สยามโมไทแรนนัส อีสานเอนซิส
Siamotyrannus isanensis
ดัดแปลงจาก : Samathi (2019)
ยังไม่มีการค้นพบฟันของ
สยามโมไทแรนนัส แม้ใน
หมวดหินเสาขัวมีการค้นพบ
ฟันของไดโนเสาร์เทอโรพอด
จำนวนมากแต่ก็ยังไม่
สามารถระบุได้ว่าฟันเหล่า
นั้นเป็นของไดโนเสาร์ตัวใด
สยามโมไทแรนนัส เป็นไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดใหญ่ที่เคยคิดว่าเป็นญาติ
ของทีเร็กซ์ ก่อนที่ในภายหลังจะพบว่ามันคล้ายพวกเมเทรียแคนโธซอริดี
(Metriacanthosauridae) อย่างซินแรพเตอร์ (Sinraptor) จากจีน ทว่าใน
ปัจจุบันนั้นเชื่อว่ามันอาจเป็นเพียงไดโนเสาร์นักล่าในกลุ่มของไดโนเสาร์ที่มีขนนก
หรือซีลูโรซอร์แทน ชิ้นส่วนของมันที่ถูกค้นพบประกอบด้วยกระดูกเชิงกรานและ
กระดูกหางบางส่วนและมีชิ้นส่วนที่คาดว่าเป็นกระดูกสันหลังของมันอีกด้วย
นักบรรพชีวินวิทยาคาดว่าสยามโมไทแรนนัสเป็นหนึ่งในเบซัลซีลูโรซอร์ที่ใหญ่ที่สุด
มันมีกรามที่แข็งแรงอันเป็นอาวุธสังหาร จนมันเคยถูกคิดว่าเป็นนักล่าที่อยู่บนสุด
ของห่วงโซ่อาหารก่อนที่จะถูกแทนที่ด้วยกลุ่มคาร์คาโรดอนโตซอเรีย
(Carcharodontosauria) ในภายหลัง
44
เต่าแดนอีสาน
Family: Adocidae
อีสานนีมิส เป็นเต่าสกุลใหม่และชนิดใหม่ของโลก
ที่ถูกค้นพบในประเทศไทย มันเป็นเต่าน้ำจืด
ที่เป็นญาติกับเต่าจมูกหมูและตะพาบ โดยมัน
มีลักษณะเด่นคือมีรูขนาดเล็กประดับอยู่บนกระดอง
ชุดของแผ่นกระดองหลัง 6 แผ่นไม่สมบูรณ์ และคู่ท้ายตรง
ด้านข้างบรรจบกันตรงกลาง แผ่นกระดองของมันเป็นรูป
สามเหลี่ยมขนาดเล็ก โดยเต่าสายพันธุ์นี้มีกระดอง
ที่ยังไม่ได้พัฒนาไปมากเมื่อเทียบกับเต่าอะโดซิดีตัวอื่นๆ
ตัวอย่างเช่น อะโดคัส (Adocus) จากปลายยุค
ครีเทเชียสของอเมริกาเหนือ
ประเภท: กินทั้งพืชและเนื้อ
ขนาด: 40-50 เซนติเมตร
อายุ: 130 ล้านปี ต้นยุคครีเทเชียส
สถานที่ค้นพบ: หนองบัวลำภู หมวดหินเสาขัว
45
อีสานนีมิส ศรีสุขกิ
Isanemys srisuki
ซากดึกดำบรรพ์ของมันถูกพบที่ภูพานคำเมื่อปี 2530 พบส่วน
กระดองหลังในหินทราย และต่อมาได้รับการตั้งเป็นสกุลและ
ชนิดใหม่ของโลกว่า อีสานนีมิส ศรีสุขกิ (Isanemys srisuki)
เพื่อเป็นเกียรติแก่ คุณพลาเดช ศรีสุข และคณะที่ค้นพบ
ที่มา : Tong et al. (2009)
46
จระเข้แห่งแดนสยาม
Family: Goniopholidae
ที่มา : Lauprasert et al. (2007)
ประเภท: กินเนื้อ
ขนาด: 3-4 เมตร
อายุ: 130 ล้านปี ต้นยุคครีเทเชียส
สถานที่ค้นพบ: สกลนคร หมวดหินเสาขัว
47
สยามโมซูคัส ภูพอกเอนซิส
Siamosuchus phuphokensis
สยามโมซูคัส เป็นจระเข้น้ำจืดที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยในอดีตกาล
ฟอสซิลของมันที่พบประกอบด้วย ส่วนใหญ่ของร่างกายส่วนหลัง หัวด้านขวา
และปุ่มกระดูกจำนวนหนึ่ง ความน่าสนใจของสยามโมซูคัสนัั่นคือมันมีความใกล้ชิด
ทางสายวิวัฒนาการกับโกนิโอโฟลิส (Goniopholis) จากยุโรปมาก มากกว่าจระเข้
ที่เคยถูกคิดว่าเป็นโกนิโอโฟลิสในไทยอย่างซูโนซูคัส ภูเวียงเอนซิส (Sunosuchus
phuwiangensis) เสียอีก โดยสยามโมซูคัสดำรงชีวิตด้วยการกินปลาและจับสัตว์
ขนาดเล็กที่อาศัยตามแหล่งน้ำจืดกินเป็นอาหารแต่ตัวมันเองก็ต้องระวังภัย
จากสัตว์น้ำที่มีขนาดใหญ่กว่ามันด้วยเช่นกัน
48
จระเข้เสฉวน
Family: Goniopholidae
ซูโนซูคัส เป็นจระเข้น้ำจืิดที่สามารถพบได้ในทวีปยุโรป เอเชีย และ
อเมริกาเหนือซึ่งอาจมีลักษณะการดำรงชีวิตคล้ายกับจระเข้และอัลลิเกเตอร์ใน
ปัจจุบัน ในประเทศไทยพบ 1 ชนิดคือ ซูโนซูคัส ภูเวียงเอนซิส โดยพบฟอสซิลส่วน
กรามล่างซ้ายที่ส่วนหน้าหายไป การค้นพบของมันจึงเป็นอีกหนึ่งหลักฐานที่ช่วย
เพิ่มเติมความคล้ายคลึงของระบบนิเวศของไทยในยุคจูแรสซิกกับระบบนิเวศจากจีน
ยุโรปและอเมริกาเหนือ
ประเภท: กินเนื้อ
ขนาด: 3 เมตร
อายุ: 130 ล้านปี ต้นยุคครีเทเชียส
สถานที่ค้นพบ: ขอนแก่น หมวดหินเสาขัว
49
ซูโนซูคัส ภูเวียงเอนซิส
Sunosuchus phuwiangensis
กรามล่างที่ไม่สมบูรณ์ของซูโนซูคัส
ส่วนหน้าสุดของกรามหายไป ส่วน
ฟันถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี และพบ
ว่าร่องฟันที่รองรับฟันในตำแหน่งที่
