หน่วยที่ 6 สีในสื่อสิ่งพิมพ์
6.1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับสี 6.2 ทฤษฎีสี 6.3 หลักการประยุกต์ใช้สีให้สอดคล้องกับเป้าหมายของการออกแบบ 6.4 ระบบสี 6.5 โหมดสีในโปรแกรมอโดบี อินดีไซน์ ซีเอส 6 6.6การใส่สีวัตถุ 6.7 การใส่สีด้วยเครื่องมืออายดร็อปเฟอร์ทูล 6.8 การระบายสีแบบไล่โทน 6.9 การสร้างภาพโปร่งแสง 1. แสดงความรู้เกี่ยวกับสีในสื่อสิ่งพิมพ์ 2. ออกแบบสีในสื่อสิ่งพิมพ์ตามแบบที่กำหนด จุดประสงค์ทั่วไป เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับความรู้เบื้องต้นของสี ทฤษฎีสี การใช้สีกับงานออกแบบ ระบบสี โหมดสี การใส่สีวัตถุ การใส่สีรูปภาพด้วยเครื่องมืออายดร็อปเพอร์ทูล การระบายสีแบบไล่โทนและการสร้าง ภาพโปร่งแสง จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. อธิบายความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับสีได้ 2. อธิบายหลักการใช้สีในงานออกแบบและนำหลักการต่าง ๆ ของสีไปใช้ในงานออกแบบได้ 3. อธิบายเกี่ยวกับระบบสีได้ 4. อธิบายการเลือกใช้โหมดสีในการทำงานได้ 5. เลือกใช้โหมดสีในการทำงานด้วยโปรแกรมอโดบี อินดีไซน์ ซีเอส 6 ได้ 6. อธิบายการใช้เครื่องมือในการเติมสีและเลือกใช้เครื่องมือในการเติมสีให้กับวัตถุได้ 7. เติมสีให้กับวัตถุด้วยคัลเลอร์ฟิกเกอร์ กล่องเครื่องมือพาเนลคัลเลอร์และพาเนลสวอตเซสได้ 8. เติมสีวัตถุด้วยการใช้เครื่องมืออายดรอพเพอร์ได้ 9. ระบายสีแบบไล่โทนให้วัตถุด้วยพาเนลเกรเดียนต์และเครื่องมือ เกรเดียนต์สวอตซ์ทูลได้ 10. อธิบายการสร้างภาพโปร่งแสงด้วยพาเนลเอฟเฟ็กต์ได้ 11. สร้างภาพโปร่งแสงด้วยพาเนลเอฟเฟ็กต์ได้ 12. มีเจตคติที่ดีตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด้านการตรงต่อเวลา ตั้งใจทำงาน รอบคอบ มี วินัย และปรับปรุงแก้ไขเมื่อผิดพลาด
โลกถูกจรรโลงและแต่งแต้มด้วยสีสันที่หลากหลาย ทั้งสีสันตามธรรมชาติ และสีที่มนุษย์รังสรรค์ขึ้นหาก โลกนี้ไม่มีสีหรือมนุษย์ไม่สามารถรับรู้เกี่ยวกับสีได้ สิ่งนั้นอาจเป็นความบกพร่องที่ยิ่งใหญ่ของธรรมชาติเพราะสี มีความสำคัญต่อวัฏจักรแห่งโลก และเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตมนุษย์จนแยกกันไม่ออก มนุษย์ได้ตระหนักแล้วว่าสี นั้นส่งผลต่อความรู้สึกนึกคิด อารมณ์ จินตนาการ การสื่อความหมาย และความสำราญใจในชีวิตประจำวัน ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่าสีมีอิทธิพลต่อมนุษย์เป็นอย่างมาก และมนุษย์ก็ใช้สุขประโยชน์จากสีอย่างอเนกอนันต์ ในการสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด 6.1.1 ความหมายของสี สีเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่น่ามหัศจรรย์ สีมีอยู่ในแสงแดด เป็นคลื่นแสงชนิดหนึ่งจะปรากฎให้เห็น เมื่อ แสงแดดส่องผ่านละอองน้ำในอากาศและเกิดการหักเหเกิดเป็นแถบสีต่าง ๆ 7 สี เชียงติดกัน เรียกแถบสีที่เรียง ติดกันนี้ว่า สเปกตรัม ลักษณะเป็นสีรุ้งที่เห็นในท้องฟ้า คือ สีม่วง สีม่วงน้ำเงินสีน้ำเงิน สีเขียว สีเหลือง สีส้ม และสีแดง แต่ละสีมีความถี่ของคลื่นแสงไม่เท่ากัน สีแดงมีความถี่ต่ำที่สุดและมีช่วงคลื่นยาวที่สุด