หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๑
การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาเข้าส่ปู ระเทศเพือ่ นบ้าน
ครูสมศรี สขุ แกว้
ตวั ชีว้ ดั
อธิบายการเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาหรอื ศาสนาท่ตี นนับถอื ส่ปู ระเทศเพ่อื นบ้าน (ส ๑.๑ ม.๒/๑)
สาระสาคญั
การที่พระเจ้าอโศกมหาราชทรงส่งคณะพระธรรมทูตออกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ส่งผลให้
พระพุทธศาสนาไปรุ่งเรืองอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่เนื่องจากสภาพการเมืองอการ
ปกครองและวถิ ชี วี ิตที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ จงึ ส่งผลให้พระพุทธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองและ
มน่ั คงแตกต่างกนั
ผงั สาระการเรียนรู้
ประเทศเมยี นมา ประเทศลาว ประเทศกัมพชู า
ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศเวยี ดนาม
การเผยแผ่
พระพทุ ธศาสนาเขา้ สู่
ประเทศเพ่ือนบ้าน
ประเทศสงิ คโปร์ ประเทศมาเลเซีย
การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาเข้าสู่ประเทศเพ่อื นบา้ น
พระพทุ ธศาสนาเกดิ ข้นึ ในประเทศอินเดียและเจรญิ รุ่งเรอื งมาเปน็ เวลา ๑,๕๐๐ ปี จนมาถึง
พุทธศตวรรษที่ ๑๘ (พ.ศ. ๑๗๔๓) พระพุทธศาสนาก็สูญไปจากดินแดนส่วนใหญ่ของประเทศ
อินเดีย แต่จากการที่พระเจ้าอโศกมหาราชทรงส่งคณะพระธรรมทูตออกไปเผยแผ่
พระพุทธศาสนา ส่งผลให้พระพุทธศาสนาไปรุ่งเรืองอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และ
บรเิ วณใกลเ้ คยี ง
การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเข้าสปู่ ระเทศเพ่ือนบ้าน
หลังจากที่พระพุทธเจ้าได้เสด็จดับขันธปรินิพพาน การนับถือพระพุทธศาสนาใน
ประเทศอินเดียเริ่มลดน้อยลง จึงได้มีการสังคายนา เพื่อชาระ ตรวจสอบ รวบรวม และเรียบ
เรียงพระธรรมวินยั ให้เป็นหมวดหมูถ่ ึง ๓ ครงั้
ครั้งที่ ๑ หลงั จากพระพุทธเจา้ ปรินิพพานแลว้ ๑ เดอื น
ครั้งท่ี ๒ หลังจากพระพุทธเจ้าปรนิ ิพพานแล้ว ๑๐๐ ปี
ครั้งที่ ๓ ในสมยั ของพระเจ้าอโศกมหาราช
สมณทตู ทส่ี ง่ ไปเผยแผพ่ ระศาสนา
สายท่ี 1 คณะพระมชั ณันติกเถระ ไปรัฐกศั มี-คนั ธาระ (อฟั กานสิ ถาน)
สายท่ี 2 คณะพระมหาเทวเถระ ไปสหมณฑล (แคว้นไมซอร)์
สายท่ี 3 คณะพระรกั ขติ เถระ ไปวนาสี ( ตอนเหนอื เมืองบอมเบย)์
สายท่ี 4 คณะพระธัมมรกั ขติ เถระ ไปอปรนั ตประเทศ
สายที่ 5 คณะพระมหาธัมมรักขิตเถระ ไปมหารัฏฐฐะตน้ แมน่ า้ โคธาวารี
สายท่ี 6 คณะพระมหารักขติ ตเถระ ไปโยนกประเทศ (ประเทศอิหรา่ นหรือทก่ี รีกปกครอง)
สายที่ 7 คณะพระมชั ฌิมเถระ ไปเนปาล (เชงิ ขาหิมาลัย)
