=8$#*# % " :9 *fi $ ;4fi.$ " ,($5 ffl#*ff"$/ fi #500 ( fi,** #6$ ;4fi#./ =8$% " 0 fi ff ,8$$ fi # <4(ff .$ 4.fi ,fiffi(#* fflff*D$9 $02<4fflfi *$fflfi#"$;#% " $ #fi $ ;4fi,8$1%ffifl +9fi$$ fflfi6.<0"$ff ffifflff ffi(ffifflff,1$fl(fi504fiff .$04#$flffi<4 .$0fflflfi-*.$34%fi2fl ffl6ffi(ffifflff,$4fflfl ffl6,fi.fi2 $ $ ( 50fi*fl fl 4 5 $,-ffififi2 4(fi 2, ffi(ffifflff,,fi4#1 fi0068. ,- fi .$04#%fi%0 9 (48fi+8$"" fl ffifflff.4<"1ff ** fflff*D4/ % "%ffi9<4 / <4$/ ;#0fl ,*$% " ffi(ffifflff, fl ,*$2 ffi($fl ffi( ff fl ,*$2 " ffi( $ fifi2 fl ,*$2 $fl"1* fflff*fflflfl4 (48fi+8$" ,8$10 (48fi+8$ff $fl*?fi*D *ff*D6 +*#9"05,6$ 5,,8$1 ** $fl4 ffi(ff .$04#1 0 $fl4#"$#*$%6 9"5, #fl 8fi <4(fi)** " 56.* <fifi2ffi## >Jfi0,*5, #"4"#50fl fl*1 *$fi"fi% "fi* (;# <4(fi*;?;#+"##.#-# fifi 50ffi## <4$<fi%6ffi## 0fi 0 ,*1 *$>Jfi>% +>Jfi>% "%ffi(ffifflff,fi2% "$ ;4fi50>Jfi>,*5, 5,1$50C";5fflflfl4<4( 4+8$0fi$<3fi"$/ fi$<fl48fi. 0#4(#68.#9"fi5,>Jfi #..$. 5,,8$fl%fi 50+9fi$ 0 ( ffi,(-*fi*,fi./ 501%ffifl $ <4(%341ffi8$ ffi5, 7ffi(#"$#*$,*: -4$%34,(fi)68.1fl $5.$1 fl $#25, ffi023468. <4fl 6#0 ffi#fi2 $ ffi( 534 (,fi?fi5,6$<4fi2ffi## -#/
,(fi-0ff 5fi2 <",** # 5ff ./ " fi fi-04 0#5,6fi -fl 9 8fi#9"fi4 3 #( "5 fi ".$ , 9fi11 3 4 fifi"ffifi250.$ *%$.6(4 3"6fi25094 3"fifi2509 *,,"#9"fi(9fl "$, 9fi.". 4 64 fi#9";# 4-/ "$fi% "506fl6#fl *;#% "$ 4 6%6$ 5<4(% " 4 fi%6$fi +1flfi2#>K(9#9". 5fl6 (9fi29 5fl fi%fi29"flfifl6/ 50fi-09#9"". 1 08$0#fi"1 ffl#08$,(>Jfi0,*5,50%fl $ ;#4-ffi$6$5,% " #8#" 0fl $<4(04fifiL% "% fl 9 .$"$ <" % ""9,*$/fl(% #9"%0 ,% "% ,8$$#4 1#8 +ffi9< ;4fi/ ,*$#fl$4",8$ $% 0 39$fi4 %fi2fi2$0# #5 "4#2. ffi4,(%fi*0#<4fi2fi(fflfi4.% + <"2". 4fi2% "fi* <"fl 9fi2% ""fl 9#9"%0 ,8$$# 1#8# 6$5, " * 0,( ffiffl 6 ;ff fi fi2% "3* 0,(#8fl-*fi 5fi2% <",** # <"6 -flCfl *509#9"fifi,ffl<0"$fi-$. #"50 fl4fl4%%0 $ fl$34$ fl*ffiffi$* *ffl*ffi0 (% $fl#%#*#9" . #"- 1 56(:#ff ./ +- 1 fi2,( fi$6$=8$fi-4$-#9"5',,ffl.50 #% 34,(% "fi) 68. *$04".1:#fi% " -flC#*$fi",*fi: ,*1 *$ -flC fi 50 ffi## 50+9fi$ 04fi:$fi4" . 