คลื่นแสงจะมี ความถี่สูงขึ้นเรื่อย ๆ จากสีแดงไปสีส้ม จนถึงสีม่วงที่มีความถี่สูงสุดคลื่นแสงที่มีความต่ำกว่าสีแดงหรือสูงกว่าสี ม่วงยังมีอยู่อีกมากมาย เช่น แสงอินฟราเรดที่มีความถี่ต่ำกว่าแดง หรือแสงอัลตราไวโอเลตที่มีความถี่สูงกว่า ม่วง แต่ตาของมนุษย์ไม่อาจรับความถี่ขนาดนั้น เป็นต้น สี (Color) ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 หมายถึง ลักษณะของแสงที่ปรากฏแก่สายตา ให้เห็นเป็นสีขาว สีดำ สีแดง สีเขียว เช่น สีทาบ้าน สีย้อมผ้า เป็นต้น สีในทางวิทยาศาสตร์ หมายถึง คลื่นแสงหรือความเข้มของแสงที่สายตาสามารถมองเห็นสีในทางศิลปะสี หมายถึง ทัศนธาตุอย่างหนึ่งที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของงานศิลปะ และใช้ในการสร้างงานศิลปะโดยจะทำให้ ผลงานมีความสวยงาม ช่วยสร้างบรรยากาศ มีความสมจริง เด่นชัดและน่าสนใจมากขึ้น (ทัศนธาตุ หมายถึง ส่วนประกอบของศิลปะที่มองเห็นได้ ประกอบด้วย จุด เส้น รูปร่างรูปทรงน้ำหนักอ่อน-แก่)
รูปที่ 6.1 ศิลปะการใช้สี (https://www.google.com) 6.1.2 ความสำคัญของสี สีเป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างหนึ่งทางด้านงานศิลปะ มีอิทธิพลต่อความรู้สึก อารมณ์ และจิตใจได้ มากกว่าองค์ประกอบอื่น ๆ ในชีวิตของมนุษย์มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับสีต่าง ๆ อย่างแยกไม่ออก โดย สามารถนำไปใช้ในด้านต่าง ๆ ดังนี้ 1. ใช้ในการจำแนกสิ่งต่าง ๆ เพื่อให้เห็นชัดเจนง ๆ 2. ใช้ในการจัดองค์ประกอบสิ่งต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความสวยงาม กลมกลืน เช่น การแต่งกาย การจัดตกแต่งบ้าน เป็นต้น 3. ใช้ในการจัดกลุ่ม จัดพวกด้วยการใช้สีต่าง ๆ เช่น สีเครื่องแบบต่าง ๆ สีของกลุ่มคณะ เป็นต้น 4. ใช้ในการสื่อความหมาย เป็นสัญลักษณ์ หรือใช้บอกเล่าเรื่องราว 5. ใช้ในการสร้างสรรค์งานศิลปะ เพื่อให้เกิดความสวยงาม สร้างบรรยากาศสมจริง และความ 6. เป็นองค์ประกอบในการมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ของมนุษย์ 6.1.3 ประเภทของสี สีมีอยู่ทั่วไปในสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา สีที่ปรากฏอยู่ในโลกสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทน่าสนใจ 1. สีที่เกิดในธรรมชาติมีอยู่ 2 ชนิด คือ (1) สีที่เป็นแสง (Spectrum) คือ สีที่เกิดจากการหักเหของแสง เช่น สีรุ้ง สีจากแท่งแก้ว ปริซึม เป็นต้น
รูปที่ 6.2 สีที่เป็นแสง (https://sites.google.com) (2) สีที่อยู่ในวัตถุ หรือเนื้อสี (Pigment) คือ สีที่มีอยู่ในวัตถุธรรมชาติทั่วไป เช่น สีของพืช สัตว์ หรือแร่ธาตุต่าง ๆ เป็นต้น รูปที่ 6.3 สีที่เป็นวัตถุธรรมชาติ (https://sites.google.com/site/pongnuntipisek) 2. สีที่มนุษย์สร้างขึ้น สีที่ได้จากการสังเคราะห์ เพื่อใช้ประโยชน์ในงานต่าง ๆ ได้แก่ งานศิลปะ อุตสาหกรรม การพาณิชย์ และในชีวิตประจำวัน โดยสังเคราะห์จากวัสดุธรรมชาติ และจาก สารเคมี ที่เรียกว่า วิทยาศาสตร์ ซึ่งสีที่ได้จากการสังเคราะห์สามารถนำมาผสมกันให้เกิดเป็นสีต่าง ๆ ได้อีกมากมาย รูปที่ 6.4 สีที่มนุษย์สร้างขึ้น (https://sites.google.com/site/hjfrgl465464)
