ก ารอนุรกั ษ์ทรพั ยากรนา
คาํ นํา
หนังสือเล่มนีทํามาเพอื การรณรงค์และการบอกถึงคุณค่าเกียวกับการใช้
ทรัพยากรนาอยา่ งคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด เพอื นําเสนอวิชาชีวะวิทยา
รายงานแก่อาจารย์ สงดั ประเสริฐสุข
จัดทาํ โดย
นั กเรียนชัน้ มัธยมศกึ ษาปี ท่ี6/2
1
สารบญั หน้า
3
เน้ื อหา 4-9
ความหมายของนํา้ 10
แนวทางการอนุรั กษ์นํา้ 11
ประโยชน์ของนํา้ ด่ืม 12-17
การอนุรั กษ์นํา้ ท่ีสามารถทาํ ไดท้ ุกๆวัน
วธิ ีการอนุรั กษ์นํา้ 18
สรุป
2
ความหมายของการ
อนุรกั ษ์นา
การอนรุ กั ษ์นา หมายถึง 3
การปองกันปญหาทีพงึ
จะเกิดขนึ กับนาและ
การนาํ มาใชเ้ พอื เกิด
ประโยชนส์ งู สดุ ในการ
ดํารงชวี ิตของมนษุ ย ์
เราจึงควรชว่ ยกันแก้
ปญหาการสญู เสยี
ทรพั ยากรนาด้วยการ
อนรุ กั ษ์นาดัง
แนวทางการอนุรั กษ์ทรั พยากรนํา้
1.การปลกู ปา โดยเฉพาะการปลกู ปาบรเิ วณพนื ที
ต้นนา หรอื บรเิ วณพนื ทีภเู ขา เพอื ใหต้ ้นไมเ้ ปนตัวกัก
เก็บนาตามธรรมชาติ ทังบนดินและใต้ดิน แล้วปลด
ปล่อยออกมาอยา่ งต่อเนอื งตลอดป รวมทังยงั
สามารถปองกันปญหาอืนๆได้ เชน่ ปญหาการพงั
ทลายของดิน ปญหาการขาดแคลนนา และการเกิด
นาท่วม
4
2.การพฒั นาแหล่งนา
การพฒั นาแหล่งนา เนอื งจากปจจุบนั แหล่งนา
ธรรมชาติต่างๆ เกิดสภาพตืนเขนิ เปนสว่ นใหญ่ ทําให้
ปรมิ าณนาทีจะกักขงั ไว้มปี รมิ าณลดลง การพฒั นา
แหล่งนาเพอื ใหม้ นี าเพยี งพอจึงจําเปนต้องทําการขุด
ลอกแหล่งนาใหก้ ว้างและลึกใกล้เคียงกับสภาพเดิม
หรอื มากกว่า ตลอดจนจัดหาแหล่งนาเพมิ เติม อาจ
จะกระทําโดยการขุดเจาะนาบาดาลมาใช้ ซงึ ต้อง
ระวังปญหาการเกิดแผน่ ดินทรุด หรอื การขุดเจาะ
แหล่งนาผงิ ดินเพมิ เติม
5
การสงวนนาไว้ใช ้
เปนการวางแผนการใช้
นาเพอื ใหม้ ปี รมิ าณนา
3.การสงวนนํา้ ไวใ้ ช้ ทีมคี ณุ ภาพมาใช้
ประโยชนต์ ลอดทังป
โดยเฉพาะในชว่ งฤดู
แล้ง ด้วยวิธกี ารต่างๆ
เชน่ การทําบอ่ หรอื สระ
เก็บนา การหาภาชนะ
ขนาดใหญเ่ พอื กักเก็บ
นาฝน( เชน่ โอ่งหรอื
แท็งก์นา) รวมทังการ
สรา้ งอ่างเก็บนา และ
ระบบชลประทาน
6
4.การใชน้ าอยา่ งประหยดั
การใชน้ าอยา่ งประหยดั เปนการนาํ นามาใช้