3-4 มีขนาดใหญ่ที่สุดในกราม ปลาย
กรามค่อนข้างแคบ เพียงประมาณ
16-18 ซม. และค่อนข้างแบน
ที่มา : Buffetaut et al. (1983)
50
จระเข้ที่ดุร้าย
Family: Atoposauridae
เทอริโอซูคัส เป็นจระเข้ขนาดเล็กที่ประสบความสำเร็จในการกระจายตัว
สูง ในยุคจูแรสซิกตอนปลายไปจนถึงยุคครีเทเชียสตอนต้น เราพบฟอสซิลของ
มันในทวีปเอเชีย ยุโรป อเมริกาเหนือ และแอฟริกา ในช่วงที่เทอริโอซูคัสยังมี
ชีวิตอยู่ มันอาศัยอยู่ทั้งตามแม่น้ำ บึง หนอง ปากแม่น้ำ ป่าชายเลน ไปจนถึงริม
ทะเล จึงสามารถอนุมานได้ว่ามันสามารถเคลื่อนที่บนบกได้อย่างคล่องแคล่วด้วย
ทำให้มันรับบทบาทนักล่าขนาดเล็กที่จับเหยื่อที่รวดเร็วในระบบนิเวศของมัน
ประเภท: กินเนื้อ
ขนาด: 50-80 เซนติเมตร
อายุ: 130 ล้านปี ต้นยุคครีเทเชียส
สถานที่ค้นพบ: สกลนคร หมวดหินเสาขัว
51
เทอริโอซูคัส แกรนดินาริส
Theriosuchus grandinaris
ฟอสซิลของ เทอริโอซูคัส แกรนดินาริส ที่มา : Lauprasert et al. (2011)
ประกอบด้วยขากรรไกรบนและขากรรไกรล่าง
จากแหล่งขุดค้นภูพอก จ.สกลนคร
ประเทศไทยโดยมันมีลักษณะที่แตกต่างจาก
จระเข้สกุล เทอริโอซูคัส ชนิดอื่นๆทั้งรูปร่าง
ฟันเขี้ยวเทียม ฟันรูปใบหอกและฟันแบน ซึ่ง
ลักษณะสัณฐานวิทยาและการจัดเรียงตัวของ
ฟันนี้เองที่ใช้ตั้งคําระบุชนิด (Specific
Epithet) ใหม่ให้แก่ตัวอย่างจระเข้แคระของ
ไทยชนิดนี้ นอกจากนี้ยังมีกระดูกจมูกที่ค่อยๆ
ขยายกว้างขึ้นไปทางด้านท้ายทำให้กระดูก
จมูกของมันใหญ่โตและกว้างกว่าชนิดอื่นๆ
52
ฟันแห่งแดนอีสาน
Order: Hybodontiformes
อีสานโนดัส หนองบัวลำภูเอนซิส
Isanodus nongbualamphuensis
ที่มา : Cuny et al. (2006)
ประเภท: กินเนื้อ
ขนาด: 1-1.5 เมตร
อายุ: 130 ล้านปี ต้นยุคครีเทเชียส
สถานที่ค้นพบ: หนองบัวลำภู หมวดหินเสาขัว
53
อีสานโนดัส
Isanodus spp.
อีสานโนดัส เป็นฉลามไฮโบดอนท์น้ำจืดอีกสกุลที่ถูกพบในประเทศไทย
โดยพบถึง 2 ชนิดด้วยกัน ได้แก่ อีสานโนดัส พลาเดชจิ (I. paladeji) และ
อีสานโนดัส หนองบัวลำภูเอนซิส (I. nongbualamphuensis) ฟันของมัน
มีรูปทรงกลมมนถึง 4 แบบภายในปาก เหมาะกับกินสัตว์เปลือกแข็งเช่นเดียวกับ
ไฮโบดอนท์ทั่วไป
อีสานโนดัส พลาเดชจิ
Isanodus paladeji
54
ฟันแห่งมุกดาหาร
Order: Hybodontiformes
มุกดาหารโนดัส เป็นฉลามไฮโบดอนท์น้ำจืด จุดเด่นของมันคือเป็น
ไฮโบดอนท์เพียงไม่กี่ชนิดที่มีวิวัฒนาการให้ฟันแหลมและมีขอบหยัก ซึ่งเป็น
การออกแบบมาเพื่อกินปลาโดยเฉพาะ ตรงกันข้ามกับไฮโบดอนท์ทั่วไปที่มีฟัน
กลมมนไว้บดสัตว์เปลือกแข็ง ด้วยเหตุนี้เราจึงคาดเดาว่ามุกดาหารโนดัสอาจจะ
ว่องไวกว่า หรืออาจมีรูปร่างต่างจากญาติตัวอื่น ๆ
เพราะต้องไล่จับปลาให้ทัน
รู้หรือไม่? ประเทศไทยของเราเป็น
สถานที่ที่มีความหลากหลายของฉลาม
ไฮโบดอนท์น้ำจืดมากที่สุดแห่งหนึ่ง
ของโลก อีกทั้งฉลามไฮโบดอนท์หลาย
ชนิดของไทยยังมีลักษณะฟันแตกต่าง
กันชัดเจน ดังเช่นมุกดาหารโนดัสตัวนี้
55
มุกดาหารโนดัส ไตรศิวกุลลิ
Mukdahanodus trisivakulii
ฟันที่มีขอบเป็นใบเลื่อยของฉลามไฮโบดอนท์เกิดวิวัฒนาการ
ขึ้นในเวลาไม่นานมากถึง 4 ครั้ง ตั้งแต่ปลายยุคจูแรสซิกถึง
ยุคครีเทเชียส โดยมักจะพบฟันลักษณะแบบนี้เฉพาะใน
ฉลามไฮโบดอนท์น้ำจืด หรือใช้ชีวิตบางช่วงในน้ำจืด
ที่มา : Cuny et al. (2009)
ประเภท: กินเนื้อ
ขนาด: 1-2 เมตร
อายุ: 130 ล้านปี ต้นยุคครีเทเชียส
สถานที่ค้นพบ: มุกดาหาร หมวดหินเสาขัว
56
ลอนคิเดียนจากโคราช
Order: Hybodontiformes
ประเภท: กินเนื้อ
ขนาด: 1 เมตร
อายุ: 130 ล้านปี ต้นยุคครีเทเชียส
สถานที่ค้นพบ: กาฬสินธุ์ หมวดหินเสาขัว
57
ลอนคิเดียน โคราชเอนซิส
Lonchidion khoratensis
ฟันที่มีความโค้งมนของฉลามไฮโบดอนท์ มีลักษณะคล้ายกับ
ฉลามหัววัว (Bullhead shark) ซึ่งเป็นหนึ่งในปลาฉลามที่
กินสัตว์เปลือกแข็งเป็นอาหารหลักเพียงไม่กี่ชนิดในปัจจุบัน
ที่มา : Cuny et al. (2006)
ลอนคิเดียน เป็นฉลามน้ำจืดขนาดเล็ก ฟันขนาดเล็กของมันเรียบเนียนไม่มีหยัก
เป็นการวิวัฒนาการให้ผิวฟันเรียบขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ถือเป็นการปรับตัวมาเพื่อกินสัตว์
