วัดช่องนนทรี
พระอุโบสถเก่าและจิตรกรรมฝาผนัง
สถานที่ตั้งและการเดินทาง
โรงเรียน
วัดช่องนนทรี
QR – Code
Google Map
วัดช่องนนทรี แขวง ช่องนนทรี เขต ยานนาวา กรุงเทพมหานคร 10120
ค ำน ำ
วัดช่องนนทรีเป็นสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่แห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ภายในพระอุโบสถเก่ามี
ศิลปกรรมและจิตรกรรมฝาผนังที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นวัดราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย อยู่ติดริมแม่น ้า
เจ้าพระยาทางฝั่งตะวันออก ตรงข้ามกับบริเวณ ฝั่งบางกะเจ้า ก่อตั งวัดเมื่อ พ.ศ. 2119 ได้รับพระราชทาน
.
.
วิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ 2528 กรมศิลปากรขึ นทะเบียนให้เป็นโบราณสถานส้าคัญของชาติ เมื่อปี พ.ศ 2520
พระอุโบสถของวัดเปิดให้เข้าชมในวันมาฆบูชา วันวิสาขบูชาและวันอาสาฬหบูชา
ทางผู้วิจัยได้เลือกวัดแห่งนี ในการจัดท้าสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อให้นักเรียน นักศึกษา พุทธศาสนิกชน
ประชาชนทั่วไปและผู้ที่สนใจทราบถึงประวัติความเป็นมาและรูปแบบสถาปัตยกรรมทราบถึงรายละเอียดที่ปรากฏอยู่
ในงานจิตรกรรมฝาผนัง และทราบถึงคุณค่าทางสถาปัตยกรรมและงานจิตรกรรมภายในวัดช่องนนทรี เพื่อสร้าง
ความตระหนักด้านการอนุรักษ์สืบไป
ผู้จัดท้า
นางสาวจิราภรณ์ กองแสน
สารบัญ
ประวัติความเป็นมา 1
รูปแบบสถาปัตยกรรม 3
โครงสร้างของสถาปัตยกรรม 5
• หลังคา 7
• เสา 8
• ผังบริเวณ 9
• ผังพื้น 10
• ภาพด้าน 11
สารบัญ
ความเป็นมาของจิตรกรรม 15
ภาพเขียนภายในพระอุโบสถ 17
เรื่องราวของภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถเก่า (ในปัจจุบันที่สามารถมองเห็นได้) 19
• เตมีย์ชาดก 21
• มหาชนกชาดก 23
• สุวรรณสามชาดก 25
• มโหสถชาดก 27
• พรหมนารทชาดก 29
• วิทูรชาดก 31
• เวสสันดรชาดก 33
เทคนิคการเขียนจิตรกรรมฝาผนัง 35
วัดช่องนนทรี
พระอุโบสถเก่าและจิตรกรรมฝาผนัง
ประวัติความเป็นมา
วัดช่องนนทรี เป็นวัดรำษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ำยมหำนิกำย อยู่ติดริมแม่น ำเจ้ำพระยำทำงฝั่ง
ตะวันออก ตรงข้ำมกับบริเวณฝั่งบำงกะเจ้ำ ก่อตั งวัดเมื่อ พ.ศ. 2119 ได้รับพระรำชทำนวิสุงคำมสีมำ
เมื่อ พ.ศ. 2528 กรมศิลปำกรได้ขึ นทะเบียนให้เป็นโบรำณสถำนส ำคัญของชำติ เมื่อปี พ.ศ. 2520 พระ
