โครงสร้างร่างกาย
ที่เป็นพื้นฐานความงาม
ผิวหนัง ผม เล็บปาก และฟัน
ผิวหนั ง
ผิวหนั งเป็นอวัยวะส่ วนหนึ่ งของร่างกาย
มนุษย์ที่มีพื้นที่มากที่สุด มีโครงสร้างที่
ซับซ้อนประกอบด้วย เซลล์และเนื้อเยื่อ
หลายชนิด และมีหน้าที่สำคัญต่อร่างกาย
ในการดำรงชีวิต เช่น
การป้องกันเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอม
การป้องกันแสงอัลตราไวโอเล็ต
การรับความรู้สึก
การหายของบาดแผล
มีผลต่อภาวะจิตใจ ได้แก่
ด้านภาพลักษณ์ ความงาม เป็นต้น
โครงสร้างของผิวหนั ง
ผิวหนังมนุษย์ แบ่งได้ 3 ชั้น
เรียงจากชั้นนอกไปในสุดตามลำดับ ดังนี้
1. หนังกำพร้า (Epidermis)
2. หนังแท้ (Dermis)
3. ผิวหนังชั้นไขมัน (Hypodermis)
หนังกำพร้า (Epidermis)
เป็นที่รู้จักอีกชื่อว่า “ผิวหนั งชั้นตื้น”
หนั งกำพร้าเป็นเนื้ อเยื่อชั้นนอกสุดของผิวหนั งที่
ปกคลุมไปเกือบทั้งหมดของร่างกาย หนั งกำพร้า
นั้ นไม่มีเส้นเลือดมาหล่อเลี้ยง จึงต้องรับสาร
อาหารจากหนั งแท้เท่านั้ น
หนังกำพร้า (Epidermis)
ชั้นหนั งกำพร้าประกอบด้วยเซลล์เรียงกันเป็นชั้นบาง ๆ หลายชั้น
ชั้นล่างสุด เป็นชั้นของเซลล์ที่ยังมีชีวิต
มีการเรียงตัวเป็นชั้นเดียวและสามารถ
แบ่งตัวสร้างเซลล์ผิวทดแทนได้ตลอดเวลา
ชั้นบนสุด เป็นชั้นของเซลล์ที่ตายแล้ว ดังนั้ น หากเซลล์ผิวมีอัตราการแบ่งเซลล์
และมีโปรตีนเคราติน (Keratin) ซึ่งมี เพื่อผลัดเซลล์ผิวอย่างสม่ำเสมอ
สมบัติกันน้ำมาแทรกแทนที่ไซโทพลาซึม ผิวจะสดใสเปล่งปลั่ง
เซลล์ชั้นนี้ จะหลุดลอกออกเป็นขี้ไคลและ
ถูกแทนที่ด้วยเซลล์ชั้นล่างที่แบ่งตัวขึ้นมา
แทนที่ทุก ๆ 28 วัน
หนังกำพร้า (Epidermis)
ชั้นหนั งกำพร้ามีความหนาโดยเฉลี่ยประมาณ 0.4 -1.5 มิลลิเมตร ความหนาของ
ชั้นหนั งกำพร้าจะแตกต่างกันไปในแต่ละบริเวณของร่างกาย
ชวนคิด
บริเวณฝ่ามือและฝ่าเท้า ชั้นหนั งกำพร้า
ชั้นหนั งกำพร้าความหนามาก
ชั้นหนั งกำพร้าความหนาน้ อย
บริเวณอื่น ๆ ของร่างกายผิวหนั ง
ชั้นหนั งกำพร้าความหนามาก
ชั้นหนั งกำพร้าความหนามาก
หนังกำพร้า (Epidermis)
บริเวณฝ่ามือและฝ่าเท้า ชั้นหนั งกำพร้าจะมีความหนามาก ไม่มีขนและรูขุมขน
จึงไม่มีต่อมไขมันและช่องเปิดสำหรับต่อมไขมัน แต่จะมีต่อมเหงื่อเป็นจำนวนมาก
บริเวณอื่น ๆ ของร่างกายผิวหนั งชั้นหนั งกำพร้าจะบางกว่าโดยเฉพาะบริเวณ
ใบหน้ า ผิวหนั งจะบางมาก แต่สามารถพบโครงสร้างและองค์ประกอบของ
ผิวหนั งครบ ได้แก่ ต่อมไขมัน ต่อมเหงื่อ ช่องเปิดของต่อมเหงื่อและรูขุมขน
หนังกำพร้า (Epidermis)
ในชั้นหนั งกำพร้ามีเซลล์ที่ชื่อ
เมลาโนไซด์ (Melanocyte)
