The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ข้อสอบ สวช2563-2564 ม3 รวม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sssmce, 2022-07-11 03:58:55

ข้อสอบ สวช2563-2564 ม3 รวม

ข้อสอบ สวช2563-2564 ม3 รวม

การแขง่ ขันสอบวดั ทกั ษะวชิ าการระดบั ชาติ ประจำปี พ.ศ. 2564 ข้อสอบวิชาวชิ าวิทยาศาสตร์

ภาคเี ครือขา่ ยโรงเรียนท่ัวประเทศ และสถาบนั อีซล่ี ิชประเทศไทย รหัสชุดขอ้ สอบ 302004

_____________________________________________________________________________________________________________________________ _______________________________________________________________

ผลสรปุ ท่ีเดก็ ชายเอบันทกึ ข้อใดตอ่ ไปนี้ไม่ถกู ต้อง

1. สไลด์ A และ C เปน็ เซลล์พชื 2. สไลด์ B สามารถพบไดใ้ นเซลลส์ ง่ิ มชี วี ิตประเภทสัตว์มีกระดกู สันหลัง

3. สไลด์ B และ D เป็นเซลลส์ ัตว์ 4. เดก็ ชายเอบันทกึ ผลสไลด์ A ไมถ่ กู ตอ้ ง

5. ในเซลลส์ ตั วม์ คี วามเปน็ ไปไดว้ ่าเซลลบ์ างชนดิ อาจจะพบแวควิ โอล แต่บางชนิดอาจจะไม่พบ

25. “ปองพลทำการทดลองโดยการปลูกตน้ มะม่วงชนดิ เดียวกนั ในดนิ ชนดิ ต่างๆ ดงั นี้ ดนิ เหนียว, ดินร่วน, ดินทราย,

ดินโคลน, ดนิ ผสมปูนขาว, ดนิ ผสมกากมะพรา้ ว และดนิ ผสมปุย๋ เคมี เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ เมื่อครบกำหนดเวลา

ปองพลทำการชั่งน้ำหนัก, วัดส่วนสูงของตน้ , นับจำนวนใบ, และวัดความยาวใบของมะมว่ งแต่ละต้น” จากข้อความน้ี

ข้อใดคอื สมมตฐิ าน, ตวั แปรตน้ , ตัวแปรตาม, และตวั แปรควบคุมของการทดลอง

ข้อ สมมตฐิ าน ตวั แปรต้น ตวั แปรตาม ตัวแปรควบคมุ

1. ดินตา่ งชนิดกนั ทำใหต้ น้ มะม่วงเจรญิ เติบโตได้ การเจรญิ เติบโตของตน้ ชนิดของดนิ ปริมาณอากาศและนำ้ , แสง
ไม่เท่ากนั มะมว่ ง สว่าง

2. ชนิดของดนิ มีผลตอ่ การเจริญเตบิ โตของตน้ การเจรญิ เตบิ โตของตน้ ชนดิ ของดนิ ปรมิ าณอากาศและนำ้ , แสง
มะมว่ งได้หรอื ไม่ มะมว่ ง สวา่ ง

3. ดินตา่ งชนดิ กนั ทำให้ตน้ มะมว่ งเจรญิ เติบโตได้ ปรมิ าณอากาศและน้ำ, แสง การเจรญิ เติบโตของต้น ชนดิ ของดนิ
มะม่วง
ไม่เท่ากัน สว่าง

4. ดินต่างชนิดกนั ทำให้ตน้ มะม่วงเจรญิ เติบโตได้ ชนดิ ของดนิ ปรมิ าณอากาศและน้ำ, แสง การเจรญิ เติบโตของต้น
เทา่ กนั สว่าง มะมว่ ง

5. ดินต่างชนดิ กนั ทำใหม้ ะมว่ งเจรญิ เตบิ โตไดไ้ ม่ ชนดิ ของดิน การเจรญิ เติบโตของตน้ ปริมาณอากาศและนำ้ , แสง
เท่ากนั มะมว่ ง สวา่ ง

26. ศึกษาการลำเลียงน้ำของพืช โดยการทดลองครั้งที่ 1 นำต้นเทียนที่มีรากติดอยู่แช่ในน้ำสีแดงแล้วจับเวลา 5 นาที

พบว่าน้ำสแี ดงเคลื่อนที่ขึน้ ไปตามลำต้นจนมีความสูง 6 เซนติเมตร จากนั้นทำการทดลองซ้ำครั้งที่ 2 โดยมกี ารปรับ

สภาพแวดล้อมให้ต่างไปจากการทดลองครั้งที่ 1 แล้วจับเวลา 5 นาที พบว่าน้ำสีแดงเคลื่อนที่ขึ้นไปตามลำต้นจนมี

ความสูง 4 เซนตเิ มตร การปรบั สภาพแวดล้อมแบบใดในการทดลองครั้งที่ 2 ที่จะไมส่ อดคล้องกบั ผลการทดลองดังกล่าว

1. ปรบั ความเขม้ แสงและอุณหภมู ิลดลง ปัจจัยอน่ื คงท่ี 2. ปรบั ความชนื้ เพ่ิมขึ้นและอณุ หภมู ลิ ดลง ปัจจัยอ่นื คงที่

3. ปรบั ความเร็วลมมากขนึ้ และอณุ หภมู เิ พม่ิ ข้ึน ปจั จัยอืน่ คงที่ 4. ปรบั ความเข้มแสงและความเร็วลมนอ้ ยลง ปัจจยั อน่ื คงท่ี

5. ปรับใหม้ ีนำ้ ในดนิ น้อยลง และความช้นื บรรยากาศเพิม่ ขึน้ ปัจจยั อ่นื คงที่

27. นำพืชชนิดหนง่ึ มาแช่ในนำ้ ทผี่ สมสแี ดง เมอื่ สงั เกตเห็นลำต้นมสี ีแดงแล้วนำไปสอ่ งกลอ้ งจุลทรรศนแ์ ลว้ สงั เกต จาก
การทดลองนี้ ขอ้ ใดสรุปไมถ่ ูกต้อง
1. โฟลเอม็ ทำหน้าที่ในการลำเลียงอาหาร โฟลเอ็ม

2. บรเิ วณที่ตดิ สแี ดงคอื ไซเลม็ มีหน้าทล่ี ำเลยี งน้ำ ภาพจากกล้องจลุ ทรรศน์
3. เปน็ การศกึ ษาทอ่ ลำเลียงของพืชใบเล้ยี งเด่ยี ว ของลำต้นทตี่ ัดตามแนวขวาง
4. ทศิ ทางการลำเลยี งนำ้ ของพชื จากรากไปสใู่ บ ไซเล็ม
5. ทศิ ทางการลำเลยี งอาหารจากใบไปยังยอดและรากของพืช
นำ้ สแี ดง
28. ขอ้ ใดเป็นความสมั พนั ธ์ระหว่างส่ิงมชี วี ติ 2 ชนดิ ประเภทเดียวกัน
1. ปลาฉลามกบั เหาฉลาม / เหบ็ กบั สนุ ัข 2. แบคทเี รียในลำไสป้ ลวก / พยาธใิ บไมใ้ นตับมนษุ ย์

3. นกเอย้ี งกบั ควาย / ปลาการ์ตูนกบั ดอกไม้ทะเล 4. กลว้ ยไมบ้ นตน้ ไม้ใหญ่ / กาฝากบนตน้ ไม้ใหญ่

5. เสือกับกวาง / มดกับเพลยี้

29. จากสายใยอาหารตอ่ ไปน้ี ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง

