การจดั กระบวนการเรียนรู้โดย
เน้นผู้เรียนเป็ นสาคญั
(Active Learning)
คณุ ครสู อนมีวิธกี ารสอน
อยา่ งไรบา้ ง ?
วิธีการสอน มีหลากหลาย
1. การบรรยาย 8. การแสดงละคร
2. การสาธิต 9. การแสดงบทบาทสมมตุ ิ
3. การทดลอง 10. การใช้กรณีตวั อย่าง
4. การนิรนัย 11. การใช้เกม
5. การอปุ นัย 12. การใช้สถานการณ์จาลอง
6. การไปศึกษาดงู าน 13. การใช้ศนู ยก์ ารเรียน
7. การอภิปรายกล่มุ ย่อย 14. การใช้บทเรยี นแบบโปรแกรม
(A) (B)
การเรยี นรู้โดยเนน้ ผเู้ รียนเปน็ สาคญั
(Active Learning)
คือแบบใด ?
(A) Passive learning (B) Active learning
Think-Pair-Share
การเรยี นร้โู ดยเนน้ ผู้เรยี นเป็นสาคญั
(Active Learning)
คอื แบบใด ?
ActiveกาLรeเaรียrnนiทn่ีเgน้นให้ผู้เรียนมีปฎิสัมพันธ์กับการ
เรียนการสอน กระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการคิด
ขั้นสูง (Higher-order thinking) ไม่เพียง แต่ฟัง
ผู้เรียนจะต้องอ่าน เขียน ถามคาถาม อภิปราย
ร่วมกัน และลงมือปฏิบัติจริง ท้ังน้ีต้องคานึงถึง
ความรู้เดมิ และความต้องการของผู้เรยี นเปน็ สาคญั
6
กจิ กรรมพ้ืนฐานที่สาคัญสาหรับ Active Learning
talk and listen write
read reflect
ลักษณะสาคัญของการจดั การเรียนการสอนแบบ
Active Learning
1. เปน็ การเรยี นการสอนท่ีเปดิ โอกาสใหผ้ ู้เรยี นมีส่วนรว่ มใน
กระบวนการเรยี นรสู้ งู สุด
2. ผู้เรยี นเรียนรคู้ วามรับผดิ ชอบร่วมกนั การมีวินัยในการทางาน
การแบ่งหนา้ ทค่ี วามรับผิดชอบ
3. เปน็ กระบวนการสรา้ งสถานการณ์ใหผ้ ู้เรยี นอา่ น พูด ฟงั คดิ
อย่างลุม่ ลกึ ผเู้ รยี นจะเป็นผจู้ ัดระบบการเรียนร้ดู ้วยตนเอง
8
ลกั ษณะสาคัญของการจัดการเรยี นการสอนแบบ
Active Learning
4. เปดิ โอกาสให้ผเู้ รียนบูรณาการขอ้ มูลขา่ วสาร หรือสารสนเทศ
และหลักการความคดิ รวบยอด
5. ผ้สู อนจะเป็นผู้อานวยความสะดวกในการจัดการเรยี นรู้ เพ่อื ให้
ผเู้ รยี นเปน็ ผู้ปฏิบตั ดิ ว้ ยตนเอง
6. ความรเู้ กิดจากประสบการณ์ การสร้างองคค์ วามรู้ และการสรปุ
ทบทวนของผเู้ รยี น
9
Passive and Active Learning
วธิ ีการสอนท่ีเนน้ ผู้เรียนเปน็ สาคัญ
• รายบุคคล (Individual)
• คู่ (Share/Pair)
• กลุม่ (Groups)
12
คิดเดย่ี ว-คดิ คู่-แลกเปลีย่ นเรียนรู้ (Think-Pair-Share)
