The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by นคร เจือจันทร์, 2022-03-14 21:50:04

คู่มือการบรรยาย ความรู้เกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่

00000412

หนา้ ทคี่ ณะกรรมการสอบขอ้ เทจ็ จรงิ ความรับผิดทางละเมดิ
1. การประชุมคณะกรรมการ จะต้อง
- มกี รรมการมาประชมุ ไม่น้อยกวา่ ก่ึงหน่ึงของกรรมการทั้งหมด
- ถ้าประธานกรรมการไม่อยู่ในที่ประชุม หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้กรรมการท่ีมาประชุมเลือก

กรรมการคนใดคนหนงึ่ ขน้ึ ทาหนา้ ที่แทน
- มติที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมากและในกรณีที่กรรมการคนใดไม่เห็นด้วยกับมติท่ีประชุมให้ทาความเห็น

แย้งไว้ในความเห็นของคณะกรรมการ
2. ตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานทั้งปวงที่เก่ียวข้อง รับฟังพยานบุคคล หรือพยาน

ผู้เชี่ยวชาญและตรวจสอบเอกสาร วัตถุ หรือสถานท่ี โดยจะต้องดูตั้งแต่ต้นทางจนจบสุดท้ายด้วยความ
ระมัดระวังและรอบคอบ เพ่ือให้ได้ข้อเท็จจริง (ตามระเบียบ ข้อ 8) เช่น กรณีอุบัติเหตุ ต้องใช้ หลักฐาน
อะไรบา้ ง

- การแตง่ ตัง้ คณะกรรมการสอบข้อเทจ็ จรงิ ความรับผิดทางละเมิด(ตามข้อ 8 วรรคหนง่ึ ) มวี ตั ถุประสงคเ์ พ่อื
1) เพ่ือใหท้ ราบว่ามีการกระทาละเมดิ เกดิ ขึ้นหรือไม่
2) มีเจ้าหน้าที่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย อันเนื่องมาจากการกระทาโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ

อยา่ งร้ายแรงหรือไม่
3) เจา้ หนา้ ทผ่ี ูต้ อ้ งรบั ผิดชดใช้ค่าเสยี หายจะตอ้ งรบั ผดิ ชดใช้เปน็ จานวนเท่าใด
4) กรณีเจา้ หน้าท่กี ระทาละเมิดหลายคนเจา้ หนา้ ท่แี ต่ละคนมสี ัดส่วนการรับผิดเป็นอย่างไร
5) ความเสียหายที่เกิดขึ้นหน่วยงานของรัฐมีส่วนบกพร่องหรือไม่ เพื่อท่ีจะนาส่วนความรับผิดของ

หน่วยงานของรัฐไปหักออกจากค่าเสยี หายทจ่ี ะเรยี กให้เจา้ หนา้ ทีช่ ดใช้
ตัวอย่าง กรณีทุจริตทางการเงินหรือทรัพย์สิน ต้องใช้ หลักฐานอะไรบ้างเพ่ือการสอบสวนข้อเท็จจริง

เกยี่ วกบั เหตุละเมดิ ทเ่ี จ้าหนา้ ได้กระทาให้ได้ความกระจ่าง
1) วนั เวลา ทีเ่ กิดการทจุ ริต
2) ชื่อ ตาแหน่ง และอานาจหน้าท่ีของ ผู้กระทาทจุ รติ ในการปฏบิ ตั ริ าชการโดยปกติ
3) การกระทา และพฤตกิ ารณ์ในการกระทาทจุ ริต

47

4) ช่ือ ตาแหน่งและอานาจหน้าที่ของเจ้าหน้าท่ีที่ร่วมงานหรือท่ีเก่ียวข้อง ตลอดจนผู้บังคับบัญชา
ตามสายงาน

5) รายละเอียดการปฏิบัตงิ านของเจ้าหน้าทผี่ เู้ กี่ยวขอ้ งท้ังหมด รวมท้งั
- ผบู้ งั คบั บญั ชาว่าตามกฎหมายและระเบียบทเี่ กี่ยวขอ้ ง
- และหรือทางปฏบิ ัตทิ ่ีถกู ต้องควรเป็นอย่างไร

6) กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับและคาสั่งเกี่ยวกับงานในหน้าที่น้ัน ๆ หรืองานที่ได้รับมอบหมาย
มอี ยา่ งไร

7) หลักและวิธปี ฏิบตั ิโดยปกติของงานหรอื กจิ การน้ันเปน็ อยา่ งไร
8) หลักฐานและเอกสารท่ผี ทู้ จุ ริตไดก้ ระทา หรือหลกั ฐานท่ีผทู้ จุ ริตจะตอ้ งกระทาแตไ่ ดล้ ะเว้นไม่กระทา
9) รายการและจานวนเงินที่ทุจริต หรือขาดหายไป
10) เอกสารแจ้งความรอ้ งทุกข์ สาเนาสานวนการสอบสวนของเจ้าหน้าท่ีตารวจ พนักงานอัยการ และ
ความเห็น (ถา้ ม)ี ตลอดจนผลการฟอู งคดี
11) กรณีมีการระบุว่า ลายมือช่ือปลอม ได้มีการส่งหลักฐาน ให้ผู้ชานาญของกองพิสูจน์หลักฐาน
ตรวจสอบหรือไม่ ถ้ามขี อรายงานผลการพสิ จู นด์ ังกล่าว
12) การเรยี กร้องหรอื ฟูองคดกี บั ธนาคารผ้จู า่ ยเงนิ (ถา้ มี)
13) ในกรณเี ปน็ เรือ่ งเกย่ี วกับเช็ค ขอสาเนาเช็ค สาเนาใบเสร็จรับเงิน เอกสารประกอบการสั่งจ่าย ผู้มี
อานาจ ส่ังจา่ ย หลักฐานการได้รับชาระหนี้ และอ่ืนๆ ท่ีเกย่ี วข้อง
14) พฤติการณ์และกรณีแวดล้อมอ่ืนๆ เช่น ผู้ทุจริตเป็นคน ชอบเล่นการพนัน ใช้เงินเกินฐานะภาวะ
แห่งจติ ใจ ฯลฯ
15) สาเนารายงานความเห็นของ สตง. หรือเหตทุ ีท่ าให้ ทราบว่ามีการกระทาทุจรติ (ถ้าม)ี
16) ความเห็นและผลการดาเนนิ การของ ปปช. ปปง. และผลการดาเนนิ คดอี าญา
17) กรณีมีการกระทาทุจริตเกิดขึ้นหลายกรณี ให้แยกการสอบสวนเป็นรายกรณี พร้อมความเห็นว่า
ผ้กู ระทาการทุจริตและผ้บู งั คับบัญชาจะต้องรบั ผดิ หรอื ไม่ อยา่ งไร และเปน็ จานวนเงินเท่าใด
18) บนั ทกึ การให้ปากคาของผู้เกีย่ วข้อง และ โดยเฉพาะผู้ท่ีจะต้องรบั ผิดหรืออาจจะต้องรบั ผิด

48

3. กรรมการจะต้องให้โอกาสแก่ผู้เสียหายได้ช้ีแจงข้อเท็จจริง และโต้แย้งแสดงพยานหลักฐานของตน
อยา่ งเพยี งพอและเป็นธรรม

- การให้ช้ีแจงต้องบอกไปด้วยว่า ให้นาเอกสารหลักฐานมาโต้แย้งได้และนาที่ปรึกษาหรือทนายความ
เข้ามาในการพจิ ารณาได้

- ตอ้ งให้บคุ คลดังกล่าวได้มโี อกาสทจ่ี ะทราบขอ้ เท็จจริงอย่างเพียงพอและเปน็ ธรรม และ
- ให้มโี อกาสโต้แย้งและแสดงพยานหลักฐานของตนดว้ ย
- โดยตอ้ งมไิ ด้กระทาการใดอันเป็นการล่อลวง ขู่เข็ญ ให้สัญญาหรือกระทาโดยมิชอบด้วยประการ
อื่น
4. เม่ือ คณะกรรมการ เห็นว่าข้อเท็จจริงชัดเจน พยานหลักฐานเพียงพอแล้วก็ให้เสนอความเห็นให้
ผู้แต่งตั้งพิจารณา ซึ่งความเห็นน้ันจะต้องประกอบด้วยข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และพยานหลักฐาน
ประกอบการพิจารณา
5. คณะกรรมการ จะต้องดาเนินการสอบสวนให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กาหนดไว้ตามคาสั่ง
แตง่ ตัง้ ถ้าไมเ่ สร็จปกติตอ้ งขอขยายก่อนครบกาหนดเวลา

49

เม่ือผู้สง่ั แตง่ ต้ังไดร้ ับรายงานผลการสอบสวนแลว้ ต้องดาเนนิ การในขั้นตอนต่อไป ดังน้ี
1.ในการวินิจส่ังการ ผู้แต่งต้ังมีอานาจวินิจฉัยได้โดยไม่จาต้องผูกมัดอยู่กับความเห็นของ

คณะกรรมการโดยมีความเห็นเป็นอย่างอ่ืนได้ เช่น อาจมีความเห็นให้เจ้าหน้าที่ผู้ต้องรับผิดรับผิดมากขึ้นหรือ
นอ้ ยลง หรือไม่ตอ้ งรบั ผดิ เลยกไ็ ดซ้ ึ่งเป็นดลุ พินจิ ของผู้ส่งั แตง่ ตั้ง

2. หากเหน็ วา่ สานวนการสอบข้อเท็จจริงยงั มีขอ้ บกพรอ่ งในประเด็นใดหรือมีบางประเด็นท่ีผู้แต่งตั้ง
เห็นควรให้คณะกรรมการพิจารณาทบทวนหรือสอบสวนเพิ่มเตมิ ได้

3. เมื่อเห็นว่าการสอบสวนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผู้แต่งตั้งจะต้องวินิจฉัยส่ังการว่าการกระทาละเมิด
ท่เี กิดข้ึนมีผู้รับผดิ ชอบคา่ สนิ ไหมทดแทนหรอื ไม่ และเปน็ จานวนเท่าใด

4. เม่ือวินิจฉัยส่ังการแล้วให้ส่งสานวนให้กระทรวงการคลังตรวจสอบภายใน 7 วัน นับแต่วันท่ี
วนิ ิจฉัยส่งั การ

5. ในระหว่างรอผลการพิจารณาจากกระทรวงการคลัง ให้ผู้แต่งต้ังตระเตรียมเร่ืองออกคาส่ัง หรือ
ฟอู งคดีไม่ใหข้ าดอายุความ

50

ถ้ากระทรวงการคลังวินจิ ฉยั ไมแ่ ลว้ เสรจ็ ภายใน 1 ปี นบั แต่หน่วยงานสง่ เรอ่ื งมา กรณรี ัฐวิสาหกจิ อปท
หรอื หนว่ ยงานอ่นื ของรฐั ใหห้ น่วยงานเหล่าน้อี อกคาสง่ั เรยี กใหเ้ จ้าหน้าท่ีชดใช้ค่าเสียหายไดต้ ามท่ีเห็นสมควร
กรณีเป็นส่วนราชการ หากกระทรวงการคลังพจิ ารณาไมแ่ ล้วเสร็จภายใน 1 ปี 6 เดือน นบั แตว่ นั ท่สี ว่ นราชการ
สง่ เรอื่ งก็ให้ดาเนนิ การเชน่ เดียวกันกับกรณีท่ีกลา่ วมาแล้วข้างต้น

