เรอื่ งท่ี 1 เทคนิคการปน้ั รูปนนู ตา่
1 ชัว่ โมง
วธิ สี อนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการปฏิบัติ
ขน้ั ที่ 1 สงั เกต รบั รู้
1. ครใู หน้ กั เรียนดภู าพผลงานประติมากรรมรปู แบบตา่ งๆ แลว้ ให้นักเรยี นตอบคาถามทก่ี าหนด จากนน้ั ครู
อธิบายเชื่อมโยงใหน้ กั เรยี นเข้าใจลกั ษณะของผลงานประตมิ ากรรม
2. นกั เรยี นรวมกลมุ่ กล่มุ ละ 6 คน ตามความสมคั รใจ แลว้ ให้แต่ละกลมุ่ ร่วมกนั ศกึ ษาความร้เู ร่อื ง เทคนคิ การ
ปนั้ รูปนูนตา่ จากหนงั สอื เรียน
ข้ันท่ี 2 ทาตามแบบ
1. ครูแนะนาและอธบิ ายวิธใี ชว้ ัสดุ อปุ กรณต์ า่ งๆ ที่ใชใ้ นการปั้น ให้นกั เรียนเขา้ ใจ
2. ครูให้นกั เรียนดวู ดี ิทัศนห์ รือครสู าธิตการป้นั รูปนูนตา่ ใหน้ ักเรยี นดู แล้วใหน้ กั เรยี นแต่ละกลุ่มฝกึ ปน้ั รปู นูนตา่
ตามทีไ่ ดด้ จู ากวีดิทัศน์หรอื ตามแบบทคี่ รสู าธิต หากมขี อ้ สงสยั ใหศ้ กึ ษาความรเู้ พมิ่ เติม จากหนงั สอื เรียน
หรือจากใบความรู้ หรือสอบถามจากครู
3. ครสู งั เกตการปฏิบตั ิกิจกรรมของนกั เรียนอยา่ งใกล้ชดิ หากมขี อ้ บกพร่องครใู หค้ าแนะนาเพื่อใหน้ ักเรียน
สามารถปฏบิ ัติได้อย่างถกู ต้อง
ขนั้ ท่ี 3 ทาเองโดยไมม่ แี บบ
1. สมาชกิ แต่ละกลมุ่ รว่ มกันปนั้ รปู นนู ต่า โดยไมต่ อ้ งดแู บบ ผลัดกนั ตรวจสอบความถกู ต้องและแก้ไขปรับปรงุ
ผลงานให้สมบรู ณ์
2. ครูสงั เกตการปฏิบตั ิกจิ กรรมของนกั เรียนอยา่ งใกล้ชดิ หากมขี อ้ บกพรอ่ งครูใหค้ าแนะนาเพอื่ ใหน้ กั เรยี น
สามารถปฏิบตั ไิ ด้อย่างถกู ตอ้ ง
ขนั้ ท่ี 4 ฝกึ ทาให้ชานาญ
1. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรุปความรู้เร่อื ง เทคนิคการป้นั รปู นนู ตา่
2. นกั เรียนแตล่ ะคนทาใบงานที่ 5.1 เรื่อง การปั้นรูปนูนตา่ เปน็ การบา้ น เมอื่ ทาเสรจ็ แลว้ ตรวจสอบความ
เรียบร้อยและนาส่งครตู รวจ
เรอื่ งท่ี 2 เทคนิคการปั้นรูปนูนสงู 1 ช่ัวโมง
วิธีสอนโดยใชก้ าร สาธิต
ขั้นท่ี 1 เตรยี มการสาธติ
1. ครูสุ่มนกั เรียน 2-3 คน ออกมาเลา่ ความรูเ้ ก่ยี วกับเทคนคิ การป้ันรปู นนู ต่า ให้เพอ่ื นฟังหนา้ ชน้ั เรยี น แลว้ ให้
นักเรยี นคนอนื่ ๆ ได้นาเสนอเพม่ิ เติมในส่วนทีแ่ ตกตา่ งกันออกไป
2. ครใู ห้สมาชกิ แตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั ศึกษาความรูเ้ รอ่ื ง เทคนคิ การปนั้ รปู นนู สงู จากหนงั สอื เรยี น และจาก
ใบความรเู้ รื่อง เทคนคิ การป้ันรปู นูนสูง
3. ครจู ัดเตรียมวสั ดุ อปุ กรณ์ และเครือ่ งมอื ที่ใชใ้ นการปนั้ รปู นนู สงู เพ่ือประกอบการสาธิตการป้นั รปู นนู สงู
ขน้ั ที่ 2 สาธติ
1. ครูชแ้ี จงใหน้ กั เรียนทราบวา่ จะสาธิตการปน้ั รปู นนู สูง พร้อมชแี้ จงจดุ ประสงคก์ ารสาธิตให้นกั เรยี นทราบ
2. ครสู าธติ การป้นั รปู นูนสูงใหน้ ักเรียนดู พรอ้ มอธบิ ายประกอบในแตล่ ะขนั้ ตอนอยา่ งละเอียด เพอื่ ใหน้ กั เรียน
สามารถปฏิบัตไิ ด้อยา่ งถกู ตอ้ ง
3. สมาชกิ แตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั ฝกึ ปน้ั รูปนูนสงู ตามขนั้ ตอนทคี่ รูสาธิต หากมีขอ้ สงสยั ให้ศกึ ษาความรูเ้ พม่ิ เตมิ จาก
หนังสือเรียน หรอื จากใบความรู้ หรอื สอบถามจากครู
4. ครสู ังเกตการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมของนกั เรยี นอยา่ งใกลช้ ดิ และคอยใหค้ าแนะนาในกรณที น่ี กั เรียนมปี ญั หา
เพื่อใหน้ ักเรยี นสามารถปฏบิ ตั ไิ ด้อยา่ งถูกตอ้ ง
ข้ันที่ 3 สรุปการสาธติ
1. สมาชิกแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันสรปุ ขน้ั ตอน และวธิ กี ารปน้ั รปู นนู สงู
2. นักเรยี นแต่ละคนทาใบงานที่ 5.2 เรือ่ ง การป้ันรูปนูนสูง เมื่อทาเสรจ็ แล้วตรวจสอบความถกู ตอ้ งเรียบร้อย
ก่อนนาสง่ ครตู รวจ
ขั้นท่ี 4 วัดผลประเมนิ ผล
ครูวดั และประเมนิ ผลนกั เรียนจากการทาใบงานที่ 5.2
เร่ืองที่ 3 เทคนิคการปั้นรปู ลอยตัว
1 ช่ัวโมง
วธิ สี อนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการปฏิบตั ิ
ขน้ั ท่ี 1 สงั เกต รบั รู้
ครูเปดิ วีดทิ ศั นส์ าธิตการป้ันรูปลอยตัว ใหน้ ักเรียนดู เพ่ือใหน้ ักเรยี นสังเกตขนั้ ตอน และวธิ ีการปฏิบตั ิ แล้วให้
นักเรยี นช่วยกนั ตอบคาถามที่กาหนด
ข้ันท่ี 2 ทาตามแบบ
1. ครูสาธิตการปน้ั รปู ลอยตัวใหน้ กั เรยี นดู พร้อมอธบิ ายประกอบในแตล่ ะขนั้ ตอนอยา่ งละเอยี ดเพอ่ื ให้นกั เรียน
สามารถปฏิบตั ไิ ดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง
2. สมาชิกแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันฝกึ ปนั้ รปู ลอยตัว ตามแบบท่คี รูสาธติ หากมขี อ้ สงสยั ใหศ้ ึกษาความรู้เพมิ่ เตมิ จาก
หนังสือเรียน หรือจากใบความรู้ หรอื สอบถามจากครู
3. ครสู งั เกตการปฏิบตั ิกจิ กรรมของนักเรียน หากมีขอ้ บกพรอ่ งครคู อยใหค้ าแนะนา เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นสามารถ
ปฏิบตั ิไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง
ขั้นท่ี 3 ทาเองโดยไมม่ แี บบ
1. สมาชกิ แต่ละกลมุ่ ป้ันรปู ลอยตัว โดยไมต่ อ้ งดแู บบ แล้วผลดั กนั ตรวจสอบความถกู ต้อง
2. ครสู ังเกตการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมของนกั เรียน หากมีข้อบกพร่องครูคอยใหค้ าแนะนา เพอื่ ใหน้ ักเรยี นสามารถ
ปฏิบตั ิไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง
ขั้นท่ี 4 ฝกึ ทาให้ชานาญ
1. ครูแนะนาใหน้ กั เรยี นนาความรูแ้ ละคาแนะนาท่ีไดไ้ ปปรับปรุง และฝกึ ฝนทกั ษะการป้ันรูปลอยตวั ให้เกดิ
ความชานาญ
2. นกั เรียนแตล่ ะคนทาใบงานท่ี 5.3 เรือ่ ง การปั้นรูปลอยตัว เป็นการบา้ น เมอ่ื ทาเสรจ็ แล้วนาส่งครตู รวจ
ตามกาหนดเวลาทตี่ กลงกัน
เรื่องท่ี 4 การสรา้ งสรรค์ผลงานประตมิ ากรรม
1 ชว่ั โมง
วิธสี อนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการกล่มุ
ขน้ั ท่ี 1 มผี นู้ าและมกี ารแบ่งหน้าท่รี บั ผดิ ชอบ
1. สมาชิกแตล่ ะกลมุ่ คัดเลือกหัวหนา้ กลุ่ม และเลขานุการกลมุ่ โดยครูเนน้ ใหน้ กั เรยี นแต่ละกล่มุ ชว่ ยเหลือกนั
ตลอดการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม
2. ครตู ั้งคาถามใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุ่มชว่ ยกนั ตอบเพ่อื เป็นการทบทวนความรู้เดมิ ของนกั เรยี น
ครมู อบหมายใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกล่มุ รว่ มกนั สรา้ งสรรคผ์ ลงานป้นั แสดงเรอื่ งราวตามนิทานท่กี ลมุ่
ช่นื ชอบ โดยใช้เทคนคิ การปนั้ รูปแบบต่างๆ ที่ได้เรยี นไป โดยใหค้ รอบคลุมประเดน็ ตามที่กาหนด
ขน้ั ท่ี 2 วางแผน
1. สมาชกิ แต่ละกลมุ่ ร่วมกนั วางแผนและกาหนดขอบเขตของเรื่องราวทจ่ี ะใช้ในการสรา้ งสรรคผ์ ลงานปนั้ แสดง
