กระบวนการปฏบิ ตั งิ านการเงนิ ในสถานศึกษา
ระบบควบคุมการเงินของหน่วยงานยอ่ ย พ.ศ. 2544 ไม่ใช่ระบบบัญชี แต่เป็นระบบที่จดั ทาข้ึน
เพือ่ ควบคุมเงินในสถานศึกษา ระบบดงั กล่าวกาหนดใหจ้ ดั ทาทะเบียนคุมเงินแทนสมุดเงินสด (สมุดบญั ชี)
โดยกระบวนการในการควบคุมเป็นดงั น้ี
ระบบการควบคุมเงนิ ของหน่วยงานย่อย พ.ศ. 2544
การบนั ทกึ ควบคุมเงนิ
เงินงบประมาณ เงินนอกงบประมาณ เงินรายได้แผน่ ดนิ
รบั จ่าย รับ/นำส่ง
ทะเบยี นคุม ทะเบยี นคุม
หลกั ฐานขอเบิก ใบสำคญั ค่จู ่าย ทะเบียนคมุ การรบั
และนำสง่
ส่งเบิก ทะเบียนคมุ เงินนอกงบประมาณ
สพม.ส3พ9ท. ประเภท.........................................
(แยกคุมตามประเภทการรบั -จา่ ย
เจ้าหน/้ี ผู้มีสิทธิรบั
เงนิ
สพม เขต 39 แจ้งสถานศึกษาทราบ รายงานเงินคงเหลือประจำวัน
หลังจากจา่ ยเงนิ ใหเ้ จา้ หนี้/ผู้มีสิทธิรบั เงิน
หมายเหตุ กรณีท่ี สพม.ไม่ได้โอนเงินงบประมาณใหเ้ จา้ หน/ี้ ผ้มู สี ทิ ธโิ ดยตรง แต่โอนเขา้ ไว้ในบัญชีเงิน
อดุ หนนุ ท่ัวไป ใหส้ ถานศกึ ษาบันทึกรายการเช่นเดยี วกับเงินนอกงบประมาณ
เงินที่สถานศึกษาได้รับแบ่งออกเปน็ 3 ประเภท ดังน้ี
1. เงินงบประมาณ
2. เงินนอกงบประมาณ
3. เงนิ รายได้แผ่นดิน
เงนิ งบประมาณ
หมายถึง เงินท่ีสว่ นราชการได้รบั ตามพระราชบญั ญตั งิ บประมาณรายจ่ายประจำปี หรือเบกิ จา่ ยใน
รายจ่ายงบกลาง รายจ่ายตามงบประมาณจำแนกออกเป็น 2 ลกั ษณะ ได้แก่
1. เงินงบประมาณรายจา่ ยของสว่ นราชการและรฐั วสิ าหกิจ ไดแ้ ก่
1.1 งบบุคลากร 1.2 งบดำเนินงาน
1.3 งบลงทนุ 1.4 งบเงนิ อุดหนุน
1.5 งบรายจ่ายอื่น
2. เงินงบประมาณรายจ่ายงบกลาง ไดแ้ ก่
2.1 เงินเบยี้ หวัดบำเหน็จบำนาญ
2.2 เงนิ ชว่ ยเหลือข้าราชการ ลูกจา้ ง และพนกั งานของรัฐ
2.3 เงนิ สวสั ดิการค่ารักษาพยาบาล/การศกึ ษาบุตร/เงินช่วยเหลือบุตร
2.4 เงนิ สำรองเงนิ สมทบและเงนิ ชดเชยข้าราชการ
2.5 เงินเล่ือนขัน้ เลือ่ นอันดับเงินเดอื นและเงินปรับวฒุ ขิ ้าราชการ
สำหรบั เงินงบประมาณ สถานศกึ ษาวางเบิกโดยใชห้ นงั สอื ราชการสง่ เรื่องเบิก และสำนักงานเขต
พื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 39 จะทำหน้าท่ีเบิกจ่ายเงินให้เจ้าหน้ี หรือผู้มีสิทธิรับเงินแทน
สถานศึกษาเม่ือสถานศึกษาส่งเอกสารและหลักฐาน เพ่ือเบิกกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 39 ให้บนั ทึกรายการในทะเบียนคุมหลักฐานขอเบิก
เงนิ นอกงบประมาณ
หมายถงึ เงินท่ีกฎหมายกำหนดไม่ต้องนำส่งเป็นเงินรายได้แผน่ ดิน หรือเงนิ ทไี่ ด้รบั อนุญาตให้เกบ็ ไว้
ใชจ้ า่ ยได้ตามพระราชบัญญัติ วธิ ีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 มาตรา 24 ซึ่งสถานศึกษาจะได้รับ ดงั นี้
1. เงินอดุ หนุนทัว่ ไป 2. เงนิ รายได้สถานศึกษา
3. เงินภาษีหัก ณ ท่ีจา่ ย 4. เงนิ ลกู เสือ
5. เงนิ เนตรนารี 6. เงนิ ยุวกาชาด
7. เงนิ ประกันสัญญา 8. เงินประกนั ซอง
1. เงินอดุ หนนุ ทัว่ ไป เนอ่ื งจากมบี ทบัญญัติในรัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช
2550 และ พระราชบัญญตั กิ ารศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 และทแ่ี กไ้ ขเพิ่มเตมิ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2545
กำหนดให้บุคคลมีสทิ ธิเสมอกันในการไดร้ ับการศกึ ษาโดยไมเ่ ก็บค่าใช้จ่ายอยา่ งน้อย 12 ปี โดยให้รฐั จัดสรร
เงินอุดหนุนทั่วไป เพ่ือเป็นค่าใช้จ่ายรายคนที่เหมาะสมแก่ผู้เรียน ทั้งสถานศึกษาของรัฐและเอกชน เงิน
อุดหนนุ ทส่ี ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ( สพฐ.) จัดสรรให้สถานศกึ ษา มดี ังน้ี
1.1 เงนิ อดุ หนนุ ค่าใช้จา่ ยในการจดั การศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน (ค่าใชจ้ ่ายรายหวั )
1.2 เงนิ อดุ หนนุ ค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน (เงินปัจจัยพื้นฐานนกั เรียนยากจน)
1.3 เงินอุดหนนุ ค่าใชจ้ ่ายในการจัดการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน (คา่ อาหารสำหรบั นักเรียนพักนอน)
1.4 เงนิ อุดหนนุ โครงการสนบั สนนุ การจดั การศึกษาโดยไม่เสียคา่ ใช้จา่ ย 15 ปี
1.1 เงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาข้ันพื้นฐาน (คา่ ใชจ้ ่ายรายหัว) จัดสรรให้สถานศกึ ษาเพ่อื ใช้
ในการจัดการเรียนการสอนให้ได้ประโยชน์สูงสุดในการพัฒนานักเรียน ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี
2) พ.ศ. 2545 โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นผู้โอนเงินตรงให้กับสถานศึกษา ในปี พ.ศ.