มีหน้ าที่ในการสร้าง
เม็ดสีเมลานิ น (Melanin)
ทำให้สี ผิวของแต่ละคน
มีสี ที่แตกต่างกัน
สี ผิว
สีผิวขึ้นอยู่กับชนิ ดและปริมาณของเมลานิ นที่ถูกสร้างขึ้น เมลานิ นมีอยู่ 2 ชนิ ด ได้แก่
1. ยูเมลานิน เป็นเมลานิ นชนิ ดที่ให้สีดำและสีน้ำตาล
พบมากในคนเอเชียและคนผิวคล้ำ
2. ฟีโอเมลานิน เป็นเมลานิ นชนิ ดที่ให้สีแดงหรือสีเหลือง
พบมากในคนผิวขาว
สี ผิว
องค์การอนามัยโลก ได้จำแนกกลุ่ม
คนตามสีผิวตามธรรมชาติออกเป็น 6 กลุ่ม
ตามความไวต่อการตอบสนองต่อแสงแดด
ซึ่งมีพื้นฐานมาจากการจำแนกกลุ่มสี ผิวของ
Thomas B. Fitzpatrick เป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน
ผิวหนั ง
สี ผิวตามธรรมชาติ
6 กลุ่ม สีผิวตามธรรมชาติ
สีผิวตามธรรมชาติ กลุ่มที่ 2
สี ผิว ลักษณะเฉพาะที่สั งเกตได้
เมื่อถูกแสงแดด
ผิวขาว ผิวหนั งจะเกิดอาการไหม้
ผมแดงหรือบลอนด์ แดดได้ง่าย เกิดผิวสีแทน
นั ยน์ ตาสีฟ้า สีเขียวหรือ ได้ยาก แต่ผิวหนั งไวต่อ
สี น้ำตาลเทา แสงแดดน้ อยกว่ากลุ่มที่ 1
อาการไหม้แดด
สีผิวตามธรรมชาติ กลุ่มที่ 3
สี ผิว ลักษณะเฉพาะที่สั งเกตได้
เมื่อถูกแสงแดด
ผิวขาวอมเหลือง ผิวหนั งเมื่อได้รับแสงแดด
สีนั ยน์ ตาและผมหลาก จะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแทน
หลาย และถูกแดดเผาอ่อนๆ
พบได้ในหลายเชื้อชาติ ทนต่อแสงแดดได้นาน
จึงพบได้ทั่วไป มากกว่ากลุ่มที่ 2
สีผิวตามธรรมชาติ กลุ่มที่ 4
สี ผิว ลักษณะเฉพาะที่สั งเกตได้
เมื่อถูกแสงแดด
ผิวสี น้ำตาลหรือผิวสองสี ผิวหนั งจะทนต่อแสงแดด
หรือผิวดำแดง ได้นานขึ้นกว่ากลุ่มที่ 3
เกิดผิวสี แทนได้ง่าย
มักไม่พบอาการไหม้แดด
หรือพบน้ อย
สีผิวตามธรรมชาติ กลุ่มที่ 5
สี ผิว ลักษณะเฉพาะที่สั งเกตได้
เมื่อถูกแสงแดด
ผิวสีน้ำตาลเข้ม เช่น
ชาวตะวันออกกลาง ผิวหนั งจะทนต่อแสงแดด
ได้นานกว่ากลุ่มที่ 4
เกิดผิวสี แทนได้ง่าย
มักไม่พบอาการไหม้แดด
สีผิวตามธรรมชาติ กลุ่มที่ 6
สี ผิว ลักษณะเฉพาะที่สั งเกตได้
เมื่อถูกแสงแดด
ผิวสี ดำหรือสี หมึก
เช่น ชาวแอฟริกา ผิวหนั งทนต่อแสงแดด
จะไม่เกิดอาการไหม้แดด
เกิดผิวสี แทนได้แต่มองไม่เห็น
เนื่ องจากเม็ดสีผิวที่ดำกลบไว้
สี ผิวตามธรรมชาติ
ของมนุษย์
ในภูมิภาคต่าง ๆ
ชวนคิด
คนผิวขาวกับคนผิวคล้ำ
ใครมีโอกาสได้รับอันตราย
จากรังสี ยูวีในแสงแดดมากกว่า
หน้ าที่หลักของหนั งกำพร้า
การป้องกันอวัยวะภายในจากแสงแดด น้ำ
และสารพิษต่าง ๆ รวมถึงเชื้อโรค ไม่ให้เข้า
สู่ร่างกาย
ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายและขับของเสีย
ออกจากร่างกายผ่านการขับเหงื่อ