อุโบสถหลังเก่ำนี เปิดให้เข้ำชมในวันมำฆบูชำ วันวิสำขบูชำและวันอำสำฬหบูชำ
พระอุโบสถฐำนเป็นโบสถ์แอ่นท้องส ำเภำ มีขนำด 5 ห้อง 2 มุข คล้ำยโบสถ์มหำอุด ด้ำนหน้ำ
พระอุโบสถท ำเป็นมุขเด็จ มีเสำหำรรองรับเครื่องบนหลังคำสี่ต้น หน้ำบันท ำเป็นฝำปะกนไม่สลักลวดลำย
หลังคำเป็นลอนมุงกระเบื องแล้วฉำบปูนติดเชิงชำย
2
รูปแบบสถาปัตยกรรม
พระอุโบสถวัดช่องนนทรี หันหน้ำไปทำงทิศตะวันออก
ตำมคติโบรำณ ฐำนโบสถ์มีลักษณะเป็นฐำนแอ่นท้องส ำเภำ
ด้ำนหน้ำและด้ำนหลังโบสถ์ มีประตูด้ำนละหนึ่งบำน เจำะเป็น
ช่องโค้งแหลม ผนังโบสถ์ก่ออิฐสอปูนหนำประมำณ 1
เซนติเมตร
5
รูปแบบสถาปัตยกรรม
กำรเรียงอิฐใช้ระบบอยุธยำตอนปลำยคือ สั น-ยำว
สลับกันในแถวเดียวกัน ด้ำนข้ำงโบสถ์แบ่งส่วนเป็น 5 ช่วง คั่น
แต่ละช่วงด้วยเสำติดผนังหรือเสำหลอก 6 เสำ เจำะหน้ำต่ำงโค้ง
แหลมขนำดเล็ก ตรงช่องที่ 2 และช่องที่ 4 เว้นช่องที่1,3 และ 5
ช่องโค้งแหลมนี เป็นลักษณะที่เห็นภำยนอกแต่ภำยในมีลักษณะที่
โค้งมน
4 1
โครงสร้างของสถาปัตยกรรม
ฐำนโบสถเป็นโบสถ์แอ่นท้องส ำเภำ ขนำด 5 ห้อง 2 มุข คล้ำยโบสถ์มหำอุด
มีช่องประตูหน้ำต่ำงเป็นรูปโค้งคล้ำยกลีบบัว คือสอบแหลมที่ปลำยบน บำนหน้ำต่ำง
ประกบกันเป็นรูปโค้งกลีบบัว
โดยด้ำนหน้ำพระอุโบสถท ำเป็นมุขเด็จ มีเสำหำรรองรับเครื่องบนหลังคำสี่ต้น
หน้ำบันท ำเป็นฝำปะกนไม่สลักลวดลำย หลังคำเป็นกระเบื องลอนดินเผำติดเชิงชำย
ด้ำนหน้ำโบสถ์มีเจดีย์และใบเสมำเรียงรำยกันอยู่ ภำยในประดิษฐำนพระพุทธรูปปูน
ปั้นปำงมำรวิชัย และหมู่พระพุทธรูป 4 องค์ ฐำนองค์พระมีลำยปูนปั้นขำสิงห์เป็นรูป
ครุฑ
ภาพจ้าลอง 3 มิติ
5 สแกนหรือกดที่คิวอาร์โคด
หลังคำ
โครงสร้างเป็นไม้ หลังคามุงกระเบื องดินเผา วัดช่องนนทรี หน้ำต่ำง
ประตู
มีการใช้กระเบื องเชิงชายท้าขึ นเพื่ออุดทับหรือ ลักษณะโค้งแหลม ประตูมี ลักษณะโค้งแหลม มีด้านละ
ปิดช่องโพรงไม่ให้นกท้ารัง ทางเข้า-ออก 2 ทาง คือ ทิศ 2 บาน อยู่ช่วงเสาที่ 2 และ 4 ทั ง
พระอุโบสถเก่าและจิตรกรรมฝาผนัง สองด้าน
ตะวันออกและทิศตะวันตก
หน้ำบัน
เป็นลักษณะตีขัดลายฝาประกนช่วยในเรื่อง- เครื่องล ำยอง
ระบายความชื น ระบายอากาศภายใน
เครื่องล้ายองนี ท้าจากไม้ โดยมีองค์ประกอบ
เป็นช่อฟ้า อกไก่ ใบระกา ตัวนาคสะดุ้ง แปวง
รูปทรงพระอุโบสถ ปั้นลม บังนก เท้าแขน(คันทวย)
รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดพระอุโบสถ
กว้าง 7.8 X 14.7 เมตร ขนาดพระอุโบสถ กว้าง
10 X 19.3 เมตร (รวมฐาน)
ฐำนพระอุโบสถ
ฐานโบสถเป็นลักษณะฐานแอ่นท้องส้าเภา
แอ่นโค้งรอบตัวประอุโบสถ 6
พื น
พื นภายนอกใช้เป็นกระเบื องหินอ่อน
หลังคา
หลังคำใช้วัสดุเป็นกระเบื องลอนดินเผำและ
ประดับด้วยกระเบื องเชิงชำยคำ ลักษณะนี พบใน
สถำปัตยกรรมสมัยพระนำรำยณ์ นอกจำกนี มีหลังคำปีกนก
ลำดลงมำทั งสี่ด้ำน ปัจจุบันหลังคำปีกนกเป็นสังกะสีและทัน
ทวยหำยไป มีเหล็กท้ำวแขนรับน ำหนักหลังคำปีกนกแทนและ
มีกระเบื องเชิงชำยคำเป็นรูปเทพนม
7
เสา
เสำและบัวหัวเสำของเสำในสมัยอยุธยำตอนปลำยเป็นกำรย่อ
มุมของเสำด้วยกำรย่อมุมไม้แปด หรือย่อมุมไม้สิบสอง เพื่อให้รูปตัดของ
เสำใกล้กับเสำกลม เพื่อให้ใกล้เคียงกับบัวหัวเสำกลม นอกจำกนี ยังได้
ควำมนุ่มนวลที่เกิดจำกแสงและเงำ ส ำหรับเสำสี่เหลี่ยมและบัวหัวเสำก็
สี่เหลี่ยม
ส่วนเสำหลอกมักจะเป็นเสำเหลี่ยมตำมเสำลอยที่เป็นเสำหำร
ด้วย เนื่องจำกเสำอิงยื่นจำกผนังเพียงเล็กน้อย ท ำให้มุมของเสำอิงไม่
สำมำรถย่อมุมได้
8
ผังบริเวณ
9
ผังพื้น
0.60
0.60
10.00 7.80
0.70
0.70
19.35
10
หมายเหตุ : หน่วยเป็นเมตร
ภาพด้าน
+ 12.55 แสดงระดับช่อฟ้า
+ 10.40 แสดงระดับอกไก่
+ 7.65 แสดงระดับเพดาน
+ 5.95 แสดงระดับหัวนาค
+ 4.90 แสดงระดับคานหลังคา
+ 0.35 แสดงระดับพื น
+ 0.00 แสดงระดับพื นดิน
0.70
0.60 0.70
1.00 0.70 2.00 3.85 0.95 4.20 0.95 3.85 1.00
7.80
10.00 19.35
ด้านหน้าพระอุโบสถ ด้านข้างพระอุโบสถ
(ทิศตะวันออก) (ทิศเหนือ)
11
หมายเหตุ : หน่วยเป็นเมตร
ภาพด้าน
+ 12.55 แสดงระดับช่อฟ้า
+ 10.40 แสดงระดับอกไก่
+ 7.65 แสดงระดับเพดาน
+ 5.95 แสดงระดับหัวนาค
+ 4.90 แสดงระดับคานหลังคา
+ 0.35 แสดงระดับพื น
+ 0.00 แสดงระดับพื นดิน
1.50
1.00 3.85 0.95 4.20 0.95 3.85 2.00 0.70 1.00
7.80
10.00 19.35
ด้ำนหลังพระอุโบสถ ด้ำนข้ำงพระอุโบสถ
(ทิศตะวันตก) (ทิศใต้)
12
หมายเหตุ : หน่วยเป็นเมตร
113
ที่มาของภาพ : กองโบราณกรมศิลปากร เทเวศน์
1 14
ที่มาของภาพ : กองโบราณกรมศิลปากร เทเวศน์
จิตรกรรมฝาผนังความเป็นมาของจิตรกรรม
จิตรกรรมฝำผนังภำยในพระอุโบสถวัดช่องนนทรี เป็นงำนศิลปะในสมัย
อยุธยำตอนปลำย สอดคล้องกับลักษณะทำงสถำปัตยกรรมของพระอุโบสถ โดยเขียนภำพเต็มพื นที่
