โครงงานวิทยาศาสตร์ ประเภท นวัตกรรมจากขยะ โครงงานวิทยาศาสตร์ ประเภท นวัตกรรมจากขยะ เรื่รื่ รื่ อ รื่ อง มหัหั หัศหั จรรย์ย์ ย์ ผ ย์ ผลิลิ ลิ ต ลิ ตภัภั ภั ณ ภั ณฑ์ฑ์ ฑ์ จ ฑ์ จากเส้ส้ ส้ น ส้ นใยกล้ล้ ล้ ว ล้ วย สกร.อำอำอำอำเภอทุ่ทุ่ทุ่งทุ่ ช้ช้ ช้ า ช้ าง จั จังหวัวั วั ด วั ดน่น่ น่ า น่ าน โดย นนาางงสสาาววอุอุอุ ร อุ ราาววรรรรณณ ววงงค์ค์ ค์ เค์ เมืมื มื อมื องงมมาา รระะดัดั ดั บดั บมัมั มั ธมั ธยยมมศึศึศึกศึกษษาาปปลลาายย นนาางงสสาาววณัณั ณั ฐ ณั ฐธิธิธิดธิดาา มูมูมู ล มู ลเเพ็พ็ พ็ ญพ็ ญ รระะดัดั ดั บดั บมัมั มั ธมั ธยยมมศึศึศึกศึกษษาาตตออนนปปลลาายย นนาายยสสมมพพรร สีสี สีโสีโลลพพาา รระะดัดั ดั บดั บมัมั มั ธมั ธยยมมศึศึศึกศึกษษาาตตออนนปปลลาายย รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของการประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อม ประเภทนวัตกรรมจากขยะ สำ หรับนักศึกษา สกร. ระดับประเทศ ณ อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของการประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อม ประเภทนวัตกรรมจากขยะ สำ หรับนักศึกษา สกร. ระดับประเทศ ณ อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
โครงงานวิทยาศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อม ประเภทนวัตกรรมจากขยะ เรื่อง มหัศจรรย์ผลิตภัณฑ์จากเส้นใยกล้วย สกร.อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน โดย 1. นายสมพร สีโลพา ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 2. นางสาวณัฐธิดา มูลเพ็ญ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 3. นางสาวอุราวรรณ วงค์เมืองมา ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ครูที่ปรึกษาโครงงาน 1. นายณัฐวัฒน์ หงษ์จุ้ย ครู 2. นางสาวชรินญา เสนนันตา ครู กศน.ตำบล รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของการประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อม ประเภทนวัตกรรมจากขยะ สำหรับนักศึกษา สกร. ระดับประเทศ ประจำปี 2566 ณ อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ข ชื่อโครงงาน มหัศจรรย์ผลิตภัณฑ์จากเส้นใยกล้วย ชื่อผู้จัดทำโครงงาน 1. นายสมพร สีโลพา รหัสนักศึกษา 6613-00006-9 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 2. นางสาวณัฐธิดา มูลเพ็ญ รหัสนักศึกษา 6513-00018-7 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 3. นางสาวอุราวรรณ วงค์เมืองมา รหัสนักศึกษา 6523-00022-3 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ครูที่ปรึกษาโครงงาน 1. นายณัฐวัฒน์ หงษ์จุ้ย ครู 2. นางสาวชรินญา เสนนันตา ครู กศน.ตำบล สถานศึกษา ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอทุ่งช้างจังหวัดน่าน สังกัดสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดน่าน ปีการศึกษา 2566 บทคัดย่อ โครงงานวิทยาศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อม ประเภทนวัตกรรมจากขยะ เรื่องมหัศจรรย์ผลิตภัณฑ์จากเส้น ใยกล้วย ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ของการศึกษา คือ 1) เพื่อลดปริมาณขยะธรรมชาติจากต้นกล้วยที่ไม่ให้ผลผลิต แล้ว 2) เพื่อศึกษากระบวนการสร้างนวัตกรรมจากเส้นใยกล้วย และ 3 ) เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบจากเส้น ใยกล้วย ผลจากการศึกษา การทำโครงงานวิทยาศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อม ประเภทนวัตกรรมจากขยะเส้นใยกล้วยในครั้งนี้ มีที่มา จากการที่ในชุมชนของอำเภอทุ่งช้างและกลุ่มของแปรรูปกล้วย บ้านทุ่งอ้าว หมู่ที่ 1 ตำบลและ อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน มีการปลูกกล้วยเป็นจำนวนมากและเมื่อต้นกล้วยที่ให้ผลผลิตแล้ว หรือต้นกล้วยที่ถูกตัดเครือแล้ว จะไม่สามารถให้ผลผลิตต่อได้ ลำต้นจึงจะต้องถูกตัดทิ้งไป ทำให้เกิดขยะอินทรีย์ที่มาจากต้นกล้วยมากขึ้น การศึกษานวัตกรรมจากเส้นใยกล้วย พบว่าเป็นกระบวนการสร้างนวัตกรรมใหม่จากต้นกล้วยที่ถูกตัดทิ้งแล้ว และเป็นการลดปริมาณขยะจากธรรมชาติหรือขยะอินทรีย์ได้ ด้วยการนำต้นกล้วยมาขูดทำเป็นเส้นใย แล้วนำ เส้นใยกล้วยที่ได้มาทอเป็นผืนผ้าสลับกับเส้นฝ้าย ให้เป็นผ้าทอจากฝ้ายและเส้นใยกล้วย จากนั้นนำผ้าที่ได้นั้น ไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยออกแบบจากความคิดสร้างสรรค์ ให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีอัตลักษณ์เป็นของ ชุมชน สามารถใช้งานได้จริงและมีความคงทนแข็งแรง ใช้งานได้ดีและยังสามารถพัฒนาเป็นสิ่งประดิษฐ์หรือ ผลิตภัณฑ์ต้นแบบของชุมชนเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มได้ อีกทั้งเส้นใยกล้วยที่ได้สามารถนำไปย้อมสีธรรมชาติแล้ว นำมาทอเป็นสีสันและลวดลายต่างๆ ทำเป็นสินค้าอื่นๆร่วมกับภูมิปัญญาชาวบ้าน เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับ ผลิตภัณฑ์ เช่น กระเป๋าถือ ที่รองแก้ว ที่จับแก้ว สมุดโน้ต สามารถต่อยอดสู่อาชีพให้กับชุมชนได้ และเศษ กล้วยที่เหลือจากการขูดเอาเส้นใย ยังสามารถนำไปทำเป็นปุ๋ยหมักหรือเป็นอาหารให้สัตว์เลี้ยงในชุมชนได้
ค กิตติกรรมประกาศ โครงงานวิทยาศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อม ประเภทนวัตกรรมจากขยะเรื่อง มหัศจรรย์ผลิตภัณฑ์จากเส้น ใยกล้วยฉบับนี้ สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี โดยได้รับการอนุเคราะห์ คำแนะนำและช่วยเหลือจากผู้บ ริหาร สถานศึกษาและภาคีเครือข่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มทอผ้าบ้านหล่ายทุ่ง หมู่ที่ 3 ตำบลปอน อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน ที่ได้ให้ข้อมูลความรู้และให้ความร่วมมือ ในการดำเนินการทดลองและสร้างนวัตกรรมด้วยดีตลอด มา ผู้ทำโครงงานรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่งจึงขอกราบขอบพระคุณท่านไว้ ณ โอกาสนี้ ขอขอบคุณ คุณครูที่ปรึกษาโครงงาน คณะครูและนักศึกษา ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่านที่ช่วยสร้างนวัตกรรมจากขยะเส้นใยกล้วยในครั้งนี้ คุณประโยชน์อันใดที่พึงมีของโครงงานนี้ย่อม เป็นผลมาจากความกรุณาจากท่านดังกล่าวข้างต้น ขอขอบคุณทุกท่านที่ได้สนับสนุนการทำงาน และให้กำลังใจเสมอมาทำให้การดำเนินงานโครงงาน วิทยาศาสตร์ในครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ความดีอันเกิดจากการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ ขอมอบแด่ผู้มีพระคุณทุก ท่านและขอกราบขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ คณะผู้จัดทำ
