เอกสารประกอบ การประชุม ชุ คณะกรรมการการศึก ศึ ษา ครั้ง รั้ ที่ 1/2567 วัน วั ที่ 8 มกราคม 2567 เวลา 12.30 น. ณ ห้อ ห้ งประชุม ชุ 7 อาคารไอราวัต วั พัฒ พั นา ศาลาว่า ว่ การกรุง รุ เทพมหานคร ดินดิแดง
ระเบียบวาระการประชุม คณะกรรมการการศึกษา ครั้งที่ 1/2567 วันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2567 ณ ห้องประชุม 7 อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 ดินแดง _________________ ระเบียบวาระที่ ๑ เรื่องที่ประธานแจ้งที่ประชุมทราบ ระเบียบวาระที่ 2 เรื่องรับรองรายงานการประชุม -ครั้งที่ 10/2566 เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2566 -ครั้งที่ 11/2566 เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566 -ครั้งที่ 12/2566 เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 ระเบียบวาระที่ 3 เรื่องเพื่อพิจารณา 3.1 แนวทางแก้ไขปัญหาการขาดแคลนครูดนตรีในโรงเรียนสังกัด กรุงเทพมหานคร 3.2 ความคืบหน้าการจัดการเรียนการสอนดนตรีของโรงเรียนสังกัด กรุงเทพมหานคร 3.3 โครงการมหกรรมดนตรีและการแสดงของนักเรียนโรงเรียนสังกัด กรุงเทพมหานคร 3.4 ข้อมูลค่ายลูกเสือในความรับผิดชอบของสำนักการศึกษา กทม. 1) งบประมาณประจำปี 2) ผลการดำเนินการย้อนหลัง 5 ปีของค่ายลูกเสือแต่ละแห่ง ระเบียบวาระที่ 4 เรื่องอื่น ๆ _________________
ระเบียบวาระที่ 2 เรื่อ รื่ งรับ รั รองรายงานการประชุม — ครั้ง รั้ ที่ 10/2566 เมื่อวัน วั ที่ 9 ตุลาคม 2566 — ครั้ง รั้ ที่ 11/2566 เมื่อวัน วั ที่ 16 ตุลาคม 2566 — ครั้ง รั้ ที่ 12 /2566 เมื่อวัน วั ที่ 7 พฤศจิก จิ ายน 2566
รายงานการประชุม คณะกรรมการการศึกษา ครั้งที่ 10/2566 วันจันทร์ที่ 9 ตุลาคม 2566 ณ ห้องประชุม 7 อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง ผู้มาประชุม 1. นายณภัค เพ็งสุข ประธานกรรมการ 2. นางลักขณา ภักดีนฤนาถ รองประธานกรรมการ คนที่หนึ่ง 3. นายณรงค์ รัสมี รองประธานกรรมการ คนที่สอง 4. นางสาวนภัสสร พละวีระวงศ์ กรรมการ 5. นางสาวภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย กรรมการ 6. นางสาวเมธาวี ธารดำรงค์ กรรมการ 7. นายวิรัช คงคาเขตร กรรมการ 8. นายสารัช ม่วงศิริ กรรมการ 9. นายไสว โชติกะสุภา กรรมการ 10. นายอภิวัฒน์ ด่านศรีชาญชัย กรรมการ 11. นางสาวพรณิชา ชาตะพันธุ์ เลขานุการ 12. นางสาวคฤห์อนงค์ สิริวิภาวี ผู้ช่วยเลขานุการ 13. นางสาวปนิตา สุดสาคร ผู้ช่วยเลขานุการ ผู้ไม่มาประชุม 1. นางกนกนุช กลิ่นสังข์ กรรมการ (ลา) 2. นายนริสสร แสงแก้ว กรรมการ (ลา) ผู้เข้าร่วมประชุม 1. นางสาวพิสมัย เรืองศิลป์ รองผู้อำนวยการสำนักการศึกษา 2. นายชนินทร์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา หัวหน้ากลุ่มงานพัฒนาสื่อและเทคโนโลยี รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการ กองเทคโนโลยีการศึกษา สำนักการศึกษา 3. นายวระศิลป์ คงดี นักวิชาการชำนาญการ สำนักการศึกษา 4. นางสาวปนัดดา ลาภอินทรีย์ หัวหน้ากลุ่มงานการเงินและงบประมาณ กองคลัง สำนักการศึกษา 5. นายสมพจน์ ชุ่มชูจันทร์ นักทรัพยากรบุคคลชำนาญการพิเศษ สำนักการศึกษา 6. นางสาวพรพินันท์ ชัยสุนทรพันธุ์ นักวิชาการเงินและบัญชีปฏิบัติการ สำนักการศึกษา 7. นางสาวกาญจนา ทองสีแดง นักวิชาการเงินและบัญชีปฏิบัติการ สำนักการศึกษา
- ๒ - 8. นางสาวสุมาลี จันทร์อ่วม นักวิชาการเงินและบัญชีปฏิบัติการ สำนักการศึกษา 9. นายกิตติพศ กระสินธุ์ นักจัดการงานทั่วไป สำนักงานเลขานุการสภากรุงเทพมหานคร 10. นายวัชรพล เบื้องบน นักจัดการงานทั่วไป สำนักงานเลขานุการสภากรุงเทพมหานคร 11 นางสาวดวงพร เครือแก้ว นักจัดการงานทั่วไป สำนักงานเลขานุการสภากรุงเทพมหานคร 12. นางสาวอรอนงค์ สมศิริ นักจัดการงานทั่วไป สำนักงานเลขานุการสภากรุงเทพมหานคร 13. นางสาวรังสิยา ตองอ่อน นักจัดการงานทั่วไป สำนักงานเลขานุการสภากรุงเทพมหานคร เริ่มประชุมเวลา 12.30 น. เมื่อคณะกรรมการมาครบองค์ประชุมแล้ว ประธานกล่าวเปิดประชุม และดำเนินการประชุมตามระเบียบวาระการประชุม ดังนี้ ระเบียบวาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งที่ประชุมทราบ - ไม่มี - ระเบียบวาระที่ 2 เรื่องรับรองรายงานการประชุม - ครั้งที่ 6/2566 เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2566 - ครั้งที่ 7/2566 เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2566 - ครั้งที่ 8/2566 เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2566 - ครั้งที่ 9/2566 เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2566 มติที่ประชุม รับรองรายงานการประชุม - ครั้งที่ 6/2566 เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2566 - ครั้งที่ 7/2566 เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2566 - ครั้งที่ 8/2566 เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2566 - ครั้งที่ 9/2566 เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2566 โดยไม่มีการแก้ไข ระเบียบวาระที่ 3 เรื่องเพื่อพิจารณา -ความคืบหน้าการดำเนินการโครงการของสำนักการศึกษาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ
- ๓ - คณะกรรมการฯ รับทราบข้อมูลความคืบหน้าการดำเนินการโครงการของ สำนักการศึกษาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ โดยสรุป ดังนี้ ผลการดำเนินงานงบประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 วงเงิน 1,521,547,000 บาท ประกอบด้วย 1. ดำเนินการแล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เป็นเงิน 1,116,740,878.56 บาท 2. โครงการที่ได้รับอนุมัติกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี (แบบไม่ก่อหนี้ผูกพัน) จำนวน 1 รายการ กองเทคโนโลยีการศึกษา จำนวน 1 รายการ คือ โครงการค่าใช้จ่าย ในการวิจัยและพัฒนาสื่อเทคโนโลยีจำนวนเงิน 3,702,570 บาท เหตุผลเนื่องจาก สำนักการคลังมีหนังสือตอบกลับข้อหารือ ที่ กท 1305/4458 ลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2566 ว่าได้หารือประเด็นดังกล่าวไปยังกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ในฐานะหน่วยงานผู้ออกกฎกระทรวง หากมีผลความคืบหน้าจากกรมบัญชีกลาง เป็นประการใด สำนักการคลังจะเร่งตอบข้อหารือให้สำนักการศึกษาทราบต่อไป 3. โครงการที่ได้รับอนุมัติกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี (แบบก่อหนี้ผูกพัน) จำนวน 58 รายการ เป็นเงิน 372,397,051.44 บาท ประกอบด้วย สำนักงานเลขานุการ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย 1) ค่าจ้างเหมาจัดเก็บเอกสารตามแนวทางกิจกรรม 5 ส จำนวนเงิน 30,900 บาท อยู่ระหว่างดำเนินการเบิกจ่ายเดือนตุลาคม 2566 2) ค่าจ้างทำความสะอาด จำนวนเงิน 138,779.00 บาท อยู่ระหว่าง ดำเนินการเบิกจ่ายเดือนตุลาคม 2566 3) ค่าจ้างเหมาดูแลทรัพย์สินและรักษาความปลอดภัย จำนวนเงิน 69,976 บาท อยู่ระหว่างดำเนินการเบิกจ่ายเดือนตุลาคม 2566 4) ค่าจ้างเหมาบริการเป็นรายบุคคล จำนวน 4 คน คนละ 13,200.00 บาท จำนวนเงิน 66,000.00 บาท ดำเนินการเบิกจ่ายเรียบร้อยแล้ว 5) ค่าบำรุงรักษาระบบป้องกันอัคคีภัยของโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร สัญญาเลขที่ 22 - 3 - 66 ลงวันที่ 25 มกราคม 2566 เริ่มสัญญาตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2566 - 22 ตุลาคม 2566 จำนวน 3 งวดงาน ดำเนินการเบิกจ่าย เงินงวดที่ 1 และงวดที่ 2 เรียบร้อยแล้วจำนวนเงิน 993,873.60 บาท และอยู่ระหว่าง ดำเนินการ งวดที่ 3 จำนวนเงิน 993,873.60 บาท 6) ติดตั้งระบบป้องกันอัคคีภัยเพื่อความปลอดภัยของโรงเรียนในสังกัด กรุงเทพมหานคร สัญญาเลขที่ 12 - 1 - 66 ลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 บริษัท ชินรัช โฟร์เทคเตอร์จำกัด เริ่มสัญญาตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2566 – 17 ธันวาคม 2566 จำนวน 3 งวดงาน จำนวนเงิน 8,193,500 บาท ดำเนินการ เบิกจ่ายเงิน งวดที่ 1 เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการดำเนินการตามสัญญางวดที่ 2 จำนวนเงิน 4,096,750 บาท กำหนดส่งงานเดือนตุลาคม 2566
- ๔ - 7) ก่อสร้างอาคารบ้านพักอาศัย 4 ชั้น โรงเรียนสุเหร่าคลองสิบเอ็ด สำนักงานเขตหนองจอก สัญญาเลขที่ 22 - 7 - 66 ลงวันที่ 22 กันยายน 2566 บริษัท บี.บอย.เบลล์.คอนสตรัคชั่น จำกัด เริ่มสัญญาตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน 2566 - 9 เมษายน 2567 จำนวน 6 งวดงาน จำนวนเงิน 11,100,000 บาท ขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้างงานตามสัญญา งวดที่ 1 จำนวนเงิน 1,701,630 บาท 8) ก่อสร้างอาคารบ้านพักอาศัย 4 ชั้น โรงเรียนวัดลำกระดาน สำนักงานเขตคลองสามวา สัญญาเลขที่ 22 – 8 - 66 ลงวันที่ 25 กันยายน 2566 ห้างหุ้นส่วน ไกรวัลศิริจำกัด เริ่มสัญญาตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน 2566 - 12 เมษายน 2567 จำนวน 6 งวดงาน จำนวนเงิน 8,875,000 บาท ขณะนี้อยู่ ระหว่างก่อสร้างงานตามสัญญา งวดที่ 1 จำนวนเงิน 1,357,875 บาท 9) โครงการก่อสร้างอาคารเรียน 5 ชั้น โรงเรียนหนองจอกพิทยานุสรณ์ สำนักงานเขตหนองจอก สัญญาเลขที่ 22 - 5 - 66 ลงวันที่ 21 สิงหาคม 2566 บริษัท บี.บอย.เบลล์.คอนสตรัคชั่น จำกัด เริ่มสัญญาตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม 2566 – 17 เมษายน 2567 จำนวน 8 งวดงาน จำนวนเงิน 7,486,500 บาท ขณะนี้ อยู่ระหว่างก่อสร้างงานตามสัญญา งวดที่ 1 จำนวนเงิน 2,458,637.60 บาท 10) โครงการก่อสร้างอาคารบ้านพักอาศัยโรงเรียนสุเหร่าอีรั้ว สำนักงานเขตหนองจอก สัญญาเลขที่ 22 - 6 - 66 ลว. 4 ก.ย. 66 บริษัท บี.บอย.เบลล์. คอนสตรัคชั่น จำกัดเริ่มสัญญาตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2566 - 1 พฤษภาคม 2567 จำนวน 6 งวดงาน จำนวนเงิน 5,305,200 บาท ขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้างงาน ตามสัญญางวดที่ 1 จำนวนเงิน 2,650,740.96 บาท 11) โครงการก่อสร้างอาคารเรียน 5 ชั้น โรงเรียนรุ่งเรืองอุปถัมภ์ สำนักงานเขตบางนา สัญญาเลขที่ 22 - 9 - 66 ลงวันที่ 25 กันยายน 2566 บริษัท ที.วี.เอ.อินเตอร์เนชั่นแนล (2015) จำกัด เริ่ม 26 กันยายน 2566 - 22 พฤษภาคม 2567 จำนวน 8 งวดงาน จำนวนเงิน 7,486,500 บาท ขณะนี้อยู่ ระหว่างก่อสร้างงานตามสัญญางวดที่ 1 จำนวนเงิน 2,486,348.30 บาท กองคลัง จำนวน 2 รายการ ประกอบด้วย 1) ค่าจ้างเหมาจัดเก็บเอกสารตามแนวทางกิจกรรม 5 ส จำนวนเงิน 27,477.60 บาท อยู่ระหว่างดำเนินการเบิกจ่ายเดือนตุลาคม 2566 2) ค่าบริการดูแลรักษาโปรแกรมระบบ Thail School Lunch for BMA สัญญาเลขที่ 040/66 ลงวันที่ 17 ตุลาคม 2565 เริ่มสัญญาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 - 30 กันยายน 2566 จำนวนเงิน 133,000 บาท อยู่ระหว่างดำเนินการ เบิกจ่ายเดือนตุลาคม 2566 สำนักงานการเจ้าหน้าที่ จำนวน 3 รายการ ประกอบด้วย 1) ค่าจ้างเหมาบริการเป็นรายบุคคล จำนวน 16 คน คนละ 18,000 บาท จำนวนเงิน 288,000 บาท ดำเนินการเบิกจ่ายแล้ว 2) ค่าบำรุงรักษาระบบทรัพยากรบุคคลทางการศึกษากรุงเทพมหานคร สัญญาเลขที่ 22 - 4 - 66 ลงวันที่ 31 มีนาคม 2566 เริ่มสัญญาตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 - 31 มีนาคม 2567 จำนวน 4 งวดๆ ละ 1,197,125 บาท จำนวนเงิน 3,591,375 บาท ดำเนินการเบิกจ่ายงวดที่ 1 แล้ว และอยู่ระหว่าง ดำเนินการตามสัญญา