เร่ืองราวตามนทิ านทก่ี ลุม่ ชน่ื ชอบ ครูคอยกระตุน้ ให้นักเรียนทกุ คนมสี ว่ นรว่ มในการแสดงความคิดเห็น
2. สมาชิกแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั วางแผนและแบง่ หน้าท่ีให้สมาชิกแตล่ ะคนในกลุ่มตามความเหมาะสม
ข้นั ที่ 3 ปฏิบัตติ ามแผน
สมาชิกแต่ละกลมุ่ รว่ มกนั สร้างสรรคผ์ ลงานป้ันแสดงเรื่องราวตามนทิ านท่ีกลมุ่ ชนื่ ชอบ (ครใู หน้ ักเรียนปฏิบัติ
กจิ กรรมนอกเวลาเรยี นตามระยะเวลาทต่ี กลงกนั ) ตามแผนทีไ่ ด้วางไว้ในข้ันที่ 2
ขน้ั ท่ี 4 ประเมินผลการปฏิบตั งิ าน
1. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ นาเสนอผลงานการปัน้ แสดงเรอื่ งราวตามนทิ านทกี่ ลุ่มชน่ื ชอบ โดยครูและเพ่ือนกลมุ่ อน่ื
รว่ มกนั แสดงความคิดเหน็ เพม่ิ เตมิ และใหข้ ้อเสนอแนะ
2. ครใู หน้ กั เรียนแตล่ ะคนเลอื กผลงานทชี่ ืน่ ชอบมากที่สุด พรอ้ มอธบิ ายเหตุผลประกอบ
3. ครูให้ขอ้ เสนอแนะนกั เรียนเป็นรายกลมุ่ แล้วครชู มเชยนักเรียนทสี่ รา้ งสรรค์ผลงานไดด้ เี พ่อื เสรมิ กาลงั ใจ
ขั้นท่ี 5 ปรบั ปรงุ และพัฒนา
1. สมาชกิ แตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั ปรับปรุงและพัฒนาผลงานป้นั แสดงเรอ่ื งราวตามนิทานท่กี ล่มุ ชน่ื ชอบ ตามคาแนะนา
ที่ไดร้ บั จากครู
2. ครแู นะนาใหน้ ักเรยี นนาความรทู้ ไ่ี ดจ้ ากการศึกษาเกย่ี วกับการสร้างสรรคผ์ ลงานทัศนศิลปป์ ระเภท
ประตมิ ากรรมไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการสรา้ งสรรค์ผลงานประติมากรรมของตนเองให้ดยี ิ่งขน้ึ ตอ่ ไปในอนาคต
นักเรยี นทาแบบทดสอบหลังเรยี น หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 5
9 สอื่ /แหลง่ การเรียนรู้
9.1 สือ่ การเรียนรู้
1) หนงั สอื เรยี น ทัศนศลิ ป์ ม.4
2) ใบความรู้ เรื่อง เทคนคิ การปนั้ รปู นูนตา่
3) ใบความรู้ เรือ่ ง เทคนคิ การปั้นรปู นนู สงู
4) ใบความรู้ เรอื่ ง เทคนิคการปน้ั รูปลอยตวั
5) วดี ิทศั นส์ าธติ การป้นั รปู นนู ต่า วดี ทิ ัศน์สาธติ การปน้ั รปู ลอยตัว
6) วัสดุ อปุ กรณ์ และเครอื่ งมือสาหรบั การสรา้ งสรรค์ผลงานปนั้ ไดแ้ ก่ ดนิ เหนียวหรอื ดินนา้ มนั
ลกู กล้ิงหรอื วสั ดทุ รงกระบอก ชุดเครือ่ งมอื ป้นั และกระดานรองป้นั
7) บัตรภาพ
8) ใบงานท่ี 5.1 เรื่อง การป้ันรูปนนู ตา่
9) ใบงานท่ี 5.2 เรอ่ื ง การปั้นรปู นนู สูง
10) ใบงานที่ 5.3 เรอื่ ง การป้นั รูปลอยตัว
9.2 แหลง่ การเรียนรู้
แหลง่ ขอ้ มลู สารสนเทศ
- http://www.aksorn.com/LC/Va/M4/17
การประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
แบบประเมินผลงานปั้นแสดงเรอื่ งราวตามนทิ านที่ชื่นชอบ
โดยใช้เทคนิคการป้นั รปู แบบตา่ งๆ
รายการประเมิน คาอธบิ ายระดบั คณุ ภาพ / ระดับคะแนน
1. การออกแบบ ดีมาก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรงุ (1)
ผลงาน
ผลงานที่ออกแบบ ผลงานที่ออกแบบ ผลงานทอ่ี อกแบบ ผลงานทีอ่ อกแบบ
2. การสรา้ งสรรค์ มคี วามสมบูรณ์ ถูกตอ้ ง ถกู ตอ้ ง เหมาะสมตาม ถูกต้อง เหมาะสมตาม ถูกต้องตามหลักสาคญั
ผลงานปน้ั รูป เหมาะสมตามหลักสาคญั หลักสาคญั ของการ หลกั สาคัญของการ ของการออกแบบ 1 ขอ้
นนู ต่า ของการออกแบบทงั้ ออกแบบ 2 ข้อ ออกแบบ 1 ขอ้ แตไ่ ม่เหมาะสม
3 ขอ้ ไดแ้ ก่
3. การสรา้ งสรรค์ 1) ความเป็นเอกภาพ
ผลงานป้ันรปู 2) ความกลมกลืน
นนู สูง 3) ความสมดลุ
4. การสร้างสรรค์ สรา้ งสรรค์ผลงานปั้น สร้างสรรคผ์ ลงานปน้ั สร้างสรรคผ์ ลงานปั้น สรา้ งสรรค์ผลงานป้นั
ผลงานปั้นรปู รูปนูนตา่ ไดส้ วยงาม รปู นูนตา่ ไดส้ วยงาม รปู นนู ต่าได้สวยงาม รปู นูนต่าได้ แต่ขาด
ลอยตัว ละเอยี ด ประณตี ทกุ ชน้ิ ละเอยี ด ประณตี ละเอยี ด ประณตี ความสวยงาม และขาด
เปน็ บางสว่ น ความละเอยี ด ประณีต
5. ความคดิ รเิ รม่ิ เปน็ สว่ นใหญ่
สรา้ งสรรค์
สร้างสรรค์ผลงานปั้น สรา้ งสรรค์ผลงานปนั้ สร้างสรรคผ์ ลงานปน้ั สร้างสรรค์ผลงานปนั้
รูปนนู สูงไดส้ วยงาม รูปนนู สงู ไดส้ วยงาม รปู นนู สูงได้สวยงาม รปู นนู สงู ได้ แต่ขาด
ละเอียด ประณตี ทกุ ชิน้ ละเอยี ด ประณตี ละเอียด ประณตี ความสวยงาม และขาด
เป็นบางสว่ น ความละเอยี ด ประณีต
เปน็ ส่วนใหญ่
สร้างสรรค์ผลงานปั้น สร้างสรรค์ผลงานปัน้ สรา้ งสรรค์ผลงานป้นั สรา้ งสรรค์ผลงานปน้ั
รูปลอยตวั ไดส้ วยงาม รูปลอยตวั ได้สวยงาม รปู ลอยตวั ไดส้ วยงาม รปู ลอยตวั ได้ แตข่ าด
ละเอียด ประณตี ทุกชิ้น ละเอียด ประณตี ละเอียด ประณตี ความสวยงาม และขาด
เปน็ บางส่วน ความละเอยี ด ประณตี
เป็นสว่ นใหญ่
ผลงานแสดงออกถงึ ผลงานแสดงออกถงึ ผลงานแสดงออกถงึ ขาดความคิดรเิ ริ่ม
ความคิดริเรม่ิ สรา้ งสรรค์ ความคิดรเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ สร้างสรรค์ ไมม่ กี าร
สอดแทรกเทคนิค สอดแทรกเทคนิค สอดแทรกเทคนคิ กลวธิ ี สอดแทรกเทคนคิ กลวธิ ี
กลวธิ ีแปลกใหม่ได้ กลวิธีแปลกใหม่ไดอ้ ยา่ ง แปลกใหม่ไดอ้ ย่าง แปลกใหม่
อย่างเหมาะสม ลงตวั เหมาะสม ลงตวั และ เหมาะสม ลงตวั แต่ไม่ และไม่น่าสนใจ
และมคี วามน่าสนใจ คอ่ นข้างนา่ สนใจ คอ่ ยน่าสนใจ
เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน 17 - 20 14 - 16 10 - 13 ต่ากว่า 10
ระดับคณุ ภาพ ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรุง
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 5
คาช้ีแจง ใหน้ ักเรียนเลือกคาตอบท่ีถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว
1. ลกั ษณะสาคญั ของงานป้ัน คืออะไร 6. การป้ันรูปลอยตวั มลี ักษณะเด่นอย่างไร
ก. การใชว้ สั ดุท่มี ีความอ่อนตวั ทาใหเ้ กิดรูปทรง ก. มองเห็นได้ด้านเดยี ว
ข. การเตรยี มวสั ดุ-อุปกรณ์ใหพ้ รอ้ ม ข. มองเห็นได้สองด้าน
ค. การใชด้ ินนา้ มันกดในแม่พิมพ์ ค. มองเห็นได้สามด้าน
ง. การเทของเหลวลงในแมพ่ ิมพ์ ง. มองเห็นได้รอบด้าน
2. ความงามทแี่ สดงออกใหเ้ หน็ ถงึ ปริมาตร แสง เงา สดั สว่ น 7. สิง่ สาคญั ทคี่ วรปฏบิ ตั ิก่อนการป้ัน คืออะไร
ขนาด การจดั องค์ประกอบศลิ ป์ และความรูส้ กึ คืออะไร ก. การปัน้ แบบลองผิดลองถกู
ก. ภาพพิมพ์ ข. การค้นหาเคา้ โครงรา่ งสว่ นรวมกอ่ นการป้นั
ข. จิตรกรรม ค. การคน้ หาภาพร่างตน้ แบบใหช้ ัดเจนกอ่ นการป้นั
ค. ประตมิ ากรรม รูป
ง. สถาปัตยกรรม ง. การจดั เตรยี มวัสดุ อปุ กรณ์ให้พรอ้ มก่อนการปนั้ รูป
3. ประติมากรรมทท่ี าเปน็ ลายปูนป้ันมบี ทบาทในการใช้สอย 8. ถ้าหนึง่ ต้องการป้ันรูปสนุ ขั หน่งึ ควรคานึงถึงเรอื่ งใด
อย่างไร ก. การเลอื กประเภทของงานปั้น
ก. ใชเ้ ปน็ สิ่งของสาหรับบชู าพระ ข. การสังเกตลกั ษณะเฉพาะของสุนขั
ข. ใชเ้ ปน็ สญั ลักษณ์ประจาตัวชา่ งปั้น ค. การนาไปใช้ประโยชนข์ องการป้ันรูปสุนัข
ค. ใชป้ ระดบั ตกแตง่ อาคารที่มคี วามสาคญั ง. การเลอื กวัสดุ อปุ กรณท์ ใ่ี ช้ในการป้นั รูปสนุ ัข
