The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สื่อภาพยนตร์สั้น ต้านทุจริต

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

สื่อภาพยนตร์สั้น ต้านทุจริต

สื่อภาพยนตร์สั้น ต้านทุจริต

คำนำ

ปัจจุบัน โรงเรียนที่เข้าโครงการเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรมและธรรมาภิบาลในสถานศึกษา และ
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษา (โครงการโรงเรียนสุจริต) ได้ดาเนินการจัดกิจกรรมเพื่อปลูกฝังให้นักเรียนเกิด
คุณลักษณะ ๕ ประการของโครงการโรงเรยี นสุจริต ไดแ้ ก่ ทกั ษะกระบวนการคิด มีวนิ ัย ซ่อื สตั ย์สุจริต อยู่อย่าง
พอเพียง และจิตสาธารณะ โดยกิจกรรมท่ีจัดข้ึนอยู่กับความพร้อมตามบริบทของโรงเรียน ซ่ึงมีกิจกรรมหน่ึง
เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายเหมาะกับบุคคลทุกวัย ได้แก่ ภาพยนตร์ส้ัน ซึ่งเป็นสื่อที่บุคคลสามารถ
เห็นภาพประกอบได้ชัดเจน สอดแทรกความรู้เกี่ยวกับคุณลักษณะต่างๆ ของโรงเรียนสุจริต รวมถึงให้แง่คิด
ในเร่ืองต่างๆ ได้เป็นอย่างดี และเป็นการฝึกทักษะกระบวนการคิดให้แก่นักเรียน ต้ังแต่การศึกษาปัญหา
ของหัวข้อที่จะผลิตภาพยนตร์ส้ัน การเขียนบทภาพยนตร์สั้น การถ่ายทา การแสดง การหาสถานท่ีถ่ายทา
และการตดั ต่อจนเปน็ ภาพยนตร์สน้ั ท่ีนามาเผยแพร่และแลกเปลยี่ นเรียนร้กู ับโรงเรยี นอนื่ ๆ ได้เป็นอยา่ งดี

สานักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
เห็นความสาคัญของการปลูกฝงั คณุ ลกั ษณะ ๕ ประกาศของโครงการโรงเรยี นสุจรติ ผา่ นสอ่ื ภาพยนตร์ส้ัน จึงได้
จัดทาเอกสารแนวทางการดาเนินกิจกรรมการผลิตภาพยนตร์สั้นต่อต้านการทุจริตข้ึน เพ่ือให้โรงเรียน
และผู้เก่ยี วข้องนาไปใช้เป็นแนวทางในการจัดกจิ กรรมให้นักเรยี นตอ่ ไป

สานกั พัฒนานวัตกรรมการจดั การศกึ ษา
สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน

สำรบัญ หน้ำ

คานา ๑
สารบญั ๑
๑. กรอบแนวคิด ๒
๒. วัตถปุ ระสงค์ ๓
๓. แผนภูมกิ ารดาเนนิ กจิ กรรม ๓
๔. แนวทางการดาเนนิ กิจกรรม ๕
๕. การวัดผลและประเมินผล ๖
๖. การรายงานผล ๑๑
๗. การจดั กิจกรรมการแลกเปลีย่ นเรยี นรู้ การนาเสนอผลงาน การประกวดแข่งขนั ๑๒
บรรณานกุ รม
ภาคผนวก

๑. กรอบแนวคดิ
ปัจจุบันภาพยนตร์นับเป็นส่ือบันเทิงที่กาลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะเป็นสื่อท่ีสามารถ

เข้าถึงบคุ คลได้ทุกเพศทุกวยั อีกท้ังยังสามารถสอดแทรกสาระความรู้ รวมถึงให้แง่คิดในเรื่องต่าง ๆ
ได้เป็นอย่างดี ภาพยนตร์ช่วยเสริมสร้างแรงบันดาลใจ ภาพยนตร์บางเรื่องสร้างจากเร่ืองราวเหตุการณ์จริง
การถ่ายทอดประสบการณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความประสบผลสาเร็จ ผู้ชมส่วนมากจะเกิดอรรถรสในการรับช ม
สามารถสร้างแรงบันดาลใจใหผ้ ชู้ มได้เปน็ อยา่ งดี การถา่ ยทอดเร่ืองราวท่ีดี สิง่ ท่ดี ี ก็มีคุณค่าแก่จิตใจส่งผลให้เรา
มีความสุขตามไปด้วย ภาพยนตร์จะถ่ายทอดเร่ืองราวและเพ่ิมเน้ือหาการแสดงท่ีสอดแทรกสาระและข้อคิด
ดี ๆ ไม่วา่ จะเป็นเรอื่ งการใชช้ ีวิต การเดินทางทอ่ งเที่ยว เจตคติ เรอ่ื งความรกั ขนบธรรมเนยี ม ประเพณี รวมถึง
เรื่องราวประสบการณ์จริง ทาให้เรารู้ว่าเราควรปฏิบัติตามเช่นไรและไม่ควรทาเช่นไร หรือสะท้อนให้คิดตาม
อาจจะช่วยให้เราค้นพบตนเองไดง้ า่ ยขึน้

ภาพยนตร์เป็นส่ือที่มีอิทธิพลต่อความคิด ความรู้สึก หรือพฤติกรรมของผู้ชมที่เป็นผู้รับสาร
มาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างย่ิงในประเด็นการทุจริต แม้แต่เร่ืองเล็ก ๆ ส่งผล ต่อการซึมซับ
พฤติกรรมของนักเรียนซึ่งเป็นอนาคตของชาติอย่างยิ่ง ภาพยนตร์ท่ีเน้นเร่ืองราวการทุจริตในรูปแบบต่าง ๆ
จะเป็นการปลูกฝงั ซมึ ซบั การตอ่ ตา้ นทจุ รติ ในรปู แบบภาพยนตรส์ ั้น

การต่อตา้ นทุจรติ ในรูปแบบภาพยนตร์ เป็นสื่ออย่างหนึ่งที่เข้าถึงวัยนักเรียน เพราะการชมภาพยนตร์
เป็นการได้รับความบันเทิง ความสนุกสนาน ช่วยผ่อนคลายและลดความตึงเครียดได้เป็นอย่างดี พร้อมกับ
ปลกู ฝังเจตคติการต่อต้านทุจริตในรูปอกี ทางหนง่ึ

สานกั พฒั นานวัตกรรมการจัดการศึกษา โดยโครงการเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรมและธรรมาภิบาล
ในสถานศึกษา และสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา (โครงการโรงเรียนสุจริต) ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในหมู่
วัยรุ่น จึงได้กระตุ้นและผลักดันให้นักเรียนได้ร่วมกันคิดผลิตภาพยนตร์สั้นท่ีสร้างสรรค์ เพ่ือแสดงผลงาน
ในกจิ กรรมการแลกเปล่ียนเรยี นรู้ การนาเสนอผลงาน การประกวดแข่งขัน กจิ กรรมการเรยี นรู้ ภายใต้โครงการ
เสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาลในสถานศึกษา และสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา (โครงการ
โรงเรยี นสจุ ริต) โดยเนน้ การสอดแทรกแนวคิดด้านการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม รวมถึงการปลูกฝังจิตสานึก
ให้รักและหวงแหนศิลปวัฒนธรรมของชาติลงไปในเน้ือหาของภาพยนตร์ อีกท้ังเพื่อเป็นเวทีในการแสดงออก
ของนักเรียนสร้างสรรค์ภาพยนตร์สั้น ให้มีพื้นท่ีในการนาเสนอผลงานสู่สาธารณชนอย่างเสรี เป็นเวทีให้มวลชน
และผ้ชู มภาพยนตร์ได้มีทางเลอื กในการชมภาพยนตร์ที่มเี น้อื หาแตกตา่ งกนั อยา่ งหลากหลาย

๒. วตั ถปุ ระสงค์
๒.๑ เพื่อพัฒนาความสามารถและส่งเสริมศักยภาพของนักเรียนในการผลิตภาพยนตร์สั้น ภายใต้

หวั ขอ้ “การต่อต้านการทุจรติ ”
๒.๒ เพ่ือส่งเสริมให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ในกระบวนการผลิตภาพยนตร์สั้น ตามคุณลักษณะ

๕ ประการของโครงการโรงเรียนสจุ รติ
๒.๓ เพอ่ื เผยแพร่ ประชาสมั พันธ์ ผลงานภาพยนตร์สน้ั ของโรงเรียนสจุ รติ ต่อสาธารณชน

2

๓. แผนภูมกิ ำรดำเนนิ กจิ กรรม
แนวทำงกำรดำเนนิ กจิ กรรมกำรผลติ ภำพยนตร์สน้ั ต่อต้ำนกำรทจุ ริต

การผลิตภาพยนตรส์ น้ั

โรงเรียน โรงเรยี นประชาสมั พนั ธก์ ิจกรรม
ดาเนินการ
รับสมัครนกั เรียนทส่ี นใจ
นกั เรยี น
ดาเนนิ การ อบรมให้ความรู้การผลิตภาพยนตร์ส้นั

ศกึ ษา วิเคราะห์สภาพปัญหา
และคัดเลือกหวั ขอ้ ทจ่ี ะผลิตภาพยนตร์สัน้
สอดคล้องกบั คณุ ลักษณะ ๕ ประการของ

เขยี นโรบงทเรภยี านพสยจุ นรตติ รส์ ้ัน

ครตู รวจสอบ ไม่สมบรู ณ์
บทภาพยนตร์ส้ัน

สมบูรณ์

ผลติ ภาพยนตร์สน้ั

นักเรียนส่งภาพยนตร์ส้นั เขา้ ประกวดแข่งขัน

โรงเรยี นจัดประกวด ไม่ผ่าน
ภาพยนตรส์ นั้

ผา่ น

ตัวแทนระดบั โรงเรียนส่งผลงาน
เขา้ ประกวดแขง่ ขนั ระดับ สพท.

