คํานํา
รายงานเล่มนจี ัดทําขนึ เพอื สว่ นหนงึ ของวิชา ภาษาไทย ( ท ๓๓๑๐๑ )
ชนั มธั ยมศกึ ษาปที ๖ โดยมจี ุดประสงค์เพอื ศกึ ษาความรูใ้ นเรอื งของ
วรรณคดี เรอื ง หวั ใจชายหนมุ่ และได้ศกึ ษาอยา่ งเขา้ ใจเพอื เปน ประโยชน์
ประโยชนก์ ับการเรยี นการศกึ ษา ทังนใี นรายงานฉบบั นปี ระกอบด้วยประวัติ
ความเปนมาของวรรณคดีเรอื งหวั ใจชายหนมุ่ รวมถึงประวัติผแู้ ต่ง และผู้
แต่งได้ทําการวิเคราะหว์ รรณคดีเรอื งราวต่างๆถ่ายทอดรายงานฉบบั นี
ผจู้ ัดทําได้เลือกวรรณคดีเรอื งหวั ใจชายหนมุ่ มาเปนหวั ขอ้ ในการทํา
รายงานเนอื งจากเปนวรรณคดีทีมคี วามนา่ สนใจเนอื งจากภายในเรอื งได้
กล่าวถึงการรบั วัฒนธรรมของชาติตะวันตกเขา้ มาในภายในประเทศไทย
รวมถึงได้มกี ารกล่าวถึงการใชช้ วี ิตของหนมุ่ สาวในยุคสมยั นนั ซงึ มคี วาม
คล้ายคลึงกับยุคสมยั ปจจุบนั หวังว่ารายงานฉบบั นจี ะใหค้ วามรู้ และ
แนวทางการศกึ ษา รวมถึงเปนประโยชนก์ ับผอู้ ่านทกุ ๆคน
คณะผจู้ ัดทํา
๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔
สารบญั
เรอื ง หวั ใจชายหนุ่ม หน้า
- ความเปนมาของวรรณคดี เรอื ง หวั ใจชายหนมุ่ ๑
- ประวัติผแู้ ต่งวรรณคดี เรอื ง หวั ใจชายหนมุ่ ๑
- เนอื เรอื งยอ่ ของวรรณคดี เรอื ง หวั ใจชายหนมุ่ ๒
- ยอ่ เนอื ความในจดหมาย ๓-๖
- บทวิเคราะหว์ รรณคดี เรอื ง หวั ใจชายหนมุ่ ๗-๒๑
๗-๘
๑ ) วิเคราะหต์ ัวละคร ๙
๒ ) วิเคราะหฉ์ าก ๑๐
๓ ) วิเคราะหแ์ นวคิดในการประพนั ธ์ ๑๑-๑๒
๔ ) วิเคราะหล์ กั ษณะการประพนั ธ์ ๑๓-๑๔
๕ ) วิเคราะหช์ วี ิตหนมุ่ สาวในสมยั นนั ๑๕-๑๖
๖ ) วิเคราะหก์ ารรบั วัฒนธรรมตะวันตกของชาวสยาม ๑๗-๒๐
๗ ) วิเคราะหค์ ณุ ค่าทางสงั คม ๒๑
๘ ) วิเคราะหค์ ณุ ค่าด้านวรรณศลิ ป ๒๒
- วัตถปุ ระสงค์ในการประพนั ธ์ ๒๓-๒๔
- ขอ้ คติธรรมทีได้จากเรอื ง ๒๕
- บรรณานกุ รม
ความเปนมาของวรรณคดี ๑
เรอื ง หวั ใจชายหนุ่ม
หัวใจชายหนุ่ม เปนบทพระราชนิพนธ์ใน
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยทรง
ใช้พระนามแฝงว่า “รามจิตติ” เพือพระราชทาน
ลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ “ดุสิตสมิต” เมือ พ.ศ.
๒๔๖๔ ลักษณะการพระราชนิพนธ์เปนรูปแบบของ
จดหมาย มีจํานวน ๑๘ ฉบับ รวมระยะเวลาที
ปรากฏตามจดหมายทังหมด ๑ ป ๗ เดือน
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงสร้างตัวละครเอกขึนโดย
สมมติให้มีตัวตนจริง คือ “ประพันธ์ ประยูรสิริ” เปนผู้ถ่ายทอดความนึกคิด
และสภาพของสังคมของสังคมไทยผ่านมุมมองของ “ชายหนุ่ม” (นักเรียน
นอก) ในรูปแบบของจดหมายทีส่งถึงเพือนชือ “ประเสริฐ สุวัฒน์” เปนเรืองที
สะท้อนให้เห็นแนวคิดสาํ คัญในพระราชดําริของพระองค์ในการค่อยๆ ปรับ
เปลียนรับเอาอารยธรรมตะวันตกเข้ามาให้ผสมกลมกลืนกับวัฒนธรรมของ
ไทยโดยทรงสือพระราชดํารินันผ่านตัวละครในเรืองได้อย่างดี
ประวัติผแู้ ต่งวรรณคดี เรอื ง หวั ใจชายหนุ่ม
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่
หัว(รัชกาลที๖) แห่งพระบรมราชวงศ์จักรี ตลอดระยะ
เวลา๑๕ปทีทรงครองราชย์(พ.ศ.๒๔๕๓-๒๔๖๘)ทรง
ประกอบพระราชกรณียกิจเปนอเนกประการ ทรงพระ
ปรีชาสามารถทังด้านการทหาร การปกครองการต่าง
ประเทศ และโดยเฉพาะด้านอักษรศาสตร์ พระองค์
ทรงพระราชนิพนธ์งานหลายประเภท เช่น บทละคร
บทความ สารคดี นิทาน นิยาย เรืองสัน พระบรม
ราโชวาท พระราชหัตถเลขา และทรงใช้พระราช
นิพนธ์เปนสือแสดงแนวพระราชดําริในเรืองต่างๆ
บทพระราชนิพนธ์หลายเรืองได้รับการยกย่องจากวรรณคดีสโมสรว่าเปน
ยอดของวรรณคดีหรือเปนหนังสือทีแต่งดี อาทิ หัวใจนักรบ เปนยอดของบทละคร
พูดร้อยแก้ว มัทนะพาธา เปนยอดของบทละครพูดคําฉันท์ พระบาทสมเด็จ
พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงได้รับการถวายพระราชสมัญญาว่า “สมเด็จพระ
มหาธีรราชเจ้า” ซึงมีความหมายว่า นักปราชญ์ผู้ยิงใหญ่ และใน พ.ศ.๒๔๑๕
พระองค์ยังได้รับการประกาศยกย่องจากองการการศึกษาวิทยาศาสตร์และ
วัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ให้ทรงเปน ๑ ใน ๕ ของนักปราชญ์ไทย
๒
เนือเรอื งยอ่ ของวรรณคดี
เรอื ง หวั ใจชายหนุ่ม
นายประพันธ์ ประยูรสิริ เปนหนุ่มไทยทีเดินทางไปศึกษาต่อยังประเทศอังกฤษ
เมือสาํ เร็จการศึกษาก็เดินทางกลับประเทศไทยโดยทางเรือ ขณะเดินทางก็เขียนจดหมายถึง
นายประเสริฐ สุวัฒน์ เพือนสนิททียังคงศึกษาอยู่ทีประเทศอังกฤษ ประพันธ์เขียนเล่าเรือง
ราวเมือกลับมาถึงเมืองไทยโดยผ่านจดหมาย ๑๘ ฉบับ ด้วยการระบายความรู้สึกทีคิดถึง
ประเทศอังกฤษและคนรักชาวอังกฤษทีชือลิลี
การเดินทางกลับเมืองไทยในครังนี ประพันธ์ต้องเข้ารับราชการด้วยการฝากเข้า
ตามเส้นสายซึงเขาไม่ชอบ แต่เขาก็ไม่สามารถหางานทําเองได้และพ่อได้เตรียมหาคู่ครองที
เหมาะสมให้ชือแม่กิมเน้ย ซึงประพันธ์ไม่ประทับใจ ด้วยเห็นว่าแม่กิมเน้ยหน้าตาเหมือน
นางชุนฮูหยิน สวมเครืองประดับมากเกินไป ดูพะรุงพะรังราวต้นคริสต์มาส และทีสาํ คัญ
ประพันธ์ไม่ชอบการแต่งงานแบบคลุมถุงชน นอกจากนีประพันธ์ไม่มีความสุขเพราะเมือง
ไทยไม่มีสถานเริงรมย์ให้เลือกเทียวมากมายเหมือนทีอังกฤษ แต่เขาเริมมีความสุข
เพลิดเพลินขึนมาอีกครังเมือได้รู้จักกับหญิงชือ อุไร สาวงามทีมีความทันสมัยไม่ต่างจากสาว
ฝรัง ประพันธ์และอุไรคบหากันอย่างสนิทสนมและออกเทียวเตร่ด้วยกันจนทําให้อุไรเกิดตัง
ครรภ์ พ่อของประพันธ์ต้องจัดการแต่งงานทัง ๆ ทีไม่พอใจเปนอย่างมาก หลังจากแต่งงาน
อุไรยังชอบเทียวเตร่และใช้จ่ายอย่างฟุมเฟอยจนทังสองมีปากเสียงกัน ทําให้อุไรหันไปคบ
กับชายคนใหม่ชือ พระยาตระเวนนครทัง ๆ ทีเขามีภรรยาแล้วถึง ๗ คน ในทีสุดประพันธ์
และอุไรก็ต้องหย่าขาดกัน