▪ ผู้สอนตั้งปญั หา
▪ ผู้เรียนคิดหาคาตอบดว้ ยตนเองก่อน 4-5 นาที
▪ จบั คกู่ ับเพื่อน อภิปรายแลกเปลีย่ นความคิดเหน็
▪ แลกเปล่ยี นเรยี นรู้ร่วมกันทง้ั ช้ันเรียน
13
ตัวอย่างการจดั กจิ กรรม Think-Pair-Share
ปัญหาของการขนสง่ สินคา้ เกษตร
1. แต่ละคนคดิ ในหัวขอ้ “ปัญหาในการขนส่งสนิ ค้าเกษตร”
บนั ทึกลงในกระดาษ
2. ปรกึ ษากับเพ่อื นท่ีนงั่ ขา้ งๆ บนั ทกึ เพ่ิมเติม
3. รวมกลุ่ม 4-5 คน บนั ทึกเพ่ิมเติม
4. นาเสนอความคดิ ของกลุ่ม
5. ร่วมกนั สรุป ปัญหาในการขนส่งสนิ คา้ เกษตร
14
Card Sorts
• ผสู้ อนจัดเตรยี มบตั รคา/บัตรภาพไวใ้ ห้
• ผูเ้ รยี นจดั กลมุ่ บัตรภาพนนั้ ๆ และต้องอธบิ ายเกณฑท์ ่ใี ช้จดั กล่มุ
ใหเ้ พื่อนและผ้สู อนฟงั
• อธปิ รายร่วมกันในชัน้ เรียน
15
ตัวอย่างการจดั กิจกรรม Card Sort
กลุ่ม เกณฑจ์ าแนก
14 8 9 11 13
25 7 10
16 12 14
Clarification Pauses
เมอ่ื อธบิ ายถงึ ประเด็นทส่ี าคัญ ผสู้ อนควรให้เวลาผเู้ รียนตก
ผลกึ ความคิด และเปดิ โอกาสให้ผูเ้ รียนซักถามหากต้องการ
คาอธิบายเพม่ิ เตมิ
(ผู้สอนควรจะเดนิ ไปรอบ ๆ หอ้ ง เพราะผเู้ รียนมักไม่กล้าถาม
หน้าชั้นเรียน)
17
ระดมความคิด (Brainstorming)
• แบง่ กลุม่ นกั เรยี นให้มีสมาชกิ 5-6 คน
• กาหนดหรอื เลอื กหวั ขอ้ /เร่อื ง และกาหนดเวลา
• ทกุ คนนาเสนอแนวคดิ ของตน/บันทกึ ทกุ แนวคิดทมี่ ีผ้นู าเสนอ
• อธปิ รายเพ่ือหาข้อสรุปของกลมุ่
18
ตัวอยา่ งการจดั กจิ กรรม Brainstorming
บทบาทและความสาคัญของระบบสารสนเทศที่มตี อ่ ภาคการศึกษา
แบง่ กล่มุ กลุ่มละ 3-4 คน
1.ระดมความคดิ เรื่อง บทบาทและความสาคัญของระบบ
สารสนเทศที่มตี อ่ ภาคการศึกษา
2.นาเสนอความคดิ ของกลุ่ม
3.รว่ มกนั สรุปบทบาทและความสาคญั ของระบบสารสนเทศท่ีมตี ่อ
ภาคการศกึ ษา
Jigsaw
▪ ผ้สู อนเลือกเน้อื หาทแี่ บง่ เปน็ สว่ นๆ 3-4 ช้นิ
▪ แบ่งผเู้ รียนเปน็ กลมุ่ ๆ โดยมสี มาชกิ ในกล่มุ เท่าๆกนั กบั เน้ือหา
(Home group)
▪ สมาชกิ แต่ละคนเลือกเนอื้ หาทตี่ นสนใจแลว้ ไปรว่ มกับสมาชิก
จากกลุ่มอื่น (Expert group) เพื่อศกึ ษา ทาความเข้าใจหรือ
หาคาตอบรว่ มกนั ในกลมุ่
▪ จากนนั้ กลบั ไปสอนท่ีกลุม่ เดมิ ของตนจนครบถว้ น
20
ตัวอยา่ งการจัดกจิ กรรม Jigsaw
การวางแผนการตลาดเพ่ือโปรโมต iSmart (Smart Phone)
