อ.สิริอร จุลทรัพย์
ความหมายของวรรณกรรมปัจจุบนั
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒
ให้ความหมายของวรรณกรรมว่า หมายถงึ งานหนังสือ,
งานประพนั ธ์, บทประพนั ธ์ทุกชนิดท้งั ทเี่ ป็ นร้อยแก้วและร้อยกรอง
**** ดงั น้ันจงึ กล่าวได้ว่า หนังสือทุกประเภท รวมถงึ วรรณคดี
ทุกเร่ืองเป็ นวรรณกรรม ส่วนจะมคี ุณค่าหรือได้รับการยกย่อง
มากน้องเพยี งใด ขนึ้ อย่กู บั เนื้อหาและศิลปะในการแต่ง
ในการพจิ ารณาว่าวรรณกรรมเรื่องใดเป็ นวรรณกรรมปัจจุบัน
ควรพจิ ารณาจากลกั ษณะปัจจยั ๒ ประการ ได้แก่
๑. เวลา ไม่มีกาหนดเวลาทีต่ ายตวั โดยท่วั ไปจะเริ่มนับจากท่ี
วรรณกรรมของไทย มลี กั ษณะเปลยี่ นแปลงไปจากอดตี เน่ืองจากได้รับอิทธิพล
จากตะวนั ตก คือ ต้งั แต่สมยั ร.๕ เป็ นต้นมา เนื่องจากมกี ารเปลยี่ นแปลงหลาย
อย่างเกดิ ขึน้ ในวงการวรรณกรรมไทย ทโี่ ดดเด่นและเห็นได้ชัดเจนที่สุด คือ
การรับเอาวรรณกรรมรูปแบบใหม่จากตะวนั ตก เช่น เรื่องส้ัน นวนิยาย ฯลฯ
๒. ลกั ษณะวรรณกรรม สิ่งท่ีเป็ นเครื่องกาหนดลกั ษณะการ
เขียนวรรณกรรมปัจจุบนั ของไทย คือ
๒.๑ อทิ ธิพลจากตะวนั ตก มีผลทาให้วรรณกรรมไทย
เปลยี่ นแปลง ท้งั รูปแบบ แนวคดิ เนื้อหาและกลวธิ ีการประพนั ธ์
๒.๒ สภาพสังคม เป็ นเคร่ืองกาหนดโลกทศั น์ให้แก่
นักเขียน
ลกั ษณะของวรรณกรรมปัจจุบนั
วรรณกรรมปัจจุบันมลี กั ษณะเด่นทส่ี าคญั ๓ ประการ คือ
๑. รูปแบบ วรรณกรรมปัจจุบนั มรี ูปแบบในการแต่งทห่ี ลากหลาย
มากขนึ้ กว่าเดมิ เช่น สารคดี เร่ืองส้ัน นวนิยาย บทละคร รวมถึงร้อยกรอง
ในปัจจุบนั
๒. เนื้อหา เน้นความสมจริง ไม่มุ่งเน้นศิลปะการแต่ง แต่จะสนอง
อารมณ์ของผ้อู ่านด้วยภาพจริงของสิ่งใกล้ตวั ส่ิงทพ่ี บเห็นได้จริง
*** ฉะน้ัน ในขณะทวี่ รรณกรรมในอดตี เน้นศิลปะการแต่ง
แต่วรรณกรรมปัจจุบนั เน้นการเสนอข้อคดิ ความคดิ เห็น
เพ่ือเป็ นการจุดไฟปัญญาให้ผู้อ่าน
ลกั ษณะของวรรณกรรมปัจจุบนั (ต่อ)
๓. แนวคดิ ของเรื่อง แนวคดิ ทปี่ รากฏในวรรณกรรมปัจจุบนั มี
หลายแนวความคดิ
วรรณกรรมในอดตี ส่วนใหญ่มักจะเสนอเร่ืองในแนวโรแมนตกิ
และอุดมคติ
วรรณกรรมปัจจุบัน เสนอภาพความเป็ นจริงของสังคมในทุก
แง่มุม เช่น สัจนิยม ธรรมชาตนิ ิยม หรือสัญลกั ษณ์ เป็ นการสร้าง
ความก้าวหน้า ทาให้มีแนวการเขยี นแปลกใหม่หลากหลาย
ความแตกต่างระหวา่ งวรรณกรรมในอดีต กบั วรรณกรรมปัจจุบนั
วรรณกรรมไทยในอดีต (สมยั สุโขทยั -ร.๔) กบั วรรณกรรมปัจจุบนั
(หลงั จากรับอทิ ธิพลจากตะวนั ตกในสมยั ร.๕ เป็ นต้นมา) มีความแตกต่างกนั หลายประการ
๑. จุดมุ่งหมายในการแต่ง