- ๕ - 3) ค่าใช้จ่ายในการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการ เป็นข้าราชการและบุคลากรทางการศึกษากรุงเทพมหานครครูผู้ช่วยสัญญาเลขที่ 039/66 ลงวันที่ 31 มีนาคม 2566 เริ่ม 1 เมษายน 2566 - 31 มีนาคม 2567 จำนวน 12 งวด ๆ ละ 24,000 บาท จำนวนเงิน 168,000.00 บาท ขณะนี้ อยู่ระหว่างดำเนินการตามสัญญางวดที่ 6 - 12 จำนวนเงิน 168,000.00 บาท สถาบันพัฒนาข้าราชการครูฯ จำนวน 3 รายการ ประกอบด้วย 1) ค่าจ้างเหมาบริการเป็นรายบุคคล จำนวน 5 คน คนละ 13,200 บาท จำนวนเงิน 93,600.00 บาท ดำเนินการเบิกจ่ายเรียบร้อยแล้ว 2) ค่าจ้างเหมาบริการเป็นรายบุคคล จำนวน 3 คน คนละ 14,400 บาท จำนวนเงิน 43,200 บาท ดำเนินการเบิกจ่ายเรียบร้อยแล้ว 3) ค่าจ้างเหมาบริการเป็นรายบุคคล จำนวน 2 คน คนละ 13,200 บาท จำนวนเงิน 26,400 บาท ดำเนินการเบิกจ่ายเรียบร้อยแล้ว กองเทคโนโลยีการศึกษา จำนวน 6 รายการ ประกอบด้วย 1) ค่าเช่าระบบประชุมออนไลน์สัญญาเช่า 32 – 1 - 66 ลงวันที่ 5 มกราคม 2566 เริ่มสัญญาตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม 2566 - 7 มกราคม 2567 จำนวน 4 งวด ๆ ละ 10,432.50 บาท จำนวนเงิน 20,865 บาท ดำเนินการ เบิกจ่ายเงิน งวดที่ 1 - 2 แล้ว อยู่ระหว่างดำเนินการตามสัญญา 2) ค่าบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสำหรับโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร สัญญาจ้างฯ เลขที่ 22 - 1 - 66 ลว. 25 ตุลาคม 2565 เริ่มสัญญาตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม 2565 - 30 กันยายน 2566 จำนวน 10 งวด ๆ ละ 856,000 บาท ดำเนินการเบิกจ่ายเงิน งวดที่ 1 - 9 เรียบร้อยแล้ว จำนวนเงิน 856,000 บาท อยู่ระหว่างดำเนินการ งวดที่ 10 จำนวนเงิน 856,000.00 บาท 3) ค่าบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสำหรับศูนย์ควบคุมระบบ คอมพิวเตอร์และเครือข่ายสำนักการศึกษา ความเร็วไม่น้อยกว่า 50 Mbps สัญญาเช่าฯ เลขที่ 32 – 2 - 66 ลงวันที่ 31 มกราคม 2566 จำนวน 12 งวดๆละ 92,555 บาท จำนวนเงิน 462,775 บาท เบิกจ่ายเงินงวดที่ 1 - 7 เรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างดำเนินตามสัญญาการงวดที่ 8 จำนวนเงิน 92,555 บาท สิ้นสุดวันที่ 31 มกราคม 2566 4) ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ด้วยสื่อเทคโนโลยี ดิจิทัลและแอปพลิเคชัน สัญญาซื้อขาย เลขที่ 12 - 5 - 2566 ลงวันที่ 14 กันยายน 2566 จำนวนเงิน 7,182,000 บาท ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการตาม สัญญา สิ้นสุดสัญญาวันที่ 13 พฤศจิกายน 2566 5) ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์เชิงนวัตกรรมโดยหุ่นยนต์ สัญญาซื้อขาย 12 – 4 - 66 ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2566 เริ่มสัญญาตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2566 - 29 พฤศจิกายน 2566 จำนวนเงิน 11,273,600 บาท 6) ค่าใช้จ่ายโครงการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์เพื่อการเรียนรู้ต่อเนื่อง สัญญาเช่าฯ กิจกรรรมที่ 1 เลขที่ 32 - 3 - 66 ลงวันที่ 20 มีนาคม 2566) จำนวนเงิน 500,000 บาท อยู่ระหว่างดำเนินการตามสัญญางวดที่ 1 ค่าปรับปรุงห้อง
- ๖ - สำนักงานยุทธศาสตร์การศึกษา จำนวน 7 รายการ ประกอบด้วย 1) ค่าซ่อมแซมบำรุงรักษาระบบการบริหารจัดการคุณภาพและมาตรฐาน การศึกษาด้วยระบบ SAR Online สัญญาเลขที่ 22 - 1 - 66 ลงวันที่ 20 มีนาคม 2566 เริ่มสัญญาตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม 2566 - 19 มีนาคม 2567 จำนวน 3 งวดจำนวนเงิน 549,500 บาท ดำเนินการเบิกจ่ายงวดที่ 1 เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างดำเนินการตามสัญญา งวดที่ 2 จำนวนเงิน 235,500 บาท 2) ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาทักษะพื้นฐานภาษาอังกฤษด้าน ฟัง พูด อ่าน เขียน สัญญาซื้อขาย เลขที่ 12 - 6 - 66 ลงวันที่ 4 กันยายน 2566 สิ้นสุดสัญญาวันที่ 4 ตุลาคม 2566 ส่งของภายในวันที่ 4 ตุลาคม 2566 ตรวจรับ ภายในวันที่ 9 ตุลาคม 2566 ส่งเอกสารเบิกจ่ายภายในวันที่ 16 ตุลาคม 2566 จำนวนเงิน 48,934,472.86 บาท 3) ค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการจัดการเรียนรู้วิทยาการคำนวณเพื่อสร้าง พื้นฐานด้านกระบวนการคิดขั้นสูง การคิดเชิงคำนวณและการแก้ไขปัญหาอย่าง สร้างสรรค์ สู่การสร้างนวัตกรรมของผู้เรียน สัญญาซื้อขาย เลขที่ 12 - 4 - 66 ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2566 สิ้นสุดสัญญาวันที่ 30 ตุลาคม 2566 ส่งของภายในวันที่ 9 ตุลาคม 2566 อบรม Zoom ในวันที่ 10 และ วันที่ 17 ตุลาคม 2566 ตรวจรับภายในวันที่ 22 ตุลาคม 2566 ส่งเอกสารเบิกจ่ายภายในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 จำนวนเงิน 49,960,413.05 บาท 4) ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาสมรรถนะด้านการคิดขั้นสูงและทักษะ สำคัญแห่งศตวรรษที่ 21 โดยใช้กิจกรรมเป็นฐาน ตามแนวคิด Active Learning สัญญาซื้อขาย เลขที่ 12 - 8 - 66 ลงวันที่ 8 กันยายน 2566 สิ้นสุดสัญญาวันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 ส่งของภายในวันที่ 24 ตุลาคม 2566 อบรม Zoom ในวันที่ 25 ตุลาคม 2566 ตรวจรับภายในวันที่ 30 ตุลาคม 2566 ส่งเอกสาร เบิกจ่ายภายในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2566 จำนวนเงิน 19,972,321.85 บาท 5) ค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาสมรรถนะปฐมวัย สัญญา เลขที่ 12 - 11 - 66 ลงวันที่ 26 กันยายน 2566 สิ้นสุดสัญญาวันที่ 25 พฤศจิกายน 2566 ส่งของภายในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2566 ตรวจรับภายใน วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 อบรม Zoom ยังไม่กำหนดวัน ส่งเอกสารเบิกจ่าย ภายในวันที่ 15 ธันวาคม 2566 จำนวนเงิน 47,915,070 บาท 6) ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาทักษะพื้นฐานภาษาจีนด้านฟัง พูด อ่าน เขียน สัญญาเลขที่ 12 - 9 - 66 ลงวันที่ 20 กันยายน 2566 สิ้นสุดสัญญาวันที่ 20 ตุลาคม 2566 ส่งของภายในวันที่ 20 ตุลาคม 2566 ตรวจรับภายในวันที่ 25 ตุลาคม 2566 ส่งเอกสารเบิกจ่ายภายใน 10 พฤศจิกายน 2566 จำนวนเงิน 11,328,569 บาท 7) ค่าใช้จ่ายในการสร้างศักยภาพยกระดับการจัดการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษสำหรับโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร สัญญาเลขที่ 12 – 12 - 66 ลงวันที่ 26 กันยายน 2566 สิ้นสุดสัญญาวันที่ 26 ตุลาคม 2566 ส่งของ ภายใน 26 ตุลาคม 66 ตรวจรับภายใน 31 ตุลาคม 2566 ส่งเอกสารเบิกจ่าย ภายใน 7 พฤศจิกายน 2566 จำนวนเงิน 19,737,276 บาท
- ๗ - 4. โครงการที่ดำเนินการไม่ทันภายในปีงบประมาณ จำนวน 3 รายการ เป็นเงิน 28,707,000.00 บาท ประกอบด้วย สำนักงานเลขานุการ 1) โครงการก่อสร้างอาคารเรียน 7 ชั้น โรงเรียนมัธยมวัดสุทธาราม สำนักงานเขตคลองสาน จำนวนเงิน 10,465,000 บาท พับตกเนื่องจาก เจ้าอาวาสวัดสุทธารามขอยกเลิกสัญญาการใช้ที่ธรณีสงฆ์วัดสุทธาราม ขณะนี้อยู่ ระหว่างรอผลหารือของคณะกรรมสงฆ์ในการใช้ที่ธรณีสงฆ์วัดสุทธาราม สำนักงานยุทธศาสตร์การศึกษา 2) ค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือ - เนตรนารี) โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครจำนวนเงิน 15,000,000 บาท เนื่องจากไม่สามารถ ลงนามสัญญาได้ทันภายในปีงบประมาณ เนื่องจากวันครบกำหนดอุทรณ์ คือวันที่ 2 ตุลาคม 2566 กองเสริมสร้างสมรรถนะนักเรียน 3) ค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการเรียนการสอนกีฬามวยไทยในโรงเรียน สังกัดกรุงเทพมหานคร จำนวนเงิน 3,242,000 บาท เนื่องจากมีผู้ยื่นข้อเสนอ และเสนอราคารายเดียว คณะกรรมการพิจารณายกเลิกการประกวดราคาฯ และมี รายละเอียดไม่ถูกต้องตรงตามเงื่อนไข ในปีงบประมาณ 2567 จะมีการวางแผนการเบิกจ่ายงบประมาณ เพื่อให้เป็นไปตามแผน และจะเตรียมแผนการจัดการเรียนการสอนของนักเรียน ด้วยเช่นกัน มติที่ประชุม รับทราบความคืบหน้าการดำเนินการโครงการของสำนักการศึกษา ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ ตามที่นำเสนอ โดยคณะกรรมการมีข้อเสนอแนะ ดังนี้ 1. สำนักการศึกษาควรส่งเสริมการเรียนการสอนกีฬามวยไทย ในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร เนื่องจากเป็น Soft Power และปัจจุบันเด็ก ให้ความสนใจกีฬามวยไทยมากขึ้น 2. สำนักการศึกษาควรพิจารณากำหนดจุดกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ต ให้ทั่วถึง รองรับการจัดการเรียนการสอนคอมพิวเตอร์เพื่อประโยชน์ในการจัด การศึกษาให้กับนักเรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครต่อไป 3. สำนักการศึกษาควรมีการวางแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2567 และติดตามการใช้จ่ายงบประมาณ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ ในการบริหารจัดการงบประมาณ เพื่อให้งบประมาณเกิดความคุ้มค่า เป็นประโยชน์ ในการบริหารจัดการศึกษาสำหรับนักเรียนและโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครต่อไป
- ๘ - ระเบียบวาระที่ 4 เรื่องอื่น ๆ 4.1 ตั้งอนุกรรมการแทน คณะอนุกรรมการศึกษา ชุดที่ 8 นางสาวเมธาวี ธารดำรงค์ กรรมการ เนื่องจากอนุกรรมการฯ ได้ขอลาออก จำนวน 3 คน ประกอบด้วย นายวิโชค เพชรแก้ว นางสาวกาญจนศิริ คำรื่น และนายธนากรณ์ เจียรพันธ์พงษ์ จึงขอตั้งอนุกรรมการแทน จำนวน 3 คน ประกอบด้วย นางสาวยุพา หมีแก้ว นายวิศิษฏ์ รุ่งเรือง และนางสมพร ปานรัตน์สกุล มติที่ประชุม เห็นชอบ 4.2 ตั้งอนุกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการแทนในคณะอนุกรรมการการศึกษา ประธานกรรมการ ด้วยสำนักงานเลขานุการสภากรุงเทพมหานครได้ดำเนินการจ้างเหมา เป็นรายบุคคล (วุฒิปริญญาตรี) ตำแหน่งนักจัดการงานทั่วไป โดยปฏิบัติหน้าที่ ผู้ช่วยเลขานุการในคณะอนุกรรมการการศึกษา โดยในปีงบประมาณ 2567 ได้มี ผู้ช่วยคณะอนุกรรมการการศึกษาจากเดิม 5 คน เป็น 6 คน จึงมีการเปลี่ยนแปลง ผู้ช่วยเลขานุการในคณะอนุกรรมการการศึกษา ชุดที่ 2, ชุดที่ 5, ชุดที่ 8 และ ชุดที่ 10 โดยมี นางสาวรังสิยา ตองอ่อน และนายวัชรพล เบื้องบน - รับผิดชอบคณะอนุกรรมการการศึกษา ชุดที่ 2 ในพื้นที่เขตตลิ่งชัน ทวีวัฒนา ภาษีเจริญ และบางพลัด - รับผิดชอบคณะอนุกรรมการการศึกษา ชุดที่ 5 ในพื้นที่เขตบางกะปิ บึงกุ่ม คันนายาว และสะพานสูง - รับผิดชอบคณะอนุกรรมการการศึกษา ชุดที่ 8 ในพื้นที่เขตปทุมวัน บางรัก สาทร บางคอแหลม และยานนาวา - รับผิดชอบคณะอนุกรรมการการศึกษา ชุดที่ 10 ในพื้นที่เขตบางขุนเทียน บางบอน จอมทอง และทุ่งครุ มติที่ประชุม เห็นชอบ 4.3 กำหนดการประชุมครั้งต่อไป ประธานกรรมการ กำหนดการประชุมครั้งต่อไปในวันจันทร์ที่ 16 ตุลาคม 256๖ เวลา 12.30 น. ณ ห้องประชุม 7 อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง ที่ประชุม รับทราบ เลิกประชุมเวลา 14.00 น. ผู้จดรายงานการประชุม (นางสาวคฤห์อนงค์ สิริวิภาวี) ผู้ช่วยเลขานุการ