3

๔. แนวทำงกำรดำเนนิ กจิ กรรม
๔.๑ โรงเรียนประชาสัมพันธก์ ารส่งผลงานเข้าประกวดแขง่ ขนั
๔.๒ รบั สมัครนักเรียนทสี่ นใจ
๔.๓ อบรมให้ความรู้เกยี่ วกบั การผลติ ภาพยนตรส์ ้ันใหก้ ับนกั เรยี นทส่ี นใจ (รายละเอียดตามภาคผนวก)
๔.๔ นักเรียนศึกษาสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นภายในโรงเรียนและชุมชน พร้อมท้ังวิเคราะห์สภาพปัญหา

เพื่อนามาเป็นข้อมูลในการเขียนบทภาพยนตร์สั้น ถ้ามีปัญหาหลายปัญหา ให้คัดเลือก ๑ ปัญหา เพื่อกาหนด
เป็นหวั ขอ้ ท่จี ะเขียนบทและผลติ ภาพยนตรส์ ัน้

๔.๕ นักเรียนนาขอ้ มลู ทคี่ รบถ้วนสมบูรณ์มาเขียนเป็นบทภาพยนตร์สั้น ส่งให้ครูตรวจสอบก่อนนามา
ผลติ เปน็ ภาพยนตร์สั้น

๔.๖ ครูตรวจสอบความครบถ้วนและความเหมาะสมของเนื้อหา ถ้าเน้ือหาสมบูรณ์ถูกต้องนาไปผลิต
ภาพยนตร์สั้นต่อไป ในกรณีท่ีเน้ือหายังไม่สมบูรณ์ให้นักเรียนกลับไปศึกษาข้อมูลเขียนบทภาพยนตร์ส้ันใหม่
กอ่ นนาไปผลิตภาพยนตร์ส้ัน

๔.๗ นาบทภาพยนตร์ทีเ่ ขยี นมาผลิตเป็นภาพยนตร์สน้ั
๔.๘ ส่งผลงานการผลิตภาพยนตร์สั้นประกวดแข่งขันระดับโรงเรียน เพื่อคัดเลือกเป็นตัวแทนของ
โรงเรียนไปแข่งขนั ระดับสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษา ระดบั ภมู ิภาค และระดับประเทศ
๔.๙ ผลงานทีไ่ ดร้ บั การคัดเลอื กระดบั โรงเรยี น ระดับสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา และระดับภูมิภาค
จะได้รับเกียรติบัตร ส่วนผลงานที่ได้รับคัดเลือกระดับประเทศ ผู้ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ ๑ - ๓
จะไดร้ ับโล่รางวัลพร้อมเกยี รตบิ ัตร
๔.๑๐ ภาพยนตร์สั้นที่ผ่านการคัดเลือกระดับโรงเรียน ระดับสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา ระดับ
ภมู ิภาค และระดับประเทศ จะได้รับการเผยแพร่สโู่ รงเรียนและสาธารณชนตอ่ ไป

๕. กำรวดั ผลและประเมนิ ผล
เอกสารแนวทางการดาเนินกิจกรรมการผลิตภาพยนตร์ส้ันต่อต้านการทุจริต จัดทาขึ้น เพื่อให้ครูผู้สอน

นาไปใช้เป็นแนวทางในการพัฒนานักเรียนให้มีความสามารถและส่งเสริมศักยภาพของนักเรียน ในการผลิต
ภาพยนตร์สนั้ ต่อตา้ นการทุจริต และสามารถนาผลงานการผลิตไปใช้ประโยชน์ในอนาคตได้ โดยกระบวนการ
จัดกิจกรรมดังกล่าวนี้ จะต้องมีการวัดผลและประเมินผลตามกิจกรรมท่ีดาเนินการ ซ่ึงได้มีการวัดผล
และประเมินผล ๒ ประการ ดงั นี้

๑. แบบประเมนิ ผลงานกจิ กรรมการผลิตภาพยนตร์ส้ันต่อตา้ นการทจุ รติ
๒. แบบรายงานกระบวนการผลิตภาพยนตรส์ ั้นตามคุณลกั ษณะ ๕ ประการของโครงการโรงเรียน
สุจรติ

4

วัตถปุ ระสงค์ วธิ ีวดั เครื่องมือวดั เกณฑ์

๑. เพ่อื พัฒนาความสามารถ ตรวจผลงาน แบบประเมนิ ผลงาน ผ่าน
และสง่ เสรมิ ศักยภาพของนกั เรยี น ภาพยนตรส์ ้ัน กิจกรรมการผลิต รอ้ ยละ ๖๐
ในการผลติ ภาพยนตร์ส้นั ภายใต้หวั ขอ้ ภาพยนตรส์ ้นั
“การต่อต้านการทุจริต” ตอ่ ตา้ นการทุจริต

๒. เพื่อสง่ เสรมิ ให้นกั เรยี นเกดิ ตรวจแบบรายงาน แบบรายงานกระบวนการ ผา่ น

การเรยี นรู้ในกระบวนการผลิต กระบวนการผลิตภาพยนตร์ ผลติ ภาพยนตร์สั้น รอ้ ยละ ๖๐

ภาพยนตรส์ ั้น ตามคณุ ลักษณะ สน้ั ตามคุณลกั ษณะ ตามคณุ ลกั ษณะ

๕ ประการของโครงการโรงเรียนสจุ ริต ๕ ประการ ๕ ประการของโครงการ

ของโครงการโรงเรยี นสุจรติ โรงเรียนสจุ ริต

๓. เพอื่ เผยแพร่ ประชาสัมพนั ธ์ผลงาน สารวจช่องทางการรบั ชม แบบสารวจการรับชม -

ภาพยนตร์ส้ันโรงเรยี นสุจริตต่อ

สาธารณชน

ควำมสอดคล้องกับคณุ ลักษณะ ๕ ประกำรของโครงกำรโรงเรยี นสจุ ริต
การดาเนินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนให้เป็นสุจริตชน โดยใช้ส่ือเทคโนโลยีในรูปแบบของการสร้างสรรค์

ภาพยนตร์สน้ั และเพอื่ ปลูกฝังคุณลักษณะ ๕ ประการของโครงการโรงเรียนสุจริต คือ ทักษะกระบวนการคิด

มีวนิ ยั ซอื่ สัตย์สจุ รติ อยอู่ ยา่ งพอเพียง และจิตสาธารณะ โดยให้มีความสอดคล้อง ดังตารางตอ่ ไปนี้

คณุ ลกั ษณะ ๕ ประกำร กจิ กรรม หมำยเหตุ
ของโครงกำร ๑. การวิเคราะหค์ ุณลักษณะ ๕ ประการของโครงการโรงเรยี น
โรงเรียนสุจรติ

๑. ทกั ษะกระบวนการคดิ

สจุ ริตสกู่ ารจัดทาภาพยนตรส์ นั้

๒. การเขียนบทภาพยนตร์และการผลิตภาพยนตร์สัน้

๓. ความรู้ ความเข้าใจในเรื่องการใช้เทคโนโลยี ความปลอดภัย

และความคิดสรา้ งสรรค์ ในการผลิตภาพยนตร์สั้น

๒. มวี นิ ยั ๑. นักเรยี นเข้ารว่ มประชมุ เพือ่ สร้างความตระหนกั ในนโยบาย

ใหท้ กุ คนรบั ทราบและปฏิบัติรว่ มกนั

๒. นักเรยี นปฏบิ ัตงิ านตามท่ีไดร้ บั มอบหมายให้ประสบผลสาเรจ็

๓. การเขียนเรื่องบทภาพยนตร์สน้ั ทีถ่ กู ต้องตามรูปแบบ

๔. ผลิตผลงานภาพยนตร์ส้นั เสรจ็ ตามระยะเวลาที่กาหนด

5

คณุ ลกั ษณะ ๕ ประกำร กิจกรรม หมำยเหตุ
ของโครงกำร
โรงเรยี นสจุ รติ ๑. นาความจริงมาประกอบการเขียนบทและผลติ ภาพยนตรส์ ั้น
๒. ผลิตภาพยนตร์สน้ั โดยส่ือให้เห็นการแยกแยะผลประโยชน์
๓. ซ่อื สัตยส์ จุ ริต
สว่ นตนกบั ผลประโยชนส์ ่วนรวม
๔. อยู่อยา่ งพอเพียง ๓. ผลิตภาพยนตรส์ นั้ ตามบททีเ่ ขยี น
๑. การใช้ทรัพยากรในการผลิตภาพยนตรส์ ั้นทกุ กระบวนการ
๕. จิตสาธารณะ
อย่างประหยัด คุม้ ค่า และเกดิ ประโยชน์สงู สดุ
๒. การใชเ้ ทคโนโลยีทมี่ อี ยู่ในการผลติ ภาพยนตร์สั้น
๓. นอ้ มนาหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการผลิต

ภาพยนตรส์ ั้น
๑. การแบง่ ปันเทคนิคการผลติ ภาพยนตรส์ ้นั ให้แก่สมาชิก

ในกลุ่มของตนและกลุ่มอ่ืนๆ
๒. ช่วยเหลอื กล่มุ ในการเขยี นบทภาพยนตร์ส้ัน และการผลติ

ภาพยนตรส์ นั้
๓. การชว่ ยเหลือในการจัดกิจกรรมการประกวดแขง่ ขนั

ภาพยนตรส์ ้ัน และช่วยเหลอื ในการเผยแพรป่ ระชาสัมพันธ์
ผลงานการประกวดแขง่ ขันภาพยนตรส์ ัน้ ระดับโรงเรยี น

๖. กำรรำยงำนผล
ให้โรงเรียนรายงานผลการดาเนินงานกิจกรรมผลิตภาพยนตร์ส้ัน ตามแบบท่ีกาหนดไปยังสานักงาน

เขตพ้ืนท่ีการศกึ ษา ภายใน วัน - เวลาทีก่ าหนด โดยดาเนนิ การจัดทารายงานเป็นเอกสาร พร้อมลิงก์ไฟล์ข้อมูล
รายงานและภาพยนตร์สน้ั ส่งตามช่องทางท่ีสานกั งานเขตพื้นทก่ี ารศึกษากาหนด ดงั นี้

๑. ลงิ ก์ภาพยนตรส์ น้ั ความยาว ๓ - ๗ นาที (รวม Title และ End Credit)
๒. รายงานผลการผลิตภาพยนตร์สั้นภายใต้คุณลักษณะ ๕ ประการของโครงการโรงเรียนสุจริต
ไมเ่ กนิ ๕ หน้ากระดาษ A4 โดยใชต้ วั อักษรแบบ THSarabun ขนาด ๑๖ pt.