สายท่ี 8 คณะพระโสณเถระและพระอุตตรเถระ ไปสวุ รรณภมู ิ
สายท่ี 9 คณะพระมหนิ ทเถระ ไปศรีลงั กา
การเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาเขา้ สู่ประเทศเมยี นมา
พระพุทธศาสนาที่เผยแผ่เข้าสู่ประเทศเมียนมาในระยะแรกเป็นแบบเถรวาท โดยเข้ามาทาง
เมืองสะเทิมหรอื เมืองสุธรรมวดี ซงึ่ เปน็ เมืองหลวงของมอญ
ใน พ.ศ. ๑๕๘๗ พระเจ้าอนุรุทธมหาราช (อโนรธามังช่อ) ทรงรวบรวมดินแดนพม่าให้เป็น
แผ่นดินเดียวกันสาเร็จ ในช่วงนี้เองนิกายมหายานได้แผ่ขยายเข้าสู่เมืองพุกาม แต่พระเจ้าอนุรุทธ
มหาราชไม่ทรงศรัทธา กลับทรงเลื่อมใสนิกายเถรวาท ครั้นเมื่อพระองค์ทรงทราบว่าพระพุทธศาสนา
ในอาณาจักรของมอญมีความเจริญรุ่งเรืองมาก จึงทรงส่งพระราชสาส์นไปถึงพระเจ้ามนูหะ ผู้ครอง
เมืองสุธรรมวดี
การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเข้าสูป่ ระเทศเมียนมา
เมื่อพระเจ้าธรรมเจดีย์ศรีปิฎกธร กษัตริย์มอญขึ้นครองราชย์ ทรงมีพระราชดาริว่าขณะนั้น
พระพุทธศาสนาในเมืองมอญเสื่อมโทรมมาก คณะสงฆ์แตกแยกออกเป็นคณะต่าง ๆ ๖ คณะ พระสงฆ์ส่วนใหญ่
ปฏิบัติผดิ จากพระวนิ ัยบัญญตั ิ
จงึ ทรงเริ่มฟื้นฟูพระพุทธศาสนาขึ้นมาใหม่ ทรงให้คณาจารย์จาก ๖ คณะ ลาสิกขาเพื่อไปอุปสมบทใหม่ท่ี
ลังกา เพื่อสร้างความเป็นปึกแผ่นของคณะสงฆ์อีกครั้ง เมื่อพระสงฆ์เหล่านี้เดินทางกลับมาถึงเมืองหงสาวดี ก็
โปรดเกล้าฯ ให้พระภิกษุทั้งหลายในเมืองมอญลาสิกขาเพื่อรับการอุปสมบทใหม่ทั้งแผ่นดิน ยังผลให้
พระพุทธศาสนานกิ ายเถรวาท กลบั สคู่ วามเปน็ ปึกแผ่นอีกคร้ัง
การนับถือพระพุทธศาสนาในประเทศเมยี นมา
ปัจจุบันประเทศเมียนมามีประชากรประมาณ ๕๒.๑
ล้านคน (พ.ศ. ๒๕๕๘) มีผู้นับถือพระพุทธศาสนาร้อยละ ๙๐
ของประเทศ รัฐบาลเมียนมาได้พยายามฟื้นฟูพระพุทธศาสนา
ให้เจริญรุ่งเรือง โดยมีการจัดสังคายนาพระไตรปิฎกขึ้นเมื่อ
พ.ศ. ๒๔๙๗ โดยนิมนต์พระเถระผู้เชี่ยวชาญพระไตรปิฎกจาก
ประเทศไทย ศรีลังกา ลาว และกัมพูชา ให้เดินทางมาร่วมงาน
และได้จัดพิมพ์พระไตรปิฎกพร้อมคัมภีร์อรรถกถาและปกรณ์
(ตารา) พเิ ศษเปน็ จานวนมาก
การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาเข้าสู่ประเทศลาว
ในรัชสมัยของพระเจ้าฟ้างุ้ม (พ.ศ. ๑๘๙๖-๑๙๑๔) แห่งอาณาจักรล้านช้าง เนื่องจากมเหสีของพระองค์
คือ พระนางแกว้ กัลยา ซึ่งเป็นพระธิดาของพระเจ้าศรีจุลราชแห่งเมืองอินทปัตย์ในอาณาจักรกัมพูชา ทรงเคารพ
นับถือพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทมาก่อน เมื่อพระนางเสด็จมาประทับที่อาณาจักรล้านช้าง จึงกราบทูลให้
แตง่ คณะราชทูตไปทูลขอพระสงฆจ์ ากกัมพชู า เพอื่ มาชว่ ยเผยแผ่พระพทุ ธศาสนา