6.1.4 ประโยชน์ของสี 1. ภาพสีทำให้เกิดความน่าสนใจมากกว่าภาพขาวดำ 2. สีช่วยทำให้ภาพมีลักษณะเสมือนจริง 3. สีทำให้ผู้ดูรู้สึกเกิดอารมณ์ร่วมกับงาน นักออกแบบจึงมักใช้สีเพื่อทำให้ผู้ชมเกิดความรู้สึกตามที่ตนต้องการ 4. สีทำให้เกิดความเข้าใจ และสามารถจดจำภาพได้มากกว่างานขาวดำ 5. สีทำให้เกิดความประทับใจแก่ผู้ดู ในสมัยเริ่มแรก มนุษย์รู้จักใช้สีเพียงไม่กี่สี สีเหล่านั้นได้มาจากพืช สัตว์ ดิน แร่ธาตุต่าง ๆ เป็นสีที่พบ ทั่วไปในธรรมชาติ ต่อมาเมื่อมนุษย์มีวิวัฒนาการมากขึ้น สีจึงได้ถูกนำมาใช้กันอย่างกว้างขวางจากเดิม ที่เคยใช้ สีเพียงไม่กี่สีเป็นสีตามธรรมชาติ ได้นำมาซึ่งการประดิษฐ์ คิดค้น และผลิตสีใหม่ ๆ ออกมาเป็นจำนวนมากทำ ให้เกิดการสร้างสรรค์ความงามอย่างไม่มีขีดจำกัด 6.2.1 ความหมายของทฤษฎีสี ทฤษฎีสี (Theory of Colour) หมายถึง ลักษณะการกระทบต่อสายตาให้เห็นเป็นสีมีผลถึงจิตวิทยา คือมีอำนาจให้เกิดความเข้มของแสงที่กระตุ้นอารมณ์และความรู้สึก การที่ได้เห็นสีด้วยสายตา สายตาก็จะส่ง ความรู้สึกไปยังสมอง ทำให้เกิดความรู้สึกต่าง ๆ ตามอิทธิพลของสี อย่างเช่น สดชื่น ร้อน หนาว ตื่นเต้น เศร้า เป็นต้น สีมีความหมายอย่างมาก เพราะศิลปินต้องการใช้สีเป็นสื่อสร้างความประทับใจ ในผลงานของศิลปะ และสะท้อนความประทับใจนั้นให้เกิดแก่ผู้ดู มนุษย์เกี่ยวข้องกับสีต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลา เพราะทุกสิ่งที่อยู่ รอบตัวนั้นล้วนแต่มีสีสันแตกต่างกันมากมาย 6.2.2 แสงสีกับการมองเห็น สีที่เรามองเห็นสามารถเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อมของสี และสภาพของแสง โดยในที่ที่มี แสงสว่างจัด ๆ สีจะดูอ่อนหรือจืดจางลง แต่ถ้าเป็นในที่ที่มีแสงสว่างน้อยลง สีที่เรามองเห็นก็จะเข้มขึ้น และ ในที่ไม่มีแสงสว่าง เลยเราก็จะมองเห็นสีต่าง ๆ เป็นสีดำ ถึงแม้จะมีความเข้มของแสงเหมือนกัน แต่ถ้ามี สภาพแวดล้อมของสีที่ แตกต่างกัน เช่น สีแสดที่อยู่บนพื้นสีดำจะดูอ่อนกว่าสีแสดที่อยู่บนพื้นสีขาว และสีที่ อยู่บนพื้นสีที่ต่างกันจะดูมี ความเข้มต่างกัน สีที่อยู่บนพื้นสีเข้มจะมองเห็นเด่นชัดกว่าสีที่อยู่บนพื้นสีสว่าง เป็นต้น
6.3.1 สร้างความรู้สึก สีจะให้ความรู้สึกต่อผู้พบเห็นที่แตกต่างกันไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และภูมิหลังของแต่ ละคน สีบางสี สามารถรักษาบำบัดโรคจิตบางชนิดได้ การใช้สีภายในหรือภายนอกอาคาร จะมีผลต่อการ สัมผัสและสร้าง บรรยากาศได้ 6.3.2 สร้างความน่าสนใจ สีมีอิทธิพลต่องานศิลปะการออกแบบ สีช่วยสร้างความประทับใจ และความน่าสนใจเป็นอันดับแรกที่พบ เห็น 6.3.3 สีบอกสัญลักษณ์ของวัตถุ ซึ่งเกิดจากประสบการณ์ หรือภูมิหลัง เช่น สีแดง สัญลักษณ์ของไฟ หรืออันตราย สีเขียว สัญลักษณ์แทนพืช หรือความปลอดภัย เป็นต้น 6.3.5 สีช่วยให้เกิดทัศนวิสัยที่ดีเมื่อนำมาใช้งานร่วมกันดังนี้ 1. สีอ่อนตัดกับสีแก่ 2. สีอ่อนตัดกับสีสดใส 3. สอนตัดกับสีเย็น 4. สีที่ตัดกันเองอยู่แล้วตามปกติ ได้แก่ (1) สีดำบนพื้นเหลือง (2) สีเหลืองบนพื้นดำ (3) สีแดงบนพื้นขาว (4) สีเหลืองบนพื้นน้ำเงิน (5) สีส้มบนพื้นน้ำตาล (6) สีชมพูบนพื้นดำ การใช้สีกับงานกราฟิกในคอมพิวเตอร์ มีรายละเอียดหลายอย่างที่เป็นลักษณะเฉพาะ ระบบสีของ คอมพิวเตอร์ (Color Model) จะเกี่ยวข้องกับการแสดงผลแสงที่แสดงบนจอคอมพิวเตอร์ โดยมีลักษณะการ แสดงผล คือถ้าไม่มีแสดงผลสีใดเลย บนจอภาพจะแสดงเป็นสีดำ หากสีทุกสีแสดงผลพร้อมกัน จะเห็นสีบน จอภาพเป็นสีขาว ส่วนสีอื่น ๆ เกิดจากการแสดงสีหลาย ๆ สี แต่มีค่าแตกต่างกัน
สีที่ใช้ในงานด้านกราฟิกทั่วไป มี 4 ระบบ คือ 6.41 ระบบสีอาร์จี (RGB = Read, Green, Blue) ระบบสีอาร์จี เป็นระบบสีของแสง ซึ่งเกิดจากการหักเหของแสงผ่านแท่งแก้วปริซึมจะเกิดแถบ สีที่เรียกว่า สีรุ้ง (Spectrum) ซึ่งแยกสีตามที่สายตามองเห็นได้ 7 สี คือ แดง แสด เหลือง เขียว น้ำเงิน คราม ม่วง ซึ่งเป็น พลังงานอยู่ในรูปของรังสีที่มีช่วงคลื่นที่สายตาสามารถมองเห็นได้ แสงสีม่วงมีความถี่คลื่นสูง ที่สุด คลื่นแสงที่มี ความถี่สูงกว่าแสงสีม่วง เรียกว่า อัลตราไวโอเลต (Ultra Violet) คลื่นแสงสีแดงมีความถี่ คลื่นต่ำที่สุด คลื่น แสงที่ต่ำกว่าแสงสีแดงเรียกว่า อินฟราเรด (Infrared) คลื่นแสงที่มีความถี่สูงกว่าสีม่วง และต่ำกว่าสีแดงนั้น สายตาของมนุษย์ไม่สามารถรับได้ และเมื่อศึกษาดูแล้ว แสงสีทั้งหมดเกิดจากแสง สี 3 สี คือ สีแดง (Red) สีน้ำ เงิน (Blue) และสีเขียว (Green) ทั้งสามสีถือเป็นแม่สีของแสง เมื่อนำมาฉาย ร่วมกันจะทำให้เกิดสีใหม่อีก 3 สี คือ สีแดง สีฟ้า และสีเหลือง ซึ่งถ้าฉายแสงสีทั้งหมดรวมกันจะได้แสง สีขาว จากคุณสมบัติของแสงนี้ได้นำมาใช้ ประโยชน์ทั่วไปในการฉายภาพยนตร์ การบันทึกภาพวิดีโอ ภาพโทรทัศน์ การสร้างภาพเพื่อการนำเสนอทาง จอคอมพิวเตอร์ และการจัดแสงสีในการแสดง รูปที่ 6.5 ระบบสีอาร์จีบี (https://www.google.com) 6.4.2 ระบบสีซีเอ็มวายเค (CMYK = Cyan, Magenta, Yellow, Black) ระบบสีซีเอ็มวายเคเป็นระบบสีชนิดที่เป็นวัตถุ คือ สีแดง เหลือง น้ำเงิน แต่ไม่ใช่สีน้ำเงินที่เป็น แม่สีวัตถุธาตุ แม่สีในระบบซีเอ็มวายเคเกิดจากการผสมของแม่สีของแสง คือ แสงสีน้ำเงิน + แสงสีเขียว = สีฟ้า แสงสีน้ำเงิน + แสงสีแดง = สีแดงอมม่วง แสงสีแดง + แสงสีเขียว = สีเหลือง
สีฟ้า สีแดงอมม่วง และสีเหลือง นำมาใช้ในระบบการพิมพ์ และมีการเพิ่มเติมสีดำเข้าไป เพื่อให้มีน้ำหนักเข้ม ขึ้น เมื่อรวมสีดำ (Black = K) เข้าไปจึงมีสี่สี โดยทั่วไปจึงเรียกระบบการพิมพ์นี้ว่าระบบ การพิมพ์สี่สี ซึ่งเป็น การพิมพ์ภาพในระบบที่ทันสมัยที่สุดและได้ภาพใกล้เคียงกับภาพถ่ายมากที่สุด โดยทำ การพิมพ์ทีละสีจากสี เหลือง สีแดง สีน้ำเงิน และสีดำ ถ้าลองใช้แว่นขยายส่องดู ผลงานพิมพ์ชนิดนี้ จะพบว่า เกิดจากจุดสีเล็ก ๆ สี่สี อยู่เต็ม การที่สายตามองเห็นภาพมีสีต่าง ๆ ได้นั้น นอกจากสี่สีเกิดจากการผสมของ เม็ดสีเหล่านี้ในปริมาณต่าง ๆ คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของปริมาณเม็ดสี ซึ่งกำหนดเป็น 10-20-30-40-50-60- 70-80-90 จนถึง 100 เปอร์เซ็นต์ รูปที่ 6.6 ระบบสีซีเอ็มวายเค (https://www.google.com) 6.4.3 ระบบสีเอชเอสบี (HSB = Hue Saturation