6

๗. กำรจดั กจิ กรรมการแลกเปลยี่ นเรียนรู้ การนาเสนอผลงาน การประกวดแขง่ ขนั
การดาเนินงานจัดกิจกรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การนาเสนอผลงาน การประกวดแข่งขัน ระดับ

โรงเรยี น ระดับสานกั งานเขตพืน้ ที่การศึกษา ระดับภมู ิภาค และระดับประเทศ มีแนวทางการดาเนินงานแต่ละ
ระดับ ดังน้ี

ระดบั โรงเรียน
๑. ผู้บริหารสถานศึกษา ครู และบุคลากรทุกคน ดาเนินการจัดกิจกรรมแลกเปล่ียนเรียนรู้

การประกวดแข่งขัน กิจกรรมภาพยนตร์ส้ัน ภายในสถานศึกษา โดยกาหนดรูปแบบของกิจกรรมตามความ
เหมาะสมและความพร้อมของโรงเรียน เช่น การจัดตลาดความรู้ การจัดนิทรรศการ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้
การประกวดแขง่ ขนั ฯลฯ

๒. ประชาสมั พนั ธใ์ ห้นักเรียนสง่ ผลงานภาพยนตรส์ ้ันเข้าประกวดแข่งขัน ตามแนวทางการรายงานผล
(ตามรายละเอียดดงั แนบในภาคผนวก)

๓. คัดเลือกภาพยนตร์ส้ันตามเกณฑ์การคัดเลือกภาพยนตร์สั้น ระดับโรงเรียน (ตามรายละเอียด
ดังแนบในภาคผนวก)

๔. ส่งผลงานภาพยนตร์สั้นท่ีได้รับการคัดเลือกเป็นตัวแทนของโรงเรียนเข้าร่วมแข่งขันในระดับ
สานกั งานเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษา พรอ้ มแนบเอกสารหลักฐานประกอบ

๕. กรณีภาพยนตร์สัน้ ไม่ผา่ นเกณฑ์ ใหแ้ จง้ เจ้าของผลงานเพ่อื นาไปปรบั ปรุงแก้ไขต่อไป

ระดับสำนกั งำนเขตพนื้ ทีก่ ำรศึกษำ
๑. ประชาสมั พันธ์ให้แตล่ ะโรงเรยี นในสงั กดั สง่ ผลงานภาพยนตรส์ ้นั เขา้ ร่วมกิจกรรมแลกเปล่ียนเรียนรู้

การประกวดแขง่ ขนั กจิ กรรมภาพยนตรส์ ั้น ในระดบั สานักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษา
๒. สานกั งานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษา ดาเนินการจดั กจิ กรรมแลกเปล่ยี นเรยี นรู้ภาพยนตรส์ น้ั ในลักษณะของ

การแลกเปล่ยี นเรยี นรูท้ ี่หลากหลาย เช่น จัดประกวดแข่งขัน การจัดนิทรรศการแสดงผลงาน การจัดกิจกรรม
แลกเปลยี่ นเรยี นรอู้ นื่ ตามท่ี สานักงานเขตพื้นทก่ี ารศึกษา เหน็ สมควร

๓. คัดเลือกภาพยนตร์ส้ันตามเกณฑ์การคัดเลือกภาพยนตร์สั้น ระดับ สานักงานเขตพื้นที่การศึกษา
(ตามรายละเอียดดังแนบในภาคผนวก)

๔. ส่งผลงานภาพยนตร์สั้นท่ีได้รับการคัดเลือกจาก สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา ไปประกวดแข่งขัน
ในระดับภมู ิภาค พร้อมแนบเอกสารหลักฐานประกอบ

๕. กรณผี ลงานภาพยนตรส์ ้นั ท่ีไม่ผ่านเกณฑ์ ให้แจง้ เจ้าของผลงานเพอ่ื นาไปปรบั ปรุงแกไ้ ขต่อไป
๖. ภาพยนตร์ส้ันที่ผ่านเกณฑ์และได้รับการคัดเลือกจาก สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา จะได้รับ
เกยี รติบัตร

7

ระดบั ภมู ิภำค
๑. ระดับภูมิภาค ดาเนินการจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การประกวดแข่งขัน ภาพยนตร์ส้ัน

ในลักษณะของการแลกเปล่ียนเรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น การจัดประชุม สัมมนา (Workshop/Symposium)
การจดั นิทรรศการแสดงผลงาน การจดั กิจกรรมแลกเปลีย่ นเรียนรู้อ่นื ตามท่ีภมู ภิ าคเห็นสมควร

๒. คัดเลอื กภาพยนตรส์ น้ั ตามเกณฑก์ ารคดั เลือกภาพยนตรส์ นั้ ระดบั ภมู ิภาค (ตามรายละเอียดดังแนบ
ในภาคผนวก)

๓. รายงานผลการผลิตสื่อภาพยนตร์ส้ันตามรูปแบบที่ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน
กาหนด (ตามรายละเอยี ดดงั แนบในภาคผนวก)

๔. ดาเนินการส่งผลงานภาพยนตร์สนั้ ท่ผี ่านเกณฑ์ และได้รับการคัดเลือกจากระดับภูมิภาคไปแข่งขัน
ในระดบั ประเทศ พรอ้ มแนบเอกสารหลักฐานประกอบเพื่อเข้ารับการแลกเปล่ียนเรียนรู้ และพิจารณาคัดเลือก
จากระดบั ประเทศตอ่ ไป

ระดบั ประเทศ
๑. ดาเนินการจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การประกวดแข่งขัน กิจกรรมภาพยนตร์สั้น (ตาม

รายละเอียดดงั แนบในภาคผนวก)
๒. ประกาศผลงานที่ไดร้ ับการคัดเลือก และมอบรางวัล
๓. ดาเนนิ การเผยแพรผ่ ลงานภาพยนตรส์ ัน้ สู่สาธารณชน

คุณสมบตั ขิ องผู้เข้ำประกวดแขง่ ขัน
๑. นกั เรียนระดับช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ - ๖
๒. นกั เรียนระดับชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ - ๓ โรงเรยี นขยายโอกาส สังกัด สพป.
๓. นกั เรียนระดับชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ - ๓ โรงเรยี นสงั กดั สพม.
๔. นกั เรยี นระดับชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๔ - ๖ โรงเรยี นขยายโอกาส สงั กดั สพป. และสังกัด สพม.
๕. แข่งขันเป็นทมี ทีมละไมเ่ กนิ ๕ คน

เกณฑ์กำรคดั เลอื กผลงำนภำพยนตร์สัน้

รายการพจิ ารณา เพื่อคดั เลือกผลงาน จานวน ๔ รายการ มคี ะแนนรวม ๑๐๐ คะแนน ดังน้ี

รายการท่ี ๑ ความสาคญั ของเน้ือหา ๔๐ คะแนน

รายการท่ี ๒ คุณภาพของผลงาน ๓๐ คะแนน

รายการท่ี ๓ หนา้ ท่ีของภาพยนตร์ ๒๐ คะแนน

รายการท่ี ๔ แบบรายงาน ๑๐ คะแนน

8

เกณฑ์คุณภำพผลงำน

การพิจารณาคะแนนรวมทกุ รายการ มเี กณฑค์ ุณภาพผลงาน ดงั นี้

- ผลงานที่มีคณุ ภาพดีเยีย่ ม ได้คะแนน ต้ังแต่ ๙๑ - ๑๐๐ คะแนน

- ผลงานท่มี คี ุณภาพดีมาก ไดค้ ะแนน ตง้ั แต่ ๘๑ - ๙๐ คะแนน

- ผลงานทีม่ คี ณุ ภาพดี ได้คะแนน ต้ังแต่ ๗๑ - ๘๐ คะแนน

- ผลงานที่มคี ุณภาพพอใช้ ไดค้ ะแนน ตั้งแต่ ๖๑ - ๗๐ คะแนน
คะแนน
- ผลงานที่มีคุณภาพควรพฒั นาเพิม่ เตมิ ไดค้ ะแนน นอ้ ยกว่า ๖๑

เกณฑก์ ำรประกวดแข่งขนั กิจกรรมกำรผลิตภำพยนตรส์ ้ันต่อต้ำนกำรทุจริต
การประกวดแข่งขันภาพยนตร์สั้นครั้งน้ี เป็นการประกวดแข่งขันกิจกรรมการผลิตภาพยนตร์สั้น

ต่อต้านการทุจริต ท่ีผ่านการคัดเลือกจากสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาละ ๑ โรงเรียน จานวนทั้งส้ิน ๒๔๕
โรงเรยี น แบ่งเป็น ๔ ระดับ คือ ระดับประถมศึกษา (สพป.), ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น (โรงเรียนขยายโอกาส),
ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้ (สพม.), และระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย (โรงเรียนขยายโอกาส และ สพม.) เพื่อเข้า

รับการพัฒนาการผลิตภาพยนตร์ส้ันจากสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน และสานักงาน
คณะกรรมการการศึกษาข้ันพนื้ ฐานจะทาการคดั เลือกโรงเรียนที่ผ่านตามเกณฑ์ท่ีกาหนดจาก ๕ ภูมิภาค ๆ ละ

๙ โรงเรยี น รวมทั้งสิน้ จานวน ๔๕ โรงเรียน เพื่อเข้ารับการพัฒนาการผลติ ภาพยนตร์ส้นั ขั้นสูงต่อไป
เกณฑ์การประกวดแข่งขันกจิ กรรมการผลิตภาพยนตรส์ ั้นตอ่ ตา้ นการทจุ รติ แบง่ เปน็ ๔ ด้าน คอื
๑. ความสาคัญของเน้ือหา

๒. คณุ ภาพของผลงาน
๓. การทาหนา้ ท่ีของภาพยนตร์

๔. แบบรายงาน

ดังรายละเอียดเกณฑ์การประกวดแข่งขันและคะแนน ดังน้ี

เกณฑก์ ารคัดเลือก
กิจกรรมการผลิตภาพยนตร์ส้นั ต่อตา้ นการทุจรติ

ความสาคญั ของ คุณภาพของผลงาน การทาหนา้ ท่ี แบบรายงาน
เนือ้ หา (30 คะแนน) ของภาพยนตร์ (10 คะแนน)
(30 คะแนน)
(40 คะแนน)

9

รำยละเอียดเกณฑ์กำรประกวดแข่งขันกิจกรรมกำรผลิตภำพยนตร์สน้ั ต่อต้ำนกำรทุจริต
การประกวดแขง่ ขนั ภาพยนตร์ส้ันตามกจิ กรรมการผลิตภาพยนตร์ส้ันต่อต้านการทุจริต มีรายละเอียด