พระเจ้าศรีจุลราชจึงโปรดเกล้าฯ ให้อาราธนาพระมหาปาสมันตะเถระ และพระมหา-เทพลังกาให้นา
พระสงฆ์จานวน ๒๐ รูป เดินทางไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่อาณาจักรล้านช้าง นอกจากนี้ได้พระราชทาน
พระพุทธรูปปัญจโลหะองค์หนึ่งพระนามว่า “พระบาง” พร้อมด้วยพระไตรปิฎก และหน่อพระศรีมหาโพธิ์มา
ถวายพระเจา้ ฟา้ งมุ้ ดว้ ย
การนับถอื พระพทุ ธศาสนาในประเทศลาว
พุทธศาสนิกชนในประเทศลาวนับถือพระพุทธศาสนา
นิกายเถรวาทเช่นเดียวกับประเทศไทย แต่หลังจากที่ถูก
ครอบงาด้วยการปกครองระบอบคอมมิวนสิ ต์ พระพุทธศาสนา
ในประเทศลาวก็ทรุดโทรมลง ต่อมาเมื่อบ้านเมืองคลายความ
ตึงเครียดลงประเทศลาวจึงมีความพยายามที่จะฟื้นฟู
พระพทุ ธศาสนาขึ้นมาอีก โดยการส่งพระสงฆ์ลาว ๗ รูป พร้อม
คฤหัสถ์ ๓ คน มาประเทศไทย เพื่อศึกษา แนวทางฟื้นฟู
พระพุทธศาสนาขึ้นในประเทศลาว จากสมเด็จพระสังฆราช
และพระเถระช้ันผู้ใหญ่ของประเทศไทย
การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเขา้ สปู่ ระเทศกัมพชู า
เมอ่ื ราวพุทธศตวรรษที่ ๘ อันเปน็ ช่วงทอ่ี าณาจกั รฟนู นั กาลงั เจริญรุง่ เรืองอยทู่ างทิศใตข้ อง
ดินแดนทเ่ี ปน็ ประเทศกมั พชู าในปจั จบุ ัน ซงึ่ เป็นอาณาจักรใหญแ่ ละมสี ัมพนั ธไมตรีอนั ดีกบั
ประเทศจีนและอินเดยี
ดงั น้นั จึงได้รับอิทธพิ ลพระพทุ ธศาสนานกิ ายมหายานจากประเทศท้งั สอง ดว้ ยเหตุนี้ทาให้
อาณาจักรฟูนันนับถือทงั้ ศาสนาพราหมณแ์ ละพระพุทธศาสนาควบคูก่ ัน แต่ก่อนท่อี าณาจกั รฟูนนั
จะเสอ่ื มอานาจลง พระพุทธศาสนานกิ ายมหายานกไ็ ดร้ ับการทานบุ ารุงจนเจรญิ รุ่งเรืองขึ้นมาก
การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาเขา้ สูป่ ระเทศกมั พชู า
พระพทุ ธศาสนาในประเทศกมั พชู าได้รบั การฟนื้ ฟขู ึน้ มาอีกครง้ั ในรชั สมัยของพระเจ้า
หริรักษ์รามาธบิ ดี พระภกิ ษุกมั พชู าได้รบั การส่งเสรมิ ใหเ้ ดินทางมาศกึ ษาพระพุทธศาสนาใน
กรุงเทพฯ แล้วกลับไปฟนื้ ฟพู ระพทุ ธศาสนาให้เจริญรุ่งเรอื งขน้ึ ที่สาคญั คือมีการจดั ตั้ง
โรงเรยี นสอนพระปรยิ ตั ธิ รรมชน้ั สงู ข้ึนในกรงุ พนมเปญ มีชอื่ เรียกว่า “ศาลาบาลชี ัน้ สูง”
และยงั นานกิ ายธรรมยุตจากเมอื งไทยเขา้ มาเผยแผ่ท่ีประเทศกัมพูชาเปน็ ครัง้ แรกอีกดว้ ย
การนบั ถอื พระพทุ ธศาสนาในประเทศกมั พูชา
ด้วยเหตุที่สภาพทางการเมืองของกัมพูชาขาดความมั่นคง โดยเฉพาะการสู้รบ ทาสงคราม
กลางเมืองระหว่างชาวเขมรด้วยกัน ทาให้พระพุทธศาสนาไม่เจริญถึงขั้นสูงสุด อย่างไรก็ตาม
สถานการณ์พระพุทธศาสนาในกัมพูชาก็เริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น หลังสงครามกลางเมืองเริ่มสงบลงใน