Brightness) ระบบสีเอชเอสบีเป็นระบบสีพื้นฐานใน การมองเห็นสีด้วยของสายตามนุษย์ ประกอบด้วย ลักษณะของสี 3 ลักษณะ ได้แก่ ฮิว (Hue) แซวเรชั่น (Saturation) และไบรต์เนส (Brightness) รูปที่ 6.7 ระบบสีเอชเอสบี (https://sites.google.com) 1. ฮิว (Hue) คือ สีต่าง ๆ ที่สะท้อนมาจากวัตถุแล้วเข้าสู่สายตา ทำให้สามารถมองเห็นวัตถุ เป็นสีต่าง ๆ ได้ ซึ่งแต่ละสีจะแตกต่างกันตามความยาวของคลื่นแสงที่มากระทบวัตถุและสะท้อนกลับที่สู สายตา ฮิวถูกวัดโดย ตำแหน่งการแสดงสืบนมาตรฐานวงล้อสี (Standard Color Wheel) จะถูกแทนด้วย องศา 0 ถึง 360 องศา แต่โดยทั่วไปแล้วมักจะเรียกการแสดงนั้น ๆ เป็นชื่อของสี เช่น สีเขียว สีแดง สีน้ำเงิน เป็นต้น 2. แซตทิวเรชั่น (Saturation) คือ ความสดของสี โดยค่าความสดของสีจะเริ่มที่ 0 ถึง 100 ถ้ากำหนดแซด ทิวเรชั่นที่ 0 สีจะมีความสดน้อย แต่ถ้ากำหนดที่ 100 สีจะมีความสดมาก ถ้าถูกวัดโดย ตำแหน่งบนมาตรฐาน วงล้อสี ค่าแซดทิวเรชันจะเพิ่มขึ้นจากจุดกึ่งกลางจนถึงเส้นขอบ โดยค่าที่เส้นขอบจะมี สีที่ชัดเจนและอิ่มตัวที่สุ 3. ไบรต์เนส (Brightness) คือ ระดับความสว่างของสี โดยค่าความสว่างของสีจะเริ่มที่ 0 ถึง 100 ถ้ากำหนด ที่ 0 ความสว่างจะน้อยซึ่งจะเป็นสีดำ แต่ถ้ากำหนดที่ 100 สีจะมีความสว่างมากที่สุด ยิ่งมีค่า ไบรต์เนสมากจะ ทำให้สีนั้นสว่างมากขึ้น เช่น การเพิ่มปริมาณสีดำเข้าไปในสีนั้นให้ดูเข้มขึ้น ได้แก่ การทำสีแดง อิฐ เมื่อเติมดำ ลงไปในสีแดงจะเกิดความเข้มของสีเป็นสีแดงอิฐ เป็นต้น
6.4.4 ระบบสีแอลเอบี (LAB) ระบบสีแอลเอบีเป็นค่าสีที่กำหนดขึ้นโดยซีไอดี (CIE = Commission Internationale de | Eclairage) ให้เป็นสีมาตรฐานกลางของการวัดสีทุกรูปแบบ ครอบคลุมทุกสีในอาร์จีบี (RGB) และซีเอ็ม วายเค (CMYK) และใช้ได้กับสีที่เกิดจากอุปกรณ์ทุกอย่าง เช่น จอภาพ เครื่องพิมพ์ สแกนเนอร์ เป็นต้น ส่วนประกอบของโหมดสี ได้แก่ รูปที่ 6.8 ระบบสีแอลเอบี (http://3.bp.blogspot.com) แอล (L) หรือ ภูมินานซ์ (Luminance) เป็นการกำหนดความสว่าง ซึ่งมีค่าตั้งแต่ 0 ถึง 166 ถ้ากำหนดที่ 2 จะ กลายเป็นสีดำ แต่ถ้ากำหนดที่ 100 จะเป็นสีขาว เอ (A) เป็นคำของสีที่ได้จากสีเขียวไปยังสีแดง บี (B) เป็นค่าของสีที่ไล่จากสีน้ำเงินไปถึงเหลือง การใช้โหมดสีในโปแกรมอโดบี อินดีไซน์ ซีเอส 6 มีจำนวน 3 โหมด ได้แก่ โหมดสีอาร์บี (RGB) โหมดสีเข้ม วายเค (CMYK) และโหมดสี่แอลเอบี (Lab) 6.5.1 โหมดสีอาร์จีบี (RGB) โหมดสีอาร์จี มีการกำหนดค่าความเข้มของสี 3 สี คือ สีแดง สีเขียว และสีน้ำเงิน ที่มาผสมกันทำให้เกิดสี ต่าง ๆ บนจอคอมพิวเตอร์มากถึง 16.7 ล้านสี ซึ่งใกล้เคียงกับที่สายตาสามารถมองเห็นได้ ปกติ สีที่ได้จากการ ผสมนี้จะขึ้นอยู่กับความเข้มของสี โดยถ้าสีมีความเข้มมาก เมื่อนำมาผสมกันจะทำให้ เกิดเป็นสีขาว เรียก ระบบสีนี้ว่าการผสมสีแบบบวก (Additive)ภาพที่อยู่ในโหมดอาร์จีบี จะเป็น การซ้อนสีหลัก 3 ชั้น สามารถ มองทะลุผ่าน 3 สีจนกลายเป็นภาพ