1. สายใยอาหารน้ี ประกอบด้วย 4 โซ่อาหาร

2. ข้าวเป็นผู้ผลิต จะมมี วลชีวภาพมากกว่าสง่ิ มชี วี ิตชนิดอื่นในระบบนิเวศ

3. ถ้ากบและนกมีจำนวนลดลง แมลงและหนอนจะมจี ำนวนเพม่ิ ข้ึนเพราะผ้ลู ่าลดลง

4. พลงั งานในโซอ่ าหารจะถา่ ยทอดไปท่คี นมากทสี่ ุด เพราะเปน็ ผู้บรโิ ภคขน้ั สดุ ท้าย

5. ถา้ มกี ารฉีดสารเคมีในนา นกจะมีการสะสมสารเคมมี ากกว่าหนอน

6

การแข่งขันสอบวดั ทักษะวชิ าการระดบั ชาติ ประจำปี พ.ศ. 2564 ข้อสอบวชิ าวชิ าวทิ ยาศาสตร์

ภาคเี ครอื ข่ายโรงเรียนท่วั ประเทศ และสถาบันอีซ่ลี ิชประเทศไทย รหสั ชดุ ขอ้ สอบ 302004

_____________________________________________________________________________________________________________________________ _______________________________________________________________

30. พิจารณาตารางสมบตั บิ างประการของหนิ แปรชนิดตา่ งๆ แล้วจงระบชุ นิดของหนิ เรยี งตามลำดับใหถ้ กู ตอ้ ง

หนิ ลักษณะเน้อื หนิ ตน้ กำเนดิ ลกั ษณะอน่ื ๆ

ชนดิ ที่ 1 เนอ้ื หยาบ หินดนิ ดาน แซะเปน็ แผ่นได้

ชนดิ ท่ี 2 เนอ้ื ละเอียด ------ เน้ือละเอยี ดปานกลาง เกดิ จากการทบั ถม มอี งคป์ ระกอบหลักเปน็ แรค่ วอตซ์

ชนดิ ที่ 3 เน้ือหยาบ ------ เยน็ ตัวลงภายในเปลอื กโลกอย่างชา้ ๆ ประกอบด้วยผลกึ ขนาดใหญ่

ชนิดท่ี 4 เนอื้ ละเอียด หินปนู ทำปฏิกริ ิยากบั กรดเกดิ ฟองฟู่

ชนิดที่ 5 เนื้อละเอยี ด ------ เยน็ ตัวอยา่ งรวดเร็ว เนอื้ หินเหมอื นแก้วสดี ำ

1. หนิ ชนวน หินทราย หินแกรนติ หนิ ออ่ น หินออบซเิ ดยี น 2. หนิ ออ่ น หนิ ทราย หนิ แกรนติ หินชนวน หินพมั มิซ

3. หนิ ปนู หนิ ทราย หนิ แกรนิ หนิ อ่อน หินออบซิเดียน 4. หินชนวน หนิ ทราย หนิ แกรนติ หินอ่อน หินพมั มซิ

5. หนิ ชนวน หินแกรนติ หินทราย หินออ่ น หินออบซเิ ดยี น

31. โครงสร้างภายในโลกแบง่ ออกเป็นช้นั ตามองคป์ ระกอบทางเคมี ไดแ้ ก่ ช้นั A B C และ D ดังภาพ ข้อใดกล่าวถกู ต้อง
1. ชนั้ A คือ แกน่ โลก ช้นั B คอื เนือ้ โลก ช้ัน C คือ เปลือกโลก และชั้น D คอื ชั้นบรรยากาศของโลก
2. ชนั้ A มอี ณุ หภูมแิ ละความดันสงู ท่ีสดุ มสี ถานะเปน็ ของเหลว
3. ชั้น B ประกอบด้วยแร่ธาตุหลัก คือ เหล็กและนิกเกิล มสี ถานะเปน็ ของเหลว

4. ช้นั C คือ หินหนืดทัง้ หมด มสี ถานะเป็นของเหลว
5. ชน้ั D เปลือกโลกมหาสมทุ รหนากวา่ เปลอื กโลกทวีป

32. พิจารณาระบบสบื พันธเุ์ พศชาย และระบบสบื พันธุเ์ พศหญิงของมนษุ ย์ ดงั รปู ต่อไปนี้

ขอ้ ความใดกลา่ วผิด

เพศชาย เพศหญิง

1. อสุจถิ ูกสร้างในบริเวณ E และถูกสง่ ไปพักเก็บไว้ท่ี A 2. ตอ่ ม B ทำหนา้ ที่สรา้ งน้ำเลย้ี งอสจุ ิ
3. อณั ฑะในเพศชายทำหนา้ ทเ่ี หมอื นกับอวยั วะ H ในเพศหญงิ 4.Fเป็นทท่ี ม่ี ีหลอดเลือดเลย้ี งมากเพ่ือรบั การฝังตวั ของตัวอ่อน
5. ถ้าไมม่ ีการปฏสิ นธิ เน้ือเยอ่ื บรเิ วณ G จะหลุดออกเป็นเลือดประจำเดือน

33. หนนู าและหนเู ล็กแจง้ ความกับตำรวจวา่ “นาย ก. คอื พ่อของตน แตน่ าย ก. ไมย่ อมรบั ” ตำรวจจงึ ขอเก็บเลือดเพอ่ื

ไปตรวจสอบ ได้ขอ้ มูลดงั น้ี ข้อใดสามารถสรปุ ไดถ้ ูกต้อง

บคุ คล หมู่เลือด บุคคล หมเู่ ลือด
แม่ A หนเู ล็ก O
หนนู า A นาย ก. (ชายต้องสงสยั ) B

1. นาย ก. ไม่ใช่พอ่ ของหนนู าและหนูเลก็ เนอื่ งจากหมเู่ ลอื ดหนนู าและหนูเลก็ ไม่เหมอื นกับนาย ก.
2. นาย ก. ไมใ่ ชพ่ ่อของหนูนาและหนูเลก็ เนอ่ื งจากพอ่ ของของเด็กทง้ั สองตอ้ งมหี มเู่ ลอื ด O เทา่ น้ัน
3. นาย ก. มีโอกาสเป็นพ่อของหนนู าแตไ่ ม่ใช่พ่อของหนูเล็ก เนื่องจากหมู่เลอื ด O จะเกิดจากพ่อหม่เู ลอื ด O เทา่ นั้น
4. นาย ก. มโี อกาสเป็นพอ่ ของทง้ั หนนู าและหนเู ลก็ เนื่องจากแม่มหี มูเ่ ลอื ด A ถา้ พอ่ มีหมู่เลือด B จะ สามารถให้

กำเนิดลกู ได้ทกุ หมู่เลือด
5. นาย ก. เป็นพ่อของหนูนาและหนเู ลก็ อย่างแน่นอน เนอ่ื งจากถ้าแม่มหี มเู่ ลือด A แล้วพ่อเปน็ หมเู่ ลอื ด B จะให้

กำเนิดลูกทม่ี หี มเู่ ลอื ด A และ O เท่านั้น

34. จากแผนภาพการไหลเวียนเลอื ดของมนุษย์ ขอ้ ใดกล่าวถกู ต้อง

1. หัวใจหอ้ ง A และ B รับเลือดทม่ี แี ก๊สออกซเิ จนสูง
2. หวั ใจหอ้ ง A มีผนังหนาที่สุด เพราะต้องรับเลือดทม่ี าจากรา่ งกาย
3. หัวใจหอ้ ง C ส่งเลอื ดท่ีมีปรมิ าณแก๊สออกซิเจนสูงไปยังรา่ งกาย
4. หลอดเลอื ด G คอื พลั โมนารอี าร์เทอรี ลำเลียงเลือดทีม่ ีแกส๊ ออกซเิ จนสูง
5. หลอดเลือด E มีล้ินกั้นภายในหลอดเลือด