ค สารบัญ หน้า บทคัดย่อ กิตติกรรมประกาศ กข สารบัญ ค บทที่ 1 บทนำ 1 บทที่ 2 เอกสาร/ทฤษฎี/หลักการที่เกี่ยวข้อง 3 บทที่ 3 อุปกรณ์และวิธีการศึกษา 12 บทที่ 4 ผลการศึกษา 16 บทที่ 5 สรุปผลและอภิปรายผล 17 บรรณานุกรม 18 ภาคผนวก 19
ง สารบัญภาพ หน้า ภาพที่ 1 แสดงการตัดความยาวของเส้นใยกล้วย 4 ภาพที่ 2 แสดงลักษณะของเส้นใยกล้วย 4 ภาพที่ 3 แสดงความยาวของเส้นใยจากก้านเครือกล้วย ที่ใช้ระยะเวลาการหมัก 6 วัน 5 ภาพที่ 4 แสดงผ้าทอน้ำไหลไทลื้อ กลุ่มทอผ้าบ้านหล่ายทุ่ง ตำบลปอน อำเภอทุ่งข้าง จังหวัดน่าน 8 ภาพที่ 5 แสดงลวดลายไทลื้อ กลุ่มทอผ้าบ้านหล่ายทุ่ง 9 ภาพที่ 6 แสดงการตัดต้นกล้วยน้ำว้าที่ไม่ให้ผลผลิตแล้ว 12 ภาพที่ 7 แสดงการตัดต้นกล้วยน้ำว้าตามขนาดที่ต้องการ 12 ภาพที่ 8 แสดงการแยกกาบต้นกล้วยน้ำว้าที่ตัดตามขนาด 12 ภาพที่ 9 แสดงการขูดเส้นใยกล้วย 12 ภาพที่ 10 แสดงเครื่องฉีกเส้นใยกล้วย 13 ภาพที่ 11 แสดงการกดเส้นใยกล้วยลงบนเครื่องฉีกเส้นใยกล้วย 13 ภาพที่ 12 แสดงการดึงเส้นใยกล้วยลงบนเครื่องฉีกเส้นใยกล้วย 13 ภาพที่ 13 แสดงเอนไซม์ที่ใช้สำหรับการแช่เส้นใยกล้วย 13 ภาพที่ 14 แสดงเอนไซม์ที่ใช้สำหรับการแช่เส้นใยกล้วย 13 ภาพที่ 15 แสดงเอนไซม์ที่ใช้สำหรับการแช่เส้นใยกล้วย 13 ภาพที่ 16 แสดงการตากเส้นใยกล้วย 14 ภาพที่ 17 แสดงเส้นใยกล้วยที่ตากแห้งแล้ว 14 ภาพที่ 18 แสดงการย้อมสีเส้นใยกล้วยด้วยสีธรรมชาติ เช่น ฝาง ครั่ง ขมิ้น 14 ภาพที่ 19 แสดงอุปกรณ์การทอเส้นใยกล้วยสลับกับเส้นฝ้าย 14 ภาพที่ 20 แสดงวิธีการทอเส้นใยกล้วยสลับกับเส้นฝ้าย 14 ภาพที่ 21 แสดงผ้าทอเส้นใยกล้วย 15 ภาพที่ 22 แสดงกระเป๋าจากผ้าทอเส้นใยกล้วย 15 ภาพที่ 23 แสดงจานรองแก้ว 15 ภาพที่ 24 ที่หุ้มแก้วจากผ้าทอเส้นใยกล้วย 15 ภาพที่ 25 ปกสมุดโน๊ตจากผ้าทอเส้นใยกล้วย 15
บทที่1 บทนำ 1. ที่มาและความสำคัญของโครงงาน ปัจจุบันมีสถานการณ์ขยะมูลฝอยของประเทศไทย พบว่ามีการผลิตขยะออกมา 24.98 ล้านตันต่อปี หรือประมาณ 68,000 ตันต่อวัน แบ่งเป็น ขยะอินทรีย์ร้อยละ 64 โดยขยะอินทรีย์ 1 ตัน จะปล่อยก๊าซเรือน กระจกเท่ากับ 0.51 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งอัตราการผลิตขยะต่อคนคือ 1.14 กิโลกิโลกรัมต่อวัน แต่ขยะเหล่านั้นสามารถนำกลับไปใช้ประโยชน์ใหม่เพียงร้อยละ 32 และถูกส่งกำจัดอย่างถูกต้องเพียงร้อยละ 37 ส่วนที่เหลือมีการนำไปกำจัดแบบไม่ถูกวิธีกว่าร้อยละ 31 ทำให้เกิดขยะสะสมกลายเป็นปัญหามลภาวะ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรค ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพกับประชาชนเป็นอย่างมาก และที่สำคัญคือเป็นการทิ้ง ทรัพยากรไปโดยเปล่าประโยชน์ ในชุมชนอำเภอทุ่งช้างและกลุ่มของแปรรูปกล้วย บ้านทุ่งอ้าว หมู่ที่ 1 ตำบลและ อำเภอทุ่งช้าง จังหวัด น่าน มีการปลูกกล้วยจำนวนมาก และกล้วยที่นำมาปลูกมีมากมายหลายชนิด ซึ่งจากการที่กลุ่มแปรรูปกล้วย ของ สกร.อำเภอทุ่งช้าง ได้สะท้อนปัญหาให้กับชุมชน และทาง สกร.อำเภอทุ่งช้าง พบว่า ปัญหาต้นกล้วยที่ถูก ตัดทิ้งมีจำนวนมาก และจะถูกปล่อยให้เน่าเสียในพื้นที่ตามกาลเวลา จะส่งกลิ่นเหม็นและมีแมลงจำนวนมาก ซึ่งกล้วย 1ต้น จะให้ผลผลิตคือ 1 เครือ และจะไม่ให้ผลผลิตได้ต่ออีก ซึ่งจากเหตุผลดังกล่าว ทำให้ต้องตัดต้น กล้วยต้นนั้นทิ้งไป กล้วยที่ถูกตัดทิ้งก็จะกลายเป็นขยะอินทรีย์ที่มีมากในชุมชน นอกจากจะปล่อยให้เน่าสลาย ไปตามเวลาเองแล้ว ก็ไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ ดังนั้น สกร.อำเภอทุ่งช้างและผู้จัดทำโครงงาน จึงเล็งเห็นปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับชุมชนและกลุ่มแปร รูปกล้วย บ้านทุ่งอ้าว หมู่ที่ 1 ตำบลและ อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน ที่มีการนำกล้วยมาแปรรูปแล้ว เมื่อตัด เครือแล้วจะต้องตัดลำต้นทิ้งไปด้วย จึงทำให้เกิดขยะอินทรีย์ขึ้นเป็นจำนวนมาก ผู้จัดทำโครงงานจึงได้คิดหาวิธี แก้ปัญหาโดยการทำโครงงานนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นแนวทางในการลดปริมาณขยะอินทรีย์และเป็นการสร้าง นวัตกรรมจากขยะอินทรีย์นี้ขึ้น โดยการนำเส้นใยกล้วย จากต้นกล้วยที่ถูกตัดทิ้งมาแปรรูปเป็นผ้า โดยการขอ คำแนะนำจากกลุ่มโรงทอผ้าบ้านหล่ายทุ่ง หมู่ที่ 3 ตำบลปอน อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่านในการทอเส้นใยกล้วย เป็นผ้าแล้วนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆต่อไป ซึ่งศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอทุ่งช้าง เห็นสมควรมีการส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมจากขยะต้นกล้วย เพื่อ ลดปริมาณขยะอินทรีย์ให้น้อยลงและนำมาเพิ่มมูลค่าสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ สามารถนำขยะอินทรีย์ชนิดนี้มาใช้ให้ เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้
2 2. วัตถุประสงค์ของการศึกษา 1. เพื่อลดปริมาณขยะธรรมชาติจากต้นกล้วยที่ไม่ให้ผลผลิตแล้ว 2. เพื่อศึกษากระบวนการสร้างนวัตกรรมจากเส้นใยกล้วย 3. เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบจากเส้นใยกล้วย 3. สมมุติฐานของการศึกษาค้นคว้า เส้นใยกล้วยสามารถนำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์จากใยกล้วย 4. ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า 4.1 กรอบของการศึกษา การศึกษาในครั้งนี้ ผู้จัดทำโครงงานได้กำหนดขอบเขตของโครงงาน เรื่องมหัศจรรย์ผลิตภัณฑ์จากเส้นใย กล้วย ที่สร้างขึ้น มีการกำหนดขอบเขตของโครงงานดังนี้ คือ 1.วัสดุและอุปกรณ์พัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบจากเส้นใยกล้วย 2. วิธีการศึกษา 2.1 ขั้นการทำเส้นใยกล้วย 2.2 ขั้นการแปรรูปเป็นผ้าทอ 2.3 ขั้นการแปรรูปผลิตภัณฑ์ 4.2 สถานที่ทำโครงงาน ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอทุ่งช้างจังหวัดน่าน และโรงทอผ้าบ้านหล่ายทุ่ง หมู่ที่ 3 ตำบล ปอน อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน 5. ระยะเวลาในการทำโครงงาน 1- 30 มิถุนายน 2566 6. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1.สามารถลดปริมาณขยะอินทรีย์จากต้นกล้วยที่ไม่ให้ผลผลิต โดยการนำไปใช้ในการทำผลิตภัณฑ์ จากเส้นใยกล้วย เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม และสามารถนำไปต่อยอดไปสู่การประกอบอาชีพ 2. ได้ทราบกระบวนการการสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์จากเส้นใยกล้วย 3. ได้นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่มาจากการทอใยกล้วยเป็นลวดลายไทลื้ออัตลักษณ์ของท้องถิ่น คือ ที่ รองจาน ที่รองแก้ว กระเป๋า ที่หุ้มแก้ว ปกสมุดโน๊ต 4. ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจและมีทักษะในการทำผลิตภัณฑ์จากเส้นใยกล้วย และนำไปใช้ในการ ประกอบอาชีพ