เกณฑ์การประกวดแข่งขันแบ่งเป็น ๔ ด้าน ได้แก่ ความสาคัญของเนื้อหา คุณภาพของผลงาน การทาหน้าที่
ของภาพยนตร์ และแบบรายงาน ในการทาหน้าท่ีของภาพยนตร์สัน้ ดังนี้

๑. ควำมสำคัญของเนอ้ื หำ (๔๐ คะแนน)
๑.๑ เนือ้ หาตรงตามประเดน็ ท่กี าหนด (๑๐ คะแนน)
๑.๒ แก่นเรือ่ ง (Theme) มคี วามชดั เจน (๑๐ คะแนน)
๑.๓ ความเหมาะสมของเน้ือหา (๑๐ คะแนน)
๑.๔ ความคิดสรา้ งสรรค์ (๑๐ คะแนน)

๒. คณุ ภำพของผลงำน (คะแนนเตม็ ๓๐ คะแนน)
๒.๑ ความชัดเจนของภาพ (๕ คะแนน)
๒.๒ ความชัดเจนของเสียง (๕ คะแนน)
๒.๓ ความเหมาะสมของขนาดภาพ (๕ คะแนน)
๒.๔ ความเหมาะสมของการลาดับภาพ (๕ คะแนน)
๒.๕ ความเหมาะสมของมุมกล้อง (๕ คะแนน)
๒.๖ ความเหมาะสมขององค์ประกอบศิลป์ (๕ คะแนน)

๓. กำรทำหน้ำทข่ี องภำพยนตร์ (คะแนนเตม็ ๒๐ คะแนน)
๓.๑ หนา้ ทใี่ นการเล่าเรือ่ ง (๕ คะแนน)
๓.๒ หนา้ ที่ในการสร้างอารมณ์ (๕ คะแนน)
๓.๓ หน้าทใ่ี นทางปญั ญา (๕ คะแนน)
๓.๔ หน้าที่ในการสรา้ งความตืน่ ตาต่ืนใจ (๕ คะแนน)

๔. แบบรำยงำน (คะแนนเต็ม ๑๐ คะแนน)
๔.๑ รายละเอยี ดของผลงาน (๕ คะแนน)
๔.๒ กระบวนการและความสอดคล้องกับคุณลักษณะ ๕ ประการของโครงการโรงเรียนสุจริต
(๕ คะแนน)

รำงวลั
๑. รางวัลชนะเลิศ
๒. รางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑
๓. รางวัลรองชนะเลศิ อันดบั ๒
๔. ชมเชย (๒ รางวลั )

10

คณะกรรมกำรในกำรคัดเลอื ก
คณะกรรมการในการคดั เลอื กภาพยนตร์สั้น จะประกอบด้วย ผ้ทู รงคณุ วฒุ ิ จานวน ๓ - ๕ ท่าน

ประกอบด้วย
๑. ผทู้ รงคุณวุฒิดา้ นการเขียนบทภาพยนตร์
๒. ผู้ทรงคณุ วุฒิด้านการแสดงภาพยนตร์
๓. ผู้ทรงคณุ วุฒิดา้ นการแต่งกาย
๔. ผทู้ รงคณุ วุฒิดา้ นการถา่ ยทาภาพยนตร์
๕. ผู้ทรงคุณวฒุ ดิ ้านการตัดต่อภาพยนตร์ หรือด้านอนื่ ๆ ตามที่เหน็ สมควร

11

บรรณำนุกรม

วรวทิ ย์ ไชยวงศค์ ต. (๒๕๖๕). ชนิดของกล้องวีดิโอ. สบื ค้นเมอ่ื ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๕. จาก
http://www.teemtaro.com/ชนิดของกล้องวีดโิ อ

วนิ ัย บญุ คง. (๒๕๕๑). เกณฑ์กำรประเมินคุณค่ำภำพยนตร์ส้นั นักศึกษำรำงวัลช้ำงเผือกและรำงวัลสุพรรณหงส์.
วิทยานิพนธม์ หาบัณฑิต , มหาวิทยาลยั รงั สติ .

อัศวพร แสงอรุณเลิศ. (๒๕๕๑). กำรใช้ภำพยนตรเ์ พอ่ื พัฒนำทกั ษะกำรเขียนภำษำอังกฤษและกำรคดิ อยำ่ งมี
วิจำรณญำณของนักเรียนระดับก้ำวหน้ำ. วิทยานิพนธศ์ กึ ษาศาสตรม์ หาบัณฑติ สาขาวิชาการ
สอนภาษาองั กฤษ, มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่.

GERALD MILLER SON. Video Production Handbook. Great Britain: Focal Press. ๑๙๙๒.
PETER W. REA AND DAVID K. IRVING. Producing and Directing the Short Film and Video.

Focal Press. ๑๙๙๕.
www.oscars.org/ awards/academyawards/rule ๑๙. html

ภำคผนวก

2

รำยละเอียดในภำคผนวก

องคค์ วำมรู้ประกอบกำรเรียนรู้กำรจัดทำภำพยนตรส์ นั้

๑. คณุ ลกั ษณะ ๕ ประการของโครงการโรงเรยี นสุจรติ
๒. แนวการเขยี นบทภาพยนตรส์ ั้น
๓. เทคนคิ การถ่ายวิดีโอ
๔. ขนาดภาพและมุมกลอ้ ง
๕. การเคล่ือนกลอ้ ง
๖. การจัดแสง
๗. รูปแบบและหลกั การตัดตอ่ (ลาดับภาพ)
๘. บุคลากรสาคญั สาหรบั ภาพยนตร์สัน้
๙. การหาสถานท่ีถา่ ยทา
๑๐. ขอ้ ควรคานงึ ในการหาสถานทีก่ ารถ่ายทา
๑๑. ความเหมะสมในแงศ่ ิลปะ
๑๒. การกากบั ภาพยนตร์
๑๓. แบบประเมนิ ผลงานกิจกรรมการผลิตภาพยนตรส์ ั้นตอ่ ตา้ นการทจุ ริต
๑๔. แบบรายงานผล กระบวนการผลิตภาพยนตร์ส้นั ตามคณุ ลักษณะ ๕ ประการของโครงการ

โรงเรยี นสุจริต
๑๕. ใบสมัครเพือ่ เขา้ รว่ มประกวดแขง่ ขนั กิจกรรมการผลติ ภาพยนตร์ส้นั ต่อต้านการทจุ รติ
๑๖. ตัวอยา่ งภาพยนตร์สั้นต่อตา้ นการทุจริต

3

๑. คุณลกั ษณะ ๕ ประกำรของโครงกำรโรงเรยี นสจุ รติ
๑. ทกั ษะกระบวนการคิด
๒. มีวินัย
๓. ซือ่ สัตยส์ ุจริต
๔. อยู่อย่างพอเพียง
๕. จติ สาธารณะ

๒. แนวกำรเขียนบทภำพยนตร์สนั้
การเขียนบท อาจเปน็ เร่ืองทน่ี ามาจากเรื่องจรงิ เรือ่ งดดั แปลง ขา่ ว เร่ืองที่อยู่รอบ ๆ ตัว นวนิยาย เร่ือง

สนั้ หรือไดแ้ รงบนั ดาลใจจากความประทับใจในเร่อื งราวหรอื บางสง่ิ ที่คนเขียนบทได้สัมผัส เช่น ดนตรี บทเพลง
บทกวี ภาพเขียนและอื่น ๆ หรืออะไรที่ทาให้เกิดความคิด จินตนาการ การสร้างสรรค์ คือ การนาเร่ืองราว
มาประสมประสานกันให้เป็นเร่ืองข้ึนมา ความพยายามเท่านั้นทาให้เกิดความสาเร็จ ขอให้ศึกษาในบท
ภาพยนตรต์ ่อไป ขั้นตอนสาหรบั การเขยี นบทภาพยนตร์ส้นั

๑. กำรค้นคว้ำหำข้อมลู (Research)
เป็นขั้นตอนการเขียนบทภาพยนตร์อันดับแรกท่ีต้องทาถือเป็นส่ิงสาคัญหลังจากเราพบ

ประเดน็ ของเรื่องแล้ว จึงลงมือค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อเสริมรายละเอียดเรื่องราวท่ีถูกต้อง จริง ชัดเจน และมีมิติ
มากขึน้ คณุ ภาพของภาพยนตรจ์ ะดีหรอื ไมจ่ งึ อยู่ทก่ี ารคน้ ควา้ หาข้อมูล ไม่วา่ ภาพยนตร์นน้ั จะมเี นือ้ หาใดกต็ าม

๒. กำรกำหนดประโยคหลกั สำคญั (Premise)
หมายถงึ ความคิดหรือแนวความคิดท่ีง่าย ๆ ธรรมดา ส่วนใหญ่มักใช้ต้ังคาถามว่า “เกิดอะไร

ข้ึนถ้า…” (What if) ตัวอย่างของ Premise ตามรูปแบบหนังฮอลลีวูด เช่น เกิดอะไรข้ึนถ้าเรื่องโรเมโอ & จูเลียต
เกดิ ขน้ึ ในนิวยอร์ค คือ เรื่อง West Side Story, เกิดอะไรขึ้นถ้ามนุษย์ดาวอังคารบุกโลก คือเรื่อง The Invasion
of Mars, เกิดอะไรข้ึนถ้าก็อตซิล่าบุกนิวยอร์ค คือเรื่อง Godzilla, เกิดอะไรข้ึนถ้ามนุษย์ต่างดาวบุกโลก คือ
เรื่อง The Independence Day, เกิดอะไรข้ึนถ้าเร่ืองโรเมโอ & จูเลียต เกิดขึ้นบนเรือไททานิค คือเรื่อง
Titanic เป็นต้น

๓. กำรเขยี นเรื่องยอ่ (Synopsis)
คอื เรือ่ งย่อขนาดสั้น ท่ีสามารถจบลงได้ ๓ - ๔ บรรทัด หรือหน่ึงย่อหน้า หรืออาจเขียนเป็น