7

การแข่งขนั สอบวดั ทกั ษะวชิ าการระดบั ชาติ ประจำปี พ.ศ. 2564 ขอ้ สอบวชิ าวชิ าวทิ ยาศาสตร์

ภาคีเครือข่ายโรงเรียนท่ัวประเทศ และสถาบนั อีซี่ลชิ ประเทศไทย รหัสชดุ ข้อสอบ 302004

_____________________________________________________________________________________________________________________________ _______________________________________________________________

35. จากแผนภาพความสมั พันธ์ระหวา่ งโลก ดวงจนั ทร์ และดวงอาทิตย์ หากใหผ้ ูส้ งั เกตที่อยู่บนโลกมองเหน็ ดวงจนั ทร์

เต็มดวง ดวงจันทร์จะอยทู่ ีต่ ำแหนง่ ใด และทีต่ ำแหน่งดังกลา่ วเกดิ ปรากฏการณใ์ ดได้อีกบา้ ง

ตำแหน่งของดวงจันทร์ ปรากฏการณ์อน่ื ๆ ที่เกิดข้ึน

1. A สุริยุปราคา

2. C จันทรุปราคา

3. E นำ้ ขึ้น

4. G น้ำเป็น

5. A นำ้ ตาย

สว่ นท่ี 2 : ข้อสอบวดั ทกั ษะประยกุ ต์สง่ เสรมิ กระบวนการคิดทางวทิ ยาศาสตร์ (ข้อ 36 - 40)

36. ข้อใดจดั เป็นคลน่ื กล

1A คลื่นแมเ่ หลก็ ไฟฟา้ 1B คลน่ื แสง 1C คล่ืนแผน่ ดินไหว

2A คลน่ื นำ้ 2B คลื่นเสียง 2C คล่ืนเรดาร์

3A คลนื่ ไมโครเวฟ 3B คลืน่ โทรทัศน์ 3C คลน่ื ในสปริง

4A รงั สีอินฟาเรด 4B รังสีอลั ตราไวโอเลต 4C คลน่ื วทิ ยรุ ะบบ FM

5A รังสเี อกซ์ 5B รงั สแี กมมา 5C คลน่ื วทิ ยุระบบ AM

37. ข้อใดเป็นธาตทุ อ่ี ย่ใู นหมทู่ ถี่ ดั จากหมู่ที่มี S อยู่ 2 หมู่

1A He 1B O 1C Ar

2A Fe 2B F 2C At

3A Li 3B Te 3C B

4A Zn 4B Xe 4C Rn

5A H 5B Sn 5C Ra

38. ธาตใุ ดเป็นธาตกุ ่ึงโลหะ

1A Fl 1B Bi 1C Sn

2A Og 2B Be 2C Sb

3A Nh 3B B 3C P

4A Si 4B Mg 4C Lv

5A As 5B C 5C Mc

39. ขอ้ ใดเป็นปรมิ าณเวกเตอร์

1A อุณหภมู ิ 1B อตั ราเร็ว 1C พลังงาน

2A แรง 2B น้ำหนกั 2C ปริมาตร

3A ความช้ืนสมั พทั ธ์ 3B มวล 3C ความหนาแนน่

4A ความชื้นสมั บรู ณ์ 4B ระยะทาง 4C การกระจัด

5A อตั ราเรง่ 5B ความเร็ว 5C ปริมาณน้ำฝน

40. ขอ้ ใดเปน็ เครอื่ งมือท่ีใชว้ ดั เก่ียวกบั ไฟฟ้า

1A แอนิโมมเิ ตอร์ 1B กระเปาะเปยี ก 1C ไซโครมิเตอร์

2A แอมมิเตอร์ 2B กระเปาะแห้ง 2C บารอมเิ ตอร์

3A เทอร์โมมเิ ตอร์ 3B ไฮโดรมิเตอร์ 3C ไมโครมเิ ตอร์

4A ไวด์เวน 4B มัลตมิ เิ ตอร์ 4C เวอร์เนียแคลลปิ เปอร์

5A โวลตม์ เิ ตอร์ 5B ไฮโกรมิเตอร์ 5C มลิ ลโิ อห์มมเิ ตอร์

8

การแข่งขันสอบวดั ทักษะวิชาการระดบั ชาติ ประจำปี พ.ศ. 2564
(รอบคดั เลอื กตวั แทนจงั หวัด)

National Academic Test Program

เฉลยแบบทดสอบ วิชาวทิ ยาศาสตร์
ระดับชนั้ มธั ยมศึกษาตอนต้น
รหสั ชุดข้อสอบ 302004

ข้อ เฉลย ข้อ เฉลย ข้อ เฉลย ข้อ เฉลย

1. 4 11. 1 21. 4 31. 3

2. 4 12. 1 22. 2 32. 5

3. 4 13. 3 23. 3 33. 4

4. 2 14. 2 24. 4 34. 5

5. 2 15. 5 25. 5 35. 4

6. 3 16. 2 26. 3 36. 1C,2A,2B,3C

7. 5 17. 3 27. 3 37. 1A,1C,4B,4C

8. 3 18. 2 28. 3 38. 2C,3B,4A,5A

9. 4 19. 4 29 4 39. 2A,2B,4C,5B

10. 4 20. 5 30 1 40. 2A,4B,5A,5C

การแขง่ ขนั สอบวัดทกั ษะวชิ าการระดบั ชาติ ประจำปี พ.ศ. 2564
(รอบสดุ ยอดอจั ฉรยิ ภาพระดบั ประเทศ)

วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษาตอนต้น

รหสั วชิ า ว302 วิทยาศาสตร์

รหัสชดุ ขอ้ สอบ 302005

ชอ่ื .............................................นามสกุล.............................................รหัสวิชา...............
ระดับชัน้ ................ห้องสอบ........................วันท่ีสอบ................สถานทสี่ อบ...................

คำชแ้ี จงการสอบแบบ Take-Home Examination

รายละเอียดขอ้ สอบ ข้อสอบฉบับน้มี ี 9 หน้า จำนวน 40 ข้อ ระยะเวลา 90 นาที
วิธีการตอบ
ใหใ้ ช้ดนิ สอ 2B ระบายในวงกลมที่เปน็ คำตอบในกระดาษคำตอบ หรือ
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
(คะแนนเต็ม 60 คะแนน) นำโทรศพั ท์มือถอื มาสแกน QR Code เพ่ือกรอกและยนื ยันคำตอบในระบบ

ส่วนเน้อื หาบทเรยี นตามหลักสตู ร ข้อ 1-35 ข้อละ 1.3 คะแนน

ส่วนเน้อื หาประยุกต์ ข้อ 36-40 ขอ้ ละ 2.9 คะแนน

ขอ้ ปฏบิ ตั ใิ นการสอบ
1. ใหผ้ เู้ ข้าสอบปฏบิ ตั ิตามระเบียบสำนักงานโครงการสอบวัดทกั ษะวชิ าการระดบั ชาติ (สวช.) ภาคเี ครือข่าย
โรงเรยี นท่ัวประเทศ และสถาบันอีซ่ีลชิ ประเทศไทย วา่ ด้วยแนวทางปฏบิ ัติเก่ียวกบั การดำเนนิ การทดสอบ
พ.ศ. 2560 อย่างเครง่ ครดั
2. ใหผ้ เู้ ข้าสอบระบายคำตอบลงในกระดาษคำตอบดว้ ยดินสอ 2B อยา่ งถกู ต้องและชัดเจน (สำหรับโรงเรียน)
3. เมอื่ ผเู้ ขา้ สอบทำข้อสอบเสร็จ ใหเ้ ปิดกล้อง ZOOM ยืนยนั ตัวตนไวจ้ นกว่าจะยืนยันกระดาษคำตอบเสรจ็
4. ใหน้ ำโทรศัพทม์ ือถอื มาสแกน QR Code เพือ่ เข้าสู่ขั้นตอนการยนื ยันคำตอบ
โดยกรอกคำตอบลงส่รู ะบบ (สำหรบั ผู้เข้าร่วมสอบออนไลน)์

