The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนช้างถวายฎีกา.pdf

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by mutita100450, 2024-06-24 08:24:46

ขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนช้างถวายฎีกา.pdf

ขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนช้างถวายฎีกา.pdf

ถึงตัวไปใจยังนับอยู่ว่าผัว น้องนี้กลัวบาปทับเมื่อดับจิต หญิงเดียวชายครองเป็นสองมิตร ถ้ามิปลิดเสียให้เปลื้องไม่ตามใจ คราวนั้นเมื่อตามไปกลางป่า หน้าดำ เหมือนหนึ่งทามินหม้อไหม้ ชนะความงามหน้าดังเทียนชัย เขาฉุดไปเหมือนลงทะเลลึก เจ้าพลายงามตามรับเอากลับมา ทีนี้หน้าจะดำ เป็นน้ำ หมึก กำ เริบใจด้วยเจ้าไวยกำ ลังฮึก จะพาแม่ตกลึกให้จำ ตาย ถอดความได้ว่า ตัวนางวันทองอยู่กับขุนช้างแต่ใจอยู่กับขุนแผนตลอด นางวันทองกลัวบาปที่ มีสามีสองคน ตอนหนีไปอยู่ป่ากับขุนแผนก็เสียหน้ามารอบหนึ่งแล้ว พอขุนช้างฉุดไปอยู่ด้วยก็เหมือนโดนฉุดไปอยู่ใต้ทะเลลึก พอมาตอนนี้พลายงามก็มารับกลับไปอีกก็ได้อายเขาอีกรอบ ๔๘


มิใช่หนุ่มดอกอย่ากลุ้มกำ เริบรัก เอาความผิดคิดหักให้เหือดหาย ถ้ารักน้องป้องปิดให้มิดอาย ฉันกลับกลายแล้วหม่อมจงฟาดฟัน ไปเพ็ดทูลเสียให้ทูลกระหม่อมแจ้ง น้องจะแต่งบายศรีไว้เชิญขวัญ ไม่พักวอนดอกจะนอนอยู่ด้วยกัน ไม่เช่นนั้นฉันไม่เลยจะเคยตัว ครั้นเวลาดึกกำ ดัดสงัดเงียบ ใบไม้แห้งแกร่งเกรียบระรุบร่อน พระพายโชยเสาวรสขจายขจร พระจันทรแจ่มแจ้งกระจ่างดวง ถอดความได้ว่า นางวันทองเลยบอกกับขุนแผนว่า ถ้าขุนแผนรักนางจริงต้องช่วยนาง ไปทูลพระพันวษาขอนางวันทองคืนให้ถูกต้องตามขั้นตอนไม่อย่างนั้นก็ ห้ามขุนแผนแตะเนื้อต้องตัวนางอีก ในเวลาค่ำ นั้นเสียงเงียบสงัดจนได้ยิน เสียงของใบไม้แห้งดังกรอบแกรบ พระจันทร์ก็ส่องแสงสว่าง ๔๙


ดุเหว่าเร้าเสียงสำ เนียงก้อง ระฆังฆ้องขานแข่งในวังหลวง วันทองน้องนอนสนิทรวง จิตง่วงระงับสู่ภวังค์ ฝันว่าพลัดไปในไพรเถื่อน เลื่อนเปื้อนไม่รู้ที่จะกลับหลัง ลดเลี้ยวเที่ยวหลงในดงรัง ยังมีพยัคฆ์ร้ายมาราวี ทั้งสองมองหมอบอยู่ริมทาง พอนางดั้นป่ามาถึงที่ โดดตะครุบคาบคั้นในทันที แล้วฉุดคร่าพารี่ไปในไพร ถอดความได้ว่า นกก็ต่างร้องสียงดัง เสียงระฆังจากในวังก็ตีบอกเวลา นางวันทองที่นอน หลับสนิทอยู่ก็ฝันว่าตนหลงไปในป่าหาทางกลับไม่ได้ยิ่งเดินเลี้ยวไปไหน ต่อไหนก็ยิ่งหลงทางและก็ไปเจอเสือสองตัวนอนหมอบอยู่ริมข้างทาง แล้วก็ตะครุบนางเข้าไปในป่า ๕๐


สิ้นฝันครั้นตื่นตกประหม่า หวีดผวากอดผัวสะอื้นไห้ เล่าความบอกผัวด้วยกลัวภัย ประหลาดใจน้องฝันพรั่นอุรา ใต้เตียงเสียงหนูก็กุกกก แมงมุมทุ่มอกที่ริมฝา ยิ่งหวาดหวั่นพรั่นตัวกลัวมรณา ดังวิญญานางจะพรากไปจากกาย ครานั้นขุนแผนแสนสนิท ฟังความตามนิมิตก็ใจหาย ครั้งนี้น่าจะมีอันตราย ฝันร้ายสาหัสตัดตำ รา ถอดความได้ว่า นางก็ตื่นขึ้นมาร้องไห้ผวากอดขุนแผนและเล่าความฝันให้ขุนแผนฟัง ยิ่งได้ยินเสียงหนูร้องและแมงมุมทุ่มอกยิ่งใจหายกลัวจะเกิดเรื่องไม่ดี ๕๑


พิเคราะห์ดูทั้งยามอัฐกาล ก็บันดาลฤกษ์แรงเป็นหนักหนา มิรู้ที่จะแถลงแจ้งกิจจา กอดเมียเมินหน้าน้ำ ตากระเด็น จึงแกล้งเพทุบายทำ นายไป ฝันอย่างนี้มิใช่จะเกิดเข็ญ เพราะวิตกหมกไหม้จึงได้เป็น เนื้อเย็นอยู่กับผัวอย่ากลัวทุกข์ พรุ่งนี้พี่จะแก้เสนียดฝัน แล้วทำ มิ่งสิ่งขวัญให้เป็นสุข มิให้เกิดราคีกลียุค อย่าเป็นทุกข์เลยเจ้าจงเบาใจ ถอดความได้ว่า เมื่อขุนแผนได้ฟังความฝันของนางวันทองก็รู้ว่าเป็นลางบอกเหตุร้ายที่จะ เกิดขึ้นแต่ไม่รู้จะบอกนางวันทองยังไงเลยปลอบใจนางวันทองจึงแกล้ง บอกปลอบใจนางวันทองว่าเป็นเพราะนางคิดมากไปไม่ได้จะเกิดเหตุร้าย หรอกอยู่กับพี่ไม่ต้องกลัวเดี๋ยวพรุ่งนี้จะแก้สิ่งไม่เป็นมงคลให้และทำ สิ่งดี ทำ ให้นางมีความสุข ไม่ให้เกิดสิ่งร้ายๆ สบายใจได้ ๕๒