Story Outline เป็นรา่ งหลังจากทีเ่ ราคน้ ควา้ หาข้อมูลแล้ว ก่อนเขยี นเป็นโครงเรื่องขยาย (Treatment)
๔. กำรเขยี นโครงเร่ืองขยำย (treatment)
เป็นการเขียนคาอธิบายของโครงเร่ือง (Plot) ในรูปแบบของเร่ืองสั้น โครงเร่ืองขยายอาจใช้

สาหรับเป็นแนวทางในการเขียนบทภาพยนตร์ท่ีสมบูรณ์ บางครั้งอาจใช้สาหรับยื่นของบประมาณได้ด้วย และ
การเขยี นโครงเรือ่ งขยายท่ีดีต้องมปี ระโยคหลกั สาคัญ (Premise) ท่ีงา่ ย ๆ นา่ สนใจ

4

๕. บทภำพยนตร์ (Screenplay)
สาหรับภาพยนตร์บันเทิง หมายถึง บท (Script) ซีเควนส์หลัก (Master Scene/Sequence)

หรือ ซีนาริโอ (Scenario) คือ บทภาพยนตร์ที่มีโครงเรื่อง บทพูด แต่มีความสมบูรณ์น้อยกว่าบทถ่ายทา
(Shooting Script) เป็นการเล่าเร่ืองท่ีได้พัฒนามาแล้วอย่างมีข้ันตอน ประกอบด้วย ตัวละครหลัก บทพูด
ฉากแอคชัน ซเี ควนส์ มรี ปู แบบการเขียนท่ีถูกต้อง เช่น บทสนทนาอยู่ก่ึงกลางหน้ากระดาษฉาก เวลา สถานท่ี
อยู่ชิดขอบหน้าซ้ายกระดาษ ไม่มีตัวเลขกากับช็อต และโดยหลักท่ัวไป บทภาพยนตร์หนึ่งหน้าจะมีความยาว
หนงึ่ นาที

๖. บทถ่ำยทำ (Shooting Script)
บทภาพยนตร์ทีเ่ ป็นขน้ั ตอนสุดท้ายของการเขียนบทถ่ายทา จะบอกรายละเอียดเพ่ิมเติมจาก

บทภาพยนตร์ (Screenplay) ได้แก่ ตาแหน่งกล้อง การเช่ือมช็อต เช่น คัท (Cut) การเลือนภาพ (Fade)
การละลายภาพ หรือการจางซ้อนภาพ (Dissolve) การกวาดภาพ (Wipe) ตลอดจนการใช้ภาพพิเศษ (Effect)
อ่นื ๆ เป็นต้น นอกจากนย้ี งั มเี ลขลาดับช็อตกากับเรียงตามลาดับ ตง้ั แตช่ อ็ ตแรกจนกระทง่ั จบเร่อื ง

๗. บทภำพ (Storyboard)
บทภาพยนตร์ประเภทหนึ่งท่ีอธิบายด้วยภาพ คล้ายหนังสือการ์ตูน ให้เห็นความต่อเน่ือง

ของช็อต ตลอดทั้งซีเควนส์หรือทั้งเรื่อง มีคาอธิบายภาพประกอบเสียงต่าง ๆ เช่น เสียงดนตรี เสียงประกอบ
ฉาก และเสียงพูด เป็นต้น ใช้เป็นแนวทางสาหรับการถ่ายทา หรือใช้เป็นวิธีการคาดคะเนภาพล่วงหน้า
(Pre-Visualizing) กอ่ นการถ่ายทาวา่ เม่อื ถ่ายทาสาเร็จแล้ว หนังจะมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร ซึ่งบริษัทของ
Walt Disney นามาใช้กับการผลิตภาพยนตร์การ์ตูนของบริษัทเป็นครั้งแรก โดยเขียนภาพ เหตุการณ์ของ
แอคชันเรียงติดต่อกันบนบอร์ด เพ่ือให้คนดูเข้าใจ และมองเห็นเรื่องราวล่วงหน้าได้ก่อนลงมือเขียนภาพ
ส่วนใหญ่บทภาพจะมีเลขทีล่ าดบั ช็อตกากบั ไว้ คาบรรยายเหตุการณ์ มมุ กล้อง และอาจมีเสยี งประกอบด้วย

๓. เทคนคิ กำรถำ่ ยวดี ีโอ
ชนดิ ของกลอ้ งวดี โิ อ

อุปกรณ์ที่ใช้ถ่ายทาวีดิโอในปัจจุบัน มีให้เลือกใช้มากมายหลายชนิด ผู้ผลิตภาพยนตร์สั้นสามารถ
เลือกใชไ้ ดต้ ามความเหมาะสม ทั้งนี้ต้องคานึงถึงงบประมาณและทักษะของช่างภาพในการใช้อุปกรณ์ดังกล่าว
ปจั จุบันกล้องถ่ายวีดิโอแบบดิจิทัลได้รับความนิยมมาก เพราะสามารถนาส่ือดิจิทัลมาใช้งานร่วมกับโปรแกรม
ตดั ต่อได้อย่างสะดวกกว่าการกล้องแบบแอนะลอ็ ก ซงึ่ สามารถแบ่งเป็นชนิดตา่ ง ๆ ไดด้ ังนี้

๑. กลอ้ งวีดิโอ เป็นกล้องท่ีถูกออกแบบมาเพ่ือ
ใช้กบั งานถ่ายทาวีดิโอโดยเฉพาะ เหมาะสาหรับงานถ่าย
ทาวดี โิ อ งานถ่ายทอดสด สามารถบันทึกวีดิโอได้ต่อเนื่อง
เป็นเวลานาน แต่เนื่องจากเป็นกล้องท่ีถ่ายวีดิโอเพียง
อย่างเดียว ดังน้ัน จงึ ไม่คอ่ ยไดร้ บั ความนยิ มมากนกั

ภาพประกอบ กลอ้ งวีดโิ อ

5

๒. กล้องดีเอสแอลอาร์ (DSLR) เป็นกล้อง ภาพประกอบ กลอ้ งดีเอสแอลอาร์
ที่ได้รับความนิยมมากในหมู่นักสร้างภาพยนตร์สั้น ภาพประกอบ กลอ้ งมเิ รอร์เลส
จุดเด่นของกล้องชนิดนี้คือสามารถเปล่ียนเลนส์ได้
ให้วีดิโอที่มีคุณภาพสูง และยังสามารถใช้อุปกรณ์เสริม
ได้อย่างหลากหลาย สามารถนาไปใช้งานถ่ายภาพน่ิง
และวดี โิ อไดเ้ ปน็ อยา่ งดี

๓. กลอ้ งมเิ รอรเ์ ลส (Mirrorless) เป็นกล้องท่ีมี
ลักษณะการใชง้ านคล้ายกับกล้องดีเอสแอลอาร์ แต่จะใช้
ระบบการมองภาพผา่ นจอดจิ ทิ ลั แทน ดงั น้ัน กล้องชนิดน้ี
จึงมีคุณสมบัติพิเศษมากกว่ากล้องดีแอสแอลอาร์ เช่น
ระบบกนั สั่น หรอื ระบบที่รองรบั การถ่ายทอดสด เป็นต้น

๔. กล้องแอคชัน (Action Camera) เป็นกล้องขนาดเล็ก

เหมาะแก่การพกพา มีฟังก์ชันการถ่ายทาหลากหลาย เช่น การ

ถา่ ยแบบ Timelapse หรือการถา่ ยแบบ Slow Motion นอกจากน้ี

ยงั มคี ุณสมบัตใิ นการกันสัน่ กันฝุ่น กันน้า สามารถนาไปติดตั้งกับ

อุปกรณ์ได้หลายชนิด เช่น หมวกกันน็อค รถยนต์ เป็นต้น

ภาพประกอบ กลอ้ งแอกชัน ดว้ ยคุณสมบัติดังกลา่ ว กล้องแอกชันจึงนยิ มนาไปใช้ในการถ่ายทา
ภาพยนตร์ในฉากทม่ี ีความอนั ตราย

๕. กล้องโทรศัพท์มือถือ (Smartphone) เป็นกล้อง

ทผ่ี ้ใู ชง้ านคุ้นเคย เนือ่ งจากเปน็ อุปกรณ์ที่ใช้งานในชีวิตประจาวัน

กล้องโทรศัพท์มือถือในปัจจุบันมีคุณสมบัติหลายอย่างเทียบเท่า

กล้องวดี โิ อ เช่น การถ่ายทาในระบบความคมชัดสูง ระบบกันส่ัน

ระบบการถ่ายแบบ Timelapse หรือ Slow Motion การถ่าย

ในโหมดกลางคืน รวมไปถึงการเลือกโฟกัสวัตถุอัตโนมัติ ผู้ผลิต

ภาพยนตร์ส้ันหลายรายจึงนิยมนากล้องโทรศัพท์มือถือมาใช้ถ่าย

วีดโิ อ นอกจากนยี้ งั มีแอปพลิเคชันทใี่ ชต้ ัดตอ่ วดี โิ อ ซง่ึ ช่วยอานวย

ความสะดวกให้ผลิตผลงานมาก ภาพประกอบ กล้องโทรศพั ท์มือถือ

6

๖. กล้องเว็บแคม (Webcam) เป็นกล้องท่ีใช้ ภาพประกอบ กลอ้ งเวบ็ แคม
เชอ่ื มต่อกบั คอมพิวเตอร์ หรือแล็ปท็อป โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือ
ใช้สื่อสารออนไลน์เป็นหลัก แต่ปัจจุบันกล้องเว็บแคมได้พัฒนา
คุณสมบัติการบันทึกวีดิโอระดับความคมชัดสูง จังมีนักสร้าง
ภาพยนตรไ์ ดท้ ดลองนากลอ้ งเว็บแคมมาใช้ผลิตภาพยนตร์ อาทิ
ภาพยนตร์ฮอลลีวูด เร่ือง “Searching” หรือซีรีย์ของบริษัท
นาดาว บางกอก เรอื่ ง “กักตวั The Series” เปน็ ต้น

เทคนคิ กำรถ่ำยวดี โิ อ
การถ่ายวีดโิ อด้วยกล้องถ่ายวีดิโอชนิดต่าง ๆ มีวิธีการใช้งานที่แตกต่างกัน ในท่ีน้ีจะกล่าวถึงเทคนิค