หากผู้เข้าสอบฝ่าฝืนข้อปฏิบตั ิโครงการ สวช. หรือมีการทุจรติ จะมีการดำเนนิ การ ดงั นี้
1. ไมป่ ระกาศผลการสอบจากการทดสอบดงั กล่าว
2. แจง้ ไปยังโรงเรยี นต้นสังกัดของนักเรยี น ผู้ดูแลของผ้สู อบเพ่อื ดำเนินการตกั เตือนและกลา่ วโทษ
3. แจง้ ไปยงั ผู้บรหิ ารสถานศึกษาทเี่ ป็นภาคีเครือขา่ ย สวช. เพือ่ พิจารณารบั เขา้ ศึกษา

เอกสารนเี้ ป็นลขิ สิทธข์ิ องสำนักงานโครงการสอบวัดทักษะวิชาการระดับชาติ (สวช.) และสถาบันอซี ่ีลิชประเทศไทย

บรษิ ัท อีซ่ลี ชิ อินเตอร์-เอ็ดดูเคช่ัน (ประเทศไทย) จำกัด
การทำซ้ำหรือดดั แปลงหรือเผยแพรเ่ อกสารฉบบั นจ้ี ะถกู ดำเนินคดตี ามกฎหมาย

การแข'งขันสอบวัดทักษะวิชาการระดับชาติ ประจำป9 พ.ศ. 2564 ข"อสอบวิชาวิชาวทิ ยาศาสตร/

ภาคีเครอื ขา+ ยโรงเรยี นทวั่ ประเทศ และสถาบันอีซ่ีลชิ ประเทศไทย รหัสชุดข"อสอบ 302005

____________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________

สว# นท่ี 1: ข,อสอบวดั ทักษะตามเน้อื หาบทเรียนในหลกั สตู ร (ข,อ 1 - 35)

1. จากปฏิกิริยาเคมี KOH + HCl -----> KCl + H2O สารใดเป;นสารตัง้ ตAนของปฏกิ ริ ิยา และคือปฏิกิรยิ าใด

1. KOH , ปฏกิ ิรยิ ารดี อกซJ 2. HCl , ปฏิกริ ิยาสะเทนิ

3. KCl และ KOH , ปฏกิ ิริยาสะเทิน 4. KOH และ HCl , ปฏกิ ิริยาสะเทิน

5. KOH และ HCl , ปฏกิ ริ ยิ ารดี อกซJ

2. ขAอใดกลPาวถูกตอ, งเก่ียวกับปจT จยั ท่มี ผี ลตPอการเกิดปฏกิ ิริยาเคมี
1. อุณหภมู ิตำ่ จะเกิดปฏิกิริยาเคมไี ดAเร็ว
2. การลดพื้นทผี่ วิ ของสาร จะชPวยใหAปฏิกิริยาเคมเี กดิ เร็วข้ึน
3. สารต้ังตAนทมี่ คี วามเขAมขนA มาก จะทำใหเA กิดปฏิกริ ิยาเคมไี ดAชAาลง
4. สมบตั ิของสารต้งั ตAนที่เปน; สารไวไฟ ไมPเกี่ยวขอA งกับปฏกิ ริ ิยาเคมเี กดิ ไดเA รว็ ข้ึน
5. การเติมสารจำพวกอนิ ฮิบิเตอรJจะทำใหปA ฏิกิริยาเคมเี กิดขึ้นไดAเรว็ ขึน้

3. ขAอใดคือผลตา# งของคPาพลังงานความรอA นทใี่ ชใA นการเปลี่ยนน้ำมวล 12 กรัม อณุ หภมู ิ 20 °c เป;นไอน้ำ

ท้ังหมด กบั คPาพลังงานความรAอนที่ใชAในการเปล่ยี นนำ้ แข็งมวล 50 กรัม อุณหภมู ิ 0 °c เปน; น้ำอุณหภมู ิ 50 °c

1. 370 2. 540 3. 940 4. 1,920 5. 2,060

4. สายลบั 4 คนแฝงตัวเขาA ไปสอดแนมหาขอA มูลเกีย่ วกบั การประดษิ ฐJอาวธุ ลบั ของ 4 ประเทศ ในระหวPางการ
ประชุมคืนหนึง่ สายลบั ท้งั 4 คนแจAงขอA มลู เก่ยี วกับอุณหภูมิในการเกบ็ อาวธุ ไวAดังน้ี
ประเทศ A วดั อณุ หภูมิไดA -54 องศาเซลเซยี ส ประเทศ B วัดอณุ หภมู ิไดA 5 องศาฟาเรนไฮตJ

ประเทศ C วดั อณุ หภมู ิไดA -24 องศาโรเมอรJ ประเทศ D วัดอุณหภมู ไิ ดA 286 องศาเคลวนิ
ขAอใดเรยี งลำดับอุณหภูมใิ นการเกบ็ อาวธุ ของทั้ง 4 ประเทศจากอณุ หภูมสิ งู สดุ ไปตำ่ สดุ ไดAถกู ต,อง
1. A > B > C > D 2. D > C > B > A 3. B > D > C > A

4. D > B > C > A 5. A > C > D > B

5. กระติกน้ำรAอนเครื่องหน่ึงสามารถตAมน้ำมวล 50 กรัม ใหAอุณหภูมิเพิ่มข้ึนจาก 25 °c เป;น 90 °c ไดAใน

เวลา 4 นาที กระติกน้ำรAอนเคร่ืองนี้มีกำลังในการทำงานหนPวยจูลตPอวินาทีหรือวัตตJเป;นเทPาไหรP
1. 56.875 W. 2. 3,250 W. 3. 13,650 W.
4. 6,825 W. 5. 27,300 W.

6. ขอA ใดเป;นภาพแสดงการหักเหของแสงทีเ่ ดนิ ทางจากแทงP พลาสตกิ ไปยงั อากาศ
1. 2. 3.