2550
เกณฑ์จัดสรรเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายหัวใช้ข้อมูลนักเรียน ณ วันที่ 10 มิถุนายน อัตรารายหัวตั้งแต่
ปีงบประมาณ 2553 เริ่มใช้ในภาคเรียนท่ี 2 ของปีการศึกษา 2552 การใช้จ่ายเงินงบประมาณ งบเงินอุดหนุน
สถานศึกษาต้องถือปฏิบัติตามระเบียบท่ีกระทรวงการคลังกำหนด ตามหนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด ที่ กค
0409.6/ว 126 ลงวันที่ 7 กันยายน 2548 และตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
กำหนด ตามหนังสือสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานที่ ศธ 04006/2279 ลงวันที่ 16 ธันวาคม
2548 เรื่องหลักเกณฑ์และแนวปฏบิ ตั ิการใชจ้ ่ายงบประมาณ งบเงนิ อดุ หนนุ มีสาระ สำคญั ดงั น้ี
1. เมื่อสถานศึกษาได้รับเงินอุดหนุนเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของสถานศึกษาเรียบร้อยแล้ว สถานศึกษาต้อง
ใช้จ่ายเงินภายในปีงบประมาณ กรณมี ีเงินเหลืออยู่และยงั ไม่ส้ินสดุ โครงการใหร้ บี ดำเนินการเสรจ็ สน้ิ อย่างชา้ ภายใน
ปีงบประมาณถัดไป เช่น ได้รับเงินงบประมาณปี 2561 สถานศึกษาสามารถใช้จ่ายได้ 2 ปีงบประมาณ
หมายถงึ ภายในปีงบประมาณ 2561 และปงี บประมาณ 2562
2. สถานศึกษาใชจ้ ่ายเงินไม่หมดตามระยะเวลาข้อ 1 เงนิ ท่เี หลือต้องสง่ คนื คลังเป็นเงินรายไดแ้ ผ่นดนิ
3. ดอกเบยี้ ที่เกดิ จากเงินฝากธนาคาร สถานศกึ ษาตอ้ งนำส่งคนื คลังเปน็ เงนิ รายได้แผน่ ดิน
4. การจดั ซ้อื /จา้ ง ปฏบิ ัติพระราชบญั ญตั ิ การจัดซ้อื จัดจา้ งและการบรหิ ารพัสดภุ าครัฐ พ.ศ. 2560 และ
ทแ่ี กไ้ ขเพ่ิมเติม
5. บันทึกรายการรับ-จ่ายเงินในทะเบียนคุมท่ีเก่ียวข้อง ตามระบบการควบคุมเงินของหน่วยงานย่อย
พ.ศ. 2544
6. การใช้จ่ายเงินต้องเกิดประโยชน์ต่อนักเรียนเป็นลำดับแรก และใช้จ่ายให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่
สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐานกำหนด
7. หลักฐานการใชจ้ ่ายเงิน ให้สถานศึกษาเปน็ ผู้เก็บรักษาไว้ และสามารถเรียกตรวจสอบได้
เพื่อให้การใช้จ่ายเงินอุดหนุนท่ัวไป รายการเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน(เงิน
อดุ หนนุ คา่ ใช้จา่ ยรายหวั ) ให้เกดิ ประโยชน์ต่อการเรียนการสอนมากทสี่ ดุ ใหส้ ถานศกึ ษาปฏิบัติ ดังนี้
1. ให้สถานศึกษาจัดทำแผนปฏิบัติงานประจำปีของสถานศึกษาท่ีสอดคล้องกับนโยบายและจุดเน้น
ของสำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน (สพฐ)
2. เสนอแผนปฏิบัติงานประจำปีของสถานศกึ ษาให้ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษา
ขั้นพ้ืนฐาน
3. รายงานผลการดำเนนิ งานของสถานศกึ ษาใหส้ าธารณชนได้รบั ทราบ
4. การใชจ้ า่ ยงบประมาณตอ้ งสอดคล้องกบั แผนปฏิบตั ิงานประจำปขี องสถานศึกษา
ลักษณะการใช้จ่ายเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน (เงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายหัว) ให้
ปฏิบตั ติ ามระเบียบของทางราชการทเี่ กยี่ วขอ้ ง โดยให้ใช้ในลักษณะ 3 ประเภทงบรายจ่าย ดังน้ี
1. งบบุคลากร เช่น คา่ จา้ งครูอัตราจา้ งรายเดือน จ้างพนักงานขับรถ
2. งบดำเนนิ งาน
(1) ค่าตอบแทน เชน่ ค่าตอบแทนวิทยากร , คา่ ตอบแทนวิทยากรวชิ าชพี ท้องถิ่น ฯลฯ
(2) คา่ ใช้สอย เช่น ค่าเบย้ี เล้ยี ง ค่าเช่าท่ีพกั ค่าพาหนะ คา่ จ้างซ่อมแซม ค่าจ้างเหมาบรกิ าร
คา่ พาหนะพานกั เรียนไปทัศนศกึ ษาแหลง่ เรยี นรู้ ฯลฯ
(3) ค่าวัสดุ เช่น ค่าวสั ดกุ ารศึกษา ค่าเครื่องเขียน คา่ วัสดเุ วชภัณฑ์ คา่ ซ่อมแซมเพื่อบำรุงรักษา
ทรัพยส์ ิน ฯลฯ
(4) คา่ สาธารณปู โภค เช่น ค่านำ้ ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์ ฯลฯ
3. งบลงทนุ
(1) ค่าครุภัณฑ์ เช่น จัดซื้ออุปกรณ์คอมพวิ เตอร์, เครือ่ งถ่ายเอกสาร ฯลฯ
(2) ค่าที่ดนิ และส่ิงก่อสร้าง รายจา่ ยเพือ่ ประกอบ ดดั แปลง ตอ่ เติม หรือปรับปรงุ ท่ีดิน และหรือ