เมือประพันธ์ได้เลือนยศเปนหลวงบริบาลบรมศักดิ อุไรจึงได้กลับมาขอคืนดีเพราะ
พระยาตระเวนนครมีภรรยาสาวคนใหม่จึงขอบ้านทีเธออยู่คืน แต่ประพันธ์ไม่ใจอ่อนและ
แนะนาํ ให้เธอกลับไปอยู่บ้านพ่อ ไม่นานอุไรก็แต่งงานใหม่กับหลวงพิเศษผลพานิชพ่อค้าทีมี
ฐานะดี ทําให้ประพันธ์รู้สึกโล่งใจเปนอย่างมาก ต่อมาประพันธ์ได้พบกับหญิงสาวคนหนึงชือ
ศรีสมาน และรู้สึกพึงใจในตัวเธอมาก ทังนีผู้ใหญ่สองฝายก็ชอบพอกัน ประพันธ์จึงหวังว่าจะ
แต่งงานครองคู่อยู่กับศรีสมานอย่างมีความสุขยังยืนในอนาคต
(หนงั สอื พิมพ์ “ดสุ ิตสมติ ”)
ยอ่ เนือความในจดหมาย ๓
ฉบับที ๑ ( ๒๓ กันยายน พ.ศ.๒๔๖- )
นายประพันธ์ได้เขียนจดหมายฉบับแรก ในระหว่าง
ทีกําลังนังเรือ โอยามะ มะรู ผ่านทะเลแดงเล่า
บรรยายถึงความเสียใจทีกลับไปยังประเทศไทยและ
การดูถูกประเทศบ้านเกิดของตนเอง ว่าเปน
ประเทศทีอันศิวิไลซ์ แตกต่างจากประเทศอังกฤษ
นอกจากนี ยังเล่าถึงเหตุการณ์ทีเดินขึนบนเรือให้ฟง
คือการได้พบปะกับหญิงสาวคนหนึงทีเขาสนใจ เธอ
คือมิสส์มิลเล่อร์ เนืองด้วยเธอมีลักษณะคล้ายกับลิลี
แฟนเก่าของเขา จึงชวนพูดคุย และได้รู้ว่าเธอนัน
กําลังจะไปทีประเทศอียิปต์ เมือถึงทีหมาย เขาก็
แอบหวังทีเธอจะมีท่าทีเสียใจ แต่ว่าต้องผิดหวัง
เพราะเธอนันมีคนรักทีมารอรับทีท่าเรืออยู่แล้ว
ฉบับที ๔ ( ๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๖- )
นายประพันธ์ได้เล่าถึงการพบปะผู้คนมากมายหลัง
กลับมา แนวคิดของคุณพ่อของเขาทีไม่คิดว่าคนจะ
ได้ดีจากความสามารถของตนเอง และการเข้ารับ
ราชการในพระราชสาํ นัก ซึงตําแหน่งทังหมดนันเต็ม
หมดแล้ว คุณพ่อของเขาจึงใช้เส้นสายโดยการพาไป
คุยกับเจ้าคุณผู้สาํ เร็จราชการมหาดเล็ก แต่ก็ไม่ได้
ผล นายประพันธ์จึงขอคุณพ่อของเขาทําอาชีพ
ค้าขาย แต่ก็ถูกปฎิเสธ เพราะท่านเห็นว่า การ
ค้าขายนันไม่มีหนทางทีจะเปนใหญ่เปนโตได้
นอกจากนี เขายังเล่าถึงการโดนจับคลุมถุงชนของ
ตนกับแม่กิมเน้ย ลูกสาวของนายอากรเพ้ง ทีพ่อของ
นายประพันธ์รับรองว่าเปนคนดี สมควรแก่เขาทุก
ประการ แต่ด้วยความคิดเห็นทีไม่ตรงกัน จึงได้ข้อ
สรุปว่า จะให้ไปดูตัวกันเสียก่อน และยังได้เล่าถึง
การพบปะผู้หญิงคนหนึงทีเขาถูกใจทีโรงภาพยนตร์
พัฒนากรอีกด้วย
ฉบับที ๕ ( ๑๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๖- )
นายประพันธ์ได้เล่าถึงการได้เข้ารับทํางานราชการ ในตําแหน่งราชการในกรมพานิชย์
และสถิติพยากรณ์ ว่ายังไม่มีอะไรพิเศษนัก และการดูตัวแม่กิมเน้ย เขาบอกว่าหน้าตา
ของหล่อนนันเหมือนนางซุนฮูหยิน การแต่งกายค่อนข้างพะรุงพะรังเหมือนต้น
คริสต์มาส ยังไม่ถูกใจเขาเท่าไหร่ นอกจากนัน เขาได้เล่าถึงผู้หญิงทีเจอทีโรงภาพยนตร์
พัฒนากรทีตนได้ไปสืบมา เธอชือนางสาวอุไร พรรณโสภณ ลูกสาวของพระพินิฐ
พัฒนากร หล่อนเปนผู้หญิงสมัยใหม่แท้ ไม่กลัวผู้ชาย ซึงนางประไพ น้องสาวของตนนัน
ก็รู้จักเธอ เขาจึงหวังว่าตนจะได้รู้จักกับนางอุไร เขาให้ความเห็นว่า ถ้าได้รู้จักกับแม่อุไร
จะพอทําให้คิดถึงประเทศอังกฤษได้ และจะทําให้ชีวิตน่าอยู่
๔
ฉบับที ๖ ( ๑๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๖- )
นายประพันธ์ได้เล่าถึงการพบแม่อุไรในคืนวันที ๒
มกราคม จากประไพทีได้นัดเชิญให้ไปดูการแต่งไฟ
ทางลํานาให้ และหลังจากนัน ก็ได้พบปะกันอีกหลาย
ครัง เขาชมว่าแม่อุนันสวย น่ารัก น่าพึงพอใจใน
หลายๆเรือง พูดถึงประเพณีทีในเมืองไทยนัน พีน้อง
จูบกันไม่ได้ แตกต่างกับพวกฝรัง และได้พูดถึงนาง
กิมเน้ย ทีหลังจากเขาได้เดินผ่านหน้าร้านคุณภักดีไป
กับนางอุไร เธอก็โกรธยกใหญ่ และไม่คุยกับนาย
ประพันธ์อีก
ฉบับที ๙ ( ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๖- )
นายประพันธ์เล่าว่า ตนนันได้แต่งงานกับแม่
อุไรแล้ว ตังแต่วันที ๑๘ พฤษภาคม หลังจาก
กลับมาจากหัวหิน นายประพันธ์ได้ขอให้คุณ
พ่อไปขอแต่งงานกับนางอุไร ท่านไม่ค่อย
เห็น ด้วย ด้วยสาเหตุทีว่า เธอเปนผู้หญิงที
รู้จักกับ ผู้ชายหลายคน และก็ไกล่เกลียว่า
จะให้ดูไป ก่อนประมาณ ๑ ป แต่นายประ
พันธ์ปฎิเสธ การรอคอย คุณพ่อของเขาจึง
จัดการขอแม่ อุไร และเมือแต่งงานกันแล้ว
จึงได้ไปฮันนีมูน ทีหันหิน
ฉบับที ๑๑ ( ๒๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๖- )
นายประพันธ์เล่าเกียวกับบ้านใหม่ของเขา ว่า
ปกติแล้ว บ้านควรจะเปนสถานทีพักผ่อนอัน
พึงใจ สุขใจเพราะได้เห็นภรรยาของตนเอง
แต่ตัวเขากลับไม่ได้เช่นนัน เขากับนางอุไร
กลับจากเพชรบุรีในวันที ๒๙ พฤษภาคม ด้วย
สาเหตุทีว่า เธอนันเบือการอยู่หัวเมือง และ
เมือถึงกรุงเทพ ก็ไม่มีใครไปรับ ทําให้เธอโกรธ
แต่ก็บอกว่า หลังขึนจากเรือจ้างแล้วค่อย
ทะเลาะกัน เพราะการทะเลาะกันต่อหน้าคน
แจวเรือดูไม่งดงาม พอมาถึงบ้านใหม่ทีดูไม่
พร้อม สียังทาไม่แห้ง ของต่างๆก็ยังไม่ได้จัด
เกิดขึนเล็กน้อย และในวันต่อๆมา ก็มี
เหตุการณ์ขัดใจขึนเรือยๆ ไม่ว่านายประพันธ์
จะทําอะไร นางอุไรก็จะมองว่าผิดเสมอ จน
ทําให้นายประพันธ์รู้สึกเหมือนไปโรงเรียนเมือ
กลับบ้าน
๕
ฉบับที ๑๒ ( ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๖- )
นายประพันธ์เล่าว่า นางอุไรนันแท้งลูกแล้ว เมือกลางเดือนกรกฎาคม และสินรักนาย
ประพันธ์แล้ว แต่นายประพันธ์ก็ยอมทนอยู่ด้วยรับชะตากรรม หลังจากทีนางอุไรหายเจ็บ
ท้องแล้ว เธอก็ชอบเทียวเสมอๆ พอประพันธ์ถาม นางอุไรก็ฉุนเฉียว นานๆเข้า ก็มีห้างและ
ร้านต่างๆ ส่งใบทวงค่าใช้จ่ายมามากขึนจนนายประพันธ์เตือน และโดนสวนกลับมาว่า ก่อน
จะแต่งงานกับเธอทําไมไม่ดูให้ดีเสียก่อนว่าเธอใช้จ่ายอะไรบ้าง และไม่ยอมเปลียนตัวเอง จน
ประพันธ์ต้องไปยืมเงินพ่อมาใช้หนีให้แม่อุไร คุณพ่อของนายประพันธ์โกรธ จึงลงแจ้งความ