4. 5. ไมมP ขี อA ถูก

2

การแข'งขนั สอบวดั ทกั ษะวชิ าการระดับชาติ ประจำป9 พ.ศ. 2564 ขอ" สอบวิชาวิชาวิทยาศาสตร/

ภาคเี ครอื ขา+ ยโรงเรียนทัว่ ประเทศ และสถาบนั อีซล่ี ชิ ประเทศไทย รหสั ชดุ ขอ" สอบ 302005

____________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________

7. ลซิ Pานำขวดนำ้ วางไวหA นาA กระจกเวาA หPางจากกระจกเป;นระยะทาง 25 เซนติเมตร หากกระจกน้ีมจี ุดศนู ยกJ ลาง
ความโคงA เป;น 40 เซนติเมตร และขวดน้ำมีขนาด 50 เซนติเมตร จงหาระยะภาพ, ขนาดภาพ, ชนิดภาพ

และกำลังขยายของภาพทีเ่ กดิ ข้นึ

ขอ, ระยะภาพ ขนาดภาพ ชนดิ ภาพ กำลงั ขยายของภาพ

1. 120 250 ภาพจริง 5

2. 100 200 ภาพจริง 4

3. 80 175 ภาพจรงิ 3.5

4. 100 250 ภาพเสมอื น 5

5. 120 200 ภาพเสมอื น 4
R2
จากวงจรไฟฟWาดงั รูปใช,ตอบคำถามข,อ 8 - 9

R1
R3

R4

15 v

8. จงหาคPากระแสไฟฟาt รวมของวงจรน้ี เมอ่ื ใหAความตAานทานของ R1 , R2 , R3 และ R4 เปน; 6 โอหJม ,

12 โอหมJ , 36 โอหมJ และ 10 โอหมJ ตามลำดบั

1. 1.00 แอมแปรJ 2. 1.67 แอมแปรJ 3. 2.33 แอมแปรJ
4. 2.50 แอมแปรJ 5. 3.00 แอมแปรJ

9. จงหาความตาP งศักยไJ ฟฟtาที่ตกครอP มตัวตาA นทาน R2 เมอ่ื ใหคA วามตAานทานของ R1 , R2 , R3 และ R4 เป;น

6 โอหมJ , 12 โอหมJ , 36 โอหJม และ 10 โอหมJ ตามลำดับ

1. 1.50 โวลตJ 2. 3.00 โวลตJ 3. 6.00 โวลตJ

4. 7.25 โวลตJ 5. 9.00 โวลตJ

10. โรคฮีโมฟvเลยี (Hemophilia) หรอื โรคเลือดออกงPาย เปน; โรคท่เี กดิ จากความผดิ ปกตทิ างพนั ธกุ รรมซงึ่
ถPายทอดผPานยีนดAอยบนโครโมโซม X จากพงศาวลีของครอบครัวน้ี จโี นไทปข• องแมคP วรเป;นแบบใด
กำหนดใหแA อลลีลการเป;นโรคฮโี มฟvเลยี คือ H และแอลลลี การไมเP ป;นโรคฮีโมฟเv ลียคอื h
? เพศชาย
เพศหญงิ

เปนC โรค
พาหะของโรค

1. XHXH 2. XHXh 3. XHYh

4. Hh 5. Hh

3

การแขง' ขนั สอบวัดทกั ษะวชิ าการระดบั ชาติ ประจำป9 พ.ศ. 2564 ข"อสอบวชิ าวิชาวิทยาศาสตร/

ภาคเี ครือขา+ ยโรงเรียนท่วั ประเทศ และสถาบนั อีซ่ลี ชิ ประเทศไทย รหัสชดุ ข"อสอบ 302005

____________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________

11. กลPุมอาการเทอรเJ นอรJ หรือเทอรเJ นอรซJ ินโดรมเกดิ จากความผิดปกตขิ องจำนวนโครโซมเพศซ่งึ พบไดAใน
เพศหญงิ มโี ครโมโซมเพศขาดไป1โครโมโซม สงP ผลใหAมีภาวะเป;นหมัน ไมมP เี ตAานม ตัวเตีย้ และมีลกั ษณะเฉพาะ

คือคอเป;นแผง หากเด็กหญิงน้ำองิ เป;นคนปกติ และเด็กหญิงนำ้ ฟtามีภาวะเทอรเJ นอรซJ นิ โดรม จำนวนโครโมโซม
ของทั้งสองควรเปน; แบบใดตามลำดับ
1. 42 + XX และ 42 + XO 2. 44 + XX และ 44 + XO 3. 42 + XY และ 42 + XO

4. 44 + XY และ 44 + XO 5. 46 + XY และ 46 + XO
12. โรคธาลัสซเี มยี เป;นโรคทางพันธกุ รรมท่ถี กู ควบคุมดAวยยีนดอA ยบนออโตโซม (Autosomal recessive )
เกิดจากความผดิ ปกตขิ องยีนท่ีควบคุมการสราA งฮีโมโกลบนิ ในเม็ดเลือดแดง จากการศกึ ษาการถาP ยทอด

ลกั ษณะโรคธาลสั ซีเมยี ในครอบครวั หนึง่ ท่ปี ระกอบดวA ย พPอ แมP ลกู สาว 2 คน และลกู ชาย 1 คน พบวPามี
ลักษณะดงั นี้

พ"อ แม" ลูกคนที่ 1 ลกู คนที่ 2 ลูกคนที่ 3

ไมเ# ป&นโรค ไม#เปน& โรค ไม#เป&นโรค ไมเ# ปน& โรค เป&นโรค

ขAอใดสรุปเกยี่ วกบั ลักษณะของยีนและการถาP ยทอดโรคธาลสั ซีเมยี ของครอบครัวนี้ไดAถูกตอ, ง

1. พPอหรอื แมจP ะตAองมคี นทม่ี ีคPูยีนทปี่ กตอิ ยPางนอA ย 1 คน
2. ลกู คนที่ 1 และ 2 จะเปน; พาหะท้งั คPู

3. ลกู ทุกคนจะตอA งไดรA บั ยนี ควบคมุ โรคธาลสั ซีเมยี จากทั้งพอP และแมP
4. ลูกคนที่ 3 อาจจะไดAรบั ยีนท่เี ปน; โรคมาจาก ปู‹ ยPา ตา ยาย คนใดคนหนึง่
5. หากมีลกู คนที่ 4 จะมโี อกาสเป;นโรค 12.5 % หรอื โอกาส 1 ใน 8

13. ขAาว ----> หนู ----> นกเคาA แมว ----> งู ----> คน หากผูบA รโิ ภคลำดบั สดุ ทAายไดAรับพลังงานจากการ
ถาP ยทอดพลงั งานมา 80 KJ ผบAู รโิ ภคลำดับแรกไดรA บั พลังงานตPางกบั ผบAู ริโภคลำดับที่ 2 เทPาใด
1. ผูAบรโิ ภคลำดับแรกมากกวPาอยPู 72,000 KJ 2. ผAูบริโภคลำดับแรกมากกวาP อยูP 36,000 KJ

3. ผูAบรโิ ภคลำดับแรกมากกวาP อยูP 18,000 KJ 4. ผAบู รโิ ภคลำดบั 2 มากกวPาอยูP 72,000 KJ
5. ผบAู ริโภคลำดบั 2 มากกวPาอยPู 36,000 KJ
14. ขAอใดเปน; กลมPุ ส่งิ มีชีวิต (community) ทง้ั หมด

A กบบนใบบวั B ไลเคน C เหด็ บนฟางขาA ว D แบคทีเรยี ในดนิ
1. A และ B 2. B และ C 3. C และ D
4. A และ C 5. B และ D

15.จากภาพสายใยอาหาร ขอA ใดกลPาวไมถ# กู ต,อง
1. สง่ิ มีชีวติ A สามารถสรAางอาหารไดAเองจากการสงั เคราะหดJ วA ยแสง
2. หากสงิ่ มีชีวติ E มีจำนวนลดลง ประชากรของสงิ่ มชี ีวติ G จะเพ่มิ ขึ้น

3. ผบAู รโิ ภคลำดับท่ี 2 ในสายใยอาหารนี้ ไดแA กP ส่งิ มชี ีวิต B, E, F และ G
4. หากมกี ารปนเป”“อนของสารเคมี สง่ิ มีชวี ติ G จะไดAรับสารพิษสะสมมากทสี่ ุด
5. ในสายใยอาหารนี้ประกอบดวA ย 5 หวP งโซอP าหาร