ง. ใชเ้ ป็นเครอ่ื งบันทึกความรุ่งเรอื งของศลิ ปะในสมยั
นน้ั ๆ 9. ผลงานในข้อใดเปน็ รปู ปั้นนนู ต่า
ก. เหรียญบาท
4. การป้นั รูปเหมอื นบคุ คลตา่ งๆ ต้องคานึงถึงสง่ิ ใด ข. พระพทุ ธรูป
เป็นอนั ดบั แรก ค. รปู ประดบั ฝาผนัง
ก. การสงั เกต ง. รูปปน้ั บุคคลสาคญั ตา่ งๆ
ข. ความคิดสรา้ งสรรค์
ค. การเลอื กใช้วัสดุ อปุ กรณ์ 10. การผสมปนู ปลาสเตอร์ เพือ่ หลอ่ รปู ป้นั ควรทาตามข้อ
ง. การใสจ่ ินตนาการลงไปในการปน้ั ใด
ก. ใส่นา้ ในภาชนะ - โรยปนู ปลาสเตอรพ์ อเสมอ
5. การป้นั ในข้อใดมลี ักษณะคลา้ ยคลงึ กบั การปนั้ รปู นูนสูง ระดับน้า - กวนให้เขา้ กัน
ก. การปัน้ รปู อิสระ ข. ใสน่ า้ ในภาชนะสลับกับโรยปนู ปลาสเตอร์ แลว้ กวน
ข. การปัน้ รูปนนู ตา่ ให้เขา้ กัน
ค. การปัน้ รปู ลอยตัว ค. ใส่ปนู และนา้ พรอ้ มๆ กัน แล้วกวนใหเ้ ข้ากนั อย่าง
ง. การปัน้ รปู ทรงตา่ งๆ รวดเร็ว
ง. ใส่ปูนในภาชนะ - ใส่นา้ พอประมาณ - กวนให้เขา้ กนั
เฉลย
มฐ. ศ 1.1 ม.4-6/4, 6
1. ก 2. ค 3. ค 4. ก 5. ข
ได้คะแนน คะแนนเต็ม
10
6. ง 7. ง 8. ข 9. ก 10. ก
แบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรยี นรู้ที่ 5
คาชีแ้ จง ให้นักเรียนเลือกคาตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว
1. ถ้าหน่ึงต้องการปัน้ รปู สนุ ขั หนึ่งควรคานึงถงึ เรอื่ งใด 6. ผลงานในข้อใดเปน็ รปู ปน้ั นูนต่า
ก. การเลอื กวัสดุ อปุ กรณ์ทีใ่ ช้ในการปน้ั รูปสนุ ขั
ข. การนาไปใช้ประโยชน์ของการป้นั รูปสนุ ขั ก. รูปปั้นบคุ คลสาคัญตา่ งๆ
ค. การสงั เกตลกั ษณะเฉพาะของสนุ ขั
ง. การเลือกประเภทของงานปัน้ ข. รูปประดบั ฝาผนัง
2. การปนั้ รปู เหมอื นบคุ คลต่างๆ ต้องคานึงถงึ สงิ่ ใด ค. พระพุทธรูป
เปน็ อนั ดบั แรก
ก. การใสจ่ ินตนาการลงไปในการปน้ั ง. เหรยี ญบาท
ข. การเลอื กใช้วัสดุ อปุ กรณ์
ค. ความคิดสรา้ งสรรค์ 7. ลักษณะสาคญั ของงานป้ัน คืออะไร
ง. การสังเกต
ก. การเทของเหลวลงในแม่พิมพ์
3. สง่ิ สาคัญท่ีควรปฏิบัติก่อนการปั้น คอื อะไร
ก. การจดั เตรยี มวสั ดุ อุปกรณใ์ ห้พรอ้ มก่อนการป้ันรปู ข. การใชด้ ินนา้ มนั กดในแม่พมิ พ์
ข. การคน้ หาภาพรา่ งตน้ แบบให้ชัดเจนก่อนการปั้นรปู
ค. การคน้ หาเค้าโครงรา่ งสว่ นรวมกอ่ นการป้ัน ค. การเตรยี มวสั ดุ-อปุ กรณใ์ หพ้ รอ้ ม
ง. การปั้นแบบลองผดิ ลองถูก
ง. การใชว้ ัสดทุ ีม่ ีความออ่ นตัวทาใหเ้ กิดรปู ทรง
4. การผสมปนู ปลาสเตอร์ เพ่อื หลอ่ รปู ปนั้ ควรทาตามข้อใด
ก. ใส่ปนู ในภาชนะ - ใสน่ า้ พอประมาณ - กวนให้เข้ากนั 8. การปัน้ ในขอ้ ใดมีลักษณะคลา้ ยคลงึ กบั การปน้ั รูปนูนสูง
ข. ใสป่ นู และนา้ พรอ้ มๆ กัน แล้วกวนให้เขา้ กนั อย่าง
รวดเรว็ ก. การปัน้ รูปทรงต่างๆ
ค. ใสน่ ้าในภาชนะสลบั กับโรยปูนปลาสเตอร์ แล้วกวน
ใหเ้ ข้ากนั ข. การปั้นรูปลอยตัว
ง. ใส่น้าในภาชนะ - โรยปูนปลาสเตอรพ์ อเสมอ
ระดับน้า - กวนให้เขา้ กนั ค. การปนั้ รปู นูนต่า
5. การป้ันรปู ลอยตัว มีลกั ษณะเด่นอย่างไร ง. การปน้ั รูปอสิ ระ
ก. มองเหน็ ไดด้ า้ นเดียว
ข. มองเห็นไดส้ ามด้าน 9. ประติมากรรมทที่ าเป็นลายปูนป้ันมบี ทบาทในการใช้
ค. มองเห็นได้รอบดา้ น
ง. มองเห็นได้สองด้าน สอย
เฉลย อยา่ งไร
1. ค 2. ง 3. ก 4. ง 5. ค ก. ใช้เปน็ เคร่ืองบันทึกความรุ่งเรืองของศลิ ปะในสมยั นั้นๆ
ข. ใช้ประดับตกแตง่ อาคารทมี่ ีความสาคญั
ค. ใช้เปน็ สัญลกั ษณ์ประจาตวั ชา่ งปน้ั
ง. ใช้เปน็ ส่งิ ของสาหรบั บชู าพระ
10. ความงามท่แี สดงออกใหเ้ ห็นถงึ ปริมาตร แสง เงา
สัดสว่ น ขนาด การจดั องคป์ ระกอบศิลป์ และความรู้สกึ
คืออะไร
ก. จติ รกรรม
ข. ภาพพิมพ์
ค. สถาปตั ยกรรม
ง. ประติมากรรม มฐ. ศ 1.1 ม.4-6/4, 6
ได้คะแนน คะแนนเตม็
10
6. ง 7. ง 8. ค 9. ข 10. ง
6หน่วยการเรียนรู้ท่ี การสร้างสรรค์งานทศั นศลิ ป์
ประเภทการต์ ูน 6เวลา ชว่ั โมง
(การสรา้ งสรรค์งานทัศนศิลป)์
1 มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชี้วัด
ศ 1.1 ม.4-6/4 มีทักษะและเทคนิคในการใชว้ ัสดุ อปุ กรณ์ และกระบวนการท่ีสงู ขนึ้ ในการสร้างงานทศั นศลิ ป์
ม.4-6/6 ออกแบบงานทัศนศิลปไ์ ดเ้ หมาะกับโอกาสและสถานท่ี
ม.4-6/11 วาดภาพระบายสเี ป็นภาพลอ้ เลียนหรือวาดภาพการ์ตูน เพอื่ แสดงความคิดเห็นเกยี่ วกบั สภาพสงั คม
ในปจั จุบัน
2 สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
การสร้างสรรค์งานทศั นศิลปป์ ระเภทการต์ ูน จะตอ้ งรจู้ กั และมีทกั ษะการใชว้ ัสดุ อุปกรณ์ กระบวนการและ
เทคนคิ ต่างๆ ในการวาด อกี ทั้งตอ้ งมคี วามคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบ เพอื่ แสดงความคิดเหน็ เกีย่ วกบั สภาพ
สังคม และได้ผลงานทม่ี คี วามสวยงาม มีคณุ คา่ เหมาะสมกับโอกาสและสถานที่
3 สาระการเรยี นรู้
3.1 สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง
1) เทคนคิ วัสดุ อุปกรณ์ กระบวนการในการสรา้ งงานทศั นศลิ ป์
2) การออกแบบงานทัศนศลิ ป์
3) การวาดภาพลอ้ เลยี นหรอื ภาพการต์ ูน
3.2 สาระการเรียนรทู้ ้องถ่ิน
- การนางานทศั นศลิ ปไ์ ปใช้
4 สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น
4.1 ความสามารถในการส่ือสาร 2) ทกั ษะกระบวนการคิดสร้างสรรค์
4.2 ความสามารถในการคิด
1) ทักษะการนาความรไู้ ปใช้
4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
5 คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. มวี ินยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. มุ่งมน่ั ในการทางาน 4. มคี วามรับผิดชอบ
6 ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
การวาดภาพการต์ ูนล้อเลยี นหรอื แสดงสภาพสงั คมในปจั จุบัน
7 การวดั และการประเมินผล
7.1 การประเมนิ ก่อนเรียน
- ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรียน หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 6 เรอ่ื ง การสร้างสรรคง์ านทัศนศิลป์ประเภทการต์ ูน
7.2 การประเมนิ ระหว่างการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
1) ตรวจใบงานที่ 6.1 เรื่อง ความหมายและประเภทของการต์ ูน
2) ตรวจใบงานที่ 6.2 เร่อื ง หลกั การเขียนการต์ นู
3) ตรวจใบงานที่ 6.3 เรื่อง การเขยี นการ์ตนู ลักษณะต่างๆ
4) ตรวจแบบบนั ทกึ การอา่ น
5) ประเมินการนาเสนอผลงาน
6) สังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล
7) สังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุม่
8) สงั เกตคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
7.3 การประเมินหลงั เรียน
- ตรวจแบบทดสอบหลังเรยี น หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 6 เรือ่ ง การสรา้ งสรรคง์ านทัศนศิลป์ประเภทการต์ นู
7.4 การประเมนิ ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