ภำยใน ผนังด้ำนข้ำงแถวบนสุดเขียนภำพแถวพระอดีตพุทธเจ้ำประทับนั่งเรียงรำย พื นที่ถัดลงมำ
เขียนภำพทศชำติชำดก มีกำรเขียนภำพแทรกด้วยภำพวิถีชีวิตของชำวบ้ำนด้วย ผนังด้ำนหน้ำพระ
ประธำนเขียนภำพพระพุทธประวัติตอนมำรผจญ-ชนะมำร ผนังด้ำนหลังภำพลบเลือนมำกแต่พอ
สังเกตได้ว่ำเป็นภำพพระอดีตพุทธเจ้ำประทับนั่ง
15
ซึ่งจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถวัดช่องนนทรี มีลักษณะโดดเด่นอยู่ที่
ความเป็นงานจิตรกรรมในสมัยอยุธยาตอนปลาย ภาพเล่าเรื่องชาดกมีแถบเส้นแนวตั งทรง
สามเหลี่ยมหรือเส้นสินเทาคั่น เพื่อแบ่งเรื่องแต่ละเรื่องออกจากกัน เส้นสินเทำยังท ำหน้ำที่เน้นฉำก
เหตุกำรณ์ส ำคัญให้โดดเด่นขึ น อาทิ เส้นสินเทาที่เน้นภาพปราสาทราชวังให้เด่นเป็นสง่า จิตรกรรม
แห่งนี มีการใช้สีที่ดูอบอุ่น อันเกิดจากโครงสีออกแดงและชมพูอ่อน สีแดงที่ระบายเป็นพื นหลังควบคู่
กับพื นขาวที่ปล่อยว่างช่วยให้เกิดบรรยากาศสดใส พื นสีขาวที่เป็นสีพื นเมื่อตัดเส้นด้วยสีด้าสีแดงให้
เป็นภาพ พื นขาวจึงเป็นสีของตัวภาพไปในตัว สีแดงที่ใช้ระบายเป็นฉากหลังเป็นสีพื นและท้องฟ้าจึง
ไม่ใช่สีที่สมจริง สีใบไม้เริ่มมีสีต่าง ๆ กัน เช่น สีเขียวหม่นมืด สีเขียวเหลือง (สันติ เล็กสุขุม 2550:
191-193) มีการปิดทองเล็กน้อยเฉพาะเครื่องประดับของภาพบุคคล ภาพเครื่องสูง และบางส่วนของ
ภาพสถาปัตยกรรม
ภาพเต็มของภาพจิตรกรรม
สแกนหรือกดที่คิวอาร์โคด 16
ที่มาของภาพ : กองโบราณกรมศิลปากร เทเวศน์
ภาพเขียนภายในพระอุโบสถ
ภำพเขียนในพระอุโบสถ แบ่งเป็น 5 ช่อง มีกำรเขียนคั่น
เรื่องรำว โครงสีส่วนใหญ่เป็นสีแดงและใช้เพียง 4-5 สี กำรเขียนมีลักษณะเหนือจริง
บำงช่วงจะมีภำพศิลปกำมวิสัย (Erotic Art) สอดแทรกด้วยภำยในพระอุโบสถ
ระเบียบกำรวำงภำพฝำผนังภำยในพระอุโบสถ ช่ำงเขียนคั่น
เรื่องรำวด้วยลำยรักร้อยเป็นเส้นตั ง ภำยในช่องของลำยรักร้อยนี ยังคั่นเรื่องรำวย่อย
ด้วยเส้นสินเทำ เป็นหยักๆ อันเป็นลักษณะเดียวกับภำพเขียนในโบสถ์วัดปรำสำท
จังหวัดนนทบุรี
17
ภำพเขียนผนังด้ำนข้ำงทั งสองแบ่งเป็นด้ำนละ 5 ช่อง
ซึ่งคั่นด้วยลำยรักร้อยดังกล่ำวเขียนเป็นทศชำติชำดก ด้ำนซ้ำยของ
พระประธำน เริ่มด้วย พระเตมีย์, พระมโหสถ, พระชนก, พระสุวรรณ
สำม, พระเนมีรำช ส่วนด้ำนขวำของพระประธำน จำกหลังมำข้ำงหน้ำ
เขียนเรื่องพระภูริทัตต์, พระจันทกุมำร, พระนำรท, พระวิธูร,พระ