รูปที่ 6.9 ภาพในโหมดอาร์จี ผสมสีแดง สีเขียว และสีน้ำเงิน รูปที่ 6.10 ภาพในโหมดอาร์จีบี สีแดง (https://www.google.com) (https://www.google.com) รูปที่ 6.11 ภาพในโหมดอาร์จีสีเขียว รูปที่ 6.12 ภาพในโหมดอาร์จี สีน้ำเงิน (https://www.google.com) (https://www.google.com) 6.5.2 โหมดสีซีเอ็มวายเค (CMYK) โหมดสีซีเอ็มวายเค มีการกำหนดค่าสีจากเปอร์เซ็นต์ความเข้มของสีมาสผมกัน 4 สี คือ สีฟ้า สีบานเย็น สี เหลือง และสีดำ หรือสีขาว เป็นระบบสีที่ใช้กับเครื่องพิมพ์ที่พิมพ์ออกทางกระดาษหรือ วัสดุผิวเรียบอื่น ๆ การ นำสีมาผสมกันจะเกิดเป็นสีดำ แต่จะไม่ดำสนิท เนื่องจากหมึกพิมพ์มีความไม่บริสุทธิ์ จึงเป็นการผสมสีแบบลบ (Subtractive) รูปที่ 6.13 ภาพในโหมดซี่เอ็มวายเค ผสมสีฟ้า บานเย็น เหลือง และดำ (https://www.google.com)
รูปที่ 6.14 ภาพในโหมดซีเอ็มวายเค สีฟ้า รูปที่ 6.15 ภาพในโหมดซีเอ็มวายเค สีบานเย็น (https://www.google.com) (https://www.google.com) รูปที่ 6.16 ภาพในโหมด เอ็มวายเค สีเหลือง รูปที่ 6.17 ภาพในโหมดซีเอ็มวายเค สีดำ (https://sites.google.com) (https://www.google.com) 6.5.3 โหมดแอลเอบี (Lab) การใช้โหมดแอลเอบี (Lab) มีค่า 3 ค่าที่ผู้ใช้ต้องกำหนดคือ ค่าความสว่าง (L) ส่วนประกอบ ที่แสดงการไล่สี จากสีเขียวไปถึงสีแดง (a) และส่วนประกอบที่แสดงการไล่สีจากสีน้ำเงินไปถึงสีเหลือง (b) รูปที่ 6.18 ภาพในโหมดแอลเอบี รูปที่ 6.19 การกำหนดค่าความสว่าง (L) (https://www.google.com) (https://www.google.com) รูปที่ 6.20 การไล่สีจากสีเขียวไปถึงสีแดง (a) รูปที่ 6.21 การไล่สีจากน้ำเงินไปถึงสีเหลือง (b) (https://www.google.com) (https://www.google.com)
6.5.4 การเปลี่ยนโหมดสีของวัตถุ การเปลี่ยนการทำงานของโหมดสี ผู้ใช้สามารถทำการเปลี่ยนได้ด้วยการใช้พาเนลคัลเลอร์ (Panel Color) ดัง ขั้นตอนต่อไปนี้ 1. คลิกเลือกพาเนลคัลเลอร์ 2. คลิกเลือกสัญลักษณ์ 3. เลือกโหมดสีที่ต้องการ ได้แก่ แอลเอบี (LAB) ซีเอ็มวายเค (CMYK) และอาร์จีบี (RGB) รูปที่ 6.22 การเปลี่ยนโหมดสีของวัตถุ เมื่อผู้ใช้สร้างวัตถุได้ตามต้องการแล้ว การเพิ่มสีสันให้วัตถุมีความสวยงาม สามารถใส่สีพื้น (Fall) และสีเส้น (Stroke) ด้วยคัลเลอร์พิกเกอร์ (Color Picker) จากกล่องเครื่องมือ พาเนลคัลเลอร์ (Panel Color) พาเนลสวอตเซส (Panel Swatches) 6.6.1 การใส่สีวัตถุจากกล่องเครื่องมือ การใส่วัตถุจากกล่องเครื่องมือ ประกอบด้วย การใส่สีพื้นและสีเส้น การใส่สีให้กับวัตถุ การใส่สีให้กับตัวอักษร การกำหนดเพียงสีเดียวลงในพื้นที่ หรือเส้นขอบของวัตถุ การไล่โทนสีให้กับพื้นที่ หรือเส้นขอบวัตถุ ไม่มีการใส่สีลงในพื้นที่ หรือเส้นขอบวัตถุ รูปที่ 6.23 กล่องเครื่องมือ
6.6.2 การใส่สีวัตถุจากคัลเลอร์พิกเกอร์ (Color Picker) 1. คลิกเลือกวัตถุที่ต้องการใส่สี 2. คลิกเลือกสีพื้นและสีเส้นจากกล่องเครื่องมือ รูปที่ 6.24 เลือกสีพื้นและสีเส้นจากกล่องเครื่องมือ 3. ปรากฏหน้าต่างคัลเลอร์พิกเกอร์ 4. คลิกเพื่อกำหนดค่าสี หรือเลื่อนสไลด์เพื่อเลือกโทนสี 5. เลือกกำหนดค่าสีสำหรับสิ่งพิมพ์ หรือกำหนดค่าสีสำหรับเว็บไซต์ 6. แสดงโทนสีที่เลือก 7. คลิกตกลงเพื่อเลือกใช้สีตามที่กำหนดค่า รูปที่ 6.25 หน้าต่างคัลเลอร์พิกเกอร์ รูปที่ 6.26 จะได้วัตถุมีสีตามที่กำหนด