รายงานการประชุม คณะกรรมการการศึกษา ครั้งที่ 11/2566 เมื่อวันจันทร์ที่ 16 ตุลาคม 2566 ณ ห้องประชุม 7 อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง ------------------- ผู้มาประชุม 1. นายณภัค เพ็งสุข ประธานกรรมการ 2. นางลักขณา ภักดีนฤนาถ รองประธานกรรมการ คนที่หนึ่ง 3. นายณรงค์ รัสมี รองประธานกรรมการ คนที่สอง 4. นางสาวนภัสสร พละระวีพงศ์ กรรมการ 5. นางสาวภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย กรรมการ 6. นางสาวเมธาวี ธารดำรงค์ กรรมการ 7. นายวิรัช คงคาเขตร กรรมการ 8. นายสารัช ม่วงศิริ กรรมการ 9. นายไสว โชติกะสุภา กรรมการ 10. นายอภิวัฒน์ ด่านศรีชาญชัย กรรมการ 11. นางสาวพรณิชา ชาตะพันธุ์ เลขานุการ 12. นางสาวคฤห์อนงค์ สิริวิภาวี ผู้ช่วยเลขานุการ 13. นางสาวปนิตา สุดสาคร ผู้ช่วยเลขานุการ ผู้ไม่มาประชุม 1. นางกนกนุช กลิ่นสังข์ กรรมการ (ลา) 2. นายนริสสร แสงแก้ว กรรมการ (ลา) ผู้เข้าร่วมประชุม 1. นายทรงศร กัลยา ณ สุนทร รองผู้อำนวยการสำนักการศึกษา 2. นายปิยะ ศรีวรรณยศ หัวหน้ากลุ่มงานการจัดการสถานศึกษา สำนักการศึกษา 3. นางสาวภัสราภรณ์ ศรีอาจนันทโชติ นักวิชาการศึกษาปฏิบัติการ สำนักการศึกษา 4. นางสาวอรอนงค์ สมศิริ นักจัดการงานทั่วไป สำนักงานเลขานุการสภากรุงเทพมหานคร 5. นางสาวมุกรินทร์ ศรีฉ่ำ นักจัดการงานทั่วไป สำนักงานเลขานุการสภากรุงเทพมหานคร
- 2 - 6. นางสาวดวงพร เครือแก้ว นักจัดการงานทั่วไป สำนักงานเลขานุการสภากรุงเทพมหานคร 7. นายกิตติพศ กระสินธุ์ นักจัดการงานทั่วไป สำนักงานเลขานุการสภากรุงเทพมหานคร 8. นางสาวรังสิยา ตองอ่อน นักจัดการงานทั่วไป สำนักงานเลขานุการสภากรุงเทพมหานคร 9. นายวัชรพล เบื้องบน นักจัดการงานทั่วไป สำนักงานเลขานุการสภากรุงเทพมหานคร เริ่มประชุมเวลา 12.30 น. เมื่อคณะกรรมการฯ มาครบองค์ประชุมแล้ว ประธานฯ กล่าวเปิดประชุมและ ดำเนินการประชุมตามระเบียบวาระ ดังนี้ ระเบียบวาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งที่ประชุมทราบ - ไม่มี - ระเบียบวาระที่ 2 เรื่องเพื่อพิจารณา - หารือแนวทางการบริหารจัดการการศึกษาของเด็กต่างด้าวในโรงเรียน สังกัดกรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งข้อมูลจำนวนเด็กต่างด้าวในโรงเรียน สังกัดกรุงเทพมหานคร นายณภัค เพ็งสุข ขอเชิญรองผู้อำนวยการสำนักการศึกษาชี้แจงข้อมูลเด็ก ประธานกรรมการ ต่างด้าวในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร นายทรงศร กัลยา ณ สุนทร ข้อมูลนักเรียนที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มี รองผู้อำนวยการสำนักการศึกษา สัญชาติไทยในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร 1. ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2548 ได้ขยายโอกาสทางการศึกษาแก่บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือไม่ มีสัญชาติไทยรวมกลุ่มชาติพันธุ์ ลูกหลานแรงงานต่างด้าว หรือทุกคนที่ อาศัยอยู่ในประเทศไทยสามารถเข้าเรียนได้โดยไม่จำกัดระดับ ประเภท หรือพื้นที่การศึกษา พร้อมทั้งจัดสรรงบประมาณอุดหนุนเป็นค่าใช้จ่ายราย หัวให้แก่สถานศึกษาที่จัดการศึกษาให้แก่กลุ่มบุคคลที่ไม่มีหลักฐานทะเบียน ราษฎร หรือไม่มีสัญชาติไทย 2. ตามพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ. 2545 มีวัตถุประสงค์ให้บิดา มารดา หรือผู้ปกครองมีหน้าที่จัดให้บุตรหรือบุคคล ซึ่งอยู่ในความดูแลได้รับการศึกษาภาคบังคับจำนวนเก้าปี โดยให้เด็กซึ่งมี อายุย่างเข้าปีที่เจ็ดเข้าเรียนในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จนอายุย่างเข้าปีที่
- 3 - สิบหก เว้นแต่จะสอบได้ชั้นปีที่เก้าของการศึกษาภาคบังคับ ซึ่งประโยชน์ที่ คาดว่าประชาชนจะได้รับจากการมีกฎหมาย คือ เด็กซึ่งมีอายุย่างเข้าปีที่เจ็ด จนอายุย่างเข้าปีที่สิบหกได้รับการศึกษาภาคบังคับในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน 3. กระทรวงศึกษาธิการได้ออกระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยหลักฐานในการรับนักเรียน นักศึกษาเข้าเรียนในสถานศึกษา พ.ศ. 2548 เพื่อเปิดโอกาสแก่ทุกคนให้ได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึง และ ขยายโอกาสทางการศึกษาแก่ บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร หรือไม่มีสัญชาติไทย 4. ตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ประกอบด้วยบทบัญญัติ 54 ข้อ ได้แก่ เรื่องเกี่ยวข้องกับสิทธิของเด็กโดยตรง ซึ่งเน้นหลักพื้นฐาน 4 ประการ ได้แก่ 1) การห้ามเลือกปฏิบัติต่อเด็ก และการให้ความสำคัญ แก่เด็กทุกคนเท่าเทียมกันโดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างของเด็ก ในเรื่องเชื้อชาติ สีผิว เพศ ภาษา ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมือง ชาติพันธุ์ หรือสังคม ทรัพย์สิน ความทุพพลภาพ การเกิด หรือสถานะอื่นๆ ของเด็ก หรือบิดา มารดา หรือผู้ปกครองทางกฎหมาย ทั้งนี้ เพื่อให้เด็กมีโอกาสที่เท่าเทียมกัน 2) การกระทำหรือการดำเนินการทั้งหลายต้อง คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นอันดับแรก 3) สิทธิในการมีชีวิต การอยู่รอด และการพัฒนา ทางด้านจิตใจ อารมณ์ สังคม 4) สิทธิในการแสดงความคิดเห็นของเด็ก และการให้ ความสำคัญกับความคิดเหล่านั้น 5. การรับนักเรียนที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร หรือไม่มีสัญชาติไทยเข้าเรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร 5.1 กรุงเทพมหานครมีนโยบายการรับนักเรียนโดย สนับสนุนและส่งเสริมให้โรงเรียนดำเนินการรับนักเรียนโดยยึดหลักความ เป็นธรรมและความเสมอภาค เปิดรับนักเรียนทั้งเด็กไทยและเด็กที่ไม่มี หลักฐานทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยให้มีโอกาสเข้าศึกษาอย่าง เท่าเทียม โดยถือปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยหลักฐานใน การรับนักเรียนนักศึกษาเข้าเรียนในสถานศึกษา พ.ศ. 2548 ประกาศ กระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ 31 ตุลาคม 2562 เรื่อง การรับนักเรียน นักศึกษาที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร์หรือไม่มีสัญชาติไทย ในปี การศึกษา 2566 จำนวนนักเรียนไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือไม่มี สัญชาติไทย มีจำนวน 12,951 คน จากนักเรียนทั้งหมด 253,554 คน คิดเป็นร้อยละ 5.12 ของนักเรียนทั้งหมด ซึ่งกรุงเทพมหานครมีโรงเรียนใน สังกัด จำนวน 437 โรงเรียน 5.2 สำนักการศึกษาได้มีการจัดประชุมคณะกรรมการ รับนักเรียนของโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร เพื่อจัดทำประกาศ กรุงเทพมหานคร เรื่อง แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียนของโรงเรียนใน
- 4 - สังกัดกรุงเทพมหานครในทุกปีการศึกษา ซึ่งคณะกรรมการประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอกในการรับนักเรียนที่ ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยเข้าศึกษา มี 3 กรณี ดังนี้ 5.2.1. กรณีนักเรียนไม่มีสัญชาติไทย หากมี เอกสารหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือเลขประจำตัว 13 หลักแล้ว โรงเรียน ปฏิบัติตามขั้นตอนปกติ 5.2.2. กรณีนักเรียนไม่มีหลักฐานทางทะเบียน ราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยที่ไม่มีเลขประจำตัว 13 หลัก โรงเรียน ดำเนินการกำหนดรหัสประจำตัวผู้เรียนในระบบกำหนดรหัสประจำตัว ผู้เรียนเพื่อเข้ารับบริการทางการศึกษาสำหรับผู้ไม่มีหลักฐานทางทะเบียน ราษฎร (รหัส G) ของกระทรวงศึกษาธิการเพื่อใช้ในการแสดงตัวตน และ เป็นรหัสประจำตัวผู้เรียนสำหรับใช้ทางด้านการศึกษาเท่านั้น 5.2.3. กรณีนักเรียนไม่มีข้อมูลเอกสารหลักฐาน ใด ๆ เลย ให้โรงเรียนซักถามประวัติบุคคล เพื่อบันทึกในแบบบันทึกแจ้ง ประวัติบุคคลและนำมาเป็นหลักฐาน ในการกำหนดรหัสประจำตัวผู้เรียน (รหัส G) รหัสประจำตัวผู้เรียนที่ขึ้นต้นด้วยอักษร G ที่ผ่าน การรับรองแล้ว ให้ใช้ในการแสดงตัวตน เบิกจ่ายเงินอุดหนุนค่าใช้จ่าย รายหัว ตรวจสอบความซ้ำซ้อน และใช้ในการออกหลักฐานทางการศึกษา เขตที่มีเด็กที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติ ไทยมากที่สุด 3 อันดับ คือ 1. เขตบางขุนเทียน จำนวน 1,206 คน 2. เขตบางกะปิ จำนวน 733 คน 3. เขตบางแค จำนวน 517 คน โรงเรียนที่มีนักเรียนที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือไม่ มีสัญชาติไทยมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ 1. โรงเรียนศาลเจ้า (ห้าวนุกูลวิทยา) เขตบางขุนเทียน จำนวน 369 คน 2. โรงเรียนคลองทวีวัฒนา (ทองน่วมอนุสรณ์) เขตทวีวัฒนา จำนวน 254 คน 3. โรงเรียนสามเสนนอก เขตดินแดง จำนวน 235 คน 4. โรงเรียนวัดธาตุทอง (เรือนเขียวสะอาด) เขตวัฒนา จำนวน 187 คน 5. โรงเรียนวัดบางเตย เขตบึงกุ่ม จำนวน 186 คน สัญชาติของแรงงานต่างด้าวจำนวนมากที่สุด คือ 1. พม่า จำนวน 4,264 คน 2. ลาว จำนวน 717 คน 3. กัมพูชา จำนวน 686 คน
- 5 - นายวิรัช คงคาเขตร นักเรียนที่ไม่มีสัญชาติไทยที่ได้รับเลขประจำตัว 13 หลัก กรรมการ แล้วนั้น เป็นเลขเดียวกันกับบัตรประชาชนหรือไม่ ส่วนนักเรียนที่ไม่มีข้อมูล เอกสารหลักฐานใด ๆ มีเพียงรหัส G จะดำเนินการอย่างไร นายปิยะ ศรีวรรณยศ เลขประจำตัว 13 หลัก เป็นฐานเดียวกันกับเลขบัตรประชาชน หน.กลุ่มงานการจัดการสถานศึกษา แต่รหัสเลขด้านหน้าเป็นคนละรหัส สำหรับเด็กต่างด้าวจะขึ้นต้นด้วยเลข 6 หรือ 7 ส่วนเด็กไทยไทยจะขึ้นต้นด้วยเลข 1 หรือ 3 รหัส G เป็นระบบสารสนเทศของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่ง ทั่วประเทศใช้ในกรณีเด็กต่างด้าวเข้ามาแล้วยังไม่มีเลขประจำตัว 13 หลัก เพื่ อใช้เฉพ าะด้าน การศึกษ า แต่จะมีผลตามมา คือ ระบ บ ของ กระทรวงศึกษาธิการจะเชื่อมกับกระทรวงมหาดไทย เมื่อครูออกรหัส G ชื่อ ของนักเรียนต่างด้าวจะไปขึ้นที่กระทรวงมหาดไทย จากนั้นกระทรวงหมาด ไทยจะดำเนินการตามกระบวนการ เพื่อให้นักเรียนได้เลขประจำตัว 13 หลัก เหมือนกับนักเรียนไม่มีสัญชาติไทยในกรณีแรก เมื่อได้เลข ประจำตัว 13 หลักแล้วถือว่ารหัส G เป็นอันยกเลิก และนักเรียนที่ได้เลข ประจำตัว 13 หลัก จะได้สิทธิในการรักษาพยาบาล นายวิรัช คงคาเขตร ปัจจุบันโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครมีนักเรียนที่ไม่มี กรรมการ หลักฐานทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย จำนวน 12,951 คน จาก นักเรียนทั้งหมด 253,554 คน คิดเป็นร้อยละ 5.12 ของนักเรียนทั้งหมด ในอนาคตจำนวนนักเรียนไม่มีสัญชาติไทยหรือนักเรียนต่างด้าวมีแนวโน้ม เพิ่มขึ้นหรือไม่ นายปิยะ ศรีวรรณยศ นักเรียนไม่มีสัญชาติไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปีสอดคล้อง หน.กลุ่มงานการจัดการสถานศึกษา กับแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย นางสาวเมธาวี ธารดำรง นักเรียนที่ไม่มีสัญชาติและหลักฐานทางทะเบียนราษฎร กรรมการ มีแหล่งที่มาอย่างไร นายปิยะ ศรีวรรณยศ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเด็กที่นำมาสมัครเข้า หน.กลุ่มงานการจัดการสถานศึกษา เรียนและคำว่า “ไม่มีสัญชาติ” ในด้านการศึกษา หมายถึง สำนักการศึกษา ไม่มีสิทธิในการระบุว่าผู้นั้นเป็นสัญชาติใด เพราะหากมีการนำไปอ้างอิงจะ กลายเป็นการรับรองให้กับผู้นั้น กรณีนี้เป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย ฝ่ายทะเบียนของสำนักงานเขตจะต้องสืบข้อมูลตามกฎหมายและระบุว่าผู้ นั้นมีสัญชาติใด ฉะนั้น เมื่อผู้ปกครองนำเด็กเข้าเรียนโดยไม่มีเอกสาร หลักฐานใด ๆ สำนักการศึกษาจึงรับไว้ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการที่ กำหนดไว้ว่า “รับเด็กทุกคนเพื่อให้ได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียม โดยไม่ จำกัดเชื้อชาติ เพศ ศาสนา ฯลฯ” สำนักการศึกษาจึงดำเนินการออกรหัส G เพื่อให้เด็กได้รับการศึกษา และค่าใช้จ่ายรายหัว