50fi*fl $#25,68. fl34+9fi$6$fi: 34<0"$fi)** #9":#5$ <4( +#%:#5 fi* fl ,0C*$ffi9% " (fi (% "fi4,(3*%ffi(9#9"5,% "" ff*6.5 % ""'CC6.5 0 fl346.5 ,fi($ fl34 9$ ffl fi2%,ffl%<4:#5 5,.;# 9 fiffi9+8$ fl+8$34 +8$ ff* +8$'CC6.5fi2 ,8$ffi9% (fi # #fl ,*$5,<4(,0C ffi(ffifflff,ffi#$ffi($fl#". + (fiff %.$ ;4fiffffl ! " &'$=* 1fl9.$ ffl?#<4( .$04#<" .ffi0 ;4fi4$ <"4. fi-4$+9fi8$6 9"fl <4(8$ ."$/ 6 9"fl 1:ffi ffl?# % "%1% fl ,*$6$ffi(ffifflff,$ $ fi2* <fi6
$<44.M C #,fi-4$* fi*N "%0,( fi2 ffl?# <04( $.4# fi%0 fi2 .<04( 4#)* ff *$:#fi% #0 0 fi"6. #9":#5,.". fl ,*$ *$04". ,fi%",fi ,fi#ffl$ 7$ ,fi0 0ffl$6 4- "6#9"5,. ,fi%0 ,fi0 fi,fi0 ,fi%0 ,fi/,fi($+8$4$%$2 %#6 $ 5fi4 %fi4 5 fi 5fl,(74<04 fl #*$fi"ffi(ffifflff, ,(%*#*$fi"ffi(ffifflff, . 1fl ;$"fi* ffl?#% 39ffi9#"$. #9" fi #4. fi-4$ 6 9"fl 96$ 1 <ffi(ffifflff,;#fi-4$;$" ffl56(. 4. * fi68. 39)**,8$fl5 fl $fi# % "$.fi04ffl ffi$6$fi*4 ,fi4 fi 6$ #,# *$04".% "":#5:#fiffi(ffifflff,$9$02 "$ $02 #.ffi($flfi202 "#fi *$%#*#090$fi2%#*0 #"$ *$ +9%#ffi(Cffi($flfi29 <"% "9 <4(%#*#*ffi#; fl09*ffi# =8$1 fi%,fi5,* fflff*D6$ffi($fl;#+"##% "$#09#, 9fi4*.fi#. 4# ffi($flfi2 +9%02% *$ #9".$04#% " (%E$ffi(C% ffi( fi)**6$ffi(ffifflff,4fl 9fl 02;4fi.$04#% " +)**%9%02 %#"$ffi($fl ffi(7(. fl 96$;4fi.$04#,( +9%#"$ffi(ffifflff, #"$%4"$ffifflff* #$fl +74<04 <0"$ffifflff* # fi2- #fi $=8$fl 9fl 74<fl"0$8$ 90$fi(fifi(<fi2% "%% "fl*fi(fi#09 0$#fi"fl 9fl 746$$0%$"#< #,*$ *$5;4fi. #9" fi=8$1 *$4(# ffl* #6$ < <"+ffl4(# #$ % " + $02#. " .;fl *"$/ =8$ fi" fi% ",fl% $#fi4$ "$4$%+8$,(02 .ff % " fl 0 #fi .;fl04". ffi#$+ffl</ #$% " +02#. 0ffl5 *$4(##*$fi".ffi#$.,( % +902 #0 % "9fi2( 46 " *$04".% " $ "%<fi" $$)* ff *$:#fi #9" fl ,*$6$#"$ *. *$ fi4#1fl 9ffi6 02<fi" <4(44$fl ,*$%0 =8$1fl 9fl4$fi*4 / <4 ,(16$ <4fi,fi0fi*4 fi**#6$fi*4 < $fi$%0fi *$- fi4"1fi 44$fl ,*$.fi*4 :ffi<4(5 "05, ;4fi <4,8$% "fl-* 6$fi*4 * ff <4(44$ff 6$ffi(ffifflff, 50 C"0(<4(4$ #