6.6.3 การใส่วัตถุจากพาเนลคัลเลอร์ (Panel Color) 1.คลิกเลือกวัตถุที่ต้องการใส่สี รูปที่ 6.27 จะได้วัตถุมีสีตามที่กำหนด 2.คลิกเลือกแพนเนิลคัลเลอร์ รูปที่ 6.28 เลือกพาเนลคัลเลอร์ 3. กำหนดสีพื้นและสีเส้นจากกล่องเครื่องมือ รูปที่ 6.29 กำหนดสีพื้นและสีเส้นจากกล่องเครื่องมือ 4. เลื่อนแถบสไลด์เพื่อผสมสี 5. คลิกเลือกสีที่ต้องการ รูปที่ 6.30 เลือกสีที่ต้องการ 6. วัตถุจะมีสีตามที่กำหนดค่าไว้ รูปที่ 6.31 วัตถุจะมีสีตามที่กำหนดค่าไว้
6.6.4 การใส่สีวัตถุจากพาเนลสวอตเซส (Panel Swatches) 1. การเพิ่มสีเข้าไปในพาเนลสวอตเซส (1) คลิกเลือกสีจากพาเนลคัลเลอร์ รูปที่ 6.32 เลือกสีจากพาเนลคัลเลอร์ (2) คลิกเลือกที่สวอตเชส (3) คลิกเมาส์ที่ เพื่อเพิ่มสีในพาเนล (4) สีใหม่จะเพิ่มในพาเนลสวอตเชส รูปที่ 6.33 สีใหม่จะเพิ่มในพาเนลสวอตเชส 2. การลบสีออกจากพาเนลสวอตเชส (1) คลิกเลือกพาเนลสวอตเชส เลือกสีที่ต้องการลบ รูปที่ 6.34 เลือกสีที่ต้องการลบ (2) ลากสีที่ต้องการลบมาที่ รูปที่ 6.35 ลากสีที่ต้องการลบมาที่
(3) สีที่ต้องการลบจะหายไปจากสวอตเซส รูปที่ 6.36 สีที่ต้องการลบจะหายไปจากสวอตเซส 3. การใส่สีให้กับวัตถุด้วยพาเนลสวอตเชส (1) คลิกเลือกวัตถุที่ต้องการใส่สี รูปที่ 6.37 เลือกวัตถุที่ต้องการใส่สี (2) คลิกเลือกที่พาเนลสวอตเซส (3) คลิกเลือกสีที่ต้องการ รูปที่ 6.38 เลือกสีที่ต้องการ (4) วัตถุจะมีสีตามที่กำหนด รูปที่ 6.39 วัตถุจะมีสีตามที่กำหนด เครื่องมือที่ใช้ในการระบายสีวัตถุ โดยใช้วิธีการดึงสีของวัตถุอื่นมาใส่ในวัตถุที่เลือก ด้วย อายดร็อปเพอร์ทูล (Eyedropper Tool) สามารถทำได้ดังนี้
1. คลิกเลือกวัตถุที่ต้องการระบายสี รูปที่ 6.40 เลือกวัตถุที่ต้องการระบายสี 2. คลิกเลือกเครื่องมืออายดร็อปเพอร์ทูล รูปที่ 6.41 เลือกเครื่องมืออายดร็อปเพอร์ทูล 3. เปิดไฟล์ภาพเพื่อใช้เป็นสีต้นแบบ และคลิกเลือกสีจากภาพต้นแบบ รูปที่ 6.42 เลือกสีจากภาพต้นแบบ 4. คลิกวัตถุเพื่อระบายสี วัตถุจะมีสีเดียวกับสีต้นฉบับ รูปที่ 6.43 วัตถุจะมีสีเดียวกับสีต้นฉบับ การระบายสีแบบไล่โทนสี (Gradient) จากสีหนึ่งไปอีกสีหนึ่ง ผู้ใช้สามารถกำหนดสีแต่ละช่วงและมุม ของการไล่โทนสีโดยใช้งานคู่กันระหว่างพาเนลเกรเดียนต์ (Gradient Panel) และเครื่องมือเกรเดียนต์สวอตช์ ทูล (Gradient Swatch Tool)
1. การไล่โทนสีให้กับวัตถุ การเรียกใช้พาเนลเกรเดียนต์ได้ด้วยคำสั่ง วินโดว์ (Window) > เกรเดียนต์ (Gradient) พาเนลเกรเดียนต์ มี ส่วนประกอบดังรูปที่ 6.44 รูปที่ 6.44 ส่วนประกอบของพาเนลเกรเดียนต์ 2. การเพิ่มจุดสี การเพิ่มจุดสีในพาเนลเกรเดียนต์สามารถทำได้ 2 วิธี คือ วิธีที่ 1 ให้คลิกเพิ่มจุดสี โดยกดคลิกเพิ่มจุดสีบนแถบเพิ่มจุดสี รูปที่ 6.45 เพิ่มจุดสีบนแถบเพิ่มจุดสี วิธีที่ 2 ให้คลิกเลือกสีจากสวอตเชส โดย (1) คลิกเลือกพาเนลสวอตเชส เลือกสีที่ต้องการในพาเนลสวอตเซส รูปที่ 6.46 เลือกสีที่ต้องการในพาเนลสวอตเชส (2) ลากสีที่เลือกวางบริเวณแถบเพิ่มจุดสีในพาเนลเกรเดียนต์ รูปที่ 6.47 ลากสีที่เลือกวางบริเวณแถบเพิ่มจุดสีในพาเนลเกรเดียนต์