ในหนังสือพิมพ์ว่าจะไม่ชดใช้หนีให้นางอุไร เมือแม่อุไรเห็นจึงได้แจ้งความกลับไปว่า เธอไม่
ขอรับผิดชอบในเรืองหนีสิน และไม่ให้นายประพันธ์มีอํานาจในทรัพย์สมบัติของเธออีกต่อไป
และไปอยู่บ้านพ่อของเธอ หลังจากนัน คุณหลวงเทพปญหาก็มาหานายประพันธ์ทีบ้าน คุย
เรืองต่างๆรวมถึงเรืองแม่อุไร ทีเทียวอยู่กับพระยาตระเวนนคร ด้วยความเปนห่วงนางอุไร
นายประพันธ์จึงส่งจดหมายไปกล่าวเตือน แต่ถูกฉีกเปนชินๆกลับมา ต่อมาหลวงเทพก็มาหา
นายประพันธ์เพือบอกว่า แม่อุไรไปค้างบ้านพระยาตระเวนนครแล้ว เมือปรึกษากัน หลวง
เทพนันรับธุระเรืองขอหย่าไปพูดกับนางอุไร เธอตกลง นายประพันธ์จึงกลับมาโสดอีกครัง
ฉบับที ๑๓ ( ๒๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๖- )
นายประพันธ์เล่าว่า ตนนันมีความสุขมากขึนมากขึน
เมือเปนโสด ถึงการทีหย่ากับนางอุไรจะทําให้ถูกบาง
คนนินทาติโทษ แต่เขาถือว่า การแต่งงานเปนเรืองส่วน
ตัว ไม่มีใครมาสุขหรือทุกข์แทนเขาได้ ส่วนนางอุไรก็
อยู่กับพระยาตระเวนทีมีนางบาํ เรอถึง ๗ นาง และพวก
เธอก็ชอบแผลงฤทธิในระหว่างทีพระยาตระเวนไม่อยู่
บ้าน นางอุไรทนไม่ไหวจึงหนีไปอยู่บ้านพ่อ พระยา
ตระเวนก็ตามไปง้อ และให้นางอุไรอยู่บ้านอีกหลังนึงที
ถนนราชประสงค์ และได้เล่าอีกว่า ตนได้เลือนตัวแหน่
งมาเปนผู้ช่วยเจ้ากรมโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์
ส่วนทางเสือปา เขาได้เข้าไปประจําอยู่ในกรมม้าหลวง
ตามทีสมปรารถนา และได้เลือนยศเปนนายหมู่เอก
ฉบับที ๑๕ ( ๒๓ มกราคม พ.ศ.๒๔๖- )
นายประพันธ์ได้เล่าถึงงานเฉลิมพระชนมพรรษาของปนีว่าค่อนข้างสนุก พระยาตระเวนก็
เห็นด้วยเช่นกัน เนืองจากยังเปนชายโสดเพราะยังไม่ได้เปนสามีภรรยากันโดยทางราชการ
และในช่วงนัน พระยาตระเวนก็ได้ควงกับผู้หญิงคนหนึงบ่อยๆ เธอชือ นางสร้อย แต่นางอุไร
ก็ทําอะไรไม่ได้มาก เพราะถ้าเลิกกับพระยาตระเวนจะได้รับความลําบากและต้องกลับไปง้อ
พ่อ ซึงเธอได้อวดดีไว้แล้วว่าไม่จําเปนต้องพึงพ่ออีกต่อไป จึงยอมทีจะอยู่นิงเฉย นอกจากนี
ยังได้พูดถึงสภาพสังคมฝรังว่า พวกฝรังเห็นว่า การมีภรรยาหลายคนไม่ทําให้ได้รับความ
เสือมเสีย เพราะเปนเรืองส่วนตัวในบ้าน
๖
ฉบับที ๑๖ ( ๓๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๖- )
นายประพันธ์ได้เล่าเรืองเกียวกับงานทีตนเองทําอยู่นันว่า เปนสิงทีให้เกิดความเพลิดเพลิน
และมีประโยชน์ ได้พบปะพูดคุยกับผู้อืน และรู้ความคิดทีกว้างขวางขึน เพราะปกติ ต่างคน
ต่างมีราชการไปทําทีออฟฟศ พอหมดเวลาก็แยกย้ายกันไป ไม่ได้พบปะพูดคุยกัน พูดถึง
สโมสรทีตังใหม่ขึนหลายแห่ง ว่าดูไม่ค่อยจะสาํ เร็จได้เลย ส่วนสโมสรไทยนันทียังยืนทีสุด
คือสามัคยาจารย์สมาคม เปนของสาํ หรับจําเพาะข้าราชการกระทรวงเดียว และกระทรวง
นันก็ยังหนุนหลังสมาคมไว้อยู่ และได้พูดถึงการเล่นละครทีผู้ชายเล่นเปนตัวผู้ชาย ผู้หญิง
เล่นเปนตัวผู้หญิง ทีตนดูของคณะละครศรีอยุทธยารม ว่าเปนละครทีแสดงดี ผู้หญิงทีเปน
ตัวละครในคณะนีก็ยังสาวๆอยู่ ถึงจะมีสามีและบุตรแล้วก็ตาม ผู้หญิงทีมีลูกแล้วไม่จําเปน
ต้องแก่อย่างทีเขาว่ากัน ผู้ชายทีเบือผู้หญิงทีมีลูกแล้ว ก็ต้องโทษผู้หญิงด้วยเช่นกัน เพราะ
หมายคนมักเข้าใจผิดว่า พอมีลูกก็ชอบปล่อยตัวให้ทรุดโทรม แต่ถ้าผู้หญิงดูแลตัวเอง
ปฎิบัติให้สามีรู้สึกมีความสุข ก็ไม่จําเปนต้องห้ามเขาไปมีคนอืนเลย เพราะเขาจะรู้สึกว่า มี
แค่คนเดียวก็มีความสุขพอแล้ว
ฉบับที ๑๗ ( ๓ มีนาคม พ.ศ.๒๔๖- )
นายประพันธ์ได้เล่าว่าตนนันได้เลือนยศเปน
นายหมู่ใหญ่แล้ว และเมือกลับบ้านได้ไม่กีวัน
นางอุไรก็ได้มาหาทีบ้าน และขอให้นาย
ประพันธ์ช่วยดูแลตนอีกครัง ด้วยเหตุว่า
พระยาตระเวนต้องการบ้านทีถนนราช
ประสงค์ให้นางสร้อย เมียรักของเขาอยู่ เขา
จึงขอให้นางอุไรย้ายไปอยู่ทีอืน เงินก็ไม่มี
ใช้สอย ครันจะกลับไปอาศัยพ่อก็กลัวจะเสีย
หน้า เพราะเคยพูดอวดอ้างไว้ นายประพันธ์
แนะนาํ ให้นางอุไรกลับไปง้อพ่อของเธอ นาง
จึงไปง้อและกลับไปอยู่กับพ่อของตน
ฉบับที ๑๘ ( ๑๓ เมษายน พ.ศ.๒๔๖- )
นายประพันธ์ได้เล่าว่า นางอุไรได้ตกลง
แต่งงานกับหลวงพิเศษ ผลพานิชทีเปน
พ่อค้าแล้ว ประพันธ์จึงคลายกังวล และ
นายประพันธ์เองก็ได้รักกับผู้หญิงคนหนึง
เธอชือนางสาวศรีสมาน เปนลูกสาว
เจ้าพระยาพิสิฐเสวก ทังสองฝายคุยจน
เปนทีต้องใจกันแล้ว และนายประพันธ์ก็ได้
ลงท้ายไว้ว่า จะให้นายประเสริฐมาเปน
เพือนเจ้าบ่าว
บทวิเคราะห์วรรณคดี เรือง ๗
หัวใจชายหนุ่ม
๑ ) วิเคราะหต์ ัวละคร
นายประพันธ์
เปนผู้นิยมวัฒนธรรมตะวันตกอย่างผิด ๆซึง
บางสิงไม่ถูกต้องตามธรรมเนียมของไทยอันเปรียบ
เหมือนการดูถูกบ้านเกิดเมืองนอนเช่นค่ากล่าวทีว่า“ อีกอย่างหนึง
ในเมืองไทยยังมีกนกอยู่มากทีชอบเก็บลูกสาวไม่ให้เห็นผู้ชาย” ซึง
ทีจริงแล้วเปนธรรมเนียมทีดีของไทยทีกุลสตรีทีดีงามมักจะเก็บตัว
อยู่ แต่ในบ้านเพือฝกการบ้านการเรือนอีกประการก็มีจิตใจทีอ่อน
ไหวครังเมือเห็นจดหมายทีส่งให้แก่แม่อุไรนันถูกฉีกเปนเล็กเศษ
น้อยร่วงออกมา "กันเทออกแล้วจึงจําได้ว่าเปนจดหมายทีฉันมีไป
ถึงแม่อุไรนันเองขอให้นึกเลิกว่ากันระดังปานใดตังแต่ครังนันเอง
ทําให้ประพันธ์เปลียนทัศนคติใหม่ ๆ ทีมีต่อสตรีไทยทังยังเปนห่วง
เปนใยเสียด้วยซา ซึงถือว่าเปนสิงทีดีดังทีกล่าวว่า“ ถ้าเมือไร
หญิงไทยทีดีๆพร้อมใจกันตังกติกาไม่ยอมเปนเมียทีเลียงผู้หญิงไว้
อย่างเลียงไก่เปนฝูง ๆ เท่านันแหละผู้ชายทีมักมากจักต้องเปลียน
ความคิดและความประพฤติ
พระยาตระเวนนคร
เปนคนเจ้าชูประเภทเสือผู้หญิงดังทีนายประพันธ์กล่าวไว้ว่า“ ถ้า
เห็นผู้หญิงสวย ๆ และมีคนตอมจะต้องพยายามให้ได้หญิงคนนันจน