4

การแขง' ขนั สอบวัดทกั ษะวิชาการระดบั ชาติ ประจำป9 พ.ศ. 2564 ขอ" สอบวชิ าวชิ าวทิ ยาศาสตร/

ภาคีเครือข+ายโรงเรยี นท่ัวประเทศ และสถาบันอีซี่ลชิ ประเทศไทย รหัสชดุ ขอ" สอบ 302005

____________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________

16. รถเมลคJ ันหน่งึ เคล่ือนทีด่ Aวยความเร็วคงที่ 36 เมตร/วินาที ขณะอยPูหาP งจากจุดหยดุ รถเพือ่ รบั ผูโA ดยสาร

180 เมตร คนขบั เหยยี บเบรกเพ่ือชะลอรถภายในเวลา 2 วนิ าที เมือ่ รถชะลอตัวจะตอA งลดความเรว็ ลงใน

อัตราเทาP ใดจงึ จะหยุดพอดีที่จุดหยุดรถ

1. 3 เมตร/วินาที 2. 6 เมตร/วินาที 3. 18 เมตร/วินาที

4. 3 เมตร/วนิ าที2 5. 6 เมตร/วินาที2

17. พอP ขบั รถไปตาP งจงั หวดั ดวA ยอตั ราเร็วเฉล่ยี 84 กโิ ลเมตรตPอชวั่ โมง โดยเร่มิ ออกเดินทางเวลา 18.00 น.
และถงึ ที่หมายเวลา 19.15 น. หากแมPออกเดินทางเวลา 20.16 น. เพือ่ ขับไปยงั สถานท่เี ดยี วกันในเสAนทาง
เดียวกนั และสภาพการจราจรท่ีไมตP าP งกัน ดวA ยอตั ราเรว็ เฉลี่ย 75 กโิ ลเมตรตอP ชว่ั โมง แมจP ะถงึ ทีห่ มายเวลาใด

1. 21.00 น. 2. 21.26 น. 3. 21.40 น.
4. 22.26 น. 5. 22.40 น.
18. ยายสำโรงตAองการหาบผลไมAไปขายท่ีตลาดโดยคานหาบน้ันฝ–Tงหนึง่ จะหาบตะกรAาสAมและอีกฝ–งT จะหาบ

ตะกราA แกวA มังกร หากคานหาบยาว 3 เมตร และตะกรAาสมA หนกั 4 Kg วางอยPปู ลายคานหาบ ตะกรAาแกวA

มงั กรหนกั 2 Kg วางถัดเขAามาจากปลายคานหาบอกี ดAาน 30 cm ยายสำโรงควรหาบคาน ณ ตำแหนงP ใด

จงึ จะทำใหคA านหาบสมดลุ

1. ระยะจากปลายคานหาบฝTง– สAม 180 cm 2. ระยะจากปลายคานหาบฝง–T แกAวมังกร 180 cm

3. ระยะจากปลายคานหาบฝง–T สAม 90 cm 4. ระยะจากจดุ แขวนตะกรAาแกวA มงั กร 90 cm

5. ระยะจากจดุ แขวนตะกรAาแกAวมังกร 180 cm

19. กานดาทำการทดลองวิทยาศาสตรJเพื่อศกึ ษาพลงั งานทเี่ กิดจากการชนกนั ของวตั ถุ 2 ช้นิ ซ่ึงมมี วลตPางกัน
โดยวัตถุ A มนี ้ำหนกั 180,000 นวิ ตนั เคลือ่ นทด่ี วA ยความเรว็ 54 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในขณะทีว่ ัตถุ B มมี วล
15 กิโลกรมั เคล่ือนทีด่ วA ยความเร็ว 75.6 กิโลเมตร/ช่ัวโมง ถามวาP วัตถุทงั้ 2 ชนิ้ น้มี ีพลังงานจลนJแตกตPางกัน

เทาP ใด (กำหนดใหคA Pา g = 10 m/s2) 2. 1,282.5 J. 3. 3,307.5 J.
1. 2,025 J. 5. 4,050 J.
4. 5,332.5 J.

20. กราฟท่ีกำหนดใหแA สดงความสมั พนั ธรJ ะหวPางแรงท่ีกระทำตPอวตั ถุกบั การกระจดั ทีว่ ตั ถเุ คลอื่ นทไ่ี ดA จงหา
งานและกำลังท่เี กิดขึน้ ในการเคล่ือนทข่ี องวตั ถใุ หมA ีระยะการกระจดั 60 เมตร โดยใชAเวลา 0.5 นาที
1. 15 w

2. 20 w

3. 25 w

4. 30 w

5. 35 w

5

การแขง' ขันสอบวดั ทักษะวิชาการระดับชาติ ประจำป9 พ.ศ. 2564 ข"อสอบวชิ าวชิ าวทิ ยาศาสตร/

ภาคเี ครือข+ายโรงเรียนท่วั ประเทศ และสถาบันอซี ่ลี ชิ ประเทศไทย รหสั ชดุ ข"อสอบ 302005

____________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________

21. ภาพที่กำหนดใหแA สดงลักษณะและองคJประกอบของหวั ใจมนุษยJ ขAอใดสามารถจับคชูP ื่อเสAนเลือดและ

ตวั อกั ษรภาษาองั กฤษไดAถูกตอ, ง

ขAอ A B C D E

1. Superior Inferior Aorta Pulmonary Pulmonary
venacava venacava artery vein

2. Aorta Superior Inferior Pulmonary Pulmonary
venacava venacava artery vein

3. Inferior Pulmonary Superior Aorta Pulmonary
venacava vein venacava artery

4. Superior Pulmonary Aorta Pulmonary Inferior
venacava artery vein venacava

5. Inferior Pulmonary Aorta Superior Pulmonary
venacava vein venacava artery

22. สมองสPวนใดของมนษุ ยหJ ากถูกทำลายจะทำใหAสูญเสียความสามารถในการเรยี นรูA ทกั ษะการคิด การคำนวณ
รวมถงึ ความสามารถในการพูดและการรบั รAูประสาทสมั ผสั ตPาง ๆ

1. Medulla oblongata 2. Thalamus 3. Hypothalamus
4. Cerebrum 5. Cerebellum
23. ขAอใดเรยี งลำดับชน้ั บรรยากาศของโลกจากช้นั ลPางสดุ ซึ่งอยูตP ดิ กับพืน้ ที่ไปยงั ชัน้ บนสุดซง่ึ อยตPู ดิ กับอวกาศ

ภายนอกไดAถกู ตอ, ง
1. Exosphere > Mesosphere > Stratosphere > Ionosphere > Thermosphere
2. Mesosphere > Stratosphere > Thermosphere > Troposphere > Exosphere

3. Thermosphere > Troposphere > Mesosphere > Stratosphere > Ozonosphere
4. Troposphere > Stratosphere > Mesosphere > Thermosphere > Exosphere
5. Stratosphere > Mesosphere > Thermosphere > Troposphere > Exosphere

24. กายและพิมพใJ จไปเทย่ี วภเู ขากับครอบครวั ในวนั หยดุ แตPทงั้ สองพกั คAางแรมคนละยอดเขา หากยอดเขาท่กี ายอยPู
มีความดนั บรรยากาศ 312 มลิ ลเิ มตรปรอทสPวนยอดเขาทพ่ี ิมพใJ จอยมPู ีความดัน 387 มลิ ลิเมตรปรอท
ยอดเขาท้ังสองมคี วามสงู ต#างกนั กเ่ี มตร