- 6 - นางสาวเมธาวี ธารดำรงค์ หากผู้ปกครองเป็นผู้นำเด็กมาสมัครเรียนก็จะต้องทราบว่า กรรมการ มีสัญชาติใด และในขณะนี้มีผู้ที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนราษฎรจำนวนเกือบ 1,000,000 คน ฉะนั้นจำนวนเด็กจะเพิ่มสูงขึ้นอยู่เสมอ เพราะส่วนใหญ่ เป็นสามีภรรยากัน และมามีลูกที่ประเทศไทย ไม่ใช่ลูกที่พามาจากถิ่นฐานเดิม นายวิรัช คงคาเขตร กรณีดังกล่าวอาจไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของสำนักการศึกษา กรรมการ น่าจะเป็นอำนาจหน้าที่ของกรมการปกครอง นางสาวเมธาวี ธารดำรงค์ ฝ่ายบริหารของสำนักการศึกษาควรสะท้อนปัญหาดังกล่าว กรรมการ มายังสภากรุงเทพมหานคร เพื่อจะได้ช่วยกันแก้ไขปัญหา เพราะหากรับเด็ก ที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ปัญหาต่าง ๆ จะไม่สามารถยุติได้ นายณรงค์ รัสมี ตั้งข้อสังเกตดังนี้ รองประธานกรรมการ คนที่สอง 1. แรงงานต่างด้าวที่เป็นพ่อแม่หรือผู้ปกครองที่นำเด็ก มายังประเทศไทยด้วยก็จะต้องผ่านสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ก่อน ถ้าพ่อแม่มีสัญชาติกัมพูชา ลาว ฯลฯ แต่เด็กไม่มีสัญชาติจะผ่าน ตม.มาได้ อย่างไร 2. กรณีที่แรงงานต่างด้าวคลอดลูกในประเทศไทย ส่วน ใหญ่แล้วคลอดที่แคมป์คนงานหรือโรงพยาบาล หากคลอดที่โรงพยาบาลจะ รับรองใบสูติบัตรอย่างไร นายวิรัช คงขาเขตร สำนักการศึกษาอาจจะทราบเพียงจำนวนนักเรียนที่ไม่มี กรรมการ สัญชาติไทย กรุงเทพมหานครไม่สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาดังกล่าวได้ อ้างอิง ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2548 พระราชบัญญัติ การศึกษาภาคบังคับ พ.ศ. 2545 ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วย หลักฐานในการรับนักเรียน นักศึกษาเข้าเรียนในสถานศึกษา พ.ศ. 2548 และอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กเหล่านี้เป็นข้อผูกมัดสำนักการศึกษาที่จะต้อง ดำเนินการตามกระบวนการ สภาฯ ควรสะท้อนปัญหาไปยังฝ่ายบริหารว่า ขณะนี้จำนวนนักเรียนต่างด้าว 12,951 คน ยังไม่รวมถึงพ่อแม่หรือ ผู้ปกครอง ซึ่งเป็นภาระและความรับผิดชอบของกรุงเทพมหานครที่จะต้อง เพิ่มขึ้น เช่น ภาระการจัดเก็บขยะ ที่ผ่านมาได้มีการประชุมเกี่ยวกับ พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร สอบถาม ผู้อำนวยการสำนักฯ เรื่องจำนวนแรงงานต่างด้าว ผู้อำนวยการสำนักฯ ชี้แจงว่า ขณะนี้มีแรงงานต่างด้าวที่จดทะเบียนถูกต้อง จำนวน 50,000 คน และแรงงานต่างด้าวมีอัตราเฉลี่ยการทิ้งขยะตามข้อมูลของสำนักสิ่งแวดล้อม เทียบเท่ากับคนไทย คือ 3.7 กิโลกรัมต่อคนต่อวัน คิดว่าควรเสอนให้สภาฯ ตั้งคณ ะกรรมการวิสามัญ เพื่อศึกษาภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมดของ กรุงเทพมหานครต่อแรงงานต่างด้าว
- 7 - นางสาวเมธาวี ธารดำรงค์ แรงงานต่างด้าวจำนวนมากเข้ามาอย่างผิดกฎหมายและ กรรมการ ไม่มีการเสียภาษี นางลักขณา ภักดีนฤนาถ เมื่อประมาณ 3 - 4 ปีที่ผ่านมา มีกฎหมายกำหยดว่า รองประธานกรรมการ คนที่หนึ่ง หากแรงงานต่างด้าวไม่ยื่นเอกสารให้ถูกต้องตามกฎหมายจะต้องเสียค่าปรับ จำนวนมากรวมถึงผู้ว่าจ้าง นางสาวพรณิชา ชาตะพันธุ์ เมื่อครั้งที่ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนวิชูทิศ เลขานุการ โดนปรับเงินจำนวนมากเรื่องแรงงานต่างชาติ เช่น ครูต่างชาติลาออกโรงเรียน ไม่ได้แจ้งกระทรวงแรงงาน กระทรวงฯ ก็ดำเนินการปรับผู้อำนวยการโรงเรียน นายวิรัช คงขาเขตร เหตุใดถึงปรับผู้อำนวยการโรงเรียน กรรมการ นางสาวพรณิชา ชาตะพันธุ์ เนื่องจากสำนักการศึกษาโอนเรื่องการจ้างครูต่างชาติให้ เลขานุการ สำนักงานเขต และสำนักงานเขตส่งเรื่องให้โรงเรียน โดยผู้อำนวยการ โรงเรียนเป็นผู้เซ็นสัญญาการจ้างงาน นายทรงศร กัลยา ณ สุนทร ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่กรุงเทพมหานคร รองผู้อำนวยการสำนักการศึกษา จัดสรรให้นักเรียน ปีการศึกษา 2566 และค่าใช้จ่ายที่รัฐบาลจัดสรรให้ นักเรียน ปีการศึกษา 2566 สรุปข้อมูลค่าใช้จ่ายที่กรุงเทพมหานครจัดสรรให้นักเรียน ปีการศึกษา 2566 ระดับชั้น อนุบาลศึกษา (อ.1 – อ.2) ประถมศึกษา (ป.1 – ป.6) มัธยมศึกษา (ม.1 – ม.6) ค่าใช่จ่ายที่กทม. สนับสนุน/คน 4,414 บาท 4,420 บาท 8,614 บาท ค่าใช้จ่ายที่กทม. สนับสนุน (รายระดับชั้น) 9,428 บาท 26,520 บาท 51,684 บาท รวมทุกระดับชั้น 87,632 บาท ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย/คน 6,259 บาท จำนวนนักเรียนที่ไม่มี สถานะทางทะเบียน ราษฎรและไม่มี สัญชาติไทยทั้งหมด 12,951 คน รวมค่าใช้จ่ายที่ กทม. สนับสนุน ทั้งหมด 81,060,309 บาท
- 8 - ค่าใช้จ่ายที่รัฐบาลจัดสรรให้นักเรียนโรงเรียนสังกัด กรุงเทพมหานคร ประจำปีการศึกษา 2566 จัดสรรให้แต่ละระดับชั้น/คน/ปีการศึกษา ดังนี้ 1) ระดับชั้นอนุบาลศึกษาปีที่ 1 - 2 จำนวนทั้งสิ้น 9,876 บาท 2) ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวนทั้งสิ้น 10,803 บาท 3) ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 จำนวนทั้งสิ้น 10,797 บาท 4) ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวนทั้งสิ้น 10,800 บาท 5) ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวนทั้งสิ้น 10,854 บาท 6) ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวนทั้งสิ้น 10,993 บาท 7) ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวนทั้งสิ้น 11,006 บาท 8) ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวนทั้งสิ้น 6,295 บาท 9) ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวนทั้งสิ้น 6,408 บาท 10) ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวนทั้งสิ้น 6,483 บาท 11) ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวนทั้งสิ้น 7,299 บาท 12) ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จำนวนทั้งสิ้น 7,241 บาท 13) ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวนทั้งสิ้น 7,079 บาท โดยแบ่งเป็น 7 รายการ ดังนี้ 1. ค่าจัดการเรียนการสอน (เงินรายหัว) *ประกอบด้วย 1.1 ค่าวัสดุสื่อการเรียนการสอนด้านการศึกษา 1.2 ค่าหนังสือห้องสมุด 1.3 วัสดุอุปกรณ์กีฬา 1.4 ค่าเวชภัณฑ์ 1.5 ค่าวัสดุคอมพิวเตอร์ 1.6 ค่าหนังสือเสริมการเรียน 1.7 ค่าแบบฝึกหัด - ระดับชั้นอนุบาล 1 - 2 จำนวน 1,734 บาท/คน - ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 - 6 จำนวน 1,938 บาท/คน - ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 - 3 จำนวน 3,570 บาท/คน - ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 จำนวน 3,876 บาท/คน 2. ค่าอุปกรณ์การเรียน (จ่ายเป็นเงินสด) - ระดับชั้นอนุบาล 1 - 2 จำนวน 290 บาท/คน - ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 - 6 จำนวน 440 บาท/คน - ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 - 6 จำนวน 520 บาท/คน
- 9 - 3. ค่าเครื่องแบบนักเรียน (จ่ายเป็นเงินสด) - ระดับชั้นอนุบาล 1 - 2 จำนวน 325 บาท/คน - ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 - 6 จำนวน 400 บาท/คน - ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 - 3 จำนวน 500 บาท/คน - ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 จำนวน 550 บาท/คน 4. ค่าหนังสือเรียน - ระดับชั้นอนุบาล 1 - 2 จำนวน 200 บาท/คน - ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 656 บาท/คน - ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 650 บาท/คน - ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 653 บาท/คน - ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 707 บาท/คน - ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 846 บาท/คน - ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 859 บาท/คน - ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 808 บาท/คน - ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 921 บาท/คน - ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 996 บาท/คน - ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 1,384 บาท/คน - ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 1,326 บาท/คน - ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 1,164 บาท/คน 5. ค่ากิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียน - ระดับชั้นอนุบาล 1 - 2 จำนวน 438 บาท/คน - ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 - 6 จำนวน 489 บาท/คน - ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 - 3 จำนวน 897 บาท/คน - ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 จำนวน 969 บาท/คน 6. ค่าอาหารเสริม (นม) *** คนละ 8.13 บาท 260 วัน - ระดับชั้นอนุบาล 1 - ประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 2,080 บาท/คน 7. ค่าอาหารกลางวัน **อัตราเฉลี่ยคนละ 24 บาท 200 วัน (รัฐบาลจัดสรรระดับอนุบาล – ประถมศึกษาปีที่ 6 ตามขนาดโรงเรียน โรงเรียนที่มีนักเรียน 1 - 40 คน คนละ 36 บาท 200 วัน, โรงเรียนที่มี นักเรียน 41 - 100 คน คนละ 27 บาท 200 วัน, โรงเรียนที่มีนักเรียน 101 - 120 คน คนละ 24 บาท 200 วัน, โรงเรียนที่มีนักเรียน 121 คน ขึ้นไป คนละ 22 บาท 200 วัน) - ระดับชั้นอนุบาล 1 - ประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 4,800 บาท/คน
