นิทานเวตาล
ความเป็นมาของนิทานเวตาล เวตาลปัญจวิงศติ วรรณคดีอินเดียโบราณ ภาษา สันสกฤต ว่าด้วยความดีงาม ความจริง และการหลุดพ้น เล่าขานกันมามากกว่า 2500 ศิวทาส รวบรวมนิทานได้ 300 เรื่อง เป็นหนังสือชื่อ “กถาสริตสาคร” ในราว คริสต์ศตวรรษที่ 12 โสมเทวะ โปรดฯ ให้แปล เป็นหนังสือ ไพตาลปัจจีสี ซึ่งเป็นภาษาถิ่น ของินเดีย จึงมีพิรัชภาษา หินที และภาษาอื่นๆ ในอินเดียตามมา ค.ศ. 1719 ถึง 1749 พระเจ้ากรุงชัยปุระ Vikram and the Vampire or Tales of Hindu Delivery แปลและเรียบเรียงเป็นส านวนตนเองให้ คนอังกฤษอ่าน 11 เรื่อง ร้อยเอกเซอร์ริชาร์ดเอฟ.เบอร์ตัน The katha sarit sakara or Ocean of the streaams of story แปลและเรียบเรียงเป็นส านวนตนเองให้ คนอังกฤษอ่าน ซี.เอช.ทอว์นีย์ น า 9 กับ 1 มารวมกัน เป็น 10 เรื่อง ที่แปล และแต่งเป็นภาษาไทย ชื่อว่า “นิทานเวตาล” แต่งขึ้นในปี พ.ศ.2461 น.ม.ส 1 เรื่อง 9 เรื่อง แปลว่า นิทานเวตาล 25 เรื่อง พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ
นิทานเวตาลฉบับภาษาไทยที่ส าคัญมี 4 ส านวน คือ 1.เวตาลปกรนัม 2.ลิลิตเพชรมงกุฎ 3.นิทานเวตาล และ 4.เวตาลปัญจวิงศติ จาก ทั้ง 4 ส านวนนี้ ส านวนที่รู้จักแพร่หลายในหมู่คน ไทยมากที่สุด ได้แก่ นิทานเวตาล ส านวนที่เป็น พระนิพนธ์ของพระราชวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยา ลงกรณ น.ม.ส พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ (น.ม.ส) ประวัติผู้แต่ง ทรงเป็นพระโอรสองค์ที่ 22 ในกรมพระราชวังบวรวิไชย ชาญ พระมหาอุปราช ในรัชกาลที่ 5 ทรงใช้พระนามแฝงว่า "น.ม.ส." ย่อมาจากตัวอักษรท้าย พระนามเดิม พระองค์เจ้ารัชนีแจ่มจรัส โดยเสด็จรัชกาลที่ 5 ในการเสด็จประพาสยุโรป ในปี พ.ศ. 2440 และศึกษาต่อ ณ ประเทศอังกฤษ มหาวิทยาลัยเคม บริดจ์ ทรงจ ั ดต ั้งและวางรากฐานก ิ จการสหกรณ ์ และทรงด าร ิให้ จัดสร้างสหกรณ์วัดจันทร์ สหกรณ์แห่งแรกของไทย
บทพระนิพนธ์ ทรงนิพนธ์ร้อยกรองและร้อยแก้วมากมาย เรื่องที่เด่น มีดังนี้ จดหมายจางวางหร ่า สืบราชสมบัติ นิทานเวตาล กนกนคร ความนึกในฤดูหนาว นางพญาฮองไทเฮา ประมวลนิทานของ น.ม.ส. สามกรุง
ค าถาม? ท าไม น.ม.ส ถึงเลือกแปลและแต่งนิทานเวตาล จากร้อยเอกเบอร์ตันถึง 9 เรื่อง
ลักษณะค าประพันธ์ นิทานเวตาล เป็นนิทานความเรียงร้อยแก้ว ลักษณะ: นิทานซ้อนนิทาน นิทานเวตาลประกอบด้วยนิทานหลัก คือ นิทานเรื่อง ใหญ่ 1 เรื่อง และนิทานเรื่องย่อยแทรกอยู่ 24 เรื่อง รวมเป็น 25 เรื่อง (นิทานย่อยบางเรื่องมีกลอนสุภาพแทรก แต่เรื่องที่ 10 ไม่มีร้อยกรองแทรกอยู่) การยกย่อง: เป็นงานที่แสดงลีลาการเขียนร้อยแก้วของ น.ม.ส. ได้เป็นอย่างดี มีการแต่งเติมให้มีสีสันและไม่ขัดต่อ ความคิดของคนไทย