ครั้นว่ารุ่งสางสว่างฟ้า สุริยาแย้มเยี่ยมเหลี่ยมไศล จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงชัย เนาในพระที่นั่งบัลลังก์รัตน์ พร้อมด้วยพระกำ นัลนักสนม หมอบประนมเฝ้าแหนแน่นขนัด ประจำ ตั้งเครื่องอานอยู่งานพัด ทรงเคืองขัดขุนช้างแต่กลางคืน แสนถ่อยใครจะถ่อยเหมือนมันบ้าง ทุกอย่างที่จะชั่วอ้ายหัวลื่น เวียนแต่เป็นถ้อยความไม่ข้ามคืน น้ำ ยืนหยั่งไม่ถึงยังดึงมา ถอดความได้ว่า วันรุ่งขึ้นสมเด็จพระพันวษาประทับบนบัลลังก์มีนางกำ นัลและสนมหมอบ เฝ้าอยู่ตั้งเครื่องกินและอยู่งานพัดตามหน้าที่สมเด็จพระพันวษาขัดเคืองขุน ช้างตั้งแต่เวลากลางคืน ทรงเห็นว่าขุนช้างเป็นคนชั่วคอยแต่มีคดีความ กับผู้อื่น ๕๓


คราวนั้นฟ้องกันด้วยวันทอง นี่มันฟ้องใครอีกอ้ายชาติข้า ดำ ริพลางทางเสด็จยาตรา ออกมาพระที่นั่งจักรพรรดิ พระสูตรรูดกร่างกระจ่างองค์ ขุนนางกราบลงเป็นขนัด ทั้งหน้าหลังเบียดเสียดเยียดยัด หมอบอัดถัดกันเป็นหลั่นไป ทอดพระเนตรมาเห็นขุนช้างเฝ้า เออใครเอาฟ้องมันไปไว้ไหน พระหมื่นศรีถวายพลันในทันใด รับไว้คลี่ทอดพระเนตรพลัน ถอดความได้ว่า คราวก่อนก็ฟ้องร้องเรื่องวันทอง ครั้งนี้ไม่ทรงทราบว่าจะฟ้องใครอีก พระองค์จึงเสด็จออกมาที่พระที่นั่งจักรพรรดิ เมื่อม่านรูดออกขุนนาง ก็พร้อมกันกราบลงหมอบเฝ้ากันอยู่มากมายตามลำ ดับ ทรงทอดพระเนตรเห็นขุนช้างเข้าเฝ้าอยู่จึงตรัสถามขุนนางว่าจะฟ้อง ใคร หมื่นศรีจึงถวายฎีกาให้ทอดพระเนตร ๕๔


พอทรงจบแจ้งพระทัยในข้อหา ก็โกรธาเคืองขุ่นหุ่นหัน มันเคี่ยวเข็ญทำ เป็นอย่างไรกัน อีวันทองคนเดียวไม่รู้แล้ว ราวกับไม่มีหญิงเฝ้าชิงกัน หรืออีวันทองนั้นมันมีแก้ว รูปอ้ายช้างชั่วช้าตาบ้องแบว ไม่เห็นแววที่ว่ามันจะรัก ใครจะเอาเป็นผัวเขากลัวอาย หัวหูดูเหมือนควายที่ตกปลัก คราวนั้นเป็นความกูถามซัก ตกหนักอยู่กับเฒ่าศรีประจัน ถอดความได้ว่า พอทอดพระเนตรเสร็จก็กริ้วว่าเรื่องวันทองคนเดียวทำ ไมไม่จบกัน เสียทีเหมือนกับไม่มีผู้หญิงคนอื่นอีกแล้วและทรงไม่เห็นว่าวันทองจะมี ใจรักขุนช้าง ใครก็ไม่อยากได้ขุนช้างไปเป็นผัวเพราะดูรูปร่างหน้าตา น่าเกลียด ๕๕


วันทองกูสิให้กับไอ้แผน ไยแล่นมาอยู่กับอ้ายช้างนั่น จมื่นศรีไปเอาตัวมันมาพลัน ทั้งวันทองขุนแผนอ้ายหมื่นไวย ฝ่ายพระหมื่นศรีได้รับสั่ง ถอยหลังออกมาไม่ช้าได้ สั่งเวรกรมวังในทันใด ตำ รวจในวิ่งตะบึงมาถึงพลัน ขึ้นไปบนเรือนพระหมื่นไวย แจ้งข้อรับสั่งไปขมีขมัน ขุนช้างฟ้องร้องฎีกาพระทรงธรรม์ ให้หาทั้งสามท่านนั้นเข้าไป ถอดความได้ว่า คราวก่อนก็ยกวันทองให้กับขุนแผนไปแล้ว ทำ ไมจึงมาอยู่กับขุนช้างอีก จึงให้จมื่นศรีไปนำ ตัววันทอง ขุนแผนและจมื่นไวย พระหมื่นศรีได้รับคำ สั่งให้ถอยหลังออกมาในไม่ช้าและสั่งหารในวังทันทีให้ทหารวิ่งมาอย่าง เร่งรีบและขึ้นไปบนเรือนพระหมื่นไวยและแจ้งรับสั่งให้รีบไปในทันที ขุนช้างได้ยืนคำ ร้องทุกข์ให้พระเจ้าแผ่นดินให้เรียกทั้งสามคนมาเข้าเฝ้า ๕๖


ครานั้นวันทองเจ้าพลายงาม ได้ฟังความคร้ามครั่นหวั่นไหว ขุนแผนเรียกวันทองเข้าห้องใน ไม่ไว้ใจจึงเสกด้วยเวทมนตร์ สีขี้ผึ้งสีปากกินหมากเวทย์ ซึ่งวิเศษสารพัดแก้ขัดสน น้ำ มันพรายน้ำ มันจันทน์สรรเสกปน เคยคุ้มขังบังตนแต่ไรมา แล้วทำ ผงอิทธิเจเข้าเจิมพักตร์ คนเห็นคนทักรักทุกหน้า เสกกระแจะจวงจันทร์น้ำ มันทา เสร็จแล้วก็พาวันทองไป ถอดความได้ว่า ตอนนั้นนางวันทองและพลายงามได้ฟังคำ รับสั่งแล้วรู้สึกตื่นเต้นและ ขุนแผนเรียกนางวันทองเข้าไปข้างในห้องเพราะไม่ไว้ใจเลยเสกมนตร์ใส่ นางวันทอง เอาขี้ผึ้งมาปากและกินหมากที่ลงมนตร์ไว้มันเป็นของที่ช่วย แก้ปัญหาทุกอย่าง มีทั้งน้ำ มันพรายและน้ำ มันจันทน์ที่ใช้พลางตัวมา ตลอด แล้วนำ ผงเสน่ห์มาทาหน้าเพื่อให้คนที่เห็นที่ทักทุกคนต่างหลงรัก ตนและเสกเครื่องหอมที่ทำ ด้วยไม้จันทร์ทำ ให้เป็นน้ำ มันพอทำ เสร็จแล้ว ก็พานางวันทองออกไป ๕๗