เปลือกแข็งโดยเฉพาะ ลักษณะฟันของลอนคิเดียนจากประเทศไทยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
โดดเด่นต่างจากลอนคิเดียนชนิดอื่นทั่วโลก มีฉลามลอนคิเดียนเพียง 2 ชนิดจากต่าง
ประเทศเท่านั้น ที่มีลักษณะฟันคล้ายกัน คือ ลอนคิเดียน ฮัมเบิลอิ (L. humblei) และ
ลอนคิเดียน บรีวี (L. breve) แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังแยกความแตกต่างของฟันได้
58
ฟันห่อที่แตกต่าง
Clade: incertae sedis
ประเภท: กินเนื้อ
ขนาด: 1-2 เมตร
อายุ: 130 ล้านปี ต้นยุคครีเทเชียส
สถานที่ค้นพบ: ตราด หมวดหินเสาขัว
59
เฮเทอโรไทโคดัส เกาะกูดเอนซิส
Heteroptychodus kokutensis
เฮเทอโรไทโคดัส เป็นสกุลของฉลามน้ำจืด
ที่ถูกพบในประเทศไทย ที่เกาะกูด
จ.ตราด โดยหมวดหินที่มันถูกพบยังมีความ
คลุมเครือว่าเป็นหมวดหินใด แต่ถูกประมาณอายุ
ว่าเท่ากับหมวดหินเสาขัว (130-125 ล้านปีก่อน)
ฉลามในสกุลนี้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในทาง
วิวัฒนาการ เนื่องจากมีการพบเฮเทอโรไทโคดัส
อีก 2 ชนิดที่ยังไม่มีชื่อจากหมวดหินภูกระดึงและโคกกรวด
อีกทั้งยังมี เฮเทอโรไทโคดัส สไตน์แมนนิ (Heteroptychodus
steinmanni) ที่พบในประเทศไทยอีกชนิด โดยมันมีฟันกว้างและครอบ
ฟันมีหยักแหลมคม เหมาะกับการกินอาหารแข็งๆ เช่น หอย ปู กุ้ง
ปัจจุบันเฮเทอโรไทโคดัสยังมีตำแหน่งทาง
อนุกรมวิธานที่ไม่แน่นอน (incertae sedis)
เนื่องจากยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าฉลาม
ชนิดนี้ควรอยู่ในวงศ์ไหนกันแน่
ที่มา : Cuny et al. (2013)
60
ปลาโบว์ฟินจากแดนสยาม
Family: Sinamiidae
ประเภท: กินเนื้อ ที่มา : Stan (2005)
ขนาด: 1 เมตร
อายุ: 130 ล้านปี ต้นยุคครีเทเชียส สยามเอเมียอาจมีความสามารถในการ
สถานที่ค้นพบ: สกลนคร หมวดหินเสาขัว อดอาหารได้เป็นระยะเวลานาน
เพื่ออยู่รอดในยามอาหารขาดแคลน
61 เช่นเดียวกับปลาโบว์ฟิน (Bowfin)
ญาติของมันในปัจจุบัน
สยามเอเมีย นาคา
Siamamia naga
สยามเอเมีย เป็นปลาน้ำจืดนักล่าที่เป็นญาติกับปลาโบว์ฟินที่มีหน้าตาคล้าย
กับปลาช่อน เกล็ดของมันมีขนาดเล็กและบางกว่าเกล็ดของปลาอื่น ๆ ในยุคนั้น
อีกทั้งมันยังเป็นปลากลุ่มโฮโลสตีไอ (Holostei) ตัวแรกที่ถูกพบนอกเอเชีย
ตะวันออกอีกด้วย จึงเป็นตัวบ่งชี้ว่าประเทศไทยนั้นเชื่อมติดกับเอเชียตะวันออก
ในยุคครีเทเชียส หากอิงจากปลาโบว์ฟินในปัจจุบัน สยามเอเมียอาจมีพฤติกรรม
การล่าเหยื่อที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ นั่นคือค่อย ๆ ว่ายตามเหยื่อไป
ก่อนที่จะพุ่งเข้าจู่โจมด้วยความรวดเร็ว อาหารของมันมีทั้ง
ปลาและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังนานาชนิด โดยปกติ
แล้วพวกมันจะอยู่ในน้ำนิ่งที่มีพืชปกคลุมเพื่อ
ซ่อนตัวในช่วงกลางวัน และออกล่า
ในเวลากลางคืน
ที่มา : Cavin et al. (2007)
62
กิ้งก่านกแก้ว
Family: Psittacosauridae
ลักษณะที่ทำให้ซิตตะโคซอรัส สัตยารักษ์กิแตกต่างจากชนิดอื่นคือ
1. ส่วนปีกยื่นใต้ขากรรไกรล่างมีขนาดเล็ก
2. เบ้าฟันของพวกมันนูนสูงขึ้นมากกว่าทุกชนิด
3. ฟันขากรรไกรล่างมีหยักซ้ายและขวาข้างละ 5 หยัก
ที่มา : Buffetaut et al. (2005)
ประเภท: กินพืช
ขนาด: 1-1.5 เมตร
อายุ: 110 ล้านปี ต้นยุคครีเทเชียส
สถานที่ค้นพบ: ชัยภูมิ หมวดหินโคกกรวด
63
ซิตตะโคซอรัส สัตยารักษ์กิ
Psittacosaurus sattayaraki
ซิตตะโคซอรัส เป็นไดโนเสาร์กินพืชขนาดเล็กในกลุ่มของไดโนเสาร์มีเขา แม้ร่างกาย
ของมันจะไม่มีเขาไว้ป้องกันตัวเหมือนญาติของมันในยุคหลัง ๆ แต่มันมีสีที่กลมกลืน
กับสิ่งแวดล้อมช่วยในการพรางตัว ทำให้มันรอดพ้นจากการตกเป็นเหยื่อของนักล่า
ลักษณะที่เราทราบว่ามันอยู่ในกลุ่มไดโนเสาร์มีเขา คือจะงอยปากแบบนกแก้ว
อันเป็นที่เป็นที่มาของชื่อ "กิ้งก่านกแก้ว" นั่นเอง โดยชนิดสัตยารักษ์กิ ที่พบในไทย
ถูกค้นพบโดยคุณนเรศ สัตยารักษ์ นักธรณีวิทยาชาวไทย ซึ่งพบขากรรไกรล่างขวา
หนึ่งชิ้นจากจ.ชัยภูมิ โดยถือเป็นชนิดที่ค่อนข้างมีความเก่าแก่เมื่อเทียบกับชนิดอื่น ๆ
ฟอสซิลของซิตตะโคซอรัสที่ไม่ ที่มา : Jakob Vinther et al.. (2016)