วรรณกรรมในอดตี สร้างขนึ้ เพ่ือสนองความต้องการของ
พระมหากษัตริย์ ชนช้ันสูงในสังคมและผู้มคี วามรู้ โดยมุ่งเน้นความไพเราะ
เป็ นหลกั ผ้เู ขยี นจึงเน้นการใช้ถ้อยคาให้มคี วามลกึ ซึ้งกนิ ใจ ก่อให้เกดิ
จนิ ตภาพ เน้นเสียงและสัมผสั ทไ่ี พเราะมากกว่าจะเน้นความคดิ สร้างสรรค์
ให้เกดิ สิ่งแปลกใหม่ขึน้ ในวงวรรณกรรม
วรรณกรรมปัจจุบนั สร้างขนึ้ เพื่อสนองความต้องการของคนใน
สังคม นอกจากผ้อู ่านจะได้รับความเพลดิ เพลนิ ยงั มุ่งให้ความรู้ ความคดิ
เหมือนเป็ นการสร้างประสบการณ์ให้เกดิ กบั ผ้อู ่าน
ความแตกตา่ งระหวา่ งวรรณกรรมในอดีต กบั วรรณกรรมปัจจุบนั (ต่อ)
๒. แนวคดิ
วรรณกรรมในอดตี มีแนวคดิ ส่วนใหญ่เป็ นแบบจนิ ตนิยม หรือ
อดุ มคตนิ ิยม เน่ืองจากเขยี นขนึ้ จากจินตนาการของผู้เขยี น โดยไม่คานึงถงึ
ความสมจริงหรือความเป็ นไปได้ เน้นให้ผู้อ่านเกดิ ความเพลดิ เพลนิ และ
สะท้อนความเช่ือทางพทุ ธศาสนา เร่ืองกฎแห่งกรรมและความเช่ือในสิ่ง
เหนือธรรมชาติ
วรรณกรรมปัจจุบนั มแี นวคดิ ส่วนใหญ่เป็ นแบบสัจนิยม สร้าง
เรื่องให้อย่บู นพืน้ ฐานความสมจริง หรือความเป็ นไปได้ในชีวติ จริง เร่ืองใด
ทม่ี คี วามสมจริงมาก กจ็ ะได้รับการยกย่องมากขึน้ สะท้อนความเช่ือทเี่ ป็ น
วทิ ยาศาสตร์ และยงั นาแนวคิดแบบตะวนั ตกมาสะท้อนในวรรณกรรมไทย
เช่น แนวคดิ แบบธรรมชาตนิ ิยม และอตั นิยม
ความแตกต่างระหวา่ งวรรณกรรมในอดีต กบั วรรณกรรมปัจจุบนั (ต่อ)
๓. รูปแบบ
วรรณกรรมในอดตี นิยมรูปแบบในการเขยี นเป็ นร้อยกรอง
มากกว่าร้อยแก้ว เนื่องจากถูกสร้างขนึ้ เพื่อใช้สาหรับการฟังมากกว่าการอ่าน
และยงั สามารถแสดงฝี มือของผู้เขียนได้เตม็ ที่ เป็ นเร่ืองขนาดยาว เคร่งครัด
ด้านฉันทลกั ษณ์ มกี ารเล่าเร่ืองต่างๆอย่างละเอยี ด
วรรณกรรมปัจจุบัน มรี ูปแบบในการเขียนทนี่ ิยมร้อยแก้วมากกว่า
ร้อยกรอง เพราะสามารถเสนอสารทผ่ี ้เู ขียนต้องการสื่อมายงั ผู้อ่านได้
ชัดเจน เนื่องจากไม่ถูกกาหนดด้วยฉันทลกั ษณ์ในการแต่ง ผู้เขยี นจงึ
สามารถแสดงความคดิ ของตนได้เตม็ ที่
ความแตกต่างระหวา่ งวรรณกรรมในอดีต กบั วรรณกรรมปัจจุบนั (ตอ่ )
๔. เนื้อหา
วรรณกรรมในอดตี เนื้อหาอยู่ในวงจากดั ซ้าไปซ้ามาและไกลตวั
ผู้อ่าน เช่น เร่ืองราวของกษัตริย์ เทวดา นรก-สวรรค์ และส่วนใหญ่จะเป็ น
เรื่องราวแบบจกั รๆวงศ์ๆ หรือเรื่องเกย่ี วกบั ศาสนา
วรรณกรรมปัจจุบนั ผู้เขยี นนิยมแต่งเร่ืองทม่ี เี นื้อหาใกล้ตวั
สะท้อนให้เห็นสภาพชีวติ มนุษย์และสังคมรวมถงึ ปัญหาต่างๆทเี่ กดิ ขึน้ ใน
สังคม เช่น ปัญหาการกดขข่ี ่มเหง ปัญหาเศรษฐกจิ นอกจากนีผ้ ู้เขยี นบาง