ffi(ffifflff, <#fi<#(:#5:#fi 9$- #fl 9fl 026$ffi($fl$ fflfi *$fflfi#"$ #"$0 ( ,8$#fi" # % <4 5fl,( #*$fi"ffi(ffifflff, 0ffi(9 fflfi *$fflfi#"$;#4+8$ <4 *$% " 9ffi($flfi29 <4( +< $%fflfi *$fflfi#"$$9$02<4;#% " (fi ( % " +)**% % " +,(9%0 #"$ffi($fl ,8$# #fi" 1fl9 fl 4*fi2flffi(ffifflff, ff "4*fi2fl$ffi(#* fflff*D2 "<4 ff fi5,1#fi 6fi4 fi41#fi<4 flfl 4*<0"$ffi(# 0fl 4*<0"$ff fi:#"%fl*:#fi 5$fi4" . " fifi2 flfi2 ffl35/fi2#"% 5,fl*50 #4-4,(-,*5,506650.$04fi ,*%#+* ;#fi:+9fi$ 04fi 34,(ffi8$fi)68.;#4- +* # fl,(9<,$02,*$5 *$5$=8$1 ":#fi fi,fi fl34,(ffi8$%,fifi )**.<4 34ffi4#%,(fi):#5,* ,** # <"4.% "50fl500 # % "50#fi *$50#fifi2flfl $#25, fl 04fflffifl 9<,$02,*$ .1 *$ fl#fi ffi(fl #fi.% "1fi*4 0<"1$6$ fl #fiffifflfi6 1$ fl +% "#fiffifflfi6,(-*ffifl ffifflfi6%#"$% fl #fi1 0ffl50fi*fl ffi## fflfi *$fflfi#"$1># #9"5fl #fi1 fl .0 +% "#fi4##" % " fi-4$5,,(-ffi2C<4((fi#fi(fi##ffl#<4(*fffi "$/$.fl #fi(:.,8$ -flC fifl,*C50 68.55, fi/5,,( fi-4$5 fi-ffi2Cfl fflfi,+8$fi? ;# 9<4 fl #fi1 fl.fi2 0 0%$ #fi10"#fi ffl# #fi<fifi*4 0 #fi04fflffi,fifflfi6 #fi04fflffi,fifi*4 0 ("#fi" fl 1fl fl*fl -* 1 fl 74#74#fi"'CC % "5 "(%/ ffifi)1fl #fi68. fi2,(1 fi*4 %0 #"$.fi23* ffi(-50$ $fi% "fi ffl#fi2fl#fi*4 0 0 0fi(# #9"".4(0 *fffi$: %ff*#50&'$ffi104fi1fiL 50ffi8$- 4-4,( -#"0$5 "fi* fi4-4.$<"ffl*68. ,fi($.#9"fi fi<,$4 #9"fiO4 -% 4,((fifl ffififfi#ffi1 34(;# $ <fi";#$ ,8$0$0 -4# ;#0"4-4% " $fi$#ffl"$$ (%#ffl"$%0 <"$,( -4# flfi4ffl#0fi4 #6$
fl fl fi*4 fl#04fiffifi fl# ##"$, *, $0% ", +9fifi*4 fi4 0 +#$% "fi2fl #<". ,( $3"fl4#,fifi+9fi fflP#fi4 ffl#6$ 4-4,(ffiflffl#6#0%$% "50 %fi* #0 % " ff 1fl$.&QR % " ff 1fl$ #fl#$ fi2% " $6$fi*4 " 3* +9fi(fi5 <"fl ;#+"## <" ff 1fl$ #fl#$<4#" ,(%" *$.,*$ *$.4 0 ff+ <"4 #,*$/fi2% ""(%16$,*$ ff,*$6 <fi6$,*$6 #fl#$fifi2".16$,*$.16$4 ffi(ffifflff," ff %fi2 ffi501fl$#fl#$ <4(++ *$% "1(;# <4(1fl fflfi6fi,fi ,*5, <4(-ffi2Cff 650 fiffi(16$,*$ #" -(0 (4$ *$ fifi; #9":#55,fi% 5,fi2,( "$% $ *$% "fl#9fi2968. ,fi *$E$ .$04#<4 *$% "fl#9fi29 *$% "fl#02fi202 *$% "fl#4(%fi24(% *$% "fl#( ffi02% "fl#%fi2% #2 05,ffi(fi)**-ffi2C ff % " ffi ffi(7(.% ""ffi0C*$ffi # fi ,8$-ffi2C0 -%#fiffi(,*% " ffi ,*1ff *9". "ffffl6ff.,8$1ffi 1 ffl*(:08$ ff ,8$6fi%fi,* ffi(ff % " ffi ,*fi2% " ffi (ffiS* )**ff %fflC% " ffi ffl6fflfi6% " ffi -$1 ffl668. - $1 fflfi668. 