- ตรวจผลงานภาพวาดการต์ นู ลอ้ เลียนหรือแสดงสภาพสงั คมในปจั จุบนั
8 กิจกรรมการเรียนรู้
นกั เรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 6
เร่อื งท่ี 1 ความหมายและประเภทของการต์ นู
2 ชวั่ โมง
วิธีสอนแบบ สบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Method : 5E)
ขั้นที่ 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engage)
1. ครใู ห้นกั เรียนดภู าพการต์ นู ตา่ งๆ แลว้ ใหน้ ักเรยี นร่วมกันแสดงความคดิ เหน็ ในประเดน็ ทกี่ าหนด
2. ครูอธบิ ายเชอ่ื มโยงให้นักเรยี นเขา้ ใจลกั ษณะของการ์ตนู
ข้นั ที่ 2 สารวจคน้ หา (Explore)
1. ครูแบง่ นักเรยี นเป็นกล่มุ กลุ่มละ 6 คน คละกันตามความสามารถ แล้วใหแ้ ต่ละคนกาหนดหมายเลข
ประจาตัว เป็นหมายเลข 1-6 ตามลาดับ
2. ครูใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันศกึ ษาความรู้เรอื่ ง ความหมายและประเภทของการต์ นู จากหนังสือเรียน
โดยแบง่ หนา้ ทใ่ี ห้สมาชกิ แตล่ ะคนศกึ ษาคนละ 1 หัวขอ้ ตามทก่ี าหนด
ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
1. สมาชิกแต่ละหมายเลขผลดั กนั นาความรู้ทไี่ ด้จากการศึกษามาเลา่ ใหเ้ พอ่ื นในกลมุ่ ฟงั เรยี งตามลาดับ
หมายเลข 1-6 ผลัดกนั ซักถามขอ้ สงสยั และอธบิ ายจนทกุ คนมคี วามเขา้ ใจชดั เจนตรงกัน
2. ครอู ธบิ ายความรเู้ กยี่ วกบั ความหมายและประเภทของการ์ตูน ให้นกั เรียนฟังเพมิ่ เตมิ และเปิดโอกาสให้
นักเรยี นซกั ถามขอ้ สงสยั เพอื่ ให้นกั เรยี นมีความร้คู วามเข้าใจชดั เจนมากยิ่งขน้ึ
ข้ันที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Expand)
1. นกั เรยี นแตล่ ะคนทาใบงานท่ี 6.1 เร่อื ง ความหมายและประเภทของการต์ ูน เมอ่ื ทาเสรจ็ แลว้ ตรวจสอบ
ความถูกตอ้ งเรยี บร้อยกอ่ นนาสง่ ครตู รวจ
2. สมาชิกแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั ยกตัวอยา่ งการ์ตูนทีต่ นเองรูจ้ ักหรอื ชน่ื ชอบ พร้อมบอกประเภทของการ์ตูนให้
ถกู ต้อง แลว้ เขียนลงในกระดาษทค่ี รูแจกให้ไดม้ ากทสี่ ดุ ภายในเวลาที่ครกู าหนด จากนัน้ ส่งตวั แทนมา
นาเสนอผลงานหนา้ ชน้ั เรยี น โดยครูและเพอื่ นกลมุ่ อ่นื รว่ มกนั ตรวจสอบความถูกต้อง
ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูครูตรวจสอบผลนกั เรียนจากการทาใบงานท่ี 6.1
2. นักเรียนรว่ มกนั สรุปความรเู้ รือ่ ง ความหมายและประเภทของการ์ตูน
เร่อื งที่ 2 หลกั การเขยี นภาพการต์ ูนเบ้อื งต้น 1 ชว่ั โมง
วธิ ีสอนแบบ กระบวนการกลุ่มสัมพันธ์
ขน้ั ท่ี 1 นาเขา้ สู่บทเรยี น
1. ครูนาภาพการต์ นู แบบต่างๆ มาให้นักเรยี นดู แล้วใหน้ ักเรยี นร่วมกันสังเกตและแสดงความคิดเห็นในประเดน็
ทีก่ าหนด
2. ครูอธิบายเชอ่ื มโยงให้นกั เรยี นเขา้ ใจวธิ ีใชอ้ ปุ กรณต์ า่ งๆ หลกั การพนื้ ฐาน และวธิ กี ารเขยี นภาพการต์ นู
ขั้นที่ 2 จดั การเรียนรู้
1. สมาชิกแตล่ ะกลมุ่ จับคกู่ นั เป็น 3 คู่ ให้แตล่ ะครู่ ว่ มกันศกึ ษาความรเู้ รอ่ื ง หลกั การเขียนภาพการ์ตนู เบื้องตน้
จากหนงั สือเรยี น ตามประเด็นทกี่ าหนดให้ ดงั น้ี
- คู่ท่ี 1 ศกึ ษาความรเู้ ร่ือง อุปกรณท์ ี่ใชใ้ นการเขยี นภาพการ์ตนู
- คู่ที่ 2 ศึกษาความรเู้ ร่อื ง หลักพนื้ ฐานในการเขยี นภาพการต์ นู
- คทู่ ่ี 3 ศึกษาความรเู้ รอื่ ง วิธกี ารเขยี นภาพการต์ นู
2. สมาชิกแตล่ ะคู่รว่ มกันศกึ ษาความรู้ตามหัวข้อทไ่ี ด้รบั มอบหมาย แล้วร่วมกนั สรุปสาระสาคญั
3. สมาชิกแต่ละคผู่ ลดั กนั นาความรู้ทีไ่ ด้จากการศกึ ษามาเลา่ ใหเ้ พ่ือนอีก 2 คู่ ภายในกลมุ่ ฟงั ผลดั กันซกั ถาม
ข้อสงสยั และอธบิ ายจนทกุ คนมีความเขา้ ใจชดั เจนตรงกัน
4. ครูอธบิ ายความรู้เก่ยี วกบั หลกั การเขยี นภาพการต์ นู เบ้ืองต้นใหน้ กั เรยี นฟงั เพม่ิ เตมิ เพอื่ ใหน้ กั เรยี นมีความรู้
ความเขา้ ใจชัดเจนมากยิ่งขน้ึ
5. นกั เรียนแต่ละคนทาใบงานที่ 6.2 เร่ือง หลักการเขียนการ์ตูน เมอ่ื ทาเสรจ็ แล้วตรวจสอบความถูกตอ้ ง
และเตมิ เตม็ คาตอบให้สมบรู ณ์
ขั้นท่ี 3 สรปุ และนาหลักการไปประยกุ ต์ใช้
1. สมาชิกแต่ละกลมุ่ รว่ มกันสรุปความรเู้ รอ่ื ง หลกั การเขยี นภาพการต์ นู เบื้องตน้
2. ครูแนะนาใหน้ กั เรยี นนาความรู้ทไ่ี ดจ้ ากการศึกษาไปประยุกตใ์ ชใ้ นการฝึกทกั ษะการเขยี นภาพการ์ตูนของ
ตนเองต่อไปในอนาคต
ขั้นท่ี 4 วัดและประเมินผล
ครวู ัดและประเมินผลนกั เรยี นจากการทาใบงานท่ี 6.2
เรอื่ งท่ี 3 การเขยี นภาพการ์ตนู ลกั ษณะต่างๆ 2 ชั่วโมง
วธิ สี อนโดยใช้การ สาธติ
ขั้นที่ 1 เตรยี มการสาธติ
1. ครขู ออาสาสมคั รนักเรียนท่มี คี วามสามารถในการวาดภาพ หรอื เคยวาดภาพการต์ ูนออกมาเลา่ ประสบการณ์
แรงบันดาลใจ และเทคนคิ ท่ใี ชใ้ นการวาดภาพให้เพื่อนฟังหนา้ ชั้นเรยี น
2. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั สนทนาเกย่ี วกบั วัสดุ อปุ กรณท์ ใี่ ช้ในการวาดภาพ หลักการ และวธิ กี ารวาดภาพการต์ นู
3. สมาชิกแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั ศกึ ษาความรูเ้ รื่อง ตัวอย่างกจิ กรรมการเขยี นภาพการ์ตูนลกั ษณะต่างๆ จาก
หนงั สอื เรยี น แล้วร่วมกนั สรุปสาระสาคญั จากนน้ั ครจู ดั เตรียมวสั ดุ อปุ กรณท์ ่ีใชใ้ นการวาดภาพการ์ตูน
เพื่อประกอบการสาธิต
ขั้นท่ี 2 สาธติ
1. ครูชีแ้ จงจุดประสงคก์ ารสาธิตใหน้ กั เรยี นทราบ แล้วครสู าธิตการเขยี นภาพการต์ ูนลกั ษณะตา่ งๆ ให้นกั เรยี นดู
พรอ้ มอธบิ ายประกอบในแต่ละขัน้ ตอนอยา่ งละเอยี ด เพื่อให้นักเรยี นสงั เกต จดจา และสามารถนาไปปฏิบัติ
ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง
2. นกั เรยี นแตล่ ะคนฝึกเขยี นภาพการต์ ูนลกั ษณะตา่ งๆ ตามแบบทค่ี รสู าธิต แลว้ จับคูก่ ับเพอ่ื นในกลุม่ ผลัดกนั
ตรวจสอบความถกู ตอ้ งและใหข้ อ้ เสนอแนะ
3. ครูสงั เกตการปฏบิ ัติกิจกรรมของนักเรยี นเป็นรายบคุ คล หากมขี อ้ บกพร่องครใู ห้คาแนะนา
ขั้นท่ี 3 สรปุ การสาธิต
1. สมาชิกแต่ละกลมุ่ รว่ มกนั สรุปขนั้ ตอนการเขยี นภาพการ์ตนู ลกั ษณะต่างๆ
2. นกั เรยี นแต่ละคนทาใบงานท่ี 6.3 เร่ือง การเขียนการ์ตนู ลักษณะตา่ งๆ เม่ือทาเสรจ็ แล้วนาส่งครตู รวจ
ข้ันที่ 4 วัดผลประเมนิ ผล
1. นักเรยี นแต่ละคนออกมานาเสนอผลงานในใบงานท่ี 6.3 หนา้ ชัน้ เรียน ครูแสดงความคดิ เห็นและให้
ขอ้ เสนอแนะ
2. ครูแนะนาใหน้ กั เรยี นนาความรู้ทไี่ ด้จากการศกึ ษาไปฝกึ ฝนและพัฒนาทักษะการเขยี นภาพการ์ตูนของ
ตนเองใหด้ ียง่ิ ขน้ึ และนาผลงานมาเลา่ สกู่ นั ฟัง (นอกเวลาเรียน)
ครมู อบหมายให้นกั เรียนแต่ละคนวาดภาพการ์ตูนลอ้ เลยี นหรือแสดงสภาพสังคมในปัจจุบัน
คนละ 1 ภาพ โดยให้ครอบคลมุ ประเดน็ ตามทกี่ าหนด
เรอื่ งท่ี 4 การนางานทัศนศลิ ปไ์ ปใช้
1 ช่วั โมง
วิธีสอนโดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ : เทคนิคคคู่ ดิ
ขน้ั นาเขา้ สบู่ ทเรยี น
ครพู านกั เรยี นไปทศั นศกึ ษาชมผลงานทศั นศลิ ปจ์ ากหอศิลป์ในทอ้ งถิ่น หรอื ใหน้ ักเรียนดูภาพผลงาน
ทศั นศลิ ปร์ ปู แบบต่างๆ แลว้ ให้นกั เรยี นร่วมกันแสดงความคดิ เห็นเกยี่ วกับแนวคดิ และวิธกี ารในการสร้างงาน
ทัศนศิลป์ของศลิ ปนิ
ขนั้ สอน
1. ครใู หน้ กั เรยี นแตล่ ะคนศึกษาความรู้เร่อื ง การนางานทัศนศลิ ป์ไปใช้ จากหนงั สอื เรียน
2. นักเรยี นแตล่ ะคนจบั คกู่ บั เพ่ือนในกลุ่ม ผลัดกันอธิบายความรู้ทไี่ ดจ้ ากการศึกษา และซกั ถามขอ้ สงสยั และ
อธิบายจนมคี วามเขา้ ใจชัดเจนตรงกนั
3. ครอู ธิบายความรูเ้ กี่ยวกบั การนางานทัศนศิลปไ์ ปใชใ้ ห้นักเรยี นฟัง พร้อมยกตัวอยา่ งประกอบ เพื่อใหน้ ักเรียน
มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจชดั เจนมากย่งิ ข้ึน
ขนั้ สรปุ
ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ ความรู้เรอ่ื ง การนางานทศั นศิลปไ์ ปใช้
นักเรียนทาแบบทดสอบหลังเรียน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 6
9 สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้
9.1 สื่อการเรยี นรู้
1) หนังสือเรยี น ทศั นศิลป์ ม.4
2) เอกสารประกอบการสอน
3) วัสดุ อุปกรณ์ท่ใี ช้ในการวาดภาพการ์ตนู
4) บตั รภาพ
5) ใบงานที่ 6.1 เรอ่ื ง ความหมายและประเภทของการต์ นู
6) ใบงานท่ี 6.2 เรอื่ ง หลักการเขยี นการ์ตูน
7) ใบงานที่ 6.3 เรอื่ ง การเขยี นการต์ ูนลกั ษณะต่างๆ
9.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) หอ้ งสมุด
2) หอศิลป์ในทอ้ งถน่ิ
3) แหลง่ ขอ้ มลู สารสนเทศ
- http://www.aksorn.com/LC/Va/M4/18
- http://www.aksorn.com/LC/Va/M4/19
- http://www.aksorn.com/LC/Va/M4/20
การประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
แบบประเมินผลงานภาพวาดการ์ตูนล้อเลยี นหรือแสดงสภาพสังคมในปจั จบุ นั
รายการประเมิน ดมี าก (4) คาอธิบายระดบั คุณภาพ / ระดบั คะแนน ปรบั ปรงุ (1)
ดี (3) พอใช้ (2)
1. การออกแบบ ผลงานที่ออกแบบ ผลงานทีอ่ อกแบบ ผลงานที่ออกแบบ ผลงานที่ออกแบบ
ผลงาน มีความสมบูรณ์ ถกู ต้อง ถูกตอ้ ง เหมาะสมตาม ถูกต้อง เหมาะสมตาม ถูกตอ้ งตามหลักสาคัญ
เหมาะสมตามหลกั สาคัญ หลกั สาคญั ของการ หลกั สาคญั ของการ ของการออกแบบ 1 ขอ้
ของการออกแบบทง้ั ออกแบบ 2 ขอ้ ออกแบบ 1 ข้อ แตไ่ มเ่ หมาะสม
3 ขอ้ ไดแ้ ก่
1) ความเป็นเอกภาพ
2) ความกลมกลืน
3) ความสมดลุ
2. การจัดองค์- ผลงานมีความสมบรู ณ์ ผลงานมีความสมบรู ณ์ ผลงานมคี วามสมบูรณ์ ผลงานขาดความ
ประกอบศิลป์ ถกู ต้อง เหมาะสมตาม ถูกตอ้ ง เหมาะสมตาม ถกู ต้อง เหมาะสมตาม สมบรู ณ์ ตามองค์-
องค์ประกอบในการ องค์ประกอบในการ องคป์ ระกอบในการ ประกอบในการ
วาดภาพ และมคี วาม วาดภาพ และค่อนข้าง วาดภาพเป็นบางสว่ น วาดภาพ และ
สวยงาม สวยงาม และคอ่ นขา้ งสวยงาม ไมส่ วยงาม
3. การใช้วสั ดุ เลือกใชว้ ัสดุ อปุ กรณ์ เลือกใช้วสั ดุ อุปกรณ์ เลอื กใช้วสั ดุ อุปกรณ์ เลือกใชว้ สั ดุ อปุ กรณ์
อุปกรณ์ เทคนคิ เทคนคิ และกระบวน เทคนคิ และกระบวน เทคนคิ และกระบวน เทคนิค และกระบวน
และกระบวนการ การในการวาดภาพ การในการวาดภาพ การในการวาดภาพ การในการวาดภาพ
ในการวาดภาพ การ์ตูนได้ถกู ตอ้ ง การต์ ูนไดถ้ กู ตอ้ ง การต์ ูนไดถ้ กู ต้อง การต์ นู ได้ถูกต้องเพียง
การต์ ูน ครบถ้วน เหมาะสม เหมาะสมเปน็ สว่ นใหญ่ เหมาะสมเป็นบางสว่ น สว่ นนอ้ ย แตไ่ ม่
เหมาะสม
4. ความคิดริเริม่ ผลงานแสดงออกถงึ ผลงานแสดงออกถึง ผลงานแสดงออกถงึ ผลงานขาดความคดิ
สรา้ งสรรค์
ความคิดรเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์ ความคิดริเรมิ่ สรา้ งสรรค์ ความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ ริเริม่ สร้างสรรค์ ไม่มกี าร
สอดแทรกเทคนคิ กลวธิ ี สอดแทรกเทคนิค กลวธิ ี สอดแทรกเทคนคิ กลวธิ ี สอดแทรกเทคนคิ กลวิธี
แปลกใหม่ไดอ้ ย่าง แปลกใหม่ไดอ้ ยา่ ง แปลกใหม่ไดอ้ ยา่ ง แปลกใหม่
เหมาะสม ลงตัว และมี เหมาะสม ลงตัว และ เหมาะสม ลงตัว แตไ่ ม่ และไม่น่าสนใจ
ความนา่ สนใจ คอ่ นขา้ งนา่ สนใจ คอ่ ยนา่ สนใจ
เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน 14 - 16 11 - 13 8 - 10 ตา่ กวา่ 8
ระดับคณุ ภาพ ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรุง
แบบทดสอบกอ่ นเรียน หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 6
คาชีแ้ จง ให้นักเรียนเลือกคาตอบท่ีถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. การต์ นู เป็นงานทัศนศิลปป์ ระเภทใด 6. ขอ้ ใดไมใ่ ชร่ ูปแบบของการ์ตนู ขาขัน
ก. จิตรกรรม
ข. ภาพพิมพ์ ก. เปน็ แบบกรอบเดียว
ค. ประตมิ ากรรม
ง. สถาปัตยกรรม ข. เปน็ ช่องตอ่ เนอื่ งกัน 2 ถงึ 3 ชอ่ ง
2. ลักษณะสาคญั ของการต์ ูน คือข้อใด ค. มคี วามยาวหลายชอ่ งแตจ่ บใน 1 หนา้
ก. ไม่ใชผ่ ลผลิตจากจนิ ตนาการของงานการต์ นู ในอดตี
ข. ถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดใหผ้ อู้ ืน่ รบั รูไ้ ด้โดยง่าย ง. นาเสนอเปน็ เรอื่ งราวตอ่ เนือ่ งกันจนจบ
ค. ไมม่ ลี ักษณะเฉพาะตัว ไมเ่ ปน็ ธรรมชาติ
ง. มีจดุ ประสงคเ์ พยี งจุดประสงคเ์ ดยี ว 7. หลักสาคัญในการเขยี นการ์ตนู เรอ่ื ง คอื ข้อใด
3. อปุ กรณ์พ้นื ฐานทจ่ี าเป็นในการเขียนภาพการ์ตูน คือขอ้ ใด ก. มงุ่ เนน้ ความขบขนั เปน็ หลกั
ก. กระดาษ ปากกา
ข. ดนิ สอ ปากกา ข. สอ่ื ความหมายถงึ สาระสาคญั ของเรอื่ งอย่างชดั เจน
ค. พ่กู นั หมกึ
ง. ดนิ สอ สี ค. มุง่ สะทอ้ นเร่อื งราวทางการเมอื งด้วยลักษณะ
4. การ์ตนู ลอ้ เลียนสร้างข้ึนเพอ่ื วตั ถปุ ระสงค์ใด ลอ้ เลียน
ก. มงุ่ เนน้ ความขบขันเปน็ หลัก
ข. นาเสนอเป็นเรอ่ื งราวตอ่ กันจนจบ ง. สรา้ งเป็นเรอ่ื งราวหรอื เพอ่ื การโฆษณาแล้วนามา
ค. อธิบายหรอื ประกอบเน้ือหา ประกอบเรอ่ื งราวต่างๆ
ง. สะท้อนเรอ่ื งราวหรือเหตกุ ารณ์ตา่ งๆ ทีก่ าลงั เปน็ ทา เปน็ ภาพยนตร์
ทนี่ ิยม
8. ข้อใดไม่ใชห่ ลักพืน้ ฐานในการเขยี นภาพการต์ นู
5. ข้อใดคอื การเขียนการต์ นู ล้อเลยี นบุคคล
ก. การวาดภาพให้แตกตา่ งจากความเป็นจรงิ ก. แนวคดิ ข. การร่างภาพ
ข. การเนน้ จุดเด่นของภาพใหเ้ กินความเป็นจริง
ค. การวาดภาพใหถ้ ูกสัดส่วนโครงสรา้ ง ค. ประสาทสัมผัส ง. รปู รา่ ง รปู ทรง
ง. การวาดภาพให้เหมือนจริง
9. การเลอื กซ้ือหมึกอนิ เดยี นอิงค์ จะต้องสงั เกตสิง่ ใด
ก. ความเขม้ ขน้ ของหมกึ และหมึกไมต่ กตะกอน
ข. ลักษณะของขวดใสห่ มึก
ค. ปรมิ าณของนา้ หมึก
ง. ไม่ต้องสงั เกตสง่ิ ใด
10. ใบหนา้ ภาพการต์ นู ที่แสดงความสขุ จะมลี กั ษณะ
อยา่ งไร
ก. ดวงตาเบกิ กว้าง อ้าปากค้าง เหงอ่ื แตก ผมตัง้