1. 825 เมตร 2. 872 เมตร 3. 945 เมตร
4. 1,025 เมตร 5. 1,120 เมตร
25. ดาวเรอื งชวP ยคุณครูเตรียมสารละลายดาP งทับทิม (KMnO4) โดยใชดA าP งทบั ทมิ หนัก 45 กรัมละลายลงในนำ้

900 ลูกบาศกเJ ซนตเิ มตรแตPในระหวPางน้นั ดาวเรอื งเผลอทำดาP งทบั ทิมหกลงไปในสารละลายเพิ่มอกี 36 กรัม

ถามวาP คุณครจู ะตAองใสนP ำ้ เพม่ิ ลงไปในสารละลายดงั กลPาวกล่ี กู บาศกJเซนติเมตรเพื่อใหAไดคA วามเขAมขนA เทาP เดิม

1. 900 cm3 2. 840 cm3 3. 795 cm3
4. 735 cm3 5. 720 cm3

6

การแข'งขันสอบวัดทกั ษะวิชาการระดับชาติ ประจำป9 พ.ศ. 2564 ขอ" สอบวิชาวชิ าวิทยาศาสตร/

ภาคีเครือขา+ ยโรงเรยี นทั่วประเทศ และสถาบนั อีซ่ลี ิชประเทศไทย รหสั ชดุ ข"อสอบ 302005

____________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________

26. กติ ติศักดิต์ อA งการเตรียมสารละลายเกลอื แกงซึ่งมคี วามเขมA ขAนรAอยละ 25 โดยมวลตPอปริมาตรจำนวน
1,250 cm3 โดยใชสA ารละลายเขAมขAนรอA ยละ 80 โดยมวลตอP ปริมาตร จงหาวPาเขาจะตอA งแบPงสารละลาย

เขมA ขนA มากี่ cm3 และตอA งใสนP ำ้ เพ่มิ อกี กี่ cm3
1. ใชสA ารละลายเขมA ขนA 267.625 cm3 และเตมิ น้ำลงไปอีก 982.375 cm3
2. ใชสA ารละลายเขAมขAน 390.625 cm3 และเติมน้ำลงไปอีก 859.375 cm3

3. ใชAสารละลายเขAมขนA 450.25 cm3 และเติมนำ้ ลงไปอกี 799.25 cm3
4. ใชสA ารละลายเขAมขAน 582.225 cm3 และเติมน้ำลงไปอกี 667.775 cm3
5. ใชAสารละลายเขAมขAน 613.752 cm3 และเติมนำ้ ลงไปอกี 636.248 cm3
27. น้ำสมA เขมA ขAน 1 ขวด มีปรมิ าตร 2,000 cm3ซ่ึงมีนำ้ ตาลอยPรู อA ยละ 40 โดยมวลตอP ปรมิ าตร นำมาเตรยี ม

ตามขัน้ ตอนดังนี้
ขัน้ ท่ี 1 ผสมน้ำสAมเขมA ขนA 1 ขวด กบั น้ำปริมาตร 2,000 cm3
ขน้ั ที่ 2 แบงP น้ำสมA จากขัน้ ท่ี 1 มาปริมาตร 800 cm3 แลAวเตมิ นำ้ จนไดนA ้ำสมA ปริมาตร 1,000 cm3

จากขอA มลู นำ้ สมA ท่เี ตรียมไดใA นขั้นที่ 2 มีปรมิ าณน้ำตาลอยPรู อA ยละเทาP ใด
1. รอA ยละ 12 โดยมวลตPอปรมิ าตร 2. รอA ยละ 14 โดยมวลตPอปรมิ าตร

3. รAอยละ 16 โดยมวลตอP ปริมาตร 4. รอA ยละ 18 โดยมวลตอP ปรมิ าตร
5. รAอยละ 20 โดยมวลตPอปริมาตร
28. สารตPาง ๆ ในชีวติ ประจำวันสามารถแบงP หมวดหมูPไดAหลายชนิดตามคุณลกั ษณะหรือองคปJ ระกอบ หนงึ่ ใน

วิธีทีน่ ยิ มใชAในการจดั หมวดหมูP คือ ลักษณะเน้ือสาร โดยจะสามารถแบงP สารออกเป;น 2 ชนดิ ไดแA กสP ารเนอ้ื เดยี ว
และสารเนอื้ ผสม หากแผงผังทโ่ี จทยJกำหนดใหAแทนการจดั หมวดหมขูP องสารโดยการใชAลักษณะเนื้อสารเป;นเกณฑJ
ขAอใดสามารถยกตวั อยPางสารในกลอP ง A, B, C, D และ E ไดAถูกต,อง

ขอ" สารในกลอ, ง A สารในกล,อง B สารในกลอ, ง C สารในกลอ, ง D สารในกลอ, ง E

1. น้ำเกลือ สารสม2 เหลก็ อะลูมเิ นียม กว; ยเต๋ียว

2. น้ำเชอื่ ม เงิน กำมะถัน นอี อน เจล

3. ทองเหลือง น้ำเปลาG ปรอท คลอรีน นม

4. นำ้ ทะเล ดาG งทับทิม ทองคำ ทองแดง ฟวM สN

5. ทองคำ นำ้ เชือ่ ม นำ้ เปลGา อากาศ นำ้ หวาน

29.ขอA ใดกล#าวผิด

1. ธาตบุ างชนิดสามารถนำไฟฟาt 2. ธาตแุ บงP ออกเปน; 2 ชนิด ไดAแกP โลหะ และ อโลหะ
3. สารประกอบเป;นสารบรสิ ุทธ์ิ 4. ไมสP ามารถทำใหธA าตแุ ตกตัวเปน; สารอ่นื ไดA
5. โซเดียมคลอไรดJและโพแทสเซยี มออกไซดเJ ป;นสารประกอบ

30. สารท่เี หมาะสมจะนำมาแยกโดยการกลัน่ แบบไอนำ้ ไมค# วร มสี มบตั ติ ามขอA ใด

1. ละลายน้ำ 2. ไมลP ะลายน้ำ 3. ระเหยงาP ย
4. จุดเดือดตำ่ 5. มีสี

7

การแข'งขนั สอบวัดทักษะวชิ าการระดบั ชาติ ประจำป9 พ.ศ. 2564 ขอ" สอบวิชาวิชาวิทยาศาสตร/

ภาคีเครือข+ายโรงเรียนทัว่ ประเทศ และสถาบันอีซ่ีลิชประเทศไทย รหัสชุดข"อสอบ 302005

____________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________

31. การแยกสารบรสิ ุทธ์ดิ Aวยวธิ โี ครมาโทกราฟอv าศยั หลกั การดังตอP ไปนี้ยกเว,นขอA ใด
1. ความแตกตาP งของสารท่ีใชเA ปน; ตวั ทำละลาย 2. ความสามารถของสารในการละลาย

3. ความแตกตPางของสารในการละลายและการถกู ดดู ซับ 4. ความสามารถของสารในการถกู ดดู ซับ
5. ผดิ ทกุ ขAอ
32. การสืบพันธุJของพืชดอกจากกระบวนการถาP ยละอองเรณู (Pollination) และการปฏสิ นธิซอA น

(Double fertilization) อาศยั โครงสรAางสวP นใดของดอก

ข]อ การถ+ายละอองเรณู (Pollination) การปฏสิ นธิซอ] น (Double fertilization)