5002#"$ , % ""390C*$39 #fi 0 ffi(7(.,8$ )**ff %#fi fl-",* $ 4$%#$%$#"%fl 068.%%0#"%fl 3*fl ,*$ 50 9#9"fi,* ,* $6 ,fi "$/ fi250;#04fifl ,*$ #9"fi,*. 9 502568. fi2509#9"5$. 02#9"5$. #"%fl%0 # =8$1 fl 3* % "fi204$ffi4*% <4(+fl 3*fl , 4 ."1fl +9fi$ %%<4(-50fl #%#39 $"#fi2ffi4#50 #%#0 fi("#9 fi("#9 ".$04#fi2fl#%" <4ffi(fl#1fi# fi("# 04#9"544 ffi (9 04"4$ +9fifi4<4(54 (9 04"9 4$ 0fi("##9"54."( fi-4$04ffi4*#9". ffifi5,68. fi2 65,"&K+4" ,8$;*$0#,% " + % " 0ffl% " 34 *$%+8$%0 %0 + "*$(% fi2fi"&K+4" %fl-# %ffifi, ;$"fi2*$ fi%4 (( <6$0fi60fi ,2.,2#ffi* ,%+8$ffiC 0 ffiC 0+ ffifi*$ (%,(*$fi%(%.fi2"&K+4" .fi2"&K+4" &K+4" %0ffi%9<4(5fl
ffi ffi 1fl"&K+4" ffl#$fi2 #9"fi("#ffiC 050ffi%9 +&K+4" " +4" #$%$ %9fi202 (9 04"+9fi5404fflfi4$ #9"6$/ fi("#04. <4 % " 0ffl34 <4(*$ fi("#,8$ffifi0#ffl*$% "4 #ffi*fifi "% .5fl"(%fi2 / ;#004fiB% "% ,(1fi("#9 ffiC 0"(fi2flfi C"fi("#.fi20 ffifi<04(;$"$""ffl""(%/ 0 #*$6;?(%". .#<4 <04( ;?(% %0 $*04$%04fi,fifi(T,% " (%044# 1fi(T$0 $ ffi( $"#;#% "fl-8$+8$0ffl+8$34ffi(7(.ff ,8$10ffl134$ 0 ( fi 39)**=8$.$04#fi21 ffifflff#9"<4 fi)**,$50+04fiff 6$ffi(ffifflff,1fiUfiL -flC #*$fi"395 ,( ffi950&'$$.$.$fi fl fflfi#(%%02%02 #"$. ,(-506,fi04fi6$fi: +8$fl,(fl9 * #6$<4E % "#9"<"fi"% "fl#02fi202% "fl#9fi29ffi( *$04".1 ffl*08$/ "0# "fi4$ "4(#<4( #9" "#fi ffl*/% fl$ <4 fi2%02 %#* fl*9#"$ #$"$/ <"fi"% "02%#*fi V#.ffi9 $ *fi;" fi2#$% #*+8$ $-% 1#"$.+ fl$ fi2%#* "*#ffl"%$<"% "50 5,fi $04". ,*5, ff :104fi5,#" 0ffl34 fi##.$ $% % "1fl 6" % "1fl+4%+4 (ffiS* 5, =8$ " fifl (ffiS* 5,. fi3* fl# *"* #. <40fi0 % "#9" +% "ff 6%0fi0 fl5fl,(#fi % " 5fl#fi #fifi.$.<04( <"-% % fi2ffi(4"# 5,04#fl.$ 04#0 fl 4"# 5,fi21fi * 5,501% ;#% " fi0fi0 #"$5.ffi+8$4,(0fi0 fi20 % "%ffi(fl fl#,8$$ffi## 0fi0 # ff <" % "4"#<4# 4# ff ".1 *$ -,0fi0 *$ .$04#% :#5fi#,5,6$. #fi1fl (%1fl$ <0"$fl 1fl+% "5 "ff (%,($# fi<"$ #fi,- #fl 746$39- #fl$ <0"$fi-$./ " 649fi49fi 49fi8fifi# .fi2 fl$ 6 fi # 14-+; % "5 "#/ ,8$ffifififi" $ % " ".fi2% " fl <"0 fl$<4( #$ fl $fi "$1 *$ -flC fi fl$ <4$ "$ 1 "$$ ;#