คนไม่เพยี งแค่สะท้อนสภาพปัญหาสังคมเท่าน้ัน แต่ยงั ชี้แนะแนวทาง
วธิ ีแก้ไขปัญหาต่างๆไว้ให้สังคมอกี ด้วย
ความแตกตา่ งระหวา่ งวรรณกรรมในอดีต กบั วรรณกรรมปัจจุบนั (ตอ่ )
๕. ตัวละคร
วรรณกรรมในอดตี ตวั ละคนส่วนใหญ่มีลกั ษณะไม่สมจริง และ
เป็ นตวั ละคนในอุดมคติ หรือตวั ละครทม่ี ลี กั ษณะเหนือธรรมชาติ เช่น นาง
เงือก กนิ นรี ตัวละคนท่ีปรากฏส่วนใหญ่เป็ นตวั ละครที่มสี ถานภาพสูงใน
สังคม เช่น กษัตริย์ เจ้าชาย เจ้าหญิง ส่วนตวั ละครทเี่ ป็ นสามัญชนมนี ้อย
มาก และตวั ละคนมบี ุคลกิ คงท่ตี ้ังแต่ต้นจบจนเร่ือง
วรรณกรรมปัจจุบัน ผู้เขยี นนิยมสร้างตวั ละครให้มลี กั ษณะ
สมจริงตามธรรมชาติ เช่น หากเป็ นคนกจ็ ะมีท้งั ข้อดขี ้อเสียในตัวเอง
เหมือนกบั คนในสังคมทพี่ บเห็นได้ทว่ั ไป พฤติกรรมและนิสัยสอดคล้องกบั
ภูมหิ ลงั ของตวั ละคร เช่น การศึกษา เพศ วยั ฐานะ อาชีพ ฯลฯ
ความแตกต่างระหวา่ งวรรณกรรมในอดีต กบั วรรณกรรมปัจจุบนั (ต่อ)
๖. ฉาก
วรรณกรรมในอดตี ฉากและบรรยากาศในเรื่องมกั เป็ นส่ิงสมมุติ มี
ลกั ษณะเหนือธรรมชาติ มุ่งเน้นความงดงาม เพ่ือให้ผู้อ่านเกดิ ความต่ืนเต้น
และดงึ ดูดความสนใจจากผ้อู ่าน เช่น ฉากป่ าหิมพานต์
วรรณกรรมปัจจุบัน การสร้างฉากจะยดึ ความสมจริง เช่น หาก
เป็ นฉากภาคเหนือของประเทศไทยกจ็ ะเตม็ ไปด้วยเทือกเขาสูงจานวนมาก
ความแตกตา่ งระหวา่ งวรรณกรรมในอดีต กบั วรรณกรรมปัจจุบนั (ตอ่ )
๗. กลวธิ ีการดาเนินเร่ือง
วรรณกรรมในอดตี ไม่เน้นความหลากหลาย หรือความแปลกใหม่
ในด้านกลวธิ ีการดาเนินเร่ืองมากนัก แต่จะคานึงถงึ ศิลปะในการใช้ถ้อยคา
และอรรถรสของเร่ืองเป็ นสาคญั ส่วนวธิ ีการดาเนินเร่ืองจะคล้ายกนั ในทุกๆ
เรื่อง คือดาเนินเรื่องไปตามลาดบั เวลา
วรรณกรรมปัจจุบนั เน้นศิลปะในการดาเนินเรื่องเป็ นสาคญั เน้น
ความแปลกใหม่ น่าสนใจและความหลากหลายในการนาเสนอเรื่องเพ่ือ
ดงึ ดูดความสนใจจากผู้อ่าน
ความแตกตา่ งระหวา่ งวรรณกรรมในอดีต กบั วรรณกรรมปัจจุบนั (ตอ่ )
๘. คุณค่า
วรรณกรรมในอดตี ให้คุณค่าทางอารมณ์แก่ผู้อ่านยงิ่ กว่าอย่างอ่ืน
แม้จะมวี รรณกรรมหลายเรื่องทม่ี ุ่งสั่งสอนแต่กม็ กั สร้างเรื่องให้ผู้อ่านเกดิ
ความศรัทธาเล่ือมใสมากกว่าจะให้คุณค่าทางปัญญา
วรรณกรรมปัจจุบนั ให้คุณค่าทางปัญญามากกว่าคุณค่าทาง
อารมณ์ มุ่งให้ความรู้ความคดิ ในแง่มุมต่างๆอย่างกว้างขวาง เป็ นเคร่ืองมือ
ให้ผ้อู ่านหาประสบการณ์ในด้านต่างๆของชีวิต
ปัจจยั ที่ทาใหว้ รรณกรรมในอดีตเปลี่ยนแปลงมาสู่วรรณกรรมยคุ ปัจจุบนั
๑. ความเจริญทางด้านการศึกษา กล่าวคือ ในสมยั ร.๕ มกี าร