ในการถา่ ยวีดิโอด้วยกล้องดเี อสแอลอาร์ (DSLR) หรอื กลอ้ งมิเรอร์เลส (Mirrorless) หรือกล้องโทรศพั ทม์ ือถือ
๑. เทคนิคกำรถำ่ ยวดี โิ อดว้ ยกลอ้ งดีเอสแอลอำร์ (DSLR) หรอื กลอ้ งมิเรอเลส (Mirrorless)
การถ่ายวดี ิโอดว้ ยกลอ้ งดเี อสแอลอาร์ (DSLR) หรือกล้องมิเรอร์เลส (Mirrorless) ได้รับความนิยม

ในการผลิตภาพยนตร์ส้ัน ทง้ั ในระดบั ของมือชพี และมือสมัครเลน่ มเี ทคนคิ การในการถา่ ยวีดโิ อดังนี้
- ตงั้ ค่าความละเอยี ดของวีดโิ อใหเ้ หมาะสม โดยทวั่ ไปจะกาหนดความละเอียด ดังนี้ HD, Full

HD, ๔K และ ๘K โดยย่ิงมีความละเอียดสูง ภาพก็จะมีความคมชัดมาก แต่ย่ิงคมชัดมาก ขนาดของไฟล์ก็จะ
มากตามไปด้วย ซงึ่ จะสง่ ผลตอ่ หนว่ ยความจา หรือการประมวลผลในขั้นตอนการตัดต่อ

- กาหนดค่าเฟรมเรท (Framerate) เฟรมเรทของวีดิโอ คือความเร็วของการบันทึกภาพใน ๑
วินาที ย่ิงเฟรมเรทสูง วีดิโอก็จะมีความล่ืนไหลมาก โดยเฟรมเรทท่ีนิยมใช้คือ ๒๕, ๓๐, ๖๐ ทั้งนี้ข้ึนอยู่กับ
วัตถุประสงค์ในการผลิตงาน และถา้ ต้องการถา่ ยภาพ slow motion ก็อาจกาหนดคา่ เฟรมเรท เป็น ๑๒๐ หรือ
๒๔๐ เปน็ ต้น

- กาหนดค่าสีในกล้อง กล้องโดยท่ัวไปจะมี Picture Profile ให้ผู้ใช้กาหนดค่าสีในกล้องได้
ตามความต้องการ แต่ในบางครั้งอาจถ่ายด้วย Log Profile เพ่ือให้กล้องเก็บค่าสีให้ได้มากท่ีสุด แล้วนามา
ปรับปรงุ ในข้นั ตอนของการตัดต่อภายหลัง

- ตั้งคา่ โฟกัสของกล้อง ซ่ึงประกอบดว้ ยระบบ Auto Focus และ Manual Focus โดยระบบ
Auto Focus จะใชค้ ณุ สมบัตกิ ารปรับโฟกัสอตั โนมตั ขิ องตัวกลอ้ ง เมื่อบุคคลหรือวัตถุมาอยู่หน้ากล้อง ตัวกล้อง
ก็จะปรับโฟกัสเอง ระบบ Manual Focus จะให้ช่างภาพเป็นผู้ปรับโฟกัสด้วยตนเอง ทาให้เลือกจุดโฟกัสได้
ตามทต่ี ้องการ แม้มีวัตถุหรือบุคคลผ่านหน้ากล้อง แต่โฟกัสของภาพก็จะอยู่ที่เดิม ช่างภาพจึงควรเลือกระบบ
ทเ่ี หมาะกบั สถานการณ์

การถ่ายวีดิโอด้วยกล้องดีเอสแอลอาร์ (DSLR) หรือกล้องมิเรอร์เลส (Mirrorless) ให้ดี
ช่างภาพต้องมีความรู้ในการใช้งานกล้องชนิดต่าง ๆ เพ่ือท่ีจะถ่ายวีดิโอให้ออกมาได้ตรงตามวัตถุประสงค์
ซ่งึ สามารถเรยี นรู้เพ่มิ เตมิ จากแหลง่ ความรูต้ า่ งๆ ในอนิ เทอรเ์ น็ต

7

๒. เทคนคิ กำรถำ่ ยวดี ิโอด้วยโทรศัพท์มือถอื
ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือ หรือสมาร์ทโฟน มักจะมีกล้องที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถถ่ายวิดีโอได้

ต้ังแต่ระดับ HD จนถึง ๔K บางยี่ห้อสามารถทา Special Effect ได้ทันทีหลังจากถ่ายทา ดังน้ัน การถ่ายหนัง
สน้ั ดว้ ยโทรศพั ท์มือถอื จงึ ไดร้ ับความนยิ ม เทคนคิ การถ่ายวดี ิโอด้วยโทรศัพทม์ อื ถอื มีดงั นี้

- เลือกโทรศัพท์มือถือที่มีกล้องกล้องคุณภาพสูง โดยทั่วไปจะใช้กล้องหลังในการถ่ายทา
ถ้ากลอ้ งมีเซน็ เซอร์ขนาดใหญ่ กจ็ ะย่ิงทาใหภ้ าพทอี่ อกมาคมชัดสวยงาม

- ถือโทรศัพท์แนวนอน ในปัจจุบันจะมีคลิปแนวต้ัง หรือหนังส้ันแนวตั้ง ถูกผลิตออกมา
มากมาย แตส่ ว่ นใหญใ่ นการทาภาพยนตร์สน้ั ก็มกั จะเปน็ ภาพแนวนอนมากกวา่

- การถือกล้องให้นิ่ง โดยถือโทรศัพท์มือถอื ดว้ ยมอื ทั้งสองข้าง พยายามเหยียดแขนให้ตึง หรือ
ดึงโทรศัพท์เข้ามาใกล้ พยายามเกร็งแขนให้นิ่งมากที่สุด เพ่ือไม่ให้ภาพสั่นไหว และถ้าเป็นไปได้ก็ควรเลือกใช้
ขาต้งั โทรศพั ท์มอื ถอื กจ็ ะชว่ ยให้ภาพท่ีไดส้ วยงามมากขึ้น

- ใหค้ วามสาคัญกบั การจัดองค์ประกอบภาพ ขนาดภาพ และมุมกล้อง เนื่องจากเราสามารถ
ยา้ ยโทรศพั ทม์ อื ถือไปวางในจุดตา่ งๆไดอ้ ย่างสะดวก แตกต่างจากการถ่ายด้วยกล้องขนาดใหญ่ ดังนั้น เราควร
เลอื กมุมกล้อง จดั องคป์ ระกอบภาพในหลาย ๆ มมุ เพ่อื หามมุ ทดี่ ีทส่ี ดุ

- ใชอ้ ุปกรณเ์ สรมิ สาหรับถา่ ยวีดโิ อด้วยโทรศัพทม์ ือถอื เพ่อื ให้ผลงานมคี ณุ ภาพดีข้ึน เช่น ขาตั้ง
โทรศัพท์ กันสัน่ ไฟ LED เปน็ ตน้ ซ่ึงอุปกรณเ์ หล่านก้ี ส็ ามารถหาซอื้ ได้ในราคาท่ไี ม่แพง

ปัจจุบันการถ่ายวีดิโอด้วยโทรศัพท์มือถือทาได้สะดวก สามารถพรีวิวหรือตัดต่อง่าย ๆ หลังจาก
การถ่ายทาได้ทันที ทาให้เห็นข้อบกพร่อง หรือสิ่งที่ต้องถ่ายทาเพ่ิมเติม และสามารถแก้ไขได้หน้ากอง
ช่วยประหยัดเวลา และประหยัดงบประมาณในการทางานได้ แต่อาจจะมีข้อสังเกตเก่ียวกับคุณภาพของงาน
ที่อาจจะยงั ทาได้ไม่ดเี ท่ากับกลอ้ งถ่ายหนงั โดยเฉพาะ

๔. ขนำดภำพและมุมกล้อง
การกาหนดภาพของแต่ละ Shot ในการถ่ายทาภาพยนตร์ส้ัน มีลักษณะสาคัญเพราะเป็นการ

ใช้กล้องโน้มน้าวชักจูงความสนใจ และเพ่ือให้เกิดความหมายท่ีต้องการส่ือสารกับคนดู ซ่ึงต้องพิจารณาใช้
องค์ประกอบหลายอย่างในการกาหนดภาพ เช่น ความยาวของ Shot ของแอคชั่นของผู้แสดง ระยะ
ความสัมพันธ์ระหว่างคนดูกับผู้แสดง หรือ Subject มุมมอง การเคล่ือนไหวของกล้องและผู้แสดง ตลอดจน
บอกหน้าทีข่ อง Shot ว่าทาหน้าท่อี ะไร เช่น แทนสายตาใคร เป็นตน้

8

ขนำดภำพ
ภำพระยะไกลมำกหรือระยะไกลสดุ (Extreme Long Shot/ELS)

ภำพระยะไกล (Long Shot/LS)

ภำพระยะไกลปำนกลำง (Medium Long Shot/MLS)

ภำพระยะปำนกลำง (Medium Shot/MS)

9

ภำพระยะใกล้ปำนกลำง (Medium Close-Up/MCU)
ภำพระยะใกล้ (Close-Up )
ภำพระยะใกลม้ ำก (Extreme Close-Up/ECU หรือ XCU)

10

มมุ กล้อง
มมุ สำยตำนก (Bird’s-Eye View)

มุมสูง (High-Angle Shot)

มุมระดับสำยตำ (Eye-Level Shot)

มุมตำ่ (Low-Angle Shot)

11

มมุ สำยตำหนอน (Worm’s-Eye View)

มุมเอยี ง (Oblique Angle Shot)
มมุ แทนสำยตำ (Point-of-View Camera Angles)

๕. กำรเคลอื่ นกล้อง
ภาพยนตร์มีความแตกต่างจากภาพนิ่ง ๒ ประการ คือ นอกจากสามารถถ่ายภาพเคลื่อนไหวได้

แล้วยังสามารถเคลื่อนท่ีไปได้ด้วยการเคล่ือนกล่องในขณะถ่ายทา แม้มีความยุ่งยากซับซ้อนและ เสียเวลา
มากกว่าการต้ังกล้องถ่ายน่ิง ๆ (Static Shot) แต่ทาให้ภาพยนตร์มีความโดดเด่นทางด้านอารมณ์สูง
จุดประสงค์หลักของการเคล่ือนกล้อง คือ ติดตามผู้แสดง เป็นการเช่ือมกันระหว่างสองความคิด และยังเป็น
การสร้างอารมณ์ท่ที รงพลงั ถา้ หากใช้การเคล่อื นไหวกล้องแทนมุมมองของผแู้ สดง