#fl$ fl ff 1>#0ffl6 <fi%6<4$$ <4$5,.<04( fl8fifl($% " ffi # % " fi4% " +fi2fl5, +,(4"#50ffi4*ffi4**$ *$%#9"44;#% "0fi0 <4 fi2,( <"fl #%;#4-/ <4(fi4#1 fl #%4#.$5flfi2% "#fi # 7(.$ fl$ 1fl$0fi0 0ffl 34 1fl$$fl,* #"501% #+fi $02/ fi#9"%=8$"ffl fi <,(% " fl04fl$#9"5;4fi5 #',,ffl =8$1 #6$fl<4( $fl 4"# 4"#5,% " 5,fifi0fi0 $4# +fl"$fl"$%fi $4ff 60fiffi9fifi29$ $fi"fl % " $fi"fl ffl"#fi"fl (4((<$4+8$fi"fiffl fifi2% "fl"# ffi("$fl"$ffi9 04fifl ,*$"$fl"$9$fiffi($fi 0ffl34fl+ff #fi#9"<4 ffi9(%fi29$fi <4ff 6 9",*5,6 9" $fl 0 +5 +. $fl .,8$ fl $" #2 "<0"$ff 6+8$ fi # ,8$% "1:#"395" *$5<"%0<"% fi,fi1fi "$ * 50 0fi$<4(,*5,6$39. fl ,*Cffl"$$ <4($ +"## % " "$$fl-0* "1fifi+"$fl ,*C6$;4fi5<$"54# ffi(ffifflff,$ " $%& fi 50+8$ffi #fl 6#0 ffi# % ""0fi$5 0fifi2fi2 9 68. "$fi./ ,(1(;# <4% "50 <"<50 fl 6#0 ffi#ffi346$$,*$/ fl- 6$ffi(ffifflff,% "% fl50 fl "<< fl fi#,fl # 1$6$fl% " %01$6$fl0 flffl # fi 34fi*68.,fi$ ffi(fl 6#0 ffi# fi250 4fi ' "fl,(,,"#%5$5$ 50 0ffl341fl$fi-fi #"50fi*4 0 (fl #fi fl (#(# ;fi#%0 ,% " 04< $fl08$ *fi(T ,(fi2%ffi(%$fi2 0ffl 34fi2% fi,,"#,(,"#ffi(%fi250 0ffl34fl,"#+8$,"#% #"-fl #fi6 1, 1,05, ,( -4#ffi# *<4(,*5,50<04fi04%0 fl+5,.$% "#9"<4 * $*$,( fi#ffi#$%fi2<04fi04%0 % "fi*(;# (% *0-=.-#$fi4# 168fi"fl .%fi ffi(ffifflff,$ %fi2ffifl ,*C.$$;4fi<4($ ff $% "% 50fl4" , 7*0#
ffl ffl *fi4.#$ ffifi250ffi( #",*W/,W/fi*.fi*.fi*% "0#ffl% "+# $fi2% "%;(% "$fl<04(<"fi*0 #fi? fi*0fflfi*34fi* ( "-0*ffi(ffifflff,,8$$ %ffi(ffifi;$"fl#fi* .$<"fi*fi2#$ % "9,fi"fi*<%0 fi*<%0 7*0# fi* #,7*0# 5 #,7*0# (%/ fi2fl 7*0#6"fi % "%fl ffi( 0 ( 61<1 7fl+8$%fflfi6<4("fi;4fi ffi(ffifflff,,8$ fl ffi( 1fl 0 ( %" *504.#$ ffiffi( #"50>Qfl$,fi*%.$/ * *$ $fl $fi #9" #"50 04&Q,fi*%1* #% "fl#4 .4 fi**0"#<4*.$ # 5 * 0"#<4*.$ #/ ;#% "fi2% "fi?% "(ffl+ -ffl$501(;# fl,(%"% <,(1(;# %1/ 01O fi4%ffi#$ $ $ <" 4'*.$0#$#% 7*0#% fl50 " 1 .1fi$fi$fl$ffl"$0" 5 # fl$(fi<"$"$/.% "..% ". * #04fflfi04*fi fl ,*$fi2 % "$ +(% fi2.$. 68.#9"fi . (fi2"* . fi<"$fi2"* +5,% "5,% " 0ffl 34 ##"$# " 50 * *$6$.$;4fi fi2"fifi% %9 6.0 <4,(3*fi(% +5, 0ffl 34 ##"$#(%/ fi2.