ปฏิรูประบบการศึกษา การศึกษาจงึ ขยายตวั สู่สามญั ชนเพมิ่ มากขึน้
ประชาชนจงึ มคี วามรู้มากขึน้ ด้วย ดงั น้ันการเขยี นเร่ืองทม่ี เี นื้อหาแบบเดมิ
ซ้าไปซ้ามา ย่อมก่อให้เกดิ ความเบื่อหน่ายแก่ผ้อู ่าน และเมื่อผ้เู ขียนมคี วามรู้
มากขึน้ กจ็ ะมเี ร่ืองราวหรือวตั ถุดบิ มากขนึ้ ด้วย สามารถสร้างสรรค์รูปแบบ
เนื้อหาและกลวธิ ีในการเขยี นให้หลากหลาย
ปัจจยั ท่ีทาใหว้ รรณกรรมในอดีตเปล่ียนแปลงมาสู่วรรณกรรมยคุ ปัจจุบนั (ต่อ)
๒. ความก้าวหน้าทางด้านการพมิ พ์ เป็ นวทิ ยาการใหม่ทม่ี ีผลต่อ
การเปลยี่ นแปลงของวรรณกรรมอย่างมาก เนื่องจากมบี ทบาทในการเป็ น
สื่อกลางทางความคดิ ระหว่างผ้อู ่านกบั ผู้เขยี น ช่วยในการเผยแพร่งานเขยี น
ชนิดใหม่ทไ่ี ด้รับอทิ ธิพลมาจากตะวนั ตก โดยเฉพาะในช่วงสมยั ร.๕ กจิ การ
ด้านการพมิ พ์เจริญก้าวหน้ามาก มกี ารประกาศชักชวนให้คนอ่านส่งเรื่องท่ี
แต่งหรือแปลไปลงจะมคี ่าตอบแทนให้ จึงทาให้วรรณกรรมปัจจุบัน
ขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ปัจจยั ท่ีทาใหว้ รรณกรรมในอดีตเปลี่ยนแปลงมาสู่วรรณกรรมยคุ ปัจจุบนั (ตอ่ )
๓. สภาพเหตุการณ์ทางการเมืองและสังคม ก่อนการเปลย่ี นแปลง
การปกครองในปี พ.ศ. ๒๔๗๕ สังคมไทยมกี ารแบ่งชนช้ันในสังคม เป็ นส่ิง
ทท่ี าให้เกดิ ช่องว่างระหว่างคนในสังคม วรรณกรรมในอดตี จึงถูกสร้างขึน้
เพื่อสนองความต้องการของคนเพยี งกลุ่มเดยี วคือชนช้ันสูง ดงั น้ันหลงั จาก
เปลย่ี นแปลงการปกครอง ส่งผลให้สภาพสังคมไทยเปลย่ี นแปลงไป คือชน
ช้ันสูง หรือชนช้ันศักดนิ าลดบทบาทของตนเองลงและชนช้ันกลางเข้ามามี
อานาจควบคุมการเมือง สังคมแทน ส่งผลให้วรรณกรรมไทยขยายวงกว้าง
มากขนึ้ มเี นื้อหาในการสะท้อนภาพสังคมและชนช้ันกลางมากขนึ้
งานเขยี นจึงมเี นื้อหาหลากหลายขึน้
ปัจจยั ท่ีทาใหว้ รรณกรรมในอดีตเปลี่ยนแปลงมาสู่วรรณกรรมยคุ ปัจจุบนั (ต่อ)
๔. ความต้องการของตลาด เมื่อมผี ้อู ่านและผ้เู ขียนมากขึน้ ทาให้
ผู้อ่านมเี รื่องให้เลือกอ่านมากขึน้ หากผ้อู ่านนิยมอ่านงานเขยี นแบบใดผู้เขยี น
กต็ ้องเขียนเร่ืองในแนวน้ัน มิน้ันจะไม่มีใครอ่านงานของตนและทาให้รายได้
ลดลงไปด้วย
ปัจจยั ที่ทาใหว้ รรณกรรมในอดีตเปลี่ยนแปลงมาสู่วรรณกรรมยคุ ปัจจุบนั (ต่อ)
๕. อทิ ธิพลทางด้านเศรษฐกจิ หลงั จากเปลย่ี นแปลงการปกครอง
ระบบอุปถมั ภ์กวใี นราชสานัก หยุดชะงกั ลง จากสภาพการดงั กล่าวทาให้
นักเขียนจาเป็ นต้องเขียนหนังสือเพื่อหารายได้เลยี้ งตนเอง จึงต้องเขียนงาน
ตามความต้องการของตลาดเพ่ือให้ขายได้ ประกอบกบั ความเจริญก้าวหน้า