ครานั้นทองประศรีผู้มารดา ครั้นได้แจ้งกิจจาไม่นิ่งได้ เด็กเอ๋ยวิ่งตามมาไวไว ลงบันไดงันงกตกนอกชาน พลายชุมพลกอดก้นทองประศรี กูมิใช่ช้างขี่ดอกลูกหลาน ลุกขึ้นโขย่งโก้งโค้งคลาน ซมซานโฮกฮากอ้าปากไป ครั้นถึงยั้งอยู่ประตูวัง ผู้รับสั่งเร่งรุดไม่หยุดได้ ขุนแผนวันทองพระหมื่นไวย เข้าไปเฝ้าองค์พระภูมี ถอดความได้ว่า เมื่อแม่ของนางวันทองได้รู้ข่าวก็ร้อนใจ รีบเรียกลูกหลานให้วิ่งตาม มาให้รีบลงจากบันไดจนตกออกนอกชาน พลายชุมพลก็เข้ากอดก้น นางทองประศรี นางทองประศรีจึงตะโกนบอกว่าพลายชุมพลว่าตน ไม่ใช่ช้างแล้วก็ลุกขึ้นเมื่อถึงหน้าประตูวังทั้งสามคนจึงรีบเข้าไปเข้า เฝ้าพระมหากษัตริย์ ๕๘


ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช ปิ่นปักนัคเรศเรืองศรี เห็นสามราเข้ามาอัญชลี พระปรานีเหมือนลูกในอุทร ด้วยเดชะพระเวทวิเศษประสิทธิ์ เผอิญคิดรักใคร่พระทัยอ่อน ตรัสถามอย่างความราษฎร ฮ้าเฮ้ยดูก่อนอีวันทอง เมื่อมึงกลับมาแต่ป่าใหญ่ กูสิให้อ้ายแผนประสมสอง ครั้นกูขัดใจให้จำ จอง ตัวของมึงไปอยู่แห่งไร ถอดความได้ว่า เมื่อพระพันวสาเห็นทั้งสามคน(ขุนช้าง พระไวย และนางวันทอง)เดิน เข้ามาก็เกิดความเอ็นดูอย่างลูก จึงตรัสถามความว่าเมื่อกลับมาจาก ป่าที่ตัดสินให้ไปอยู่กับขุนแผนเป็นอย่างไร ๕๙


ทำ ไมไม่อยู่กับอ้ายแผน แล่นไปอยู่กับอ้ายช้างใหม่ เดิมมึงรักอ้ายแผนแล่นตามไป ครั้นยกให้สิเต้นกลับเล่นตัว อยู่กับอ้ายช้างไม่อยู่ได้ เกิดรังเกียจเกลียดใจด้วยชังหัว ดูยักใหม่ย้ายเก่าเฝ้าเปลี่ยนตัว ตกว่าชั่วแล้วมึงไม่ไยดี ครานั้นวันทองได้รับสั่ง ละล้าละลังประนมก้มเกศี หัวสยองพองพรั่นทันที ทูลคดีพระองค์ผู้ทรงธรรม์ ถอดความได้ว่า ให้ไปอยู่กับขุนแผนทำ ไมถึงไม่ไปอยู่แต่กลับไปอยู่กับขุนช้าง ทั้งๆที่แต่ก่อนรักกับขุนแผนไม่ใช่เหรอพอจะยกให้ไปอยู่กับขุนช้าง ก็รังเกียจขุนช้างขึ้นมาเปลี่ยนไปเปลี่ยนมามันไม่ดีเมื่อนางวันทองได้ รับสั่งก็รู้สึกละล้าละลังจึงประนมมือไหว้เหนือหัว นางรู้สึกกลัวมาก ๖๐


ขอเดชะละอองธุลีบาท องค์หริรักษ์ราชรังสรรค์ เมื่อกระหม่อมฉันมาแต่อารัญ ครั้งนั้นโปรดประทานขุนแผนไป ครั้นอยู่มาขุนแผนต้องจำ จอง กระหม่อมฉันมีท้องนั้นเติบใหญ่ อยู่ที่เคหาหน้าวัดตะไกร ขุนช้างไปบอกว่าพระโองการ มีรับสั่งโปรดประทานให้ กระหม่อมฉันไม่ไปก็หักหาญ ยื้อยุดฉุดคร่าทำ สามานย์ เพื่อนบ้านจะช่วยก็สุดคิด ถอดความได้ว่า นางวันทองทูลขอพระพันวษาว่าเมื่อตอนที่ออกจากป่าพระองค์ ยกหม่อมฉันให้ขุนแผนต่อมาขุนแผนถูกเข้าคุก ดิฉันได้ตั้งท้องขุนช้างก็ เข้ามาพากระหม่อมไปอยู่ด้วยโดยอ้างว่าเป็นพระบัญชาของพระองค์ มาฉุดกระหม่อมไปเพื่อนบ้านก็เกรงกลัวเพราะคิดว่าเป็นพระบัญชาของ พระองค์ ๖๑


ด้วยขุนช้างอ้างว่ารับสั่งให้ ใครจะขัดขืนไว้ก็กลัวผิด จนใจจะมิไปก็สุดฤทธิ์ ชีวิตอยู่ใต้พระบาทา ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพ ถ้าฟังจบกริ้วขุนช้างเป็นหนักหนา มีพระสิงหนาทตวาดมา อ้ายบ้าเย่อหยิ่งอ้ายลิงโลน ตกว่ากูหาเป็นเจ้าชีวิตไม่ มึงถือใจว่าเป็นเจ้าที่โรงโขน เป็นไม่มีอาชญาสิทธิ์คิดถึงโดน เที่ยวทำ โจรใจคะนองจองหองครัน ถอดความได้ว่า พระพันวษาได้ฟังขุนช้างทูลก็ทรงกริ้วตวาดเสียงดังลั่นว่าถ้าพระองค์ไม่ เป็นกษัตริย์ ขุนช้างก็คงมองไม่เห็นหัวจะต้องเฆี่ยนเสียด้วยหวาย ๖๒