ส่งิ กอ่ สรา้ ง ที่มวี งเงินเกนิ กว่า 50,000 บาท เชน่ ค่าจดั สวน คา่ ถมดนิ ถนน รัว้ สะพาน บอ่ นำ้
1.2 เงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เงินอุดหนุนปัจจัยพ้ืนฐานสำหรับ
นักเรียนยากจน) ได้จัดสรรให้แก่สถานศึกษาท่ีมีนักเรียนยากจน (นักเรียนยากจน หมายถึง นักเรียนที่
ผู้ปกครองมีรายได้ต่อครัวเรือน ไม่เกิน 40,000 บาทต่อปี) เพื่อจัดหาปัจจัยพ้ืนฐานท่ีจำเป็นต่อการดำรงชีวิต และ
เพิ่มโอกาสทางการศึกษาเป็นการช่วยเหลือนักเรียนท่ียากจน ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3
โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐานจัดสรรและโอนเงนิ ผ่านสำนกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต
39 เกณฑ์การจัดสรร โดยจัดสรรให้กับนักเรียนที่ยากจน ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ยกเวน้ สถานศึกษาสังกดั สำนักบรหิ ารงานการศึกษาพิเศษ ดังนี้
การใช้จ่ายเงนิ อุดหนุนปัจจัยพื้นฐานสำหรับนักเรียนยากจน ใหส้ ถานศึกษาใชใ้ นลักษณะแบบ ถัวจ่าย
เปน็ ค่าหนังสือและอุปกรณ์การเรียน ค่าเสื้อผา้ เคร่ืองแต่งกายของนักเรียน ค่าอาหารกลางวนั และค่าพาหนะในการ
เดินทาง สถานศึกษาสามารถเลือกวิธดี ำเนินการจ่ายหรอื จัดหาปัจจัยพน้ื ฐานทจี่ ำเปน็ ต่อการดำรงชีวติ และเพิ่ม
โอกาสทางการศึกษาให้แก่นักเรยี นยากจนได้ตามความเหมาะสม โดยให้ดำเนินการจัดซื้อ/จัดจ้าง /จดั หา ตาม
พระราชบัญญัติ การจดั ซ้ือจัดจา้ งและการบริหารพสั ดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพ่ิมเติม โดยใหด้ ำเนินการ
ตามรายการ ดงั นี้
1. ค่าหนังสอื และอปุ กรณก์ ารเรียน (จดั ซ้อื แจกจ่ายให้แก่นกั เรยี น หรือใหย้ ืมเรียน)
2. ค่าเส้อื ผ้า และวัสดเุ ครือ่ งแต่งกายนักเรยี น (จดั ซอื้ หรือจดั จา้ งผลิตแจกจ่ายให้แก่นักเรยี น)
3. คา่ อาหารกลางวันจะจดั ซ้ือวัตถุดิบมาประกอบอาหาร หรือจ้างเหมาทำอาหาร หรือจ่ายเป็นเงินสด
ให้แกน่ ักเรยี นโดยตรง
4. ค่าพาหนะในการเดินทาง จะจ่ายเป็นเงินสดให้แก่นักเรียนโดยตรงหรือจ้างเหมารถรับ-ส่ง
นักเรยี น
กรณีที่จ่ายเป็นเงินสดให้แก่นักเรียนโดยตรง ให้สถานศึกษาแต่งตั้งกรรมการอย่างน้อย 3 คน
ร่วมกันจา่ ยเงนิ โดยใชใ้ บสำคัญรับเงนิ เป็นหลักฐานการจ่าย
1.3 เงินอุดหนุนโครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เป็นเงินอุดหนุนเพื่อส่งเสริม
ให้นักเรียนทุกคนไดร้ ับโอกาสทางการศึกษาอย่างเต็มตามศักยภาพ ตามมติของคณะรัฐมนตรเี หน็ ชอบงบประมาณ
รายจ่ายประจำปี 2552 แผนงานเสริมสร้างรายได้และพัฒนาคุณภาพชีวิตและความมั่นคงด้านสังคม เพื่อใช้
จ่ายเป็นค่าเล่าเรียนเพ่ิมเติม โดยจัดสรรเป็นค่าหนังสือเรียน อุปกรณ์การเรียนเครื่องแบบนกั เรยี น และกิจกรรม
พฒั นาผู้เรียน โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน โอนเงินตรงให้กับสถานศึกษา ซ่ึงมีแนวทางในการ
จัดซ้ือจดั หาและจัดจา้ ง ดังน้ี
1.3.1 หนังสือเรียน สำนักงานคณะกรรมการการจัดการศึกษาขั้นพ้ืนฐานจะโอนเงินงบประมาณค่า
หนังสือเรียน ซึ่งเป็นเงินอุดหนุนทั่วไปเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของสถานศึกษาและให้สถานศึกษาจัดซ้ือหนังสือ
เรยี นโดยให้ดำเนินการ ดังน้ี
(1) การคัดเลือกหนงั สือเรยี น ครผู ู้สอน เปน็ ผูค้ ดั เลอื กหนงั สอื เรยี น เสนอใหค้ ณะกรรมการวชิ าการ
คณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน และคณะกรรมการภาคี 4 ฝ่าย (ผู้แทนครู ผู้แทนผู้ปกครอง ผู้แทนชุมชน และ
ผูแ้ ทนกรรมการนกั เรียน) ร่วมกันพิจารณาคดั เลอื กหนังสือเรยี นระดับก่อนประถมศึกษา ใชห้ นังสือเสรมิ ประสบการณ์
สำหรับเด็กปฐมวัย ระดับประถมศึกษา และระดับมธั ยมศกึ ษา ใชห้ นังสือเรียนในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ใหค้ รบ
ทงั้ 8 กลุ่มสาระ
(2) การจัดซอื้
(2.1) ให้สถานศึกษาดำเนินการจัดซ้อื โดยถือปฏิบตั ิตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วย