1. A และ B D

2. C และ D F และ E

3. B และ C A และ B

4. A และ B C และ D

5. A และ D A และ D

33. ขAอใดเรยี งลำดบั กระบวนการการสบื พนั ธุแJ บบอาศัยเพศของพชื ดอกไดถA กู ตอ, ง

1. การปฏิสนธิ ---> การถาP ยละอองเรณู ---> การสราA งหลอดละอองเรณู ---> การเจรญิ เติบโตของเอมบริโอ

2. การถาP ยละอองเรณู ----> การปฏสิ นธิ ----> การสราA งหลอดละอองเรณู ----> การเจรญิ เตบิ โตของเอมบริโอ

3. การเจริญเติบโตของเอมบริโอ ----> การถPายละอองเรณู ----> การสรAางหลอดละอองเรณู ----> การปฏิสนธิ

4. การถาP ยละอองเรณู ----> การสราA งหลอดละอองเรณู ----> การเจรญิ เติบโตของเอมบริโอ ----> การปฏสิ นธิ

5. การถPายละอองเรณู ----> การสรAางหลอดละอองเรณู ----> การปฏสิ นธิ ----> การเจริญเติบโตของเอมบรโิ อ

34. จากภาพทกี่ ำหนดใหอA อรแJ กเนลลJใดของเซลลJทีพ่ บกระบวนดังตPอไปน้ี

กระบวนการท่ี 1 : การสรา0 งสารพลงั งานสงู เพ่อื ใชเ0 ปน& แหลง# พลงั งานภายในเซลล@

กระบวนการที่ 2 : ดัดแปลง แตง# เตมิ สารให0มคี วามเหมาะสมกอ# นส#งออกนอกเซลล@

กระบวนการท่ี 3 : เป&นที่อยข#ู องสารพันธกุ รรม

กระบวนการท่ี 4 : กระบวนการสงั เคราะห@ดว0 ยแสงของพืช

กระบวนการที่ 5 : ควบคุมสารผ#านเขา0 ออกเซลล@

ขอA กระบวนการท่ี 1 กระบวนการท่ี 2 กระบวนการที่ 3 กระบวนการที่ 4 กระบวนการที่ 5

1. F E A G C

2. A I G F H

3. G A E H C

4. G A F F D

5. G I A F D

35. การทแ่ี กนหมนุ ของโลกเอยี ง 23.5 องศาสงP ผลใหใA นชวP งเดือนธนั วาคมเกดิ เหตกุ ารณJใด
1. ฤดูรอA นของประเทศไทย 2. ฤดรู Aอนของประเทศแคนาดา
3. ฤดูรอA นของประเทศนิวซแี ลนดJ 4. ฤดหู นาวของประเทศออสเตรเลยี

5. ฤดูหนาวของประเทศแอฟริกาใตA

8

การแข'งขันสอบวดั ทกั ษะวิชาการระดับชาติ ประจำป9 พ.ศ. 2564 ขอ" สอบวชิ าวิชาวทิ ยาศาสตร/

ภาคเี ครอื ขา+ ยโรงเรียนท่วั ประเทศ และสถาบนั อซี ี่ลชิ ประเทศไทย รหสั ชดุ ข"อสอบ 302005

____________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________

ส#วนที่ 2 : ขอ, สอบวดั ทกั ษะประยกุ ตส\ ง# เสรมิ กระบวนการคดิ ทางวทิ ยาศาสตร\ (ขอ, 36 – 40)

36. ธาตุในหมPูโลหะทรานซชิ นั

1A สตรอนเซียม 1B ไอรJออน 1C แมงกานีส
2A บสิ มทั 2B ไอโอดีน 2C โพแทสเซยี ม
3A ซิลเวอรJ 3B ครปิ ตอน 3C อะลูมเิ นียม

4A แอนติโมนี 4B แฟรนเซียม 4C แอสทาทนี
5A ซลั เฟอรJ 5B นกิ เกิล 5C เรเดียม
37. ธาตทุ ่มี เี วเลนซJอิเลก็ ตรอนมากกวาP ธาตกุ ลุPมอลั คาไลนJเอิรทJ 2 อเิ ลก็ ตรอน

1A Ge 1B Fr 1C Rn
2A Ar 2B Pb 2C Mn

3A Ca 3B As 3C Sn
4A Cd 4B In 4C Si
5A Rb 5B Tl 5C Zn

38. กรณีใดบาA งที่เกดิ ภาพจรงิ หัวกลบั หากใหA X แทนวตั ถุ , Y แทนเลนสนJ ูน , Z แทนเลนสJเวAา , J แทน
กระจกเวาA และ K แทนกระจกจูน
1A วาง X ที่จุด c หนAา J 1B วาง X หลังจุด f หนAา J 1C วาง X ท่จี ุด f หนาA J

2A วาง X ระหวาP งจดุ c,f หนAา J 2B วาง X ดAานหนAา K 2C วาง X ชดิ ตดิ กบั K

3A วาง X ทจ่ี ดุ f หนAา Y 3B วาง X ดAานหนAา Z 3C วาง X ระยะอนนั ตหJ นAา K

4A วาง X หลงั จดุ f หนาA Y 4B วาง X หลังจุด f หนAา Z 4C วาง X ท่จี ุด c หนาA Y

5A วาง X ระยะอนันตJหนาA Z 5B วาง X ระยะอนันตหJ นาA Y 5C วาง X ท่ีจดุ f หนAา Z

39. ลักษณะท่ีถาP ยทอดผPานยนี บนโครโมโซมเพศ

1A โรคทAาวแสนปม 1B โรคฮโี มฟ©เลีย 1C ภาวะนวิ้ เกนิ
2A ผิวเผือก 2B ตาบอดสี 2C ลักย้มิ
3A G-6-PD 3B ความสงู 3C โรคธาลสั ซีเมีย

4A โรคโลหติ จางแบบซิกเกลิ เซลลJ 4B ลกั ยมิ้ 4C โรคเบาหวาน
5A กลมPุ อาการมารแJ ฟน 5B ลักษณะของเสAนผม 5C โรคทารกดกั แดA
40. เคร่ืองมือทใ่ี ชAหลักการของคานอนั ดบั สาม

1A กรรไกร 1B คAอนงัดตะปู 1C ที่เป©ดขวด
2A คีมคบี น้ำแขง็ 2B รถขนดิน 2C ยอยกปลา
3A ไมAกระดก 3B แหนบถอนขน 3C ปากกา

4A ชะแลง 4B ท่เี ย็บกระดาษ 4C บานพับประตู
5A ตะเกยี บ 5B ที่ทับกลวA ยป©”ง 5C ครกกระเด่ือง

9

การแขง่ ขนั สอบวดั ทกั ษะวชิ าการระดบั ชาติ ประจาํ ปี พ.ศ. 2564
National Academic Test Program

เฉลยแบบทดสอบ วิชาวิทยาศาสตร์
ระดบั ชนั6 มธั ยมศึกษาตอนต้น
รหสั ชดุ ข้อสอบ 302005

ข้อ เฉลย ข้อ เฉลย ข้อ เฉลย ข้อ เฉลย
1. 4 11. 2 21. 1 31. 1

2. 4 12. 3 22. 4 32. 4

3. 3 13. 1 23. 4 33. 5

4. 4 14. 1 24. 1 34. 5

5. 1 15. 2 25. 5 35. 3

6. 1 16. 5 26. 2 36. 1B, 1C, 3A, 5B

7. 2 17. 3 27. 3 37. 1A, 2B, 3C, 4C

8. 4 18. 3 28. 3 38. 1A, 2A, 4C, 5B

9. 5 19. 2 29 2 39. 1B, 2B, 3A, 5C

10. 2 20. 3 30 1 40. 2A, 3B, 3C, 5A


Click to View FlipBook Version