เมอ่ื กระทรวงแจ้งผลแล้วหากเป็นส่วนราชการต้องสั่งตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ท้ังตัวบุคคล
ผตู้ อ้ งรับผิด และจานวนค่าสินไหมทดแทนทต่ี อ้ งชดใช้ ไมอ่ าจพจิ ารณาเปน็ อย่างอืน่ ได้

ในกรณีหน่วยงานของรัฐท่ีเสียหายเป็นราชการส่วนท้องถ่ิน รัฐวิสาหกิจ หากมีความเห็นแตกต่างจาก
ความเห็นของกระทรวงการคลัง หน่วยงานของรัฐแห่งน้ันจะต้องให้ผู้บังคับบัญชา ผู้กากับดูแลวินิจฉัยส่ังการ
ตามทเี่ หน็ วา่ ถกู ต้อง

เงื่อนไขของการส่งั ต่าง
1. หากมกี ารสง่ั ตา่ งจาก กระทรวงการคลงั แล้วเกดิ ความเสยี หาย ผสู้ งั่ ตา่ งตอ้ งรับผดิ ชอบ
2. หากส่ังตามความเห็นของ กระทรวงการคลัง จะทาให้การบริหารงานภายในองค์กรมี
ขอ้ ขัดขอ้ งอยา่ งไร

กรณีหน่วยงานแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมกัน และผู้แต่งต้ังร่วมมีความเห็นต่างกันจนหาข้อยุติไม่ได้ให้
เสนอ ครม. วินิจฉยั ชี้ขาด

หากเจ้าหน้าที่ผู้ต้องรับผิดตายระหว่างการสอบละเมิดให้รีบสอบให้เสร็จภายใน 6 เดือน นับแต่
เจ้าหน้าท่ีตายเพราะอายุความฟูองผู้จัดการมรดกหรือทายาทมีเพียง 1 ปี นับแต่เจ้าหน้าท่ีตาย แล้วรีบส่งเรื่อง
ใหก้ ระทรวงการคลังตรวจสอบ โดยเขียนตัวอกั ษรแดงทส่ี านวนวา่ กรณีเจ้าหนา้ ที่ตาย

51

เมอื่ ผ้แู ต่งตั้งได้รับผลการพิจารณาของคณะกรรมการแล้วให้วินิจฉัยส่ังการว่ามีผู้รับผิดชดใช้ค่าสินไหม
ทดแทนหรือไม่ และเป็นจานวนเท่าใดแล้วน้ัน ให้ผู้แต่งตั้งส่งสานวนภายในเจ็ดวันนับแต่วันวินิจฉัยสั่งการ
ให้กระทรวงการคลังเพ่ือตรวจสอบ เว้นแต่เป็นเร่ืองที่กระทรวงการคลังประกาศกาหนดว่าไม่ต้องรายงาน
ใหก้ ระทรวงการคลังตรวจสอบ (หนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด ที่ กค 0410.2/ว49 ลงวันที่ 15 มิถุนายน
2552 เร่ือง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าท่ีที่ไม่ต้องรายงาน
ใหก้ ระทรวงการคลังตรวจสอบ)

52

หน่วยงานของรฐั ไมต่ อ้ งสง่ เรื่องให้กระทรวงการคลังตรวจสอบ ดังน้ี
1. ความเสียหายเกิดข้ึนกับทรัพย์สินของหน่วยงานของรัฐจากสาเหตุทั่วไป เช่น อุบัติเหตุ เพลิงไหม้

ทรพั ย์สินเสียหายหรอื สูญหาย เปน็ ตน้
- สาหรบั สว่ นราชการ คา่ เสยี หายครง้ั ละไม่เกิน 500,000 บาท
- สาหรับราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นของรัฐ เสียหายครั้งละ ไม่เกิน

1,000,000 บาท ถ้าความเสยี หายเกินกวา่ ทก่ี ลา่ วข้างต้น และหน่วยงานของรัฐพิจารณาแล้วเห็นว่าผู้ต้องรับผิด
ตอ้ งชดใช้ค่าเสียหายตง้ั แต่รอ้ ยละ 75 ของคา่ เสียหายทงั้ หมด

2. ความเสยี หายเกิดขึ้นแก่หน่วยงานของรฐั ซ่ึงมีสาเหตุมาจากการทุจริต หรือมีสาเหตุมาจากการท่ีเงิน
ขาดบัญชี หรือการไมป่ ฏบิ ัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรีหรือข้อบังคับต่างๆ เช่น การไม่ปฏิบัติ
ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณหรือระเบียบที่เก่ียวข้องกับการเงินการคลัง การจัดซ้ือจัดจ้างไม่ปฏิบัติ
ตามระเบียบ ว่าดว้ ยการพัสดุหรอื ฝุาฝนื มติคณะรัฐมนตรี เป็นตน้

- สาหรบั ส่วนราชการ ค่าเสียหายคร้ังละไม่เกนิ 200,000 บาท
- สาหรับราชการส่วนท้องถ่ิน รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นของรัฐ ค่าเสียหายครั้งละ ไม่เกิน
400,000 บาท
ถา้ ความเสยี หายเกนิ กวา่ ทีก่ ลา่ วขา้ งตน้ และหนว่ ยงานของรฐั ไดพ้ จิ ารณาดงั น้ี
- ความเสียหายซึ่งมีสาเหตุมาจากการทุจริต ให้ผู้ทุจริตและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องรับผิดชดใช้เต็มจานวน
ความเสยี หาย

3. ความเสียหายซ่ึงมีสาเหตุจากการที่เงินขาดบัญชี หรือการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ มติ
คณะรัฐมนตรหี รือข้อบงั คบั ตา่ งๆ และต้องไมไ่ ด้เกดิ จากการทจุ ริต ให้ผกู้ ระทาผดิ ชดใช้คา่ เสียหายเต็มจานวน
ทั้งน้ี หน่วยงานของรัฐจะต้องรายงานความเสียท่ีเกิดขึ้นตามแบบท่ีกระทรวงการคลังกาห นดไปให้
กระทรวงการคลงั ทราบทุกระยะ 3 เดอื น

53

ในการพิจารณาตรวจสอบสานวนของกระทรวงการคลังจะมีคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทาง
แพ่งเป็นผู้พิจารณาแล้วเสนอความเห็นให้กระทรวงการคลังวินิจฉัย องค์ประกอบของคณะกรรมการพิจารณา
ความรับผิดทางแพ่งประกอบด้วย คณะกรรมการโดยตาแหน่ง คือ อธิบดีกรมบัญชีกลาง ผู้แทนสานักงาน
คณะกรรมการกฤษฎีกา ผู้แทนสานักงานอัยการสูงสุด ผู้แทนสานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และยังมี
คณะกรรมการที่ปลัดกระทรวงการคลังแต่งต้ังอีกจานวนหนึ่ง อานาจหน้าที่ของคณะกรรมการฯ เช่นเดียวกับ
คณะกรรมการสอบขอ้ เท็จจริงความรบั ผดิ ละเมิด

54

ถา้ ชดใชเ้ ป็นสงิ่ ของต้องแต่งตั้งกรรมการตรวจรบั พัสดุ ตามระเบียบพัสดุฯ ด้วย หากเจ้าหน้าท่ีขอชดใช้
ต่างจากทรัพย์สินที่เสียหายหรือสูญหาย เช่น ทาคอมพิวเตอร์แบบพกพาสูญหายแต่จะขอใช้เป็นกล้องดิจิตอล
ซึ่งมีราคาเทา่ กันหรือมากกว่า ต้องขอตกลงกับกระทรวงการคลงั ก่อน

55

การผ่อนชาระหนีก้ รณีละเมดิ ใหป้ ฏบิ ตั ิตาม ว 115 หากปฏิบัตินอกเหนือจากหลักเกณฑ์ที่กาหนดไว้ใน
ว 115 ใหข้ อทาความตกลงกับกระทรวงการคลังก่อน แต่อย่างไรก็ตามหากเจ้าหน้าที่ไม่มีเงินผ่อนชาระหน้ีและ
เข้าเกณฑ์ฟูองล้มละลายได้ ห้ามมิให้หน่วยงานของรัฐฟูองคดีล้มละลายกับเจ้าหน้าที่ เว้นแต่เข้าข้อ 27 แห่ง
ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเก่ียวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่
พ.ศ. 2539 คือ เจ้าหน้าที่ประพฤติช่ัวอย่างร้ายแรง เช่น แกล้งให้ตนเองเป็นหน้ี ยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน
ติดการพนัน เป็นต้น หากมีพฤติการณ์ดังกล่าว หน่วยงานของรัฐสามารถฟูองล้มละลายกับเจ้าหน้าที่ผู้น้ันได้
สาหรับกรณเี จา้ หนา้ ทผี่ ้กู ระทาทจุ รติ โดยหลกั การไมส่ ามารถขอผอ่ นชาระได้

56

เมื่อเจ้าหน้าทผ่ี ู้ต้องรบั ผดิ เสนอขอผอ่ นชาระ ให้หนว่ ยงานของรฐั ปฏิบัติ ดงั ต่อไปนี้
1. ตรวจสอบสถานภาพปัจจุบัน ณ วันเสนอขอผ่อนชาระเกี่ยวกับรายได้ ค่าใช้จ่าย และทรัพย์สินทั้งของ

เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดและคู่สมรส โดยมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าหน้าท่ีผู้ต้องรับผิดหรือหน่วยงาน
เจา้ ของข้อมลู แล้วแต่กรณเี พือ่ ประกอบการพิจารณา

2. ให้หน่วยงานของรัฐพิจารณาผ่อนผันและกาหนดจานวนเงินที่ต้องผ่อนชาระเป็นรายเดือนตาม
ความเหมาะสม โดยคานึงถึงรายได้ ค่าใช้จ่ายในการดารงชีพตามสมควรแก่ฐานะ และตาแหน่งของเจ้าหน้าท่ี
ผูต้ อ้ งรับผิดผ้นู ัน้ มอี ยู่ตามกฎหมายหรือศลี ธรรมอันดแี ละพฤติการณ์แห่งกรณี ภายใต้เง่อื นไขดังน้ี