บทที่ 2 เอกสาร ทฤษฎีและหลักการที่เกี่ยวข้อง ในการจัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง มหัศจรรย์ผลิตภัณฑ์จากเส้นใย คณะผู้จัดทำได้รวบรวม แนวคิดทฤษฎีและหลักการต่างๆจากเอกสารและบทความที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้ 1. เส้นใยกล้วย 2. วิธีการทำ เครื่องแยกเส้นใยกล้วย 3. การทอผ้า และแนวคิดเกี่ยวกับภูมิปัญญาการทอผ้า 4. อัตลักษณ์ผ้าทอไทลื้อ จังหวัดน่าน 5. โครงการหรืองานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 1. เส้นใยกล้วย “ใยกล้วย” คือเส้นใยที่แยกออกจากกาบกล้วย ด้วยวิธีการแยกแบบหัตถกรรม (โดยการลอกผิวของ กาบแข็งด้านนอก จากนั้นแยกเส้นใยจากเยื่อกล้วยด้วยมือ) “เส้นใยกล้วย” มีสมบัติพิเศษคือ เป็น เส้นที่มี ความมันเงาสวยงาม แข็งแรง เหนียว ทนทาน สามารถนำไปปั่นผสมกับเส้นใยอื่นๆ เช่น ใยฝ้าย ที่มีความ คุณสมบัติโดดเด่นเรื่องการระบายอากาศและอ่อนนุ่ม “เส้นใยกล้วย” ในประเทศไทยส่วนใหญ่นิยมการแยก เส้นใยด้วยมือ เพื่อใช้เป็นสิ่งทอมีมาไม่นานนัก มีทั้งการแยกเส้นใยจากกล้วยน้ำว้า กล้วยป่า และกล้วยหอม 2. วิธีการทำเครื่องแยกเส้นใยกล้วย ปัจจุบันแนวโน้มการนำ Eco textiles กำลังเป็นที่นิยม การนำเส้นใยกล้วยมาใช้ในการพัฒนาเป็นเส้น ใยในงานสิ่งทอจึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นใยกล้วย ได้ถูกหยิบยกขึ้นมากล่าวถึง ในหลาย ๆ เวทีของการเสวนาเพื่อมุ่งเน้นการพัฒนาเส้นใยพืชจากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรในประเทศอินเดียมีกล้วย สายพันธุ์arecanut (Areca catechu) เป็นสายพันธุ์ที่มีมากและน่าสนใจ ซึ่งมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5.6-11 µm ผนังเซลล์มีความหนา 2.2 µm ได้ถูกนำมาการแยกสกัดเส้นใยด้วยวิธีหมักต้องใช้เวลานานกว่าจะได้กลุ่ม เส้นใยกล้วย ไม่ว่าจะเป็นวิธีทางเชิงกล เคมีและชีวภาพ ก็มีเทคนิคที่ดีและทำกันมาช้านานแล้ว ทุกวิธีได้รับ การพัฒนามาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน ในการแยกสกัดด้วยวิธีทางเชิงกล จำเป็นต้องลอกเปลือกเพื่อให้กลุ่มเส้นใย ออกมาในปริมาณมากและมีสมบัติทางกายภาพดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีการเลือกวิธีการแยกสกัดเส้นใยที่ ดีก็จะมีผลต่อความแข็งแรงต่อแรงดึงขาดของเส้นใยเป็นอย่างดีในขณะที่การแยกสกัดเส้นใยด้วยเคมีเป็น กรรมวิธีที่สามารถแยกสกัดเส้นใยได้ดีอีกทั้งยังสามารถดึงเอา hemicellulose ออกไปจากเส้นใยได้อีกด้วย การแยกสกัดเส้นใยกล้วย อีกสายพันธุ์ที่น่าสนใจ Aerobic ด้วยวิธีการหมักน้ำค้าง แต่ส่วนใหญ่วิธีการ แบบนี้ส่งผลให้เส้นใยมีความแข็งกระด้างและมีคุณภาพต่ำ เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีการอื่น ๆ ด้วยสาเหตุมาจาก เซลลูโลสในเส้นใยได้สูญเสียไป ส่วนการแยกสกัดเส้นใยด้วยน้ำเป็นวิธีการที่มีค่าใช้จ่ายน้อเภยที่สุด แต่ก็มีความ เหมาะสมในการผลิตที่มีปริมาณน้อยเท่านั้น
4 ภาพที่ 1 ภาพตัดตามยาวของเส้นใยกล้วย Aerobic (a) การแยกสกัดเส้นใยกล้วยด้วยวิธีการทางเชิงกล (b) การแยกสกัดเส้นใยกล้วยด้วยวิธีการหมักน้ำค้าง (ที่มา : Hoysall N. Chanakya, Malayil Sreesha, center for Sustainable Technologies (CST), Indian Institute of science India) ภาพที่ 2 ลักษณะของเส้นใยกล้วย (a) เส้นใยจากชั้นในของใบกล้วย (b) เส้นใยจากเปลือกนอกของใบกล้วย (ที่มา : Hoysall N. Chanakya, Malayil Sreesha, center for Sustainable Technologies (CST), Indian Institute of science India )
5 นอกจากนี้กล้วยยังมีส่วนที่มีประโยชน์และให้เส้นใยได้เช่นกัน นั่นก็คือ ก้านเครือ ซึ่งในส่วนนี้ทุกคน อาจจะมองห้ามไป ซึ่งหลังจากที่เกษตรกรได้ตัดผลกล้วยออกแล้วก็ยังมีส่วนแกนยืดหวีกล้วย เราเรียกว่า “เครือ” นักวิจัยได้มีการศึกษาสมบัติทางกายภาพของเส้นใย ซึ่งมีลักษณะที่น่าสนใจ โดยมีการแยกสกัดเส้นใย ด้วยวิธีการทางชีวภาพ ด้วยวิธีการหมักในแท็งก์และนำมาถ่ายภาพ SEM พบว่า เส้นใยจากเครือกล้วยนั้น มี ลักษณะดังภาพที่ 3 สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ในโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้วัตถุดิบภาคการเกษตรด้วยการ ภาพที่ 3 ภาพตามยาวของเส้นใยจากก้านเครือกล้วย ที่ใช้ระยะเวลาการหมัก 6 วัน กำลังขยาย 1,500 เท่า (a) การแยกสกัดด้วยวิธีการทางเชิงกล และ (b) การแยกสกัดด้วยวิธีการทางชีวภาพ (ที่มา : JAYAPRABHA, M. BRAHKUMAR, and V. B. MANILAL, Environmental Technology Section, National Institute for Interdisciplinary, Science and Technology, Council of Scientific and Industrial Research (CSIR), India) แยกเส้นใยกล้วย มีการกล่าวถึงการแยกสกัดเส้นใยกล้วย โดยแบ่งออกเป็นเส้นใยจากกล้วยกินผล (Banana fiber) และเส้นใยกล้วยอะบาก้า (manila hemp) ซึ่งกล้วยกินผล ก็มีการแยกสกัดเส้นใยด้วยกัน 3 วิธีคือ 1) การแยกเส้นใยด้วยมือ เป็นวิธีการแยกเส้นใยกล้วยในประเทศญี่ปุ่นมีหลักฐานมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 โดยจะเก็บเกี่ยวเฉพาะยอดของต้นกล้วยและใบกล้วยมาทำการแยกด้วยมือ ขั้นตอนเริ่มจากการลอกเปลือก ชั้นนอกออกเป็นแผ่นบางๆ ก่อนจะแยกเส้นใย ทั้งนี้เส้นใยที่ได้จะมีความอ่อนนุ่มมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับ ความแก่อ่อนของวัตถุดิบ จากนั้นนำเปลือกที่ลอก ขูดเอาเส้นใยกล้วยออกมา 2) การแยกเส้นใยด้วยการแช่ฟอก เป็นกระบวนการแช่ฟอกเพื่อแยกเส้นใยกล้วยพบในแถบเอเชียใต้ โดยเฉพาะประเทศเนปาลและอินเดีย โดยกาบกล้วยด้านนอกจะถูกเก็บเกี่ยวจากนั้นจะถูกตัดเป็นชิ้นๆ แล้วทุบ ให้นิ่ม แช่ในน้ำสะอาดและปล่อยให้เน่าสลายตามธรรมชาติจากนั้นจึงทำการขูดเนื้อกาบใบออกจนเหลือแต่เส้น ใยแล้วจึงนำเส้นใยที่ได้มาล้างด้วยน้ำสะอาดนำไปปั่นเป็นเส้นด้ายด้วยมือต่อไป