1. แบ่งผเู้ รียนเป็นกลุม่ ย่อยโดยมีสมาชกิ 5 คน
2. แตล่ ะคนเลอื กหวั ขอ้ เรื่องทต่ี นสนใจรบั ผดิ ชอบ คือ การวเิ คราะหจ์ ุดแขง็
และจดุ อ่อนของ iSmart การวเิ คราะห์ผบู้ ริโภคและสว่ นแบ่งตลาด การ
วิเคราะห์คแู่ ข่งขัน การวเิ คราะหแ์ นวโนม้ ของสภาพแวดล้อม และ
หลักการวางแผนการตลาดทีด่ แี ละมีประสิทธผิ ล
3. ผู้รับผิดชอบแตล่ ะหวั ขอ้ รวมตวั กันเพือ่ ศึกษาในหัวขอ้ นน้ั ๆ
4. แต่ละคนนาความรคู้ วามเขา้ ถ่ายทอดให้สมาชกิ ในกลมุ่ เพอ่ื โปรโมต
Smart Phone บรษิ ัทของตนเอง
5. ตัวแทนนาเสนอแผนการตลาดของตนเอง
21
การเรยี นโดยใช้ปญั หาเป็นฐาน (Problem-based learning)
/การเรียนโดยใชก้ รณตี ัวอยา่ ง (Case Study)
ใชเ้ ร่อื งจรงิ /ปัญหาจริงที่เกิดขึน้ ในชมุ ชน บา้ น โรงเรยี น หรอื ท่ี
เกดิ ขน้ึ กบั บุคคลใด บคุ คลหน่งึ เพอ่ื ให้นกั เรยี นคิดวิเคราะห์และ
หาทางแก้ปญั หาท่เี กิดขน้ึ โดยการบูรณาการความรทู้ ไ่ี ดเ้ รยี นกบั
ประสบการณต์ รงหรอื สบื เสาะหาความรเู้ พ่ิมเตมิ
22
ตวั อยา่ งการจดั กิจกรรม PBL
1. แบง่ กล่มุ ย่อย (4-6 คน)
2. สถานการณจ์ าลองคือ
สมาชิกในชมุ ชนหมบู่ า้ น A ประทว้ งกรณที ่ีดนิ จะถกู เวียน
คนื เพอ่ื สร้างเข่ือนและโรงงานผลติ ไฟฟา้ ในฐานะท่ที ่านเป็น
พฒั นากรทา่ นจะมวี ธิ กี ารประสานความเข้าใจระหวา่ งชาวบ้าน
และหนว่ ยงานของรฐั อย่างไร
3. แต่ละกลุ่มระดมความคดิ เพือ่ วางแผนดาเนนิ งาน
4. จดั ให้แต่ละกลมุ่ นาเสนอแผนการดาเนินงานท่ีกลุ่มไดร้ ะดม
ความคดิ เพอื่ แลกเปล่ยี นเรียนรู้
23
บทบาทสมมุติ (Role Playing)
การแสดงบทบาทสมมตุ เิ ปน็ วธิ ีการสอนทีใ่ หผ้ เู้ รยี นไดฝ้ ึก
การแสดงออกตามสถานการณ์ท่ีกาหนดให้ เพื่อเปน็
ประสบการณท์ จี่ ะนาไปแก้ไขปญั หาและสถานการณจ์ รงิ ในชวี ิต
ผเู้ รียนจะไดแ้ สดงออก ฝกึ วางแผนการทางานและทางาน
รว่ มกนั เข้าใจความร้สู กึ และพฤตกิ รรมท้งั ของตนเองและของ
ผู้อืน่ และไดเ้ รยี นรูจ้ ากการแสดงบทบาทสมมติ
24
ตวั อย่างการจดั กจิ กรรม Role Playing
ฟา้ ครามรีสอรท์
1. หาอาสาสมคั รจานวน 6 คน
2. แต่ละคนจะได้รับบทบาททแ่ี ตกตา่ งกนั คอื
1) แขกท่มี าพกั (เดนิ มาโวยวายเปน็ ภาษาองั กฤษทเี่ ค้าเตอร์วา่ หอ้ งพกั
สกปรก ผ้าปูท่นี อนมีทราย ผ้าเช็ดตวั ไมส่ ะอาด etc.)