2.1 กรณีผอ่ นชาระภายในกาหนดเวลา 1 ปี โดยไมจ่ ากดั วงเงินท่ผี อ่ นชาระ
2.2 กรณีวงเงินที่ผ่อนชาระไม่เกิน 500,000 บาท ให้ผ่อนชาระเป็นรายเดือน ในอัตราเดือนละ
ไมต่ า่ กวา่ รอ้ ยละ 20 ของเงินเดอื น ภายในกาหนดเวลาไม่เกิน 5 ปี อตั ราดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี
2.3 กรณีวงเงินท่ีขอผ่อนชาระเกินกว่า 500,000 บาท ให้ผ่อนชาระเป็นรายเดือน ในอัตราเดือนละ
ไม่ตา่ กว่าร้อยละ 20 ของเงินเดอื นภายในกาหนดไม่เกนิ 10 ปี อัตราดอกเบย้ี 7.5% ต่อปี
ทั้งนี้ กาหนดระยะเวลาการผอ่ นชาระตอ้ งสิน้ สุดกอ่ นเจา้ หนา้ ท่ผี ู้รับผิดออกจากราชการทุกกรณี รวมถึง
การเกษียณอายุด้วย หากเจ้าหน้าที่ผู้ต้องรับผิดพ้นจากราชการระหว่างการผ่อนชาระ ข้อตกลงเร่ือง
การผอ่ นชาระเปน็ อนั ยุติ ให้หน่วยงานของรัฐเรียกให้เจ้าหนา้ ที่ผู้ตอ้ งรบั ผดิ ชดใช้เงนิ ท่ีคา้ งชาระอยทู่ งั้ หมดทนั ที
การขอผ่อนชาระต้องขอผ่อนเต็มจานวนที่ต้องรับผิดรวมท้ังดอกเบ้ีย ค่าฤชาธรรมเนียม และค่าใช้จ่าย
ในการดาเนนิ คดี หากกรณเี หตทุ เ่ี กดิ จากการทจุ ริตของเจ้าหน้าท่ไี มส่ ามารถขอผ่อนชาระได้เมื่อส่วนราชการได้มี
คาสั่งเรียกให้เจ้าหน้าท่ีชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้ว หากไม่ชาระหน้ีภายในระยะเวลาท่ีกาหนดให้คิดดอกเบี้ย
ในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันท่ีผิดนัด โดยให้ถือจานวนเงินที่ผ่อนชาระในแต่ละเดือนเป็นการชาระ
ดอกเบ้ียรายเดือนท่ีเกิดขึ้นก่อน ส่วนที่เหลือให้ถือเป็นการผ่อนชาระเงินต้นที่ค้างอยู่ยกเว้น หากเจ้าหน้าท่ี
ผอ่ นชาระครบถว้ นภายใน 1 ปี ไมค่ ิดดอกเบี้ย

57

ระเบยี บสานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏบิ ัตเิ ก่ยี วกบั ความรบั ผดิ ทางละเมดิ ของ
เจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 หมวด 2 ข้อ 20

กรณีเจ้าหน้าท่ีของรัฐกระทาละเมิดต่อบุคคลภายนอกให้ใช้บังคับเฉพาะกับหน่วยงานของรัฐตาม
พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 บางประเภทเท่านั้น ได้แก่ กระทรวง ทบวง
กรม หรือส่วนราชการท่ีเรียกช่ืออย่างอ่ืนและมีฐานะเป็นกรม ราชการส่วนภูมิภาค ยกเว้นราชการส่วนท้องถ่ิน
รัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งข้ึนโดยพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกา หรือหน่วยงานของรัฐตามกฎหมายว่าด้วย
ความรับผดิ ทางละเมิดของเจา้ หนา้ ที่

ความหมายของบุคคลภายนอก คาอธบิ ายอยทู่ ี่ หนา้ 10

ความหมายของละเมิด คาอธิบายอยทู่ ี่ หนา้ 16

58

ระเบยี บฯ ข้อ 31 ในกรณีที่เจ้าหน้าทที่ าให้เกดิ ความเสยี หายตอ่ บคุ คลภายนอก ถ้าเจา้ หนา้ ที่ผนู้ ้ัน
เห็นวา่ ความเสียหายเกิดขึน้ เน่ืองในการทีต่ นไดก้ ระทาในการปฏบิ ัติหน้าที่ ให้เจา้ หน้าทผ่ี ู้น้นั แจ้งต่อ
ผบู้ งั คบั บัญชาโดยไมช่ กั ช้า และใหม้ ีการรายงานตามลาดับชั้นถงึ หวั หนา้ หนว่ ยงานของรัฐแห่งนั้น แต่ในกรณี
เจ้าหนา้ ที่เป็นรฐั มนตรี หรอื คณะกรรมการทแ่ี ต่งตั้งข้นึ เพื่อปฏิบตั งิ านใหห้ นว่ ยงานงานของรัฐ หรือผ้ซู งึ่ ไม่
สังกดั หน่วยงานของรัฐแหง่ ใด หรือผู้ซง่ึ ไม่มีผบู้ ังคับบัญชาใหด้ าเนนิ การตาม ขอ้ 9(1) (2) (3)
หรอื (4) และให้นาข้อ 8 ถึงข้อ 20 มาบังคับใชโ้ ดยอนโุ ลม

ดังนน้ั เม่ือเกิดความเสยี หายขึ้นกับบุคคลภายนอกที่เกิดจากเจา้ หน้าที่กระทาในการปฏิบัติหนา้ ท่ีให้
เจา้ หน้าที่รีบรายงานผูบ้ งั คับบัญชาตามลาดบั เพ่ือดาเนินการสง่ั การตามอานาจหน้าที่ต่อไป และให้นาหมวด 1
คือ หมวดเจ้าหนา้ ที่กระทาละเมดิ ต่อหนว่ ยงานของรฐั มาใช้บังคับกับการละเมดิ บุคคลภายนอกโดยอนุโลม
คาอธิบาย เทียบเคียง หน้า 33

59

การรบั คาขอ
- เมอื่ เจา้ หนา้ ที่กระทาละเมิดต่อบุคคลภายนอก บุคคลภายนอกอาจมายืน่ คาขอต่อหน่วยงานต้นสังกัดของ

เจ้าหน้าที่ผู้กระทาละเมดิ ได้และหนว่ ยงานของรฐั พิจารณาดาเนินการต่อไปโดยเร็ว
- ส่วนเจ้าหน้าท่ีที่ไม่ได้สังกัดหน่วยงานของรัฐแห่งใด ให้ย่ืนคาขอหรือฟูองคดีกระทรวงการคลัง เช่น

คณะกรรมการการเลอื กตัง้ เป็นเจา้ หนา้ ท่ีไมม่ สี งั กดั ให้ฟอู งกระทรวงการคลงั
- กรณีผู้เสียหายยื่นคาขอผิดหน่วยงาน ให้หน่วยงานผู้รับคาขอรีบส่งเร่ืองไปยังหน่วยงานของรัฐท่ีเห็นว่า

เปน็ หนว่ ยงานของรัฐที่จะต้องรับผิดชอบพิจารณาต่อไป พร้อมแจ้งให้ผู้ย่ืนคาขอทราบ และให้ถือว่าหน่วยงาน
ของรัฐไดร้ ับคาขอให้ชดใช้ค่าสินไหม นับแต่วันที่ได้รบั คาขอที่ส่งมา

การแตง่ ตั้งกรรมการสอบขอ้ เทจ็ จรงิ ความรับผิดทางละเมิด
- เมื่อหน่วยงานได้รับคาขอและเห็นว่าเป็นเร่ืองที่เกี่ยวข้องกับตนให้แต่งต้ังคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง

ทางละเมิด เมื่อพิจารณาว่าต้องชดใช้หรือไม่ หากต้องชดใช้ให้ปฏิบัติตาม หลักเกณฑ์การชดใช้ค่าสินไหม
ทดแทน กรณเี จ้าหนา้ ท่ขี องรฐั กระทาละเมิดต่อบุคคลภายนอก ดังน้ี

1) ค่าสินไหมทดแทนเพ่ือความเสียหายหรือสูญหายแก่ทรัพย์สิน ถ้าความเสียหายเกิดแก่เงินให้ใช้
เป็นเงินตามจานวนความเสียหายที่เกิดข้ึน ถ้าเป็นความเสียหายเกิดแก่ทรัพย์สินอื่นให้ใช้ราคาสุทธิหลังหัก
ค่าเสื่อมราคาแล้ว หรือใช้ค่าซ่อมเพื่อให้ทรัพย์สินนั้นกลับคืนสู่สภาพเดิม โดยมีหลักฐาน เช่น ภาพถ่ายของ
ทรพั ย์สนิ ที่เสยี หาย ค่าซ่อมตามใบเสร็จรับเงินของบริษัท ห้างหรือร้านท่ีทาการซ่อม และใบกากับภาษี เป็นต้น
และให้คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดมีหน้าท่ีกาหนดจานวนเงินค่าสินไหมทดแทนเพ่ือ
ความเสียหายหรอื สูญหาย แกท่ รพั ย์สนิ น้นั ตามความเหมาะสมและเปน็ ธรรม แลว้ นาเสนอให้หัวหน้าหน่วยงาน
ของรฐั ผู้แต่งต้ังพิจารณาสั่งการตอ่ ไป ทงั้ น้ี ในการคานวณค่าเสอ่ื มราคา ทรัพย์สินเพ่ือให้ได้ราคาทรัพย์สินสุทธิ
ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การคานวณค่าเสื่อมราคาทรัพย์สินที่กระทรวงการคลังกาหนดในการเรียก
ใหผ้ ตู้ ้องรบั ผิดทางละเมิดชดใช้ค่าเสยี หายให้แกท่ างราชการ โดยอนโุ ลม

2) ค่าสนิ ไหมทดแทนเพื่อความเสยี หายแก่ร่างกายหรอื ชวี ติ
- คา่ รกั ษาพยาบาลเท่าทจี่ ่ายจรงิ ไม่เกิน 50,000 บาท
- ค่าขาดประโยชน์ทามาหาได้ในระหว่างเจ็บปวุ ย

60

ก. กรณีผู้เสียหายไม่มีรายได้ประจา ให้ชดใช้ความเสียหายตามช่วงเวลาท่ีผู้เสียหาย
ไม่สามารถไปทางานได้ โดยคานวณตามอัตราค่าจ้าง ข้ันต่ารายวันตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน
ตามเขตจังหวัดซึ่งเป็นภูมิลาเนาของผู้เสียหาย ณ วันที่ได้รับความเสียหาย ไม่เกินวันละ 300 บาท ตาม
จานวนวนั ที่แพทย์มีหนังสอื รับรองใหห้ ยุดรักษาตัวแต่ไมเ่ กิน 60 วัน

ข. กรณผี ู้เสียหายทม่ี รี ายได้ประจา หากระหว่างเจบ็ ปวุ ยไม่สามารถไปทางานได้และไม่ได้รับ
ค่าจ้างหรือค่าตอบแทนจากนายจ้าง ให้ชดใช้ความเสียหายตามช่วงเวลาที่ผู้เสียหายไม่สามารถไปทางานได้
โดยคานวณตามอัตราค่าจ้างหรือค่าตอบแทนท่ีนายจ้างหรือหน่วยงาน ต้นสังกัดจ่ายให้ ณ วันท่ีได้รับ
ความเสียหาย ไม่เกนิ เดอื นละ 15,000 บาท ตามจานวนวันท่แี พทยร์ ับรองให้หยดุ รักษาตัว แตไ่ ม่เกนิ 2 เดอื น