12

กำรแพน (Panning) กำรทลิ ท์ (Tilt)
๑. เพ่ือครอบคลมุ พื้นที่ทีม่ ีขนาดใหญ่ ไมส่ ามารถมองเห็นไดท้ ่ัวในเฟรมเดียว หรือ Fixed Frame
๒. ใช้ติดตามแอคชนั ของผู้แสดง
๓. ใช้เชอ่ื มจุดสนใจของภาพ
๔. ใหค้ วามหมายของการเช่ือมระหว่างจดุ สนใจของภาพ ตง้ั แต่ ๒ จดุ ขนึ้ ไป

กำรแทรค (Tracking)
๑. การแทรคกล้องให้มีความเร็วเท่ากับการเคลื่อนที่ของ Subject
๒. การแทรคกล้องใหม้ ีความเรว็ ไวหรือช้ากว่าการเคลื่อนทขี่ อง Subject
๓. การแทรคกล้องเข้าหาหรอื ออกจาก Subject
๔. การแทรคกลอ้ งหมนุ รอบ Subject

กำรเครน (Craning)
การเครน คือ การถ่ายภาพที่กล้องต้ังอยู่บนแขนของดอลล่ีขนาดใหญ่ เรียกว่า Cherry Picker

หรือ Crane Truck สามารถเคลื่อนที่ได้หลายทิศทาง ทั้งแนวนอนและแนวต้ัง โดยเคลื่อนกล้องให้สูงข้ึน
เห็นเปน็ ภาพมุมกว้างตอ่ เน่ืองกัน หรือลดใหก้ ลอ้ งตา่ ลงรบั แอคชนั

ภาพทีไ่ ด้จากการเครนกลอ้ งให้ความรสู้ ึกที่สง่าผา่ เผย ตรึงความสนใจของคนดู ทาให้ลืม Subject
ไปชั่วขณะ เพราะความตะลึงในมุมมองท่ีแปลกและระยะภาพทีก่ าลังเปล่ียนไป

กำรถอื กล้องถำ่ ย (Handheld Camera)
การถือกล้องถ่ายภาพเป็นการเคล่ือนท่ีกล้องท่ีทาให้ภาพไหวอยู่ตลอดเวลา ลักษณะเป็น

การถ่ายภาพท่ีไม่เป็นแบบแผนเหมือนการเคลื่อนกล้องแบบอื่น ๆ ซ่ึงให้ความรู้สึกว่าคนดูอยู่ ณ ท่ีนั้น หรือ
มีสว่ นร่วมในเหตกุ ารณ์นั้น โดยใช้กล้องถ่ายทอดความสับสนอลหม่าน ฉุกเฉิน รวดเร็วของแอคชัน แต่อย่างไร
ก็ตาม การถอื กลอ้ งถา่ ยภาพหากใช้ไมถ่ ูกกาลเทศะ อาจเป็นตัวทาลายภาพยนตร์ได้

กำรถำ่ ยด้วยโดรน (Drone)
การถา่ ยดว้ ยโดรน เป็นการใช้คณุ สมบตั ขิ องอุปกรณ์โดรน ซ่ึงช่วยอานวยความสะดวกในการถ่าย

วดี โิ อจากภาพมุมสงู ซึ่งการเคลอื่ นกล้องดว้ ยโดรน สามารถกาหนดทศิ ทางการเคล่ือนที่ได้หลากหลาย อาทิ บิน
ขึ้น บินลง บินเฉียง บินเป็นวงกลม หรือบินเป็นก้นหอย ซ่ึงช่วยให้เกิดภาพที่หลากหลาย ท่ีผู้ผลิตภาพยนตร์
สามารถเลือกใช้ไดต้ ามต้องการ

13

ภาพประกอบ โดรน (Drone)

๖. กำรจดั แสง
การจัดแสงเพ่ือใช้ในการถ่ายภาพ ได้กาหนดจุดมุ่งหมาย เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของ

การจัดแสงมีหลายประการ คือ
๑. การจดั แสงในหลักการขั้นพนื้ ฐานเพอ่ื ช่วยในการบันทกึ ภาพ
๒. การจดั แสง เพือ่ ส่งเสริมใหภ้ าพมีมติ ิท่สี ามเกดิ ข้นึ ซง่ึ สามารถมองเห็นสว่ นลกึ ของวัตถุ
๓. การจัดแสง สามารถถ่ายทอดอารมณ์ (MOOD) ของเหตกุ ารณ์ต่าง ๆ ภายในเนื้อหาที่ต้องการ

นาเสนอเป็นภาพไดด้ ยี ่ิงขึ้น
๔. การจดั แสง สามารถกาหนดบรรยากาศของภาพ (ATMOSPHERE)
๕. การจัดแสง สามารถเสริมสร้างความงามให้เกิดขึ้นในองค์ประกอบภาพ (COMPOSITION)

เช่น ช่วยแก้ปัญหาในการขาดสมดุล (BALANCE) ช่วยเน้นจุดสนใจของภาพ (CENTER OF INTEREST)
ให้สมบูรณ์ยิง่ ข้นึ

กำรจดั แสงเพอ่ื กำรบนั ทึกภำพมแี สงทเี่ ปน็ หลกั อยู่ ๔ อยำ่ ง คอื
๑. ไฟหลกั (Key Light/Main Light)
๒. ไฟลบเงา/ไฟเสรมิ (Fill Light)
๓. ไฟแยก (Separation Light/Back Light)
๔. ไฟฉาก (Background Light)

๑. ไฟหลกั (KEY LIGHT OR MAIN LIGHT)
ทาหน้าท่ีให้แสงสว่างกับสิ่งท่ีถ่าย ตาแหน่งของไฟโดยทั่ว ๆ ไปจะอยู่ใกล้กับกล้องถ่าย

ภาพยนตร์ในทิศทางเดียวกัน จะห่างจากเส้นแกนของเลนส์ไม่เกิน ๙๐ องศา ไฟหลักจะใช้สปอตไลท์ เป็นตัว
ให้แสงสวา่ ง ดงั นั้นแสงทเี่ กดิ จากไฟดวงนีจ้ ึงเปน็ เงาที่ดาเข้ม

๒. ไฟลบเงำ/ไฟเสริม (FILL LIGHT)
เนื่องจากแสงท่ีเกิดจากไฟหลัก เป็นแสงท่ีเข้มจึงทาให้ด้านท่ีโดนกับแสงจะสว่าง และ

ด้านท่ีไม่โดนแสงจะมืด นอกจากนั้นแล้ว จะทาให้เกิดเงาที่น่าเกลียดบนวัตถุที่ถ่าย จึงจาเป็นต้องใช้ไฟลบเงา
เข้าชว่ ย เพ่อื ทาให้เงาอันเกิดจากไฟหลักจางลบไป อีกทั้งยังช่วยเพ่ิมแสงในด้านมืดให้มีอัตราส่วนที่ พอเหมาะ
กับด้านสว่างด้วย เพื่อช่วยให้บันทึกภาพในส่วนที่มืด (ไฟหลักส่องไม่ถึง) มีรายละเอียดของ ภาพเพ่ิมข้ึน
ชนิดของไฟท่นี ามาใชก้ ับไฟส่วนนี้ จะเป็นไฟที่ใหแ้ สงนุม่ นวล

๓. ไฟแยก (SEPARATION LIGHT OR BACK LIGHT)
ไฟจากสองข้อแรกสามารถถ่ายภาพออกมาได้โดยมีรายละเอียดดีพอควร แต่เพ่ือเป็นการ

เน้นให้สิ่งท่ีถ่ายเด่นข้ึน แยกตัวออกมาจากฉาก จึงใช้ไฟดวงน้ีส่องไปยังส่ิงท่ีถ่ายอีกทางหนึ่ง ซ่ึงจะช่วย ให้มิติ
ท่ีสามของส่ิงท่ีถ่ายมีมากขึ้น ไฟดวงน้ีจะใช้สปอตไลท์ท่ีมีกาลังไฟสูง โดยปกติจะสูงกว่าไฟหลัก (KEY LIGHT)

14
อัตราส่วนระหว่าง ๑/๒-๑/๖ ซึ่งแล้วแต่ความต้องการของผู้ถ่าย ตาแหน่งของไฟก็จะอยู่ตรงข้ามกับไฟหลัก
(KEY LIGHT) คือสอ่ งมาจากทส่ี งู ดา่ นหลังของส่ิงท่ถี า่ ย

๔. ไฟฉำก (BACKGROUND LIGHT)
ไฟที่ส่องไปยังฉากเพื่อให้ฉากมีความสว่าง โดยปกติจะใช้ไฟประเภท FLOOD LIGHT ซึ่งจะ

ใหแ้ สงท่นี ม่ิ นวล ชว่ ยสร้างบรรยากาศของฉากใหม้ มี ากย่งิ ข้นึ ตามความประสงค์

ไฟ Back Light

15

กำรจดั องคป์ ระกอบภำพ

กำรจดั องคป์ ระกอบแบบน้ี เปอรเ์ ซน็ ต์ที่จะได้ภำพสวย มมี ำก

๗. รปู แบบและหลกั กำรตัดต่อ (ลำดับภำพ)

การตัดต่อหรือการลาดับภาพเป็นข้ันตอนสุดท้ายการการผลิตหนังส้ัน เป็นข้ันตอนของ Post

Production เป็นการทาภาพเคลือ่ นไหว วดิ ีโอ ที่ถ่ายในข้ันตอนของการออกกองถ่าย หรือในข้ัน Production

ทง้ั หมด ทีเ่ รียกวา่ ฟตุ เทจ มารอ้ ยเรยี งต่อกนั เป็นเรอื่ งราวใหน้ า่ สนใจ โดยมีข้ันตอนดังนี้

- คัดเลือกฟุตเทจท่ีแน่ใจว่าไม่ใช้แยกออกไป เลือกฟุตเทจเทคที่ดีและสมบูรณ์ท่ีสุด ทั้งภาพและ
เสยี งในแต่ละคัท แตล่ ะซีน เปน็ ฟุตเทจหลักท่ีนามาใช้ตัดต่อ ส่วนฟุตเทจที่มีความสมบูรณ์รองลงมาเก็บสารอง
ไวก้ ่อน เผอ่ื มีความจาเป็นท่ีจะนามาใช้ตดั ต่อเพม่ิ ความสมบูรณใ์ นภายหลงั