การพัสดุ พ.ศ. 2535 และทแ่ี กไ้ ขเพ่มิ เตมิ
- วิธีตกลงราคา ให้คำนึงถึงคุณภาพที่เหมาะสมกับราคา และให้ต่อรองราคาจาก
ผูข้ าย เพอื่ ใหเ้ กิดประโยชนส์ งู สดุ
- วิธีสอบราคา และวิธีประมูลดว้ ยระบบอิเล็กทรอนกิ ส์ ให้ประกาศกำหนดเงื่อนไข
การพิจารณาหนังสือเรียนเป็นรายวิชาต่อช้ัน เพื่อจะได้หนังสือเรียนท่ีหลากหลายจากทุกสำนักพิมพ์ และตรงตาม
ความต้องการทจ่ี ะใชใ้ นการเรยี นการสอนของสถานศึกษา และไมจ่ ดั ซื้อหนังสอื เรียนเปน็ ชดุ
(2.2) ให้สถานศึกษาเตรียมดำเนินการหาผู้ขายไว้ เพื่อให้พร้อมท่ีจะทำสัญญาได้ทันที เมื่อ
ได้รบั แจง้ อนมุ ตั ิการโอนงบประมาณเขา้ บัญชีเงนิ ฝากธนาคารของสถานศกึ ษา
(2.3) เมื่อได้รับเงินงบประมาณ ให้ตรวจสอบจำนวนเงินที่ สพฐ. แจ้งการโอนเงิน และ
จำนวนเงนิ ในสมดุ ค่ฝู ากธนาคารของสถานศึกษาว่ามจี ำนวนเงินท่ีถกู ต้องตรงกันหรอื ไม่
(2.4) ออกใบเสร็จรับเงินตามแบบของทางราชการ ในนามของสถานศึกษาโดยออกให้
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐานตามจำนวนเงินที่ได้รับ ส่งสำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา
เขต 39 เพอ่ื รวบรวมไวเ้ ปน็ หลักฐาน
(2.5) เมื่อดำเนินการจัดซ้ือหนังสือเรียนเรียบร้อยแล้ว ให้สถานศึกษาลงบัญชี วัสดุ
หนงั สือเรยี น เพ่ือสะดวกในการตรวจสอบ
(2.6) การจัดซ้ือ ควรแต่งต้ังคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐานที่มาจากประชาชน ร่วม
เปน็ คณะกรรมการจดั ซ้อื (ถ้ามี) และคณะกรรมการตรวจรบั พัสดุอย่างนอ้ ย 1 คน
(2.7) จัดระบบการยืมหนังสือเรียนให้แก่นักเรียนทุกคนและสามารถส่งต่อไปยังนักเรียน
รุ่นตอ่ ไป
(2.8) การจัดซ้ือหนังสือเรียนจะต้องดำเนินการด้วยความโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ และ
ให้ทันก่อนเปิดภาคเรยี น
(2.9) เงินเหลือจากการดำเนินการจัดซื้อ สามารถนำไปใช้จา่ ยในรายการโครงการเรียนฟรี
15 ปี อย่างมีคุณภาพ ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยผ่านความเห็นชอบร่วมกันของภาคี 4 ฝ่าย และ
คณะกรรมการสถานศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน
1.3.2 ค่าเครื่องแบบนักเรียน สำนักงานคณะกรรมการการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน จะโอนเงิน
งบประมาณค่าเคร่ืองแบบนักเรียน ซึ่งเป็นเงินอุดหนุนทั่วไป เข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของสถานศึกษา และให้
สถานศึกษาจ่ายเงินสดให้กับนักเรียนและผู้ปกครอง เพ่ือไปจัดซื้อเครื่องแบบนักเรียน หากมีเคร่ืองแบบนักเรียนปกติ
เพียงพอแล้ว สามารถนำเงินไปจัดซื้อ เข็มขัด รองเท้า ถุงเท้า ชุดกีฬา ชุดลูกเสือ ชุดยุวกาชาด ชุดเนตรนารี ได้
โดยสถานศึกษาจะไดร้ ับจัดสรรคา่ เครื่องแบบนกั เรียน ดงั นี้
(1) ระดับก่อนประถมศกึ ษา 300 บาท/คน/ปี
(2) ระดับประถมศึกษา 360 บาท/คน/ปี
(3) ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน้ 450 บาท/คน/ปี
(4) ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย 500 บาท/คน/ปี
โดยใหส้ ถานศึกษาดำเนินการ ดงั น้ี
1. เม่ือได้รับงบประมาณใหต้ รวจสอบ จำนวนที่ไดร้ ับแจ้งการโอนเงนิ และจำนวนเงินในสมุด
คู่ฝากธนาคารว่ามจี ำนวนท่ีถูกต้องตรงกัน
2. ออกใบเสร็จรับเงินตามแบบของทางราชการ ในนามของสถานศึกษา โดยออกให้สำนักงาน
คณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ตามจำนวนเงินท่ีได้รับแล้วส่งสำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 39
เปน็ ผูร้ วบรวมไว้เป็นหลกั ฐาน
3. แตง่ ตั้งผจู้ ่ายเงนิ อยา่ งน้อย 2 คน เพื่อร่วมกนั จ่ายเงินให้กบั นักเรยี น หรือผปู้ กครอง
4. จ่ายเงินให้นักเรียน โดยลงลายมือชื่อรับเงิน กรณีนักเรียนไม่สามารถลงลายมือชื่อรับเงินได้
ให้ผปู้ กครองลงลายมือช่ือรบั เงนิ แทน เพื่อไว้เป็นหลกั ฐานการจา่ ย
5. แจ้งให้นักเรียน ผู้ปกครอง เลือกซื้อเคร่ืองแบบนักเรียนได้ตามความต้องการ และให้ทัน