เวสสันดร ส่วนบนเขียนเป็นพระอันดับเป็นแถวไปโดยตลอด ส่วน
ด้ำนหน้ำพระประธำนเป็นเรื่องมำรผจญ ส่วนเบื องหลังพระประธำน
เขียนเรื่องรำวในพระพุทธประวัติ
ภาพเต็มของภาพจิตรกรรม
สแกนหรือกดที่คิวอาร์โคด
18
119
ที่มาของภาพ : กองโบราณกรมศิลปากร เทเวศน์
1 20
ที่มาของภาพ : กองโบราณกรมศิลปากร เทเวศน์
21 พระราชบิดาอุบายให้เพชฌฆาตร่างก้าย่าท้าที่เข้ามาจะสังหารพระเตมีย์ เพื่อให้พระองค์เกิดความกลัวแต่พระกุมารยังคงนิ่งเฉย
เตมีย์ชาดก
พระเตมีย์ เป็นชื่อของพระโพธิสัตว์ในเรื่องเตมิยชำดก ชำดกเรื่องแรกใน ๑๐ เรื่องจำกทศชำติชำดกในเตมิย์ชำดกพระ
โพธิสัตว์ทรงบ ำเพ็ญเนกขัมมบำรมี คือกำรออกบวช
เตมีย์ชำดก กล่ำวถึงพระโพธิสัตว์ว่ำได้รับอำรำธนำจำกพระอินทร์ให้จุติลงมำเกิดเป็นพระโอรสพระเจ้ำกำสิกรำช กรุง
พำรำณสี นำมว่ำพระเตมีย์ แปลว่ำ ควำมชุ่มชื่นยินดี เมื่อพระชนม์ ๑๑ เดือน เห็นพระบิดำรับสั่งลงโทษโจรอย่ำงทำรุณ ทรงร ำลึก
ชำติได้ว่ำครั งหนึ่งพระองค์ทรงเคยเป็นกษัตริย์ครองรำชย์อยู่ ๒๐ ปี ครั นตำยแล้วต้องไปเกิดในนรกอยู่แปดหมื่นปี กว่ำจะได้ไปเกิด
ในดำวดึงส์สวรรค์ ทรงรู้สึกเกรงกลัวว่ำจะต้องเป็นกษัตริย์ต่อจำกพระรำชบิดำและต้องสั่งลงโทษคนท ำผิดจนต้องตกนรกอีก จึงแสร้ง
ท ำเป็นง่อยเปลี ย หูหนวก เป็นใบ้ ท ำให้ถูกกล่ำวหำว่ำเป็นกำลกิณี กระทั่งเมื่ออำยุ ๑๖ ปี ก ำลังจะถูกฝังในป่ำช้ำ จึงแสดงตนว่ำ
ไม่ได้ง่อยเปลี ยและได้บวชรักษำศีลอยู่ในป่ำ [พระรำชบิดำ พระรำชมำรดำ และรำษฎรทรำบข่ำวติดตำมมำ ได้ฟังธรรมก็เกิดควำม
เลื่อมใสขอออกบวช] ครั นสิ นชีวิตลงได้ไปเกิดในพรหมโลก
22
มหาชนกชาดก
พระมหำชนก เป็นชื่อของพระโพธิสัตว์ในเรื่องมหำชนกชำดก ทรงบ ำเพ็ญ
วิริยบำรมี คือ ควำมเพียรพยำยำมท ำกิจอย่ำงไม่ท้อถอย
มหำชนกชำดก เป็นชำดกเรื่องที่ ๒ ในทศชำติ กล่ำวถึง พระมหำชนก
ซึ่งพระบิดำถูกชิงรำชสมบัติ คิดจะไปชิงรำชสมบัติคืน จึงได้ลำพระมำรดำออกไป
ค้ำขำยทำงทะเลแต่เรือเกิดอับปำงลง พระองค์เพียรพยำยำมว่ำยน ำอยู่ถึง ๗ วัน ๗
คืน
ภาพเต็มผนัง เรื่องพระมหาชนกชาดก ตรงกลางภาพ พื นแดงเป็น รูปพระอินทร์แปลงเป็นชายชราขับรถพามเหสีพระเจ้ากรุงมิ
23
จึงได้รับควำมช่วยเหลือจำกนำงมณีเมขลำซึ่งมีหน้ำที่ดูแลมหำสมุทร นำงอุ้มพระมหำชนกไปวำงไว้
ณ เมืองมิถิลำซึ่งก ำลังว่ำงกษัตริย์ พระมหำชนกได้รับกำรอภิเษกเป็นพระรำชำ ทรงครองรำชสมบัติด้วย