เรื่อง ย่อยที่ 1 ลักษณะการด าเนินเรื่อง เรื่อง ย่อยที่ 2 เรื่องย่อยที่ ... • ตัวละครที่ส าคัญในเรื่องใหญ่ คือ พระวิกรมาทิตย์และเวตาล ส่วนนิทาน ย่อย 24 เรื่อง เป็นเรื่องที่เวตาลเล่าถวายพระวิกรมาทิตย์ เรื่องใหญ่ • ในตอนท้ายของนิทานย่อยทุกเรื่อง เวตาลจะถามปัญหาแล้วให้พระวิกรมาทิตย์ตอบ ทรงตอบได้ทุกปัญหา ยกเว้นเรื่องสุดท้าย • นิทานย่อยทุกเรื่อง มี 3 ส่วน คือ ตัวเรื่อง ปริศนา และ ค าตอบ/ค าเฉลยปริศนา ส่วนเรื่องสุดท้ายมีเพียง 2 ส่วน คือ ตัวเรื่อง และปริศนา
ท้าวมหาพล พระมเหสี พระธิดา ท้าวจันทรเสน พระราชบุตร ตัวละครหลัก ตัวละครที่อยู่ในเรื่องเล่าของเวตาล VS พระวิกรมาทิตย์ เวตาล
เวตาล มีปีกคล้ายกับค้างคาว สูง 2-3 ฟุต หัวกลม ตากลมเหมือน จะถลนออกมา ผมดกยาว มีขนยาวตามตัว จมูกยาวเป็นขอ แก้มตอบ ฟันเป็นส้อม แขนขาสั้น ท้องป่องพลุ้ย เล็บคม ตัวเย็นและเหนียวคล้ายงู มีความเป็นปราชญ์ สามารถเล่านิทานปริศนาชวนให้ขบคิด และมีคติสอนใจ มีเล่ห์เหลี่ยม ช่างพูดช่างคุย และมักชอบใช้วาจาเย้ยหยัน อมนุษย์ที่สิงอยู่ในซากศพ อาศัยอยู่ในป่าช้า แขวนตว ั บนกง ิ ่ ตน ้ อโศก ห ้ อยหว ั ลง
กษัตริย์ครองเมืองอุชเชยินี พระวิกรมาทิตย์ มีความสามารถในการรบ การปกครอง และทรงสนับสนุนด้านการศึกษา ทรงเป็นผู้หยิ่งทระนงในศักดิ์ศรี จิตใจเข้มแข็ง กล้าหาญ รักษาสัจจะ เมื่อทรงมีพระชนมายุ 30 พระพรรษา ทรงให้พระอนุชาว่าราชการแทน จากนั้นเสด็จออกจากพระราชวัง เพื่อศึกษา ดูงานบ้านเมืองอื่น ๆ กับพระราชบุตร
นิทานเวตาล เรื่องหลัก
พระวิกรมาทิตย์ กษัตริย์กรุงอุชชยินีทรงพระปรีชาสามารถเป็นเลิศ ทั้งในด้านการปกครองและการศึก สงคราม หลังจากที่ครองราชย์ได้หลายปี ก็มีพระราชประสงค์เสด็จ ไปทรงสอดส่องดูความเป็นไปของบ้านเมืองอื่น จึงมอบหมายให้พระราชอนุชา คือ พระภรรตฤราช ปกครองบ้านเมืองแทนพระองค์ พระวิกรมาทิตย์ พระภรรตฤราช
พระวิกรมาทิตย์ปลอมเป็นโยคีเสด็จเข้าไปในป่าและเมืองต่าง ๆ โดยมีพระธรรมธวัช พระราชโอรสตามเสด็จไปด้วย พระภรรตฤราชทรงปกครองบ้านเมืองได้ไม่นานก็สละราชสมบัติเสด็จเข้าป่าผนวชเป็นโยคี ฝ่ายพระวิกรมาทิตย์เสด็จ ท่องเที่ยวไปได้ประมาณปีหนึ่งก็ทรงเบื่อหน่าย ครั้นทราบว่าพระราชอนุชาทรงละบ้านเมือง จึงเสด็จกลับคืนพระนคร พระวิกรมาทิตย์ พระธรรมธวัช