ประโยชนห์ ลายอยา่ ง อยา่ งต่อเนอื งและเกิด
ประโยชนส์ งู สดุ ทังด้านการอนรุ กั ษ์นาและตัวผใู้ ชน้ า
เอง กล่าวคือ สามารถลดค่าใชจ้ ่ายเกียวกับค่านาลง
ได้ ปรมิ าณนาเสยี ทีจะทิงลงแหล่งนามปี รมิ าณนอ้ ย
ลง และปองกันปญหาการขาดแคล
7
5.การปองกันการเกิดมลพษิ ของนา
ปญหาสว่ นใหญจ่ ะเกิดขนึ ในเมอื งใหญๆ่ ซงึ มี
ประชากรอาศยั อยูอ่ ยา่ งหนาแนน่ หรอื ยา่ น
อุตสาหกรรม การปองกันปญหามลพษิ ของนา จะ
ต้องอาศยั กฎหมายเปนเครอื งมอื และเจ้าหนา้ ทีต้อง
ปฏิบตั ิตามกฎหมายหรอื พระราชบญั ญตั ิทีเกียวขอ้ ง
กับทัพยากรนาอยา่ งเครง่ ครดั นาเสยี ทีระบายจาก
โรงงานอุตสาหกรรม โรงพยาบาล ต้องควบคมุ อยา่ ง
จรงิ จังและบงั คับใหม้ กี ารบาํ บดั นาเสยี ก่อนทิงหรอื
ปล่อยลงสแู่ หล่งนา สาํ หรบั ประชาชนทัวไป สามารถ
8
ชว่ ยปองกันการเกิดนาเนา่ เสยี ได้ด้วยการไมท่ ิงขยะ
หรอื สงิ ปฏิกลู หรอื สารพษิ ลงสแู่ หล่งนา
6.การนาํ นาทีใชแ้ ล้วกลับไปใชใ้ หม ่
นาทีถกู นาํ ไปใชแ้ ล้ว ในบางครงั ยงั มสี ภาพทีสามารถ
นาํ ไปใชป้ ระโยชนด์ ้านอืนได้ เชน่ นาจากการล้าง
ภาชนะอาหารสามารถนาํ ไปใชร้ ดนาต้นไม ้ หรอื นา
จากการซกั ผา้ สามารถนาํ ไปถบู า้ นสดุ ท้ายนาํ ไปใช้
รดนาต้นไม ้ เปนต้นสาํ หรบั กิจการของโรงงาน
อุตสาหกรรมนาทีเกิดจากกระบวนการผลิต
9
10
การอนุรักษน์ าทีสามารถทําได้ทุกๆวัน✔
11
วิธีอนุรักษน์ า
1. การดูแลรักษาแหล่งนาจากกิจกรรม
ทางการเกษตร – การปลูกพชื เกษตรจําเปน
ต้องใช้แหล่งนาตามธรรมชาติ ตลอดจนถึง
การระบายนาทิงจากพชื ผกั ดังนัน
เกษตรกรจึงควรลดการใช้สารเคมที ีมพี ษิ
เพราะสารเคมเี หล่านันยอ่ มไหลลงแหล่งนา
และซึมลงใต้ดิน ควรหาความรู้เพอื ประยกุ ต์
ใช้กับการอนุรักษน์ า เช่น เทคโนโลยี
ชลประทาน ระบบนาหยดในการเพาะปลูก
ตลอดถึงการปลูกต้นไมใ้ กล้เคียงเพอื ให้
ซึมซับนาก่อนปล่อยลงสู่แมน่ า
12
2.การรักษาแหล่งนาจากภาค
อุตสาหกรรม – นาเสียเปนส่วนหนึง
ของภาคอุตสาหกรรม โรงงานจึงควร
วางแผนการบําบัดนาก่อนปล่อยลงสู่
สิงแวดล้อม ตังแต่กระบวนการคัดแยก
ของแข็งทีปนเปอนกับนา แล้วเติม
คลอรีนเพือกําจัดของเสีย จากนันคัด