6 3) การแยกเส้นใยด้วยเครื่องจักร นับเป็นการแยกเส้นใยกล้วยด้วยเครื่องจักร ในประเทศไทยเป็นแบบ ที่ใช้deteriorating machine โดยเครื่องแยกเส้นใยกล้วยมีลักษณะเป็นเครื่องจักรขนาดเล็ก ทำงานแบบ กึ่งอัตโนมัติโดยใช้แรงงานคนเป็นผู้ป้อนชิ้นส่วนกาบด้านในของต้นกล้วย เครื่องจักรจะทำงานเป็นสองขั้นตอน คือ ขั้นตอนแรก การกลิ้งกาบกล้วยที่ป้อนเข้าตัวเครื่องให้แบนราบเพื่อให้ง่ายต่อการขูดเนื้อกาบใบออกด้วยชุด ลูกกลิ้ง จากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอนที่สองโดยขูดเนื้อกาบกล้วยด้วยใบมีดลักษณะเป็นใบมีดหลายชิ้นติดบนวงล้อ กาบกล้วยที่ได้รับการขูดจะเคลื่อนที่ผ่านชุดลำเลียงเพื่อนำไปทำความสะอาด ก็จะได้เส้นใยออกมา ส่วนการแยกเส้นใยกล้วยอะบาก้า สามารถทำได้2 วิธีคือ การแยกด้วยมือ ในปัจจุบันประเทศ ฟิลิปปินส์ใช้การแยกด้วยมือเป็นหลัก และการแยกด้วยเครื่องจักร เรียกว่า spindle stripping ซึ่งแนวคิดใน การแยกเส้นใยคล้ายคลึงกับการแยกด้วยมือแต่มีการปรับปรุงให้แท่นขูดมีสายพานไฟฟ้าเพื่อช่วยในการดึงเส้น ใยออกมาได้ง่าย สำหรับเส้นใยกล้วยในประเทศไทยส่วนใหญ่นิยมการแยกเส้นใยด้วยมือ เพื่อใช้เป็นสิ่งทอมีมาไม่นาน นัก มีทั้งการแยกเส้นใยจากกล้วยน้ำว้า กล้วยป่า และกล้วยหอม นิยมการแยกเส้นใยด้วยมือ โดยการลอกผิว ของกาบแข็งด้านนอก จากนั้นแยกเส้นใยจากเยื่อกล้วยด้วยมือ วิธีนี้จะได้เส้นใยสีขาวละเอียด ความยาวตาม ความยาวของเยื่อกล้วยที่นำมาแยกเส้นใย มีขนาดเล็กคล้ายเส้นไหม สวยงาม จึงเป็นแนวทางหนึ่งของการ พัฒนานวัตกรรมเส้นใยธรรมชาติจากพืช นับเป็นแนวทางในการยกระดับวัสดุเหลือทิ้งการเกษตร และเป็น แนวทางในการส่งเสริมและพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สิ่งทอที่มีมูลค่าสูงขึ้นต่อไป 3. การทอผ้า และแนวคิดเกี่ยวกับภูมิปัญญาการทอผ้า การทอผ้า หรือ "การทอ" (อังกฤษ : weaving) ถือเป็นศิลปะและหัตถกรรมหรืองานฝีมืออย่างหนึ่งที่มี มาตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นกรรมวิธีการผลิตผืนผ้าโดยใช้เส้นด้ายพุ่งและเส้นด้ายยืนมาขัดประสานกันจนได้เป็น ผืนผ้า ทั้งนี้ต้องมีเครื่องมือในการทอ เรียกว่า หูก หรือกี่ (ในภาษาไทยถิ่นอีสาน มักเรียกการทอผ้าว่า "ตำหูก") กิจกรรมการทอผ้านั้น นอกจากเป็นขั้นตอนการผลิตเครื่องนุ่งห่ม หนึ่งในปัจจัยสี่ของมนุษย์แล้ว ยังถือ เป็นงานศิลปะประเภททัศนศิลป์ด้วย เนื่องจากมีการให้สีสันและลวดลายต่างๆ ในผืนผ้า ปัจจุบันแม้จะมีการใช้ เครื่องจักรสำหรับทอผ้า ใช้คอมพิวเตอร์สำหรับการควบคุมการผลิตและออกแบบลายผ้า แต่การทอผ้าด้วยมือ ก็ยังเป็นศิลปะที่ได้รับการยกย่องและชื่นชมเสมอมา แนวคิดเกี่ยวกับภูมิปัญญาการทอผ้า สุภัทราโอฬาริกเดช (2536:ระบบออนไลน์) ได้กล่าววา่ ผ้าและงานทอผ้า นับเป็น ผลงานของความ เจริญรุ่งเรืองทางด้านศิลปะและวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของผู้คนในโลกนี้จากหลักฐานทางโบราณคดีที่ ปรากฏอยูในปัจจุบัน พบว่าดินแดนซึ่งเป็นราชอาณาจักรไทยอยู่นี้มีการ ทอผ้าขึ้นใช้มาแล้วไม่ต่ำกว่า 2,500ปี โดยหมู่ชนที่อาศัยกระจัดกระจายอยู่ทั่วไปในเขตแหลมทองนี้แม้แต่ไหมก็พบวามีการนำมาทอเป็นผืนผ้าตั้งแต่ สมัยประวัติศาสตร์โดยเฉพาะในแหล่ง โบราณคดีบ้านเชียงที่พบว่ามีการทอผ้าไหมมาก่อนที่จีนจะนำไปทอ
7 เป็นผ้าไหมจนแพร่หลายไปทั่วโลก การทอผ้าเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง ที่คนไทยรุ่นปัจจุบันต้องช่วยกนอนุรักษ์ไว้ ในสมัยก่อน ผู้หญิงไทยจะทำเครื่องใช้ต่างๆ ในบ้านเอง งานสำคัญอยางหนึ่งคือการทำเสื้อผ้า ผ้านุ่ง ผ้าห่ม ไว้ใช้กันในครอบครัว ในพิธีกรรมต่างๆ เกี่ยวกับการเกิด การบวช การแต่งงาน การตาย ก็ต้อง ใช้ผ้าผ้าทอจึง เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตคนไทยเช่นเดียวกับงานวิจัยของ ทัศวรรณ ธิมาคำ (2553) เรื่องการจัดการความรู้ภูมิ ปัญญาพื้นบ้านล้านนาเรื่องการทอผ้ายกลำพูน พบว่า มนุษย์สามารถผลิตผ้าชนิดต่างๆที่มีคุณภาพและมีสีสัน มากขึ้น ศิลปะเกี่ยวกับการทอผ้าหรือการผลิตผ้า คงสืบต่อเรื่อยมาจนถึงยุคที่คนไทยรวมตัวกันตั้ง เป็น อาณาจักรต่างๆขึ้น ตั้งแต่อาณาจักรล้านนาไทย (พุทธ ศตวรรษที่ 18-24) อาณาจักรสุโขทัย (พุทธศตวรรษที่ 19-24) และสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ (ตั้งแต่ พ.ศ. 2325จนถึงปัจจุบัน) ซึ่งในอาณาจักรล้านนาไทยนั้นหลักฐาน ทางประวัติศาสตร์ได้แสดงวามี ่ การทอผ้าขึ้นใช้ทั่วไป ทั้งที่ทอใช้สอยในครอบครัว และเป็นสินค้าซื้อขาย แลกเปลี่ยนกัน กรรมวิธีและเทคนิคในการทอผ้าให้เกิดลวดลายต่างๆ เป็นเทคนิคและ ความสามารถของแต่ละ คน หลักใหญ่ของการทอผ้าก็คือการนำเส้นฝ้ายหรือไหมมาขัดกันให้เป็น 10 ลายโดยขึงเส้นกลุ่มหนึ่งเป็นหลัก เรียกว่า เส้นด้ายยืน แล้วใช้อีกเส้นหนึ่ง เรียกวาเส้น ด้ายพุ่ง สอด ตามขวางของเส้นยืน เมื่อสานขัดกันก็จะเกิด ลวดลายต่างๆ ผ้าบางชนิด ผู้ทอจะคิดหาวิธีสอดด้ายและสอดสีสลับกัน บางวิธีก็จะจับผูกและมัด เน้นเป็นช่วงๆ หรืออาจจะยกด้ายที่ทอเป็นระยะๆ ทำให้เกิดลวดลายสวยงาม ผู้ทอต้องสามารถจดจำ ลวดลายที่ตนคิด ประดิษฐ์ได้ถึงแม้แต่ละลวดลายจะมีความซับซ้อนและหลากหลายแต่ก็สามารถ นำมาประสานกันได้อย่าง เหมาะเจาะงดงามแสดงถึงภูมิปัญญาและความสามารถของชาวชนบทเป็นอย่างดี ผ้าทอมือจึงมีเทคนิคการทอ และความสวยงามเป็นที่สุด ผ้าทอของชาวบ้านมีรูปแบบ ระเบียบ ลาย ที่บ่งชี้ถึงกลุ่มของคนไทยสายต่างๆ ได้ ผ้าซิ่นที่นุ่งก็มีการทอให้แตกต่างกนั สามารถบอกได้ว่า หญิงคนใดยังเป็นโสดและหญิงคนใดแต่งงานแล้ว ผ้าซิ่น ของหญิงมีสามีจะเป็นซิ่นที่นำผ้าสามชิ้นมาต่อกัน แบ่งเป็นส่วนบน ส่วนกลางและส่วนเชิงแต่ละส่วนจะทอเป็น ลวดลายแตกต่างกัน ทั้ง 3 ส่วน ผ้าซิ่นของหญิงสาวจะเป็นผ้าผืนเดียวกันตลอดทั้งผืน อาจใช้วิธีมัดหมี่เป็นดอก เป็นลวดลายอยางเดียวสวยงาม ชายผ้าซิ่น แทบทุกผืนจะมีวิธีทำลวดลายแปลกๆ เช่น อาจจะจกไหม สลับกับ ฝ้ายในรูปแบบของการทอผสมปักกลายๆ แต่แทนที่จะใช้เข็มปักเขาจะใช้ขนเม่นทำ ลวดลายวิธีนี้เรียกว่า จก แต่ละบ้านจะมีลวดลายของตน ผ้าตีนจกที่นิยมกันมากคือ ผ้าตีนจกของ หาดเสี้ยว จังหวัดสุโขทัย