กอ่ นเปดิ ภาคเรยี น
6. ติดตามใบเสรจ็ รับเงนิ จากนักเรยี น/ผู้ปกครอง
7. ดูแลใหน้ ักเรยี นมีเครื่องแบบนกั เรยี นจรงิ
8. สถานศึกษาตรวจสอบ หากพบว่านักเรียนไม่มีเคร่ืองแบบนักเรียนโดยท่ีนำเงินไปใช้จ่าย
อย่างอน่ื ทไ่ี ม่เปน็ ไปตามวัตถปุ ระสงค์ ผู้ปกครองจะต้องคืนเงินใหก้ ับทางราชการ
9. เงินค่าเครื่องแบบนักเรียนท่ีเหลือจากการดำเนินการแล้ว สามารถนำไปใช้จ่ายในรายการ
โครงการเรียนฟรี 15 ปี อย่างมีคุณภาพได้ตามความจำเป็น และเหมาะสม โดยผ่านความเห็นชอบร่วมกันของ
ภาคี 4 ฝา่ ย และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน
1.3.3 อุปกรณ์การเรียน สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้นื ฐานจะโอนเงนิ งบประมาณค่าอุปกรณ์
การเรียน ซ่ึงเป็นเงินงบอุดหนุนท่ัวไปเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของสถานศึกษาโดยให้สถานศึกษา จ่ายเงินสดให้กับ
นักเรียนและผู้ปกครอง เพื่อนำไปเลือกซื้ออุปกรณ์การเรียน ที่จำเป็นต้องใช้ในการเรียนการสอนได้ตามความต้องการ
ใหเ้ หมาะสมกับนักเรียนในแต่ละระดบั ชน้ั โดยสถานศกึ ษาจะไดร้ บั จัดสรรค่าอปุ กรณ์การเรยี น ดงั นี้
(1) ระดับก่อนประถมศึกษา 100 บาท/คน/ภาคเรยี น
(2) ระดบั ประถมศึกษา 195 บาท/คน/ภาคเรยี น
(3) ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น 210 บาท/คน/ภาคเรียน
(4) ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย 230 บาท/คน/ภาคเรยี น
สถานศึกษา แจ้งให้นักเรียน และผปู้ กครอง ทราบและดำเนนิ การจัดซ้ือได้ ดังนี้
1. ระดบั กอ่ นประถมศึกษา เชน่ กระดาษ สเี ทยี น ดินน้ำมนั ไรส้ ารพิษ เปน็ ตน้
2. ระดบั ประถมศึกษา เช่น แบบฝกึ หดั สมุด ดินสอ ยางลบ ปากกา ไม้บรรทดั
ไมโ้ ปรแทรกเตอร์ วสั ดุฝกึ ICT เปน็ ตน้
3. ระดบั มธั ยมศึกษา เช่น สมดุ ยางลบ ปากกา ดินสอ ไมบ้ รรทดั วสั ดฝุ ึก ICT
ไม้โปรแทรกเตอร์ เครื่องมือเลขาคณิต เปน็ ต้น
วิธีปฏิบัติในการจ่ายเงิน การควบคุม ติดตาม และการตรวจสอบให้ปฏิบัติเหมือนกับการ
จ่ายเงนิ ค่าเครือ่ งแบบนกั เรยี น
1.3.4 กิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียน เป็นกิจกรรมท่ีสถานศึกษาจัดข้ึน ประกอบด้วย กิจกรรม
วิชาการ กิจกรรมคุณธรรม/ลูกเสือ/เนตรนารี/ยุวกาชาด กิจกรรมทัศนศึกษา การบริการสารสนเทศ/ ICT
โดยสำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพ้ืนฐานจะโอนเงินงบประมาณ ซึ่งเป็นเงินงบอุดหนุนท่ัวไป เข้าบัญชีเงิน
ฝากธนาคารของสถานศึกษาทงั้ นี้การพิจารณากำหนดกจิ กรรมทั้ง 4 กิจกรรมต้องใหค้ ณะกรรมการภาคี 4 ฝ่าย และ
คณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานมีส่วนร่วม ในการพิจารณา โดยผลการพิจารณาจะต้องไม่เป็นการรอนสิทธ์ิของ
เดก็ ยากจน และด้อยโอกาสทีพ่ งึ จะไดร้ ับ สาระสำคญั ของการจัดกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี นมี ดงั นี้
1. กิจกรรมวิชาการ เป็นกิจกรรมท่ีสถานศึกษาจัดเพิ่มเติมจากการเรียนปกติในช้ันเรียน
เพ่ือให้นักเรียนทุกคนได้รับการพัฒนาเต็มศักยภาพ ส่งเสริมเด็กเก่งให้มีความเป็นเลิศและแก้ไขข้อบกพร่องของ
นักเรยี นเรียนออ่ นให้มีศักยภาพสูงขึ้น เช่น ค่ายวิทย์-คณิตคิดสนุก ค่ายทักษะมีชีวิต ค่ายภาษาพาเพลิน (แก้ปัญหา
การอ่านไม่ออกเขียนไม่ได)้ โดยกำหนดให้ดำเนินการกจิ กรรมไดป้ ีละ 1 ครั้ง
2. กจิ กรรมคุณธรรม/ลูกเสือ/เนตรนารี/ยวุ กาชาด เป็นกิจกรรมท่ีช่วยส่งเสริมให้นักเรียนมี
คณุ ธรรมจริยธรรม คา่ นิยมท่ดี ีงาม และมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ เช่น กิจกรรมค่ายเด็กดีของชมุ ชน คา่ ยรักษ์โลก
ค่ายรักษ์สัตว์ ค่ายยวุ ชนคนดี กิจกรรมอาสาพัฒนา กิจกรรมลกู เสือ/เนตรนารี/ยวุ กาชาด เป็นกิจกรรมท่ีใหน้ ักเรียน
ไดเ้ รียนรู้จากประสบการณจ์ ริง ฝกึ ทักษะการจัดการ การเผชิญสถานการณ์ การใชช้ ีวติ ร่วมกนั เปน็ หมู่คณะ เช่น