สามารถระบุชนิดได้จากจีนพบว่า
ไดโนเสาร์ชนิดนี้มีขนแข็งเป็นกระจุก
บริเวณโคนหางซึ่งสามารถนำมา
อนุมานในชนิดอื่น ๆ ได้
64
จอมโจรแห่งแดนสยาม
Clade: Carcharodontosauria
สยามแรพเตอร์ เป็นหนึ่งในไดโนเสาร์กินเนื้ิอขนาดใหญ่ที่สุดที่มีการค้นพบ
ในประเทศไทย มันเป็นญาติห่าง ๆ ของไดโนเสาร์ชื่อดังอย่างจิกแกนโนโตซอรัส
(Giganotosaurus) ทว่า มีความเก่าแก่กว่ามาก ฟันของพวกมันมีลักษณะคล้าย
ใบมีดที่มีรอยหยัก 2 ด้าน ที่เหมาะกับการเฉือนเนื้อเหยื่อ ทำให้เหยื่อเสียเลือด
อย่างรวดเร็ว ซึ่งช่วยให้สยามแรพเตอร์สามารถจัดการสัตว์ที่มีขนาดใหญ่กว่า
อย่างซอโรพอดได้เป็นอย่างดี
ที่มา : Chokchaloemwong et al. (2019) 65
ฟอสซิลของสยามแรพเตอร์ถูกพบที่บริเวณ
บ้านสะพานหิน ต.สุรนารี อ.เมือง
จ.นครราชสีมาเป็นชิ้นส่วนกระดูกที่มีตั้งแต่
ส่วนของกะโหลก กระดูกสันหลัง กระดูกขา
หลัง หาง และกระดูกสะโพก ชื่อชนิด "สุวาติ"
ตั้งเป็นเกียรติให้แก่คุณสุวัจน์ ลิปตพัลลภ
สยามแรพเตอร์ สุวัจน์ติ
Siamraptor suwati
นอกจากฟันใบเลื่อยและขา
กรรไกรที่สามารถอ้าได้
กว้างของไดโนเสาร์จำพวก
คาร์คาโรดอนโตซอร์ การมี
ร่างกายที่เบาเหมาะกับการ
เคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว
ทำให้สยามแรพเตอร์กลาย
เป็นนักล่าที่แสนอันตราย
ประเภท: กินเนื้อ
ขนาด: 8 เมตร
อายุ: 110 ล้านปี ต้นยุคครีเทเชียส
สถานที่ค้นพบ: นครราชสีมา หมวดหินโคกกรวด
66
ฟันแห่งแดนสยาม
Clade: Iguanodontia
ฟันของมันมีความคล้ายกับอิกัวโนดอนเป็นอย่างมาก แต่มีความแตกต่าง
โดยที่สันหลักมักจะเป็นสองสันและจะไม่บรรจบกันตรงปลายฟัน
และรายล้อมด้วยสันย่อยจำนวนมาก
ที่มา : Buffetaut et al. (2011)
เช่นเดียวกับโปรแบคโตซอรัสญาติสนิทของ
มัน สยามโมดอนมักจะเดินด้วยขาทั้งสี่ข้าง
เล็มกินอาหารเรี่ยดิน แต่ก็สามารถยืนยืดตัว
เพื่อเข้าถึงอาหารที่สูงกว่าได้เช่นกัน
ประเภท: กินพืช
ขนาด: 6-6.5 เมตร
อายุ: 110 ล้านปี ต้นยุคครีเทเชียส
สถานที่ค้นพบ: นครราชสีมา หมวดหินโคกกรวด
67
สยามโมดอน นิ่มงามมิ
Siamodon nimngami
สยามโมดอน เป็นไดโนเสาร์กินพืชในกลุ่มออร์นิโทพอดที่ถูกค้นพบใน
ประเทศไทย มันมีลักษณะที่แยกออกจากออร์นิโทพอดตัวอื่น ๆ คือ ขากรรไกรบน
ของมันนั้นทรงเป็นสามเหลี่ยมหน้าจั่ว มีตำแหน่งยอดอยู่เกือบจะกึ่งกลางพอดี
สยามโมดอนนั้นถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มของอิกัวโนดอนเทียที่ไม่ใช่ฮาโดรซอรอยด์
โดยมีลักษณะคล้ายกับโปรแบคโตซอรัส (Probactosaurus) จากประเทศจีน
โดยพวกมันสามารถเดินได้ทั้ง 4 ขาและ 2 ขา ฟันของพวกมันวิวัฒนาการ
มาเพื่อกินพืชโดยเฉพาะ แต่ก็สามารถใช้กัดสิ่งของแข็ง ๆ ได้ด้วยโดยพบว่า
มีออร์นิโทพอดบางกลุ่มกินเปลือกหอยเป็นอาหารเสริมธาตุแคลเซียมด้วย
สยามโมดอนนั้นก็อาจจะไม่ต่างกันมากนักกับออร์นิโทพอดอื่น ๆ
และมีพฤติกรรมคล้าย ๆ กัน
ซากดึกดำบรรพ์ของสยามโมดอน ที่มา : Buffetaut et al. (2011)
ถูกค้นพบที่แหล่งขุดค้นบ้านสะพานหิน
ต.สุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา
ลักษณะของกระดูกขากรรไกรบนเป็นรูป
สามเหลี่ยมหน้าจั่ว มีส่วนโป่งของพื้นผิว
ด้านในของขากรรไกรบนเป็น
แนวยาวที่เด่นชัด
68
กิ้งก่าแห่งนครราชสี มา
Clade: Iguanodontia
ที่มา : Shibata et al. (2011) ในบรรรดาอิกัวโนดอนเทียนของไทย
ราชสีมาซอรัสคงลักษณะที่เก่าแก่ไว้มากที่สุด
กรามล่างของราชสีมาซอรัสมีสัดส่วนรูปร่าง
ที่ยาวและแบนอย่างเห็นได้ชัด มันจึงมีแนวโน้มที่จะเดินด้วยสองขาหลัง
มากกว่า เพื่อความรวดเร็วในการเคลื่อนที่ทั้ง
เดินทางและหลบเลี่ยงศัตรู
ประเภท: กินพืช
ขนาด: 6-6.5 เมตร
อายุ: 110 ล้านปี ต้นยุคครีเทเชียส
สถานที่ค้นพบ: นครราชสีมา หมวดหินโคกกรวด
69
ราชสีมาซอรัส สุรนารีเอ
Ratchasimasaurus suranareae
ราชสีมาซอรัส เป็นไดโนเสาร์กินพืชในกลุ่มออร์นิโทพอดที่ถูกค้นพบในประเทศไทย
เช่นเดียวกันกับสยามโมดอน เราพบกรามล่างของมันในสภาพสมบูรณ์แต่ไม่พบฟัน
โดยกรามล่างของมันยาวและแบน ลักษณะนี้มีความก้ำกึ่งระหว่างอิกัวโนดอนเทียน