อสูรปัถพีบาลซึ่งรับค าสั่งจากพระอินทร์ให้ลงมาเฝ้ารักษากรุงอุชชยินีได้เข้ามาขัดขวางและเก ิ ดการต ่ อส ู ้ ก ั น ในที่สุดพระวิกรมาทิตย์ทรงชนะ ปถพีบาลได้ทูลว่า พระองค์และราชบุตรก าลังถูกปองร้ายจากโยคี ซึ่งอาฆาตแค้นพระ ราชบิดาของพระองค์ จึงควรระวังพระองค์พร้อมทั้งทูลว่า ถ้าผู้ใดมุ่งปลงพระชนม์พระองค์ก่อน พระองค์ก็มีสิทธิ์อัน ชอบธรรมที่จะทรงสังหารผู้นั้นได้ เพื่อจะได้ทรงปกครองเมืองให้เก ิ ดสั นต ิส ุ ข แล ้ วปั ถพ ี บาลก ็ อ ั นตรธานไป พระวิกรมาทิตย์
พระวิกรมาทิตย์ทรงปกครองบ้านเมืองอย่างมีความสุข วันหนึ่งโยคีศานติศีลท าอุบายปลอมตนเป็นพ่อค้า น า ผลไม้มาถวาย โดยได้ซ่อนพลอยทับทิมล ้าค่าเอาไว้ภายใน พระวิกรมาทิตย์ทรงระแวงว่าพ่อค้าผู้นี้อาจเป็นผู้ปองร้าย พระองค์ตามที่ปัถพีบาลได้ทูลเตือนไว้ จึงไม่เสวยผลไม้นั้น แต่ให้เก็บไว้ในคลัง ส่วนพ่อค้าก็น ามาถวายทุกวัน จนมีผลไม้เป็นจ านวนมาก วันหนึ่งพระราชาทรงทราบว่าในผลไม้มีพลอยทับทิมเม็ดใหญ่ซ่อนอยู่ จึงตรัสถามความประสงค์ของ พ่อค้าที่น าของมีค่ามาถวาย
พ่อค้าทูลว่าตนเป็นโยคีก าลังจะกระท าพิธีอย่างหนึ่งในป่าช้าริมแม่น ้าโคทาวรี ถ้าท าพิธีได้ลุล่วงก็จะเป็นใหญ่ ในโลกจึงต้องการความช่วยเหลือจากพระองค์ โดยขอให้พระวิกรมาทิตย์กับพะราชบุตรไปน าศพที่แขวนอยู่บนต้นอโศก ในป่าช้าอีกแห่งหนึ่งมาให้ตน แม้จะทรงระลึกถึงค าเตือนของปัถพีบาล แต่ก็ไม่อาจจะบ่ายเบี่ยงได้ เพราะเป็นกษัตริย์
เมื่อพระวิกรมาทิตย์เสด็จไปยังป่าช้าดังกล่าว ก็ทรงพบศพลูกชายพ่อค้าน ้ามัน ลักษณะแขวนตัวห้อยหัวลง มาและลืมตาโพรง ก็ทราบทันทีว่าตัวที่ห้อยอยู่นั้นคือเวตาลเข้ามาสิงศพ
พระองค ์ ทรงปี นข ึ ้ นไปฟั นก ิ ่ งไม ้ จนเวตาลตกลงมา แต่เมื่อจับตัวไว้และตรัสกับเวตาล เวตาลก็จะลอยขึ้นไป ห้อยบนต้นไม้ดังเดิม เป็นเช่นนี้อยู่หลายครั้ง พระราชาก็ไม่ได้ละความพยายาม จนในครั้งที่ 7 เวตาลจึงยอมให้พระองค์ จับใส่ย่าม ก่อนจะออกเดินทางไปพบโยคีศานติศิลป์เวตาลได้กล่าวกับพระองค์ว่า…
“พระองค์ผู้เป็นพระราชาทรงจ าภาษิตโบราณที่ว่า ลิ้นคนนั้น ตัดคอคนเสียมากต่อมาก ได้หรือไม่ ในเวลา เดินทางข้าพเจ้าจะเล่านิทานเล่น ปราชญ์ผู้มีความรู้ย่อมใช้เวลาของตนกับหนังสือ มิใช่ใช้เวลาในการนอน แลการขี้ เกียจอย่างคนโง่ ซึ่งในเวลาเล่านิทานนั้น ข้าพเจ้าจะตั้งปัญหาถามพระองค์ ถ้าพระองค์ตอบ ไม่ว่าจะเป็นด้วยกรรมใน ปางก่อนบันดาลให้ตอบ หรือด้วยแพ้ความฉลาดของข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าล่อให้ทรงแสดงความเย่อหยิ่งว่ามีความรู้ก็ตาม หากพระองค์ตรัสตอบปัญหาของข้าพเจ้าเมื่อใด ข้าพเจ้าจะกลับไปอยู่ที่ต้นอโศกของข้าพเจ้าดังเดิม....”