(3) จุดสีใหม่จะเพิ่มเข้ามา รูปที่ 6.48 จุดสีใหม่จะเพิ่มเข้ามา 3. การลบจุดสี เมื่อต้องการลบจุดสีบางจุด สามารถทำได้ดังนี้ (1) คลิกจุดสีบนแถบเพิ่มจุดสี รูปที่ 6.49 คลิกจุดสีบนแถบเพิ่มจุดสี (2) ลากจุดสีออกมา จุดที่จะถูกลบหายไป รูปที่ 6.50 ลากจุดสีออกมา จุดที่จะถูกลบหายไป 4. การไล่โทนสีให้กับวัตถุด้วยพาเนลเกรเดียนต์ (Panel Gradient) การกำหนดไล่โทนสีให้กับวัตถุ มีขั้นตอนการทำดังนี้ (1) คลิกเลือกวัตถุ รูปที่ 6.51 เลือกวัตถุ (2) กำหนดสีพื้นแบบไล่สีจากกล่องเครื่องมือ รูปที่ 6.52 กำหนดสีพื้นแบบไล่สีจากกล่องเครื่องมือ
(3) ปรากฏพาเนลเกรเดียนต์ คลิกเลือกลักษณะการไล่สี รูปที่ 6.53 เลือกลักษณะการไล่สี (4) คลิกจุดสีเพื่อกำหนดสีและคลิกเลือกสีที่ต้องการ รูปที่ 6.54 เลือกสีที่ต้องการ (5) ปรากฏการไล่โทนสีบนวัตถุที่เลือก รูปที่ 6.55 ปรากฏการไล่โทนสีบนวัตถุที่เลือก 5. การไล่โทนสีให้กับวัตถุด้วยเครื่องมือเกรเดียนต์สวอตช์ทูล (Gradient Swatch Tool) การไล่โทนสีด้วยเครื่องมือเกรเดียนต์สวอตช์ทูล เป็นการกำหนดทิศทาง การกระจายตัวของการไล่โทนสี มี ขั้นตอนการทำดังนี้ (1) คลิกเลือกวัตถุที่ต้องการไล่โทนสี รูปที่ 6.56 เลือกวัตถุที่ต้องการไล่โทนสี
(2) คลิกเลือกเครื่องมือเกรเดียนต์สวอตซ์ทูล รูปที่ 6.57 เลือกเครื่องมือเกรเดียนต์สวอตช์ทูล (3) คลิกลากเมาส์บนวัตถุเพื่อเปลี่ยนจุดศูนย์กลางและการกระจายตัวของสีใหม่ รูปที่ 6.58 เปลี่ยนจุดศูนย์กลางและการกระจายตัวของสีใหม่ (4) สีของวัตถุมีลักษณะแบบไล่โทนสีตามค่าที่กำหนด รูปที่ 6.59 สีของวัตถุมีลักษณะแบบไล่โทนสีตามค่าที่กำหนด การสร้างภาพโปร่งแสง (Opacity) เป็นการทำให้ภาพหรือวัตถุที่ซ้อนกันอยู่มีความโปร่งแสง ใสเหมือน กระจก สามารถมองผ่านเห็นทะลุถึงภาพหรือวัตถุที่อยู่ด้านหลัง สามารถทำได้ดังนี้ การสร้างภาพโปร่งแสงด้วยพาเนลเอฟเฟ็กต์ 1. คลิกเลือกวัตถุ รูปที่ 6.60 เลือกวัตถุ
2. คลิกเลือกพาเนลเอฟเฟ็กต์ (Panel Effects) 3. กำหนดค่าความโปร่งแสงของวัตถุ รูปที่ 6.61 กำหนดค่าความโปร่งแสงของวัตถุ 4. ผลลัพธ์จะได้ภาพโปร่งแสงที่สามารถมองเห็นภาพด้านหลัง รูปที่ 6.62 ผลลัพธ์ สีเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ เป็นคลื่นแสงชนิดหนึ่งที่ปรากฏให้เห็น สีแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ สีที่เกิดขึ้นในธรรมชาติ และสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น ความแตกต่างกันของสีทำให้ผู้พบเห็นมีความรู้สึกและ อารมณ์ ที่แตกต่างกัน เช่น สีแดงจะให้ความรู้สึกอบอุ่น ร้อนแรง สีเขียว ให้ความรู้สึกร่มเย็น ความปลอดภัย สีนําเงิน ให้ความรู้สึกสุขุม หนักแน่น เป็นต้น การใช้สีกับงานกราฟิกในคอมพิวเตอร์ จะเป็นลักษณะเฉพาะระบบสีของคอมพิวเตอร์ จะเกี่ยวข้อง กับการ แสดงผลบนจอคอมพิวเตอร์ สีที่ใช้งานด้านกราฟิกมี 4 ระบบ ได้แก่ ระบบสีอาร์จีบี เป็นระบบสีของ แสง ระบบสีซีเอ็มวายเค เป็นระบบสีชนิดที่เป็นวัตถุ ระบบสีเอชเอสบี เป็นระบบสีแบบการมองเห็นของ สายตา มนุษย์ และระบบสีแอลเอบี เป็นระบบสีที่เกิดขึ้นในอุปกรณ์ ทุกอย่าง เช่น จอภาพ เครื่องพิมพ์ สแกนเนอร์ เป็นต้น