การเดนิ ทางไกล การอยู่ค่ายพักแรม การผจญภัย โดยกำหนดให้จดั กิจกรรมปีละ 1 คร้งั
3. กจิ กรรมการทัศนศึกษา เปน็ กิจกรรมศึกษาตามแหล่งเรียนร้ตู ่าง ๆ เพ่ือสรา้ งเสริมประสบการณ์
ตรงให้กับนักเรียนที่เพิ่มเติมจากการเรียนในห้องเรียน เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ และประสบการณ์อย่าง
กว้างขวาง โดยกำหนดใหด้ ำเนินการตามกจิ กรรมได้ปีละ 1 ครงั้
4. การให้บรกิ ารสารสนเทศ/ ICT เป็นกจิ กรรมการใหบ้ ริการ ICT / คอมพวิ เตอร์ แกน่ ักเรียน
เพ่มิ เติมจากการเรยี นคอมพิวเตอร์พน้ื ฐานตามหลักสูตรปกติ เช่น การใหบ้ รกิ ารสืบค้นความรผู้ ่านระบบ
อินเตอรเ์ น็ต การให้บริการคอมพวิ เตอร์ในการจัดทำส่ือ รายงานการนำเสนอข้อมูลการออกแบบสร้างสรรค์ด้วย
โปรแกรมคอมพิวเตอร์ โดยกำหนดให้ดำเนินการตามกจิ กรรมได้ปลี ะ 40 ชว่ั โมง/คน
ทงั้ นงี้ บประมาณกจิ กรรมพัฒนาคณุ ภาพผู้เรียนต่อนกั เรยี น 1 คน สถานศึกษาจะไดร้ ับจัดสรร
ดังนี้
(1) ระดับกอ่ นประถมศึกษา 215 บาท/ภาคเรียน
(2) ระดับประถมศึกษา 240 บาท/ภาคเรียน
(3) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น 440 บาท/ภาคเรยี น
(4) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย 475 บาท/ภาคเรยี น
โดยให้สถานศกึ ษาดำเนนิ การตามขน้ั ตอน ดังน้ี
1. เม่ือไดร้ บั เงินงบประมาณใหต้ รวจสอบจำนวนเงินทไ่ี ด้รับแจง้ การโอนเงินและ
จำนวนเงินในสมุดคู่ฝากของธนาคารว่ามีจำนวนเงนิ ที่ถกู ต้องรวมกัน
2. ออกใบเสร็จรับเงนิ ตามแบบของทางราชการ ในนามของสถานศกึ ษา ตามจำนวนเงนิ ท่ีได้รบั
สง่ สำนักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษาเพ่ือรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
3. กำหนดกิจกรรมทจี่ ะพฒั นาคณุ ภาพการศึกษาของนักเรียน โดยความเห็นชอบจาก
คณะกรรมการสถานศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน และคณะกรรมการภาคี 4 ฝา่ ย
4. การใชจ้ ่ายเงินงบประมาณ ตอ้ งดำเนินการตามระเบยี บของทางราชการ เพ่ือให้เกิดความ
โปรง่ ใส สามารถตรวจสอบได้ และเกิดประโยชน์สูงสดุ ต่อนักเรยี น
5. เงนิ ทเี่ หลอื จากการดำเนินการแลว้ สามารถนำไปใช้จา่ ยในรายการโครงการเรยี นฟรี
15 ปี อย่างมคี ุณภาพได้ตามความจำเป็นและเหมาะสมโดยผ่านความเหน็ ชอบรว่ มกนั ของภาคี 4 ฝ่ายและ
คณะกรรมการสถานศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน
2. เงินรายไดส้ ถานศึกษา
กระทรวงศึกษาธิการ ได้ประกาศยกเลิกระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเงินบำรุงการศึกษา
พ.ศ. 2534 โดยให้สถานศกึ ษาของรัฐที่เป็นนิติบุคคล (สถานศึกษาขั้นพื้นฐานท่ีเป็นนิติบุคคล ในสังกัด สำนักงาน
เขตพื้นท่ีการศึกษา) และสถานศึกษาของรฐั ที่ไม่เป็นนิติบุคคล (โรงเรยี น วทิ ยาลัย หรือส่วนราชการเรยี กช่ืออย่าง
อื่นในสังกัดกระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ ซึ่งมิได้มีฐานะเป็นนิติบุคคล และมีอำนาจหน้าที่จัดการศึกษาในระบบ
และการศึกษานอกระบบ ตาม พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2545
และให้รวมถงึ สถานศึกษาทจ่ี ัดการศึกษาตามอธั ยาศยั ) บริหารจัดการเกี่ยวกับการเงนิ และบัญชีในส่วนท่ีเป็นรายได้
และผลประโยชน์ของสถานศึกษา เพ่ือให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไข
เพ่ิมเตมิ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2545
ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2545
มาตรา 59 กำหนดให้สถานศึกษาจัดหาประโยชน์จากทรัพย์สินของสถานศึกษาทั้งท่ีเป็นที่ราชพัสดุ และท่ีเป็น
หน่วยงานอื่น รวมทั้งการจัดหารายได้จากการบริการของสถานศึกษา และค่าธรรมเนียมการศึกษา ที่ไม่แย้งกับ
นโยบาย วัตถุประสงคแ์ ละภารกจิ หลักของสถานศึกษา เงินท่ีสถานศึกษาได้รบั ไว้เป็นกรรมสิทธ์ทิ กุ ประเภททเ่ี กย่ี วเนอื่ ง
กบั การศึกษาย่อมเป็นเงินรายได้สถานศึกษา เมื่อสถานศึกษาได้รับแล้วไม่ต้องนำส่งเป็นเงินรายได้แผ่นดิน แต่สามารถ