“…แต่เมื่อพระองค์ไม่ตอบปัญหา เพราะได้สติหรือด้วยความโง่เขลาของพระองค์ก็ตาม ข้าพเจ้าจึงจะยอมไป ด้วย ข้าพเจ้าขอทูลแนะน าเสียแต่ในบัดนี้ว่า พระองค์จงสงบความเห็นในพระหฤทัยว่าเป็นผู้มีความรู้ เมื่อเก ิ ดมาเป็นคน โง่แล้วก็จงยอมโง่เสียเถิด มิฉะนั้น พระองค์จะไม่ได้ประโยชน์ ซึ่งนอกจากข้าพเจ้าแล้ว ไม่มีใครอ านวยได้”
ค าพูดของเวตาลนอกจากจะ เป็นการแนะน าให้ผู้อ่านทราบว่า เวตาลท าหน้าที่เป็นตัวเดินเรื่อง และ เป็นผู้เล่านิทานย่อยเรื่องต่าง ๆ แล้ว ยังแสดงให้เห็นลักษณะส าคัญของ เวตาลว่า เป็นผู้ที่ แวะพักเหนื่อย…
พระวิกรมาทิตย์เมื่อได้ฟังค าดูหมิ่นของเวตาล แม้ทรงขัดเคือง แต่ก็อดกลั้นไว้ไม่ได้พูดตอบ เวตาลจึง เริ่มต้นเล่า นิทานถวายโดยอ้างว่าเป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น นิทานทั้ง 10 เรื่อง กล่าวถึงชีวิตของคนในวรรณะต่าง ๆ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งวรรณะกษัตริย์ (นักรบ) และวรรณะแพทย์ (พ่อค้า) แม้เนื้อ เรื่องจะแตกต่างกันแต่นิทานทุกเรื่องมีประเด็นปัญหาให้ต้องขบคิด แก้ไข และไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่ยากเพียงใด พระวิกรมาทิตย์ก็ได้ตอบ ปัญหาทุกเรื่องอย่างชาญฉลาด
การที่สามารตอบ/แก้ปัญหาในนิทานทั้ง 9 เรื่องได้ เล่าถึงบุตรสาวของพราหมณ์ผู้หนึ่ง ซึ่งอยู่ในวัยที่สมควรจะออกเรือน บิดา มารดา และพี่ชายของนางต่างยกนางให้ชายที่แต่ละคนพอใจ ซึ่งชายหนุ่มทั้ง 3 ก็ได้แสดงความรู้ประชันกัน ต่อมาบุตรสาวของพราหมณ์ถูกงูกัดตาย ชายคนที่ 1 เก็บกระดูกของนางไว้ ชายคนที่ 2 เก็บเถ้าถ่านที่เผาศพนาง ส่วนชายคนที่ 3 ไปเรียนวิชาชุบชีวิตคนตายให้ฟื้น เมื่อชายทั้ง 3 มาพบกันอีกครั้ง ชายคนที่ 3 ได้ ท าพิธีชุบชีวิตนางขึ้น โดยใช้กระดูกและเถ้าถ่านที่ชายคนที่ 1 และ 2 เก็บรักษา เอาไว้ เมื่อนางฟื้นขึ้นมา ชายหนุ่มทั้ง 3 โต้เถียงกันว่าผู้ใดควรมีสิทธิ์จะได้นาง เป็นภรรยา เวตาลเล่าจบก็ทูลยั่วให้พระวิกรมาทิตย์เป็นผู้ตัดสิน พระองค์อดใจ ไม่ได้จึงตอบโดยแสดงเหตุผลอันน่าฟังไป นิทานเรื่องอื่น ๆ ก็มีลักษณะคล้ายกัน ท าให้พระองค์ต้องเดินกลับไปจับตัวเวตาลทุกครั้ง ยกเว้นครั้งที่ 10 ตัวอย่างนิทานเรื่องที่ 5… • หากมนุษย์รู้จักใช้ปัญญาคิดไตร่ตรอง อย่างถี่ถ้วน แม้ปัญหาจะยากเพียงใดก็ สามารถแก้ไขได้ การพยายามกลับไปจับตัวเวตาลในป่าช้า • จิตใจอันกล้าหาญ ความมุ่งมั่น และความ เพียรพยายาม ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่ น่าชื่นชมของพระวิกรมาทิตย์
นิทานเวตาล เรื่องที่ 10
เวตาลกล่าวว่า ข้าพเจ้าจะเล่าเรื่องจริงถวายอีกเรื่องหนึ่ง และเพราะเหตุข้าพเจ้าเบื่อหน่ายการถูกแบกสะพายไปมา เป็นหลายเที่ยวแล้ว แม้พระองค์ไม่ทรงเบื่อ ข้าพเจ้าก็จะตั้งปัญหาที่ยากทูลถามสักที ถ้าทรงตอบได้ พระปัญญาก็มาก ยิ่งกว่าที่จะมีพระราชาพระองค์ใดเหมือน ณ เมืองใหญ่แห่งหนึ่ง ชื่อ กรุงธรรมปุระ มีพระราชานามว่า ท้าวมหาพล มีพระมเหสีเป็นผู้หญิงที่งดงามมาก เป็นหญิงที่ไม่รู้จักแก่ และพระธิดาก็เป็นหญิงที่งดงามมากเช่นเดียวกัน