- 10 - หมายเหตุ *ค่าจัดการเรียนการสอน (เงินรายหัว) จะรวมค่า สาธารณูปโภคที่ใช้ในการจัดการเรียนการสอน 40% ของค่าสาธารณูปโภค ของปีก่อนด้วย **มติคณะรัฐมนตรี วันที่ 8 พฤศจิกายน 2565 เห็นชอบ ให้ปรับอัตราค่าอาหารกลางวันให้แก่นักเรียนระดับชั้นก่อนประถม ศึกษา - ประถมศึกษาปีที่ 6 จากเดิม 21 บาทต่อคนต่อวัน เป็นอัตราตาม ขนาดโรงเรียน โดยเพิ่มขึ้นอัตราเฉลี่ย 24 บาทต่อคนต่อวัน ในภาพรวม ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2566 เป็นต้นไป *** มติคณะรัฐมนตรี วันที่ 6 ธันวาคม 2565 เห็นชอบ ในหลักการปรับเพิ่มราคากลางในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมโครงการอาหาร เสริม (นม) โรงเรียน นมโรงเรียนชนิดยู เอซ ที จากเดิม 7.82 บาทต่อ กล่อง เป็น 8.13 บาทต่อกล่อง ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติเป็น ต้นไป นายวิรัช คงขาเขตร สรุปคือนักเรียนที่ไม่มีสัญชาติไทยได้รับงบประมาณด้าน กรรมการ การศึกษา 2 งบ ได้แก่ 1. งบอุดหนุนรัฐบาล จ่ายให้ทั้งนักเรียนไทยและ นักเรียนที่ไม่มีสัญชาติไทย 2. งบกรุงเทพมหานคร จ่ายให้นักเรียนที่ไม่มี สัญชาติไทยตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล – มัธยมศึกษาปีที่ 6 เท่ากับนักเรียนที่ไม่ มีสัญชาติไทย จำนวน 12,951 คน ได้รับงบประมาณจำนวนทั้งสิ้น 81,060,309 บาท นางสาวเมธาวี ธารดำรงค์ สำนักการศึกษามีการประชุมแนวดิ่งร่วมกับผู้อำนวยการ กรรมการ โรงเรียนถึงปัญหาการจัดการเรียนการสอนนักเรียนต่างด้าวหรือไม่ เพราะ นักเรียนต่างด้าวหลายคนไม่เข้าใจภาษาไทย และอายุที่ห่างกันมาก เช่น ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 นักเรียนไทยมีอายุ 7 ปี แต่นักเรียนต่างด้าวมี อายุ 12 ปี นายทรงศร กัลยา ณ สุนทร สำนักศึกษามีการจัดประชุมแนวดิ่งร่วมกับผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการสำนักการศึกษา โรงเรียน และส่วนมากไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการจัดการเรียนการสอน เนื่องจากรับนักเรียนต่างด้าวไว้ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล นางสาวพรณิชา ชาตะพันธุ์ สมัยที่ตนเองเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน มีนักเรียนต่างด้าว เลขานุการ อายุมากเข้ามาเรียนจึงได้แนะนำให้ผู้ปกครองนำนักเรียนเข้าเรียนที่โรงเรียน เอกชน แต่เมื่อเข้าเรียนแล้วผู้ปกครองไม่ชำระค่าเล่าเรียนก็จะย้ายนักเรียน เข้าเรียนโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร ส่วนใหญ่จะรับเข้าเรียนตั้งแต่ ระดับชั้นอนุบาลจึงไม่ค่อยมีปัญหาด้านภาษา
- 11 - นางสาวเมธาวี ธารดำรงค์ เนื่องจากได้รับข้อมูลและปัญหาการสอนนักเรียนต่างด้าว กรรมการ จากการประชุมคณะอนุกรรมการการศึกษาในพื้นที่ความรับผิดชอบจึงอยาก ให้สำนักการศึกษากำหนดหลักเกณฑ์หรือแนวทาง หากอายุของนักเรียน ต่างด้าวเกินกำหนดในระดับชั้นนั้น ๆ สามารถนำนักเรียนเข้าเรียนที่ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ได้หรือไม่ ผิดหลัก มนุษยธรรมหรือระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการหรือไม่ นายทรงศร กัลยา ณ สุนทร คาดว่าไม่มีความผิด เพราะเป็นการส่งเสริมและให้โอกาส รองผู้อำนวยการสำนักการศึกษา ในการศึกษาและทำงานควบคู่กันไป นายวิรัช คงขาเขตร คณะกรรมการการศึกษาควรยื่นญัตติให้สภากรุงเทพมหานคร กรรมการ รับทราบภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของกรุงเทพมหานคร ฝ่ายบริหารจะ ได้รับทราบถึงปัญหาของสำนักการศึกษา รวมถึงปัญหาค่าใช้จ่ายด้าน สาธารณสุข คณะกรรมการฯ ควรหารือกับคณะกรรมการอื่น ๆ ยื่นญัตติใน แนวทางความรับผิดชอบของคณะกรรมการนั้น ๆ ด้วย นายปิยะ ศรีวรรณยศ ขออนุญาตให้ข้อมูลเพิ่มเติม 2 ประเด็น ดังนี้ หน.กลุ่มงานการจัดการสถานศึกษา 1. การนำนักเรียนเข้าเรียนที่ กศน. ขณะนี้ได้ยกระดับ องค์กรเป็นกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ปัญหาที่สำนักการศึกษาพบ คือ หาก นักเรียนไทยที่อายุไม่ถึง 15 ปี ประสงค์เข้าเรียน กรมส่งเสริมการเรียนรู้จะ ไม่รับเข้าเรียน หากยังไม่มีหนังสือส่งตัวจากต้นสังกัด สำนักการศึกษาจึงได้ จัดทำหนังสือหารือไปยังกรมส่งเสริมการเรียนรู้ฉะนั้นเมื่อมีหนังสือตอบ กลับอย่างเป็นทางการจากกรม ส่งเสริมการเรียนรู้ก็จะเวียนแจ้ง สำนักงานเขต เพราะสำนักงานเขตเป็นต้นสังกัดของโรงเรียนในสังกัด กรุงเทพมหานคร แต่นักเรียนต่างด้าวสามารถเข้าไปสมัครเรียนได้โดยไม่ ต้องมีหนังสือส่งตัวเหมือนกับนักเรียนไทย 2. การดำเนินการเรื่องนักเรียนต่างด้าว นอกจากสำนัก การศึกษาจะรับผิดชอบเรื่องการออกรหัส G และการบริการจัดการ งบประมาณฯ ส่วนราชการที่สำคัญของกรุงเทพมหานครในการดูแล รับผิดชอบเรื่องดังกล่าวควบคู่กันก็คือ สำนักงานปกครองและทะเบียน ซึ่ง จะมีฝ่ายบริหารการทะเบียน สำนักการศึกษามีการประชุมร่วมกันกับ สำนักงานปกครองฯ และสำนักงานปกครองฯ จะสอบถามจำนวนนักเรียน ต่างด้าวในแต่ละเขต เพื่อขับเคลื่อนฝ่ายทะเบียนหรือสำนักทะเบียนท้องถิ่น ให้ดำเนินการตามกระบวนการการทำงานของสำนักงานปกครองฯ เพื่อให้ ได้เลขประจำตัว 13 หลัก หากคณะกรรมการการศึกษาประสงค์ข้อมูล นักเรียนต่างด้าวเพิ่มเติม เสนอให้เชิญสำนักงานปกครองและทะเบียนเข้า ร่วมประขุม
- 12 - มติที่ประชุม รับทราบข้อมูลการบริหารจัดการศึกษาของเด็กต่างด้าวใน โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งข้อมูลจำนวนเด็กต่างด้าวใน โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครตามที่สำนักการศึกษาเสนอ โดยกรรมการมี ข้อเสนอแนะให้คณะกรรมการการศึกษายื่นญัตติต่อสภากรุงเทพมหานคร เพื่อรับทราบภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของกรุงเทพมหานคร และเสนอ ตั้งคณ ะกรรมการวิสามัญ เพื่อศึกษาภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมดของ กรุงเทพมหานครต่อแรงงานต่างด้าว ระเบียบวาระที่ 3 เรื่องอื่น ๆ - กำหนดการประชุมครั้งต่อไป นายณภัค เพ็งสุข แจ้งกำหนดการประชุมครั้งต่อไปในวันจันทร์ที่ 6 ประธานกรรมการ พฤศจิกายน 2566 เวลา 12.30 น. ณ ห้องประชุม 7 อาคารไอราวัต พัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 ดินแดง เพื่อรับทราบหลักเกณฑ์ การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายด้านการศึกษาสำหรับนักเรียนในโรงเรียน สังกัดกรุงเทพมหานคร และแนวทางการขอจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม กรณีจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้น มติที่ประชุม เห็นชอบ เลิกประชุมเวลา 14.00 น. (นางสาวปนิตา สุดสาคร) ผู้ช่วยเลขานุการ ผู้จดรายงานการประชุม
รายงานการประชุม คณะกรรมการการศึกษา ครั้งที่ 12/2566 วันจันทร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2566 ณ ห้องประชุม 7 อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่ากรุงเทพมหานคร ดินแดง ผู้มาประชุม 1. นายณภัค เพ็งสุข ประธานกรรมการ 2. นางลักขณา ภักดีนฤนาถ รองประธานกรรมการ คนที่หนึ่ง 3. นายณรงค์ รัสมี รองประธานกรรมการ คนที่สอง 4. นางกนกนุช กลิ่นสังข์ กรรมการ 5. นางสาวภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย กรรมการ 6. นางสาวเมธาวี ธารดำรงค์ กรรมการ 7. นายวิรัช คงคาเขตร กรรมการ 8. นายสารัช ม่วงศิริ กรรมการ 9. นางสาวพรณิชา ชาตะพันธุ์ เลขานุการ 10. นางสาวคฤห์อนงค์ สิริวิภาวี ผู้ช่วยเลขานุการ 11. นางสาวปนิตา สุดสาคร ผู้ช่วยเลขานุการ ผู้ไม่มาประชุม 1. นางสาวนภัสสร พละระวีพงศ์ กรรมการ (ลา) 2. นายนริสสร แสงแก้ว กรรมการ (ลา) 3. นายไสว โชติกะสุภา กรรมการ (ลา) 4. นายอภิวัฒน์ ด่านศรีชาญชัย กรรมการ (ลา) ผู้เข้าร่วมประชุม 1. นายทรงศร กัลยาณสุนทร รองผู้อำนวยการสำนักการศึกษา 2. นางวรกมล นพคุณ ผู้อำนวยการกองคลัง 3. นางอริศรา รัตนพงษ์สถิต ผู้อำนวยการกองเสริมสร้างสมรรถนะนักเรียน สำนักการศึกษา 4. นางรัชฎาพร บุตรเพ็ชร หัวหน้ากลุ่มงานกิจการนักเรียน สำนักการศึกษา 5. นายกิตติพงศ์ ทองพวา นักวิชาการศึกษาชำนาญการ กองเสริมสร้างสมรรถนะนักเรียน สำนักการศึกษา 6. นางสาววรรณา ปิ่นปฐม นักวิชาการเงินและบัญชีปฏิบัติการ สำนักการศึกษา 7. นางสาวนาถยา ถึงโภค นักวิชาการเงินและบัญชีปฏิบัติการ สำนักการศึกษา 8. นางสาวณัฐินี ได้ฤกษ์โหรี นักวิชาการศึกษา สำนักการศึกษา
-๒- 9. นางสาวอรอนงค์ สมศิริ นักจัดการงานทั่วไป สลส.กทม. 10. นายกิตติพศ กระสินธุ์ นักจัดการงานทั่วไป สลส.กทม. เริ่มประชุมเวลา 12.30 น เมื่อคณะกรรมการมาครบองค์ประชุมแล้ว ประธานกล่าวเปิดประชุม และ ดำเนินการประชุมตามระเบียบวาระการประชุม ดังนี้ ระเบียบวาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งที่ประชุมทราบ - ไม่มี- ระเบียบวาระที่ 2 เรื่องเพื่อพิจารณา 2.1 หลักเกณฑ์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายด้านการศึกษา สำหรับนักเรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร และแนวทางการขอจัดสรร งบประมาณเพิ่มเติม กรณีมีจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้น 1) งบเงินอุดหนุนรัฐบาล พร้อมบัญชีจัดสรรงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 2) งบกรุงเทพมหานคร พร้อมบัญชีจัดสรรงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 2.2 ความคืบหน้าการดำเนินงาน เรื่อง ทุนส่งเสริมการศึกษาของ นักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร และอัตราของทุนส่งเสริมการศึกษาในแต่ละระดับ นายณภัค เพ็งสุข ประธานกรรมการ ขอเชิญสำนักการศึกษารายงานข้อมูลการศึกษา นายทรงศร กัลป์ยาณสุนทร รองผู้อำนวยการ สำนักการศึกษา ขออนุญาตให้ผู้อำนวยการกองคลังรายงานข้อมูลและชี้แจง รายละเอียดต่าง ๆ นางวรกมล นพคุณ ผู้อำนวยการกองคลัง ขอรายงานข้อมูลด้านการศึกษา ดังนี้ 2.1 หลักเกณฑ์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายด้านการศึกษา สำหรับนักเรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร และแนวทางการขอจัดสรร งบประมาณเพิ่มเติม กรณีมีจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้น 1) งบเงินอุดหนุนรัฐบาล พร้อมบัญชีจัดสรรงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 กรุงเทพมหานครได้รับงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ด้านการศึกษา งบเงิน อุดหนุนรัฐบาล งบประมาณทั้งสิ้น 2,607,286,800 บาท งบประมาณหลัง ปรับโอน งบประมาณทั้งสิ้น 2,607,286,800 บาท จัดสรรและโอนงบประมาณ ให้สำนักงานเขต งบประมาณทั้งสิ้น 2,466,958,918 บาท จัดสรรให้
-๓- สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากรุงเทพมหานคร และสำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน งบประมาณทั้งสิ้น 150,166,329 บาท งบประมาณคงเหลือ 161,553 บาท ทั้งนี้ งบประมาณที่กรุงเทพมหานคร ได้รับจัดสรรจากรัฐบาลในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจะได้รับงบประมาณครั้งละ 25% ตารางการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายด้านการศึกษาสำหรับนักเรียน โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ปีการศึกษา 2556 (16 พฤษภาคม 2566 – 31 มีนาคม 2567) ลำดับ รายการ งบประมาณตาม พ.ร.บ. งบประมาณหลังปรับ โอน จัดสรร/โอนให้ สำนักงานเขต จัดสรรให้ สพป.กทม./สพฐ. คงเหลือ 1. เงินอุดหนุนการจัด การศึกษาตั้งแต่ระดับ อนุบาลจนจบการศึกษา ขั้นพื้นฐาน 1) ค่าจัดการเรียนการสอน 587,103,800 568,232,298 568,232,298 2) ค่าอุปกรณ์การเรียน 97,194,200 108,979,710 108,979,710 3) ค่าเครื่องแบบนักเรียน 97,952,500 103,579,350 103,579,350 4) ค่าหนังสือเรียน 178,971,700 175,738,984 175,738,984 5) ค่ากิจกรรมพัฒนา คุณภาพผู้เรียน 144,440,200 139,799,961 139,799,961 2. เงินอุดหนุนโครงการ อาหารเสริม (นม) 454,291,400 454,291,400 406,006,912 3. เงินอุดหนุนโครงการ อาหารกลางวัน 1,047,333,000 1,056,651,011 954,607,617 47,915,061 130,333 4. ค่ า ต อ บ แ ท น พิเศ ษ สำหรับข้าราชการครู กรุงเทพมหานคร - 14,086 14,086 - - รวมทั้งสิ้น 2,607,286,800 2,607,286,800 2,456,958,918 150,166,329 161,553 ปีการศึกษา 2566 (16 พฤษภาคม 2566 – 31 มีนาคม 2567) ซึ่งการดำเนินการจะแตกต่างกับ สพฐ. เนื่องจากเงินงบประมาณที่ได้รับจากรัฐบาล จะต้องขออนุมัติจัดสรรจากผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และมีแนวทางจาก สำนักการคลังกำหนดไว้ให้ใช้เงินงบประมาณใน 2 ปีงบประมาณไว้เป็นเงินนอก งบประมาณที่สำนักงานเขตเมื่อจัดทำคำของบประมาณจะใช้สถิติจำนวนนักเรียน ณ 10 มิถุนายน 2565 คือปีก่อนเป็นฐานในการของบประมาณตามอัตรารายหัว 1. ขอเงินอุดหนุนการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษา ขั้นพื้นฐาน จำนวน 5 รายการ คือ ค่าจัดการเรียนการสอน ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าเครื่องแบบนักเรียน ค่าหนังสือเรียน ค่ากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ซึ่งจะเห็นได้ ว่างบประมาณหลังปรับโอนจะสูงกว่างบประมาณตาม พ.ร.บ. เช่น ค่าอุปกรณ์ การเรียน งบประมาณ 97,197,200 บาท งบประมาณหลังปรับโอน 108,979,710 บาท เนื่องจากนำรายการทั้ง 5 รายการ มาเปลี่ยนแปลง กรณีที่นักเรียนเพิ่มขึ้นทำให้งบประมาณหลังปรับโอนสูงกว่าระบบงบประมาณ แล้วมาจัดสรรให้สำนักงานเขต ปกติวงรอบของการจัดสรรงบประมาณ 2567