เป็นศิลปะ พื้นบ้านลวดลายสวย สีงาม งานประณีตนอกจากผ้ามัดหมี่ ผ้าจก แล้ว ยังมีผ้าแพรวาซึ่งใช้ เป็นผ้าคลุมไหล่ หรือห่มเฉียงไหล่ผ้าลิขิดซึ่งมีลวดลายเดียวกันตลอด นิยม ใช้ทำหมอน ผ้าปูโต๊ะ ผ้าคลุมเตียง ผ้ายกดอก เป็น ศิลปะการทออีกแบบหนึ่งคล้ายกับผ้าขิดแต่จะทอด้วยไหมทั้งผืน และยกดิ้นเงินหรือดิ้นทอง จังหวัด นครศรีธรรมราช มีชื่อเสียงในการทอผ้ายก เรียกว่า ผ้ายกเมืองนคร ผ้าพื้นและผ้าอื่นๆ ส่วนใหญ่เป็นผ้าที่ทอใช้ กันทั่วๆไปในชีวิตประจำวัน เช่น ผ้าโสร่ง ผ้าขาวม้า เป็นส้นขัดตาตารางหรือเป็นลายเส้นธรรมดา วัตถุดิบที่ใช้ในการทอผ้า วัตถุดิบ ที่นิยมนำมาใช้ทอผ้า ได้แก่ ไหม ฝ้าย และขนสัตว์นั้น นักวิชาการเชื่อกัน ว่า มีกำเนิดจาก ดินแดนอื่นนอกประเทศไทย ไหมนั้นเชื่อว่ามีต้นกำเนิดมาจากประเทศสาธารณรัฐ ประชาชนจีนแล้วนำไป เผยแพร่ในญี่ปุ่น อินเดีย รวมทั้งดินแดนต่างๆ ในเอเชีย และยุโรป ส่วนฝ้าย เชื่อกันว่าอาจมาจากอาหรับและ
8 เผยแพร่เข้ามาใช้กัน อย่างกว้างขวางในอินเดียก่อน จึงเข้ามาในแถบ ประเทศไทยและประเทศใกล้เคียง ภายหลังจนกลายเป็นพืชพื้นเมืองในแถบนี้ไป สำหรับขนสัตว์เป็นวัสดุที่เหมาะกับอากาศหนาว เชื่อกันว่า นำมาใช้ทำผ้าในยุโรปตอนเหนือก่อน แล้วจึงแพร่หลาย ไปสู่ดินแดน 4. อัตลักษณ์ผ้าทอไทลื้อ จังหวัดน่าน ผ้าทอลายน้ำไหล ผ้าทอที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวไทลื้อ จังหวัดน่าน เมืองเก่า ยังคงรักษาประเพณี วัฒนธรรมโบราณของตนเองสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งสันนิฐานว่าการออกแบบลายผ้าทอชาวไทลื้อ สืบเชื้อ สายมาจากชาวไทลื้อในดินแดนสิบสองปันนา ประเทศจีน อพยพเข้ามาอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ.2379 โดยตั้งถิ่นฐานที่บ้านล้าหลวง อ.เชียงคำ จ.พะเยา และตั้งถิ่นฐานอยู่ที่บ้านหนองบัว บ้านต้นฮ่าง ต.ป่าคา อ.ท่า วังผา จ.น่าน และบ้านดอนมูล อ.ท่าวังผา จ.น่าน โดยการนำของเจ้าหลวงเมืองล้า ชาวไทลื้อ มีภาษาพูด และ ประเพณีวัฒนธรรมเป็นของตนเอง และรักษาสืบทอดจนถึงปัจจุบันนี้ ประวัติดังกล่าวได้ปรากฎในจิตรกรรมฝาผนังวัดภูมินทร์ ซึ่งเป็นฝีมือช่างสกุลลื้อ ที่ได้วาดลวดลายของ ผ้าซิ่นของผู้หญิงในรูปเป็นลายผ้าซิ่นทั้งหมดด้วยผ้าทอลายน้ำไหลที่ดัดแปลงมาจากผ้าลายชาวลื้อ สมัยแรกๆ นิยมใช้ไหมเงิน และไหมคำ ด้านลายผ้าตรงส่วนที่เป็นหยักของกระแสน้ำ จากนั้นใช้ลายมุกรูปสัตว์แทรกเพื่อ แสดงว่าผู้คิดลายน้ำไหล ไม่ได้ลอกแบบของชาวลื้อมาทั้งหมด ผ้าทอลายน้ำไหลไทลื้อเริ่มทอกันครั้งแรกที่บ้าน หนองบัว อ.ท่าวังผา จ.น่าน เป็นศิลปะการทอผ้าด้วยมือ ผ้าทอน้ำไหลไทลื้อบ้านหล่ายทุ่ง จังหวัดน่าน ผ้าทอลายน้ำไหล ไทลื้อ บ้านหล่ายทุ่ง เป็นผ้าทอลายดั้งเดิมจากบรรพบุรุษที่มีเชื้อสายชาวไทลื้อ สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน ลวดลายผ้าแบบชนเผ่าไทลื้อดั้งเดิมมาผสมผสานกับ ลายซิ่นหงส์สา ซิ่นตีนจก ซิ่นลายป้องเต็มตัว ซิ่นม่านฝ้าย มาทอเป็นผ้านุ่งไปทำบุญและแจกให้กับญาติพี่น้อง เป็นที่ถูกใจแก่ผู้พบเห็น เนื่องจากมีลวดลายสวยงามแปลกตากว่าผ้าซิ่นทั่วไป จึงมีการริเริ่มรวบรวมสมาชิกเพื่อมาทอผ้าขึ้น ต่อมาในปี พ.ศ. 2526 ได้สร้างสรรค์ลวดลายจากจินตนาการ จากวิถีชีวิตที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ที่ ห้อมล้อมไปด้วยภูเขามีสายน้ำที่ไหลจากทางเหนือลงไปทางใต้ผ่านเกาะแก่งต่างๆ เวลาน้ำไหลกระทบกับ แสงแดดจะเกิดประกายระยิบระยับสวยงาม มีต้นกูดขึ้นตลอดสองฝั่งลำน้ำ ก่อให้เกิดลายผ้าทอที่สวยงาม เช่น ลายน้ำไหล ลายดอกกูด ลายภูเขา ลายน้ำไหลผสมไทลื้อ และลายน้ำไหลเต็มตัว สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน และ สามารถพัฒนาเป็นลายอื่นได้ตามจินตนาการ
9 ภาพที่ 4 ผ้าทอน้ำไหลไทลื้อ กลุ่มทอผ้าบ้านหล่ายทุ่ง ตำบลปอน อำเภอทุ่งข้าง จังหวัดน่าน (ที่มา : https://thailandtourismdirectory.go.th/th/attraction/5227) “ชนิกา โสดานาฎ” ตัวแทนกลุ่มทอผ้าบ้านหล่ายทุ่ง กล่าวว่า ผ้าทอลายน้ำไหลไทลื้อบ้านหล่ายทุ่ง เป็นผ้าทอลายดั้งเดิมจากบรรพบุรุษที่มีเชื้อสายไทลื้อสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน“เดิมนั้นมักจะทอผ้าซิ่นลาย มัดย้อม ซิ่นลายตาเดียว ตาลอน ซิ่นเครื่อง ผ้าหลบ ผ้าเติ้ม ผ้าขะม้า ถุงย่าม และตุง โดยลวดลายที่ใช้จะเป็น ลายดั้งเดิมสืบทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ทั้ง ลายเก็บ ลายกาบสัก ลายขอล้วง ลายหน่วย ลายน้ำแป ลายสี่แปหับ ลายกด ลายกูด ลายปู ลายเฉลี่ยง และลายขอกลับ ซึ่งลายทั้งหมดนี้ถูกเก็บลายใส่เส้นด้ายเพียง 3 เขาไม้ แล้ว นำไปประยุกต์เป็นลายต่างๆ ได้” ต่อมาในปี 2523 นางแสงเดือน ดอกเกี๋ยง ได้นำลวดลายผ้าแบบชนเผ่าไทลื้อ ดั้งเดิมมาผสมผสานกับลายซิ่นหงส์สา ซิ่นตีนจก ซิ่นลายป้องเต็มตัว ซิ่นม่านฝ้าย มาทอเป็นผ้านุ่งไปทำบุญ และ แจกให้กับญาติพี่น้อง ซึ่งเป็นที่ถูกใจแก่ผู้พบเห็น เนื่องจากมีลวดลายสวยงามไม่เหมือนผ้าซิ่นทั่วไป และในปี2526 ได้สร้างสรรค์ลวดลายจากจินตนาการ จากวิถีชีวิตที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ห้อมล้อมไปด้วย ภูเขา มีสายน้ำไหลจากทางเหนือลงไปทางใต้ผ่านเกาะแกร่งต่างๆ เวลาน้ำไหลกระทบกับแสงแดดจะเกิด ประกายระยิบระยับสวยงาม มีต้นกูดขึ้นตลอดสองฝั่งลำน้ำ ก่อให้เกิดเป็นลายผ้าทอที่สวยงาม อย่าง ลายน้ำ ไหล ลายดอกกูด ลายภูเขา ลายน้ำไหลผสมไทลื้อ และลายน้ำไหลเต็มตัว ซึ่งถูกสืบทอดมาถึงปัจจุบัน จุดเด่น/เอกลักษณ์ของผ้าทอน้ำไหลไทลื้อ ผ้าทอบ้านหล่ายทุ่งเป็นผ้าฝ้ายทอด้วยมือที่มี ความสวยงามและโดดเด่นในความเป็นเอกลักษณ์ของชน เผ่าชาวไทลื้อซึ่งมีมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน การทอผ้าไทลื้อช่างทอผ้าได้นำลวดลายทั้งเก่า และใหม่มาผสมผสานกันได้อย่างลงตัวตรงกับความต้องการ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย มีลวดลายที่หลากหลายซึ่งเกิดจากจินตนาการของ คนทอและเป็นภูมิปัญญาแต่ดั้งเดิม จุดเด่นของผ้า ทอบ้านหล่ายทุ่ง คือ เป็นผ้าทอลายไทลื้อแต่โบราณและมีการประยุกต์ลายให้ดอกเล็กลง