เลี้ยงมึงไม่ได้อ้ายใจร้าย ชอบแต่เฆี่ยนสองหวายตลอดสัน แล้วกลับความถามข้างวันทองพลัน เออเมื่อมันฉุดคร่าพามึงไป ก็ช้านานประมาณได้สิบแปดปี ครั้งนี้ทำ ไมมึงจึงมาได้ นี่มึงหนีมันมาฤๅว่าไร ฤๅว่าใครไปรับเอามึงมา วันทองฟังถามให้คร้ามครั่น บังคมคัลประนมก้มเกศา ขอเดชะพระองค์ทรงศักดา พระอาญาเป็นพ้นล้นเกล้าไป ถอดความได้ว่า พระพันวษาก็ตรัสถามนางวันทองว่า เมื่อขุนช้างฉุดไปเป็นเวลาประมาณ 18 ปีทำ ไมถึงหนีมาได้ หนีมาเองหรือว่าใครไปรับมา นางวันทองได้ฟัง คำ ถามก็รู้สึกกลัว ๖๓


ครั้งนี้จมื่นไวยนั้นไปรับ กระหม่อมฉันจึงกลับคืนมาได้ มิใช่ย้อนยอกทำ นอกใจ ขุนแผนก็มิได้ประเวณี แต่มานั้นเวลาสักสองยาม ขุนช้างจึงหาความว่าหลบหนี ขอพระองค์จงทรงพระปรานี ชีวีอยู่ใต้พระบาทา ถอดความได้ว่า นางวันทองกราบทูลสมเด็จพระพันวษาว่าจมื่นไวยไปรับตอนกลางคืน ขุนช้างจึงคิดว่าหนีออกมา ขุนแผนก็ไม่ได้ทำ อะไรไม่ดีไม่งาม นางทูลขอความกรุณาจากสมเด็จพระพันวษา ๖๔


ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช ฟังเหตุขุ่นเคืองเป็นหนักหนา อ้ายหมื่นไวยทำ ใจอหังการ์ ตกว่าบ้านเมืองไม่มีนาย จะปรึกษาตราสินให้ไม่ได้ จึงทำ ตามน้ำ ใจเอาง่ายง่าย ถ้าฉวยเกิดฆ่าฟันกันล้มตาย อันตรายไพร่เมืองก็เคืองกู อีวันทองกูให้อ้ายแผนไป อ้ายช้างบังอาจใจทำ จู่ลู่ ฉุดมันขึ้นช้างอ้างถึงกู ตะคอกขู่อีวันทองให้ตกใจ ถอดความได้ว่า เมื่อพระพันวษาได้ฟังความจากนางวันทอง ก็โกรธจมื่นไวยที่ทำ การอุกอาจทำ เหมือนบ้านเมืองไม่มีกฎหมาย ถ้าเกิดมีการฆ่าฟันล้มตาย ประชาชนจะขุ่นเคือง พระพันวษาได้ ทางด้านขุนช้างก็ผิดที่ไปฉุดตัวนางวันทองมา แล้วยังอ้างชื่อพระพันวษาไปข่มขู่พาตัวนางวันทองมา ๖๕


ชอบตบให้สลบลงกับที่ เฆี่ยนตีเสียให้ยับไม่นับได้ มะพร้าวห้าวยัดปากให้สาใจ อ้ายหมื่นไวยก็โทษถึงฉกรรจ์ มึงถือว่าอีวันทองเป็นแม่ตัว ไม่เกรงกลัวเว้โว้ทำ โมหันธ์ ไปรับไยไม่ไปในกลางวัน อ้ายแผนพ่อนั้นก็เป็นใจ มันเหมือนวัวเคยขาม้าเคยขี่ ถึงบอกกูว่าดีหาเชื่อไม่ อ้ายช้างมันก็ฟ้องเป็นสองนัย ว่าอ้ายไวยลักแม่ให้บิดา ถอดความได้ว่า เฆี่ยนตีขุนช้างให้สลบคาที่แล้วเอามะพร้าวห้าวยัดปากจมื่นไวยก็มีความผิด ฉกรรจ์ที่ไปพาตัวนางวันทองมากลางดึกคงจะมีขุนแผนผู้เป็นพ่อคอยหนุนหลัง เพราะว่าขุนช้างเอาเรื่องมาบอกพระพันวษาว่าจมื่นไวยฉุดนางวันทองกลับไป ให้พ่อถือว่าเป็นความผิด ๖๖


เป็นราคีข้อผิดมีติดตัว หมองมัวมลทินอยู่หนักหนา ถ้าอ้ายไวยอยากจะใคร่ได้แม่มา ชวนพ่อฟ้องหาเอาเป็นไร อัยการศาลโรงก็มีอยู่ ฤๅว่ากูตัดสินให้ไม่ได้ ชอบทวนด้วยลวดให้ปวดไป ปรับไหมให้เท่ากับชายชู้ มันเกิดเหตุทั้งนี้ก็เพราะหญิง จึงหึงหวงช่วงชิงยุ่งยิ่งอยู่ จำ จะตัดรากใหญ่ให้หล่นพรู ให้ลูกดอกดกอยู่แต่กิ่งเดียว ถอดความได้ว่า ถ้าจมื่นไวยอยากได้ตัวแม่ ทำ ไมไม่พาพ่อมาฟ้องศาล หรือคิดว่า พระพันวษาไม่สามารถตัดสินให้ได้ ต้องลงโทษด้วยลวดและปรับ ส่วนขุนช้างก็บังอาจอ้างราชโองการ ควรตบให้สลบแล้วเอามะพร้าวยัดปาก แล้วรับสั่งว่าจะต้องแก้ปัญหานี้ให้จบเสียทีต้องตัดรากใหญ่(ปัญหา) ให้เหลือลูกดอกกิ่งเดียว (ให้นางวันทองตัดสินใจเลือกเพียงหนึ่ง) ๖๘