- ค่าชดเชยการสูญเสียอวยั วะหรือสมรรถภาพในการทางาน ไม่เกิน 100,000 บาท
- ค่าใช้จ่ายในการจัดการศพไมเ่ กนิ 40,000 บาท
- ค่าขาดไรอ้ ปุ การะ ใหท้ ายาทคนละไม่เกนิ 20,000 บาท
ทั้งน้ี ให้หัวหน้าหน่วยงานของรัฐเจ้าของงบประมาณที่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนพิจารณาให้
ความเหน็ ชอบภายใน 15 วัน นับแตว่ ันทีไ่ ดร้ บั รายงานผลการสอบสวน พร้อมท้ังแจ้งผลการพิจารณาวินิจฉัย
แก่ผู้ยื่นคาขอทราบโดยเร็ว จากนั้นให้เบิกจ่ายเงินเพ่ือชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ย่ืนคาขอภายใน 7 วัน
นับแต่วันท่ีผู้ยื่นคาขอตอบรับผลการวินิจฉัย กรณีผู้ยื่นคาขอยังไม่พอใจในผลการวินิจฉัยมีสิทธิฟูองคดีต่อ
ศาลยุติธรรมหรือศาลปกครองท่ีมีอานาจพิจารณาคดีภายใน 90 วัน นับตั้งแต่วันท่ีผู้ยื่นคาขอได้รับแจ้งผล
การวินิจฉัย การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพ่ือการละเมิดน้ันมีวัตถุประสงค์ เพ่ือให้ผู้ถูกกระทาละเมิดกลับคืน
สู่สภาพเดิมได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ส่วนสิทธิของข้าราชการและลูกจ้างหน่วยงานของรัฐในการท่ีจะเบิก
ค่ารักษาพยาบาลน้ันเป็นสวัสดิการท่ีหน่วยงานของรัฐจัดให้แก่ข้าราชการ และลูกจ้างที่ปฏิบัติงานให้แก่ตน
ซงึ่ เป็นสิทธคิ นละสว่ น และมวี ตั ถุประสงคท์ แี่ ตกต่างกับความเสียหายในเร่ืองละเมิด โดยในกรณีทั่วไปผู้กระทา
ละเมิดยังคงต้องรับผิดในผลของการกระทาละเมิดนั้นเต็มจานวนค่าเสียหายท่ีเกิดจากการละเมิดน้ัน จะนา
ค่ารักษาพยาบาลทีไ่ ด้รบั ในสว่ นน้มี าหักออกจาก ค่าสนิ ไหมทดแทนอันจะพงึ ได้รบั จากการกระทาละเมดิ ไม่ได้

61

ใ น ก ร ณี ที่ ผู้ เ สี ย ห า ย ฟู อ ง ค ดี ต่ อ ศ า ล ใ ห้ ห น่ ว ย ง า น ข อ ง รั ฐ ป ร ะ ส า น กั บ ส า นั ก ง า น อั ย ก า ร สู ง สุ ด
เพ่ือเตรียมการต่อสู้คดีและหากผลการพิจารณาในเบ้ืองต้น ปรากฏว่าความเสียหายเกิดจากเจ้าหน้าท่ีมิได้
กระทาในการปฏิบัติหน้าที่ให้เรียกเจ้าหน้าที่ผู้น้ันเข้ามาเป็นคู่ความในคดีด้วย แต่หากความเสียหายเกิดจาก
เจ้าหน้าทีไ่ ดก้ ระทาในการปฏิบัตหิ น้าท่ี จะตอ้ งไมม่ ีการเรยี กเจ้าหนา้ ท่เี ขา้ มาเป็นคู่ความในคดี แต่หากผู้เสียหาย
ได้ฟูองเจ้าหน้าท่ีผู้น้ันต่อศาลก่อนแล้ว ให้พนักงานอัยการแถลงต่อศาลเพ่ือให้เจ้าหน้าท่ีมีโอกาสพ้น
จากการเป็นคู่ความในคดีและให้ช่วยเหลือทางคดีแก่เจ้าหน้าที่ในระหว่างนั้นด้วย หากคดีถึงท่ีสุดแล้วปรากฏ
ว่าทางราชการเป็นฝุายแพ้คดีและต้องชดใช้เงินให้แก่บุคคลภายนอกให้ดาเนินการไล่เบี้ยเจ้าหน้าที่ภายใน 1 ปี
นับตั้งแต่วันที่จ่ายเงินตามคาพิพากษาของศาล แต่ต้องพิจารณาให้ได้ความว่าเจ้าหน้าที่ผู้นั้นได้กระทาการ
ด้วยความจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเท่านั้นทางราชการจึงจะมีสิทธิไล่เบ้ียได้ หากพิจารณา
ได้ความเพียงว่าเป็นประมาทเลินเล่อธรรมดา ทางราชการไม่มีสิทธิไล่เบี้ยจากเจ้าหน้าที่ ความเสียหายย่อม
ตกเป็นพับไป หากเจ้าหน้าท่ีได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกไปก่อนแล้ว โดยผลพิจารณา
เป็นทีย่ ตุ ิวา่ เจา้ หนา้ ท่ีมไิ ด้กระทาการนน้ั ไปโดยจงใจหรอื ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง เจ้าหน้าที่ก็มีสิทธิไล่เบี้ย
ใหห้ นว่ ยงานของรัฐชดใช้คา่ สินไหมทดแทนจานวนดังกลา่ วภายหลงั ได้

62

ภาคผนวก

63

พระราชบัญญตั ิ
ความรบั ผิดทางละเมดิ ของเจ้าหน้าที่

พ.ศ. 2539

ภูมิพลอดลุ ยเดช ป.ร.
ใหไ้ ว้ ณ วนั ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2539

เปน็ ปีท่ี 51 ในรัชกาลปัจจุบนั

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช มพี ระบรมราชโองการโปรดเกลา้ ฯ ใหป้ ระกาศว่า

โดยทสี่ มควรมกี ฎหมายว่าด้วยความรับผดิ ทางละเมดิ ของเจา้ หนา้ ท่ี

จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคาแนะนาและยินยอมของรัฐสภา
ดงั ต่อไปนี้

มาตรา 1 พระราชบัญญตั นิ ี้เรยี กวา่ พระราชบญั ญัติความรับผิดทางละเมดิ ของเจา้ หน้าท่ี พ.ศ. 2539

มาตรา 2 พระราชบญั ญตั ินีใ้ ห้ใช้บงั คบั ตั้งแต่วันถัดจากวนั ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นตน้ ไป

มาตรา 3 บรรดากฎหมาย กฎ และข้อบังคบั ใด ๆ ในสว่ นทีม่ บี ญั ญตั ิไว้แล้วในพระราชบัญญัติน้ีหรือซ่ึง
ขัดหรอื แยง้ กับบทแห่งพระราชบญั ญตั นิ ี้ ใหใ้ ช้พระราชบญั ญตั นิ ้แี ทน

มาตรา 4 ในพระราชบญั ญัตนิ ี้

“เจ้าหน้าท่ี” หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานประเภทอ่ืน ไม่ว่าจะเป็น
การแตง่ ตั้งในฐานะเปน็ กรรมการหรอื ฐานะอ่ืนใด

“หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการที่เรียกช่ืออย่างอ่ืนและ
มฐี านะเป็นกรม

64

ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น และรัฐวิสาหกิจท่ีต้ังข้ึนโดยพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกา
และให้หมายความรวมถึงหน่วยงานอ่ืนของรัฐที่มีพระราชกฤษฎีกากาหนดให้เป็นหน่วยงานของรัฐตาม
พระราชบญั ญัตนิ ด้ี ้วย

มาตรา 5 หน่วยงานของรฐั ตอ้ งรับผดิ ตอ่ ผู้เสียหายในผลแหง่ ละเมิดที่เจ้าหน้าที่ของตนได้กระทาในการ
ปฏิบัติหน้าท่ี ในกรณนี ้ีผู้เสยี หายอาจฟูองหนว่ ยงานของรฐั ดงั กลา่ วไดโ้ ดยตรง แต่จะฟูองเจา้ หน้าท่ไี มไ่ ด้

ถ้าการละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าท่ีซ่ึงไม่ได้สังกัดหน่วยงานของรัฐแห่งใดให้ถือว่ากระทรวงการคลังเป็น
หนว่ ยงานของรฐั ท่ตี ้องรบั ผิดตามวรรคหน่งึ

มาตรา 6 ถ้าการกระทาละเมิดของเจ้าหน้าที่มิใช่การกระทาในการปฏิบัติหน้าท่ี เจ้าหน้าที่ต้องรับผิด
ในการนนั้ เป็นการเฉพาะตัว ในกรณีน้ีผู้เสยี หายอาจฟอู งเจ้าหน้าที่ไดโ้ ดยตรง แต่จะฟูองหน่วยงานของรฐั ไมไ่ ด้

มาตรา 7 ในคดีที่ผู้เสียหายฟูองหน่วยงานของรัฐ ถ้าหน่วยงานของรัฐเห็นว่าเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ต้อง
รับผิดหรือต้องร่วมรับผิด หรือในคดีท่ีผู้เสียหายฟูองเจ้าหน้าที่ถ้าเจ้าหน้าท่ีเห็นว่าเป็นเรื่องท่ีหน่วยงานของรัฐ
ต้องรบั ผิดหรือตอ้ งรว่ มรับผิด หนว่ ยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ดังกล่าวมีสิทธิขอให้ศาลท่ีพิจารณาคดีน้ันอยู่เรียก
เจ้าหนา้ ที่หรือหน่วยงานของรัฐ แล้วแต่กรณี เข้ามาเปน็ คู่ความในคดี

ถ้าศาลพิพากษายกฟูองเพราะเหตุท่ีหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ที่ถูกฟูองมิใช่ผู้ต้องรับผิด ให้ขยาย
อายุความฟอู งร้องผูท้ ีต่ อ้ งรับผดิ ซึ่งมิได้ถูกเรยี กเขา้ มาในคดีออกไปถงึ หกเดือนนบั แต่วันท่ีคาพพิ ากษานั้นถึงทีส่ ุด

มาตรา 8 ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหายเพ่ือการละเมิดของ
เจา้ หน้าที่ ให้หนว่ ยงานของรฐั มีสิทธิเรียกให้เจ้าหน้าท่ีผู้ทาละเมิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวแก่หน่วยงาน
ของรฐั ได้ถ้าเจ้าหน้าทไ่ี ด้กระทาการน้นั ไปดว้ ยความจงใจหรือประมาทเลนิ เล่ออยา่ งร้ายแรง

สิทธิเรียกให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามวรรคหน่ึงจะมีได้เพียงใดให้คานึงถึงระดับความร้ายแรงแห่ง
การกระทาและความเป็นธรรมในแตล่ ะกรณเี ปน็ เกณฑ์โดยมติ อ้ งใหใ้ ชเ้ ต็มจานวนของความเสียหายก็ได้

ถ้าการละเมิดเกิดจากความผิดหรือความบกพร่องของหน่วยงานของรัฐหรือระบบการดาเนินงาน
ส่วนรวม ใหห้ ักสว่ นแห่งความรบั ผดิ ดังกลา่ วออกด้วย

ในกรณีท่ีการละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่หลายคน มิให้นาหลักเร่ืองลูกหน้ีร่วมมาใช้บังคับและเจ้าหน้าที่
แตล่ ะคนตอ้ งรบั ผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนเฉพาะส่วนของตนเทา่ นั้น