10 ภาพที่ 5 ลวดลายผ้าทอไทลื้อ กลุ่มทอผ้าบ้านหล่ายทุ่ง (ที่มา : https://mgronline.com/smes/detail/9550000105824) 5. โครงการหรืองานวิจัยที่เกี่ยวข้อง มัณฑนา ขําหาญ นวนพ สุวรรณภูมิและปิยะภรณ์ ณรค์ศักดิ์ (2559) ได้ทำการศึกษา เรื่อง การ ออกแบบผลิตภัณฑ์งานหัตถกรรมเครื่องเรือนจากเส้นใยต้นกล้วย เพื่อศึกษาศักยภาพและสร้างเสริมองค์ ความรู้ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างสมดุลและยั่งยืนบน พื้นฐานปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมุ่งเน้น ประสิทธิภาพการผลิตทางการเกษตรและการสร้างมูลค่าผลผลิตจากการเกษตรและพัฒนา องค์ความรู้ภูมิ ปัญญาท้องถิ่นให้เกิดประสิทธิภาพทางการผลิตอุตสาหกรรมและการบริการด้วยการออกแบบผลิตภัณฑ์งาน หัตถกรรม เครื่องเรือนจากเส้นใยต้นกล้วย จากการศึกษาเส้นใยจากต้นกล้วยมีมากมายหลายชนิด ผลจากการ ทดลองคุณสมบัติด้านต่างๆของ เส้นใยกล้วยที่ดีเหมาะที่จะใช้เป็นผ้าทอควรเป็นกล้วยป่าเพื่อให้คุณสมบัติที่ เหนียวทนทาน ซึ่งหาได้ง่ายในท้องถิ่น โตเร็ว ปลูกง่าย มัก พบทั่วไปทุกภูมิภาค กล้วยเป็นพืชที่ให้คุณค่า มากมาย เส้นใยแก่มีความเหนียว สามารถใช้ทําเส้นใยถักทอได้ การพัฒนากรรมวิธีการ ผลิตเส้นใยจากต้น กล้วยโดยการนําต้นกล้วยแกะกาบและก้านใบมาตากแห้งหรืออบกํามะถันเพื่อให้เส้นใยกล้วยมีความเหนียว คงทน และป้องกันเชื้อรา อีกทั้งต้องอาศัยความชํานาญในการทอประดิษฐ์ฝีมือออกมาอย่างตั้งใจ เส้นใยกล้วย จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สร้าง มูลค่า ผ้าทอ เพื่อเพิ่มคุณค่าของกล้วย ให้กับชุมชนที่เข้มแข็ง ในการพัฒนาทาง เศรษฐกิจต่อไป ผลการวิจัยพบว่าผ้าทอจากใยกล้วยมีการพัฒนาองค์ความรู้และต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่นให้ เกิดประโยชน์เชิงพาณิชย์พัฒนาเศรษฐกิจชุมชนอย่างยั่งยืนได้ตามหลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงด้วยการ บริหารจัดการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การออกแบบงานหัตถกรรมเครื่องเรือน มุ่งเน้นการออกแบบเครื่องเรือนที่ทันสมัย (Modern) จาก วัตถุประสงค์การวิจัยเชิงคุณภาพกึ่งการทดลองการผลิตด้วยเส้นใยต้นกล้วย ใช้ทดแทนวัสดุประเภทผ้าหุ้มเบาะ เน้นงานฝีมือด้านเครื่องเรือนโดย โครงสร้างตัวอย่างเก้าอี้รับแขกยังคงเป็นการใช้ไม้จริงบุฟองน้ำ หุ้มด้วยผ้าทอ จากเส้นใยต้นกล้วย เป็นการสร้างจุดเด่นของวัสดุธรรมชาติเพื่อพัฒนาและเพิ่มผลผลิต อุตสาหกรรมการเกษตร ให้มีความเจริญเติบโต สรุปผลด้านการออกแบบงานหัตถกรรมเครื่องเรือนเป็นชุดเก้าอี้นั่งรับแขกบุเบาะฟองน้ำหุ้มด้วยผ้า ทอจากเส้นใยกล้วยที่ได้จากธรรมชาติจากการทดลองตามกระบวนการขั้นตอนขึ้นรูปเครื่องเรือนสามารถจะใช้ ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสมทั้งกับ สภาพแวดล้อมของท้องถิ่นและสภาพเป็นอยู่ในปัจจุบันที่ทันสมัยแบบสากล
11 สามารถพัฒนาเป็นอุตสาหกรรมเครื่องเรือนด้วยรูปแบบ ที่เรียบง่าย หรูหรา เช่น บ้านพักอาศัย สถานที่ทํางาน โรงแรมหรือสถานที่ให้การต้อนรับก็สามารถใช้ได้อย่างเหมาะสม 1.ด้านการนําไปใช้ผลิตเครื่องเรือนควรพัฒนาเส้นใยจากต้นกล้วยให้เป็นชิ้นส่วนของเครื่องเรือนที่ หลากหลายมากกว่าการหุ้ม เบาะ 2.ด้านคุณสมบัติของผ้าทอจากเส้นใยต้นกล้วยที่ได้จากธรรมชาติเป็นการผลิตงานหัตถกรรมเส้นใย จึง มีความสวยงาม มันวาว เหนียว 3.ด้านการออกแบบชุดเก้าอี้นั่งรับแขกสามารถพัฒนาเป็นอุตสาหกรรมเครื่องเรือนด้วยรูปแบบที่ ทันสมัย เรียบง่าย หรูหรา เหมาะกับสภาพแวดล้อมของท้องถิ่นและสภาพเป็นอยู่ในปัจจุบันที่ทันสมัยแบบ สากล และทนทาน บุษรา สร้อยระย้า (2552) ได้ทำการศึกษา เรื่อง“การผลิตเส้นใยที่ทําจากธรรมชาติซึ่งส่วนที่นํามาใช้ เป็นส่วนของกาบกล้วยกระบวนการผลิตด้วยการนํากาบกล้วยที่ได้มา เข้าเครื่องแยก เพื่อนําไปนวดและทําการ ฟอกขาว หลังจากนั้นนําไปเป็นเส้นด้าย แล้วนําเส้นด้ายที่ได้มานั้นไปทอเป็นเนื้อผ้ามีการดูด ซับน้ำได้ดีช่วย ระบายอากาศ มีความทนทาน ไม่ต่างจากผ้าฝ้าย หรือผ้าลินิน สีสันสดใสเป็นธรรมชาติหรือสามารถเลือกได้ ตามใจ ชอบ ที่ช่วยระบายความร้อนได้ดีจึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะเลือกใส่ในบ้าน ราคาของเสื้อที่ได้ตัดเย็บ เรียบร้อยแล้วครั้งแรกที่วางจําหน่าย อาจจะมีราคา ค่อนข้างสูงผลิตออกมาน้อยทําให้ต้นทุนการผลิตสูง หาก เข้าสู่โรงงานก็จะยังมีราคาที่สูงแต่เพื่อเป็นการช่วยแก้ไขปัญหา ลดภาวะ โลกร้อนรวมถึงการสร้างเครือข่าย แลกเปลี่ยนทางวิชาการซึ่งมีคุณสมบัติเหนียวเป็นพิเศษเมื่อได้รับความชื้น และยังสามารถ ทนต่อน้ำทะเลได้ดี " ยงยุทธ จันทรอัมพร (2552) ได้ทำการศึกษาเรื่อง “เส้นใยกล้วยน้ำว้ามีความเหนียวของเส้นใยสูง เหมาะจะนําไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สร้างมูลค่าเพิ่มให้ต้นกล้วยน้ำว้าหลัง โค่นทิ้งเมื่อตัดเครือขาย การแปรรูป ต้นกล้วยเป็นผนังจะเลือกใช้ต้นกล้วยน้ำว้า ซึ่งมีเส้นใยเหนียวกว่ากล้วยชนิดอื่น การพัฒนากรรมวิธีการผลิต ด้วยการนําต้นกล้วยแกะกาบและก้านใบมาตากแห้งหรืออบกํามะถันเพื่อให้เส้นใยกล้วยมีความเหนียว คงทน และป้องกันเชื้อรา โดยนําเฉพาะลําต้นมาหั่นให้ได้ขนาด 2.5 -5 เซนติเมตร แล้วนําไปผึ่งแดดให้แห้งจนได้เส้น ใยที่มีน้ำหนักเบาลง จากนั้นนําเส้นใยมาผสมกับกาวไอโซไซยาเนต สําหรับเพิ่มคุณสมบัติการเกาะตัว โดย ทดลองทั้งสิ้น 9 สูตร โดยขึ้นรูปแผ่นเส้น ใยกล้วย สิ่งที่ต้องพัฒนาต่อไปคือ ค่าการพองตัวตามความหนา ซึ่งยัง ไม่ผ่านเกณฑ์การผลิต เนื่องจากวัสดุที่ได้มีความพรุนค่อนข้างสูง ทําให้ดูดซึมน้ำได้ง่าย แต่สําหรับคุณสมบัติ มอดูลัสแตกร้าวและคุณสมบัติมอดูลัสยืดหยุ่นผ่านเกณฑ์มาตรฐาน สามารถที่จะนําไปต่อยอดเชิงพาณิชย์ได้ใน อนาคตได้จริง
บทที่ 3 วัสดุอุปกรณ์และวิธีการศึกษา 1. วัสดุและอุปกรณ์ 1.1 ต้นกล้วยน้ำว้า(ที่ไม่ให้ผลผลิตแล้ว) 1.2 มีด 1.3 ENZease: เอนไซม์ดูโอสำหรับการลอกแป้งและกำจัดสิ่งสกปรกบนผ้าฝ้ายแบบขั้นตอนเดียว 1.4 น้ำ 1.5 กระจก 1.6 เส้นฝ้าย 1.7 เครื่องฉีกเส้นใยกล้วย 1.8 เครื่องทอผ้า 1.9 ตาชั่งสปริง 2. วิธีการศึกษา 2.1 ขั้นการทำเส้นใยกล้วย 2.1.1 นำต้นกล้วยมาตัดให้ได้ความยาวที่ต้องการ จากนั้นนำต้นกล้วยที่ตัดได้ วางบนกระจกแล้วใช้ มีดขูดทำมุมประมาณ 30-45 องศา ขูดทั้งสองด้านให้บางจนเหลือแต่เส้นใย ภาพที่ 6 แสดงการตัดต้นกล้วยน้ำว้าที่ไม่ให้ผลผลิตแล้ว ภาพที่ 7 แสดงการตัดต้นกล้วยน้ำว้าตามขนาดที่ต้องการ ภาพที่ 8 แสดงการแยกกาบต้นกล้วยน้ำว้าที่ตัดตามขนาด ภาพที่ 9 แสดงการขูดเส้นใยกล้วย