อีวันทองตัวมันเหมือนรากแก้ว ถ้าตัดโคนขาดแล้วก็ใบเหี่ยว ใครจะควรสู่สมอยู่กลมเกลียว ให้เด็ดเดี่ยวรู้กันแต่วันนี้ เฮ้ยอีวันทองว่ากระไร มึงตั้งใจปลดปลงให้ตรงที่ อย่าพะวังกังขาเป็นราคี เพราะมึงมีผัวสองกูต้องแค้น ถ้ารักใหม่ก็ไปอยู่กับอ้ายช้าง ถ้ารักเก่าเข้าข้างอ้ายขุนแผน อย่าเวียนวนไปให้คนมันหมิ่นแคลน ถ้าแม้นมึงรักไหนให้ว่ามา ถอดความได้ว่า นางวันทองเหมือนกับรากแก้วถ้าตัดโคนได้แล้วใบก็จะเหี่ยวไปเอง พระพันวษาตรัสว่านางวันทองจะตกลงยังไง อย่าลังเลเพราะมีทั้งผัวและ ลูก ถ้ารักใหม่ก็ให้ไปอยู่กับขุนช้าง แต่ถ้ารักเก่าก็เลือกขุนแผน อย่าชักช้าคนจะนินทาเอาได้ จะเลือกใครก็ว่ามา ๖๙


ครานั้นวันทองฟังรับสั่ง ให้ละล้าละลังเป็นหนักหนา ครั้นจะทูลกลัวพระราชอาญา ขุนช้างแลดูตายักคิ้วลน พระหมื่นไวยใช้ใบ้ให้แม่ว่า บุ้ยปากตรงบิดาเป็นหลายหน วันทองหมองจิตคิดเวียนวน เป็นจนใจนิ่งอยู่ไม่ทูลไป ครานั้นพระองค์ทรงธรณินทร์ หาได้ยินวันทองทูลขึ้นไม่ พระตรัสความถามซักไปทันใด ฤๅมึงไม่รักใครให้ว่ามา ถอดความได้ว่า นางวันทองได้ฟังคำ พระพันวษาก็เกิดลังเลว่าจะเลือกใคร มองไปทางขุนช้างก็ยักคิ้วมองไปทางหมื่นไวยก็ทำ ปากบุ้ยไปตรงพ่อ วันทองคิดวนไปวนมาก็ยังไม่ทูลอะไรแก่พระพันวษา พระพันวษาไม่เห็น ว่านางวันทองทูลอะไร ทรงตรัสถามต่อว่าจะไม่รักใครให้ว่ามา ๗๐


จะรักชู้ชังผัวมึงกลัวอาย จะอยู่ด้วยลูกชายก็ไม่ว่า ตามใจกูจะให้ดังวาจา แต่นี้เบื้องหน้าขาดเด็ดไป นางวันทองรับพระราชโองการ ให้บันดาลบังจิตหาคิดไม่ อกุศลดลมัวให้ชั่วใจ ด้วยสิ้นในอายุที่เกิดมา คิดคะนึงตะลึงตะลานอก ดังตัวตกพระสุเมรุภูผา ให้อุธัจอัดอั้นตันอุรา เกรงผิดภายหน้าก็สุดคิด ถอดความได้ว่า จะไปอยู่กับลูกไหม ตามแต่ใจแต่ถ้าตอบมาแล้วจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ นางวันทองรับพระราชโองการดังนั้นก็คิดไม่ออก ถึงเวลาสิ้นอายุ จึงเกิด “อกุศล” ทำ ให้ประหม่าและเกรงว่าจะตัดสินใจผิด ๗๑


จะว่ารักขุนช้างกระไรได้ ที่จริงใจมิได้รักแต่สักหนิด รักพ่อลูกห่วงดังดวงชีวิต แม้นทูลผิดจะพิโรธไม่โปรดปราน อย่าเลยจะทูลเป็นกลางไว้ ตามพระทัยท้าวจะแยกให้แตกฉาน คิดแล้วเท่านั้นมิทันนาน นางก้มกรานแล้วก็ทูลไปฉับพลัน ความรักขุนแผนก็แสนรัก ด้วยร่วมยากมานักไม่เดียดฉันท์ สู้ลำ บากบุกป่ามาด้วยกัน สารพันอดออมถนอมใจ ถอดความได้ว่า จะว่ารักขุนช้างก็ไม่ได้เพราะตนไม่ได้รัก ถ้าเกิดทูลพระพันวษาผิดก็จะเป็นทูล จึงทูลเป็นกลางๆตามแต่พระทของพระพันวษาว่าจะตัดสินใจอย่างไร จึงทูลออกไปว่าขุนแผนนั้นก็แสนรักร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมานาน ๗๒


ขุนช้างแต่อยู่ด้วยกันมา คำ หนักหาได้ว่าให้เคืองไม่ เงินทองกองไว้มิให้ใคร ข้าไทใช้สอยเหมือนของตัว จมื่นไวยเล่าก็เลือดที่ในอก ก็หยิบยกรักเท่ากันกับผัว ทูลพลางตัวนางเริ่มระรัว ความกลัวอาญาเป็นพ้นไป ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพ ฟังจบแค้นคั่งดังเพลิงไหม้ เหมือนดินประสิวปลิวติดกับเปลวไฟ ดูดู๋เป็นได้อีวันทอง ถอดความได้ว่า ขุนช้างอยู่ด้วยกันมาก็ไม่เคยทำ เรื่องให้ขุ่นเคืองใจและมีเงินทองบ่าวไพร่ ใช้ไม่ขัดสน ส่วนจมื่นไวยที่เป็นลูกชายก็เป็นเหมือนเลือดในอก ย่อมรัก เท่ากับรักผัวอยู่แล้ว ทูลเสร็จนางวันทองก็สั่นด้วยความกลัว หลังจากนางวันทองทูล พระพันวษากริ้วอย่างมากเหมือนดินประสิวที่ โดนไฟแล้วปะทุ ๗๓


จะว่ารักข้างไหนไม่ว่าได้ น้ำ ใจจะประดังเข้าทั้งสอง ออกนั่นเข้านี่มีสำ รอง ยิ่งกว่าท้องทะเลอันล้ำ ลึก จอกแหนแพเสาสำ เภาใหญ่ จะทอดถมเท่าไรไม่รู้สึก เหมือนมหาสมุทรสุดซึ้งซึก น้ำ ลึกเหลือจะหยั่งกระทั่งดิน อิฐผาหาหาบมาทุ่มถม ก็จ่อมจมสูญหายไปหมดสิ้น อีแสนถ่อยจัญไรใจทมิฬ ดังเพชรนิลเกิดขึ้นในอาจม ถอดความได้ว่า นางวันทองไม่ยอมบอกว่าจะเลือกใคร พระพันวษารับสั่งด่านางวันทอง ว่ารักข้างไหนเลือกไม่ถูกจะเอาไว้สำ รองทั้งสองยิ่งว่าความลึกของทะเล ทอดสมอลึกเกินจะหยั่งถึงได้ คนถ่อย จัญไร ใจทมิฬ เหมือนเพชรที่เกิด ในสิ่งสกปรก ๗๔