ยุคเก่าและยุคใหม่ โดยการค้นพบของมันเกิดจากความร่วมมือระหว่างพิพิธภัณฑ์
ไดโนเสาร์ฟุกุอิ ประเทศญี่ปุ่นกับพิพิธภัณธ์ไม้กลายเป็นหิน และมหาวิทยาลัยราชภัฏ
นครราชสีมา ผ่านการศึกษาเปรียบเทียบสิ่งมีชีวิตโบราณในหมวดหินที่มีอายุเท่ากัน
ซึ่งความร่วมมือนี้เองได้นำไปสู่การค้นพบฟอสซิลมากกว่า
30,000 ชิ้น และหนึ่งในนั้นคือราชสีมาซอรัสนั่นเอง
ชื่อชนิด "สุรนารีเอ"
ถูกตั้งตามชื่อของ
ท้าวสุรนารี เพื่อเป็น
เกียรติแด่วีรสตรีของ
จ.นครราชสีมา
ที่มา : Supanut (2019)
70
แด่เจ้าฟ้ามหาจักรีสิ รินธร
Clade: Iguanodontia
ขอบฟันของสิรินธรน่านั้นขรุขระและอาจจะเคลือบด้วยเคราติน
หนาอีกชั้น ทำให้มันสามารถบดเคี้ยวทั้งเปลือกไม้ หน่อไม้หรือ
แม้แต่เมล็ดปรงได้ จึงเป็นข้อได้เปรียบในการเเก่งแย่งทรัพยากร
ในพื้นที่อันแห้งแล้งของไทยในยุคนั้นได้เป็นอย่างดี
ที่มา : Shibata et al. (2015)
สิรินธรน่า เป็นไดโนเสาร์กินพืชในกลุ่ม
ออร์นิโทพอดชนิดล่าสุดที่มีการตั้งชื่อขึ้นมาใน
ประเทศไทย ฟอสซิลของมันอยู่ในตะกอนสีแดง
ทำให้ชาวบ้านบางส่วนเชื่อว่า การที่ดินมีสีแดงนั้น
มาจากเลือดของไดโนเสาร์ที่ตายทับถมกันในอดีต
สิรินธรน่านั้นเป็นไดโนเสาร์อิกัวโนดอนเทียนที่
อาจจะเป็นฮาโดรซอรอยด์ด้วย โดยมันมีความ
ใกล้เคียงกับอัลติไรนัส (Altirhinus) มาก
โดยสังเกตุจากลักษณะของกล่องสมองของมัน
ที่เป็นตัวแทนของไดโนเสาร์สกุลนี้
71
สิรินธรน่า โคราชเอนซิส
Sirindhorna khoratensis
ฟอสซิลของสิรินธรน่าถูกพบที่บ้านสะพานหิน
ต.สุรนารี อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา
หนึ่งในลักษณะที่ใช้จัดจำแนกสิรินธรน่า
ออกจากออร์นิโทพอดอื่นๆนั่นคือกรามล่างมี
ลักษณะเป็นผนังและมีร่องสำหรับถุงลมภายใน
ที่มา : Shibata et al. (2015)
ประเภท: กินพืช
ขนาด: 6-6.5 เมตร
อายุ: 110 ล้านปี ต้นยุคครีเทเชียส
สถานที่ค้นพบ: นครราชสีมา หมวดหินโคกกรวด
72
จระเข้แห่งโคราช
Clade: Neosuchia
ที่มา : Lauprasert et al. (2009)
ประเภท: กินเนื้อ
ขนาด: 1.5 เมตร
อายุ: 110 ล้านปี ต้นยุคครีเทเชียส
สถานที่ค้นพบ: นครราชสีมา หมวดหินโคกกรวด
โคราชโตซูคัส จินตสกุลลิ ได้รับการตั้งชื่อโดย ดร.คมศร เลาห์ประเสริฐ จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
โดย Khorat คือ สถานที่พบฟอสซิล และ suchus แปลว่า จระเข้ ส่วน jintasakuli ตั้งเพื่อเป็นเกียรติแก่
ผศ.ดร.ประเทือง จินตสกุล ผู้พบฟอสซิลชิ้นนี้ที่บ้านสะพานหิน ต.สุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา
73
โคราชโตซูคัส จินตะสกุลลิ
Khoratosuchus jintasakuli
โคราชโตซูคัส เป็นจระเข้ที่มีการค้นพบในประเทศไทย มันเป็นจระเข้ที่มีอายุทาง
ธรณีกาลน้อยที่สุดในมหายุคมีโซโซอิกที่มีการค้นพบในประเทศไทย มันมีหน้าตา
คล้ายคลึงกันกับจระเข้กลุ่มนีโอซูเคียนอื่น ๆ ที่พบในจีน ยุโรป และเอเชียตะวัน
ออกเฉียงใต้ เรายังไม่ทราบลักษณะทางกายภาพของมันมากนักเพราะพบเพียงแค่
กะโหลก แต่จากลักษณะกะโหลกของมันมีความก้ำกึ่งระหว่างจระเข้ยุคแรกกับ
จระเข้ปัจจุบัน มันอาจจะมีขาที่ยาวช่วยในการเคลื่อนตัวบนบกได้สะดวก แม้จะมี
ลักษณะกะโหลกของจระเข้ยุคใหม่ที่เหมาะกับการอาศัยอยู่ในน้ำก็ตาม
74
เต่าจากทะเลทรายคิซิลคูม
Family: Carettochelyidae
ฟอสซิลกระดองของคิซิลคูมีมิส
พบรอยผิวหนังปกคลุมซึ่งเป็น
ลักษณะเฉพาะของเต่าจำพวก
เต่าหมูบิน
ที่มา : Tong et al. (2009)
คิซิลคูมีมิสคือเต่าในกลุ่มเต่าหมูบิน ที่มา : Walling (2012)
รูปร่างทั่วไปคล้ายตะพาบมีจมูกยื่นยาวมาและงุ้มหักลง
คล้ายหมู จึงเป็นที่มาของชื่อเรียก กระดองหลังปกคลุม
ด้วยหนัง แต่ยังแข็งอยู่ไม่เหมือนกับตะพาบ กินอาหาร
ได้หลากหลายทั้งพืชและสัตว์ รวมถึงซากสัตว์ด้วย
75
คิซิลคูมีมิส โคราชเอนซิส
Kizylkumemys khoratensis
คิซิลคูมีมิส โคราชเอนซิส เป็นเต่าในกลุ่มเต่าจมูกหมู มันมีกระดองที่
ปกคลุมด้วยหนังแต่ก็ยังแข็งแรงไม่เหมือนกับตะพาบ ญาติสนิทของมันที่กระดอง
อ่อนนุ่ม เต่าชนิดนี้มีลวดลายบนกระดองที่ชัดเจนและใกล้เคียงกับเต่าคิซิลคูมิส
จากต่างประเทศ แต่ก็มีจุดที่ต่างกันมากพอ จึงมีการตั้งให้มันเป็นชนิดใหม่ของ