13 2.1.2 จากนั้นฉีกเส้นใยกล้วยให้เป็นเส้น ด้วยเครื่องฉีกใยกล้วยที่ทำไว้ ภาพที่ 10 แสดงเครื่องฉีกเส้นใยกล้วย ภาพที่ 11 แสดงการกดเส้นใยกล้วยลงบนเครื่องฉีกเส้นใยกล้วย ภาพที่ 12 แสดงการดึงเส้นใยกล้วยลงบนเครื่องฉีกเส้นใยกล้วย 2.1.3 เมื่อฉีกเส้นใยกล้วยแล้ว นำน้ำใส่กะละมัง ใส่เอนไซม์ดูโอลงไป (น้ำ 10 ลิตรต่อเอนไซม์ 1 ช้อน โต๊ะ) นำเส้นใยกล้วยที่ฉีกได้ แช่ลงในน้ำผสมเอนไซม์(ถ้าไม่มีเอนไซม์สามารถใช้น้ำส้มสายชูแทนได้) ประมาณ 7-10 นาที เพื่อทำความสะอาดเส้นใยหมดจด ทำให้ย้อมสีติดง่าย สีสวย สม่ำเสมอ อีกทั้งเป็นเอนไซม์ผลิตจาก จุลินทรีย์ ไม่ทำลายเนื้อผ้าเหมือนสารเคมีเส้นใยที่ได้มีความนุ่ม ภาพที่ 13 แสดงเอนไซม์ที่ใช้สำหรับการแช่เส้นใยกล้วย ภาพที่ 14 แสดงเอนไซม์ที่ใช้สำหรับการแช่เส้นใยกล้วย ภาพที่ 15 แสดงเอนไซม์ที่ใช้สำหรับการแช่เส้นใยกล้วย
14 2.1.4 นำเส้นใยกล้วยที่แช่เสร็จแล้วมามัดรวมกัน แล้วนำไปห้อยเพื่อตากให้แห้ง สามารถนำไปย้อมสีธรรมชาติ ต่างๆตามความต้องการ และนำไปแปรรูปต่อไป ภาพที่ 16 แสดงการรวบรวมเส้นใยกล้วยที่แช่ไว้ครบตามเวลาที่กำหนด ภาพที่ 16 แสดงการตากเส้นใยกล้วย ภาพที่ 17 แสดงเส้นใยกล้วยที่ตากแห้งแล้ว ภาพที่ 18 แสดงการย้อมสีเส้นใยกล้วยด้วยสีธรรมชาติ เช่น ฝาง ครั่ง ขมิ้น 2.2 ขั้นการแปรรูปเป็นผ้าทอ 1. นำเส้นใยกล้วยที่ได้มาทอสลับกับเส้นฝ้าย เป็นผ้าผืน ภาพที่ 19 แสดงอุปกรณ์การทอเส้นใยกล้วยสลับกับเส้นฝ้าย ภาพที่ 20 แสดงวิธีการทอเส้นใยกล้วยสลับกับเส้นฝ้าย
15 ภาพที่ 21 แสดงผ้าทอเส้นใยกล้วย 2.3 ขั้นการแปรรูปผลิตภัณฑ์ 1. นำเส้นใยกล้วยที่ได้มาทอสลับกับเส้นฝ้าย เป็นผ้าผืนแล้วนำมาตัดเป็นจานรองแก้ว กระเป๋า ปก สมุดโน๊ต ที่หุ้มแก้ว หุ้มแจกัน หรือนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆได้โดยนำเศษผ้าทอไทลื้อที่เหลือจากการตัด เย็บเสื้อผ้ามาตกแต่งด้วย ดังนี้ ภาพที่ 22 แสดงกระเป๋าจากผ้าทอเส้นใยกล้วย ภาพที่ 23 แสดงจานรองแก้ว ภาพที่ 24 ที่หุ้มแก้วจากผ้าทอเส้นใยกล้วย ภาพที่ 25 ปกสมุดโน๊ตจากผ้าทอเส้นใยกล้วย
บทที่4 ผลการศึกษา โครงงานวิทยาศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อม ประเภท /นัวตกรรมจากขยะเส้นใยกล้วย เนื่องจากกล้วยที่ ถูกตัดเครือแล้ว ลำต้นจะต้องถูกตัดทิ้งไปเนื่องจากไม่ให้ผลผลิตแล้ว ทำให้เกิดขยะธรรมชาติมากขึ้น การทำ นวัตกรรมจากเส้นใยกล้วย สามารถลดปริมาณของขยะธรรมชาติ(ขยะอินทรีย์)ได้ ด้วยการนำเส้นใยกล้วยที่ ได้มาทอเป็นผ้าสลับกับเส้นฝ้าย แล้วนำผ้าที่ได้นั้นไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ผลิตภัณฑ์ที่ได้นั้นเกิดจาก ความคิดสร้างสรรค์ มีความคงทนแข็งแรง เป็นอัตลักษณ์ชองชุมชน สามารถพัฒนาสิ่งประดิษฐ์หรือผลิตภัณฑ์ ต้นแบบสร้างมูลค่าเพิ่มต่อยอดสู่อาชีพได้
บทที่ 5 สรุปผลและอภิปรายผล 1. สรุปผลและอภิปรายผล จากการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อม ประเภทนวัตกรรมจากขยะ มหัศจรรย์ผลิตภัณฑ์จากเส้น ใยกล้วยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ของการศึกษา คือ 1) เพื่อลดปริมาณขยะธรรมชาติจากต้นกล้วยที่ไม่ให้ผลผลิต แล้ว 2) เพื่อศึกษากระบวนการสร้างนวัตกรรมจากเส้นใยกล้วย และ 3 ) เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบจากเส้น ใยกล้วย ผลจากการศึกษา พบว่า ปริมาณขยะอินทรีย์จากต้นกล้วยที่ถูกตัดทิ้ง มีปริมาณลดลง และสามารถ นำไปสร้างเป็นนวัตกรรมหรือเป็นผลิตภัณฑ์ต่อได้ และผู้ศึกษาได้ทราบถึงกระบวนการสร้างนวัตกรรมใหม่จาก เส้นใยกล้วย เพื่อลดปริมาณขยะธรรมชาติจากต้นกล้วยที่ไม่ให้ผลผลิตแล้ว และยังสามารถพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ หรือผลิตภัณฑ์ต้นแบบของชุมชนเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มได้โดยการนำเส้นใยกล้วยมาทอกับเส้นฝ้าย เป็นผ้าทอ จากใยกล้วยที่สวยงามและมีความแข็งแรง อีกทั้งเส้นใยกล้วยยังสามารถนำไปย้อมสีธรรมชาติและนำมาทอเป็นลวดลายต่างๆ ร่วมกับลายผ้าภูมิ ปัญญาชาวบ้าน ออกแบบเป็นผลิตภัณฑ์เป็นอัตลักษณ์ของชุมชน และนำไปต่อยอดสู่การสร้างงานสร้างอาชีพ ได้ 2. ข้อเสนอแนะและแนวทางในการพัฒนา 1. เส้นใยกล้วยสามารถนำไปย้อมสีธรรมชาติได้ตามที่ต้องการ และนำมาทอเป็นลวดลายต่างๆ 2. การนำเส้นใยกล้วยไปทอเป็นผ้าผืน สลับกับเส้นฝ้าย สามารถนำผ้าที่ได้ไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆที่ หลากหลาย เช่น ตัดเย็บเป็นกระเป๋าหนัง เพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ได้ 3. เศษกล้วยที่เหลือจากการขูด สามารถนำไปทำ กระดาษสา ปุ๋ยหมักหรือเป็นอาหารให้สัตว์เลี้ยงได้
18 บรรณานุกรม ว่าที่ ร.ต. ณัฐวัชร นิธิทองสกุล.(2563). การปรับปรุงคุณภาพเส้นใยกล้วยสำหรับผ้าทอ[วิทยานิพนธ์ ปริญญา มหาบัณฑิต]./ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ. บุษรา สร้อยระย้า.(2552) จากเส้นใยต้นกล้วยมาเป็น 'เสื้อใยกล้วย' ...ระบายร้อนได้ดี (Green Trends in Food, Crafts, Fashion and Textiles? ) : คณบดีคณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคล (มทร.). วิทยา เขตพระนคร. มัณฑนา ขําหาญ , นวนพ สุวรรณภูมิ,ปิยะภรณ์ ณรค์ศักดิ์ (2563). การออกแบบผลิตภัณฑ์งานหัตถกรรม เครื่องเรือนจากเส้นใยต้นกล้วย ,/ปีที่7(ฉบับที่2),/39-54./ https://so01.tcithaijo.org/index.php/ajnu/article/view/73245/58961 ยงยุทธ จันทรอัมพร.ผนังเฟอร์นิเจอร์จากใยกล้วย อิงธรรมชาติ: สาขาวิชาเทคโนโลยีทางอาคาร. คณะ สถาปัตยกรรมศาสตร์. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.)2552. สุภัทราโอฬาริกเดช. แนวคิดเกี่ยวกับภูมิปัญญาการทอผ้า วิธีสืบค้น. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก https://archive.lib.cmu.ac.th/full/T/2556/edvoc40556tc_ch2.pdf (วันที่ค้นข้อมูล : 20 มิถุนายน 2566). อัตลักษณ์ผ้าทอไทลื้อ จ.น่าน วิธีสืบค้น. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก https://mgronline.com/smes/detail/9550000105824 (วันที่ค้นข้อมูล : 20 มิถุนายน 2566). เส้นใยกล้วย วิธีสืบค้น. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก https://www.bangkokcrafter.com/banana-fibers (วันที่ค้นข้อมูล : 20 มิถุนายน 2566). วิธีการทำ เครื่องแยกเส้นใยกล้วย วิธีสืบค้น. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก https://www.atdptextiles.org/blog_banana_fiber/ . (วันที่ค้นข้อมูล : 20 มิถุนายน 2566).