ทางด้านการพมิ พ์ทาให้เกดิ การต้งั สานักพมิ พ์แพร่หลายมากขึ้น นักเขยี นมี
แหล่งรับซื้อเร่ืองเป็ นประจา เกดิ การจ้างนักเขียนประจาสานักพมิ พ์ทาให้
นักเขยี นมโี อกาสประกอบอาชีพ การสร้างสรรค์วรรณกรรมจึงมลี กั ษณะ
เป็ นการค้าในระบบทุนนิยมมากขนึ้
ปัจจยั ท่ีทาใหว้ รรณกรรมในอดีตเปล่ียนแปลงมาสู่วรรณกรรมยคุ ปัจจุบนั (ตอ่ )
๖. ความต้องการรูปแบบวรรณกรรมทส่ี อดคล้องกบั ชีวติ จริง
หลงั จากที่ได้รับอทิ ธิพลจากะวนั ตกในด้านต่างๆ ในสมยั ร.๕ วถิ ีชีวติ ของคน
ไทยเปลยี่ นแปลงไปจากเดมิ เนื่องจากความเจริญก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี
ส่งผลต่องานวรรณกรรมด้วย เพราะผ้อู ่านต้องการอ่านเรื่องทเี หตุผล มีความ
สมจริงคล้ายกบั ส่ิงท่ีผู้อ่านพบเห็นในชีวิตจริง ซ่ึงวรรณกรรมในอดตี ไม่
สามารถตอบสนองต่อความต้องการดังกล่าวได้
กาเนิดและพฒั นาการของวรรณกรรมปัจจุบนั
วรรณกรรมปัจจุบันของไทยเริ่มถือกาเนิดเป็ นคร้ังแรกในช่วงปลาย
สมยั ร.๕ โดยเริ่มมาจากกลุ่มของผู้ทก่ี ลบั มาจากการศึกษาต่อต่างประเทศ
และนาเอารูปแบบวรรณกรรมของตะวนั ตกเข้ามาเผยแพร่และได้รับความ
นิยมจนถึงปัจจุบัน
พฒั นาการของวรรณกรรมปัจจุบนั สามารถแบ่งออกเป็ น ๗ ช่วง
ได้แก่
กาเนิดและพฒั นาการของวรรณกรรมปัจจุบนั (ตอ่ )
๑. ช่วง พ.ศ. ๒๔๔๓ – ๒๔๖๙
ระยะเวลานีค้ ือช่วงปลาย ร.๕ – ร.๖ ช่วงเวลาดงั กล่าวสังคมไทยมี
การเปลยี่ นแปลงไปอย่างมาก เน่ืองจากได้รับอทิ ธิพลจากตะวนั ตก เช่น การ
ปกครอง สาธารณสุข วรรณกรรม
การเปลยี่ นแปลงด้านวรรณกรรมที่เห็นได้ชัดเจน คือ วรรณกรรม
ประเภทร้อยแก้วได้รับความนิยมแทนทว่ี รรณกรรมประเภทร้อยกรอง ใน
ระยะนีง้ านวรรณกรรมส่วนใหญ่เป็ นงานแปลหรือดดั แปลงเรื่องส้ัน
นวนิยายจากต่างประเทศ
กาเนิดและพฒั นาการของวรรณกรรมปัจจุบนั (ตอ่ )
๒. ช่วง พ.ศ. ๒๔๗๐ – ๒๔๗๔
ช่วงเวลานีเ้ ป็ นรัชสมยั พระบาทสมเดจ็ พระปกเกล้าเจ้าอย่หู ัว ก่อน
การเปลย่ี นแปลงการปกครอง บ้านเมืองได้รับความกระทบกระเทือนจาก
สงครามโลกคร้ังที่ ๑ เศรษฐกจิ ตกต่าไปทวั่ โลก หนังสือพมิ พ์เร่ิมมบี ทบาทใน
การแนะแนวความคดิ เห็นแก่ประชาชนในด้านการปกครอง
ปัจจัยดงั กล่าวส่งเสริมให้นักเขียนหนุ่มสาวกล้าแสดงความคดิ เห็น
ต่อสังคมและการเมืองมากขนึ้ ด้านวรรณกรรมแปลและดดั แปลงจาก
ต่างประเทศมนี ้อยลง นวนิยายเรื่องส้ันมลี กั ษณะเป็ นไทยมากขึน้ เริ่มมี
นวนิยายประเภทเสนอข้อคดิ และสะท้อนการเปลยี่ นแปลงของสังคมขึน้
กาเนิดและพฒั นาการของวรรณกรรมปัจจุบนั (ตอ่ )
๒. ช่วง พ.ศ. ๒๔๗๐ – ๒๔๗๔ (ต่อ)
ผู้ทไี่ ด้รับการยกย่องว่าเป็ นผู้ริเริ่มการเขียนในแนวนีไ้ ด้แก่