ได้ แต่ได้แล้วมักจะเบือ” ทังยังมีปญญาทีเฉลียวฉลาดจากการทียัง
ไม่ยอมตกลงเปนผัวเมียโดยราชการกับแม่อุไรทําให้ไม่ต้องคอยหา
แม่อุไรไปออกงานสังคมมากนักจึงมีโอกาสทีจะพบปะกับหญิงใหม่ ๆ
ได้ตลอดเวลา
พ่อของประพันธ์
เปนผู้ใหญ่หัวโบราณหวังให้ลูกรับราชการจัดหาคู่ให้ลูกคิดรอบคอบและ
ช่วยเหลือลูกในยามฉุกเฉินหลวง
๘
เเม่อุไร
จากคํากล่าวของนายประพันธ์ทีว่า“ ขอบอกโดยย่อว่าหล่อนเปนผู้
ห ญิ ง ที ง า ม ที สุ ด ที ฉั น เ ค ย ไ ด้ พ บ ใ น ก รุ ง ส ย า ม ห ล่ อ น ค ล้ า ย ผู้ ห ญิ ง ฝ รั ง
มากกว่าผู้หญิงไทย” เห็นได้ว่าบุคลิกดูเปนคนมันใจในตัวเองกล้าคิด
กล้าพูดแบบคนตะวันตก แต่หากกาลเวลาเปลียนแปลงไปทําให้เห็นว่า
คนเราสามารถเปลียนพฤติกรรมกันได้ตลอดเวลาตราบใดทียังไม่หมด
ลมหายใจกิริยาดูหยาบกระด้างดูแคลนเห็นผิดเปนชอบดังทีว่า“ เห็น
ว่าถ้าโกรธตัวได้ต่อหน้ากบเปนเกียรติยศดีพูดจาต้องขู่ฟอ ๆ ราวกับ
แมวทีคุณเสมอ "และแสดงให้เห็นถึงกิริยามารยาททีไม่ใช่แบบแผนที
สุภาพเรียบร้อยของคนไทย“ แม่อุไรเดินกระทุบตีนปง ๆ ขึนไปถึงห้อง
รับแขกนังลงทําหน้าหมู่ทีไม่พูดไม่จาอะไรเปนครูใหญ่ ๆ ” อีกสิงหนึง
คือการทีไม่รู้จักรักษานวลสงวนตัวยอมทอดกายให้ชายถึงสองคนคือ
นายประพันธ์ทําให้ท้องก่อนแต่งและพระยาตระเวนนครทีมีนางบาํ เรอ
อยู่แล้วถึง ๙คนทําให้ผิดหวังในความรักซาแล้วซาเล่า
หลวงพิเศษผลพานิช
เปนพ่อค้าทีมังมี แต่มีความจริงใจดังคําทีว่า“ จริงอยู่หลวงพิเศษนันรูป
ร่างไม่ใช่เทวดาถอดรูป แต่หวังใจว่าคงจะเข้าลักษณะขุนช้างคือถึงรูป
หัวใจช่วงเหมือนควงเดือน” จึงนับว่าเปนบุญของแม่อุไรทีได้พบคนทีดี
เทพปญหา แม่กิมเน้ย นางสาวสมานศรี
นาํ ความเกียวกับ หญิงทีประพันธ์จะถูก สัญลักษณ์ของ
แม่อุไรมาแจ้งแก่ จับคลุมถุงชนเปน การผสมผสาน
ประพันธ์และช่วย สัญลักษณ์ของวัฒนธรรม วัฒนธรรมทีลงตัว
จัดการเรืองหย่าขาด เก่ายังกระดากผู้ชายชอบ
แต่งหน้าแต่งตัวแต่ง
ให้ เครืองเพชรโซจนเปนต้น
คริสมาสต์
๙
๒ ) วิเคราะห์ฉาก
จ า ก ใ น เ รื อ ง หั ว ใ จ ช า ย ห นุ่ ม เ ป น ส มั ย ที ค น ไ ท ย โ ด ย
เ ฉ พ า ะ ช น ชั น สู ง เ มื อ ไ ด้ รั บ อิ ท ธิ พ ล ข อ ง วั ฒ น ธ ร ร ม ต ะ วั น
ต ก ใ ห ม่ เ ข้ า ม า บ้ า น เ มื อ ง จ ะ มี ก า ร เ จ ริ ญ แ บ บ ต ะ วั น ต ก เ ช่ น
มี ก า ร ส ร้ า ง ถ น น เ พื อ สั ญ จ ร ไ ป ม า มี ก า ร ใ ช้ ห นั ง สื อ พิ ม พ์ ใ น
ก า ร สื อ ส า ร ผู้ อ่ า น จึ ง ไ ด้ เ ห็ น ถึ ง ก า ร ใ ช้ ภ า ษ า ไ ท ย ที มี คํา
ศั พ ท์ แ ล ะ สํา น ว น ภ า ษ า อั ง ก ฤ ษ ม า ป ะ ป น อ ยู่ ใ น ก า ร เ ขี ย น
จ ด ห ม า ย ที น า ย ป ร ะ พั น ธ์ ไ ด้ เ ขี ย น ขึ น ม า
๑๐
๓ ) วิเคราะห์แนวคิดในการประพันธ์
พ ร ะ บ า ท ส ม เ ด็ จ พ ร ะ ม ง กุ ฎ เ ก ล้ า เ จ้ า อ ยู่
หั ว ท ร ง เ ส น อ แ น ว คิ ด ผ่ า น ตั ว ล ะ ค ร เ อ ก คื อ
ป ร ะ พั น ธ์ ที แ ส ด ง ค ว า ม รั ง เ กี ย จ ดู ถู ก บ้ า น เ กิ ด
แ ต่ ก ลั บ ไ ป ชื น ช ม วั ฒ น ธ ร ร ม ต ะ วั น ต ก ท ร ง มี
พ ร ะ ร า ช ดํา ริ ว่ า “ ค น ไ ท ย ค ว ร ภู มิ ใ จ ใ น
วั ฒ น ธ ร ร ม ไ ท ย ไ ม่ ค ว ร ห ล ง นิ ย ม วั ฒ น ธ ร ร ม
ต ะ วั น ต ก เ กิ น ไ ป จ น ล ะ เ ล ย ค ว า ม เ ป น ไ ท ย
ค ว ร รู้ จั ก เ ลื อ ก ส ร ร สิ ง ที เ ห ม า ะ ส ม ม า ใ ช้ เ พื อ
เ ส ริ ม ค ว า ม เ ป น ไ ท ย ใ ห้ โ ด ด เ ด่ น ยิ ง ขึ น “
ดั ง นั น แ น ว คิ ด สาํ คั ญ คื อ ก า ร รู้ จั ก อ นุ รั ก ษ์
วั ฒ น ธ ร ร ม ไ ท ย อั น ดี ง า ม แ ล ะ ใ น เ ว ล า
เ ดี ย ว กั น ก็ รู้ จั ก เ ลื อ ก รั บ วั ฒ น ธ ร ร ม ต ะ วั น
ต ก บ า ง ป ร ะ ก า ร ป รั บ ป รุ ง เ ป ลี ย น แ ป ล ง
ใ ห้ สั ง ค ม ไ ท ย เ จ ริ ญ ก้ า ว ห น้ า อ ย่ า ง ยั ง ยื น
๑๑
๔ ) วิเคราะห์ลักษณะการประพันธ์
หั ว ใ จ ช า ย ห นุ่ ม เ ป น น ว นิ ย า ย ร้ อ น แ ก้ ว ใ น รู ป แ บ บ ข อ ง
จ ด ห ม า ย โ ด ย มี ข้ อ ค ว ร สั ง เ ก ต สํา ห รั บ รู ป แ บ บ จ ด ห ม า ย ทั ง
๑ ๘ ฉ บั บ ใ น เ รื อ ง ดั ง นี
๑ ) หั ว จ ด ห ม า ย ตั ง แ ต่ ฉ บั บ ที ๑ วั น ที ๒ ๓ กั น ย า ย น
พ . ศ . ๒ ๔ ๖ - จ น ถึ ง ฉ บั บ สุ ด ท้ า ย วั น ที ๓ ๐ มี น า ค ม
พ . ศ . ๒ ๔ ๖ - จ ะ เ ห็ น ว่ า มี ก า ร เ ว้ น เ ล ข ท้ า ย ป พ . ศ . ไ ว้
๒ ) คํา ขึ น ต้ น จ ด ห ม า ย ทั ง ๑ ๘ ฉ บั บ ใ ช้ คํา ขึ น ต้ น
เ ห มื อ น กั น ห ม ด คื อ “ ถึ ง พ่ อ ป ร ะ เ ส ริ ฐ เ พื อ น รั ก ”
๓ ) คํา ล ง ท้ า ย จ ะ ใ ช้ คํา ว่ า “ จ า ก เ พื อ น . . . . ” “ แ ต่
เ พื อ น . . . ” แ ล้ ว ต า ม ด้ ว ย ค ว า ม รู้ สึ ก ข อ ง น า ย ป ร ะ พั น ธ์
เ ช่ น “ แ ต่ เ พื อ น ที ใ จ ค อ อ อ ก จ ะ ยุ่ ง เ ห ยิ ง ” ( ฉ บั บ ที ๑ ๐ )
มี เ พี ย ง ๙ ฉ บั บ เ ท่ า นั น ที ไ ม่ มี คํา ล ง ท้ า ย
๔ ) ก า ร ล ง ชื อ ตั ง แ ต่ ฉ บั บ ที ๑ ๔ เ ป น ต้ น ไ ป ใ ช้
บ ร ร ด า ศั ก ดิ ที ไ ด้ รั บ พ ร ะ ร า ช ท า น คื อ “ บ ริ บ า ล บ ร ม
ศั ก ดิ ” โ ด ย ต ล อ ด แ ต่ ฉ บั บ ที ๑ - ๑ ๓ ใ ช้ ชื อ
“ ป ร ะ พั น ธ์ ”
๕ ) ค ว า ม สั น ย า ว ข อ ง จ ด ห ม า ย มี เ พี ย ง ฉ บั บ ที ๑ ๔
เ ท่ า นั น ที มี ข น า ด สั น ที สุ ด เ พ ร า ะ เ ป น เ พี ย ง จ ด ห ม า ย ที
แ จ้ ง ไ ป ยั ง เ พื อ น ว่ า ต น ไ ด้ รั บ พ ร ะ ร า ช ท า น บ ร ร ด า ศั ก ดิ
ตั ว อ ย่ า ง เ นื อ ค ว า ม ใ น
จดหมาย
ตั ว อ ย่ า ง ฉ บั บ ที ( ๑ ๘ )
( ห น้ า ถั ด ไ ป )
๑๒
๔ ) วิเคราะห์ลักษณะการประพันธ์
บ้ า น เ ล ข ที ๐ ๐ ถ น น สี พ ร ะ ย า
วั น ที ๑ ๓ เ ม ษ า ย น , พ . ศ . ๒ ๔ ๖ -
ถึ ง พ่ อ ป ร ะ เ ส ริ ฐ เ พื อ น รั ก .