ทศพิธรำชธรรม ทรงค ำนึงว่ำผู้ฉลำดควรมีควำมตั งใจในกำรท ำงำน ไม่เบื่อหน่ำยงำนของตน แม้ตกทุกข์
ได้ยำกก็ไม่ควรหมดหวัง เมื่อได้รับควำมสุขก็ควรตั งใจท ำประโยชน์ให้ยิ่ง ๆ ขึ น ต่อมำพระมหำชนกได้
ออกบวชเพื่อบ ำเพ็ญบำรมี
ภาพเต็มของภาพจิตรกรรม
สแกนหรือกดที่คิวอาร์โคด
พระอินทร์แปลงเป็นชายชราขับรถพามเหสีพระเจ้ากรุงมิถิลา หนีราชภัยไปเมืองกาลจัมปากะนคร
24
สุวรรณสามชาดก
สุวรรณสำมชำดก เป็นเรื่องรำวที่พระโพธิสัตว์เสวยพระชำติเป็นพรำหมณ์ชื่อ สุวรรณสำม เป็นบุตรของพรำหมณ์ทุกูล
และนำงปำริกำ ทั งสองประสบเครำะห์กรรมจำกชำติก่อน คือทุกูลเป็นแพทย์รักษำตำให้เศรษฐีแล้วไม่ได้ค่ำรักษำ นำงปำริกำผู้
เป็นภรรยำจึงโกรธเอำยำป้ำยจนเศรษฐีตำบอด บำปกลับมำสนองในชำตินี ให้สองสำมีภรรยำที่ออกไปหำผลไม้ในป่ำแล้วเกิด
พำยุ ขณะหลบฝนอยู่ใต้ต้นไม้ งูเห่ำได้พ่นพิษใส่ท ำให้ทั งคู่ตำบอด สุวรรณสำมจึงได้ปรนนิบัติบิดำมำรดำอย่ำงดีเลิศ แม้กระทั่ง
ถูกพระเจ้ำกบิลยักษ์ ผู้ครองกรุงพำรำณสี ยิงด้วยศรอำบยำพิษ เพรำะควำมเข้ำใจผิด ได้รับควำมทุกขเวทนำอย่ำงยิ่ง แต่ก็แสดง
ควำมเมตตำจิตต่อผู้ท ำร้ำยตนและทูลฝำกให้พระเจ้ำกบิลยักษ์ดูแลบิดำมำรดำแทน ก่อนที่จะสิ นสติไป พระเจ้ำกบิลยักษ์ทรงเสีย
พระทัยมำก จึงไปแจ้งข่ำวต่อบิดำมำรดำแล้วพำมำพบกับสุวรรณสำม
25
ภาพเต็มของภาพจิตรกรรม
สแกนหรือกดที่คิวอาร์โคด
สุวรรณสามและสัตว์ป่าที่ล้อมรอบตัว
ขณะสุวรรณสามออกไปตักน ้าให้บิดามารดา
ที่มาของภาพ : หนังสือวัดช่องนนทรี
26
มโหสถชาดก
พระมโหสถ เป็นชื่อของพระโพธิสัตว์ในเรื่องมโหสถชำดก ทรงบ ำเพ็ญปัญญำบำรมี คือมีควำมรอบรู้ ควำม
เข้ำใจชัดเจนสำมำรถแยกแยะเหตุและผล ดีและชั่ว คุณและโทษ ประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ เป็นต้น
มโหสถชำดก เป็นชำดกเรื่องที่ ๕ ในทศชำติ กล่ำวถึงพระโพธิสัตว์เมื่อเสวยพระชำติเป็นมโหสถบุตร
เศรษฐี มีสติปัญญำเฉลียวฉลำดมำก ผู้คนต่ำงมำขอให้ช่วยตัดสินคดีพิพำทและแก้ไขปัญหำอยู่เนือง ๆ ชื่อเสียง
ของมโหสถเลื่องลือไปถึงพระเจ้ำวิเทหรำชแห่งกรุงมิถิลำ พระองค์ได้ทรงทดลองสติปัญญำของมโหสถด้วยวิธี
ต่ำง ๆ จนเป็นที่พอพระทัย และขอมโหสถไว้เป็นรำชบุตร มโหสถได้ใช้สติปัญญำแก้ไขปัญหำต่ำง ๆ ทั ง
ปัญหำภำยในบ้ำนเมือง และปัญหำศึกสงครำม รวมทั งยังใช้สติปัญญำช่วยพระชนม์ชีพของพระเจ้ำวิเทหรำชไว้