19 ภาคผนวก
19 ภาพแสดงสภาพปัญหาที่พบในชุมชนและกระบวนการสร้างนวัตกรรม
19 ภาพแสดงสภาพปัญหาที่พบในชุมชนและกระบวนการสร้างนวัตกรรม
19 ภาพการทดสอบการรับน้ำหนักของเส้นใยกล้วย ภาพการทดสอบประสิทธิภาพการติดสีย้อมของเส้นใยกล้วยน้ำว้า โดยการซักล้างด้วยน้ำเปล่า
19 1.การศึกษาประสิทธิภาพความแข็งแรงของเส้นใยกล้วยน้ำว้า ตารางที่ ๑ ตารางบันทึกผลแสดงประสิทธิภาพความแข็งแรงของเส้นใยกล้วยน้ำว้า โดยใช้เส้นใยกล้วยที่มีความ หนาเท่ากัน จำนวน ๑๐ เส้น ทดสอบกับการรับน้ำหนักของวัตถุที่มี ดังนี้ น้ำหนัก วัตถุ เส้น ประสิทธิภาพความแข็งแรง การรับน้ำหนักของเส้นใยกล้วยน้ำว้า (เส้นใยที่ /น้ำหนัก (กรัม)) เฉลี่ย ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ นำหนักที่ รับได้ 0.625 0.630 1.045 1.035 1.045 1.050 1.045 1.055 1.045 1.030 0.961 จากตารางที่ ๑ แสดงประสิทธิภาพความแข็งแรงของเส้นใยกล้วยน้ำว้า โดยใช้เส้นใยกล้วยที่มีความหนาเท่ากัน จำนวน ๑๐ เส้น ทดสอบกับการรับน้ำหนักของวัตถุ พบว่า เส้นใยกล้วยน้ำว้าเส้นที่ ๑ รับน้ำหนักได้ที่ ๐.๖๒๕ กรัม, เส้นใยกล้วยน้ำว้าเส้นที่ ๒ รับน้ำหนัก ได้ที่ ๐.๖๓๐ กรัม, เส้นใยกล้วยน้ำว้าเส้นที่ ๓ รับน้ำหนักได้ที่ 1.045 กรัม, เส้นใยกล้วยน้ำว้าเส้นที่ ๔ รับน้ำหนักได้ที่ ๑.๐๓๕ กรัม, เส้นใยกล้วยน้ำว้าเส้นที่ ๕ รับน้ำหนักได้ที่ ๑.๐๔๕ กรัม, เส้นใยกล้วยน้ำว้า เส้นที่ ๖ รับน้ำหนักได้ที่ ๑.๐๕๐ กรัม, เส้นใยกล้วยน้ำว้าเส้นที่ ๗ รับน้ำหนักได้ที่ ๑.๐๔๕ กรัม, เส้นใยกล้วย น้ำว้าเส้นที่ ๘ รับน้ำหนักได้ที่ ๑.๐๕๕ กรัม, เส้นใยกล้วยน้ำว้าเส้นที่ ๙ รับน้ำหนักได้ที่ ๑.๐๔๕ กรัม, เส้นใย กล้วยน้ำว้าเส้นที่ ๑๐ รับน้ำหนักได้ที่ ๑.๐๓๐ กรัม จากการทดสอบประสิทธิภาพความแข็งแรงของเส้นใยกล้วยน้ำว้า โดยใช้เส้นใยกล้วยที่มีความหนา เท่ากัน จำนวน ๑๐ เส้น ทดสอบกับการรับน้ำหนักของวัตถุ พบว่า เส้นใยกล้วยน้ำว้า สามารถรับน้ำหนักสูงสุด โดยเฉลี่ยที่ 0.961 กรัม แสดงให้เห็นว่า เส้นใยกล้วยน้ำว้ามีความคงทนแข็งแรง สามารถนำไปเป็นวัสดุตั้งต้น ในการนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆได้
19 2.การศึกษาประสิทธิภาพการติดสีย้อมของเส้นใยกล้วยน้ำว้า ตารางที่ ๒ แสดงประสิทธิภาพการติดสีย้อมของเส้นใยกล้วยน้ำว้า โดยการซักล้างด้วยน้ำเปล่า ดังนี้ ซักล้างด้วย น้ำเปล่า (ครั้ง) ชนิดของสีย้อม ขมิ้น (สีเหลือง) ฝาง (แดง) ขมิ้น+ฝาง (ส้ม) 1 สีย้อมละลายเป็นสีเหลืองเข้ม มีสีย้อมติดที่เส้นใยกล้วย สีย้อมละลายเป็นสีแดงเข้ม มีสีย้อมติดที่เส้นใยกล้วย สีย้อมละลายเป็นสีส้มเข้ม มีสีย้อมติดที่เส้นใยกล้วย 2 สีย้อมละลายเป็นสีเหลืองเข้ม มีสีย้อมติดที่เส้นใยกล้วย สีย้อมละลายเป็นสีแดง มีสีย้อมติดที่เส้นใยกล้วย สีย้อมละลายเป็นสีส้มเข้ม มีสีย้อมติดที่เส้นใยกล้วย 3 สีย้อมละลายเป็นสีเหลือง มีสีย้อมติดที่เส้นใยกล้วย สีย้อมละลายเป็นสีแดง มีสีย้อมติดที่เส้นใยกล้วย สีย้อมละลายเป็นสีส้ม มีสีย้อมติดที่เส้นใยกล้วย 4 สีย้อมละลายเป็นสีเหลือง มีสีย้อมติดที่เส้นใยกล้วย สีย้อมละลายเป็นสีแดง มีสีย้อมติดที่เส้นใยกล้วย สีย้อมละลายเป็นสีส้ม มีสีย้อมติดที่เส้นใยกล้วย 5 สีย้อมละลายเป็นสีเหลือง มีสีย้อมติดที่เส้นใยกล้วย สีย้อมละลายเป็นสีแดง มีสีย้อมติดที่เส้นใยกล้วย สีย้อมละลายเป็นสีส้ม มีสีย้อมติดที่เส้นใยกล้วย 6 สีย้อมละลายเป็นสีเหลืองอ่อน มีสีย้อมติดที่เส้นใยกล้วย สีย้อมละลายเป็นสีแดงอ่อน มีสีย้อมติดที่เส้นใยกล้วย สีย้อมละลายเป็นสีส้มอ่อน มีสีย้อมติดที่เส้นใยกล้วย 7 สีย้อมละลายเป็นสีเหลืองอ่อน น้ำเริ่มใส มีสีย้อมติดที่เส้นใย กล้วย สีย้อมละลายเป็นสีแดงอ่อน มีสีย้อมติดที่เส้นใยกล้วย สีย้อมละลายเป็นสีส้มอ่อนมี สีย้อมติดที่เส้นใยกล้วย 8 สีย้อมละลายเป็นสีเหลืองอ่อน น้ำเริ่มใส มีสีย้อมติดที่เส้นใย กล้วย สีย้อมละลายเป็นสีแดงอ่อน น้ำเริ่มใส มีสีย้อมติดที่เส้น ใยกล้วย สีย้อมละลายเป็นสีส้มอ่อน น้ำเริ่มใส มีสีย้อมติดที่เส้นใย กล้วย 9 สีย้อมไม่ละลาย น้ำใสไม่มีสี มีสีย้อมติดที่เส้นใยกล้วย สีย้อมละลายเป็นสีแดงอ่อน น้ำเริ่มใส มีสีย้อมติดที่เส้น ใยกล้วย สีย้อมละลายเป็นสีส้มอ่อน น้ำเริ่มใส มีสีย้อมติดที่เส้นใย กล้วย 10 สีย้อมไม่ละลาย น้ำใสไม่มีสี มีสีย้อมติดที่เส้นใยกล้วย สีย้อมไม่ละลาย น้ำใสไม่มีสี มีสีย้อมติดที่เส้นใยกล้วย สีย้อมไม่ละลาย น้ำใสไม่มีสี มีสีย้อมติดที่เส้นใยกล้วย ผลการทดสอบประสิทธิภาพการติดสีย้อมของเส้นใยกล้วยน้ำว้า โดยการซักล้างด้วยน้ำเปล่า จากตารางที่ ๒ แสดงการทดสอบประสิทธิภาพการติดสีย้อมของเส้นใยกล้วยน้ำว้า โดยการซักล้างด้วยน้ำเปล่า พบว่า สีที่ย้อมจากขมิ้น (สีเหลือง), ฝาง (แดง), ขมิ้น+ฝาง (ส้ม) เมื่อนำไปล้างน้ำเปล่าจำนวน 10 ครั้ง แล้ว เส้นใยกล้วย ยังมีสีที่ย้อมติดอยู่ที่เส้นใยกล้วย แสดงให้เห็นว่าเส้นใยกล้วยมีคุณสมบัติในการติดสีย้อม สามารถ นำเส้นใยกล้วยไปย้อมสีและนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆได้
โโคครรงงงงาานนวิวิ วิ ทวิ ทยยาาศศาาสสตตร์ร์ ร์ร์ ปปรระะเเภภทท นนวัวั วั ตวั ตกกรรรรมมจาจากกขขยยะะ เเรื่รื่ รื่ อรื่ องง มมหัหั หัศหัศจจรรรรย์ย์ ย์ ผย์ ผลิลิ ลิ ตลิ ตภัภั ภั ณ ภั ณฑ์ฑ์ ฑ์ จฑ์ จาากกเเส้ส้ ส้ นส้ นใใยยกกล้ล้ ล้ วล้ วยย สสกกรร..อำอำอำอำเเภภออทุ่ทุ่ทุ่งทุ่งช้ช้ ช้ า ช้ างง จัจังหงหวัวั วั ดวั ดน่น่ น่ าน่ านน