หม่อมเจ้าอากาศดาเกงิ รพพี ฒั น์ เร่ืองละครแห่งชีวติ เสนอแนวคิดเกยี่ วกบั
ปัญหาครอบครัวว่ามสี าเหตุมาจากการท่ีผู้ชายมภี รรยาหลายคน
นอกจากนีน้ ักเขยี นทมี่ บี ทบาททส่ี าคญั ในยุคนีไ้ ด้แก่ ศรีบูรพา
แม่อนงค์ ดอกไม้สด ด้านร้อยกรองจะมบี ทร้อยกรองขนาดส้ันแสดงความ
คดิ เห็นทางการเมือง
หม่อมหลวงบุปผา (กญุ ชร) นิมมานเหมนิ ท์
กหุ ลาบ สายประดษิ ฐ์
กาเนิดและพฒั นาการของวรรณกรรมปัจจุบนั (ตอ่ )
๓. ช่วง พ.ศ. ๒๔๗๖ – ๒๔๘๘
หลงั การเปลยี่ นแปลงการปกครอง มผี ลทาให้ชนช้ันกลางเริ่มมี
อานาจในสังคมแทนทีช่ นช้ันศักดนิ า มีผลทาให้วงการวรรณกรรม
เปลย่ี นแปลงไป เช่น นักเขยี นมภี าระต้องหาเลยี้ งชีพตนเอง มนี วนิยายแนว
ก้าวหน้าเกดิ ขึน้ เป็ นผลมาจากอดุ มการณ์คณะราษฎร์ในเร่ืองเสรีภาพและ
ความเสมอภาค
นวนิยายในช่วงนีเ้ ป็ นยุคเร่ิมต้นของนวนิยายทแี่ สดงความสานึก
ทางมนุษยธรรม
กาเนิดและพฒั นาการของวรรณกรรมปัจจุบนั (ตอ่ )
๓. ช่วง พ.ศ. ๒๔๗๖ – ๒๔๘๘(ต่อ)
นักเขียนเด่นๆของยุคนีค้ ือนักเขยี นทมี่ ผี ลงานมาแล้วในยุคก่อน เช่น
ศรีบูรพา ดอกไม้สด และแม่อนงค์ แต่วรรณกรรมในช่วงนีพ้ ฒั นาไปมากขึน้
เพราะไม่เพยี งสะท้อนปัญหาสังคม แต่พฒั นาถึงข้นั แสดงความเห็นใจต่อ
ชนช้ันตา่ ของสังคม
กาเนิดและพฒั นาการของวรรณกรรมปัจจุบนั (ตอ่ )
๓. ช่วง พ.ศ. ๒๔๘๙ – ๒๕๐๐(ต่อ)
ในระหว่าง พ.ศ. ๒๔๘๑ – ๒๔๘๕ จอมพล ป.พบิ ูลสงครามใช้
ระบอบเผดจ็ การทหารปกครองประเทศ รัฐจึงเข้าควบคุมวรรณกรรมโดย
การแต่งต้งั คณะกรรมการส่งเสริมวฒั นธรรมและภาษาไทย วางหลกั เกณฑ์
การเขียนหนังสือไทยขึน้ ใหม่โดยปรับปรุงอกั ษรไทยให้มี ๓๑ ตวั ทาให้
นักเขียนเกดิ ความสับสน นักเขียนบางคนจงึ เลกิ เขยี นหนังสือหันไป
ประกอบอาชีพอื่นแทน
ด้านบทร้อยกรองเสื่อมไปจากวงการวรรณกรรม ส่วนใหญ่ถูกใช้
เป็ นเคร่ืองมือทางการเมือง เพ่ือส่งเสริมความมัน่ คง
******** -ให้ตัดพยัญชนะและสระดงั ต่อไปนีอ้ อกไปคือ หมวดอกั ษรให้ตัด ฃ ฅ ฆ ฌ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ
ศ ษ ฬ หมวดสระ ให้ตัด สระ ใ ฤ ฤา ฦ ฦา
-ให้ตัดเชิง ญ ทงิ้ (ทเี่ ป็ นไม้หันอากาศห้อยอยู่ด้านล่าง )
-ให้เปลยี่ นคาที่ใช้ ทร ให้มาใช้ ซ แทน ทร เช่น ทรง ให้ใช้ ซง ทราบให้เป็ น ซาบ ทรวง ให้
ใช้ ซวง เป็ นต้น
-ให้ใช้ ย แทน ญ ในคาไทย ทุกคา เช่น หญงิ ให้เปลยี่ น เป็ น หยงิ แทน เป็ นต้น
-ให้ใช้ ส แทน ตัว ศ และ ษ เช่น ดาษดา ให้ใช้เป็ น ดาสดา ศาสดา ให้เปลยี่ น เป็ น สาสดา
แทน
-ให้เลกิ ใช้ ตัว อ นาหน้า เช่น อยู่ ให้เปลย่ี น เป็ น หยู่ อย่า เป็ น หย่า อยาก เปลยี่ นเป็ น หยาก