พ.ศ. ๒๕๔๓ รัฐบาลเขมรรวมทัง้ พุทธศาสนิกชนชาวเขมรมีความพยายามท่ีจะฟื้นฟพู ระพุทธศาสนา
ในประเทศกมั พูชาขึ้นมาใหมพ่ ร้อม ๆ กับการบรู ณะฟื้นฟูประเทศ อนั เปน็ สิง่ บ่งชี้ว่าสถานการณ์ของ
พระพุทธศาสนามีแนวโน้มที่จะดีขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยสงฆ์ขึ้น ได้แก่
มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาพระสีหนุราช ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาของพระภิกษุ
สงฆ์ชาวเขมร
การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาเข้าสปู่ ระเทศเวยี ดนาม
ประเทศเวยี ดนามเป็นประเทศทีม่ ีความสมั พันธก์ ับประเทศจีนมาแต่สมัยโบราณ ดังน้ัน เมื่อ
จนี นับถอื ศาสนาใด ศาสนานน้ั ก็จะเผยแผ่เข้ามาในเวียดนามด้วย เริม่ แรกอิทธิพลของลัทธิเต๋าและ
ลัทธิขงจื๊อได้เผยแผ่เข้ามาสู่ประเทศเวียดนามก่อนจนถึงคณะธรรมทูตจากจีนหลายคณะจึงได้เข้า
มาเผยแผ่พระพุทธศาสนานกิ ายมหายานในเวยี ดนาม
อย่างไรก็ตาม พระพุทธศาสนาในสมัยเริ่มแรกยังไม่เป็นที่นิยมนับถือกันอย่างแพร่หลาย
จนกระทั่งเมื่อราชวงศ์ดินห์ขึ้นมามีอานาจปกครองเวียดนาม พระพุทธศาสนานิกายมหายานจึง
ได้รบั การฟื้นฟูและไดร้ บั การนบั ถอื กนั อย่างแพร่หลายมากขน้ึ
การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเขา้ ส่ปู ระเทศเวยี ดนาม
เมื่อเวียดนามตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส พระพุทธศาสนาก็ได้รับความกระทบกระเทือนอย่าง
หนัก ทั้งนี้เพราะชาวพุทธได้รวมตัวกันจัดตั้งกระบวนการชาตินิยม ทาสงครามกองโจรสู้รบกับทหาร
ฝรั่งเศส เพื่อปลดปล่อยเวียดนามให้เป็นอิสระ รัฐบาลฝรั่งเศสจึงดาเนินการตอบโต้โดยการควบคุมการ
เผยแผ่พระพทุ ธศาสนาอย่างใกลช้ ดิ
การร่วมชุมนุมของพุทธศาสนิกชนเพื่อประกอบพิธีกรรมจะต้องได้รับการอนุญาตจากทางกา ร
ฝรั่งเศสก่อน นอกจากนี้ชาวเวียดนามที่ต้องการสมัครเข้าทางานกับรัฐบาลฝรั่งเศสจะต้องโอนสัญชาติ
เป็นชาวฝรั่งเศสและจะต้องเข้ารีตหันไปนับถือศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิกจึงจะมีสิทธิสมบูรณ์
ส่งผลให้ชาวเวียดนามจานวนไมน่ อ้ ยหันไปเขา้ รตี นบั ถือศาสนาคริสต์
การนับถอื พระพทุ ธศาสนาในประเทศเวียดนาม
เนื่องจากสงครามเวียดนามยาวนาน ทาให้การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในเวียดนามต้อง
หยุดชะงักลง อย่างไรก็ตาม ตัง้ แต่ พ.ศ. ๒๔๓๐ เปน็ ตน้ มา เม่ือเหตกุ ารณ์สงครามในคาบสมุทรอิน
โดจีนสงบลง และมีสันติภาพมากขึ้น ทางรัฐบาลก็ได้ผ่อนปรนมาตรการจากัดสิทธิการนับถือ
ศาสนาของประชาชนลงไปบ้าง จึงทาให้ชาวพุทธบางกลุ่มมคี วามพยายามฟื้นฟูพระพทุ ธศาสนาใน