ฉั น ต้ อ ง รี บ บ อ ก ข่ า ว ดี ม า ใ ห้ ท ร า บ . แ ม่ ไ ร ไ ด้ ต ก ล ง
แ ต่ ง ง า น แ ล้ ว กั บ ห ล ว ง พิ เ ศ ษ ผ ล พ า นิ ช , พ่ อ ค้ า มั ง มี ,
ซึ ง นั บ ว่ า เ ป น โ ช ค ดี สาํ ห รั บ ห ล่ อ น . เ พ ร า ะ อ า จ จ ะ ห วั ง
ไ ด้ ว่ า จ ะ ไ ด้ มี ค ว า ม สุ ข ต่ อ ไ ป ใ น ชี วิ ต . จ ริ ง อ ยู่ ห ล ว ง
พิ เ ศ ษ นั น รู ป ร่ า ง ไ ม่ ใ ช่ เ ท ว ด า ถ อ ด รู ป , แ ต่ จ ะ ห วั ง ไ ว้ ว่ า
ค ง จ ะ เ ข้ า ลั ก ษ ณ ะ ขุ น ช้ า ง , คื อ ” ถึ ง รู ป ชั ว ใ จ ช่ ว ง
เ ห มื อ น ด ว ง เ ดื อ น . ” แ ต่ ถึ ง จ ะ ใ จ ไ ม่ ช่ ว ง เ ข า ก็ พ อ มี เ งิ น
พ อ ที จ ะ ซื อ ค ว า ม สุ ข ใ ห้ แ ม่ อุ ไ ร ไ ด้ .
ก า ร ที แ ม่ อุ ไ ร ไ ด้ ผั ว ใ ห ม่ เ ป น ตั ว เ ป น ต น เ สี ย แ ล้ ว เ ช่ น
นี ทํา ใ ห้ ฉั น เ อ ง รู้ สึ ก ค ว า ม ต ะ ขิ ด ต ะ ข ว า ง ห่ ว ง ใ ย . แ ล ะ
รู้ สึ ก ว่ า อ า จ จ ะ คิ ด ห า คู่ ใ ห ม่ ไ ด้ โ ด ย ไ ม่ ต้ อ ง มี ข้ อ ค ว ร
รั ง เ กี ย จ รั ง ง อ น เ ล ย . พ่ อ ป ร ะ เ ส ริ ฐ เ ป น เ พื อ น รั ก กั น ที
ส นิ ท ส น ม ที สุ ด , เ พ ร า ะ ฉ ะ นั น ฉั น ข อ บ อ ก ต ร ง ๆ ว่ า ฉั น
ไ ด้ รั ก ผู้ ห ญิ ง อ ยู่ ร า ย ห นึ ง แ ล้ ว , ซึ ง ฉั น ห วั ง ใ จ ว่ า จ ะ ไ ด้
เ ป น คู่ ชี วิ ต ต่ อ ไ ป โ ด ย ยั ง ยื น จ ริ ง จั ง . ห ล่ อ น ชื อ น า ง ส า ว
ศ รี ส ม า น , แ ล้ ว เ จ้ า คุ ณ พิ สิ ฐ กั บ พ่ อ ข อ ง ฉั น ก็ ช อ บ กั น
ม า ก . ฉ ะ นั น พ อ พ่ อ ป ร ะ เ ส ริ ฐ ก ลั บ เ ข้ า ม า ถึ ง ก รุ ง เ ท พ ฯ
ก็ เ ต รี ย ม ตั ว ไ ว้ เ ป น เ พื อ น บ่ า ว ที เ ดี ย ว เ ถิ ด !
จ า ก เ พื อ น ผู้ กํา ลั ง ป ลื ม ใ จ .
ห ล ว ง บ ริ บ า ล บ ร ม ศั ก ดิ
๑๓
๕ ) วิเคราะห์ชีวิตหนุ่มสาวในสมัยนัน
ขี วิ ต ห นุ่ ม ส า ว ใ น ส มั ย นั น มุ่ ง แ ส ด ง ใ ห้ เ ห็ น ว่ า ก า ร
แ ต่ ง ง า น ข อ ง ค น ห นุ่ ม ส า ว ที ม า จ า ก ก า ร ช อ บ พ อ กั น
เ พี ย ง เ ป ลื อ ก น อ ก ข า ด ก า ร รู้ จั ก แ ล ะ เ ข้ า ใ จ กั น อ ย่ า ง
แ ท้ จ ริ ง ย่ อ ม ไ ม่ ยั ง ยื น แ ล ะ อั บ ป า ง ล ง อ ย่ า ง ง่ า ย ด า ย
เ รื อ ง ข อ ง แ ม่ อุ ไ ร ยั ง ใ ห้ บ ท เ รี ย น เ ป น รู ป ธ ร ร ม แ ก่ ผู้ อ่ า น
รุ่ น ห นุ่ ม ส า ว ว่ า ก า ร ใ ช้ เ ส รี ภ า พ ใ น ท า ง ที ผิ ด โ ด ย ป ล่ อ ย
เ นื อ ป ล่ อ ย ตั ว จ น ก ร ะ ทั ง พ ล า ด พ ลั ง ชิ ง สุ ก ก่ อ น ห่ า ม จ ะ
ต้ อ ง ป ร ะ ส บ ช ะ ต า ก ร ร ม อั น เ ล ว ร้ า ย อ ย่ า ง ไ ร บ้ า ง ใ น
ชี วิ ต
เ มื อ เ ป รี ย บ เ ที ย บ กั บ ส่ ง ผ ล ทํา ใ ห้ วั ย รุ่ น มี
สั ง ค ม ไ ท ย ใ น ยุ ค ป จ จุ บั น ก็ พ ฤ ติ ก ร ร ม ล อ ก เ ลี ย น
ยั ง ยึ ด ค่ า นิ ย ม นี เ ป น ห ลั ก แ บ บ แ ล ะ ดํา เ นิ น ชี วิ ต
ใ น ก า ร ใ ช้ ชี วิ ต ใ น สั ง ค ม ไ ม่ ต า ม วั ฒ น ธ ร ร ม ต ะ วั น
ว่ า จ ะ เ ป น ช า ย ห รื อ ห ญิ ง ต ก ซึ ง วั ฒ น ธ ร ร ม บ า ง
แ ต่ ป จ จุ บั น วั ฒ น ธ ร ร ม อ ย่ า ง ก่ อ ใ ห้ เ กิ ด ป ญ ห า
ต ะ วั น ต ก ไ ด้ เ ข้ า ม า มี ท า ง สั ง ค ม ม า ก ม า ย โ ด ย
บ ท บ า ท แ ล ะ มี อิ ท ธิ พ ล ต่ อ เ ฉ พ า ะ ก า ร มี พ ฤ ติ ก ร ร ม
วั ฒ น ธ ร ร ม ท า ง สั ง ค ม ข อ ง ท า ง เ พ ศ ที ไ ม่ เ ห ม า ะ ส ม
ไ ท ย ไ ม่ แ พ้ ใ น ส มั ย นั น เ ล ย
ทั ง นี เ นื อ ง ม า ก จ า ก
เ ท ค โ น โ ล ยี แ ล ะ ก า ร
สื อ ส า ร ที ก้ า ว ห น้ า
ร ว ด เ ร็ ว
๑๔
๕ ) วิเคราะห์ชีวิตหนุ่มสาวในสมัยนัน
การเลียนแบบวัฒนธรรมตะวันตกไม่ว่าจาก
สือโทรทัศน์ ภาพยนตร์ หรืออินเทอร์เน็ต
ก็ตาม ได้ทําให้ขนบธรรมเนียม จารีตประเพณี
วัฒนธรรมทีดีงามของสังคมไทยเปลียนไป ซึง
วัฒนธรรมบางอย่างส่งผลดี เช่น การกล้า
แสดงความคิดเห็น ความทุ่มเทให้กับงาน การ
มองโลกในแง่บวก การมีแนวคิดทีดีต่างๆ
เปนต้น ในขณะทีวัฒนธรรมบางอย่างกลาย
เปนตัวอย่างทีไม่ดี ไม่เหมาะสมกับวัฒนธรรม
ไทย จากพฤติกรรมวัยรุ่น เช่น เสรีภาพในการ
คบเพือนต่างเพศ ซึงบางครังมีพฤติกรรมเสียง