นำไปใช้จ่ายเพื่อประโยชน์ต่อการจัดการเรียนการสอนของนักเรียนได้ตามระเบียบที่กระทรวงการคลังและตาม
วรรค 3 กำหนดให้บรรดารายได้ และผลประโยชน์ของสถานศึกษา ย่อมหมายรวมถึง เงินท่ีสถานศึกษาได้รับ
ไวท้ ุกประเภท เพอ่ื ใช้ในการจดั การศึกษาซ่งึ เป็นภารกิจของสถานศึกษา ดังนี้
2.1 บรรดารายได้ หมายถึง การรับเงินทุกประเภทท่ีเป็นรายได้ของสถานศึกษา หรือ
สถานศึกษาทำกิจการอะไรที่ก่อให้เกิดรายได้ ถือว่าเป็นเงินรายได้สถานศึกษาทั้งสิ้น เช่น รายได้จากการขาย
อาหาร รายไดจ้ ากการใหเ้ ชา่ อาคาร /สถานท่ี เงินผา้ ป่า เงินรายไดจ้ ากงานเล้ยี งศิษยเ์ กา่ ฯลฯ
2.2 ผลประโยชน์ท่เี กิดจากที่ราชพัสดุ หมายถึง บรรดาผลประโยชน์ที่สถานศึกษาไดร้ ับจากที่
ราชพัสดุของสถานศึกษา รวมทั้งการจัดหารายได้จากการบริการของสถานศกึ ษา และค่าธรรมเนียมการศกึ ษาที่ไม่ขัดแย้ง
กับนโยบาย วัตถุประสงค์ และภารกิจหลักของสถานศึกษา แต่การทำประโยชน์ต้องไม่ทำในเชิงธุรกิจ เช่น การ
ปลูกยางพาราบนพ้ืนท่ีราชพัสดุของสถานศึกษา รายได้จากการขายยางพาราก็ต้องนำเงินเข้าเป็นเงินรายได้
สถานศึกษา
2.3 เบี้ยปรับท่ีเกิดจากการผิดสัญญาการซื้อทรัพย์สิน หรือจ้างทำของ เช่น ดำเนินการ
จัดซ้ือ/จัดจ้าง เมื่อมีการส่งมอบสินค้าหรืองานจ้าง และมีการผิดสัญญาเกิดข้ึนผู้ขาย/ผู้รับจ้าง ต้องจ่ายเบี้ยปรับ
ใหก้ ับสถานศึกษา
2.4 เบี้ยปรบั ที่เกิดจากการผิดสัญญาลาศึกษาต่อ เช่น กรณีสถานศึกษามีข้าราชการครูลาศึกษา
ตอ่ แตม่ ีการทำผิดสญั ญา สถานศึกษาไดเ้ รียกคา่ ปรับ ต้องนำเงินเข้าบญั ชีเงินรายไดส้ ถานศึกษา
2.5 เงินบริจาค หมายถึง เงินท่ีมีผู้มอบให้ส่วนราชการ (สถานศึกษา) เพื่อใช้ในกิจกรรมของ
สถานศึกษา ให้ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการรับเงิน หรือทรัพย์สินท่ีมีผู้บริจาคให้แก่
สถานศึกษา พ.ศ. 2552 และระเบียบกระทรวงการคลัง วา่ ดว้ ยการรับเงินบริจาค พ.ศ. 2526 ดังตอ่ ไปนี้
2.5.1 เงินที่มีผู้มอบให้โดยไม่ได้ระบุวัตถุประสงค์ หรือวัตถุประสงค์ไม่ชัดเจน ให้
สถานศึกษาบันทึกการรับเงินรายได้สถานศึกษา ดอกผลให้สถานศึกษานำไปใช้จ่ายในทางท่ีเป็นประโยชน์แก่ทาง
ราชการโดยสว่ นรวม
2.5.2 เงินท่ีมีผู้มอบให้โดยระบุวัตถุประสงค์ เพื่อการใด เพ่ือใคร ให้สถานศึกษาบันทึกรับไว้
เป็นเงินบริจาคโดยมีวัตถุประสงค์ เงินดอกผลที่เกิดจากทรัพย์สินซึ่งมีผู้บริจาค ให้สถานศึกษานำไป ใช้จ่าย หรือ
กอ่ หนผ้ี กู พนั ไดต้ ามวตั ถุประสงคเ์ ท่านั้น
การรบั เงนิ บรจิ าค
1. รับเป็นเงินสดให้สถานศึกษาออกใบเสร็จรับเงินเป็นหลักฐาน โดยระบุชื่อผู้บริจาค
จำนวนเงินที่บริจาค ระบุวัตถุประสงค์แห่งการบริจาค เพ่ือให้ผู้บริจาคท่ีเป็นบุคคลธรรมดา หรือ บริษัท ห้าง
หุ้นสว่ นนติ ิบุคคลสามารถนำไปยกเวน้ ภาษีเงนิ ไดต้ ามประมวลรษั ฎากร
2. รบั เป็นอสงั หารมิ ทรัพยเ์ กิน 100,000 บาทขึ้นไป ใหด้ ำเนินการ ดงั น้ี
2.1 ให้หัวหน้าสถานศึกษาแตง่ ต้ังคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่ง จำนวนไม่เกิน 5 คนเพื่อ
ดำเนินการตรวจสอบสิทธ์ิ สทิ ธิครอบครอง และภาระตดิ พนั ในทรัพย์สิน ประเมนิ ราคาทรัพยส์ ิน
ทีร่ ับบรจิ าค รายงานผลการพจิ ารณาต่อหวั หนา้ สถานศึกษาเพ่ือพิจารณา
2.2 หัวหน้าสถานศึกษาเปน็ ผู้พจิ ารณาให้ความเหน็ ชอบ
2.3 รายงานสำนกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 39
กรณีรบั บรจิ าคเปน็ คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์และผูบ้ รจิ าคประสงคน์ ำไปยกเวน้
ภาษีเงนิ ได้ตามประมวลรัษฎากร ตอ้ งเป็นการบรจิ าคคอมพวิ เตอร์และอุปกรณ์ที่ไม่ผา่ นการใช้งานมาแลว้
การออกหลักฐานการรับบริจาค ให้หัวหน้าสถานศึกษา ออกหนังสือรับรองตามมูลค่าที่ได้
ดำเนนิ การ หรอื ตามมลู คา่ ทรัพย์สนิ ที่เกิน 100,000 บาทขน้ึ ไป โดยประทบั ตราโรงเรยี น และลงลายมือ
ช่ือหัวหน้าสถานศึกษาในหนังสือรับรองในการรับเงิน หรือทรพั ย์สินของสถานศึกษา มิให้สถานศึกษารับเงินบริจาค