-ให้เลกิ ใช้ ร หัน (รร ) ให้เปลีย่ นมาใช้ อนั แทน เช่น บรร เปลยี่ นเป็ น บัน
-ให้ใช้เลขฮินดู-อารบิค เพยี งอย่างเดยี ว
-ไม่ใช้ไม้ไต่คู้ จากคาทมี่ าจากภาษา บาลี - สันสกฤต เช่น เบ็ญจ ให้เขยี น เป็ น เบญจ เป็ นต้น
ณ (นะ ) ให้เขียนเป็ น นะแทน เช่น ณ จุดหน่ึง เปลยี่ นเป็ น นะจุดหนึ่ง ณ สารขันธ์ เป็ น นะสารขันธ์
ท้งั นีว้ ธิ ีการเขยี นภาษาไทยตามแบบของจอมพล ป. พบิ ูลสงคราม ได้ใช้อยู่ เป็ นเวลา 3 ปี
และได้ล้มเลกิ เม่ือ ปี พ.ศ.2488
กาเนิดและพฒั นาการของวรรณกรรมปัจจุบนั (ต่อ)
๔. ช่วงพ.ศ.๒๔๘๙ –๒๕๐๐
ช่วงเวลานีจ้ อมพล ป.พบิ ูลสงคราม ออกรัฐธรรมนูญฉบบั ใหม่
จากดั เสรีภาพด้านการพูด เขยี น พมิ พ์ ให้แคบลงกว่าเดมิ นักเขียนหลายคน
ถูกจบั กมุ ในข้อหากบฏสันตภิ าพเน่ืองจากรวมกลุ่มเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลกิ
ระบบควบคุมการพมิ พ์ หนึ่งในน้ันคือ กหุ ลาบ สายประดษิ ฐ์ (ศรีบูรพา) ได้
เขียนนวนิยายสะท้อนปัญหาสังคมได้ชัดเจนจนมลี กั ษณะเป็ นนวนิยายแนว
เพื่อชีวติ
เร่ืองส้ันทม่ี ีชื่อเสียงในช่วงนีค้ ือ
เร่ืองส้ันชุด ฟ้าบ่ก้นั ของลาว คาหอม
กาเนิดและพฒั นาการของวรรณกรรมปัจจุบนั (ตอ่ )
๕. ช่วงพ.ศ.๒๕๐๑ – ๒๕๐๖
จอมพลสฤษด์ิ ธนะรัชต์ ปฏิวตั ิรัฐประหารและปกครองแบบเผดจ็
การทหาร รัฐบาลใช้มาตรการรุนแรงปรามปราบผ้ทู ม่ี คี วามคดิ เห็นขัดแข้ง
กบั รัฐบาล ส่งผลต่องานวรรณกรรม นักเขียนต้องจากดั บทบาทตวั เองลง
อย่างมาก เช่น ศรีบูรพา ขอลภี้ ัยการเมืองไปอยู่ต่างประเทศ ลาว คาหอม
เลกิ เขียนหนงั สือ
นักวชิ าการบางท่านจึงกล่าวว่ายุคนีเ้ ป็ นยุคมืดทางปัญญา เพราะ
เสรีภาพทางปัญญาถูกปิ ดกนั นักเขียนไม่สามารถแสดงความคดิ เห็นใดๆได้
หรืออาจเลยี่ งได้ว่าเป็ นยุควรรณกรรมนา้ เน่า
กาเนิดและพฒั นาการของวรรณกรรมปัจจุบนั (ตอ่ )
๖. ช่วงพ.ศ. ๒๕๐๗ – ๒๕๑๖
รัฐบาลจอมพล ถนอม กติ ติขจร จากการกดขขี่ องชนช้ันปกครองทา
ให้นักศึกษาเกดิ ความขดั แย้งทางความคดิ วธิ ีการหน่ึงทน่ี ักศึกษาเห็นว่าสาม
รถใช้เป็ นเคร่ืองมือในการวิจารณ์สังคมได้ คือวรรณกรรม นักศึกษาส่วนใหญ่
จงึ รวมตวั กนั ออกนิตยสารตามความสะดวก ซื้อขายกนั เองในมหาวทิ ยาลัย
นักเขยี นทมี่ ชี ่ือเสียงเช่น สุวรรณี สุคนธา เนาวรัตน์ พงศ์ไพบูลย์
นิธิ เอยี วศรีวงศ์
กาเนิดและพฒั นาการของวรรณกรรมปัจจุบนั (ตอ่ )
๖. ช่วงพ.ศ. ๒๕๐๗ – ๒๕๑๖ (ต่อ)
วรรณกรรมยุคนีเ้ ป็ นยคุ ของคนรุ่นใหม่ เพราะมกี ารสะท้อนสภาพ
สังคมในรูปแบบของการวเิ คราะห์ปัญหาทเี่ กดิ ขนึ้ เช่น เร่ืองถนนสายที่