ต่อการมีเพศสัมพันธ์ พฤติกรรมการ
แสดงออกทางเพศในทีสาธารณะ เช่น การ
โอบกอด การแต่งกายทีล่อแหลม กิริยา
มารยาททีไม่เรียบร้อย การแสดงออกอย่าง
เปดเผยในเรืองเพศ หรือการทีวัยรุ่นหญิงบาง
คนตามจีบผู้ชาย เปนต้น
แ ล ะ ค่ า นิ ย ม ก า ร ค ลุ ม ถุ ง ช น ส่ ว น ใ ห ญ่ ก็ จ ะ ม า
จ า ก ค ร อ บ ค รั ว อ นุ รั ก ษ์ นิ ย ม ซึ ง แ ม้ ว่ า พ ว ก เ ข า จ ะ
ไ ม่ ช อ บ ใ จ คู่ ส ม ร ส ก็ ไ ม่ ก ล้ า ที จ ะ ห ย่ า ด้ ว ย แ ร ง
ก ด ดั น ท า ง สั ง ค ม ร ว ม ถึ ง ค ว า ม ย า ก ลํา บ า ก ที จ ะ
ต า ม ม า ห ลั ง ก า ร ห ย่ า ร้ า ง โ ด ย เ ฉ พ า ะ คู่ ส ม ร ส ฝ า ย
ห ญิ ง ที มั ก จ ะ ต้ อ ง พึ ง พ า ด้ า น ก า ร เ งิ น จ า ก ส า มี
ห ล า ย ๆ คู่ จึ ง จํา ย อ ม รั บ ส ภ า พ ก า ร ส ม ร ส ที ข ม ขื น
ม า ก ก ว่ า ที จ ะ เ ลื อ ก ก า ร ห ย่ า ร้ า ง
๑๕
๖ ) วิเคราะห์การรับวัฒนธรรม
ตะวันตกของชาวสยาม
ภ า ย ใ น ว ร ร ณ ค ดี ป ร ะ พั น ธ์ ป ฏิ เ ส ธ ที จ ะ แ ต่ ง ง า น กั บ
ห ญิ ง ที บิ ด า ม า ร ด า เ ลื อ ก ใ ห้ เ พ ร า ะ เ ห็ น ว่ า เ ธ อ ไ ม่ ทั น
ส มั ย แ ต่ เ มื อ เ ข า ไ ด้ แ ต่ ง ง า น กั บ ผู้ ห ญิ ง ที เ ข า เ รี ย ก เ อ ง
ชี วิ ต คู่ ข อ ง เ ข า ก ลั บ มี ป ญ ห า อ ย่ า ง ม า ก เ พ ร า ะ ถึ ง แ ม้ เ ข า
จ ะ เ ลื อ ก คู่ ค ร อ ง ด้ ว ย ร ส นิ ย ม แ บ บ ต ะ วั น ต ก แ ต่ เ มื อ
แ ต่ ง ง า น แ ล้ ว เ ข า ก ลั บ พ บ ว่ า ห ญิ ง ที ไ ด้ รั บ ก า ร เ ลี ย ง ดู
แ บ บ ต ะ วั น ต ก ใ ห้ มี อิ ส ร ะ อ ย่ า ง เ ต็ ม ที ไ ม่ เ ห ม า ะ ส ม แ ก่
เ ข า เ มื อ ป ร ะ พั น ธ์ แ ล ะ แ ม่ อุ ไ ร ไ ม่ ย อ ม ป รั บ ตั ว เ ข้ า กั น จึ ง
ต้ อ ง อ ย่ า ข า ด จ า ก กั น ใ น ต อ น ท้ า ย เ รื อ ง ป ร ะ พั น ธ์ ต ก ล ง
ใ จ จ ะ แ ต่ ง ง า น ใ ห ม่ กั บ ผู้ ห ญิ ง ที เ ข า พ อ ใ จ แ ล ะ ผู้ ใ ห ญ่ ก็
เ ห็ น ช อ บ เ ห็ น ไ ด้ ชั ด เ ล ย ว่ า เ มื อ ป ร ะ พั น ธ์ ส า ม า ร ถ ป รั บ
ค ว า ม คิ ด แ บ บ ต ะ วั น ต ก ใ ห้ ส อ ด ค ล้ อ ง กั บ วั ฒ น ธ ร ร ม ไ ท ย
แ ล ะ เ ป ลี ย น แ ป ล ง พ ฤ ติ ก ร ร ม ใ ห้ เ ป น ไ ป ท า ง ที ดี ขึ น ชี วิ ต
ข อ ง เ ข า ก็ มี ค ว า ม สุ ข ป ร ะ ส บ ผ ล สาํ เ ร็ จ ดั ง นั น ก า ร รั บ
วั ฒ น ธ ร ร ม ต ะ วั น ต ก ย่ า ง ไ ม่ ถู ก ต้ อ ง จ ะ ส่ ง ผ ล ร้ า ย แ ก่
ตนเอง
น า ย ป ร ะ พั น ธ์
จาก
หั ว ใ จ ช า ย ห นุ่ ม
๑๖
๖ ) วิเคราะห์การรับวัฒนธรรม
ตะวันตกของชาวสยาม
จ า ก เ นื อ เ รื อ ง ที ก ล่ า ว ม า บ่ ง บ อ ก ว่ า ก า ร รั บ วั ฒ น ธ ร ร ม
ต ะ วั น ต ก เ ข้ า ม า ไ ม่ ไ ด้ มี ผ ล ดี เ ส ม อ ไ ป ซึ ง ก า ร ยึ ด ถื อ เ อ า
วั ฒ น ธ ร ร ม ต ะ วั น ต ก ไ ว้ ใ น สั ง ค ม ไ ท ย โ ด ย ไ ม่ ก ลั น ก ร อ ง
ก่ อ ใ ห้ เ กิ ด ก า ร เ ป ลี ย น แ ป ล ง ด้ า น ค่ า นิ ย ม โ ด ย เ ชื อ ว่ า
วั ฒ น ธ ร ร ม ต ะ วั น ต ก ดี ก ว่ า วิ เ ศ ษ ก ว่ า วั ฒ น ธ ร ร ม ไ ท ย
ดั ง เ ดิ ม
ตั ว อ ย่ า ง ก า ร รั บ วั ฒ น ธ ร ร ม ต ะ วั น ต ก เ ข้ า ม า แ ล้ ว ส่ ง
ผ ล เ สี ย คื อ ป ญ ห า เ รื อ ง เ พ ศ เ ช่ น ก า ร ค บ เ พื อ น ต่ า ง
เ พ ศ อ ย่ า ง ไ ม่ เ ห ม า ะ ส ม ก า ร แ ต่ ง ก า ย ดึ ง ดู ด เ พ ศ ต ร ง
ข้ า ม ก า ร มี เ พ ศ สั ม พั น ธ์ ก่ อ น แ ต่ ง ง า น เ ป น ต้ น แ ล ะ
ป ญ ห า สั ง ค ม เ ช่ น ก า ร มั ว สุ ม กั น ใ น ส ถ า น เ ริ ง ร ม ย์ ก า ร
ตั ง ค ร ร ภ์ ก่ อ น วั ย อั น ค ว ร ก า ร ทํา แ ท้ ง เ ป น ต้ น
ก า ร ห ล ง ใ ห ล แ ล ะ ชื น ช ม วั ฒ น ธ ร ร ม ข อ ง ช า ติ อื น ๆ
ม า ก เ กิ น ไ ป ก็ ทํา ใ ห้ เ กิ ด ก า ร ค ร อ บ งํา ท า ง วั ฒ น ธ ร ร ม จ น
ก ร ะ ทั ง ข า ด ค ว า ม ภ า ค ภู มิ ใ จ ใ น ม ร ด ก ท า ง วั ฒ น ธ ร ร ม
ข อ ง ช า ติ ซึ ง นั บ ว่ า เ ป น ผ ล เ สี ย ต่ อ ก า ร พั ฒ น า สาํ นึ ก
ข อ ง ค ว า ม เ ป น ช า ติ ใ น ร ะ ย ะ ย า ว
๑๗
๗ ) วิเคราะห์คุณค่าทางสังคม
การศึกษาเปนสงิ สําคัญ...