แยกของหนืดเติมออกซิ เจนเพือให้
แบคทีเรียย่อยอินทรียวัตถุเปนขันตอน
สุดท้ายการกําจัดสารมลพิษในนาก่อน
ระบายทิงสู่แหล่งนา
13
3.การรักษาแหล่งนาจากภาคครัว
เรือน – แม้ภาคครัวเรือนจะไม่มีสาร
เคมีปนเปอนเท่ากับภาคอุตสาหกรรม
แต่สามารถใช้ วิธีกําจัดของเสี ยก่อน
ระบายเช่นเดียวกัน โดยไม่จําเปนต้อง
ใช้ ระบบให้สิ นเปลืองมากขนาดนัน
อาจหาวิธีทีเหมาะสมและง่ายกว่า เช่น
การสร้างบ่อกักเก็บอย่างถูกวิธี ติดตัง
สุขภัณฑ์และระบบประหยัดนา
แนวทางการดูแลรักษาแหล่งต้นนา
14
4.การปลูกปา – แหล่งกําเนิดนาจืดที
สําคัญคือนาใต้ดิน พืนทีภูเขาโดย
เฉพาะปาทีอุดมสมบูรณ์ การปลูกปา
จะช่ วยเพิมต้นไม้ทีเปนตัวกักเก็บนา
ตามธรรมชาติได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ทีสุดทังบนดินและใต้ดิน แล้วปลด
ปล่อยนาออกมาอย่างต่อเนืองได้
ตลอดทังปโดยไม่เหือดแห้ง
15
5.การพัฒนาแหล่งกักเก็บนา – แหล่ง
กักเก็บนาในปจจุบันเริมเสือมโทรม
และมีสภาพตืนเขิน ทําให้ปริมาณนา
ลดลงไม่เพียงพอต่อการแจกจ่ายใน
ชุมชน ดังนันการขุดลอกแหล่งนาให้
กว้างและลึกเพือกักเก็บนามากๆ จึงมี
ความสําคัญ ตลอดถึงหาวิธีกักเก็บนา
แบบธรรมชาติ เช่น โครงการแก้มลิง
16
6.ส ร้างฝายชะลอนาเพอื ให้นาไหลผา่ นช้า
ลง – ทําให้บริเวณนันกักเก็บนาได้มากขนึ
เปนผลทําให้พนื ทีปาไมม้ คี วามอุดม
สมบรู ณ์มากขนึ ด้วย
นาเปนทรัพยากรสํ าคัญต่อชี วิตมนุษย ์
การดูแลรักษานาจึงเปนหน้าทีของ
ประชาชน ชุมชน หน่วยงาน ทีทุกภาค
ส่วนล้วนเกียวขอ้ งกับการใช้นาทังสิน การ
บริหารจัดการนาให้มคี ุณภาพดีตังแต่
แหล่งต้นนาจนถึงการระบายนาเพอื ให้นํา
กลับมาใช้ ใหม ่
17
สรุปการอนุรักษ์ทรัพยากรนา
เนืองจากนามีความจําเปนต่อการ
ดํารงชีวิตของมนุษย์เปนอย่างมาก ทัง
อุปโภคและบริโภค ถ้าไม่มีนามนุษย์ก็
ไม่สามารถดํารงชี วิตอยู่ได้
18
จัดทําโดย
1.นาย พัชรพงษ์ แก้วสุโพธิ เลขที 3
2.นาย พันธกานต์ วรรณปะเต เลขที 4
3.นาย พู่กัน ประกอบผล เลขที 5
4.นาย ภาณุพงศ์ จันทีนอก เลขที 10
5.นาย อภิญโญ ศรีสุข เลขที 11
6.นาย ธนธร อ่อนชมภู เลขที 14
เสนอ
อาจารย์ สงัด ประเสริฐสุข
19
20