65

มาตรา 9 ถ้าหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหาย สิทธิท่ีจะเรียกให้อีก
ฝาุ ยหนึ่งชดใช้ค่าสนิ ไหมทดแทนแก่ตนใหม้ กี าหนดอายุความหน่ึงปีนบั แตว่ นั ทีห่ น่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าท่ีได้
ใชค้ า่ สนิ ไหมทดแทนนัน้ แก่ผเู้ สียหาย

มาตรา 10 ในกรณีทเ่ี จ้าหน้าท่ีเป็นผู้กระทาละเมิดต่อหน่วยงานของรัฐไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานของรัฐที่
ผู้นั้นอยู่ในสังกัดหรือไม่ ถ้าเป็นการกระทาในการปฏิบัติหน้าที่การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากเจ้าหน้าท่ีให้
นาบทบัญญัติมาตรา 8 มาใชบ้ งั คับโดยอนโุ ลม แตถ่ า้ มิใชก่ ารกระทาในการปฏิบัติหน้าท่ีให้บังคับตามบทบัญญัติ
แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์

สทิ ธิเรยี กร้องค่าสินไหมทดแทนจากเจ้าหน้าทีท่ ้งั สองประการตามวรรคหนึ่ง ให้มีกาหนดอายุความสอง
ปีนับแต่วันที่หน่วยงานของรัฐรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวเจ้าหน้าที่ ผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน และกรณีท่ี
หน่วยงานของรัฐเห็นว่าเจ้าหน้าท่ีผู้น้ันไม่ต้องรับผิด แต่กระทรวงการคลังตรวจสอบแล้วเห็นว่าต้องรับผิด ให้
สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนน้ันมีกาหนดอายุความหนึ่งปีนับแต่วันท่ีหน่วยงานของรัฐมีคาส่ังตามความเห็น
ของกระทรวงการคลงั

มาตรา 11 ในกรณีที่ผู้เสยี หายเห็นว่า หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดตามมาตรา 5 ผู้เสียหายจะย่ืนคาขอ
ต่อหน่วยงานของรัฐให้พิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนสาหรับความเสียหายท่ีเกิดแก่ตนก็ได้ ในการน้ี
หน่วยงานของรัฐต้องออกใบรับคาขอให้ไว้เป็นหลักฐานและพิจารณาคาขอนั้นโดยไม่ชักช้า เมื่อหน่วยงานของ
รัฐมีคาส่ังเช่นใดแล้วหากผู้เสียหายยังไม่พอใจในผลการวินิจฉัยของหน่วยงานของรัฐก็ให้มีสิทธิร้องทุกข์ต่อ
คณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ตามกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันท่ีตน
ไดร้ ับแจง้ ผลการวนิ จิ ฉยั

ให้หน่วยงานของรัฐพิจารณาคาขอท่ีได้รับตามวรรคหนึ่งให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน หาก
เร่ืองใดไม่อาจพิจารณาได้ทันในกาหนดนั้นจะต้องรายงานปัญหาและอุปสร รคให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดหรือกากับ
หรือควบคุมดูแลหน่วยงานของรัฐแห่งนั้นทราบและขออนุมัติขยายระยะเวลาออกไปได้ แต่รัฐมนตรีดังกล่าวจะ
พจิ ารณาอนุมตั ใิ ห้ขยายระยะเวลาให้อีกไดไ้ ม่เกนิ หนง่ึ ร้อยแปดสบิ วัน

มาตรา 12 ในกรณที ีเ่ จา้ หน้าทีต่ ้องชดใช้คา่ สินไหมทดแทนท่ีหนว่ ยงานของรัฐได้ใช้ให้แก่ผู้เสียหายตาม
มาตรา 8 หรือในกรณีที่เจ้าหน้าท่ีต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเน่ืองจากเจ้าหน้าท่ีผู้น้ันได้กระทาละเมิดต่อ
หนว่ ยงานของรัฐตามมาตรา 10 ประกอบกับมาตรา 8 ให้หนว่ ยงานของรัฐท่ีเสียหายมีอานาจออกคาส่ังเรียกให้
เจ้าหนา้ ที่ผู้น้ันชาระเงนิ ดังกล่าวภายในเวลาทกี่ าหนด

66

มาตรา 13 ใหค้ ณะรัฐมนตรีจัดใหม้ รี ะเบยี บเพื่อให้เจา้ หนา้ ท่ีซ่ึงต้องรบั ผดิ ตามมาตรา 8 และมาตรา 10
สามารถผ่อนชาระเงินท่ีจะต้องรับผิดน้ันได้โดยคานึงถึงรายได้ ฐานะ ครอบครัวและความรับผิดชอบ และ
พฤตกิ ารณ์แห่งกรณปี ระกอบด้วย

มาตรา 14 เมอ่ื ไดม้ กี ารจัดตัง้ ศาลปกครองขน้ึ แล้ว สทิ ธริ ้องทกุ ข์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ตาม
มาตรา 11 ให้ถือว่าเปน็ สทิ ธฟิ อู งคดตี ่อศาลปกครอง

มาตรา 15 ใหน้ ายกรฐั มนตรรี ักษาการตามพระราชบญั ญัติน้ี

ผรู้ บั สนองพระบรมราชโองการ

บรรหาร ศิลปอาชา

นายกรฐั มนตรี

หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ การท่ีเจ้าหน้าที่ดาเนินกิจการต่าง ๆ ของ
หนว่ ยงานของรัฐนน้ั หาได้เปน็ ไปเพื่อประโยชน์อันเปน็ การเฉพาะตวั ไม่ การปล่อยให้ความรับผิดทางละเมิดของ
เจ้าหน้าท่ี ในกรณีที่ปฏิบัติงานในหน้าที่และเกิดความเสียหายแก่เอกชนเป็นไปตามหลักกฎหมายเอกชนตาม
ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์จงึ เป็นการไมเ่ หมาะสมก่อใหเ้ กิดความเข้าใจผิดว่า เจ้าหน้าท่ีจะต้องรับผิดใน
การกระทาตา่ ง ๆ เป็นการเฉพาะตัวเสมอไปเม่ือการท่ีทาไปทาให้หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอก
เพยี งใดก็จะมกี ารฟอู งไลเ่ บี้ยเอาจากเจ้าหน้าที่เต็มจานวนนั้น ท้ังที่บางกรณีเกิดขึ้นโดยความไม่ต้ังใจ หรือความ
ผิดพลาดเพียงเล็กนอ้ ยในการปฏิบตั ิหน้าที่ นอกจากน้ัน ยังมีการนาหลักเรื่องลูกหน้ีร่วมในระบบกฎหมายแพ่ง
มาใช้บังคับ ให้เจ้าหน้าท่ีต้องร่วมรับผิดในการกระทาของเจ้าหน้าท่ีผู้อื่นด้วย ซึ่งระบบน้ันมุ่งหมายแต่จะได้เงิน
ครบโดยไม่คานึงถึงความเป็นธรรมทจ่ี ะมีต่อแต่ละคน กรณีเปน็ การกอ่ ใหเ้ กิดความไม่เป็นธรรมแก่เจ้าหน้าท่ีและ
ยังเป็นการบั่นทอนกาลังขวัญในการทางานของเจ้าหน้าที่ด้วยจนบางครั้งกลายเป็นปัญหาในการบริหารเพราะ
เจ้าหน้าท่ีไม่กล้าตัดสินใจดาเนินงานเท่าที่ควร เพราะเกรงความรับผิดชอบท่ีจะเกิดแก่ตน อนึ่ง การให้คุณให้
โทษแก่เจ้าหน้าท่ีเพื่อควบคุมการทางานของเจ้าหน้าที่ยังมีวิธีการในการบริหารงานบุคคล และการดาเนินการ
ทางวินัยกากับดูแลอีกส่วนหนึ่ง อันเป็นหลักประกันมิให้เจ้าหน้าท่ีทาการใด ๆ โดยไม่รอบคอบอยู่แล้ว ดังน้ัน
จึงสมควรกาหนดให้เจ้าหน้าท่ีต้องรับผิดทางละเมิดในการปฏิบัติงานในหน้าที่เฉพาะเม่ือเป็นการจงใจกระทา
เพื่อการเฉพาะตัว หรือจงใจให้เกิดความเสียหายหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเท่านั้น และให้แบ่งแยก
ความรับผิดของแต่ละคนมิให้นาหลักลูกหนี้ร่วมมาใช้บังคับ ทั้งน้ี เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและเพิ่มพูน
ประสทิ ธิภาพในการปฏิบตั งิ านของรัฐ จึงจาเปน็ ต้องตราพระราชบญั ญตั นิ ้ี

67

ระเบียบสานักนายกรฐั มนตรี
วา่ ด้วยหลกั เกณฑก์ ารปฏบิ ัติเก่ียวกบั ความรบั ผดิ ทางละเมดิ ของเจา้ หน้าท่ี

พ.ศ. 2539

.

โดยท่ีได้มีการตราพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าท่ี พ.ศ. 2539 ข้ึน และกฎหมาย
ดังกล่าวมีหลักการเก่ียวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าท่ีซึ่งเปลี่ยนแปลงไปจากแนวทางปฏิบัติในเร่ือง
ความรบั ผิดทางแพง่ ทท่ี างราชการถอื ปฏิบัตใิ นปจั จบุ ัน โดยได้แยกความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ออกเป็น
เหตุที่เน่ืองมาจากการปฏิบัติหน้าที่และที่ไม่ใช่การปฏิบัติหน้าท่ี โดยเมื่อมีความเสียหายเนื่องมาจากการปฏิบัติ
หน้าท่ีน้ัน หน่วยงานของรัฐจะต้องรับภาระชดใช้ค่าเสียหายไปก่อน ส่วนเจ้าหน้าท่ีของรัฐจะรับผิดชดใช้
ค่าเสียหายต่อหน่วยงานของรัฐเพียงใดนั้น ให้ไปไล่เบ้ียต่อไปในภายหลัง โดยจะยึดหลักว่าจะเรียกเอาแก่
เจ้าหน้าที่ของรัฐเฉพาะกรณีความเสียหายน้ันเกิดข้ึนโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเท่าน้ัน
นอกจากน้ี ในกรณีทเี่ จ้าหน้าทข่ี องรัฐต้องรับผิดชดใช้คา่ เสียหายให้เจ้าหนา้ ท่ีของรฐั สามารถผอ่ นชาระค่าสินไหม
ทดแทนได้โดยคานึงถึงรายได้ ฐานะ ครอบครัวและความรับผิดชอบ และพฤติการณ์แห่งกรณีประกอบด้วย
สาหรบั ความเสียหายท่ีเกิดจากการที่ไม่ใชก่ ารปฏิบัติหน้าที่ เจ้าหน้าท่ีของรัฐจะต้องถูกฟูองและชดใช้ค่าสินไหม
ทดแทนเป็นการส่วนตัวโดยไม่เก่ียวกับทางราชการสมควรวางระเบียบกาหนดหลักเกณฑ์การปฏิบัติเก่ียวกับ
ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของ
เจา้ หน้าที่ พ.ศ. 2539 คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้วางระเบยี บไว้ ดังต่อไปน้ี