-๔- ประมาณเดือนธันวาคม จะโอนให้สำหรับปีการศึกษา 2567 2. เงินอุดหนุนโครงการอาหารเสริม (นม) งบประมาณตาม พระราชบัญญัติฯ 454,291,400 บาท งบประมาณ หลังปรับโอน 454,291,400 บาท จัดสรร/โอนให้สำนักงานเขต 406,006,912 บาท และ จัดสรรให้ สพป.กทม./สพฐ. 47,915,061 บาท คงเหลือ 130,333 บาท 3. เงินอุดหนุนโครงการอาหารกลางวัน งบประมาณตาม พระราชบัญญั ติฯ 1,047,333,000 บาท งบประมาณหลังปรับโอน 1,056,651,011 บาท จัดสรร/โอนให้สำนักงานเขต 954,607,617 บาท และ จัดสรรให้ สพป.กทม./สพฐ. 102,251,268 บาท คงเหลือ 31,220 บาท เนื่องจากเงินอุดหนุนโครงการอาหารเสริม (นม) และเงินอุดหนุน โครงการอาหารกลางวัน สพป.กทม. และ สพฐ. จะให้กรุงเทพมหานครเป็น ผู้ของบประมาณหลักและจัดสรรงบประมาณให้ทั้ง 2 รายการ 4. ค่าตอบแทนพิเศษสำหรับข้าราชการครูฯ งบประมาณตาม พ.ร.บ - บาท งบประมาณหลังปรับโอน 14,086 บาท จัดสรร/โอนให้ สำนักงานเขต 14,086 บาท การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เงินอุดหนุนรัฐบาล ให้ 50 สำนักงานเขต ลำดับ วันที่ รัฐบาลอนุมัติ เงินจัดสรร จัดสรรให้ สำนักงานเขต จัดสรรให้ สพป.กทม./สพฐ คงเหลือ 1 4 ตุลาคม 2565 1,303,643,500 - - 1,303,643,500 2 21 ตุลาคม 2565 - - 71,135,848 1,232,507,652 3 20 ธันวาคม 2565 - 1,209,511,467 - 22,996,185 4 29 ธันวาคม 2565 - 15,005,529 - 7,990,656 5 10 กุมภาพันธ์ 2566 651,821,400 - - 659,812,056 6 8 มีนาคม 2566 - - 79,090,481 580,781,575 7 14 มีนาคม 2566 - 554,412,885 - 26,368,690 8 24 เมษายน 2566 - 875,880 - 25,492,810 9 12 พฤษภาคม 2566 276,415,800 - - 301,908,610 10 19 พฤษภาคม 2566 - 268,657,050 - 33,251.560 11 22 พฤษภาคม 2566 - 5,090,798 - 26,160,762 12 15 มิถุนายน 2566 375,406,100 - - 403,566,862 13 7 กรกฎาคม 2566 - 384,035,461 - 19,531,401 14 11 สิงหาคม 2566 - 5,719,909 - 13,811,492 15 24 สิงหาคม 2566 - 14,086 - 13,797,406 16 25 สิงหาคม 2566 - 641,375 - 13,156,031 17 5 กันยายน 2566 - 12,656,271 - 499,760 18 17 ตุลาคม 2566 - 338,207 - 161,533 รวม 2,607,286,800 2,456,958,918 150,166,329 161,553
-๕- ในปีการศึกษา 2567 จะเริ่มใช้เงินงบประมาณตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2567 จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2568 โดยใช้ฐานการคำนวณจาก สถิติจำนวนนักเรียน ณ วันที่ 10 มิถุนายน 2566 ขณะนี้ได้รับงบประมาณมาแล้ว ไม่ถึง 100 %ซึ่งในปีการศึกษาที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องอุปกรณ์การเรียน ค่าเครื่องแบบ นักเรียน และค่าหนังสือเรียนที่ต้องใช้ทั้งปีการศึกษา โดยปีการศึกษา 2567 จึงมี การปรับแก้ไขโดยการโอนงบประมาณอื่นไปแทน และเพิ่มสมทบในค่าอุปกรณ์ การเรียน ค่าเครื่องแบบนักเรียน ค่าหนังสือเรียน และค่ากิจกรรมผู้เรียนบางรายการ ให้สำนักงานเขต 100 % เพื่อลดปัญหาการร้องเรียนจากผู้ปกครองนักเรียน รายการอื่น ๆ ให้สำนักงานเขตใช้งบประมาณในปีการศึกษา 2567 ภาคเรียนที่ 1 ไปก่อน เช่น เงินอุดหนุนโครงการอาหารเสริม (นม)ได้โอนงบประมาณไปให้สำนักงานเขต จำนวน 129 วัน ขาดไปอีก 1 วัน สำนักการศึกษายังรอรับงบประมาณโอน เปลี่ยนแปลงขณะนี้ยังต้องรอการอนุมัติจึงจะได้รับเงิน 130 วัน ครบในภาคเรียนที่ 1 และจะจัดซื้อให้กับโรงเรียนได้และจะแจกจ่ายให้กับนักเรียน 130 วัน และ เงินอุดหนุนโครงการอาหารกลางวันสบทบให้ไป 100 วันก่อนสำหรับ 1 ภาคเรียน และรอรัฐบาลให้เงินอุดหนุนมาเพิ่ม จึงจะจัดสรรเงินเพิ่มให้ในครั้งต่อไป นายวิรัช คงคาเขตร กรรมการ ค่าตอบแทนพิเศษสำหรับข้าราชการครูฯ เป็นค่าตอบแทนใด นางวรกมล นพคุณ ผู้อำนวยการกองคลัง เป็นค่าตอบแทนพิเศษ สำหรับข้าราชการครูฯ เงินเดือนเต็มขั้น คำนวณ จากฐานเงินเดือนคูณ 2% หรือ 4%ซึ่งเงินเดือนครูเป็นเงินอุดหนุนรัฐบาล แต่รัฐบาล ไม่ได้งบประมาณ จึงขออนุมัติเงินจากงบกลางของกรุงเทพมหานครค่าตอบแทนพิเศษ จำนวน 14,086 บาท ซึ่งงบประมาณไม่เพียงพอจึงต้องขออนุมัติเงินอุดหนุนเพิ่มเติม เนื่องจากสำนักงบประมาณฯ เห็นว่าเงินอุดหนุนรัฐบาลยังเหลืองบประมาณ ให้ใช้ เงินอุดหนุนรัฐบาลให้หมดก่อน จึงจะพิจารณาอนุมัติเงินงบประมาณกรุงเทพมหานคร ในทุกรายการ ในส่วนของค่ารักษาพยาบาลข้าราชการครู และเงินบำเหน็จบำนาญ ข้าราชการครูฯ จะขอผ่านกองบำเหน็จบำนาญ สำนักการศึกษาจะขออนุมัติเงิน อุดหนุนรัฐบาลในภาพรวมแต่ไม่ได้รับงบประมาณ จึงขออนุมัติจัดสรรงบประมาณ จากงบกลางของกรุงเทพมหานครเพื่อเบิกจ่ายให้กับข้าราชการครูฯ หากไม่ได้รับ งบประมาณ จะต้องไปขออนุมัติงบประมาณจากสำนักงบประมาณฯ นายวิรัช คงคาเขตร กรรมการ เงินบำเหน็จบำนาญข้าราชการครูฯ ควรจะเป็นเงินอุดหนุนรัฐบาล นางวรกมล นพคุณ ผู้อำนวยการกองคลัง ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาได้รับเงินอุดหนุนรัฐบาลไม่ถึง 50%
-๖- นายวิรัช คงคาเขตร กรรมการ เงินเดือนข้าราชการครูฯ ไม่ว่าจะเป็นเทศบาล องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น องค์การบริหารส่วนตำบล ที่มีข้าราชการครูอยู่ในสังกัดจะได้รับเงิน อุดหนุนรัฐบาล 100% เมื่อข้าราชการครูฯ เกษียณอายุราชการแล้วเงินบำเหน็จ บำนาญควรจะเป็นเงินอุดหนุนรัฐบาล รวมถึงค่ารักษาพยาบาลข้าราชการครูฯ แต่กลับ เป็นหน่วยงานต้องรับผิดชอบ ทั้งที่พระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการ กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ระบุว่า เรื่องการ จัดสรรรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร้อยละ 35 นางวรกมล นพคุณ ผู้อำนวยการกองคลัง กรณีกรุงเทพมหานครจัดทำคำของบประมาณเงินอุดหนุนรัฐบาล รายการใดของบประมาณ 100% จะไม่มีรายการนั้นปรากฏมาเลย แต่ถ้าให้ งบประมาณ 30% จะปรากฎในข้อบัญญัติฯ และรายการที่เหลือจะต้องไปขอ อนุมัติงบกลาง นางกนกนุช กลิ่นสังข์ กรรมการ วันนี้กรุงเทพมหานครเจอวิกฤตเรื่องรายรับของกรุงเทพมหานคร รวมถึงค่าใช้จ่ายรายหัวจากรัฐบาล ข้อเท็จจริงจำนวนประชากรของกรุงเทพมหานคร ที่มีอยู่จริง 10 ล้านคน แต่จำนวนที่ลงทะเบียนแค่ 5 ล้านคน หากมีโอกาสที่จะ ทำให้กรุงเทพมหานครมีประชาชนที่มีอยู่จริงเพิ่มจากเดิม กรุงเทพมหานครจะได้ ค่าใช้จ่ายรายหัวเพิ่มขึ้น จะได้รับเงินอุดหนุนรัฐบาลเพิ่มมากขึ้นตามรายหัว เมื่อไม่ สามารถเพิ่มได้ในขณะที่คนที่มาอยู่ในกรุงเทพมหานครจำนวนมากขึ้น กรุงเทพมหานครควรกำหนดเงื่อนไขการรับนักเรียน เพราะมีผลกับ รายได้ของกรุงเทพมหานครซึ่งปัจจุบันรายได้ที่กรุงเทพมหานครได้จากรัฐบาลจาก เงินรายหัวของประชากรของกรุงเทพมหานครมีผลต่องบประมาณด้วย หาก กรุงเทพมหานครไม่ดำเนินการอะไรเลยก็จะไม่มีเงิน บุคลากรจะมีปัญหา เพราะ ต้องมีเงินเดือนและเงินบำเหน็จบำนาญ อนาคตจะเป็นภาระผูกพันที่ กรุงเทพมหานครจะไม่สามารถได้ค่าใช้จ่ายรายหัว รวมถึงข้าราชการครู กรุงเทพมหานครควรจะต้องมีทะเบียนบ้านอยู่ในพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร วันนี้ ข้าราชการครูกรุงเทพมหานครใน 437 โรงเรียน มีทะเบียนบ้านอยู่ กรุงเทพมหานครจำนวนเท่าใด เพราะข้าราชการครูฯ รับเงินเดือนจาก กรุงเทพมหานคร แต่ค่าใช้จ่ายรายหัวและสวัสดิการต่าง ๆ จะอยู่ ณ บ้านเลขที่ที่มี ทะเบียนบ้าน เพราะฉะนั้น หากเป็นข้าราชการกรุงเทพมหานครต้องมีทะเบียน บ้านอยู่ในกรุงเทพมหานคร สำนักงาน ก.ก. น่าจะทราบดี แต่ทุกวันนี้ทุกคนไม่ได้ ดำเนินการ ภาษีรายได้ของแต่ละคนจะโอนกลับตามภูมิลำเนาหรือไม่ อาจจะต้อง ศึกษา เช่น เสียภาษีจ่ายที่กรุงเทพมหานคร รายได้จะกลับไปตามภูมิลำเนาหรือที่ กรุงเทพมหานคร ดังนั้น จะเห็นว่าในต่างจังหวัดจะพยายามไม่ให้ประชาชนย้ายออก เพราะมีผลกับงบประมาณรายรับขององค์กรบริหารส่วนจังหวัด องค์การบริหาร ส่วนตำบล เทศบาล กรุงเทพมหานครจัดการทุกเรื่องในพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร แต่ไม่ คำนึงถึงรายรับที่ควรจะเป็นของกรุงเทพมหานคร เสนอฝ่ายบริหารเพื่อพิจารณา ข้าราชการสังกัดกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะข้าราชการครูกรุงเทพมหานครทั้ง 437 โรงเรียนควรย้ายทะเบียนบ้านเข้าทะเบียนบ้านโรงเรียน โดยเฉพาะข้าราชการบรรจุใหม่
-๗- นายวิรัช คงคาเขตร กรรมการ ผมเป็นข้าราชการบำนาญ กระทรวงศึกษาธิการ และเป็นสมาชิก สภากรุงเทพมหานคร ปัจจุบันถูกตัดสิทธิจากกรมบัญชีกลาง เพราะจะต้องใช้ สิทธิของกรุงเทพมหานคร เมื่อปี 2521 มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายาขยายจากสุขาภิบาลเป็น เทศบาล งบประมาณจะเพิ่มมากขึ้น จำนวนประชากรที่เพิ่มมากขึ้นจากนักศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเดิมไม่มีระเบียบว่านักศึกษามาเรียนต้องย้ายทะเบียนบ้าน มาอยู่ในมหาวิทยาลัย เทศบาลหรือสุขาภิบาลในขณะนั้นก็ต้องไปเก็บขยะ เก็บสิ่ง ปฏิกูล ไม่ได้รับค่าใช้จ่ายจากมหาวิทยาลัยมหิดล และได้แนะนำกับอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล นักศึกษาที่จะอยู่หอมหาวิทยาลัยต้องย้ายทะเบียนบ้าน ปัจจุบันนักศึกษาที่ย้ายทะเบียนบ้านเข้ามาอยู่ในมหาวิทยาลัยมหิดลมีจำนวน มากกว่าประชากรในพื้นที่ศาลายา ปัจจุบันจำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น โดยมีค่าหัว เป็นหลักเกณฑ์ในการขยายความเจริญของท้องถิ่น นางสาวเมธาวี ธารดำรงค์ กรรมการ เห็นด้วยให้ข้าราชการครูกรุงเทพมหานครย้ายทะเบียนบ้านเข้าโรงเรียน เช่นเดียวกับกรณีนักศึกษาพยาบาลต้องย้ายทะเบียนบ้านมาอยู่ที่โรงพยาบาล เช่น โรงพยาบาลตำรวจ โรงพยาบาลจุฬาฯ ขอข้อมูลนักเรียนที่มีทะเบียนบ้าน อยู่ในกรุงเทพมหานคร และไม่มีทะเบียนบ้านอยู่ในกรุงเทพมหานคร และ นักเรียนต่างด้าว นายวิรัช คงคาเขตร กรรมการ ขอสถิติจำนวนนักเรียนย้อนหลัง 10 ปี โดยแยกเป็นนักเรียนที่มี สัญชาติไทย และนักเรียนต่างด้าวซึ่งนักเรียนต่างด้าวมีจำนวนเพิ่มขึ้น แต่นักเรียน ที่มีสัญชาติไทยลดน้อยลง จะนำข้อมูลอภิปรายให้ฝ่ายบริหารได้ทราบและ พิจารณา นางสาวพรณิชา ชาตะพันธุ์ เลขานุการ เห็นด้วยให้ข้าราชการครูฯ ย้ายทะเบียนบ้านเข้าโรงเรียน หากสามารถ ดำเนินการได้จะแก้ปัญหาได้และข้าราชการครูฯ ไม่สามารถเบิกค่าเช่าบ้านได้ นางวรกมล นพคุณ ผู้อำนวยการกองคลัง 2) งบกรุงเทพมหานคร พร้อมบัญชีจัดสรรงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ขอรายงานว่า งบกรุงเทพมหานครในส่วนของโรงเรียนนั้น จะปรากฎในข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครในส่วนของสำนักงานเขต นโยบายของ ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร กรณีเป็นงานประจำจะส่งเป็นหลักการในการจัดทำ คำของบประมาณของสำนักงานเขต ประกอบด้วย ค่าอาหารเช้านักเรียน คนละ 15 บาทต่อคนตามจำนวนนักเรียน ค่าอาหารกลางวัน ค่าประกันอุบัติเหตุ ค่าชุด ลูกเสือ/เนตรนารี/ยุวกาชาด/ชุดนอน/ชุดพละ ค่าเครื่องหมายวิชาพิเศษเนตรนารี ยุวกาชาดค่าวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องใช้ส่วนตัว สำหรับเด็กอนุบาล ค่าเครื่องหมาย สัญลักษณ์ของสถานศึกษา ซึ่งฝ่ายการศึกษาจะเป็นผู้ดำเนินการจัดทำบัญชี จัดสรรงบประมาณให้กับโรงเรียนตามจำนวนนักเรียน โดยสำนักงานเขตเป็น ผู้ดำเนินการเบิกจ่าย