ข. คว้ิ จะขมวด เบะปาก รมิ ฝปี ากจะเมม้ และโคง้ ลง
ค. คิว้ จะขมวด ตาถลึง เมม้ ปากกดั กรามหรือ
อ้าปากกว้าง
ง. ค้วิ ตาจะไม่เกรง็ รมิ ฝีปากเป็นเสน้ โค้งข้นึ หรอื
อา้ ปากกวา้ ง
มฐ. ศ 1.1 ม.4-6/4, 6, 11
ไดค้ ะแนน คะแนนเตม็
10
เฉลย
1. ก 2. ข 3. ก 4. ง 5. ข 6. ง 7. ข 8. ค 9. ก 10. ง
แบบทดสอบหลังเรยี น หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 6
คาช้แี จง ใหน้ กั เรียนเลือกคาตอบท่ีถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. ใบหน้าภาพการ์ตูนที่แสดงความสุข จะมีลกั ษณะอยา่ งไร 6. การ์ตนู เป็นงานทศั นศิลป์ประเภทใด
ก. ภาพพมิ พ์
ก. คิว้ ตาจะไม่เกร็ง ริมฝปี ากเป็นเสน้ โคง้ ขน้ึ หรอื ข. จิตรกรรม
ค. ประตมิ ากรรม
อ้าปากกว้าง ง. สถาปตั ยกรรม
ข. คิ้วจะขมวด ตาถลึง เมม้ ปากกดั กรามหรอื 7. อุปกรณ์พื้นฐานที่จาเป็นในการเขียนภาพการต์ นู คือขอ้
ใด
อ้าปากกวา้ ง ก. ดนิ สอ สี
ข. พกู่ นั หมึก
ค. คิ้วจะขมวด เบะปาก ริมฝีปากจะเม้มและโคง้ ลง ค. ดินสอ ปากกา
ง. กระดาษ ปากกา
ง. ดวงตาเบิกกวา้ ง อา้ ปากคา้ ง เหงอื่ แตก ผมต้ัง
8. ลกั ษณะสาคัญของการต์ นู คอื ขอ้ ใด
2. การเลือกซือ้ หมกึ อนิ เดียนอิงค์ จะตอ้ งสงั เกตส่ิงใด ก. มจี ุดประสงคเ์ พียงจดุ ประสงคเ์ ดียว
ข. ไม่มลี ักษณะเฉพาะตัว ไมเ่ ป็นธรรมชาติ
ก. ไมต่ ้องสังเกตสงิ่ ใด ค. ถา่ ยทอดความรสู้ กึ นกึ คิดใหผ้ ้อู นื่ รบั รู้ได้โดยงา่ ย
ง. ไมใ่ ช่ผลผลิตจากจินตนาการของงานการ์ตูนใน
ข. ปริมาณของน้าหมกึ อดีต
ค. ลักษณะของขวดใส่หมึก 9. การต์ ูนลอ้ เลียนสรา้ งข้ึนเพอื่ วัตถปุ ระสงค์ใด
ก. สะท้อนเร่อื งราวหรอื เหตุการณต์ า่ งๆ ทีก่ าลงั เปน็
ง. ความเข้มขน้ ของหมึกและหมึกไมต่ กตะกอน ท่ีนยิ ม
ข. อธิบายหรอื ประกอบเนอื้ หา ประกอบเรือ่ งราว
3. ขอ้ ใดไมใ่ ช่รูปแบบของการต์ นู ขาขนั ต่างๆ
ค. นาเสนอเปน็ เรอื่ งราวต่อกันจนจบ
ก. นาเสนอเป็นเรอื่ งราวตอ่ เนอื่ งกันจนจบ ง. มุ่งเนน้ ความขบขันเปน็ หลกั
ข. มีความยาวหลายชอ่ งแต่จบใน 1 หน้า 10. ข้อใดคอื การเขียนการ์ตนู ล้อเลียนบุคคล
ก. การวาดภาพให้เหมอื นจริง
ค. เปน็ ช่องตอ่ เนื่องกัน 2 ถงึ 3 ชอ่ ง ข. การวาดภาพให้ถูกสัดส่วนโครงสร้าง
ค. การวาดภาพให้แตกตา่ งจากความเป็นจริง
ง. เป็นแบบกรอบเดยี ว ง. การเน้นจดุ เด่นของภาพใหเ้ กินความเปน็ จริง
4. หลักสาคัญในการเขยี นการ์ตูนเรอื่ ง คอื ขอ้ ใด
ก. สร้างเป็นเรอื่ งราวหรอื เพอื่ การโฆษณาแล้วนามาทา
เป็นภาพยนตร์
ข. มุ่งสะท้อนเร่อื งราวทางการเมอื งดว้ ยลักษณะ
ล้อเลียน
ค. ส่ือความหมายถึงสาระสาคัญของเรอื่ งอยา่ งชดั เจน
ง. มุ่งเน้นความขบขนั เปน็ หลัก
5. ข้อใดไม่ใช่หลักพนื้ ฐานในการเขียนภาพการต์ นู
ก. รปู รา่ ง รปู ทรง ข. ประสาทสมั ผสั
ค. การรา่ งภาพ ง. แนวคดิ
มฐ. ศ 1.1 ม.4-6/4, 6, 11
ไดค้ ะแนน คะแนนเตม็
10
เฉลย
1. ก 2. ง 3. ก 4. ค 5. ข 6. ข 7. ง 8. ค 9. ก 10. ง
7หน่วยการเรียนรู้ท่ี ศิลปวิจารณ์
5เวลา ชั่วโมง
1 มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชว้ี ัด
ศ 1.1 ม.4-6/8 ประเมินและวิจารณง์ านทศั นศิลปโ์ ดยใชท้ ฤษฎีการวจิ ารณศ์ ลิ ปะ
2 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การวจิ ารณศ์ ลิ ปะ มคี วามสาคัญตอ่ การประเมนิ คณุ คา่ ผลงานทศั นศลิ ป์ ผ้วู จิ ารณ์จะตอ้ งมคี วามรูค้ วามเขา้ ใจ
เกีย่ วกับทฤษฎีศลิ ปะประกอบการวจิ ารณ์ศิลปะ และทฤษฎกี ารวิจารณ์ศิลปะ เพ่อื ใหส้ ามารถวจิ ารณ์ศิลปะได้อยา่ ง
ถูกตอ้ ง มเี หตุผล น่าเชอื่ ถอื
3 สาระการเรียนรู้
3.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
- ทฤษฎีการวจิ ารณ์ศลิ ปะ
3.2 สาระการเรียนร้ทู อ้ งถ่นิ
(พจิ ารณาตามหลกั สูตรสถานศึกษา)
4 สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน
4.1 ความสามารถในการสื่อสาร
4.2 ความสามารถในการคิด
- ทกั ษะการประเมนิ
4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต
5 คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 2. ใฝ่เรยี นรู้
4. มีความรบั ผดิ ชอบ
1. มีวินยั
3. มุ่งมัน่ ในการทางาน
6 ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
รายงานผลการวจิ ารณ์งานศลิ ปะ
7 การวดั และการประเมินผล
7.1 การประเมนิ ก่อนเรียน
- ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 7 เรอื่ ง ศิลปวจิ ารณ์
7.2 การประเมินระหว่างการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
1) ตรวจใบงานที่ 7.1 เรอ่ื ง ความสาคัญของการวจิ ารณศ์ ิลปะ
2) ตรวจใบงานท่ี 7.2 เรื่อง ทฤษฎศี ิลปะประกอบการวจิ ารณ์ศลิ ปะ
3) ตรวจใบงานที่ 7.3 เรื่อง การวิจารณ์งานศิลปะ
4) ตรวจแบบบันทกึ การอา่ น
5) ประเมินการนาเสนอผลงาน
6) สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล
7) สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกล่มุ
8) สังเกตคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
7.3 การประเมินหลงั เรยี น
- ตรวจแบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 7 เร่อื ง ศลิ ปวิจารณ์
7.4 การประเมินช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
- ตรวจรายงานผลการวจิ ารณ์งานศิลปะ
8 กิจกรรมการเรียนรู้
นกั เรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 7
เรอื่ งท่ี 1 ความหมายและความสาคัญ
ของการวิจารณศ์ ิลปะ
2 ชว่ั โมง
วิธสี อนแบบ สบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Method : 5E)
ขั้นที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
1. ครูนาภาพผลงานทัศนศลิ ป์ มาใหน้ กั เรียนดู แลว้ ให้นกั เรียนร่วมกันพิจารณาและแสดงความคดิ เหน็
ในประเดน็ ทกี่ าหนด
2. ครอู ธบิ ายเชอ่ื มโยงให้นกั เรยี นเขา้ ใจความสวยงามและคุณค่าท่ีแตกตา่ งกันของงานทัศนศลิ ป์แต่ละชิ้น
ขัน้ ที่ 2 สารวจค้นหา (Explore)
ครูแบ่งนกั เรยี นเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน คละกนั ตามความสามารถ แล้วให้สมาชิกแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันศึกษา
ความรเู้ รือ่ ง ความหมายและความสาคัญของการวิจารณ์ศิลปะ และเครอ่ื งมือในการวจิ ารณศ์ ลิ ปะ จากหนังสอื เรยี น
ขน้ั ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain)
1. สมาชิกแตล่ ะกลมุ่ ผลัดกันนาความร้ทู ไ่ี ดจ้ ากการศึกษามาอธบิ ายให้เพ่อื นฟงั ผลดั กนั ซักถามขอ้ สงสัย และ
อธิบายจนทุกคนมคี วามเขา้ ใจชดั เจนตรงกัน
2. ครูเปิดโอกาสให้นกั เรยี นซักถามหากมขี อ้ สงสัย แลว้ ครูอธบิ ายเพิ่มเตมิ จนนกั เรียนทุกคนมคี วามเข้าใจ
ถูกต้องชัดเจน
ขน้ั ท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ (Expand)