ต ่ อมาบา ้ นเมอ ื งเกด ิ ศก ึ สงครามขน ึ ้ ข้าศึกมีก าลังมากและช านาญการศึก ใช้ทั้งทองค าและเหล็กเป็นอาวุธ คือใช้ทองค า ซื้อน ้าใจนายทหารและไพร่พลของท้าวมหาพล และใช้เหล็กเป็นอาวุธฆ่าฟันคนที่ซื้อน ้าใจไม่ได้ จนในที่สุดไพร่พลของ ท้าวมหาพลหรอร่อยย่อยยับไป ท้าวมหาพลแพ้สงครามในครั้งนี้ จึงพาพระมเหสีและพระธิดาหนีออกจากกรุงไปในเวลา เที่ยงคืน มุ่งไปยังเมืองเดิมของพระมเหสี เมื่อไปถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ท้าวมหาพลให้ทั้งสองซ่อนตัวในป่า ส่วนพระองค์ จะเสด็จไปในหมู่บ้านเพื่อหาอาหาร หรอร่อย แปลว่า ร่อยหรอ
ฝ่ายพวกภิลล์ซึ่งเป็นโจรอยู่ในหมู่บ้านนั้น เห็นชายคนเดียวแต่งตัวด้วยของมีค่าเดินเข้าไป ก็คุมกันออกมาจะเข้าชิง ทรัพย์ ท้าวมหาพลเห็นดังนั้นก็ทรงพระแสงธนูยิงพวกโจรล้มตายลงเป็นอันมาก ฝ่ายนายโจรทราบว่าผู้มีทรัพย์มาฆ่า ฟันพวกตนลงไปเป็นอันมาก ดังนั้นก็กระท าสัญญาเรียกพวกโจรออกมาทั้งหมด แล้วเขาล้อมรบท้าวมหาพลจน สิ้นพระชนม์ พวกภิลล์ก็ช่วยกันเอาทรัพย์สินของมีค่าไป ฝ่ายมเหสีและพระธิดาที่แอบอยู่ในป่า เห็นพวกโจรเช้าท าร้าย พระราชาจนสิ้นพระชนม์ ด้วยความกลัว สองนางจึงหนีไปทาง 4 โกรศ เมื่อเหนื่อยก็ทรงหยุดนั่งพักอยู่ใต้ร่มไม้ริมทาง ภิลล์แปลว่า คนป่า คุมกัน แปลว่า รวมกลุ่มกัน สัญญา แปลว่า สัณญาณ โกรศ อ่านว่า โกรด แปลว่า มาตราการวัด โดยมีค่าเท่ากับความยาวของธนูวางเรียง กัน 500 คัน
เผอิญมีพระราชาอีกมืองหนึ่งทรงนามท้าวจันทรเสน เสด็จออกยิงสัตว์ป่ากับพระราชบุตร กษัตริย์ทั้งสองทรงม้าไปตาม แนวป่า เห็นรอยเท้าหญิงสองคนก็ทรงหยุดดู พระราชบิดาจึงตรัสว่า "รอยเท้าหญิงสองคนท าไมมีอยู่ในป่าแถบนี้ พระ ราชบุตรทูลว่า "รอยเท้าเหล่านี้เป็นรอยเท้าหญิงสองคน รอยเท้าชายคงจะโตกว่านี้“ พระราชาตรัสว่า "เจ้าของรอยเท้าเหล่นี้เป็นหญิงจริงอย่างเจ้าว่า น่าประหลาดที่มีหญิงมาเดินอยู่ในป่า แต่ ถ้าจะพูดตามเรื่องในหนังสือ หญิงที่พระราชาพบในป่ามักจะงามกว่าหญิงที่จะหาได้ในกรุง เหมือนดอกไม้ในป่าที่งาม กว่าดอกไม้ในสวน เราจะตามนางทั้งสองนี้ไป ถ้านางงามจริงดังว่า เจ้าจงเลือกเอาเป็นเมียคนหนึ่ง หนังสือ แปลว่า วรรณคดี
พระราชบุตรทูลตอบว่า "รอยเท้านางทั้งสองนี้มีขนาดไม่เท่ากัน ข้าพเจ้าจะเลือกนางเท้าเล็กเป็นภริยา ข้าพเจ้า เพราะคงจะเป็นสาวน้อยตามขนาดแห่งเท้า ส่วนนางเท้าเขื่องนั้นคงจะเป็นสาวใหญ่ ขอพระองค์จงรับไว้เป็น ราชฉายา“ พระราชาตรัสว่า "เหตุไฉนเจ้าจึงกล่าวดังนั้น พระราชมารดาของเจ้าสิ้นพระชนม์ไปไม่กี่วัน เจ้าจะอยากมีแม่ เลี้ยงเร็วเท่านี้เชียวหรือ เขื่อง แปลว่า ใหญ่