คิซิลคูมีมิส ซึ่งในไทยอาจจะมีมากกว่า 1 ชนิดแต่ยังไม่มีการตั้งชื่ออย่างเป็นทางการ
ณ เวลาปัจจุบัน ชิ้นส่วนกระดองของคิซิลคูมีมิสพบจากหลายแหล่ง เช่น แหล่งบ้าน
สะพานหิน ต.สุรนารี แหล่งบ้านโคกกรวด ต.โคกกรวด จ.นครราชสีมา รวมทั้ง
แหล่งโคกผาส้วม ต.นาคำ อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี
ประเภท: กินเนื้อ
ขนาด: 1 เมตร
อายุ: 110 ล้านปี ต้นยุคครีเทเชียส
สถานที่ค้นพบ: กาฬสินธุ์ หมวดหินโคกกรวด
76
ฟันจากประเทศไทย
Order: Hybodontiformes
ไทยโอดัส เป็นฉลามไฮโบดอนท์น้ำจืดที่มีฟันไม่สมมาตร ฟันแหลมของมัน
เชื่อมต่อกันอย่างหนาแน่น คาดการณ์ว่ามันน่าจะชอบล่าเหยื่อขนาดใหญ่และ
อาจสามารถกัดผ่านเนื้อเหนียว ๆ เพื่อกินซากสัตว์ด้วยก็ได้
แตกต่างจากญาติของมันที่ส่วนมากจะกินสัตว์เปลือกแข็ง
เป็นอาหารหลัก ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าไทยโอดัสอาจจะอาศัยอยู่
ในระบบนิเวศที่มีฉลามไฮโบดอนท์หลายชนิด จึงมีวิวัฒนาการ
ปรับตัวให้กินอาหารคนละประเภทกัน นอกจากนี้ไทยโอดัสยัง
จัดเป็นฟอสซิลที่พบได้ในหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น ขอนแก่น
กาฬสินธุ์ นครราชสีมาหรืออุบลราชธานี
77
ไทยโอดัส รุจาเอ
Thaiodus ruchae
ที่มา : http://fossil.dmr.go.th/fossil/detail?id=20210300144
ประเภท: กินเนื้อ
ขนาด: 1.5-2 เมตร
อายุ: 110 ล้านปี ต้นยุคครีเทเชียส
สถานที่ค้นพบ: กาฬสินธุ์ หมวดหินโคกกรวด
78
ฟันจากโคราช
Order: Hybodontiformes
ประเภท: กินเนื้อ
ขนาด: 1.5-2 เมตร
อายุ: 110 ล้านปี ต้นยุคครีเทเชียส
สถานที่ค้นพบ: นครราชสีมา หมวดหินโคกกรวด
79
โคราชโตดัส ฟอเรยิ
Khoratodus foreyi
ลักษณะฟันของโคราชโตดัสมีความ
คล้ายกับไทยโอดัส คาดว่าทั้งสองสกุล
น่าจะกินอาหารคล้าย ๆ กัน
ที่มา : http://fossil.dmr.go.th/fossil/detail?id=20210300109
โคราชโตดัส มีฟันที่ยาวและแบน รูปร่างเป็นแท่ง และยังคล้ายกับไทยโอดัสตรงที่
ฟันไม่สมมาตรเหมือนกัน และยังคล้ายกันด้วยลักษณะต่างๆ เช่น การจัดเรียงหยัก
บนฟันที่อยู่แค่ครึ่งบน การที่ฟันเชื่อมต่อกันอย่างแน่นหนาต่างกับไฮโบดอนท์ทั่วไป
ด้วยลักษณะที่คล้ายกันดังนี้ ทำให้โคราชโตดัสและไทยโอดัสถูกจัดอยู่ในวงศ์
ไทยโอดอนทิดี (Thaiodontidae) ซึ่งพบเฉพาะแค่ทวีปเอเชียเท่านั้น
80
รากฟันสูง
Clade: incertae sedis
ประเภท: กินเนื้อ
ขนาด: 1.5-2 เมตร
อายุ: 110 ล้านปี ต้นยุคครีเทเชียส
สถานที่ค้นพบ: นครราชสีมา หมวดหินโคกกรวด
81
อะโครไรโซดัส โคราชเอนซิส
Acrorhizodus khoratensis
ด้วยลักษณะฟันแบบพิเศษนี้ทำให้ยังไม่ทราบแน่ชัด
ว่าอะโครไรโซดัสควรจัดให้อยู่ในวงศ์ไหน ปัจจุบันมันจึงมี
ตำแหน่งทางอนุกรมวิธานที่ไม่แน่นอน (incertae sedis)
ที่มา : http://fossil.dmr.go.th/fossil/detail?id=20201200210
อะโครไรโซดัส เป็นฉลามไฮโบดอนท์ที่มีฟันเป็นลักษณะเฉพาะตัว
รากฟันสูง ยกเว้นในฟันส่วนหลัง ครอบฟันของมันกว้างเมื่อมองจากมุมบนลงล่าง
จากลักษณะฟันแบบนี้ทำให้ทราบได้ว่ามันเป็นฉลามนักล่าที่ไม่ค่อยเลือกกินมากนัก
โดยอาจจะกินทั้งปลาและสัตว์เปลือกแข็ง ส่งผลให้มันไม่จำเป็นต้องไปแข่งขันกับ
ไฮโบดอนท์ชนิดอื่น ๆ ในพื้นที่ 82
เอกสารอ้างอิง Deesri U., Jintasakul P., and Cavin L. (2016), A new Ginglymodi (Actinopterygii, Holostei)
from the Late Jurassic-Early Cretaceous of Thailand, with comments on the early
Buffetaut E, Ingavat R (1983) Goniopholis phuwiangensis nov. sp., a new mesosuchian crocodile diversification of Lepisosteiformes in Southeast Asia, Journal of Vertebrate
from the Jurassic of northeastern Thailand. Geobios 16: 79–91. Paleontology 36 (6), pp. 1-11 : 3-9
Buffetaut E, Suteethorn V (1992) A New Species of the Ornithischian Dinosaur Psittacosaurus from Deesri U, Wongko K., and Cavin L. (2017). Taxic diversity and ecology of Mesozoic bony fish
assemblages from the Khorat Group, NE Thailand. Research & Knowledge 3: 18–22.