สมาชิกแตล่ ะกลมุ่ ชว่ ยกนั ทาใบงานที่ 7.1 เร่ือง ความสาคญั ของการวิจารณ์ศิลปะ เมอ่ื ทาเสรจ็ แล้ว
ช่วยกันตรวจสอบความถกู ตอ้ งและเตมิ เต็มคาตอบให้สมบรู ณ์
ขั้นท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครตู รวจสอบผลนกั เรยี นจากการทาใบงานที่ 7.1
2. ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั สรุปความร้เู ร่อื ง ความหมายและความสาคัญของการวจิ ารณ์ศลิ ปะ และเคร่ืองมอื
ในการวิจารณ์ศลิ ปะ
เร่ืองที่ 2 ทฤษฎีการวิจารณ์ศลิ ปะ
2 ช่ัวโมง
วิธีสอนแบบ กระบวนการกลุ่มสัมพันธ์
ขั้นท่ี 1 นาเข้าสู่บทเรยี น
1. ให้นักเรียนดูวดี ิทัศน์ หรือวซี ดี ีแสดงนทิ รรศการผลงานทศั นศลิ ป์ แลว้ ให้นกั เรยี นรว่ มกนั วิเคราะห์ถงึ ลกั ษณะ
และรปู แบบของการจดั แสดงนิทรรศการผลงานทัศนศลิ ป์
2. ครใู หน้ กั เรียนลองจินตนาการถงึ การจดั แสดงนทิ รรศการตา่ งๆ ทนี่ กั เรียนเคยไดด้ มู า แลว้ เปรยี บเทยี บกบั ที่
ครนู ามาใหด้ ใู นวันน้ีว่า มีความแตกต่างกนั อยา่ งไร
3. นกั เรียนร่วมกันอภิปรายถงึ ความแตกตา่ งของการจดั แสดงนิทรรศการผลงานทัศนศลิ ป์กับการจัดแสดง
นิทรรศการอื่นๆ
ขน้ั ที่ 2 จัดการเรยี นรู้
1. ครูให้สมาชกิ แต่ละกลมุ่ รว่ มกนั ศกึ ษาความรเู้ รอ่ื ง ทฤษฎศี ลิ ปะประกอบการวจิ ารณศ์ ิลปะ และทฤษฎีการ
วิจารณ์ศิลปะ จากหนงั สอื เรียน จากนั้นรว่ มกนั สรุปสาระสาคญั
2. สมาชกิ แต่ละกลมุ่ ช่วยกนั ทาใบงานท่ี 7.2 เรอื่ ง ทฤษฎศี ลิ ปะประกอบการวิจารณศ์ ลิ ปะ เมอ่ื ทาเสรจ็ แลว้
ช่วยกันตรวจสอบความถูกตอ้ งและเติมเต็มคาตอบใหส้ มบรู ณ์
3. ครูอธบิ ายความรเู้ รอ่ื ง ทฤษฎีศิลปะประกอบการวิจารณศ์ ิลปะ และทฤษฎกี ารวิจารณศ์ ิลปะ ให้นกั เรียนฟัง
เพิม่ เติม เพ่ือใหน้ กั เรยี นมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจชัดเจนมากยง่ิ ขึ้น
ขั้นที่ 3 สรปุ และนาหลกั การไปประยุกต์ใช้
1. สมาชกิ แตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันสรปุ ความรูเ้ รอื่ ง ทฤษฎีศิลปะประกอบการวจิ ารณ์ศิลปะ และทฤษฎกี ารวจิ ารณ์
ศลิ ปะ
2. ครแู นะนาใหน้ กั เรยี นนาความรทู้ ไี่ ด้จากการศกึ ษาไปประยุกตใ์ ช้ในการวิจารณ์ศิลปะ เพอื่ ใหส้ ามารถวิจารณ์
ผลงานไดอ้ ย่างถกู ต้อง เหมาะสม และมีความนา่ เช่อื ถอื
ขั้นที่ 4 วดั และประเมนิ ผล
ครูวดั และประเมินผลนกั เรยี นจากการทาใบงานท่ี 7.2
เรอื่ งที่ 3 การวิจารณ์งานศลิ ปะ
1 ช่วั โมง
วธิ สี อนโดยใชก้ าร สาธิต
ขน้ั ที่ 1 เตรยี มการสาธติ
1. ครใู หน้ กั เรยี นดภู าพ “The Scream” ผลงานของเอดวารด์ มงุ ก์ แลว้ ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั สงั เกต
และวจิ ารณ์ผลงานดงั กลา่ วตามทฤษฎกี ารวิจารณ์ศิลปะ
2. ครสู ่มุ นกั เรยี น 2-3 กลุ่ม นาเสนอผลการวิจารณภ์ าพดังกลา่ วใหเ้ พอื่ นฟงั หนา้ ช้ันเรียน แล้วใหเ้ พ่อื นกลุ่มอ่นื
ไดน้ าเสนอเพ่ิมเตมิ ในสว่ นที่แตกต่างกันออกไป
3. ครูใหน้ กั เรยี นศึกษาความร้เู รอื่ ง ตัวอย่างการวิจารณ์ผลงานศลิ ปะ โดยใช้เกณฑก์ ารพจิ ารณาแบบทว่ั ไป
จากหนงั สือเรยี น แล้วรว่ มกนั สรปุ สาระสาคัญ
4. ครอู ธิบายเชอ่ื มโยงให้นักเรยี นเข้าใจเกณฑก์ ารพจิ ารณาแบบทว่ั ไป เพือ่ เปน็ การทบทวนความร้ใู ห้นกั เรียน
มีความเขา้ ใจชดั เจนมากยิ่งขนึ้
5. ครูเตรยี มตวั อย่างผลงานศลิ ปะหลายๆ ชน้ิ เพอ่ื ใชป้ ระกอบการสาธิตการประเมินผลงานทศั นศิลป์
ขนั้ ท่ี 2 สาธติ
1. ครูชแี้ จงจุดประสงคก์ ารสาธติ การวิจารณศ์ ลิ ปะ ให้นกั เรียนทราบ
2. ครูนาตัวอยา่ งผลงานศลิ ปะหลายๆ ช้นิ มาให้นกั เรยี นดู แลว้ ใหน้ กั เรยี นร่วมกนั เลือกผลงานมา 1 ชิน้ แลว้
ครูวจิ ารณผ์ ลงานดังกล่าวตามหลกั เกณฑก์ ารพจิ ารณาแบบทัว่ ไป พรอ้ มอธบิ ายประกอบใหน้ กั เรยี นเข้าใจ
เพอื่ ใหน้ กั เรยี นสามารถนาไปใช้ในการวจิ ารณไ์ ด้อย่างถกู ตอ้ ง เหมาะสม
3. สมาชกิ แต่ละกลมุ่ ชว่ ยกนั หาภาพผลงานศลิ ปะทชี่ ื่นชอบหรอื สนใจ มากลมุ่ ละ 1 ภาพ (ครมู อบหมายให้
นกั เรยี นเตรยี มมาล่วงหนา้ ) แลว้ ให้แต่ละคนนามาวิเคราะห์ วิจารณ์ผลงานดังกลา่ วตามเกณฑก์ ารพจิ ารณา
แบบทว่ั ไป จากนนั้ บันทึกผลลงในใบงานที่ 7.3 เรอื่ ง การวิจารณง์ านศิลปะ
ขั้นท่ี 3 สรปุ การสาธิต
1. สมาชิกแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั สรปุ เกณฑก์ ารพจิ ารณาแบบทัว่ ไปและการนาไปใช้
2. ครูและนกั เรยี นร่วมกันอภปิ รายและสรุปประโยชน์ของการวิจารณศ์ ิลปะ
ขัน้ ที่ 4 วัดผลประเมนิ ผล
ครูวัดและประเมินผลนักเรยี นจากการทาใบงานท่ี 7.3
ครูมอบหมายใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคนเลอื กผลงานศลิ ปะทช่ี ่นื ชอบ คนละ 1 ชน้ิ นามาประเมินและ
วจิ ารณผ์ ลงานตามเกณฑ์การพจิ ารณาแบบท่วั ไป แล้วเขยี นรายงานผลตอ่ ครผู ู้สอน โดยให้
ครอบคลมุ ประเด็นตามที่กาหนด
นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี น หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 7
9 สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้
9.1 ส่อื การเรยี นรู้
1) หนังสอื เรยี น ทศั นศลิ ป์ ม.4
2) วีดทิ ศั น์ หรอื วซี ดี ีแสดงนิทรรศการผลงานทศั นศิลป์
3) ตวั อยา่ งผลงานศลิ ปะ
4) บัตรภาพ
5) ใบงานที่ 7.1 เร่อื ง ความสาคญั ของการวิจารณศ์ ิลปะ
6) ใบงานท่ี 7.2 เรื่อง ทฤษฎีศลิ ปะประกอบการวิจารณศ์ ลิ ปะ
7) ใบงานที่ 7.3 เรื่อง การวจิ ารณง์ านศลิ ปะ
9.2 แหล่งการเรียนรู้
1) หอ้ งสมุด
2) แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ
- http://www.aksorn.com/LC/Va/M4/21
- http://www.aksorn.com/LC/Va/M4/22
การประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
แบบประเมินรายงานผลการวจิ ารณ์งานศิลปะ
รายการประเมนิ ดีมาก (4) คาอธบิ ายระดบั คุณภาพ / ระดับคะแนน ปรับปรงุ (1)
ดี (3) พอใช้ (2)
1. การวจิ ารณ์ ประเมินและวจิ ารณ์ ประเมนิ และวจิ ารณ์ ประเมนิ และวิจารณ์ ประเมินและวจิ ารณ์
ผลงานทศั นศลิ ป์
ผลงานทัศนศิลป์โดยใช้ ผลงานทศั นศลิ ป์โดยใช้ ผลงานทัศนศิลป์โดยใช้ ผลงานทศั นศลิ ป์โดยใช้
เกณฑ์การพิจารณาแบบ เกณฑ์การพจิ ารณาแบบ เกณฑ์การพิจารณาแบบ เกณฑก์ ารพิจารณาแบบ
ท่วั ไปไดถ้ ูกต้อง ทั่วไปได้ถูกต้อง ท่ัวไปได้ถกู ต้อง ท่วั ไปไดถ้ ูกต้อง
ละเอียด ชดั เจน ละเอียด ชดั เจน 2 ขอ้ ละเอยี ด ชัดเจน 1 ขอ้ 1 ขอ้ แต่ไม่ละเอยี ด และ
ทง้ั 3 ขอ้ ไดแ้ ก่ ไม่ชดั เจน
1) หลักที่ว่าด้วย
เอกภาพ
2) หลกั ท่วี า่ ดว้ ยความ
ลึกซึ้ง
3) หลกั ทวี่ ่าด้วยความ
โดดเดน่
2. การเสนอแนะ เสนอแนะแนวทาง เสนอแนะแนวทาง เสนอแนะแนวทาง เสนอแนะแนวทาง
แนวทางการ การปรับปรุงผลงาน การปรบั ปรงุ ผลงาน การปรับปรงุ ผลงาน การปรับปรุงผลงาน
ปรับปรงุ ผลงาน ทัศนศิลป์ได้ถกู ตอ้ ง ทศั นศิลป์ได้ถูกต้อง ทัศนศิลปไ์ ด้ถกู ต้อง ทัศนศลิ ปไ์ ด้ถูกตอ้ ง