บทกวียอ่ มสะท้อนสภาพสงั คมตามมุมมองของกวี ซงึ สามารถ
เขา้ ถึงสงั คมไทยในสมัย รชั กาลที ๖ ทีแตกต่างกับสงั คมยุคปจจุบนั
อยา่ งมาก ทังในด้านของการปกครอง ด้านการเมือง หรอื ด้านอืนๆ
ทังสภาพจิตใจคนในสมัยต่างๆก็แตกต่างกันไปด้วย ทางทีดีไมว่ ่าจะ
อยูใ่ นยุคสมัยใด เราก็ควรหมันทําความดีไว้ เพราะแม้ตัวได้ตายลง
แต่ความดีมิได้ตายตามไปด้วยแต่ยงั คงจารกึ ไว้ในสงั คมอยา่ งแนน่ อน
สงิ ทีเห็นได้ชดั ว่าเปนสงิ ทีมีความสาํ คัญในการเปลียนทาง
สงั คมคือการศึกษาซงึ ถ้าเปรยี บเทียบการศึกษาในอดีตกับปจจุบนั ซงึ
ในสมัยรชั กาลที ๖ การศึกษามีความพฒั นามากเนืองจากพระบาท
สมเด็จพระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยูห่ ัวมีพระราชดํารสั ว่า “การทีจะนําบา้ น
เมืองไปสคู่ วามเจรญิ ทัดเทียบกับนานาอรยาประเทศได้นัน การ
ให้การศึกษาแก่พสกนิกรนันเปนสงิ จําเปนเรง่ ด่วนซงึ ต้องเรง่ ทําเปน
ปชระการแรก”
อีกปจจัยทีทําให้เกิดการเปลียนแปลงของสภาพทางสงั คมคือ
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยสี าํ หรบั ในยุคโลกาภิวัฒน์ความ
เปลียนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ สงั คม และเทคโนโลยี เปนไปอยา่ ง
รวดเรว็ มีผลกระทบในทางบวกและทางลบต่อชวี ิตความเปนอยูข่ อง
บุคคลอยา่ งรุนแรง บุคคลจึงจําเปนต้องพฒั นาตนเอง ให้มีความรู้
ความคิด และทักษะชวี ิตให้สามารถแก้ปญหาและพฒั นาคณุ ภาพ
ชวี ิตได้อยา่ งต่อเนืองตังแต่เกิดจนตาย โดยการพฒั นาสาระและ
กระบวนการเรยี นรูอ้ ยา่ งต่อเนือง สง่ ผลให้เกิดการพฒั นาการศึกษา
๑๘
๗ ) วิเคราะห์คุณค่าทางสังคม
ใ น อ ดี ต สั ง ค ม ส ย า ม ใ ห้ ค ว า ม สาํ คั ญ แ ก่ บุ รุ ษ ม า ก ก ว่ า
ส ต รี เ พ ร า ะ ส ต รี ถู ก กํา ห น ด ใ ห้ มี บ ท บ า ท แ ล ะ ห น้ า ที ต า ม
ที บุ รุ ษ ตี ก ร อ บ ใ น ส มั ย ป ฏิ รู ป ป ร ะ เ ท ศ แ ม้ พ ร ะ บ า ท
ส ม เ ด็ จ พ ร ะ จุ ล จ อ ม เ ก ล้ า เ จ้ า อ ยู่ หั ว ท ร ง ย ก ร ะ ดั บ ก า ร
ศึ ก ษ า แ ล ะ ใ ห้ ค ว า ม สาํ คั ญ แ ก่ ส ต รี ใ น สั ง ค ม ส ย า ม ม า ก
ขึ น ก ว่ า แ ต่ ก่ อ น บ ท บ า ท ส ต รี ยั ง ค ง อ ยู่ เ ฉ พ า ะ ข อ บ เ ข ต
ข อ ง ง า น บ้ า น คื อ ก า ร เ ป น ภ ร ร ย า แ ล ะ ม า ร ด า เ ป น แ ม่
เ รื อ น ที มี ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ เ ท่ า นั น
ส ถ า น ภ า พ ข อ ง ส ต รี ส ย า ม
เ ริ ม เ ป ลี ย น แ ป ล ง อ ย่ า ง
ชั ด เ จ น ใ น ส มั ย รั ช ก า ล ที
๖ พ ร ะ บ า ท ส ม เ ด็ จ
พ ร ะ ม ง กุ ฎ เ ก ล้ า เ จ้ า อ ยู่ หั ว มี
พ ร ะ ร า ช ป ร ะ ส ง ค์ ใ ห้ ส ต รี มี
บ ท บ า ท แ ล ะ ค ว า ม สาํ คั ญ ใ น
สั ง ค ม ม า ก ขึ น
๑๙
๗ ) วิเคราะห์คุณค่าทางสังคม
ถึ ง แ ม้ ว่ า จ ะ มี ก า ร รั บ วั ฒ น ธ ร ร ม ต ะ วั น ต ก เ ข้ า ม า แ ต่ ก็ มี
ก า ร ป ร ะ ยุ ก ต์ เ ข้ า กั บ วั ฒ น ธ ร ร ม ไ ท ย ย ก ตั ว อ ย่ า ง เ ช่ น
วั ฒ น ธ ร ร ม ก า ร แ ต่ ง ก า ย เ นื อ ง จ า ก พ ร ะ บ า ท ส ม เ ด็ จ
พ ร ะ ม ง กุ ฎ เ ก ล้ า เ จ้ า อ ยู่ หั ว ท ร ง เ ป น พ ร ะ ม ห า ก ษั ต ริ ย์
พ ร ะ อ ง ค์ แ ร ก ที ไ ด้ รั บ ก า ร ศึ ก ษ า อ ย่ า ง ดี ซึ ง มี ก า ร
ป รั บ ป รุ ง ก า ร แ ต่ ง ก า ย ข อ ง ค น ไ ท ย ใ ห้ เ รี ย บ ร้ อ ย ส ว ย ง า ม
เ พื อ แ ส ด ง ค ว า ม เ ป น ช า ติ อ า ร ย ะ เ ช่ น เ สื อ ข อ ง ส ต รี
เ ป ลี ย น ม า เ ป น เ สื อ ค อ ลึ ก ก ว่ า ใ น รั ช ส มั ย รั ช ก า ล ที ๕ แ ข น
ย า ว เ ส ม อ ข้ อ ศ อ ก มี ผ้ า แ พ ร บ า ง ๆ ส ะ พ า ย ทั บ ตั ว เ สื อ อี ก
ที ห นึ ง ส ต รี ใ น ส มั ย นี นิ ย ม ไ ว้ ผ ม ย า ว เ ส ม อ ต้ น ค อ ดั ด เ ป น
ล อ น ห รื อ ตั ด สั น แ บ บ ที เ รี ย ก ว่ า “ ท ร ง ซิ ง เ กิ ล ” ไ ม่ นิ ย ม
ส ว ม เ ค รื อ ง ป ร ะ ดั บ ม า ก น อ ก จ า ก ใ ช้ เ ค รื อ ง ป ร ะ ดั บ ค า ด
ร อ บ ศี ร ษ ะ
ต อ น ป ล า ย รั ช ก า ล ที ๖ โ ป ร ด ใ ห้ ส ต รี นุ่ ง ซิ น ไ ว้ ผ ม ย า ว
แ ล ะ เ ก ล้ า ม ว ย แ บ บ ต ะ วั น ต ก ส่ ว น ผู้ ช า ย ยั ง ค ง นุ่ ง ผ้ า ม่ ว ง
โ จ ง ก ร ะ เ บ น ส ว ม เ สื อ ร า ช ป ร ะ แ ต น แ ล ะ ตั ด ผ ม แ บ บ ยุ โ ร ป
เ ช่ น เ ดี ย ว กั บ รั ช ก า ล ที ๕
๒๐
๗ ) วิเคราะห์คุณค่าทางสังคม
ก า ร ไ ว้ ผ ม ข อ ง ส ต รี ใ น ส มั ย นี ไ ด้ เ ป ลี ย น แ ป ล ง ไ ป อี ก
ก ล่ า ว คื อ ใ น ป พ . ศ . ๒ ๔ ๕ ๔ เ ริ ม มี ผู้ ห ญิ ง ไ ว้ ผ ม ย า ว ต่ อ
ม า ใ น ป พ . ศ . ๒ ๔ ๖ ๓ เ มื อ ค รั ง ที พ ร ะ บ า ท ส ม เ ด็ จ พ ร ะ
ม ง กุ ฎ เ ก ล้ า ฯ ท ร ง อ ภิ เ ษ ก ส ม ร ส ไ ด้ โ ป ร ด ใ ห้ ส ต รี ร า ช
สาํ นั ก ไ ว้ ผ ม ย า ว เ ก ล้ า ม ว ย ห รื อ ไ ว้ ผ ม บ๊ อ บ ต า ม แ บ บ
ต ะ วั น ต ก ซึ ง ส มั ย นั น นิ ย ม ใ ช้ เ ค รื อ ง ป ร ะ ดั บ ค า ด ร อ บ
ศี ร ษ ะ ด้ ว ย ก า ร แ ต่ ง ก า ย ต า ม พ ร ะ ร า ช นิ ย ม จึ ง ไ ด้ แ พ ร่
ห ล า ย อ อ ก สู่ ป ร ะ ช า ช น ส ต รี ไ ท ย จึ ง นิ ย ม ไ ว้ ผ ม ย า ว กั น
อ ย่ า ง แ พ ร่ ห ล า ย แ ต่ บ า ง ค น ก็ นิ ย ม ตั ด สั น แ บ บ ที เ รี ย ก ว่ า