รูปงามนามเพราะน้อยไปหรือ ใจไม่ซื่อสมศักดิ์เท่าเส้นผม แต่ใจสัตว์มันยังมีที่นิยม สมาคมก็แต่ถึงฤดูมัน มึงนี่ถ่อยยิ่งกว่าถ่อยอีท้ายเมือง จะเอาเรื่องไม่ได้สักสิ่งสรรพ์ ละโมบมากตัณหาตาเป็นมัน สักร้อยพันให้มึงไม่ถึงใจ ว่าหญิงชั่วผัวยังคราวละคนเดียว หาตามตอมกันเกรียวเหมือนมึงไม่ หนักแผ่นดินกูจะอยู่ไย อ้ายไวยมึงอย่านับว่ามารดา ถอดความได้ว่า หน้าตาสวยงามชื่อเพราะน้อยไปหรือถึงได้จิตใจไม่ซื่อเท่ากับเส้นผม เลวกว่า สัตว์เพราะสัตว์ยังมีฤดูผสมพันธุ์ หญิงชั่วยังมีผัวคราวละคน จะอยู่ให้หนักแผ่น ดินทำ ไม ทรงหันไปตรัสกับหมื่นไวยว่าอย่านับนางวันทองเป็นแม่ให้อายเขา ๗๕


กูเลี้ยงมึงถึงให้เป็นหัวหมื่น คนอื่นรู้ว่าแม่ก็ขายหน้า อ้ายขุนช้างขุนแผนทั้งสองรา กูจะหาเมียให้อย่าอาลัย หญิงกาลกิณีอีแพศยา มันไม่น่าเชยชิดพิสมัย ที่รูปรวยสวยสมมีถมไป มึงตัดใจเสียเถิดอีคนนี้ เร่งเร็วเหวยพระยายมราช ไปฟันฟาดเสียให้มันเป็นผี อกเอาขวานผ่าอย่าปรานี อย่าให้มีโลหิตติดดินกู เอาใบตองรองไว้ให้หมากิน ตกดินจะอัปรีย์กาลีอยู่ ฟันให้หญิงชายทั้งหลายดู สั่งเสร็จเสด็จสู่ปราสาทชัย ถอดความได้ว่า รับสั่งขุนช้างกับขุนแผนพระองค์จะทรงหาเมียใหม่ให้ แล้วรับสั่งให้เอา นางวันทองไปประหารชีวิต เอาขวานผ่าอก แล้วเอาใบตองมารองเลือด ให้หมากิน อย่าให้เลือดอัปรีย์กาลีตกถึงพื้นดินเลย รับสั่งเสร็จก็เสด็จเข้าสู่ ปราสาทที่ประทับ ๗๖


อธิบายคำ ศัพท์ วันนั้นแพ้กูเมื่อดำ น้ำ หมื่นไวยเท้าความถึงตอนที่ขุนช้างดำ น้ำ พิสูจน์โทษเมื่อเป็นคดีกับตัว เมรุไกร ภูเขาใหญ่ จัตุบททวิบาท หมายถึง (สัตว์) สี่เท้า สองเท้า มงคล สิ่งที่ทำ เป็นวงใช้สวมศีรษะ บริกรรม สำ รวมในร่ายมนตร์หรือเสกคาถาซ้ำ ๆหลายๆหน เพื่อให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ ข้าวสารปราย ข้าวสารที่เสกแล้วซัดให้กระจาย อัฒจันทร์ ชั้นที่ตั้งเครื่องแก้วซึ่งเป็นของประดับบ้าน ฉวยสบเพลง บังเอิญถูกจังหวะ มินหม้อ เขม่าดำ ที่ติดก้นหม้อ ทรามสวาดิ ผู้เป็นที่รัก วางบท ถูกกำ หนดให้แสดงไปตามบท คือ หน้าที่ที่กำ หนดให้ในที่นี้หมายถึง ครั้งหนึ่งสมเด็จพระพันวษาได้เคยทรงตัดสินให้นางวันทองกลับไปอยู่กับขุนแผน แสงศรี มาจากคำ ว่า แสงสุรีย์ศรี หมายถึง แสงอาทิตย์ ๗๗ ทักทิน วันชั่วร้ายตามความเชื่อโหราศาสตร์ ย่ำ ยาม ตีกลองหรือฆ้องถี่ๆเพื่อบอกเวลาสำ หรับเปลี่ยนยามในเวลากลางคืน ร้านดอกไม้ ชานเรือนโบราณที่ปลูกดอกไม้ไว สะเดาะกลอน ทำ ให้กลอนประตูหลุดออกได้ด้วยคาถาอาคม หัวหมื่นมหาดเล็ก ตำ แหน่งข้าราชการมหาดเล็กถัดจากตำ แหน่งจางวางซึ่งเป็นตำ แหน่ง หัวหน้าข้ารับใช้ของเจ้านายชั้นบรมวงศ์หรือทรงกลมลงมา ยาเข้าปรอท ยาที่ประสมสารปรอทซึ่งอาจทำ ให้เป็นพิษได้