the Early Cretaceous of Thailand. Palaeontology 35: 801–812.
Deesri U, Naksri W, Jintasakul P, Yoshikazu N, Hirokazu Y, & Cavin L (2021) New sinamiid fish
Buffetaut E, Suteethorn V (1998) The biogeographical significance of the Mesozoic vertebrates
from Thailand. Biogeography and Geological Evolution of SE Asia: 83–90. (Actinopterygii: Halecomorphi) from the Early Cretaceous of northeastern Thailand. In:
Buffetaut E, Suteethorn V (1999) The dinosaur fauna of the Sao Khua Formation of Thailand and Current studies on past biodiversity in South-East Asia, 19–20.
the beginning of the Cretaceous radiation of dinosaurs in Asia. Palaeogeography, De L. F., (1985). Proganochelys ruchae n. sp., Chélonien du Trias supérieur de Thaïlande.
Palaeoclimatology, Palaeoecology 150: 13–23. Studia Geologica Salmanticensia, vol. spéc. 1, Studia Palaeocheloniologica. I. 87-94.
Buffetaut E., Suteethorn V. (2011) A new iguanodontian dinosaur from the Khok Kruat Formation Jentgen-Ceschino B, Stein K, Fischer V. (2020) Case study of radial fibrolamellar bone tissues
(Early Cretaceous, Aptian) of northeastern Thailand. Annales de Paleontologie 97: 51–62. in the outer cortex of basal sauropods, Phil. Trans. R. Soc. B3752019014320190143
Buffetaut E., Suteethorn V., Tong H. (2006) Dinosaur Assemblages from Thailand: a Comparison with Lauprasert K., Laojumpon C., Saenphala, W., Cuny G., Thirakhupt, K. and Suteethorn V.
Chinese Faunas. In: Lu JC, Kobayashi Y, Huang D, Lee Y-N (Eds) Papers from the 2005 (2011). Atoposaurid crocodyliforms from the Khorat Group of Thailand: First record of
Heyuan International Dinosaur Symposium. Geological Publishing House, Beijing, 19–37. Theriosuchus from Southeast Asia. Paläontologische Zeitschrift. 85. 37-47. 1
Buffetaut E., Suteethorn V., Khansubha S. (2007) The ceratopsian dinosaur Psittacosaurus in the Lauprasert K, Cuny G, Thirakhupt K, Suteethorn V (2009) Khoratosuchus jintasakuli gen. et
sp. nov., an advanced neosuchian crocodyliform from the Early Cretaceous (Aptian-
Early Cretaceous of Southeast Asia: a review of old and recent finds. In: GEOTHAI’07 Albian) of NE Thailand. Geological Society Special Publication 315: 175–187.
International Conference on Geology of Thailand: Towards Sustainable Development and Lauprasert K, Cuny G, Buffetaut E, Suteethorn V, Thirakhupt K (2007) Siamosuchus
Sufficiency Economy, 338–343. phuphokensis, a new goniopholidid from the Early Cretaceous (ante-Aptia) of
Buffetaut E, Suteethorn V, Tong H, Cuny G, Cavin L (2003) A Pterodactyloid Tooth from the Sao northeastern Thailand. Bulletin de la Societe Geologique de France 178: 201–216.
Khua Formation (Early Cretaceous) of Thailand. 1st International Conference on Martin, V., Buffeataut, E., Suteethorn V. (1994). A new genus of sauropod dinosaur from the
Palaeontology of Southeast Asia Mahasarakham University Journal 22: 92–98. Sao Khua formation (Late Jurassic or early Cretaceous) of northeastern Thailand.
Buffetaut E, Suteethorn V, Le Loeuff J, Khansubha S, Tong H, Wongko K (2005) The Dinosaur Comptes rendus de l'Académie des Sciences, 319 (2), 1085–1092.
Fauna from the Khok Kruat Formation (Early Cretaceous) of Thailand. International
Conference on Geology, Geotechnology and Mineral Resources of Indochina : 575–581. Martin J.E., Suteethorn S., Lauprasert K., Tong H., Buffetaut E., Liard R., Salaviale C.,
Buffetaut E., Suteethorn V. and Tong H., (2009). An early 'ostrich dinosaur' (Theropoda: Deesri U., Suteethorn V., and Claude J. (2019). A new freshwater teleosaurid from
Ornithomimosauria) from the Early Cretaceous Sao Khua Formation of NE Thailand. Geological the Jurassic of northeastern Thailand. J Vertebr Paleontol. 38(6):e1549059
Society, London, Special Publications. 315. 229-243.
Buffetaut E, Suteethorn V, Cuny G, Khansubha S, Tong H, Le Loeuff J, Cavin L (2003) Dinosaurs in Martin J.E., Lauprasert K., Buffetaut E., Liard R. and Suteethorn V. (2014), A large
pholidosaurid in the Phu Kradung Formation of north-eastern Thailand.
Thailand. Maha Sarakham University Journal, Special Issue: 69–82.
Cappetta H, Buffetaut E, Suteethorn V (1990) A new hybodont shark from the Lower Cretaceous Palaeontology, 57: 757-769.