พระราชบุตรทูลตอบว่า “ขอพระองค์อย่ารับสั่งเช่นนั้น เพราะบ้านของผู้เป็นใหญ่ในครอบครัวนั้น ถ้าไม่มีแม่ เรือนก็เป็นบ้านที่ว่าง อนึ่งพระองค์ย่อมจะทรงทราบคาถา ซึ่งมูลเทวะบัณฑิตแต่งไว้ ความว่า ชายผู้ใดไม่ใช่คนโง่ไม่ยอม คืนสู่เรือนซึ่งไม่มีนางที่รักผู้มีรูปงามคอยรับรองในขณะที่กลับถึงเรือนนั้น แม้เรียกว่าเรือนก็ไม่ใช่อื่น คือคุกซึ่งไม่มีโซ่เท้า นั่นเอง พระองค์ย่อมทรงทราบด้วยพระองค์เองว่าความสุขแห่งบ้าน ซึ่งอยู่เดี่ยวโดดนั้นมีไม่ได้ในบ้าน และไม่ได้นอก บ้านเพราะไม่มีหวังจะได้ความสุข เมื่อกลับมาสู่เรือนของตน” ท้าวจันทรเสนตรองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตรัสตอบว่า “ถ้านางเท้าเขื่องมีลักษณะเป็นที่พึงใจ ข้าก็จะท าตามเจ้าว่า” มูลเทวะบัณฑิต แปลว่า มูลเทวะ เป็นชื่อ ตัวละครในนิทานสันสกฤตหลายเรื่อง บางเรื่องเล่าว่าเป็นผู้รู้ศิลปวิทยา และมัก กล่าวถ้อยคําเป็นคติสอนใจ
ครั้นกษัตริย์ทั้งสององค์ทรงกระท าสัญญาแบ่งนางกันดังนี้แล้ว ก็ทรงชักม้าตามรอยเท้านางเข้าไปในป่า สักครู่หนึ่งเห็น สองนางนั่งพักอยู่ใต้ร่มไม้ กษัตริย์สององค์ก็เสด็จลงมาจากม้าเข้าไปถามนาง ทั้งสองนางก็เล่าเรื่องให้ทรงทราบทุก ประการ พระราชากับพระราชบุตรก็เชิญนางทั้งสองขึ้นหลังม้า นางพระบาทเขื่องคือพระราชธิดาขึ้นทรงม้ากับท้าว จันทรเสน ส่วนนางพระบาทเล็กคือพระมเหสีขึ้นทรงม้ากับพระราชบุตร สี่องค์ก็เสด็จเข้ากรุง
ท้าวจันทรเสนและพระราชบุตรก็ท าการวิวาหะทั้งสองพระองค์ แต่กลับคู่กันไป คือ พระราชบิดาทรงวิวากับพระราช บุตรี พระราชบุตรทรงวิวากับพระมเหสี แลเพราะเหตุที่คาดขนาดเท้าผิด ลูกกลับเป็นเมียพ่อ แม่กลับเป็นเมียลูก ลูก กลับเป็นแม่เลี้ยงของแม่ตัวเอง และแม่กลับเป็นลูกสะใภ้ของลูกตัวเอง ต่อมาบต ุ รและธ ิ ดาก ็ เก ิ ดจากนางทั้งสอง และก็มีบุตรและธิดาต่อ ๆ กันไป
เวตาลเล่าถึงเพียงนี้ก็กล่าวต่อไปว่า บัดนี้ข้าพเจ้าจะตั้งปัญหาทูลถามพระองค์ว่า ลูกท้าวจันทรเสนท ี่ เก ิ ดจากธ ิ ดาท ้ าว มหาพล และลูกมเหสีที่เก ิ ดก ั บพระราชบ ุ ตรท ้ าวจันทรเสนนั้น จะนับญาติกันอย่างไร พระวิกรมาทิตย์ได้ทรงฟังปัญหาเวตาลก็ทรงตรึกตรองเอาเรื่องพ่อกับลูก แม่กับลูก มาปนกันยุ่ง ทรงมีปัญหายังไม่ทันแตกก็นึกขึ้นได้ว่าการพาเวตาลไปส่งให้แก่โยคีนั้น จะส าเร็จได้ก็ด้วยไม่ทรงตอบปัญหา จึงนิ่งไม่ตอบและ รีบสาวเท้าเดินเร็วขึ้น ครั้นเวตาลทูลให้ตอบปัญหาด้วยวิธีกล่าวว่าโง่ จะรับสั่งอะไรไม่ได้ก็ทรงกระแอม
เวตาลทูลถามว่า “รับสั่งต่อปัญหาแล้วไม่ใช่หรือ” พระราชาไม่ทรงตอบว่ากระไร เวตาลก็ถามว่า “บางทีพระองค์จะ โปรดฟังเรื่องสั้น ๆ อีกสักเรื่องหนึ่งกระมัง” ครั้งนี้พระวิกรมาทิตย์ก็ไม่ทรงกระแอม เวตาลจึงกล่าวอีกว่า “เมื่อพระองค์ทรงจน ปัญญาถึงเพียงนี้ บางทีพระราชบุตรซึ่งทรงปัญญาเฉลียวฉลาดกว่าจะทรงแก้ปัญหาได้บ้างกระมัง” แต่พระธรรมธวัชพระราช บุตรก็เงียบสนิท ไม่ได้ตอบอะไร เมื่อพระวิกรมาทิตย์ทรงนิ่ง เวตาลได้พยายามกล่าวยั่วจะให้พระองค์ตอบ แต่ไม่ส าเร็จ เวตาลจึงกล่าวเตือนพระราชา ว่า โยคีศานติศีลต้องการดวงพระองค์ไปสังหาร โดยให้พระองค์กระท าอัษฎางคประณตต่อหน้าเทวรูปนางทุรคา จากนั้นเวตาลก็ออกจากศพที่สิงอยู่ พระวิกรมาทิตย์รีบเสด็จไปที่ป่าช้า น าศพไปมอบให้โยคี อัษฎางคประณต (อัด-สะ-ดาง-คะ-ปฺระ-นด) แปลว่า การทําความเคารพซึ่ง อวัยวะทั้ง 8 ต้องแตะธรณี คือ มือทั้ง 2 เข่าทั้ง 2 เท้าทั้ง 2 หน้าผาก และอก