ส่งทุกข์ เข้าส้วม ถกเขมร การนุ่งผ้าหยักรั้งขึ้นไปให้พ้นหัวเข่าถึงง่ามก้นบางทีเรียกว่า ขัดเขมร เจ็บจุกประจุบัน มีอาการจุกเสียดขึ้นมาทันที ประจุบัน ปัจจุบัน เรียกโรคภัยที่เกิดขึ้นในทันทีทันใดว่าโรคปัจจุบัน เสด็จประพาสบัว การเสด็จประพาสท้องทุ่งในฤดูน้ำ หลากที่มีน้ำ เต็มเปี่ยมมีดอกบัวและ พันธุ์ไม้น้ำ ที่งดงาม อาจเป็นฤดูเล่นเรือหรือเล่น ดอกสร้อยสักวา บโทนอ้นต้นกัญญา บโทนคือพนักงานคอยให้จังหวะสัญญาณให้ฝีพาย พายเรือช้าหรือเร็ว เรือในที่นี้เป็นเรือต้นกัญญา คือ เป็นเรือหลวงยาว มีเครื่องบังแดด เป็นรูปหลังคา อัน น่าจะเป็นชื่อของบโทน ฎีกา คำ ร้องทุกข์ที่ยื่นถวายพระเจ้าแผ่นดิน ปรนนิบัติวัตถา เอาใจใส่คอยปฏิบัติรับใช้ เพรางาย เวลาเช้าและเย็น (เพรา = เย็น, งาย = เช้า) ๗๘ แง้นชิง ในที่นี้น่าจะเป็นคำ เดียวกับคำ ว่า แง่น ซึ่งแปลว่าแยกเขี้ยวจะกัด แง้นชิงจึง หมายถึงแสดงอาการโกรธ แย่งชิง ทั้งๆที่ไม่สมควรจะได้ แหงนเถ่อ ค้างอยู่ ล่อนแก่น สิ้นเนื้อประดาตัว ไม่มีติดตัว จังกา คือ จังก้า เป็นลักษณะยืนถ่างขาตั้งท่าเตรียมสู้ ร้องเกน ร้องตะโกนดังๆ ขี้ครอก ลูกของข้าทาส ผีเสื้อ เทวดาที่รักษาน่านน้ำ ในที่นี้หมายถึงผีน้ำ เครื่อง เหตุ เรื่องราว ในความว่า “ว่านักก็เครื่องเคืองระคาย” ของสำ คัญ เต้านม ในความว่า “ว่าพลางทางแอบเข้าแนบอกประคองยกของสำ คัญมั่นหมาย”


ผงอิทธิเจ เป็นผงดินสอที่นำ มาผัดหน้าสำ หรับเป็นเสน่ห์ทำ ให้คนรัก ๗๙ บายศรี เครื่องเชิญขวัญหรือรับขวัญ ทำ ด้วยใบตอง รูปคล้ายกระทงเป็นชั้นๆ มีขนาดใหญ่เล็กสอบกันขึ้นไปตามลำ ดับ อาจเป็น 3 ชั้น 5 ชั้น 7 ชั้น หรือ 9 ชั้น มีเสาปักตรงกลางแกน มีเครื่องสังเวยวางอยู่ในบายศรีและมีไข่ขวัญเสียบอยู่บนยอด แมงมุมทุ่มอก ทุ่มอกคือตีอก เชื่อกันว่าเมื่อแมงมุมตีอกของมันจะเป็นลางร้ายอย่างหนึ่ง อัฐิกาล อัฐเคราะห์ คือตำ แหน่งดาวเคราะห์ทั้ง 8 ตามตำ ราโหราศาสตร์ เสนียด ไม่เป็นมงคล เครื่องอาน เครื่องกิน น้ำ ยืนหยั่งไม่ถึง น้ำ ลึกเกินกว่าเท้าจะหยั่งถึง พระสูตร ม่าน โกรธา โกรธ ปลัก แอ่งที่เป็นโคลน กระแจะ ผงเครื่องหอมต่างๆสำ หรับทาหรือเจิม จวงจันทร์ เครื่องหอมที่เจือด้วยไม้จวงและไม้จันทร์ พระสิงหนาท เสียงตวาดของผู้ที่มีอำ นาจซึ่งดังราวกับเสียงคำ รามของราชสีห์ ตลอดสัน ตลอดสันหลัง ตกว่า ราวกับว่า ตราสิน แจ้งความไว้เพื่อเป็นหลักฐาน จู่ลู่ หุนหันพลันแล่น ในความว่า “อ้ายช้างบังอาจใจทำ จู่ลู่” วัวเคยขาม้าเคยขี่ คุ้นเคยกันมาอย่างดี รู้ทีกัน เข้าใจในทำ นองของกันและกัน สำ นวนนี้ส่วนมากใช้กับคนที่เคยเป็นสามี ภรรยากัน ทวนด้วยลวด เฆี่ยนตีด้วยหนังที่ทำ เป็นเส้นยาวๆซึ่งเรียกว่าลวดหนัง รากใหญ่ นางวันทอง


คุณค่าวรรณคดี ๑.คุณค่าด้านเนื้อหา ๑.๑ ตัวละคร ๑.สมเด็จพระพันวษา เป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา บทบาทของพระพันวษาที่เด่นที่สุด คือ เป็นผู้ที่ชี้ชะตาชีวิตให้กับตัวละครทุกตัว ๒.ขุนแผน ในตอนนี้กล่าวถึงลักษณะนิสัยของขุนแผนอยู่น้อย ไม่เน้นบทบาทมากนัก แต่จะเน้นสะท้อนให้เห็นว่าเป็นชายไทยที่มีความรักต่อนางวันทองอย่างสม่ำ เสมอ ๓.ขุนช้าง เป็นตัวละครที่มีความรักมั่นคง แต่มีข้อเสียคือ ไม่คิดไตร่ตรองให้รอบคอบ จะทำ การสิ่งใดก็มักใช้อารมณ์ของตนเองเป็นที่ตั้ง ซึ่งเป็นต้นเหตุของ การที่นางวันทองต้องโทษประหารชีวิต ๔.นางวันทอง บทบาทของนางวันทองในตอนนี้มีความสำ คัญอย่างยิ่ง เพราะนำ เสนอถึงตัวละครผู้หญิงไทยที่ถูกผู้ชายชี้นำ ชะตา ๕.หมื่นไวยวรนาถหรือพลายงาม เป็นบุตรชายของขุนแผนกับนางวันทองข้ารับราชการและได้กระทำ คุณงามความดี จนได้เลื่อนบรรดาศักดิ์ให้เป็นจมื่นไวยวรนาถ จมื่นไวเป็นตัวละครที่มีอารมณ์หุนหันพลันแล่น ไม่ค่อยคิดไตร่ตรองให้รอบคอบ ๘๐ ๑.๒ ฉาก บทเสภาเรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนช้างถวายฎีกาเป็นตอนที่กล่าวถึงฉากที่สำ คัญอยู่ ๒ แห่งคือ ๑.ฉากในบ้านของขุนช้าง ซึ่งกวีได้บรรยายให้เห็นความร่ำ รวยของขุนช้าง ๒.ฉากท้องพระโรงที่สมเด็จพระพันวษา มีรับสั่งให้นำ นางวันทองมาชำ ระความ