2) ผจู้ ัดการโรงแรม
3) พนักงานต้อนรบั 2 คน
4) แมบ่ า้ นทาความสะอาด 1 คน
3. แตล่ ะคนแสดงบทบาทท่ตี นเองไดร้ ับ
4. อภปิ รายและแลกเปลี่ยนเรยี นรู้
25
Active Reading
• ให้แตล่ ะคนอ่านบทความ
• แตล่ ะคนเขียนสิ่งทีไ่ ด้จากบทความ
• จบั คู่กบั เพื่อน เพ่อื พูดคุยแลกเปลยี่ นความคดิ
• จับกลุ่ม 4 คน แลว้ พูดคุยแลกเปลีย่ นความคิด
• แต่ละกลมุ่ เขยี นแผนผงั มโนทศั น์ (Concept map) ลงในกระดาษ
โปสเตอร์
• นาโปสเตอร์ไปติดท่ีผนงั
• กิจกรรม Walk Gallery
26
การบริหารจดั การเมื่อใชก้ ารเรยี นเชิงรกุ
• พิจารณาจุดประสงค์ เนอ้ื หา ท่ตี อ้ งการใหผ้ ู้เรยี นเรยี นรู้
• ออกแบบกจิ กรรมทช่ี ่วยสง่ เสริมให้ผเู้ รียนได้เรียนรไู้ ด้อย่างแท้จริง
• ใช้กจิ กรรมการเรียนเชงิ รกุ เพื่อกระตุน้ ใหผ้ ูเ้ รียนเรียน
• ประเมินผลการเรียนอยเู่ สมอเพือ่ ตรวจสอบวา่ ผ้เู รียนเรยี นรู้
อะไรบ้างและมีประเด็นใดทผี่ เู้ รยี นยงั สงสยั
• หลกี เลยี่ งการสอนเพื่อใหค้ รบใหท้ ัน รีบเรง่ เพราะจะทาใหผ้ ู้เรียน
ไม่อยากเรยี น
Active Learning สามารถทาไดใ้ น
ห้องเรยี นใหญ่หรอื ไม่ อยา่ งไร ?
Active Learning ในห้องเรียนใหญ่
• บอกนกั เรียนว่าจะมกี ิจกรรมอะไร
• เรม่ิ ต้นด้วยกิจกรรมง่ายๆ
• Plan อยา่ งดี
• มีอย่างนอ้ ย 1 กจิ กรรมในทกุ ครั้ง
คาถามสาคญั เพื่อสง่ เสรมิ ให้ผู้เรียนคิด
• อะไรจะเกดิ ขนึ้ ถ้า....
• นักศึกษามาสู่ข้อสรุปนีไ้ ด้อย่างไร
• นักศึกษาคดิ ว่าอะไรเป็ นสาเหตุของ....
• นักศึกษารู้ได้อย่างไรว่าถูกต้อง..
• ลองคดิ ถงึ หนทางอื่นท่ีเราควรจะทา
• สิ่งนีเ้ หมือนหรือแตกต่างกนั อย่างไร
• ลองบอกเพม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั ....
Active Learning สามารถทาไดใ้ น
ห้องเรยี นใหญ่หรอื ไม่ อยา่ งไร ?
คาถามสาคัญเพือ่ ส่งเสริมใหผ้ เู้ รียนคิด
• นักศึกษาต้องการจะทาอะไรตอ่ ไป
• จากสิ่งท่ีนักศึกษารู้ นกั เรยี นทานายเกยี่ วกับ...ได้วา่ ...
• ส่ิงทวี่ า่ ...ทาให้นักศึกษาคดิ แตกต่างออกไปไหม
• สง่ิ ....เขา้ มาเก่ยี วพันกบั ส่งิ ท่ีเราได้เรยี นรมู้ าก่อนหนา้ น้ีอย่างไร
• สมมตวิ ่า...แลว้ จะเกิดอะไรข้นึ
• ส่ิงน.้ี ...สอดคล้องกับสิง่ ที่นักศกึ ษาคิดอยู่อย่างไร
• นกั ศึกษารู้ หรือเห็นอะไรอีกบ้าง
Active Learning ไมย่ ากอย่างท่คี ดิ