ข้อ 1 ระเบียบน้ีเรียกว่า “ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับ
ความรับผดิ ทางละเมดิ ของเจา้ หน้าที่ พ.ศ. 2539”

ข้อ 2 ระเบยี บนีใ้ ห้ใช้บังคบั ตัง้ แตว่ นั ถดั จากวันประกาศในราชกิจจานเุ บกษาเปน็ ตน้ ไป

ขอ้ 3 ให้ยกเลกิ

(1) ระเบียบความรับผิดชอบของข้าราชการในทางแพ่ง ซ่ึงออกตามมติคณะรัฐมนตรี
โดยหนงั สือสานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วน ที่ นว 155/2503 ลงวนั ที่ 1 ธนั วาคม 2503

(2) หนงั สอื กระทรวงการคลงั ที่ 13582,13583 (บคร)./2504 ลงวันที่ 24 เมษายน 2504

(3) หนังสอื กระทรวงการคลงั ที่ กค 0508/6466 ลงวนั ท่ี 11 มีนาคม 2509

(4) หนังสือกระทรวงการคลงั ท่ี กค 0508/10283 ลงวนั ที่ 5 เมษายน 2516

68

(5) หนงั สือกระทรวงการคลัง ท่ี กค 0508/ว.27274 ลงวนั ที่ 19 กรกฎาคม 2525
(6) หนังสอื กระทรวงการคลัง ท่ี กค 0514/21738 ลงวันท่ี 7 พฤษภาคม 2528
(7) หนังสือกรมบัญชกี ลาง ท่ี กค 0514/2302 ลงวันท่ี 16 เมษายน 2529
(8) หนงั สอื กระทรวงการคลัง ท่ี กค 0514/12461 ลงวนั ที่ 25 มนี าคม 2530
(9) หนงั สือกระทรวงการคลงั ท่ี กค 0514/52333 ลงวันที่ 29 ตลุ าคม 2530
(10) หนังสอื กรมบัญชีกลาง ที่ กค 0514/5975 ลงวนั ท่ี 11 พฤศจกิ ายน 2530
(11) หนงั สือกระทรวงการคลัง ท่ี กค 0514/23228 ลงวันท่ี 10 พฤษภาคม 2531
(12) หนังสือกระทรวงการคลงั ที่ กค 0514/63119 ลงวนั ท่ี 20 ธนั วาคม 2531
บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ หรือมติคณะรัฐมนตรีอ่ืนใดในส่วนท่ีกาหนดไว้แล้วในระเบียบนี้ หรือซ่ึงขัด
หรือแยง้ กับระเบยี บนี้ ใหใ้ ช้ระเบียบนแี้ ทน
ขอ้ 4 ในระเบียบน้ี
“เจ้าหน้าที่” หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานประเภทอื่น
ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งในฐานะเป็นกรรมการหรือฐานะอื่นใดบรรดาซึ่งได้รับแต่งต้ังหรือถูกสั่งให้ปฏิบัติงาน
ให้แกห่ นว่ ยงานของรัฐ
“คณะกรรมการ” หมายความวา่ คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมดิ
“ผูแ้ ตง่ ตั้ง” หมายความวา่ ผแู้ ต่งตั้งคณะกรรมการข้ึนเพ่ือปฏบิ ตั ิตามระเบยี บน้ี
“ความเสียหาย” หมายความว่า ความเสียหายท่ีเกิดจากการละเมิดอย่างใด ๆ แต่ไม่รวมถึง
การออกคาส่งั หรือกฎ
ข้อ 5 ให้นายกรฐั มนตรีรกั ษาการตามระเบียบน้ี

69

หมวด 1

กรณีเจา้ หนา้ ทีก่ ระทาละเมดิ ต่อหนว่ ยงานของรฐั

.

ข้อ 6 ในหมวดนี้

“หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม หรือ ส่วนราชการที่เรียกช่ืออย่างอ่ืนและ
มีฐานะเป็นกรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถ่ิน รัฐวิสาหกิจท่ีจัดต้ังขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระ
ราชกฤษฎกี าหรอื หน่วยงานอ่นื ของรฐั ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยความรับผิดทางละเมิดของเจา้ หนา้ ที่

ข้อ 7 เม่ือเกิดความเสียหายแก่หน่วยงานของรัฐ ให้เจ้าหน้าท่ีท่ีเก่ียวข้องแจ้งต่อผู้บังคับบัญชาโดย
ไมช่ ักช้า และใหม้ กี ารรายงานตามลาดบั ชั้นถงึ หัวหนา้ หนว่ ยงานของรฐั แห่งนัน้

ขอ้ 8 เมอ่ื เกิดความเสียหายแก่หน่วยงานของรัฐแห่งใด และหัวหน้าหน่วยงานของรัฐแห่งน้ันมีเหตุอัน
ควรเชื่อว่าเกิดจากการกระทาของเจ้าหน้าท่ีของหน่วยงานของรัฐแห่งน้ัน ให้หัวหน้าหน่วยงานของรัฐดังกล่าว
แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดขึ้นคณะหนึ่งโดยไม่ชักช้า เพ่ือพิจารณาเสนอ
ความเห็นเกีย่ วกับผตู้ ้องรับผดิ และจานวนคา่ สินไหมทดแทนทผ่ี นู้ ้ันตอ้ งชดใช้

คณะกรรมการตามวรรคหน่ึง ให้มีจานวนไม่เกินห้าคน โดยแต่งตั้งจากเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐ
แหง่ นั้นหรือหนว่ ยงานของรัฐอืน่ ตามทเ่ี หน็ สมควร

กระทรวงการคลังอาจประกาศกาหนดว่าในกรณีความเสียหายที่เกิดข้ึนมีมูลค่าความเสียหายตั้งแต่
จานวนเท่าใด จะให้มผี แู้ ทนของหนว่ ยงานของรฐั หนว่ ยงานใดเข้าร่วมเปน็ กรรมการด้วยก็ได้

ในการแต่งตั้งคณะกรรมการ ให้กาหนดเวลาแล้วเสรจ็ ของการพจิ ารณาของคณะกรรมการไว้ดว้ ย

ข้อ 9 ถ้าเจ้าหน้าท่ีของหน่วยงานของรัฐแห่งหน่ึงทาให้เกิดความเสียหายแก่หน่วยงานของรัฐอีกแห่ง
หนงึ่ ให้เจ้าหน้าท่ผี ทู้ าให้เกิดความเสยี หายแจ้งตอ่ ผู้บังคบั บัญชาและใหม้ ีการรายงานตามลาดับชั้นจนถึงหัวหน้า
หนว่ ยงานของรัฐท่ตี นสังกดั เวน้ แต่

(1) ถา้ เจา้ หน้าท่ผี ู้ทาใหเ้ กิดความเสยี หายเปน็ รัฐมนตรี ใหแ้ จง้ ตอ่ นายกรฐั มนตรี

(2) ถ้าเจ้าหน้าที่ผู้ทาให้เกิดความเสียหายเป็นกรรมการท่ีต้ังขึ้นเพ่ือปฏิบัติงานในหน่วยงาน
ของรฐั แหง่ ใด ให้แจง้ ต่อหัวหน้าหน่วยงานของรฐั แหง่ น้ัน

70

(3) ถ้าเจ้าหน้าท่ีผู้ทาให้เกิดความเสียหายเป็นผู้ซ่ึงไม่ได้สังกัดหน่วยงานของรัฐแห่งใด ให้แจ้ง
ต่อกระทรวงการคลัง

(4) ถ้าเจ้าหน้าท่ีผู้ทาให้เกิดความเสียหายเป็นผู้ซึ่งไม่มีผู้บังคับบัญชาและมิใช่ผู้ปฏิบัติงาน
ในราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจท่ีจัดต้ังขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกา หรือหน่วยงานอื่น
ของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าท่ี ให้แจ้งต่อผู้มีอานาจกากับดูแล ผู้แต่งต้ังตน
หรอื ผู้ซ่ึงสั่งใหต้ นปฏบิ ัติงานให้แกห่ นว่ ยงานของรัฐ

ข้อ 10 ในกรณีความเสียหายเกิดข้ึนตามข้อ 9 ให้หัวหน้าหน่วยงานของรัฐที่ได้รับความเสียหายและ
หัวหน้าหน่วยงานของรัฐท่ีเจ้าหน้าท่ีผู้น้ันสังกัดหรือผู้ซ่ึงระเบียบน้ีกาหนดให้เป็นผู้รับแจ้งตามข้อ 9 (1) (2) (3)
หรือ (4) แล้วแตก่ รณี มีอานาจร่วมกนั แตง่ ต้งั คณะกรรมการ

ข้อ 11 ในกรณีท่ีเกิดความเสียหายแก่หน่วยงานของรัฐมากกว่าหนึ่งแห่ง และหรือความเสียหายเกิด
จากผลการกระทาของเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน ให้ผู้มีอานาจแต่งตั้งคณะกรรมการตามข้อ 8 หรือข้อ 10
บรรดาทเี่ ก่ียวข้อง แลว้ แตก่ รณี ร่วมกันแตง่ ตงั้ คณะกรรมการ

ข้อ 12 ถ้าผู้มีอานาจแต่งตั้งคณะกรรมการตามข้อ 8 ข้อ 10 หรือข้อ 11 ไม่ดาเนินการแต่งตั้ง
คณะกรรมการภายในเวลาอันควรหรือแต่งตั้งกรรมการโดยไม่เหมาะสม ให้ปลัดกระทรวง ปลัดทบวง หรือ
รัฐมนตรีซ่ึงเป็นผู้บังคับบัญชาหรือกากับดูแลหรือควบคุมการปฏิบัติงานของบุคคลดังกล่าวมีอานาจแต่งตั้ง
คณะกรรมการหรอื เปลี่ยนแปลงกรรมการแทนผ้มู ีอานาจแต่งตัง้ นน้ั ไดต้ ามท่เี ห็นสมควร

ขอ้ 13 ในการประชุมคณะกรรมการตอ้ งมกี รรมการมาประชมุ ไมน่ อ้ ยกวา่ ก่ึงหนึ่งของกรรมการทั้งหมด
จึงจะเป็นองค์ประชุม ถ้าประธานกรรมการไม่อยู่ในที่ประชุมหรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าท่ีได้ ให้กรรมการ
ท่มี าประชุมเลอื กกรรมการคนใดคนหน่ึงขน้ึ ทาหน้าทีแ่ ทน

มติทีป่ ระชมุ ใหถ้ ือเสียงข้างมาก กรรมการทีไ่ ม่เห็นด้วยกบั มติท่ีประชมุ อาจทาความเห็นแย้งมติที่ประชุม
รวมไว้ในความเห็นของคณะกรรมการได้

ข้อ 14 ในการปฏิบัติหน้าท่ี ให้คณะกรรมการมีอานาจหน้าท่ีพิจารณาข้อเท็จจริงอันเกี่ยวกับการ
กระทาละเมิด โดยตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานท้ังปวงที่เก่ียวข้อง รับฟังพยานบุคคล หรือ
พยานผูเ้ ชีย่ วชาญ และตรวจสอบเอกสาร วตั ถุ หรือสถานท่ี