-๘- กรณีค่าประกันอุบัติเหตุที่สมาชิกสภากรุงเทพมหานครแจ้งว่า สามารถจัดสรรได้ ตอนนี้ ได้รับนโยบายจากรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้โอนงบประมาณที่สำนักงานเขตมาตั้งไว้ที่สำนักการศึกษา และสำนักการศึกษา จัดหาให้กับ 437 โรงเรียนในภาพรวม ซึ่งมีงบประมาณจำนวนมาก มีอำนาจ ต่อรองกับบริษัทประกันภัย อยู่ระหว่างการโอนงบประมาณ งบประมาณรายหัว นักเรียน คนละ 150 บาทเหมือนเดิม หากให้สำนักงานเขตดำเนินการ บริษัท จะประกันให้โดยคิดค่าใช้จ่ายคนละ 300 บาท ทำให้ต้องเพิ่มงบประมาณอีก 37 ล้านบาทเศษ ผู้บริหารจึงให้สำนักการศึกษาดำเนินการตามเงื่อนไขเดิม ซึ่งสำนักการศึกษาได้สำรวจแล้วมีบริษัทประกันภัยสนใจจะเสนอราคาเข้ามา เพราะวงเงินงบประมาณ 40 กว่าล้านบาท โดยสำนักการศึกษาจะเริ่มดำเนินการ 15 พฤษภาคม 2567 นายวิรัช คงคาเขตร กรรมการ เห็นด้วย เพราะเมื่อรวมงบประมาณและดำเนินการในภาพรวม จะมีอำนาจในการต่อรอง และไม่ต้องเพิ่มงบประมาณ นางลักขณา ภักดีนฤนาถ รองประธานกรรมการ คนที่หนึ่ง หากสำนักการศึกษาเป็นผู้ดำเนินการจัดหาบริษัทประกันภัย จะเป็นการแก้ไขปัญหาให้กับโรงเรียนได้อย่างเหมาะสม ประธานกรรมการ กรณีมีนักเรียนเพิ่มขึ้นในระหว่างที่มีการจัดสรรงบประมาณไปแล้ว นางวรกมล นพคุณ ผู้อำนวยการกองคลัง สำนักการศึกษาจะขอจัดสรรจากงบกลาง หรือจัดสรรงบประมาณ จากเงินเหลือจ่ายสำหรับนักเรียนที่เพิ่มขึ้นได้แต่จะมีประเด็น กรณีนักเรียนที่ย้าย มาจากต่างจังหวัดมาเข้ากทม. จะต้องมีการจัดทำประกันอุบัติเหตุนักเรียนเพิ่ม แต่หากเป็นนักเรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครย้ายจากเขตหนึ่งไปเขตหนึ่ง ประกันภัยจะตามตัวนักเรียนไปอยู่แล้ว นายณรงค์ รัศมี รองประธานกรรมการคนที่สอง นโยบายการเปิดรับเด็กอนุบาล 3 ขวบ จะดำเนินการในปีหน้า สำนักการศึกษามีการปรับปรุงห้องเรียนและมีวงเงินค่าประกันอุบัติเหตุสำหรับ นักเรียนกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นหรือไม่ นางวรกมล นพคุณ ผู้อำนวยการกองคลัง กรณีมีนักเรียนอนุบาลเพิ่มขึ้น จะขออนุมัติจัดสรรงบเงินอุดหนุน รัฐบาล แต่ส่วนเงินค่าอุบัติเหตุ ณ วันนั้น เงินมีมากกว่าความประสงค์ที่จะเข้า สำนักการศึกษาจะจัดสรรงบกลาง เฉพาะค่าประกันอุบัติเหตุ ส่วนเรื่องห้องน้ำ กายภาพต่าง ๆ ขณะนี้สำนักงานเลขานุการอยู่ระหว่างดำเนินการโครงการ ห้องเรียนปลอดฝุ่น จัดทำเป็น 2 เฟส คือเฟสแรก สำรวจโรงเรียนที่มี เครื่องปรับอากาศ ห้องเรียนมีความเหมาะสมหรือไม่ และจะจัดซื้อเครื่องฟอก อากาศซึ่งได้รับงบประมาณในปีนี้จะนำไปไว้สำหรับห้องอนุบาล และเฟสสอง ห้องเรียนที่มีเครื่องปรับอากาศ สำรวจว่าสามารถปรับปรุงได้หรือไม่ อาจจะพิจารณา นำงบประมาณซ่อมแซม 5 แสนบาทของสำนักงานเขตมาซ่อมแซมก่อน หรือ อาจจะขออนุมัติงบกลางอีกครั้ง อยู่ระหว่างสำรวจโรงเรียนทั้ง 437 โรงเรียน
-๙- นายวิรัช คงคาเขตร กรรมการ สำนักการศึกษาควรมีการสำรวจโรงเรียนก่อนที่จะของบประมาณ เพราะบางโรงเรียนมีนักเรียนอนุบาลแค่ 10 กว่าคน แต่ติดเครื่องปรับอากาศ ขนาดใหญ่เห็นว่าไม่เหมาะสม สำนักการศึกษา มีกลุ่มงานโยธา ขอให้ลงพื้นที่ โดยแบ่งการทำงานของเจ้าหน้าที่สำรวจโรงเรียน 437 โรงเรียน สำรวจห้องเรียน และเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสมกับพื้นที่และจำนวนนักเรียนด้วย เพื่อไม่ให้ เกิดปัญหาหลังจากดำเนินการไปแล้ว นางลักขณา ภักดีนฤนาถ รองประธานกรรมการ คนที่หนึ่ง นโยบายเปิดการเรียนการสอนระดับอนุบาล 3 ขวบ ในปี 2567 จะเปิดทุกโรงเรียนหรือไม่ นายทรงศร กัลป์ยาณสุนทร รองผู้อำนวยการ สำนักการศึกษา สำนักการศึกษาได้มีการจัดทำแผนและสำรวจโรงเรียนที่จัดการ เรียนการสอนระดับอนุบาลศึกษาปีที่ 1-3 ในปีการศึกษา 2567 จำนวน 191 โรงเรียน รับนักเรียนที่มีอายุตั้งแต่ 3 ขวบ อยู่ในระดับชั้นอนุบาล 1 นางสาวเมธาวี ธารดำรงค์ กรรมการ โรงเรียนวัดดวงแข โรงเรียนสวนลุมพินี เขตปทุมวันมีการเปิดการ เรียนการสอนระดับชั้นอนุบาล 3 ขวบ ตั้งแต่ 2ปีที่แล้ว เนื่องจากในพื้นที่ไม่มี ศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียนที่เปิดรับนักเรียนอายุ 3 ขวบอยู่แล้วควรเข้าร่วมตาม นโยบายจะได้รับงบประมาณ นายทรงศร กัลป์ยาณสุนทร รองผู้อำนวยการ สำนักการศึกษา อาจจะมีความต้องการของผู้ปกครอง โรงเรียนมีการสมยอมกัน ผู้ปกครองอาจจะต้องมีค่าใช้จ่าย เพราะในส่วนนี้กรุงเทพมหานครไม่มี งบประมาณให้ ซึ่งก็ทราบว่ามีมานานแล้ว และกรณีที่โรงเรียนประสงค์ที่จะเปิด การเรียนการสอนในระดับอนุบาล 3 ขวบ สำนักการศึกษาจะมีหลักเกณฑ์และ พิจารณาความพร้อมของห้องเรียน ความต้องการของผู้ปกครอง มีแบบสำรวจ และส่งกลับเข้ามาให้คณะกรรมการฯ พิจารณา นายณรงค์ รัศมี รองประธานกรรมการคนที่สอง เนื่องจากโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครส่วนใหญ่จะมีนักเรียน ระดับอนุบาลเกือบทุกโรงเรียน เดิมเปิดรับเด็กอนุบาล 1 – 2 เมื่อเปิดรับ อนุบาล อายุ 3 ขวบ โรงเรียนต้องมีความพร้อมด้วยเนื่องจากเป็นเด็กเล็ก เดิมโรงเรียนใดติดกับชุมชนที่มีศูนย์เด็กอ่อนก่อนวัยเรียนที่มีคุณภาพอยู่แล้ว จะส่งผลกระทบกับศูนย์ฯ และได้ให้แนวทางกับสำนักงานเขตหนองจอก หากโรงเรียนใดอยู่ไกลพื้นที่ชุมชน ควรเสนอการเปิดการเรียนการสอนเด็กอนุบาล 3 ขวบ สำนักการศึกษามีแนวคิดในเรื่องนี้อย่างไร กรณีนำเด็กในชุมชนศูนย์ฯ เข้ามาอยู่ในโรงเรียน จะมีการนำครูในศูนย์ฯ เข้ามาในโรงเรียนด้วยหรือไม่ อย่างไร นายทรงศร กัลป์ยาณสุนทร รองผู้อำนวยการ สำนักการศึกษา ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนกรุงเทพมหานครเป็นการรับเด็กเข้ามาดูแล แต่นักเรียนระดับอนุบาลของโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครจะเป็นระบบ อนุบาลศึกษา ใช้หลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการและมีกฎหมายกำหนดในรัฐธรรมนูญ ซึ่งเจตนารมณ์คือต้องการดูแลเด็ก ทรัพยากรมนุษย์ตั้งแต่อยู่ในท้อง เมื่อคลอด
-๑๐- ออกมาแล้วต้องได้รับการดูแล มีระบบพัฒนาการ เพื่อพัฒนาประเทศในอนาคต ต่อไป ทั้งนี้ การเปิดรับเด็ก 3 ขวบในสังกัดอื่นได้ดำเนินการแล้ว จะมีสังกัด กรุงเทพมหานครที่ยังไม่เปิดในระดับชั้นอนุบาล 3 ซึ่งสำนักการศึกษาได้มีการ เตรียมการและคาดว่าจะเปิดรับนักเรียนได้ในปีการศึกษา 2567 นางลักขณา ภักดีนฤนาถ รองประธานกรรมการ คนที่หนึ่ง จากการประชุมในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบ จำนวนนักเรียนลดลง ทุกโรงเรียน โดยเฉพาะโรงเรียนวัดไก่เตี้ย มีนักเรียน 51 คน โรงเรียนในพื้นที่ เขตบางพลัดมีจำนวนนักเรียนไม่ถึง 100 คน จำนวน 6-7 โรงเรียน เห็นว่าจะ ไม่เกิดความคุ้มค่า ที่สำคัญข้าราชการครูต้องครบ 8 กลุ่มสาระในการจัดการ เรียนการสอน นายทรงศร กัลป์ยาณสุนทร รองผู้อำนวยการ สำนักการศึกษา ตามหลักเกณฑ์ที่ สำนักงาน ก.ก. กำหนด โรงเรียนที่มีจำนวนไม่ถึง 120 คน ต้องมีบุคลากร 9 คน คือ ผู้บริหารสถานศึกษา และข้าราชการครู จำนวน 8 กลุ่มสาระ นางสาวเมธาวี ธารดำรงค์ กรรมการ ขอเสนอแนะ การควบรวมโรงเรียนที่มีระยะห่างไม่มาก โรงเรียน อาจจะต้องสร้างแรงจูงใจ ช่วงแรกอาจจะมีรถรับ-ส่งนักเรียน ซึ่งสภาฯ จะคำนึงถึง ความคุ้มค่า บางโรงเรียนมีจำนวนนักเรียนมาก แต่มีจำนวนครูไม่ครบ ควรมี การแก้ไขปัญหา นายวิรัช คงคาเขตร กรรมการ สำนักการศึกษาจะต้องพิจารณาค่าวัสดุอุปกรณ์ และครุภัณฑ์ที่ใช้ สำหรับเด็กอนุบาล 3 ขวบ โดยเฉพาะโต๊ะ เก้าอี้ ให้มีมาตรฐานและเหมาะสม กับเด็กอนุบาลและกรุงเทพมหานครควรมีการเปลี่ยนแปลงในการควบรวมโรงเรียน เพื่อประหยัดงบประมาณด้านบุคลากร และด้านต่าง ๆ ของกรุงเทพมหานครได้ นางสาวพรณิชา ชาตะพันธุ์ เลขานุการ ตามกฎหมายแล้วใครที่เรียนจบอนุบาล 3 มาเข้าเรียนระดับชั้น ประถมศึกษาปีที่ 1 ได้แม้ว่าจะมีอายุไม่ถึง 7 ปีหรือกรณีที่มีอายุ 6 ปีย่างเข้า 7 ปี เป็นการขยายฐานในโรงเรียนขนาดเล็กมีนักเรียนไม่ถึง 5 คน โรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นจะมีการขอโอนครุภัณฑ์โต๊ะ เก้าอี้ ของโรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียนลดลง ซึ่งจะเป็นการประหยัดงบประมาณ ในการจัดซื้อครุภัณฑ์ เรื่องครูสอนอนุบาลไม่จำเป็นต้องเป็นครูเอกปฐมวัย เพราะมีการ อบรม แต่ครูที่จะต้องตรงเอก คือครูในระดับมัธยมศึกษาซึ่งจะต้องมีความรู้และ มีทักษะการสอน และเห็นว่าการจ้างครูสอนภาษาจีน เป็นงบประมาณที่สูง สำหรับโรงเรียนเล็ก หากมีการควบรวมโรงเรียนจะทำให้ประหยัดงบประมาณ การจ้างครูได้มาก นางลักขณา ภักดีนฤนาถ รองประธานกรรมการ คนที่หนึ่ง โรงเรียนระดับประถมศึกษา หลักคือ การสอนให้นักเรียนอ่านออก เขียนได้ ครูต้องมีวิธีการสอน