เมื่อมาถึง โยคีก็น าพระองค์ไปที่หน้าเทวรูปนางทุรคาและขอให้ทรงกระท าอัษฎางคประณต พระราชาทรงร าลึกได้ถึงค า เตือนของเวตาล จึงรับสั่งขอให้โยคีท าอัษฎางคประณตให้พระองค์ดูก่อน พระองค์จะได้ท าตาม เมื่อโยคีท าอัษฎางค ประณต พระวิกรมาทิตย์ก็ทรงชักพระแสงดาบออกมาฟันศีรษะโยคีขาดกระเด็นไป ขณะนั้นพระอินทร์แลเทพทั้งหลาย ต่างก็ร่วมอวยชัยให้พระวิกรมาทิตย์พระองค์ขอพรให้เรื่องของพระองค์ยังคงอยู่ในโลก เพื่อพระเกียรติจะได้ปราฏ ต่อไป
คุณค่าด้านเนื้อหา ค าพูดของเวตาล มีลักษณะอย่างไร ? “ข้าพเจ้าจะเล่านิทานเล่นเพราะปราชญ์ผู้มีความรู้ย่อมใช้เวลา ของตนในเรื่องหนังสือ มิใช่ใช้เวลาในการนอนแลการขี้เกียจ อย่างคนโง่” “จะเป็นด้วยกรรมในปางก่อนบันดาลให้ตอบ หรือด้วยแพ้ความ ฉลาดของข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าล่อให้ทรงแสดงความเย่อหยิ่งว่า มีความรู้ก็ตาม” “เมื่อพระองค์ทรงจนปัญญาถึงเพียงนี้แล้ว บางทีพระราชบุตรซึ่งทรง ปัญญาเฉลียวฉลาดจะทรงแก้ปัญหาได้บ้างกระมัง”
“ข้าพเจ้าจะเล่านิทานเล่นเพราะปราชญ์ผู้มีความรู้ ย่อมใช้เวลาของตนในเรื่องหนังสือ มิใช่ใช้เวลาใน การนอนแลการขี้เกียจอย่างคนโง่” “จะเป็นด้วยกรรมในปางก่อนบันดาลให้ตอบ หรือ ด้วยแพ้ความฉลาดของข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าล่อ ให้ทรงแสดงความเย่อหยิ่งว่ามีความรู้ก็ตาม” เมื่อพระองค์ทรงจนปัญญาถึงเพียงนี้แล้ว บางท๊ พระราชบุตรซึ่งทรงปัญญาเฉลียวฉลาดจะทร. แก้ปัญหาได้บ้างกระมัง” 1. ตัวละครทุกตัวมีเสน่ห์ เวตาลมีความสามารถในการใช้วาจาที่คมคาย เสียดสี และใช้ไปในการหลอกล่อ ยั่วยุอารมณ์ผู้ฟัง 1. เย้ยผู้ท าตนเกียจคร้านว่าเป็นคนโง่ เพราะไม่รู้จักใช้เวลาอย่างมีค่า 2. เย้ยหยันผู้มีความรู้ที่มักจะอวดรู้ 3. เยาะเย้ยผู้เป็นพ่อว่าจนปัญญา ตอบแล้วแสร้งชมผู้เป็นลูกเพื่อล่อให้ ตอบแทน
2. เนื้อหาของนิทานสอนคติในการด าเนินชีวิต 3. ท าให้ทราบเรื่องราวของนิทานจากวรรณคดีสันสกฤต 4. นิทานเป็นหลักฐานแสดงให้เห็นว่านิทานที่แสดงคติธรรม ก็สามารถให้ความสนุกสนานเพลิดเพลินได้ 5. ค าถามที่เป็นปริศนาชวนให้คิดของเวตาลช่วยเพิ่ม สติปัญญาและไหวพริบของผู้อ่าน 6. ตัวละครเอกทั้งสองของนิทานเวตาลเป็นตัวละครที่ น่าสนใจและมีความสมจริงเป็นอย่างยิ่ง
คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ข้าศึกมีก าลังมากแลช านาญการศึก ใช้ทั้งทองค าแลเหล็กเป็น อาวุธ คือใช้ทองค าซื้อน ้าใจนายทหารและไพร่พลของพระราชาให้เอา ใจออกห่างจากพระองค์ แลใช้เหล็กเป็นอาวุธฆ่าฟันคนที่ซื้อ น ้าใจไม่ได้ ข้าศึกใช้ทองค าบ้าง เหล็กบ้างเป็นอาวุธดังนี้ จนในที่สุดรี้พล ของท้าวมหาพลหรอร่อยย่อยยับไป” ส านวนภาษาแบบนี้ อ่านแล้วรู้สึกอย่างไร ?