เวียดนามขึ้นมาใหม่ แต่ก็ไม่สาเร็จมากนัก ทั้งนี้เพราะมีพระสงฆ์นิกายมหายานเหลือเพียงไม่กี่รูป
และชาวเวียดนามรุ่นใหม่ก็นยิ มไปเขา้ รีตเพื่อนับถอื ศาสนาครสิ ต์เปน็ ส่วนใหญ่
การเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาเข้าสปู่ ระเทศมาเลเซีย
ดินแดนประเทศมาเลเซียแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน ส่วนหนึ่งอยู่บนแหลมมลายูและอีกส่วน
หนึ่งอยู่บนเกาะบอร์เนียว นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่า พระพุทธศาสนาเผยแผ่เข้าสู่
ประเทศมาเลเซีย เมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ ๓ โดยระยะแรกเป็นแบบเถรวาท แต่มีผู้นับ
ถือไม่มากนัก จนกระทั่งเมื่อแหลมมลายูตกอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรศรีวิชัย
พระพุทธศาสนานิกายมหายานจึงไดเ้ ผยแผ่เข้ามาสูบ่ ริเวณนี้
การนับถอื พระพทุ ธศาสนาในประเทศมาเลเซีย
ประเทศมาเลเซียมีประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม แต่มีประชาชน
จานวนหนึ่งเป็นชาวจีนยังนับถือพระพุทธศาสนาทั้งนิกายมหายานและนิกายเถ รวาท
อย่างเหนียวแน่น ปัจจุบันมีองค์กรทางพระพุทธศาสนามากมาย เช่น สมาคมผู้สอน
พระพุทธศาสนาที่วัดพระพุทธศาสนาในกัวลาลัมเปอร์ ปัจจุบันรัฐบาลประกาศให้วันวิ
สาขบชู าเป็นวันหยุดราชการทวั่ ประเทศมาเลเซีย
การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาเขา้ สู่ประเทศประเทศ
สิงคโปร์
สิงคโปร์เป็นเกาะเล็ก ๆ อยู่ทางทิศใต้ของประเทศมาเลเซีย ในอดีตรวมกันเป็น
สมาพันธรัฐมลายูเช่นเดียวกับประเทศมาเลเซีย แต่ได้แยกตัวออกมาเป็นอิสระเมื่อ
พ.ศ. ๒๕๐๘ ดงั นั้น การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาเข้าสู่ประเทศสิงคโปร์จึงมีลักษณะเดียวกันกับ
ประเทศมาเลเซีย นกิ ายทไ่ี ดร้ บั การเคารพนับถือมาก ไดแ้ ก่ นิกายมหายาน
ด้วยเหตุผลที่พลเมืองส่วนใหญ่ของสิงคโปร์เป็นชาวจีน พระพุทธศาสนานิกายมหายาน
จงึ มีความเจรญิ รงุ่ เรอื ง
การนับถือพระพทุ ธศาสนาในประเทศสงิ คโปร์
ปัจจุบันนี้การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในสิงคโปร์มีลักษณะเป็นองค์กรต่าง ๆ เช่น
ห้องสมุดพุทธศาสนา ก่อตั้งโดยท่านธรรมรัตนะ พระภิกษุชาวศรีลังกา เพื่อจัดกิจกรรมการ
บรรยายและปฏิบัติธรรม พุทธสมาคมมหาปรัชญา มีพระภิกษุจากไต้หวันเป็นที่ปรึกษา
กิจกรรมหลักคือการสอนพระพุทธศาสนา ทั้งในแบบอินเดียและแบบจีน กลุ่มพุทธสมาคม
แหง่ มหาวิทยาลัย มีกจิ กรรมสอนพระธรรม และการนั่งสมาธภิ าวนา และสมาคมพุทธศาสนา
แห่งสิงคโปร์ มีวัตถุประสงค์ในการนาเสนอพระพุทธศาสนาในรูปแบบที่เหมาะสมกับ
ความกา้ วหน้าของสังคมสมัยใหม่
การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเข้าส่ปู ระเทศอนิ โดนเี ซีย
พ ร ะ เ จ ้ า อ โ ศ ก ม ห า ร า ช ท ร ง ส ่ ง พ ร ะ โ ส ณ ะ แ ล ะ พ ร ะ อ ุ ต ต ร เ ถ ร ะ เ ด ิ น ท า ง ม า เ ผ ย แ ผ่
พระพุทธศาสนาในแถบนี้ ปรากฏหลักฐานอย่างชัดเจนขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๒ เพราะ
ได้เกิดอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ขึ้นอาณาจักรหนึ่งชื่อว่า “อาณาจักรศรีวิชัย” ซึ่งมีอิทธิพล
ครอบคลุมตั้งแต่ภาคใต้ของประเทศไทย ประเทศมาเลเซีย และประเทศอินโดนีเซียทั้งหมด
สันนิษฐานว่า อาณาจักรศรีวิชัยมีการนับถือพระพุทธศาสนานิกายมหายานอย่าง
แพร่หลาย เพราะได้ค้นพบโบราณวัตถุเป็นจานวนมาก ที่สาคัญ ได้แก่ พระพิมพ์ ดินดิบและ
รปู พระโพธสิ ตั ว์ ซึง่ สร้างขึน้ ตามคตคิ วามเชือ่ ของผู้นับถือพระพุทธศาสนานกิ ายมหายาน
การเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศอนิ โดนีเซีย
พระพทุ ธศาสนาในอนิ โดนเี ซียถงึ จดุ เสอื่ มโทรมมากในสมยั พทุ ธศตวรรษที่ ๑๙ เม่ืออาณาจักรศรี
วิชัยเสื่อมโทรมลง และอาณาจักรมัชปาหิตขึ้นมามีอานาจแทน ประกอบกับมีกษัตริย์องค์หนึ่งของ
อาณาจักรมัชปาหิตทรงพระนามว่า ระเด่นปาทา ทรงมีศรัทธาในศาสนาอิสลามมาก ทรงประกาศ
ห้ามการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในอาณาจักรของพระองค์ และทรงยกย่องให้ศาสนาอิสลามเป็น
ศาสนาประจาชาติ
นับตั้งแต่นั้นมาศาสนาอิสลามก็เผยแผ่ไปยังเกาะต่าง ๆ ของอินโดนีเซียอย่างรวดเร็ว จน
กลายเป็นศาสนาที่ชาวอินโดนีเซียส่วนใหญ่นับถือไปในที่สุด ส่วนชาวอินโดนีเซียที่ยัง มี
ความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนานิกายมหายาน ยังคงมีอยู่ประปรายในเกาะชวา
สมุ าตรา และบาหลี
การนับถอื พระพุทธศาสนาในประเทศอินโดนีเซีย
พระพุทธศาสนานิกายมหายานเจริญรุ่งเรืองในประเทศอินโดนีเซียราวพุทธศตวรรษท่ี
๑๒-๑๓ เหน็ ได้จากพุทธสถานสาคญั ๆ ท่ีเหลอื เปน็ หลักฐานหลายแห่ง โดยเฉพาะพระวหิ ารบุโรพทุ
โธ (บรมพุทโธ) หลังจากที่ศาสนาอิสลามได้แพร่เข้ามาและชาวชวาได้ยอมรับนับถือเป็นศาสนา
ประจาชาติแล้ว พระพุทธศาสนาก็เริ่มเสื่อมถอยลงตามลาดับ ปัจจุบันมีชาวอินโดนีเซียประมาณ
ร้อยละ ๑ ทีย่ ังนับถือพระพุทธศาสนา เช่น ชาวอินโดนีเซีย บนเกาะบาหลี นับถือพระพุทธศาสนา
นกิ ายมหายานควบคู่ไปกับศาสนาพราหมณ์ และชาวจีนจานวนหนึ่งบนเกาะชวาทุก ๆ ปปี ระชาชน
กลุม่ นีจ้ ะมาร่วมกนั ประกอบพธิ ีในวนั วิสาขบูชาท่ีพระวิหารบุโรพุทโธ ซึง่ จัดเปน็ เทศกาลประจาปีที่
สาคัญงานหนึ่งของเมือง นอกจากนี้มีการจัดตั้งพุทธสมาคมขึ้นในเมืองจาการ์ตา เมืองหลวงของ
อนิ โดนเี ซียด้วย