ได้ มโหสถได้รับยกย่องว่ำเป็นบัณฑิตผู้มีควำมรู้อันลึกซึ ง มีสติปัญญำประกอบด้วยคุณธรรมอันประเสริฐ ที่
ก ำกับให้ประพฤติปฏิบัติแต่ในทำงที่ถูกที่ควร
27
ภาพเต็มของภาพจิตรกรรม
สแกนหรือกดที่คิวอาร์โคด
บรรดาไพร่พลถือราชวัตร ฉัตรธง ในขบวนทัพ
ที่มาของภาพ : หนังสือวัดช่องนนทรี
28
พรหมนารทชาดก
ภาพเต็มของภาพจิตรกรรม
สแกนหรือกดที่คิวอาร์โคด
พระอินทร์ถือค้อนเหล็ก ลงมำท ำลำยพิธีบูชำยัญ หักฉัตร เรื่องพระจันท
กุมำรขำดก อันเป็นช่องที่ติดผนังค้ำนหลังทำงขวำมือพระประธำนข้อนในพิธี
ต่ำงแตกตื่นเมื่อพระอินทร์ลงมำท ำลำยพิธี
29
พระโพธิสัตว์ เสวยพระชำติเป็นพรหม
นำรท บ ำเพ็ญอุเบกขำบำรมี กล่ำวถึงพระเจ้ำ
อังคติแห่งรัฐวิเทหะ ได้รับค ำแนะน ำจำก
อ ำมำตย์ให้ละกำรท ำคุณงำมควำมดี แต่ให้หัน
กลับมำทรงใช้ชีวิตให้เพลิดเพลินในทำงโลก
เจ้ำหญิงรูจำ พระรำชธิดำ จึงทรงวิงวอนเทพย
ดำให้ดลพระทัยพระรำชบิดำให้ประพฤติธรรม
พระพรหมนำรจึงลงมำยังเมืองมนุษย์
พร้อมหำบทองค ำ สำแหรกเป็นฟักทองค ำ ข้ำง
หนึ่งเป็นคนเทน ำทองค ำ ด้วยประสงค์จะให้
นำงรุจำได้ใช้ท ำบุญท ำทำนเมื่อพระเจ้ำอังคติ
สังเกตที่เปลวเพลิง ซึ่งเขียนเป็นกนกเปลวสีแดง อันเป็นลักษณะของลวคลำยไทย ได้ทรงสดับธรรมจำกพรหมนำรท จึงทรงละ
กำรท ำบำปทั งปวง
30
วิธูรชาดก
พระวิธุรบัณฑิต เป็นชื่อของพระโพธิสัตว์ในเรื่องวิธุรชำดก ทรงบ ำเพ็ญสัจจบำรมี
ได้แก่ พูดจริง ท ำจริง และจริงใจ
วิธุรชำดก เป็นชำดกเรื่องที่ ๙ ในทศชำติชำดก กล่ำวถึงพระโพธิสัตว์เมื่อ
เสวยพระชำติเป็นพระวิธุรบัณฑิต อ ำมำตย์ในส ำนักพระเจ้ำเกำรพ ได้ตัดสินข้อโต้เถียงของพระ
อินทร์ พญำครุฑ พญำนำครำช และพระเจ้ำเกำรพ ซึ่งโต้เถียงกันด้วยเรื่องศีลว่ำต่ำงก็เลิศกว่ำ
ของผู้อื่น
ภำพเต็มของภำพจิตรกรรม
31
สแกนหรือกดที่คิวอาร์โคด
วิธุรบัณฑิตตัดสินตำมควำมเป็นจริงโดยไม่เข้ำข้ำงพระเจ้ำเกำรพผู้เป็นนำยของตน
เมื่อนำงวิมลำภรรยำของพญำนำครำชได้ฟังเรื่องรำวก็อยำกฟังธรรมจำกวิธุรบัณฑิต จึงแกล้งป่วย
ขอให้น ำหัวใจของวิธุรบัณฑิตมำรักษำ ปุณณกยักษ์ได้ใช้วิธีกำรต่ำง ๆ ฆ่ำวิธุรบัณฑิตเพื่อเอำ
หัวใจแต่ไม่ส ำเร็จ วิธุรบัณฑิตรู้ได้ด้วยปัญญำว่ำนำงวิมลำต้องกำรฟังธรรมจึงให้พำไปยังเมือง
บำดำลเพื่อแสดงธรรม พญำนำคและนำงวิมลำก็มีควำมยินดียิ่งตรัสว่ำ ปัญญำนั่นแหละคือหัวใจของ
บัณฑิต