Meesook A (2000) Cretaceous environments of North- eastern Thailand. In: Okada H, Mateer
of Thailand. Neues Jahrbuch für Geologie und Paläontologie, Monatshefte 11: 659–666.
NJ (Eds) Cretaceous Environments of Asia. Elsevier, Amsterdam, 207–223.
Cappetta H, Buffetaut E, Cuny G, Suteethorn V (2006) A new elasmobranch assemblage from the
Samathi A, Sander P, Chanthasit P (2021). A spinosaurid from Thailand (Sao Khua Formation,
Lower Cretaceous of Thailand. Palaeontology 49: 547–555.
Early Cretaceous) and a reassessment of Camarillasaurus cirugedae from the Early
Cavin L, Deesri U, Suteethorn V (2009) The Jurassic and Cretaceous bony fish record (Actinopte
Cretaceous of Spain. Historical Biology. 33. 1-15.
-rygii, Dipnoi) from Thailand. Geological Society, London, Special Publications 315: 125–139.
Cavin L, Suteethorn V, Buffetaut E, Claude J, Cuny G, Le Loeuff J, Tong H (2007) The first sinamiid Samathi A, Chanthasit P, Martin S. P, (2019). "Two new basal coelurosaurian theropod
dinosaurs from the Lower Cretaceous Sao Khua Formation of Thailand". Acta
fish (holostei, halecomorpha) from southeast Asia (Early Cretaceous of Thailand). Journal of
Palaeontologica Polonica. 64 (2): 239–260.
Vertebrate Paleontology 27: 827–837.
Cavin L., Deesri U., and Suteethorn V. (2013), Osteology and relationships of Thaiichthys nov. gen.: Samathi, A. (2019): Theropod dinosaurs from Thailand and Southeast Asia : phylogeny,
a Ginglymodi from the Late Jurassic-Early Cretaceous of Thailand. Palaeontology, 56: 183-208. evolution, and paleobiogeography. Online-Ausgabe in bonndoc: https://nbn-
resolving.org/urn:nbn:de:hbz:5n-56052
Cavin L, Deesri U, Veran M, Khentavong B, Jintasakul P, Chanthasit P, Allain R (2018) A new
Shibata M, Jintasakul P, Azuma Y (2011) A New Iguanodontian Dinosaur from the Lower
Lepisosteiformes (Actinopterygii: Ginglymodi) from the Early Cretaceous of Laos and
Cretaceous Khok Kruat Formation, Nakhon Ratchasima in Northeastern Thailand. Acta
Thailand, SE Asia. Journal of Systematic Palaeontology 17(5): 393–407.
Geologica Sinica – English Edition 85: 969–976.
Chanthasit P, & Suteethorn S, Manitkoon, S, & Nonsrirach T, & Suteethorn V, (2019). Biodiversity of
Shibata M, Jintasakul P, Azuma Y, You H-L. (2015) A New Basal Hadrosauroid Dinosaur from
the Late Jurassic/Early Cretaceous Phu Noi, Phu Kradung Formation, Kalasin, Thailand.
the Lower Cretaceous Khok Kruat Formation in Nakhon Ratchasima Province,
10.13140/RG.2.2.12965.99041.
Northeastern Thailand. PLoS ONE 10(12): e0145904.
Chokchaloemwong D, Hattori S, Cuesta E, Jintasakul P, Shibata M, Azuma Y (2019) A new
Shibata M, Jintasakul P, Azuma Y, Chokchaloemwong D, Kawabe S. (2018) All about
carcharodontosaurian theropod (Dinosauria: Saurischia) from the Lower Cretaceous of
Sirindhorna khoratensis (Ornithopoda; Hadrosauroidea). In: Te 6th International
Thailand. PLoS ONE 14: 1–43.
Symposium of International Geoscience Programme IGCP Project 608, 4–5.
Cuny G, Suteethorn V, Kamha S, Buffetaut, E & Philippe M,. (2006). A new hybodont shark
Suteethorn S, Le Loeuff J, Buffetaut E, Suteethorn V, Talubmook C, Chonglakmani C. (2009)
assemblage from the Lower Cretaceous of Thailand. Historical Biology. 18. 21-31.
A new skeleton of Phuwiangosaurus sirindhornae (Dinosauria, Sauropoda) from NE
Cuny G (2012) Freshwater hybodont sharks in Early Cretaceous ecosystems: A review. In: Godefroit
Thailand. Geological Society Special Publication 315: 189–215.
P (Ed.) Bernissart Dinosaurs and Early Cretaceous Terrestrial Ecosystems. Indiania University
Suteethorn, S., Le Loeuff, J., Buffetaut, E., Suteethorn, V., and Wongko, K. (2013). First
Press, Bloomington, 518–529.
evidence of a mamenchisaurid dinosaur from the Upper Jurassic–Lower Cretaceous
Cuny G, Suteethorn V, Khamha S, Buffetaut E (2008) Hybodont sharks from the lower Cretaceous
Phu Kradung Formation of Thailand. Acta Palaeontologica Polonica 58 (3): 459–469
Khok Kruat Formation of Thailand, and hybodont diversity during the Early Cretaceous.
Tong H, Suteethorn V, Claude J, Buffetaut E, JintasakulL P. (2005) The turtle fauna from the
Geological Society of London 295: 93–107.
Khok Kruat Formation (Early Cretaceous) of Thailand. Proceedings of the International
Cuny G, Laojumpon C, Cheychiw O, Lauprasert K (2010) Fossil vertebrate remains from Kut Island
Conference on Geology, Geotechnology and Mineral Resources of Indochina (GEOINDO
(Gulf of Thailand, Early Cretaceous). Cretaceous Research 31: 415–423.
2005): 610–614.
Cuny G, Suteethorn V, Kamha S, Lauprasert K, Srisuk P, Buffetaut E (2007) the Mesozoic
Tong H, Claude J, Suteethorn V, Naksri W, Buffetaut E. (2009) Turtle assemblages of the
Fossil Record of Sharks in Thailand. In: GEOTHAI’07 International Conference on
Khorat Group (Late Jurassic - Early Cretaceous) of NE Thailand and their palaeobiogeo
Geology of Thailand: Towards Sustainable Development and Sufficiency Economy.
-graphical significance. Geological Society Special Publication 315: 141–152.
Department of Mineral Resources, Bangkok, Thailand, 349–354.
Tor B. (2010). A catalogue of material and review of the Spinosauridae. PalArch's Journal of
Cuny G, Liard R, Deesri U, Liard T, Khamha S, Suteethorn V (2014) Shark faunas from the
Vertebrate Palaeontology. 7.
Late Jurassic—Early Cretaceous of northeastern Thailand. Palaontologische Zeitschrift 83
88: 309–328.