นาไปสู่ความตายของ วทิ ยากร เชียงกลู เร่ืองคนบนต้นไม้ของ นิคม รายยวา
วรรณกรรมต่างๆเหล่านีม้ ีอทิ ธิพลปลกุ จิตสานึกและก่อให้เกดิ การ
รวมพลงั ทางการเมืองให้แก่นิสิตนักศึกษา
นามาสู่เหตุการณ์ ๑๔ ตุลา ๒๕๑๖
กาเนิดและพฒั นาการของวรรณกรรมปัจจุบนั (ตอ่ )
๗. ช่วงพ.ศ. ๒๕๑๖ – ปัจจุบัน
หลงั เหตุการณ์ ๑๔ ตุลา ๒๕๑๖ เป็ นยคุ ทเี่ รียกว่าประชาธิปไตย
เบ่งบาน งานเขยี นในแนวเพื่อชีวิตได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง เช่น
งานของจิตร ภูมศิ ักด์ิ
สภาพวรรณกรรมในช่วงนีเ้ ป็ นยุคทร่ี ุ่งเรืองเฟ่ื องฟูทส่ี ุด นักเขียน
กล้าแสดงออกอย่างเปิ ดเผย
แต่เมื่อมกี ารปฏริ ูปการปกครอง วนั ท่ี ๖ ตุลา ๒๕๑๙ รัฐบาลของ
นายธานินทร์ ไกรวเิ ชียร ซ่ึงมนี โยบายขวาจดั ได้เข้ามาปกครองประเทศ
นักเขยี นไม่กล้าสร้างสรรค์งานเขียนใหม่ๆเพราะกลวั ถูกจบั แต่หลงั จากท่ี
พลเอกเกรียงศักด์ิ ชมะนันทน์ เข้ามาทาหน้าท่ีบริหารประเทศ วรรณกรรม
เพ่ือชีวติ กก็ ลบั มาคึกคกั เหตุการณ์บ้านเมืองกลบั สู่สภาวะปกติ
ประเภทของวรรณกรรมปัจจุบนั
แบ่งตามลกั ษณะเนื้อหาของการเขยี น สามารถแบ่งได้เป็ น ๒
ประเภทดงั นี้
๑. ประเภทบนั เทิงคดี (Fiction) งานเขียนทผี่ ้แู ต่งสร้างสรรค์ขนึ้
โดยมจี ุดประสงค์ให้ผู้อ่านเกดิ ความเพลดิ เพลนิ เป็ นหลกั ได้รับความรู้แนว
ทางการดาเนินชีวติ ไปพร้อมในขณะเดยี วกนั ด้วย โดยปกตผิ ้เู ขยี นมักจะได้
เค้าโครงเรื่องมาจากความจริงของชีวติ
ประเภทของวรรณกรรมปัจจุบนั (ตอ่ )
รูปแบบของบันเทงิ คดแี บ่งออกได้ดงั นี้
๑.เรื่องส้ัน
๒.นวนิยาย
๓.บทละครพูด
ประเภทของวรรณกรรมปัจจุบนั (ตอ่ )
๒. ประเภทสารคดี (Non Fiction) คือวรรณกรรมร้อยแก้วทม่ี ุ่งให้
ผ้อู ่านได้สาระความรู้ ความคดิ เป็ นสาคญั
การเขยี นสารคดใี นประเทศไทยแต่เดมิ นิยมเขียนในรูปของ
พงศาวดาร จดหมายเหตุ แต่หลงั จากสมยั ร.๕ เป็ นต้นมาการเขียนสารคดมี ี
รูปแบบการเขยี นขยายกว้างไปจากเดมิ เช่น สารคดที ่องเทยี่ ว ชีวประวตั ิ
บทวจิ ารณ์
แบบฝึ กหดั
จงตอบคาถามต่อไปนี้
๑. จงอธิบายความหมายวรรณกรรมปัจจุบนั
๒. จงอธิบายความแตกต่างระหว่างวรรณกรรมในอดีตกบั
วรรณกรรมในปัจจุบนั
๓. นักศึกษาคดิ ว่าช่วงเวลาใดที่วรรณกรรมปัจจุบันมีพฒั นาการ
มากทสี่ ุด เพราะเหตุใด
เอกสารอ้างองิ
๑) ธวชั ปุณโณทก. ๒๕๒๗. แนวทางศึกษาวรรณกรรมปัจจุบนั . กรุงเทพฯ:
ไทยวฒั นาพานิช.
๒) รื่นฤทยั สัจจพนั ธุ์. ๒๕๓๘. วรรณกรรมปัจจุบนั . กรุงเทพฯ: ภาควชิ า
ภาษาไทยและภาษาตะวนั ออก คณะมนุษยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั รามคาแหง.