-๑๑- นางสาวเมธาวี ธารดำรงค์ กรรมการ จากการประชุมคณะอนุกรรมการการศึกษา ชุดที่ 8 โรงเรียนยัง ต้องการครูให้ครบทุกกลุ่มสาระ และเจ้าพนักงานธุรการ ถึงแม้ว่าโรงเรียนจะมี นักเรียนไม่มาก เห็นว่าสำนักการศึกษาควรร่วมกันคิดว่ากรุงเทพมหานครควรมี การเปลี่ยนแปลงอย่างไร ประธานกรรมการ 2.2 ความคืบหน้าการดำเนินงาน เรื่อง ทุนส่งเสริมการศึกษาของ นักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร และอัตราของทุนส่งเสริมการศึกษาในแต่ละระดับ ขอเชิญสำนักการศึกษารายงานความคืบหน้าการดำเนินงานฯ นางอริศรา รัตนพงษ์สถิต ผู้อำนวยการกองเสริมสร้าง สมรรถนะนักเรียน สำนักการศึกษาดำเนินการเสนอร่างระเบียบกรุงเทพมหานครว่าด้วย หลักเกณฑ์ วิธีการ อัตราของทุนส่งเสริมการศึกษาของนักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... เรียนปลัดกรุงเทพมหานครนำเรียนผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อโปรดลงนาม ตามหนังสือ ที่ กท 0808/6538 ลงวันที่ 10 สิงหาคม 2566 โดยมีรายละเอียดอัตราทุน ดังนี้ 1. ประเภทเรียนดี แบ่งออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่ (ก) ระดับอนุบาลศึกษา ทุนละ 1,000 บาท ต่อปี ให้แก่นักเรียน ในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ที่กำลังเรียนชั้นอนุบาลศึกษา และให้ได้รับ ทุนต่อเนื่องจนจบชั้นอนุบาลศึกษา (ข) ระดับประถมศึกษา ทุนละ 2,000 บาท ต่อปี ให้แก่นักเรียน ในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ที่กำลังเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 และให้ รับทุนต่อเนื่องจนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (ค) ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ทุนละ 3,000 บาท ต่อปี ให้แก่ นักเรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ที่กำลังเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และให้รับทุนต่อเนื่องจนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 (ง) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ทุนละ 4,000 บาท ต่อปี ให้แก่ นักเรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ที่กำลังเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และ ให้รับทุนต่อเนื่องจนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 2. ประเภทขาดแคลนทุนทรัพย์ แบ่งเป็น 4 ระดับ ได้แก่ (ก) ระดับอนุบาลศึกษา ทุนละ 3,000 บาท ต่อปี ให้แก่นักเรียน ในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ที่กำลังเรียนชั้นอนุบาลศึกษา (ข) ระดับประถมศึกษา ทุนละ 3,000 บาท ต่อปี ให้แก่นักเรียน ในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ที่กำลังเรียนชั้นประถมศึกษา (ค) ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ทุนละ 3,500 บาท ต่อปี ให้แก่ นักเรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ที่กำลังเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ง) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ทุนละ 4,000 บาท ต่อปี ให้แก่ นักเรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ที่กำลังเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย การกำหนดจำนวนผู้ได้รับทุนตามประเภทและระดับให้พิจารณา ตามความพร้อมด้านงบประมาณของกรุงเทพมหานคร โดยให้สำนักการศึกษา ประสานสำนักงบประมาณกรุงเทพมหานคร เพื่อเสนอปลัดกรุงเทพมหานคร พิจารณาให้ความเห็นชอบหรือสั่งการตามที่เห็นสมควร
-๑๒- ซึ่งผู้ว่าฯ กทม. มีข้อสงสัยในบางประเด็นในเรื่องของวิธีการ เช่น ทุนส่งเสริมฯ ตั้งหลักเกณฑ์และการพิจารณางบประมาณที่จะเพิ่มสูงขึ้น จำนวนมาก เพราะเดิมจะให้ทุนในระดับประถมศึกษาปีที่ 2 และพิจารณาทุนละ 600 บาท เท่านั้น นายวิรัช คงคาเขตร กรรมการ ขอตั้งข้อสังเกต ในระเบียบมีการระบุไว้หรือไม่ว่าต้องเป็นเด็กไทย นางอริศรา รัตนพงษ์สถิต ผู้อำนวยการกองเสริมสร้าง สมรรถนะนักเรียน ในหลักเกณฑ์จะระบุไว้ว่าต้องเป็นเด็กนักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร และมีสัญชาติไทย และประเภทขาดแคลนทุนทรัพย์ จะมีการสำรวจความยากจนของ นักเรียน โดยที่ กสศ. จะให้ทุนยากจนพิเศษ ซึ่งจะมีสถิตินักเรียนยากจน ทาง ผู้บริหารอยากที่จะสนับสนุนเรื่องนี้ เพราะเด็กที่ยากจนในกรุงเทพมหานครยังมีอีก จำนวนนึง จึงมีการพิจารณาแยกเป็นทุนขาดแคลนทุนทรัพย์ นางลักขณา ภักดีนฤนาถ รองประธานกรรมการ คนที่หนึ่ง วงเงินงบประมาณจำนวนเท่าใด นางอริศรา รัตนพงษ์สถิต ผู้อำนวยการกองเสริมสร้าง สมรรถนะนักเรียน ได้ตั้งไว้เพื่อนำหลักการเสนอให้เป็นร่างหลักเกณฑ์ก่อน แต่งบประมาณ ที่ได้มาจะพิจารณาตามกรอบหลักเกณฑ์ที่ได้ใน 2 กรณี คือ ให้ร้อยละ 1 ของจำนวน ที่ยากจน หรือ ประสงค์อยากจะให้เด็ก จำนวน 1,000 ทุน คือ พิจารณาจาก งบประมาณในแต่ละปี ซึ่งทุนขาดแคลนทุนทรัพย์ให้ไปแล้วจบจะใช้งบประมาณในแต่ ละปี แต่ทุนเรียนดีเป็นการให้ทุนต่อเนื่อง นายวิรัช คงคาเขตร กรรมการ สำนักการศึกษาต้องการปฏิบัติงานร่วมกับ กสศ. มีผลการปฏิบัติงาน เป็นอย่างไร นายกิตติพงศ์ ทองพวา นักวิชาการศึกษาชำนาญการ กองเสริมสร้างสมรรถนะนักเรียน ตามที่กรุงเทพมหานครได้ทำ MOU ร่วมกับ กสศ. ในการคัดกรอง นักเรียนยากจน โดย กสศ.ได้รับงบประมาณจาก กสศ.สังกัดโดยตรงจาก นายกรัฐมนตรี ให้งบประมาณทุกสังกัดเพื่อคัดกรองนักเรียนยากจนทั้ง อปท.ต่าง ๆ ในปีที่ผ่านมาร่วมมือกับ กสศ.คัดกรองนักเรียนยากจนเป็นครั้งแรก ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 ได้ให้ทุนนักเรียนเป็นรายปี จำนวน 1,091 ทุน โดยแบ่งเป็นทุน ระดับอนุบาล ทุนละ 4,000 บาทต่อปีระดับประถมศึกษา ทุนละ 3,000 บาทต่อปี ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ทุนละ 3,000 บาทต่อปีโดยจะให้เป็นภาคเรียน คือ ระดับอนุบาล ภาคเรียนละ 2,000 บาท ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนละ 1,500 บาท และระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ภาคเรียนละ 1,500 บาท โดยจะโอนเงินเข้าบัญชี นักเรียน หรือผู้ปกครอง หรือโรงเรียน หากยังเรียนอยู่โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ก็จะได้ทุนต่อเนื่อง 3 ปี และในปีนี้ก็มีการคัดกรองนักเรียนยากจนเพิ่มเติมจากเดิมที่ อาจจะมีการลาออกและทุนใหม่รวมทั้งสิ้น 1,194 ทุน ซึ่งเป็นทุนยากจนแบบพิเศษ ฐานรายได้ต่อครอบครัวต่ำกว่า 3,000 บาท โดย กสศ.มีข้อเสนอมาให้ กรุงเทพมหานครว่าอยากให้กรุงเทพมหานครสนับสนุนทุนเพิ่มเติมคนละ 2,000 – 3,000 บาท ซึ่งกรุงเทพมหานครได้หารือกันแล้วเห็นว่านักเรียนยากจน
-๑๓- มี3 กลุ่ม คือ ยากจนพิเศษ ยากจน และยากจนน้อย แต่กรุงเทพมหานครเห็นว่า จะให้ยากจนพิเศษได้อยู่แล้ว 1,091 คน กทม.มาร่างทุนขาดแคลนมาเพิ่มให้กลุ่ม ยากจนด้วย จะเป็นการขยายฐานเป็น 2,000 – 3,000 คน เด็กยากจนก็น่าจะมี สิทธิได้เพิ่ม เมื่อมีการคัดกรองก็ไม่จำเป็นต้องใช้ระบบของ กสศ. เพราะบางครั้งระบบ ตัดรายได้เกิน 3,000 บาท แต่เด็กยากจนจริงก็ไม่ได้และหลุดจากระบบการศึกษา กรุงเทพมหานครจึงต้องร่างระเบียบนี้ช่วย ทุนขาดแคลนทุนทรัพย์เมื่อคำนวณงบประมาณเป็นรายปีเช่นเดียวกัน คือเมื่อเสนอรายชื่อเข้ามาปลัดกรุงเทพมหานครเห็นชอบแล้วเสนอเข้าสภา กรุงเทพมหานครพิจารณา เมื่อมีการจัดสรรจะจัดสรรเป็นรายเขต 50 ทุน โดยให้ สำนักงานเขตกับโรงเรียนคัดกรองในกลุ่มโรงเรียนพิจารณานักเรียนที่เสี่ยงหลุดจาก ระบบการศึกษาและยากจนจริงในเขตนั้น ๆ แล้วให้ทุน นางสาวเมธาวี ธารดำรงค์ กรรมการ นักเรียนยากจนจริง ใครเป็นผู้คัดกรอง ใช้หลักเกณฑ์ใดในการคัดกรอง นักเรียนยากจนจริง นายกิตติพงศ์ ทองพวา นักวิชาการศึกษาชำนาญการ กองเสริมสร้างสมรรถนะนักเรียน ขอชี้แจงหลักเกณฑ์การคัดกรองนักเรียนยากจน คือ การคัดกรอง นักเรียนโดยการไปเยี่ยมบ้านและกรอกในแบบขอรับเงินอุดหนุนนักเรียนยากจน (แบบ กสศ.01) และกรอกผ่านระบบ กสศ. ทั่วประเทศจะให้เด็กยากจน โดยมี หลักเกณฑ์การพิจารณา ดังนี้ 1. รายได้ครัวเรือนต่อคนไม่เกิน 3,000 บาทต่อคนต่อเดือน 2. ข้อมูลครัวเรือน 8 ด้าน ได้แก่ 1) สมาชิกในครัวเรือนที่มีภาระพึ่งพิง เช่น พิการ เจ็บป่วยเรื้อรัง ผู้สูงอายุหรือผู้ไม่มีรายได้ 2)การอยู่อาศัย เป็นบ้าน ตนเองหรือบ้านเช่าผู้อื่น 3) ลักษณะที่อยู่อาศัย 4) ที่ดินทำการเกษตร (รวมเช่า) 5)แหล่งน้ำดื่ม 6) แหล่งไฟฟ้า 7) ยานพาหนะ 8) ของใช้ในครัวเรือน นายวิรัช คงคาเขตร กรรมการ ร่างระเบียบฯ เพื่อให้สอดคล้องกับทุน กสศ. หรือตามนโยบายของ ฝ่ายบริหารกรุงเทพมหานครใช่หรือไม่ นายกิตติพงศ์ ทองพวา นักวิชาการศึกษาชำนาญการ กองเสริมสร้างสมรรถนะนักเรียน เป็นการช่วยเหลือนักเรียนยากจนกลุ่มอื่น ๆ ด้วย เพราะยังมีนักเรียนที่ ยากจน แต่รายได้ครัวเรือนเฉลี่ยมากกว่า 3,000 บาท โดยจัดสรรให้สำนักงานเขต และโรงเรียนเป็นผู้คัดกรองเป็นผู้พิจารณาคัดกรองนักเรียน ประธานกรรมการ ขอข้อมูลจำนวนนักเรียนและโรงเรียนทั้ง 50 เขตที่ได้รับทุนการศึกษากสศ. มติที่ประชุม รับทราบการบริหารงานด้านการศึกษาฯ ตามที่สำนักการศึกษา เสนอที่ประชุม โดยคณะกรรมการฯ มีข้อเสนอแนะ ดังนี้ 1. การเปิดรับนักเรียนระดับชั้นอนุบาล 3 ขวบ สำนักการศึกษา ควรจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ และครุภัณฑ์โดยเฉพาะโต๊ะ เก้าอี้ ให้มีมาตรฐาน และเหมาะสมกับเด็กอนุบาล 2. กรุงเทพมหานครควบรวมโรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียนไม่ถึง 100 คน เพื่อให้การบริหารงบประมาณของกรุงเทพมหานครเกิดความคุ้มค่า และแก้ปัญหาการขาดแคลนครูกรุงเทพมหานครได้
-๑๔- ระเบียบวาระที่ 3 เรื่องอื่น ๆ ประธานกรรมการ นางลักขณา ภักดีนฤนาถ รองประธานกรรมการ คนที่หนึ่ง นายณรงค์ รัศมี รองประธานกรรมการ คนที่สอง ประธานกรรมการ 3.1 ขอตั้งคณะอนุกรรมการแทน 1) คณะอนุกรรมการการศึกษา ชุดที่ 1 เนื่องจากนายณัฐธพัฒน์สายวรรณ์อนุกรรมการ ได้ขอ ลาออก จึงขอตั้ง นางสาวพรณิชา ชาตะพันธุ์เป็นอนุกรรมการแทน 2) คณะอนุกรรมการการศึกษา ชุดที่ 2 เนื่องจากอนุกรรมการได้ขอลาออก จำนวน 2 คน ประกอบด้วยนางสาวธัญนันท์ภาคย์รัชพงศ์และนางสาวภัสสร สุดแสวง จึงขอ ตั้งอนุกรรมการแทน จำนวน 2 คน ประกอบด้วยนายประเสริฐ อิ่มใจ และ นายธนะ สันติสวัสดิ์ 3) คณะอนุกรรมการการศึกษา ชุดที่ 3 เนื่องจากนายประสิทธิ์ สมันนะ อนุกรรมการ ได้ขอลาออก จึงขอตั้ง นายสมศักดิ์ ยะเลาะห์ เป็นอนุกรรมการแทน 4) คณะอนุกรรมการการศึกษา ชุดที่ 6 แทนคณะเดิม จำนวน 15 คน ประกอบด้วย (1) นายนริสสร แสงแก้ว ประธานอนุกรรมการ (2) นายเวฬุวัฒน์ สวัสดิ์พาณิชย์รองประธานอนุกรรมการ คนที่หนึ่ง (3) นายวีระ ทองชุม รองประธานอนุกรรมการ คนที่สอง (4) นายธนาธิป ขาวอุบล อนุกรรมการ (5) นายสุภรัตน์ สงวนวงศ์ อนุกรรมการ (6) นายคมชาญปทิต ประเสริฐศรีสกุล อนุกรรมการ (7) นายบุลากร ประเสริฐศรีสกุล อนุกรรมการ (8) นายคมสันต์ บุญเจือ อนุกรรมการ (9) นายปราโมทย์ แซ่เตีย อนุกรรมการ (10) นายนิธิวิทย์ กองแก้ว อนุกรรมการ (11) นายชิณรัตน์ ยะสะโร อนุกรรมการ (12) นายธงชัย นรินทร์วงษ์ อนุกรรมการ (13) นางสาวพิมพ์ประภา นิ่มประเสริฐอนุกรรมการ และเลขานุการ (14) นางสาวมุกรินทร์ ศรีฉ่ำ อนุกรรมการ และผู้ช่วยเลขานุการ (15) นางสาวดวงพร เครือแก้ว อนุกรรมการ และผู้ช่วยเลขานุการ มติที่ประชุม เห็นชอบ
-๑๕- ประธานกรรมการ 3.2 ตั้งอนุกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการในคณะอนุกรรมการการศึกษา 1) คณะอนุกรรมการการศึกษา ชุดที่ 2 ขอตั้งนางสาวรังสิยา ตองอ่อน และนางสาวมุกรินทร์ศรีฉ่ำ เป็นอนุกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ 2) คณะอนุกรรมการการศึกษา ชุดที่ 8 ขอตั้งนางสาวรังสิยาตองอ่อน และนางสาวดวงพร เครือแก้ว เป็นอนุกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ มติที่ประชุม เห็นชอบ 3.3 กำหนดการประชุมครั้งต่อไป ประธานกรรมการ กำหนดการประชุมครั้งต่อไปในวันจันทร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2566 ณ ห้องประชุม 7 อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 ดินแดง เพื่อเลือกประธานกรรมการ รองประธานกรรมการและหารือแนวทางการ ดำเนินงานของคณะกรรมการฯ . ที่ประชุม รับทราบ เลิกประชุมเวลา 14.30 น. ผู้จดรายงานการประชุม (นางสาวคฤห์อนงค์สิริวิภาวี) ผู้ช่วยเลขานุการ
ระเบียบวาระที่ 3 เรื่อ รื่ งเพื่อพิจารณา 3.1 แนวทางแก้ไขปัญ ปั หาการขาดแคลนครูดนตรี ในโรงเรีย รี นในสังกัดกรุงเทพมหานคร 3.2 ความคืบหน้าการจัด จั การเรีย รี นการสอนดนตรี ของโรงเรีย รี นในสังกัดกรุงเทพมหานคร 3.3 โครงการมหกรรมดนตรีแ รี ละการแสดงของ นักเรีย รี นโรงเรีย รี นสังกัดกรุงเทพมหานคร 3.4 ข้อ ข้ มูลค่ายลูกเสือในความรับ รั ผิดชอบของ สำ นักการศึกษา กทม. 1) งบประมาณประจำ ปี 2) ผลการดำ เนินการย้อ ย้ นหลัง 5 ปี ของค่ายลูกเสือแต่ละแห่ง ห่