ท ร ง ซิ ง เ กิ ล ย ก เ ว้ น ค น แ ก่ ที ยั ง นิ ย ม นุ่ ง โ จ ง ก ร ะ เ บ น แ ล ะ
ไ ว้ ผ ม ท ร ง ด อ ก ก ร ะ ทุ่ ม แ ล ะ ผ ม ทั ด ต่ อ ไ ป ต า ม เ ดิ ม
ส่ ว น ท า ง ด้ า น ก า ร แ ต่ ง ก า ย ข อ ง ช า ย นั น ข้ า ร า ช ก า ร ยั ง
ค ง นุ่ ง ผ้ า ม่ ว ง โ จ ง ก ร ะ เ บ น ส ว ม เ สื อ ร า ช ป ะ แ ต น ตั ด ผ ม
แ บ บ ยุ โ ร ป ส ว ม ถุ ง เ ท้ า ร อ ง เ ท้ า เ ช่ น เ ดี ย ว กั บ รั ช ก า ล ที ๕
ใ น ร ะ ย ะ ต่ อ ม า จึ ง นิ ย ม ก า ง เ ก ง แ พ ร สี ต่ า ง ๆ
๒๑
๘ ) วิเคราะห์คุณค่าด้านวรรณศิลป
มี ก า ร เ ริ ม ต้ น เ รื อ ง ไ ด้ อ ย่ า ง น่ า
ห ล ง ใ ห ล แ ล ะ น่ า ติ ด ต า ม อี ก ทั ง ก า ร
ดํา เ นิ น เ รื อ ง ก็ ช ว น ใ ห้ ติ ด ต า ม ไ ป จ น
จ บ เ รื อ ง สาํ น ว น ภ า ษ า ใ น ก า ร เ ขี ย น
จ ด ห ม า ย แ ล ะ ก า ร เ ลื อ ก ใ ช้ คํา ทั บ
ศั พ ท์ ภ า ษ า อั ง ก ฤ ษ ร ว ม ทั ง คํา แ ส ล ง
ม า ก ม า ย ส อ ด ค ล้ อ ง กั บ ลั ก ษ ณ ะ ข อ ง
ป ร ะ พั น ธ์ ผู้ ยั ง อ ยู่ ใ น วั ย ห นุ่ ม แ ล ะ เ พิ ง
ก ลั บ ม า จ า ก ต่ า ง ป ร ะ เ ท ศ ใ ห ม่ ๆ
น อ ก จ า ก นั น เ นื อ ค ว า ม ข อ ง จ ด ห ม า ย
ก็ เ ป น มุ ม ม อ ง ห รื อ ทั ศ น ะ ที ต ร ง ไ ป
ต ร ง ม า เ ห มื อ น จ ด ห ม า ย ส่ ว น ตั ว ทั ว ๆ
ไ ป ก ล วิ ธี ที ก ล่ า ว ม า ทั ง ห ม ด นี ทํา ใ ห้
หั ว ใ จ ช า ย ห นุ่ ม มี ค ว า ม ส ม จ ริ ง เ ป น
อ ย่ า ง ยิ ง แ ล ะ ส า ม า ร ถ สื อ แ น ว คิ ด ที
ต้ อ ง ก า ร นํา เ ส น อ ไ ด้ แ จ่ ม แ จ้ ง ชั ด เ จ น
วัตถปุ ระสงค์ในการประพนั ธ์ ๒๒
จ า ก เ รืองหั ว ใ จ ช า ย ห นุ่ ม
๑ ) เพื่อใหรูถึงวิถีชีวิตของชายหนุมไทย
๒ ) แสดงใหเห็นวิธีเขียนจดหมายที่ถูกตอง
๓ ) ส่ือถึงพระราชดาํ หริของพระบาทสมเด็จ
พระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว
๔ ) เขาใจในความรักของหนุมสาวในอดีต
๕) รับรูการแตงบทประพันธท่ีถูกตองและถูกตอง
ตามหลักการ
๖ ) ส่ือการแตงงานแบบคลุมถุงชนในอดีต
๗ ) ส่ือถึงประเพณีการแตงงานกับชาวตางชาติวา
แตกตางกับคนไทยอยางไร
๘ ) ส่ือถึงชายหนุมที่เม่ือไปอยูตางบานตางเมืองเปน
เวลานานอาจแสดงพฤติกรรมของวัฒนธรรมตะวัน
ตกแตถึงอยางไรก็ไมสามารถลืมวัฒนธรรมของถ่ิน
กําเนิดตัวเองได
๒๓
ข้ อคติธรรมทีได้จากเรือง
๑
พฤติกรรมของนายประพนั ธเ์ ปน
พฤติกรรมทีเลียนแบบพฤติกรรมของ
ปุถุชนทีมีทังข้อดีและ ขอ้ เสยี ทังความถกู
ต้องและผดิ พลาด เปรยี บเสมอื นกับ
มนุษยท์ ีสามารถผดิ พลาดได้ตลอดเวลา
แต่อยา่ ลืมนาํ ความผดิ พลาดนนั มาใช้ใน
การแก้ไขตนเอง และปรับทัศนคติทีผดิ
อยูใ่ หด้ ีขนึ จนสามารถอยูร่ ว่ มกับผู้อืนใน
สงั คมได้อยา่ งมีความสขุ ต่อไป
๒
อลเเยคกกเจืมขกงา่ ่าิวดรจณา็หบครรเิตมมลสเะโรสกขลอืเงางิ ด็าํบองวทคงนีปยัฒสนงรีไึกวไมริงึอนเทกทแะด่พนธยันเหีดีไรทวรนวกง่ีมา่ารศ้เคแี็อะาหปมใวลยวปหวัตนาัฒจา่ฏโอ้ะอมบดึงิบวนยุทสเถูรันปตัูไ่ธาาากู ดตินรหมณแบ้สรกไารล้าแมืบทจรณะนลทมถยน์ะีดาี
จนถึงทุกวันนี
๓ ๒๔
การแต่งงานของหนมุ่ สาว ๔
ทีมาจากการชอบพอกัน
แค่เพียงเปลือกนอก ขาด การใชเ้ สรภี าพในทางทีผดิ
การรูจ้ ักและเขา้ ใจกัน โดยปล่อยเนอื ปล่อยตัวจน
อยา่ งแท้จริงยอ่ มไมย่ ังยืน กระทังพลาดพลังชิงสุกก่อน
หา่ มจะต้อง ประสบชะตา
และอับปางลงอยา่ ง กรรมอันเลวร้าย นําไปสกู่ าร
ง่ายดาย
หยา่ รา้ งกันวันข้างหน้า
๕
ยคสไุตนมจาิธช่เมึงรรตอาาร้อรบคมถงกวยหดราอาังดรงมเใําชชารเน่นน้เบั สปไนิ งน้ดารช้ดสนะวี ้วาพทิตยยนัใีผตนแธ้ใู นทหต์ เเญา่ไขอมงาง่ ่
ฝากฝงให้ แต่ก็ได้ใช้ความ
คหพวสลารามวะมงกราบา้ารชวรถหิบทขนาาอลนา้ งบใบตนรรนรมรเาดศอชางกั กทศดาักําิใรนใดหไทิเดป้มีส้รนี ดุ บั
๒๕
˹ҷաè Ò÷Òí §Ò¹¢Í§ÊÁÒªÔ¡
น า ย ช ญ า น น ท์ ต ร ะ กู ล โ ช ค อํา น ว ย ชั น ม . ๖ / ๑ เ ล ข ที ๗
ห น้ า ที : อ อ ก แ บ บ / จั ด รู ป เ ล่ ม E - B O O K
น า ย ณั ฐ พ ล เ จ น วุ ฒิ พ า ณิ ช ย์ ชั น ม . ๖ / ๑ เ ล ข ที ๘
ห น้ า ที : อ อ ก แ บ บ / จั ด รู ป เ ล่ ม E - B O O K
น า ง ส า ว ช นิ ต า ศ รี บุ ญ เ ลิ ศ ชั น ม . ๖ / ๑ เ ล ข ที ๑ ๖
ห น้ า ที : ห า รู ป ภ า พ ป ร ะ ก อ บ
น า ง ส า ว พิ ม พ์ ม า ด า จํา ป า ไ ท ย ชั น ม . ๖ / ๑ เ ล ข ที ๓ ๗
ห น้ า ที : เ รี ย บ เ รี ย ง ข้ อ มู ล
น า ง ส า ว ริ น ล นี มี ส มิ ง ชั น ม . ๖ / ๑ เ ล ข ที ๓ ๘
ห น้ า ที : ห า ข้ อ มู ล
ºÃóҹ¡Ø ÃÁ
PA_MEUD. (๒๕๖๒). วิเคราะห์ตัวละคร. [ ออนไลน์ ]. เข้าถึงได้จาก :
HTTPS://PUBHTML๕.COM/LBTA/FZZA/BASIC
PA_MEUD. (๒๕๖๒).วิเคราะห์ชีวิตหนุ่มสามในสมัยนัน.[ ออนไลน์ ].เข้าถึงได้จาก :
HTTPS://PUBHTML๕.COM/LBTA/FZZA/BASIC
GATEGAWIN. (๒๕๖๑).ตัวอย่างจดหมายในเรือง. [ ออนไลน์ ]. เข้าถึงได้จาก :
HTTP://HUAJAICHYNUM.BLOGSPOT.COM/๒๐๑๘/๐๕/BLOG-POST_๘.HTML
ธีรภัทร์ สุมาลัย. (๒๕๕๕). ประวัติผู้แต่ง. [ ออนไลน์ ]. เข้าถึงได้จาก :
HTTP://๒๑๕๙๖THNHEART.BLOGSPOT.COM/๒๐๑๒/๐๑/BLOG-POST.HTML
มาลัย รอดประดิษฐ์. (๒๕๕๙).วิเคราะห์ลักษณะการประพันธ์. [ ออนไลน์ ].เข้าถึงได้จาก :
HTTP://THN๒๓๙๐๑๑THAI.BLOGSPOT.COM/๒๐๑๖/๐๒/BLOG-POST_๘.HTML
กทารนาบทขรี่ อบั บชมพรคะรคบั ณุ /คทะกุ