ข้าศึกมีก าลังมากแลช านาญการศึก ใช้ทั้งทองค าแล เหล็กเป็นอาวุธ 1. การใช้ภาษากระชับ เข้าใจง่าย 2. อธิบายขยายความด้วยค าที่รวบ รัด 3. แม้เป็นภาษาเก่า แต่บริบทที่ให้มา ก่อนหน้านั้น ช่วยให้ตีความหมายได้ ภาษามีชีวิตชีวา เหมาะใช้เป็นนิทาน แม้บางค าเป็นภาษาเก่าแต่มีการถ่ายทอดที่ ช่วยให้เข้าใจง่าย 1. ใช้ความเปรียบเพื่อการใช้แร่ใน สองจุดประสงค์ คือเป็นทั้งสิ่งมีค่า และอาวุธ คือใช้ทองค าซื้อน ้าใจนายทหารและไพร่พลของ พระราชาให้เอาใจออกห่างจากพระองค์ แลใช้เหล็ก เป็นอาวุธฆ่าฟันคนที่ซื้อน ้าใจไม่ได้ ข้าศึกใช้ทองค าบ้าง เหล็กบ้างเป็นอาวุธดังนี้ จนใน ที่สุดรี้พลของท้าวมหาพลหรอร่อยย่อยยับไป
2. เนื้อเรื่องสนุกสนานแปลกใหม่ส าหรับคนไทยแตกต่างจากนิทานทั่วไป 3. การด าเนินเรื่องเป็นไปตามล าดับเวลาไม่สับสน ท าให้ผู้อ่านอยากติดตาม เรื่องและเข้าใจเรื่องได้ง่าย 4. มีการอธิบายอย่างชัดเจน แฝงข้อคิดและค าคมที่น่าสนใจ 5. ผู้แต่งใช้ภาษาแสดงอารมณ์ของตัวละครในลักษณะเยาะหยัน เสียดสี ยั่วยุ อารมณ์ โดยแทรกอารมณ์ขันได้เป็นอย่างดี แสดงลีลาการเขียนที่ไม่เลียน แบบใครและไม่มีใครเลียนแบบได้ เป็นลักษณะเฉพาะที่เรียกกันว่า "ส านวน น.ม.ส." ท าให้นิทานเวตาลมีสีสันน่าอ่านมากขึ้น
• ปราชญ์ผู้มีความรู้ย่อมใช้เวลาของตนในเรื่องหนังสือ มิใช่ใช้เวลาใน การนอนแลการขี้เกียจอย่างคนโง่ • ลิ้นคนนั้นตัดคอคนเสียมากต่อมากแล้ว • ความสุขแห่งพ่อบ้าน ซึ่งอยู่เดี่ยวโดดนั้นมีไม่ได้ในบ้าน แลไม่ได้นอก บ้าน เพราะไม่มีหวังจะได้ความสุขเมื่อกลับสู่เรือนแห่งตน • ข้าศึกมีก าลังมากและช านาญการศึก ใช้ทั้งทองค าแลเหล็ก เป็นอาวุธ คือใช้ทองค าซื้อใจนายทหารและไพร่พลของพระราชา ให้เอาใจออก ห่างจากพระองค์ แลใช้เหล็กเป็นอาวุธฆ่าฟันคนที่ซื้อน ้าใจไม่ได้ ข้าศึก ใช้ทองค าบ้างเหล็กบ้างเป็นอาวุธดังนี้ จนในที่สุดลี้ผลของท้าวมหาพล หรอร่อยย่อยยับไป ตัวอย่างถ้อยค าส านวนที่คมคาย
คุณค่าด้านสังคม ให้แง่คิดเกี่ยวกับความมุ่งมั่น อดทน อดกลั้น และความเพียรพยายามที่น าไปสู่ ความส าเร็จได้ ให้แง่คิดเกี่ยวกับการใช้สติและปัญญาควบคู่กันไป ในการแก้ปัญหาต่าง ๆ โดยเป็นหลักการส าคัญที่น าไปสู่ความส าเร็จ ให้แง่คิดเกี่ยวกับผลเสียของการพูดโดยไม่ไตร่ตรอง โดย อาจน าปัญหามาสู่ตนเองได้
ค่านิยม นิทานเวตาล เรื่องที่ 10 สะท้อนค่านิยมในสังคมอินเดีย ในสมัยนั้นว่า การเลือกคู่ครองต้องพิจารณาความ เหมาะสมตามกฎบัญญัติทางสังคมและทางศาสนา (โดยเฉพาะเรื่องวรรณะ)
ตามหาเวตาล เวตาลมีเงื่อนไข ห้ามพูดตอบ เล่านิทานตอนที่ 10 (หญิงเท้าเล็กเป็นแม่ เท้าใหญ่เป็นลูก) พ่อแต่งงานกับลูกสาว ลูกชายแต่งงานกับแม่ เวตาลถามปัญหาเรื่อง การนับญาติ เมื่อแต่ละคู่มีบุตร ควรอดทนอด กลั้นต่อค าพูดที่ เย้ยหยัน ของฟรีไม่มีใน โลก มักมากับ สิ่งแอบแฝง เป็นนิทานซ้อนนิทาน มีเวตาลเป็นผู้เล่าเรื่อง ย่อย ๆ เป็นพระนิพนธ์ ของ น.ม.ส. พระวิกรมาทิตย์ มีความเพียรสูง จะน าเวตาลไปให้ได้ แต่อดทนต่อค าพูดยั่วยุ ไม่ค่อยได้ เวตาล มีเล่ห์เหลี่ยม หลอกให้พูดเก่ง มีความฉลาดรอบรู้ สรุปบทเรียน นิทานเวตาล ตอนที่ 10 ตัวละคร เรื่อง สิ่งที่ได้