กระทรวงการคลงั อาจกาหนดแนวทางการสอบข้อเท็จจริง การทาบันทึก และการรายงานผล เพ่ือเป็น
แนวทางปฏิบตั ิเป็นการทัว่ ไปได้

71

ข้อ 15 คณะกรรมการต้องให้โอกาสแก่เจ้าหน้าท่ีที่เกี่ยวข้องหรือผู้เสียหายได้ชี้แจงข้อเท็จจริงและ
โตแ้ ยง้ แสดงพยานหลกั ฐานของตนอยา่ งเพยี งพอและเป็นธรรม

ข้อ 16 เม่ือคณะกรรมการพิจารณาเสร็จแล้ว ให้เสนอความเห็นไปยังผู้แต่งต้ัง ถ้าผู้แต่งตั้งขอให้
ทบทวนหรือสอบสวนเพ่ิมเตมิ ให้คณะกรรมการรีบดาเนนิ การให้เสร็จสน้ิ ภายในเวลาที่ผแู้ ตง่ ตัง้ กาหนด

ความเห็นของคณะกรรมการต้องมีข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่แจ้งชัดและต้องมีพยานหลักฐาน
ทีส่ นับสนุนประกอบดว้ ย

ความเห็นของคณะกรรมการไม่ผกู มดั ผ้แู ตง่ ต้ังหรือรัฐท่จี ะมีความเห็นเปน็ อยา่ งอื่น

ข้อ 17 เม่ือผู้แต่งตั้งได้รับผลการพิจารณาของคณะกรรมการแล้วให้วินิจฉัยส่ังการว่ามีผู้รับผิดชดใช้
คา่ สนิ ไหมทดแทนหรือไม่ และเปน็ จานวนเท่าใดแตย่ งั มิต้องแจง้ การสั่งการให้ผทู้ ่ีเก่ยี วข้องทราบ

ให้ผู้แต่งต้ังส่งสานวนภายในเจ็ดวันนับแต่วันวินิจฉัยส่ังการให้กระทรวงการคลังเพ่ือตรวจสอบ เว้นแต่
เปน็ เร่อื งที่กระทรวงการคลังประกาศกาหนดวา่ ไม่ต้องรายงานใหก้ ระทรวงการคลังตรวจสอบ

ให้กระทรวงการคลังพิจารณาโดยไม่ชักช้า และให้มีอานาจตรวจสอบพยานหลักฐานท่ีเกี่ยวข้อง
ในกรณีทเ่ี หน็ สมควรจะใหบ้ ุคคลใดส่งพยานหลกั ฐานหรอื มาให้ถ้อยคาเพ่ือประกอบการพิจารณาเพ่มิ เติมอกี ก็ได้

ในระหว่างการพจิ ารณาของกระทรวงการคลงั ใหผ้ ู้แตง่ ตง้ั ส่ังการให้ตระเตรียมเรื่องให้พร้อมสาหรับการ
ออกคาสั่งให้เจ้าหน้าที่ชาระค่าสินไหมทดแทนหรือดาเนินการฟูองคดีเพื่อมิให้ขาดอายุความสองปีนับจากวันที่
ผ้แู ต่งตัง้ วนิ ิจฉัยสง่ั การ

ใ ห้ ก ร ะ ท ร ว ง ก า ร ค ลั ง พิ จ า ร ณ า ใ ห้ แ ล้ ว เ ส ร็ จ ก่ อ น อ า ยุ ค ว า ม ส อ ง ปี สิ้ น สุ ด ไ ม่ น้ อ ย ก ว่ า ห ก เ ดื อ น
ถ้ากระทรวงการคลังไม่แจ้งผลการตรวจสอบให้ทราบภายในกาหนดเวลาดังกล่าว ให้ผู้แต่งต้ังมีคาส่ังตามที่
เห็นสมควรและแจ้งให้ผู้ท่ีเกี่ยวข้องทราบ เว้นแต่ในกรณีหน่วยงานของรัฐนั้นเป็นราชการส่วนท้องถ่ิน
รฐั วสิ าหกจิ ที่จดั ตงั้ ขึ้นโดยพระราชบญั ญัติหรือพระราชกฤษฎีกา หรือหน่วยงานอื่นของรัฐตามกฎหมายว่าด้วย
ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ ให้กระทรวงการคลังพิจารณาให้แล้วเสร็จก่อนอายุความสองปีสิ้นสุด
ไมน่ อ้ ยกวา่ หน่ึงปี ถ้ากระทรวงการคลังไมแ่ จ้งผลการตรวจสอบให้ทราบภายในกาหนดเวลาดังกล่าว ให้ผู้แต่งต้ัง
มีคาสง่ั ตามท่เี หน็ สมควรและแจง้ ใหผ้ ้ทู ่ีเก่ียวข้องทราบ

ข้อ 18 เมื่อกระทรวงการคลังพิจารณาเสร็จแล้ว ให้ผู้แต่งต้ังมีคาส่ังตามความเห็นของ
กระทรวงการคลัง และแจ้งคาส่ังนั้นให้ผู้ที่เก่ียวข้องทราบ แต่ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐที่เสียหายเป็นราชการ

72

ส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ ที่จัดต้ังขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกา หรือหน่วยงานอื่นของรัฐตาม
กฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าท่ี ให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้กากับดูแลหรือควบคุมหน่วยงาน
ของรัฐแห่งนน้ั วินิจฉยั สัง่ การให้หน่วยงานของรฐั ดังกล่าวปฏบิ ัติตามท่เี ห็นว่าถูกต้อง

ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐที่เสียหายตามวรรคหน่ึงส่ังการตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ให้ผู้
แต่งตั้งดาเนินการเพื่อออกคาสั่งให้ชาระค่าสินไหมทดแทน หรือฟูองคดีต่อศาลอย่าให้ขาดอายุความหนึ่งปีนับ
แตว่ ันท่ีผแู้ ตง่ ต้ังแจ้งคาสง่ั ใหผ้ ้รู บั ผิดชดใชค้ ่าสินไหมทดแทนทราบ

ข้อ 19 การแจ้งคาสัง่ ใหผ้ ู้ทเี่ ก่ียวขอ้ งทราบตามข้อ 17 และข้อ 18 ให้แจ้งด้วยวา่ ผู้นัน้ มีสิทธิร้องทุกข์ต่อ
คณะกรรมการวินจิ ฉัยรอ้ งทุกขแ์ ละฟอู งคดีต่อศาลได้พร้อมกับแจ้งกาหนดอายุความร้องทุกข์และอายุความฟูอง
คดีต่อศาลให้ทราบด้วย

ข้อ 20 ในกรณีร่วมกันแต่งตั้งคณะกรรมการตามข้อ 10 หรือข้อ 11 ให้ผู้แต่งตั้งร่วมร่วมกันวินิจฉัยสั่ง
การ และเสนอความเห็นทง้ั หมด ไม่ว่าจะเห็นตรงกันหรือไม่ ไปยังกระทรวงการคลัง และเมื่อได้ดาเนินการตาม
ข้อ 17 และขอ้ 18 แลว้ ถา้ ผลในชัน้ ที่สุดผ้แู ต่งตัง้ ร่วมยงั มคี วามเห็นตามขอ้ 18 แตกต่างกันจนหาข้อยุติไม่ได้ก็ให้
เสนอเรอื่ งใหค้ ณะรัฐมนตรวี นิ จิ ฉัยชขี้ าด

ข้อ 21 ในการพิจารณาของกระทรวงการคลัง ให้มี คณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง
เปน็ ผพู้ จิ ารณาให้ความเห็นต่อกระทรวงการคลงั

ให้คณะกรรมการตามวรรคหน่ึงประกอบด้วยอธิบดีกรมบัญชีกลางเป็นประธานกรรมการ ผู้แทน
สานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ผู้แทนสานักงานอัยการสูงสุด ผู้แทนสานักงานตรวจเงินแผ่นดิน และผู้แทน
กระทรวงการคลังตามจานวนที่จาเปน็ ซ่ึงปลดั กระทรวงการคลงั แตง่ ตั้ง เป็นกรรมการ

คณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่งอาจแต่งต้ังคณะอนุกรรมการเพื่อปฏิบัติ หน้าท่ี
ตามทม่ี อบหมายได้

ในการประชุมของคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่งให้นาความในข้อ 13 มาใช้บังคับโดย
อนุโลม

ข้อ 22 ในกรณีทีค่ วามเสียหายเกดิ แกเ่ งนิ ใหใ้ ชเ้ ปน็ เงนิ แตเ่ พียงอย่างเดยี ว

ข้อ 23 ในกรณที ี่ความเสยี หายมิได้เกิดแกเ่ งนิ จะดาเนนิ การดังต่อไปนแ้ี ทนการชาระเงนิ ก็ได้

73

(1) ชดใช้เป็นทรัพย์สินอย่างเดียวกัน โดยมีสภาพ คุณภาพ ปริมาณ และลักษณะเดียวกันกับ
ทรัพย์สินท่ีสูญหายหรือเสียหายและใช้งานแทนได้เช่นเดียวกับทรัพย์สินท่ีสูญหายหรือเสียหาย โดยทาสัญญา
ยินยอมชดใชค้ า่ สนิ ไหมทดแทนเป็นทรพั ย์สนิ ดังกล่าว

(2) ซ่อมแซมหรือบูรณะทรัพย์สินที่ชารุดเสียหายให้คงสภาพเดิม โดยทาสัญญาว่าจะจัดการ
ใหท้ รัพยส์ ินคงสภาพเหมอื นเดิมภายในเวลาไมเ่ กนิ หกเดือน

(3) การชดใช้เป็นทรัพย์สินหรือการซ่อมแซมหรือบูรณะทรัพย์สินที่แตกต่างไปจาก (1) หรือ
(2) ตอ้ งได้รบั ความเห็นชอบจากกระทรวงการคลังก่อน

การชดใช้ค่าเสียหายเป็นทรัพย์สินหรือการซ่อมแซมหรือบูรณะทรัพย์สินตามวรรคหนึ่ง ให้มี
การตรวจรับตามระเบยี บวา่ ดว้ ยการพสั ดขุ องทางราชการหรอื ของหน่วยงานของรัฐน้นั ๆ

การทาสัญญาตามวรรคหน่ึงต้องจัดใหม้ ผี ูค้ ้าประกัน และในกรณที เ่ี ห็นสมควรจะให้วางหลักประกันด้วย
ก็ได้