ท่ผี ้บู ริจาคระบเุ งื่อนไขของการบรจิ าคอันเปน็ ภาระแก่สถานศึกษาเกินความจำเปน็
หลักเกณฑ์การรบั บริจาค
1. คำนงึ ถึงผลได้ผลเสียประโยชน์และค่าตอบแทนทจ่ี ะได้รบั
2. กรณีรับบริจาคมเี งอ่ื นไขต้องไม่ให้ประโยชน์แก่ผู้ใดโดยเฉพาะ
3. พจิ ารณาผลตอบแทนคุ้มกบั ค่าใช้จา่ ยทตี่ ้องเสียหรือไม่
4. กรณีรับบริจาคทรัพย์สินอื่นนอกจากเงิน ให้ตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ก่อนเสมอ หรือ
แต่งตั้งคณะกรรมการข้ึนมาเพ่ือพิจารณาการรบั บรจิ าคก่อนก็ได้
5. การรับบริจาคเงินหรือทรัพย์สินไม่ตรงกับอำนาจหน้าที่ให้ส่งมอบแก่ส่วนราชการท่ี
เกย่ี วขอ้ ง (สำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา) เพ่อื กำกบั และดแู ลบรหิ ารทรัพยข์ องแผ่นดินต่อไป
6. รายงานผูบ้ ังคบั บัญชาตามลำดบั ชั้น
2.6 เงินหรอื ผลประโยชน์อ่ืนท่ีสถานศึกษารับไว้เป็นกรรมสิทธ์ิ แตไ่ มร่ วมถึงงบประมาณรายจา่ ย
เช่น เงินระดมทรัพยากร (ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พื้นฐานก่อน) เงินบำรุงการศึกษา (ที่
เก็บนอกเหนือจากหลักสตู ร) เงนิ รายไดอ้ ื่น ๆ
2.7 ค่าขายแบบรูปรายการ เมื่อสถานศึกษามีการก่อสร้างอาคารเรียนหรืออาคารประกอบอ่ืน
ภายในโรงเรยี นจะจัดพิมพ์แบบรปู รายการเพ่อื จำหน่ายใหก้ ับผ้รู ับจ้าง ค่าขายแบบรูปรายการ ให้ปฏิบัติตาม
หนงั สอื สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน ท่ี ศธ 04002/ ว 2511 ลงวันที่ 17 พฤศจกิ ายน 2552 ดงั นี้
2.7.1 เงินท่ีไดร้ บั จากการขายแบบรปู รายการท่จี ัดทำขึน้ โดยใช้เงนิ งบประมาณแผน่ ดิน
หรือ ได้รับจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ถือว่าเป็นทรัพย์สินของรัฐบาลต้องนำส่งคลังเป็น
รายได้แผน่ ดิน
2.7.2 เงนิ ที่ไดร้ บั จากการขายแบบรปู รายการทจี่ ัดทำขึ้นโดยใช้เงนิ รายได้สถานศึกษา
ถือเปน็ รายไดข้ องสถานศกึ ษาท่ีไดร้ บั การยกเวน้ ไมต่ ้องนำสง่ คลังเปน็ รายไดแ้ ผน่ ดิน
2.8 เงินที่ได้รับในลักษณะค่าชดใช้ความเสียหาย หรือสิ้นเปลืองแห่งทรัพย์สิน และ
จำเป็นต้องจ่ายเพื่อบูรณะทรัพย์สิน หรือจัดให้ได้ทรัพย์สินคืนมา เป็นเงินท่ีสถานศึกษาได้รับเม่ือทรัพย์สินของโรงเรียน
ทใ่ี ช้เพือ่ จดั การศกึ ษาไมว่ ่าจะเป็นอาคาร สง่ิ ก่อสร้าง ท่ีไดร้ ับความเสยี หายจากหนว่ ยงานอน่ื หรือการผิดสัญญาของ
ผขู้ ายหรือผรู้ บั จ้าง ย่อมถือเป็นเงนิ รายได้สถานศกึ ษา
2.9 เงินค่าขายทรัพย์สินของสถานศึกษาที่มาจากเงินงบประมาณ เป็นการขายวัสดุ
ครุภัณฑ์ หรือส่ิงก่อสร้างที่สถานศึกษาจัดหามาด้วยเงินงบประมาณ เพ่ือใช้ในการเรียนการสอนของนักเรียน ซ่ึง
สถานศึกษาหมดความจำเป็น หรือชำรดุ ได้ดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรฐั มนตรวี ่าดว้ ยการพัสดฯุ แล้ว เงินค่า
ขายทรัพย์สินดังกล่าว ต้องนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน แต่ถ้าทรพั ย์สินที่สถานศึกษาซื้อมาด้วยเงินนอกงบประมาณ เป็น
กรรมสิทธ์ิของสถานศึกษาตามมาตรา 1336 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เงินที่ได้รับจากการขายทรัพย์สิน
เปน็ เงนิ รายไดข้ องสถานศึกษา (ตามหนงั สอื ที่ ศธ 04002/ 1903 ลงวันที่ 28 สงิ หาคม 2551)
2.10 เงินหลักประกันสัญญาท่ีผู้ขายหรือผู้รับจ้างไม่รับคืน เมื่อพ้นกำหนดภาระผูกพันตาม
สัญญา หลักประกันดังกล่าว เกิดจากการทำสัญญาซ้ือ/จ้าง ในการจัดหาพัสดุที่ใช้เพ่ือจัดการเรียนการสอน หากผู้ขาย/
ผู้รับจ้างไม่รับคนื เมื่อสญั ญาครบกำหนดแล้ว ยอ่ มเปน็ เงินรายไดส้ ถานศกึ ษา
2.11 เงินค่าธรรมเนียมการสอบแข่งขัน เงินที่สถานศึกษาเรียกเก็บจากผู้สมัครในการสอบ
แข่งขันโดยท่ีสถานศึกษาไม่ได้ตั้งงบประมาณไว้ หรือตั้งไว้ไม่เพียงพอในการดำเนินการสอบแขง่ ขนั เมื่อจดั เก็บแล้ว
ใหน้ ำไปใช้จา่ ยเกีย่ วกับการสอบแข่งขนั เมอ่ื มเี งินเหลือใหน้ ำเข้าบัญชีเงินรายไดส้ ถานศึกษา