$. *$"$/ - 5 ,+8$#ffl6# 6$ <4,8$*.$% #0ffl34"5 % "%<4 fi250 fl 0 ( "5 % "% #"50fi*4 0fl (#(# fi"5 % "% 5 ffi#$ $ 3fi2#$% " fi"<"5 % "% % " # %0 #50 # fi",( #,6$# #fi" <4(7*0#%fi"<4 <4 %14 # % "fl# #4#+- -, 6$fi*4 ffi(fl fiffi"$% " (%fi*fi*4 fl 9 %68. "fi*4 #fi44 0*;0#44 .$044 <"fl 0*;0#fl fiffi"$ $fi#9" ". ",8$#fi"fi*4 1fl$fi5, ffl fi5,fiffi# * $0ffi# * $0,*5,6$fl50 #%<4( $0fl.$fl fi.fi2 $0fi %;4fi+"$fl"$% " -8fi<4(% "fl*" 1;? 'ffi .fi fiflfl fl ffi( ffl?#1 6.64#9"fl #% "% $ ffi >9$ ffi" < " * 0# %%0$ ffi >9$ %fl# % "%#9"fl#% "% 9 $$ *fi2% "%=8$6#9"#6. #9"#fi fi2fl#<",((4(fi fl 02<fi"". 9$<4(fi"ffi ffl?#% # 0 fi
" 00" $ ffi ffl?#42fi"09 %%0fi2fi(fi( ffi(ffifflff,,8$$ 50ffi## ( ($fl 1ffi46$5,$ #"50 % #4(fl.fl.fi4(flfi2flfi4($fl % "fi2 " +8$ $"1fl% "<4 fiflfl fl fiffi>9$395fi2504fi&K# #"fl ffl" ffl" 0 #fi2 # .<04( ffi(ffifflff,fi2 <4,(50" (%fi fi#9"fi2 fifi*fi2 fi%fi fi2 fi,,"#5 #fi2 fi (< $0ffi(ffifflff,fi2 fifi2 fi?fi2 ffi(;$"% "74"$ fflfi<$"fflfi ffl ffi501341(;# <fi" <4( fl<fi" *% fi#. ,(%,$#$#"% ffl"4-4% fi2% " #ffl"$#fi,fi*%ffi(fl 5 ,"# fflffl"# ffl"# 04fiff ffi#$ 6".fi2fl;4fiffffl<4 ff <$"%0,(1fifi+"$;4fi % "50,*C% " <"1fl$ "$ * .$0fi$ $fl ;4fi*<50 fl ,*Cffl"$$ fl $ ffl6#0ffl#34##+#ff <4ffi## $ 50,*C$,*5,50 660ffl34(,-5,,(-(%fi2 (ffiS*#"$%fi2 50 0ffl 341fl$fi-fifi? 0 + fi,("$fi2"$5 +fl"$ fl,( fi0 4fi20 % "50% % "50- ffi(,*#9"5-,6$ *'CC *'CC1 ,6$6$,* ;#fi*,*,(+9fi0 ffl$fl50%%0fi2% "fi*4 $fl50% ,*fi2% ff $fl50%,*fi2%;## *'CC ,*,8$16$>Jfi% ,8$650fflfi/ "-% (ffiS*)** fl flfflfl"flffl *#fl (ffiS* ff##5,fl 0fi$ ,$-ff 6% "$ * ,*5,50 fl $#25, 50 0ffl 34fflfi<$"fflfi ffl .<04( "1fiff ( 68. "fl #fi<4 fi,(-4#fl % "fl"#,(1>#<04( 50 *'CC6%,9 #fi(%$ 04#fl.$04#06fi20206$fi*4 02 06$fl #fi 0206$fl ;4: fl ;fiff fl 04$%#/ fi2($ # 4$%# "4$%# "04#fl.$04#0 49fi #<4 04 # <4ffi"< " #9#"## ##% #,0 % " 504<4,*.#fi" * fflff*D.$$ffi(fi -(4$ffi(fi>Jfi> $ffi(ffifflff,1#"$$-ffi2C 1ffi($fl<fi % fi00 14- +8$ffifi.$04# #" #fi -( ( $ #fl$ flff -% (ffiS*)**,(fi4#1fl% " *. ffl fflfi2fl ffl?#39 ff <4 fi< $ff fi202" fl$6#ffl*ffi#$<fl".