๘๑ ๒.คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ๒.๑อุปมา คราวนั้นเมื่อตามไปกลางป่า หน้าดำ เหมือนหนึ่งทามินหม้อไหม้ ชนะความงามหน้าดังเทียนชัย เขาฉุดไปเหมือนลงทะเลลึก ๒.๒ อติพจน์ จะกล่าวถึงขุนแผนแสนสนิท เรื่องฤทธิ์ลือจบพิภพไหว อยู่บ้านสุขเกษมเปรมใจ สมสนิมพิสมัยด้วยสองนาง ๒.๓ สัญลักษณ์ มันเกิดเหตุทั้งนี้ก็เพราะหญิง จึงหึงหวงช่วงชิงยุ่งยิ่งอยู่ จำ จะตัดรากใหญ่ให้หล่นพรู ให้ลูกดอกดกอยู่แต่กิ่งเดียว ๒.๔ สัมผัสพยัญชนะ ตะโกนเรียกในห้องวันทองเอ๋ย หาขานรับเช่นเคยสักคำ ไม่ ทั้งข้าวของมากมายก็หายไป ปากประตูเปิดไว้ไม่ใส่กลอน พลางเรียกหาข้าไทอยู่ว้าวุ่น อีอุ่นอีอิ่มอีฉิมอีสอน อีมีอีมาอีสาคร นิ่งนอนไยหวามาหา ๒.๕ สัมผัสเสียงสระ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช ปิ่นปักนัคเรศเรืองศรี เห็นสามราเข้ามาอัญชลี พระปรานีเหมือนลูกในอุทร ด้วยเดชะพระเวทวิเศษประสิทธิ์ เผอิญคิดรักใคร่พระทัยอ่อน ตรัสถามอย่างความราษฎร ฮ้าเฮ้ยดูก่อนอีวันทอง ๒.๖ การซํ้าคำ ไม่นุ่งผ่อนนุ่งผ้าดูน่ากลัว ขุนช้างมองดูตัวก็ตกใจ สองมือปิดขาเหมือนท่าเปรต ใครมาเทศน์เอาผ้ากูไปไหน ๒.๗ สัลลาปังคพิสัย จะใครถีบขุนช้างที่กลางตัว นึกกลัวจะถูกแม่วันทองนั่น พลางนั่งลงนอบนอบอภิวันทน์ สะอื้นอั้นอกแค้นนํ้าตาคลอ


๘๒ ๓.คุณค่าด้านสังคม ๒.๑ การปกครอง พระมหากษัตริย์ทรงมีอำ นาจสูงสุดในการปกครองบ้านเมืองและ ดูแลราษฎร ตัดสินคดีความต่าง ๆ จากบทประพันธ์ ดังนี้ ครั้นอยู่มาขุนแผนต้องจำ จอง กระหม่อมฉันมีท้องนั้นเติบใหญ่ อยู่ที่เคหาหน้าวัดตะไกร ขุนช้างไปบอกว่าพระโองการ มีรับสั่งโปรดปรานประทานให้ กระหม่อมฉันไม่ไปก็หักหาญ ยื้อยุคฉุดคร่าทำ สามานย์ เพื่อนบ้านจะช่วยก็สุดคิด ด้วยขุนช้างอ้างว่ารับสั่งให้ ใครจะขัดขีนไว้ก็กลัวผิด จนใจจะมิไปก็สุดฤทธิ์ ชีวิตอยู่ใต้พระบาทา ๒.๒ ค่านิยม ผู้หญิงในสมัยนั้นไม่มีสิทธิ์ดำ เนินชีวิตด้วยตนเอง ต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตามที่สามีบอกเสมอ จากบทประพันธ์ ดังนี้ คราวนั้นเมื่อตามไปกลางป่า หน้าดำ เหมือนหนึ่งทามินหม้อไหม้ ชนะความงามหน้าดังเทียนชัย เขาฉุดไปเหมือนลงทะเลลึก เจ้าพลายงามตามรับเอากลับมา ทีนี้หน้าจะดำ เป็นน้ำ หมึก กำ เริบใจด้วยเจ้าไวยกำ ลังฮึก จะพาแม่ตกลึกให้จำ ตาย ๒.๓ ความเชื่อ ในสมัยก่อนคนไทยมีความเชื่อเกี่ยวกับเวทมนตร์คาถาของขลังและการเลี้ยงผี จากบทประพันธ์ ดังนี้ จึงร่ายมนตรามหาสะกด เสื่อมหมดอาถรรพณ์ที่ฝังอยู่ ภูตพรายนายขุนช้างวางวิ่งพรู คนผู้ในบ้านก็ซานเซอะ ๒.๔ ความรักระหว่างแม่กับลูก ความรักของแม่ที่มีต่อลูก จากบทประพันธ์กล่าวได้ว่า ด้วยความที่ลูกรักแม่ จึงไปรับแม่กลับมาจากขุนช้าง จากบทประพันธ์ ดังนี้ เจ้าพลายงามตามรับเอากลับมา ทีนี้หน้าจะดำ เป็นนำ้ หมึก กำ เริบใจด้วยเจ้าไวยกำ ลังฮึก จะพาแม่ตกลึกให้จำ ตาย


๘๓ ๔.คุณค่าด้านการนำ ไปใช้ในชีวิตประจำ วัน๑.ควรมีการตัดสินใจที่ดี รอบคอบและมีเหตุผล๒.ควรรักเดียวใจเดียว๓.ควรปฏิบัติตามกฎ ไม่ควรทำ อะไรตามอำ เภอใจ๔.จัดแจงความสัมพันธ์ระหว่างคู่รักไม่ให้มีจุดด่างพล้อย


บรรณานุกรม จันทิภา กบิลโรจน์. (2565). เอกสารประกอบการเรียนเรื่องขุนช้างขุนแผน สืบค้นจาก https://www.slideshare.net เด็กม.6/7 นบ.รุ่น81. (2566). ถอดคำ ประพันธ์ ขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนช้างถวายฎีกา สืบค้น ๖ มิถุนายน ๒๕๖๗. จาก http://for-m6.blogspot.com นิศากร จรชื่น. (2022). ขุนช้างขุนแผน ตอน ถวายฎืกา. สืบค้น ๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๗. จาก https://fliphtml5.com หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิชาภาษาไทย วรรณคดีวิจักษ์ (พิมพ์ครั้งที่๑๗). (๒๕๖๖).กรุงเทพ องค์การค้าของ สกสค. Harae0_04. (2014). ถอดความขุนช้าง ขุนแผน ตอน ขุนช้างถวายฎีกา. สืบค้น ๗ มิถุนายน ๒๕๖๗. จาก https://wewantknowless.wordpress.com


Click to View FlipBook Version