ทศั นศิลป์ เหมาะสม 3 ข้อ เหมาะสม 2 ขอ้ เหมาะสม 1 ขอ้ 1 ขอ้ แตไ่ มเ่ หมาะสม
ชว่ งคะแนน เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ 4-5 ต่ากวา่ 4
ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ปรบั ปรงุ
8 6-7
ดมี าก ดี
แบบทดสอบกอ่ นเรียน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 7
คาชีแ้ จง ใหน้ ักเรียนเลือกคาตอบท่ีถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว
1. การวจิ ารณ์ หมายถึงอะไร 5. ทฤษฎีศิลปะท่ีมุ่งเนน้ คณุ คา่ ของทศั นธาตุและ
ก. การแสดงออกทางด้านบกพรอ่ งตอ่ สง่ิ ใดสงิ่ หน่งึ องค์ประกอบศิลป์ ไดแ้ ก่ทฤษฎีใด
ข. การแสดงออกทางด้านความจริงต่อส่ิงใดสิง่ หนึง่ ก. ทฤษฎรี ปู ทรงนยิ ม
ค. การแสดงออกทางด้านความรู้สึกต่อสิ่งใดส่งิ หน่งึ ข. ทฤษฎีอารมณ์นยิ ม
ง. การแสดงออกทางด้านความคดิ เหน็ ต่อสงิ่ ใดส่ิงหนงึ่ ค. ทฤษฎเี ครอื่ งมอื นิยม
ง. ทฤษฎีเลยี นแบบนิยม
2. จดุ มุ่งหมายของการวจิ ารณ์ศลิ ปะ คอื อะไร
ก. เพอื่ ประเมินผลงานศิลปะใหเ้ ปน็ มาตรฐาน 6. ทฤษฎีเหตุผลในการวิจารณศ์ ลิ ปะของมอนโร ซี
ข. เพื่อตัดสนิ ผลงานศิลปะท่ีสง่ เข้าประกวดอย่างยุตธิ รรม เบยี ร์ดสลยี ์ มุ่งเนน้ ในด้านใดมากทส่ี ุด
ค. เพื่อใหผ้ ู้ทีส่ นใจงานศลิ ปะรบั รู้ เข้าใจ และช่นื ชม ก. เหตผุ ลจากความรสู้ ึก
ผลงานศลิ ปะ ข. เหตผุ ลของการตัดสิน
ง. เพือ่ ให้ผลงานศลิ ปะมีราคาทีส่ ูงขน้ึ และสามารถ ค. เหตุผลของการวจิ ารณ์
จาหน่ายได้ราคาดี ง. เหตุผลอยา่ งมจี ุดหมาย
3. ขั้นตอนและวธิ กี ารในการวจิ ารณ์ผลงานศิลปะ ขอ้ ใด 7. เกณฑ์การพจิ ารณาแบบเฉพาะในการวิจารณ์งานศิลปะ
ถูกตอ้ งมากท่สี ุด ผ้วู จิ ารณ์จะตอ้ งเตรยี มตวั อย่างไรบา้ ง
ก. พรรณนา วเิ คราะห์ ตีความหมาย ประเมินค่า ก. หาตวั บง่ ชี้ของคุณค่า
ข. พรรณนา ตีความหมาย วเิ คราะห์ ประเมนิ คา่ ข. รวบรวมผลงานศิลปะ
ค. ตคี วามหมาย วิเคราะห์ ประเมินค่า พรรณนา ค. ศกึ ษาหลักเกณฑแ์ ละวิธีวิจารณ์
ง. ตคี วามหมาย พรรณนา วเิ คราะห์ ประเมินค่า ง. ศึกษาเรื่องทัศนธาตุและองค์ประกอบศิลป์
4. การวจิ ารณ์ตามแนวทฤษฎีเลยี นแบบนิยม มหี ลกั สาคัญ 8. ขอ้ ความในขอ้ ใด จดั ว่าเป็นการวจิ ารณง์ านศลิ ปะที่
อย่างไร ไม่ถูกตอ้ ง
ก. การวิจารณ์ที่รบั รู้ทางสายตาที่ไม่คานึงเร่อื งการจดั ก. ผลงานดงั กลา่ วแสดงถึงอัตชีวประวตั บิ ุคคล
องค์ประกอบศลิ ป์ ข. ผลงานดังกลา่ วไมม่ คี ุณค่าเลยแม้แตน่ ดิ เดียว
ข. การวิจารณ์ทีเ่ นน้ คุณคา่ เชงิ พรรณนารูปแบบผลงาน ค. ผลงานดังกลา่ วมีการจดั องค์ประกอบศลิ ป์ไดอ้ ย่าง
ศิลปะ เหมาะสม
ค. การวจิ ารณท์ ไ่ี ม่ควรคานึงถงึ เรอ่ื งราวและฝมี อื ง. ผลงานดงั กล่าวสามารถกระตนุ้ อารมณค์ วามรสู้ ึก
ง. การวิจารณ์ท่ไี มย่ ดึ หลักการทางทศั นยี ภาพ ของผูช้ มได้
9. จรรยาบรรณพืน้ ฐานสาคญั ในการวิจารณ์ศิลปะ คืออะไร 10. การวจิ ารณศ์ ลิ ปะให้เข้าใจงา่ ย ควรใชว้ ิธใี ด
ก. มีช่อื เสยี งในการวิจารณ์ ก. นกั วิจารณต์ ้องยึดหลกั การจัดองคป์ ระกอบศลิ ป์
ข. มชี ื่อเสียงในวงการศิลปะ ข. นักวิจารณต์ อ้ งมีความตระหนักและฝกึ ฝนการ
ค. มีคุณธรรม มีความเที่ยงธรรม วิจารณ์
ง. มีชือ่ เสยี งในการสะสมผลงานศลิ ปะ ค. นกั วจิ ารณต์ อ้ งบรรยายตคี วามเรอื่ งใดเรื่องหนงึ่
เท่าน้นั
ง. นกั วิจารณต์ อ้ งมวี ิธกี ารพดู การเขียนบรรยาย
ใหเ้ ขา้ ใจงา่ ย
มฐ. ศ 1.1 ม.4-6/8
ไดค้ ะแนน คะแนนเต็ม
10
เฉลย
1. ง 2. ค 3. ข 4. ข 5. ก 6. ง 7. ก 8. ข 9. ค 10. ง
แบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 7
คาชี้แจง ใหน้ ักเรียนเลือกคาตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว
1. จรรยาบรรณพ้นื ฐานสาคัญในการวิจารณ์ศลิ ปะ คอื อะไร 5. เกณฑ์การพจิ ารณาแบบเฉพาะในการวจิ ารณ์งานศลิ ปะ
ก. มชี ่อื เสยี งในการสะสมผลงานศิลปะ ผวู้ ิจารณจ์ ะตอ้ งเตรยี มตัวอย่างไรบ้าง
ข. มีคุณธรรม มคี วามเทยี่ งธรรม ก. ศึกษาเร่อื งทัศนธาตแุ ละองคป์ ระกอบศิลป์
ค. มชี ่อื เสียงในวงการศลิ ปะ ข. ศกึ ษาหลักเกณฑ์และวิธีวจิ ารณ์
ง. มีช่ือเสยี งในการวจิ ารณ์ ค. รวบรวมผลงานศิลปะ
ง. หาตวั บ่งช้ขี องคณุ ค่า
2. ขอ้ ความในขอ้ ใด จดั ว่าเป็นการวิจารณง์ านศลิ ปะท่ี
ไมถ่ ูกต้อง 6. การวจิ ารณ์ หมายถึงอะไร
ก. ผลงานดังกล่าวสามารถกระตุ้นอารมณค์ วามรูส้ กึ ก. การแสดงออกทางด้านความจรงิ ต่อสิ่งใดสิ่งหน่งึ
ของผู้ชมได้ ข. การแสดงออกทางด้านความคดิ เหน็ ต่อสิ่งใดสงิ่
ข. ผลงานดังกล่าวมีการจดั องคป์ ระกอบศลิ ป์อย่าง หนง่ึ
เหมาะสม ค. การแสดงออกทางด้านบกพรอ่ งตอ่ สง่ิ ใดสง่ิ หนึง่
ค. ผลงานดังกล่าวไมม่ ีคุณค่าเลยแม้แตน่ ดิ เดยี ว ง. การแสดงออกทางด้านความร้สู กึ ต่อส่งิ ใดสิ่งหนง่ึ
ง. ผลงานดงั กลา่ วแสดงถงึ อตั ชวี ประวตั ิบุคคล
7. การวิจารณ์ตามแนวทฤษฎเี ลียนแบบนยิ ม มีหลัก
3. ทฤษฎีเหตผุ ลในการวิจารณ์ศลิ ปะของมอนโร ซี สาคญั อยา่ งไร
เบยี รด์ สลยี ์ ม่งุ เนน้ ในดา้ นใดมากทส่ี ุด ก. การวิจารณท์ ี่ไม่ยดึ หลักการทางทัศนยี ภาพ
ก. เหตผุ ลอย่างมจี ุดหมาย ข. การวจิ ารณ์ที่ไม่ควรคานึงถึงเรื่องราวและฝมี ือ
ข. เหตุผลของการวิจารณ์ ค. การวจิ ารณ์ทเ่ี น้นคุณค่าเชงิ พรรณนารปู แบบ
ค. เหตผุ ลของการตัดสิน ผลงาน
ง. เหตุผลจากความรู้สึก ศลิ ปะ
ง. การวจิ ารณท์ ร่ี บั รทู้ างสายตาที่ไมค่ านึงเรอ่ื งการจัด
4. การวิจารณศ์ ิลปะใหเ้ ขา้ ใจงา่ ย ควรใช้วิธใี ด องค์ประกอบศิลป์
ก. นกั วิจารณต์ ้องมวี ธิ กี ารพูด การเขียนบรรยาย
ให้เขา้ ใจง่าย 8. ทฤษฎศี ลิ ปะทมี่ ่งุ เนน้ คณุ คา่ ของทัศนธาตุและ
ข. นกั วิจารณ์ตอ้ งบรรยายตีความเรอ่ื งใดเร่อื งหนงึ่ องค์ประกอบศลิ ป์ ไดแ้ กท่ ฤษฎีใด
เท่านั้น ก. ทฤษฎเี ลยี นแบบนิยม
ค. นกั วิจารณ์ตอ้ งมคี วามตระหนักและฝึกฝนการวิจารณ์ ข. ทฤษฎเี คร่อื งมอื นยิ ม
ง. นักวิจารณต์ อ้ งยึดหลักการจดั องค์ประกอบศิลป์ ค. ทฤษฎีอารมณน์ ิยม
ง. ทฤษฎรี ปู ทรงนยิ ม
9. ขั้นตอนและวิธีการในการวจิ ารณผ์ ลงานศลิ ปะ ขอ้ ใด 10. จุดม่งุ หมายของการวิจารณ์ศลิ ปะ คืออะไร
ถูกตอ้ งมากที่สดุ ก. เพื่อให้ผลงานศิลปะมีราคาท่สี งู ข้ึนและสามารถ
ก. ตีความหมาย พรรณนา วเิ คราะห์ ประเมนิ ค่า จาหน่ายไดร้ าคาดี
ข. ตคี วามหมาย วิเคราะห์ ประเมินค่า พรรณนา ข. เพื่อให้ผ้ทู ่ีสนใจงานศลิ ปะรบั รู้ เขา้ ใจ และชน่ื ชม
ค. พรรณนา ตคี วามหมาย วเิ คราะห์ ประเมินค่า ผลงานศลิ ปะ
ง. พรรณนา วเิ คราะห์ ตีความหมาย ประเมนิ คา่ ค. เพื่อตัดสินผลงานศิลปะทส่ี ่งเข้าประกวดอยา่ ง
ยุติธรรม
ง. เพื่อประเมินผลงานศิลปะให้เป็นมาตรฐาน
มฐ. ศ 1.1 ม.4-6/8
ได้คะแนน คะแนนเต็ม
10
เฉลย
1. ข 2. ค 3. ก 4. ก 5. ง 6. ข 7. ค 8. ง 9. ค 10. ข