ภาพเต็มเรื่องวิธูรชาดก
32
เวสสันดรชาดก
เวสสันดรชำดกหรือมหำชำติชำดกพระโพธิสัตว์เสวยพระชำติเป็นพระเวสสันดรบ ำเพ็ญ
ทำนบำรมีอันเป็นพระชำติสุดท้ำยก่อนที่จะมำตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้ำพระเวสสันดรเป็นโอรสพระ
เจ้ำสัญชัยและพระนำงผุสดีแห่งนครเชตุตรมีพระชำยำคือพระนำงมัทรีและโอรสธิดำคือชำลีกั ณ
หำครำวหนึ่งเกิดฝนแล้งในแคว้นกำลิงค์รัฐพรำหมณ์ 5 คนจึงเดินทำงมำขอช้ำงปัจจัยนำเคนทร์
อันเป็นช้ำงมงคลที่เมืองใดได้ไปจะบันดำลให้ฝนตกพืชพันธุ์อุดมสมบูรณ์พระเวสสันดรซึ่งมีพระทัย
จดจ่อกับกำรให้ทำนอยู่แล้วจึงโปรดพระรำชทำนให้ไปเป็นเหตุให้ชำวเมืองเชตุตรโกรธแค้นให้ขับ
ไล่พระเวสสันดรออกไปเสีย
ภำพเต็มของภำพจิตรกรรม
33
สแกนหรือกดที่คิวอาร์โคด
พระชำยำพระโอรสธิดำทูลขอตำมเสด็จด้วยสี่กษัตริย์ออกเดินทำงไปยังเขำวงกตบ ำเพ็ญ
พรตอยู่ในป่ำโดยสงบต่อมำพระเวสสันดรได้ยกสองกุมำรให้ชูชกพรำหมณ์ขอทำนเข็ญใจและยกนำง
มัทรีให้ท้ำวสักกะที่แปลงร่ำงมำชิงทูลขอก่อนคนอื่นส่วนชูชกพำสองกุมำรเดินหลงทำงไปนครเชตุตรพ
ระเจ้ำสญชัยจึงขอไม่ตัวสองกุมำรไว้ชูชกนั นบริโภคจนท้องแตกตำยพระเจ้ำสัญชัยและพระนำงผุสดี
พร้อมพระนัตตำทั งสองเสด็จออกไปรับพระเวสสันดรและพระนำงมัทรีเมื่อหำกษัตริย์พบกันต่ำงกันแสง
สลบไสลจึงเกิดปำฏิหำริย์คือฝนโบกขรพรรษตกต้องพระองค์ท ำให้พื นคืนพระสติก่อนจะเสด็จกลับคืน
พระนคร
พรานเจตบุตร ก้าลังโก่งหน้าไม้ไปที่ชูชก ซึ่งหนีขึ นไป
อยู่บนยอดไม้ มีสุนัขของพรานเจตบุตรไล่ขึ นไป
34
เทคนิคการเขียนจิตรกรรมฝาผนัง
ภำพเขียนวัดช่องนนทรี บำงตอนได้พยำยำมเขียนแบบให้มีเส้นพุ่งเป็น
ระยะใกล้ - ไกล (Perspective) เช่นภำพปรำสำท พระระเบียงและอำคำร
บำงตอน แต่ดูขัดตำ เพรำะไม่มีควำมช ำนำญพอ บ่งถึงว่ำภำพเขียนเส้นและ
ภำพพิมพ์ของฝรั่งได้แพร่หลำยเข้ำมำบ้ำง ภำพบ้ำนของพระวิธูร ปลูกเป็นตึก
สองชั น แบบบ้ำนฝรั่ง
35 1
มีช่องโค้งแหลมที่ใต้ถุน ทั งบ้ำนเต็มไปด้วยผู้คนและบ่ำวไพร่ เช่น บ่ำวหญิง
ชำยคู่หนึ่งก ำลังต ำข้ำว บ้ำงก็ท ำกำรอื่นๆ บ้ำงก็ลักลอบเสพสมกัน เป็นศิลปะกำม
วิสัย (Erotic Art) มีบ่ำวคนอื่นๆ แอบดูกันอย่ำงโจ่งแจ้ง ภำพเหล่ำนี มิใช่แสดง
ถึงควำมลำมกแต่ประกำรใด หำกแต่หวังจะให้เป็นมุขตลกเฮฮำกันในยำมที่
อำรมณ์ต้องกำร ภำพศิลปกำมวิสัยเช่นนี
ภาพเต็มของภาพจิตรกรรม
สแกนหรือกดที่คิวอาร์โคด 36