ข้อ 24 ในกรณีท่ีเจ้าหน้าท่ีผู้รับผิดตาย ให้รีบดาเนินการตามระเบียบน้ีโดยอนุโลม เพ่ือให้ได้ข้อยุติ
โดยเร็วและระมัดระวังอยา่ ใหข้ าดอายุความมรดก ในกรณีที่ผู้แต่งต้ังเห็นว่าเจ้าหน้าท่ีต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหม
ทดแทนแก่หน่วยงานของรัฐ ให้ส่งเร่ืองให้พนักงานอัยการเพ่ือฟูองผู้จัดการมรดกหรือทายาทต่อไป ในกรณีของ
ผู้แต่งตง้ั รว่ มถา้ มคี วามเห็นแตกต่างกันให้ดาเนินการไปพลางก่อนตามความเห็นของผู้แต่งตั้ง สาหรับหน่วยงาน
ของรัฐท่ีเสยี หาย และถ้าต่อมามขี ้อยุติเป็นประการใดให้แก้ไขเปลีย่ นแปลงการดาเนินการไปตามนัน้

ข้อ 25 ในกรณีที่เจ้าหน้าท่ีต้องรับผิดและขอผ่อนชาระค่าสินไหมทดแทนไม่ว่าจะเกิดข้ึนในขั้นตอนใด
ให้หน่วยงานของรัฐที่เสียหายกาหนดจานวนเงินที่ขอผ่อนชาระน้ันตามความเหมาะสม โดยคานึงถึงรายได้
ค่าใช้จ่ายในการดารงชีพตามฐานานุรูปของเจ้าหน้าท่ี ความรับผิดชอบที่บุคคลน้ันมีอยู่ตามกฎหมายหรือ
ศีลธรรมอนั ดี และพฤตกิ ารณแ์ ห่งกรณีประกอบดว้ ย

ในการใหผ้ อ่ นชาระ ตอ้ งจัดให้มีผคู้ ้าประกัน และในกรณีทีเ่ หน็ สมควรจะใหว้ างหลักประกันดว้ ย

กไ็ ด้

ข้อ 26 กระทรวงการคลังอาจประกาศกาหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการค้าประกัน การวางหลักประกัน
หนงั สอื ผอ่ นชาระ และสัญญาคา้ ประกนั กไ็ ด้

74

ข้อ 27 ในกรณีท่ีเจ้าหน้าท่ีต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน แม้ปรากฏว่าเจ้าหน้าท่ีไม่สามารถชาระหน้ีได้
ให้หน่วยงานของรัฐที่เสียหายพิจารณาผ่อนผันตามความเหมาะสมตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกาหนด
และต้องไม่ดาเนินคดีล้มละลายแก่ผู้นั้น แต่ถ้าการท่ีไม่สามารถชาระหน้ีได้น้ันเกิดจากการประพฤติชั่วอย่าง
รา้ ยแรงของเจ้าหนา้ ทหี่ รือเจา้ หน้าทกี่ ระทาการใด ๆ อันเป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงเพื่อให้หน่วยงานของ
รัฐไมไ่ ดร้ บั ชาระหนี้ครบถ้วน ให้หนว่ ยงานของรัฐท่ีเสียหายสง่ เรอ่ื งใหพ้ นกั งานอัยการดาเนนิ คดลี ้มละลาย

ข้อ 28 การประนีประนอมยอมความไม่ว่าจะเกิดข้ึนในข้ันตอนใดต้องได้รับความเห็นชอบจาก
กระทรวงการคลังกอ่ น เวน้ แตก่ ระทรวงการคลงั จะประกาศกาหนดเป็นอยา่ งอ่นื

ข้อ 29 ในกรณีตามข้อ 26 ข้อ 27 หรือข้อ 28 ถ้าเก่ียวกับหน่วยงานของรัฐท่ีเป็นราชการส่วนท้องถิ่น
รัฐวิสาหกิจท่ีจัดตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกา หรือหน่วยงานอ่ืนของรัฐตามกฎหมายว่าด้วย
ความรับผดิ ทางละเมดิ ของเจ้าหน้าที่ การดาเนนิ การใหเ้ ป็นไปตามระเบยี บสาหรบั หน่วยงานของรฐั แห่งนัน้

หมวด 2

กรณเี จ้าหน้าท่ีของรฐั กระทาละเมดิ ต่อบคุ คลภายนอก

.

ขอ้ 30 ในหมวดน้ี

“หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการท่ีเรียกช่ืออย่างอ่ืนและ
มฐี านะเปน็ กรม และราชการสว่ นภมู ภิ าคแต่ไม่รวมถึงราชการสว่ นทอ้ งถนิ่ รัฐวิสาหกิจ หรอื หนว่ ยงานอ่นื ของรัฐ

ข้อ 31 ในกรณีที่เจ้าหน้าท่ีทาให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลภายนอกถ้าเจ้าหน้าที่ผู้นั้นเห็นว่าความ
เสียหายเกิดข้ึนเน่ืองในการท่ีตนได้กระทาในการปฏิบัติหน้าท่ี ให้เจ้าหน้าท่ีผู้นั้นแจ้งต่อผู้บังคับบัญชาโดย
ไม่ชักช้า และให้มีการรายงานตามลาดับชั้นถึงหัวหน้าหน่วยงานของรัฐแห่งน้ัน แต่ในกรณีที่เจ้าหน้าท่ี
เป็นรัฐมนตรีหรือกรรมการท่ีต้ังข้ึนเพื่อปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐหรือผู้ซึ่งไม่สังกัดหน่วยงานของรัฐแห่งใด
หรอื ผูซ้ งึ่ ไมม่ ีผู้บังคับบัญชา ให้ดาเนินการตามข้อ 9 (1) (2) (3) หรือ (4) และให้นาข้อ 8 ถึงข้อ 20 มาใช้บังคับ
โดยอนุโลม

ข้อ 32 ในกรณีที่ผู้เสียหายยื่นคาขอให้หน่วยงานของรัฐชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ให้หน่วยงานของรัฐ
ทเ่ี จา้ หน้าที่ผู้นั้นสังกัด หรือกระทรวงการคลัง ในกรณีท่ีเจ้าหน้าท่ีมิได้สังกัดหน่วยงานใด หรือหน่วยงานของรัฐ

75

แห่งใดแห่งหน่ึง ในกรณีท่ีความเสียหายเกิดจากผลการกระทาของเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน รับคาขอนั้นและ
ดาเนนิ การตามระเบียบนี้โดยไม่ชกั ชา้

ในกรณีท่ีผู้เสียหายย่ืนคาขอผิดหน่วยงาน ให้หน่วยงานผู้รับคาขอรีบส่งเร่ืองไปยังหน่วยงานของรัฐ
ท่ีเห็นว่าเป็นหน่วยงานของรัฐท่ีจะต้องรับผิดชอบพิจารณาต่อไปและให้แจ้งให้ผู้ยื่นคาขอทราบ กรณีดังกล่าวน้ี
ให้ถือว่าหน่วยงานของรัฐไดร้ ับคาขอใหช้ ดใช้ค่าสนิ ไหมทดแทนนบั แต่วนั ที่ได้รบั คาขอทีส่ ่งมานัน้

ข้อ 33 เมื่อได้รับคาขอตามข้อ 32 และหน่วยงานของรัฐที่ได้รับคาขอไว้เห็นว่าเป็นเรื่องท่ีเก่ียวกับตน
ใหแ้ ตง่ ตงั้ คณะกรรมการเพ่ือดาเนินการต่อไปโดยไมช่ กั ช้า

ข้อ 34 ในกรณที ีต่ ้องชดใชค้ า่ สินไหมทดแทนใหแ้ กผ่ ยู้ นื่ คาขอให้หนว่ ยงานของรัฐท่ีต้องชดใช้ค่าสินไหม
ทดแทนปฏิบัตติ ามที่กระทรวงการคลงั กาหนด

ให้คิดดอกเบี้ยตามอัตราดอกเบ้ียผิดนัดนับแต่วันกระทาละเมิดในจานวนเงินที่ต้องชดใช้ค่าสินไหม
ทดแทนใหแ้ ก่ผยู้ น่ื คาขอจนถึงวันชาระคา่ สินไหมทดแทน

ข้อ 35 ในกรณีที่ผู้เสียหายฟูองคดีต่อศาล ให้ผู้มีอานาจแต่งตั้งต้ังคณะกรรมการโดยไม่ชักช้า เว้นแต่
จะได้มีการต้ังคณะกรรมการดังกล่าวไว้แล้ว และให้ประสานงานกับสานักงานอัยการสูงสุดเพ่ือเตรียมการต่อสู้
คดตี ่อไป พรอ้ มทั้งรายงานให้กระทรวงการคลงั ทราบและปฏบิ ตั ติ ามท่ีได้รับคาแนะนาจากกระทรวงการคลงั

ข้อ 36 ถ้าผู้แต่งต้ังเห็นว่าความเสียหายเกิดจากเจ้าหน้าที่มิได้กระทาในการปฏิบัติหน้าที่ หรือเม่ือได้
ฟังความเห็นของคณะกรรมการ หรือได้รับทราบผลการพิจารณาของกระทรวงการคลังแล้ว เห็นว่าความ
เสยี หายเกิดจากเจา้ หนา้ ท่ีมไิ ด้กระทาในการปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ี ให้เรยี กเจ้าหน้าท่ผี ู้นน้ั เขา้ มาเปน็ คคู่ วามในคดดี ว้ ย

ข้อ 37 ถ้าผลการพิจารณาของผู้แต่งต้ังยุติเป็นท่ีสุดว่า ความเสียหายเกิดจากเจ้าหน้าที่ได้กระทา
ในการปฏิบัติหน้าที่ จะต้องไม่มีการเรียกเจ้าหน้าท่ีเข้ามาเป็นคู่ความในคดี แต่ถ้าผู้เสียหายได้ฟูองเจ้าหน้าที่
ต่อศาลก่อนแล้วหรือมีการเรียกเจ้าหน้าท่ีเข้ามาเป็นคู่ความในคดีก่อนแล้ว ให้ผู้แต่งตั้งแจ้งผลการพิจารณา
ให้พนกั งานอัยการเพื่อแถลงต่อศาล เพ่ือให้เจ้าหน้าที่มีโอกาสพ้นจากการเป็นคู่ความในคดี และขอให้พนักงาน
อัยการชว่ ยเหลือทางคดีแกเ่ จา้ หนา้ ท่ีในระหว่างนั้นด้วย

ขอ้ 38 ในกรณีหน่วยงานของรัฐต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกในความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติ
หน้าท่ีของเจ้าหน้าท่ีนั้น ความรับผิดของเจ้าหน้าท่ีจะมีหรือไม่ และเพียงใด เป็นกรณีท่ีหน่วยงานของรัฐ
จะพจิ ารณาไลเ่ บ้ยี เอาจากเจา้ หน้าทีใ่ นภายหลัง ซงึ่ คณะกรรมการ ผู้แต่งต้ัง และกระทรวงการคลัง แล้วแต่กรณี

76

ต้องพิจารณาด้วยว่าจะมีการไล่เบี้ยหรือไม่ หรือจะไล่เบ้ียให้ชดใช้เพียงใด และให้นาข้อ 22 ถึงข้อ 29 มาใช้
บังคบั กบั การชดใชค้ ่าสนิ ไหมทดแทนทหี่ น่วยงานของรฐั ได้ใช้ให้แกผ่ ้เู สียหาย โดยอนุโลม

ประกาศ ณ วันที่ 15 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2539
บรรหาร ศลิ ปอาชา
นายกรฐั มนตรี

77


Click to View FlipBook Version