flffi fflff fi !"!! #$fi% $&'('&) *&)%&)+,' &)'fi#$)#' -'&)'fi#*&+,'). '$/01ffl2#)%&)3'#1 &)'fi#( ffl ffl'4 ffl %#(' 2#3/5# 1 -*# %#614 ' ff 2)3 #)'* ff7' & $#/0fi$8&13 # /0ffl5ff*.'#ffl5ff( #'(. *'1(' &)'fi#ffl 3!9/:. .33//5 /5 2.1ffl3#$ /$fi fiff7'));7'1$572).57#( &$ 3 .'fi#2 #/0& ff7'(<#'fi$1 5 *3 # *& /0&$*&3 2# 2)$'fi 7=)# =5ffl-ffl *&/03/ &)-'fi$ #'2ffl' *-$ $3 #*&'ffl32# #'&7' #'*$'ff7')5ffl-(/01 1ffl(' 1()-3/5%#2)./>fflffl #'(ffl'4 3 #1 ff)3ff) 3/ .###5ff#'4 'fi?%' ?@&1fi$ /0 $'/5 2)7=)# $ffl1 5$**2'# #'4-7(8 )<('2#&'5 $ 8/0fi(A2&#'7=('(. #fi/$ffl ;7'/0fi$/$ffl-'fi$fiB%/0 5-' . ffl'<*& ffl1 5)5' 5'5fi$'1#*)')< fi$'1#5% ff7'(<#'3/ 4 $'#ffl1 5)* #' ffl' *1 fifi -'fi$'1;7'/0=ffl (''1 '5)$ 5 ffl'B /01 -)4 ;7'5 (3 # 5 1<#*&3C #'( =)3C #'(3 #1 fi$'1.'/01ff2)$-- 5 8 '2)$?@ fi$'1. fi$5ffl<)'fflff'/0)&/:ff7'35%/0fi$fi-7( *-$#/$ffl-'fi$fi35% /01 #' ffl' ff7'(<#' # *-$# $(' 2)$#3/ 4. ffl1 5)5' &.1) 3/ 4 2)$&.1 Bffl-'1 /0
3/ *-$# $ ffl1 /) 2/)''ffl* $)5ffl- <&)('32## ffl*./) 2/)'3/ ff7'33/7=)# *#'4')%&)2)( (./$fiDffl/>fflffl ) /0&)'fi#ff7'/,( .# /01ffl5<&2)$&<&ffl'3 #3 fi$$<<fi.C /0 616% ffl*2#' 3 #* #B%*$<1 616% ffl**&3 8 3 #5'1' 1 * -'/0B%5''<' 2). 1 616% ffl**'(/0 1 7'-*&)%&)1/>fflffl#' $/0616% ffl* 1 $'/,( ;7'3 #1 11ffl#$ )%ffl= )%& ('fi$(' #''&#'61#'/$-2 &7'4 &)'3&)- $ %#< fi= 2#fi$1 </0'1.33 #3 1 /$5'1-'B% - %# . %#fi '!fl%/2#/:(3fiffl -7(/0!ffi%/ fi$?'Efi$3 .1'/0flF$ '3 #31ffl#$/01%/0 -'#B%**8)(2#.3 B% 55*&/0/,(/0'&7'< *&/01'ffl'ffl*2# )%&)('&) -*&1ffl#)(/0. <)' %#* 7=)# fi1 % ffl &25'5#'11 %1 G)*5#fi1$ 1 */0&) 5<1C/$&7' /$5<1C1/$fiDffl /$fiDffl' &) /0&)* ff 2#ffl #' 3 # &) /026 *2) 1 $&)3&)3 ('4 ffl 1 % /01' *&<1 5 & 3 #1 .3 fi$1 %1 G)* 3/*'Bffl . # $<1 *&2#2)$5# 3 &(-*&4 1('&('fi 7=&1 %ffl -$ . *&('&('/$fiDffl/>fflffl/01 /0 7= ) 6 ** 2)$1 /$fiDffl *&/03'*2#32)$/03'*2#fi#2 #B%/1' )1% B%2$<5'5 /01fi (' 1 %ffl /$<2) %# 3&. 1 #1 %.3 #'.&3'#