- นาฟุตเทจท่ีคัดเลือกไว้มาเรียงลาดับในโปรแกรมตัดต่อ สร้างความต่อเน่ืองตามลาดับของบท
ภาพยนตรส์ ้นั บทถา่ ยทา หรือสตอร่ีบอรด์ ซงึ่ การลาดบั ภาพอาจมีการเปล่ียนแปลงลาดับไปจากบทภาพยนตร์
ไดต้ ามความเหมาะสม ในกรณที ่ีอัดเสยี งแยกจากภาพให้นาเสียงมาวางในโปรแกรมตัดต่อและทาการซิงค์เสียง
ใหต้ รงกบั ภาพ

16

- เพ่ิมเอฟเฟค กราฟิก ดนตรีประกอบ เสียงบรรยาย เสียงบรรยากาศ เสียงอื่น ๆ เทคนิค
คอมพวิ เตอร์กราฟกิ การเพิม่ ความเร็วภาพ การลดความเร็วภาพ เพ่ือสร้างความรู้สึกและอารมณ์ให้เหมาะสม
กับแนวทางของภาพยนตร์สั้นน้ัน ๆ

- ตรวจสอบปรบั ปรุงแก้ไขงานลาดับภาพให้สมบูรณ์ เม่ือสมบูรณ์ทาการ Export เป็นภาพยนตร์
ส้นั ทนี่ าไปใชเ้ ผยแพร่

หลกั กำรตัดต่อ(ลำดบั ภำพ)
การตดั ตอ่ หรือการลาดบั ภาพเป็นการนาภาพและเสยี งมาเชื่อมต่อระหว่างซ็อต ๒ ซ็อต ให้ลื่นไหลเป็น

ธรรมชาตติ ่อเนอ่ื ง ซ่งึ มหี ลายรูปแบบ แตท่ นี่ ยิ มนามาใชเ้ ปน็ พนื้ ฐาน เช่น
- Cut ชน คือการตัดชนภาพจากซ็อตหนึ่งต่อติดตรงเข้ากับภาพอีกซ็อตหน่ึง เป็นวิธีการต่อเชื่อม

ภาพท่เี ปน็ พ้นื ฐานธรรมดาทส่ี ุด แต่นิยมใช้มากที่สุด ซ่ึงจะทาให้ภาพเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องโดยเราไม่รู้สึกสะดุด
ท่ีเรียกว่าการตัดกระโดดหรือ Jump Cut แต่ในปัจจุบันก็นาการตัดแบบ Jump Cut มาเป็นเทคนิคที่สร้าง
ความน่าสนใจให้กับภาพยนตรส์ ัน้

- Dissolve/Mix เป็นการเปลี่ยนภาพจากซ็อตหนึ่งไปอีกซ็อตหนึ่ง โดยผู้ชมจะมองเห็นภาพ
เหลอ่ื มกัน มกั ใช้กบั การเปลีย่ นเปลงเวลาหรอื สถานท่ี

- Fade การเลอื นภาพ เป็นการเชื่อมภาพ ๒ คือ แบบ Fade in หรือการเลือนภาพเข้า เป็นการ
เริ่มจากภาพมืดแล้วค่อยปรากฏภาพซ้อนสว่างขึ้น มักใช้เปิดเรื่องหรือเปิดซีน Fade out การเลือนภาพออก
เป็นภาพท่ีจากสว่างแล้วค่อย ๆ ดามืดสนิด มักใช้ในการปิดเรื่องหรือปิดซีน รวมทั้งมักใช้ในการเปล่ียนแปลง
เวลาและสถานที่

โปรแกรมที่ใชต้ ัดตอ่
โปรแกรมที่ใช้ในการตัดต่อมหี ลากหลายโปรแกรม โปรแกรมทีน่ ยิ มใช้งาน เช่น Adobe Premier pro

Final Cut Davinci Resolve wondershare Filmora iMovie ฯ หรือถา้ ใชแ้ อพพลเิ คชั่นในมอื ถอื ตดั ต่อก็
สามารถทาได้เช่นกัน แต่ความสามารถและความยืดหย่นุ ในหารใชง้ านบางอย่างอาจสโู้ ปรแกรมตัดต่อที่ใช้กบั
คอมพิวเตอร์ไมไ่ ด้ ท้ังนใี้ นการใชง้ านโปรแกรมตัดตอ่ ต้องขึ้นอยู่กบั บริบทความพร้อมและความสะดวกของแต่ละ
บุคคล ทมี งานและโรงเรียน

๘. บุคลำกรสำคญั สำหรบั ภำพยนตรส์ น้ั
บุคลากรที่จะเป็นบุคคลสาคัญที่ผลิตภาพยนตร์สั้นมีอยู่ ๒ ตาแหน่ง คือ ผู้จัดการสร้าง (Producer)

และผู้กากับภาพยนตร์ (Director)
๑. ผู้จัดกำรสร้ำง (Producer) คือ ผู้ท่ีทางานบริหารงานภาพยนตร์ งานส่วนใหญ่จะเน้นหนัก

ไปดา้ นวางแผนจัดการประสานงานควบคมุ การผลิต และนาภาพยนตร์ออกฉาย ข้ันตอนการทางานของผู้จัดการสร้าง
มีดังน้ี

๑.๑ คดิ โครงการ
๑.๒ เสนอโครงการตอ่ แหล่งทุน
๑.๓ จัดหาทมี งาน

17

๑.๔ จัดหาและคัดเลือกผู้แสดง
๑.๕ ควบคุมการผลติ
๑.๖ ประสานงานการประชาสมั พันธ์
๑.๗ นาภาพยนตรอ์ อกฉาย

๑.๑ คิดโครงกำร ผู้จัดการสร้างจะคิดโครงการ หรือออกแบบโครงการภาพยนตร์ เช่น
ภาพยนตร์ ชีวิตเด็กข้างถนน แท็กซ่ีเก็บเงินล้านได้ สาวประเภทสอง ผู้จัดการสร้างจะต้องคานึงว่าหัวข้อ
ท่ีคิดขึ้นน้ันวา่ จะได้ผลหรอื ไม่ กล่าวคือ น่าสนใจมีความเป็นไปที่จะมีผู้สนับสนุน โดยโครงการน้ันจะประกอบ
ไปด้วยแนวคิด เรอื่ งย่อ รายช่อื ผแู้ สดง รายชื่อทมี งาน แผนการทางาน

๑.๒ เสนอโครงกำรต่อแหล่งทุน ผู้ดาเนินการสร้างจะนาโครงการติดต่อหาผู้สนับสนุน
อาจจะเป็นองคก์ รการกศุ ล หอศิลปะ ผ้มู ีฐานะทางการเงินดีที่เห็นด้วยกับโครงการ การรวบรวมเงินจานวนคน
ละเล็กนอ้ ยจากเพ่อื นฝูงพี่นอ้ ง รวมถงึ การขอใชก้ ล้องฟรี ขอฟลิ ์มฟรี ขอใช้บริการห้องแล็บฟรี ดงั น้เี ปน็ ตน้

๑.๓ จัดหำทีมงำน ผดู้ าเนินการสร้างจะจัดทีมงาน เช่น ผู้ถ่ายภาพ ผู้แต่งหน้า ทาผม ฝ่ายจัดฉาก
ผูช้ ่วยผ้กู ากบั ฯลฯ

๑.๔ จัดหำผู้แสดง เม่ือได้แนวความคิดเกี่ยวกับบุคลิกนักแสดงท่ีชัดเจนแล้ว ผู้จัดการสร้าง
จะสรรหาผูแ้ สดง โดยเสาะหา คัดเลือก ติดต่อ ทาบทาม ทาสัญญาว่าจ้าง (ส่วนบุคลิกตัวละคร ความสามารถ
ในการแสดง ผกู้ ากับจะเป็นผู้พจิ ารณาโดยผจู้ ดั การสรา้ งร่วมตัดสนิ ใจ)

๑.๕ ควบคุมกำรผลติ ผู้จัดการสรา้ งจะต้องควบคุมการผลิตใหไ้ ด้ผลงานที่ดี โดยใช้จ่ายไม่เกิน
งบประมาณที่ต้ังไว้ ต้องบริหารเงินให้มีค่าประสิทธิผล อานวยความสะดวกให้ผู้กากับ ผู้แสดง ช่างภาพ และ
ทีมงานอ่ืนๆ ให้สร้างสรรค์งานได้อย่างสบายใจ จะต้องชั่งน้าหนัก จัดสรรเงินให้ดีไม่บีบ่ไม่บีบคั้นทีมงานหรือ
หละหลวมเกนิ ไป การควบคุมการผลิตอยรู่ ะหวา่ งกลางของการจัดวางงบประมาณและการสร้างสรรค์

๑.๖ กำรประสำนงำนประชำสัมพันธ์ เมื่อผลิตภาพยนตร์เสร็จแล้ว ก็นาภาพยนตร์ออกฉาย
ผู้จัดการสร้างจะต้องวางแนวคิดในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ จัดทาโปสเตอร์ เขียนข่าวติดต่อกับคอลัมนิสต์
หนังสือพิมพเ์ พื่อให้ลงข่าว จดั ทาสจู บิ ัตรและบตั รเชิญ

๑.๗ จัดนำภำพยนตร์ออกฉำย ผู้จัดการสร้างจะต้องจัดหาสถานท่ีนาภาพยนตร์ออกฉาย
อาจจะใช้หอศิลปะหรือส่งผลงานเข้าร่วมประกวดแข่งขันในงานมหกรรมภาพยนตร์ต่างๆ ตามแต่โอกาสจะ
อานวย ทงั้ นี้ เพ่อื เผยแพรผ่ ลงานและหาผู้สนับสนุนในการสร้างเร่ืองต่อไป ซึ่งหากโชคดีอาจจะเข้าตาผู้บริหาร
ค่ายภาพยนตร์ใหญ่ ๆ ทชี่ วนไปทาภาพยนตรเ์ ร่ืองยาว

๒. ผกู้ ำกับภำพยนตร์ (Director) คอื ตาแหนง่ ทีจ่ ะสรา้ งสรรค์งานภาพยนตร์ให้มีคุณภาพ และ
บรรลุเปา้ หมายงานของผกู้ ากับภาพยนตร์ มีดังนี้

๒.๑ ตคี วามบทภาพยนตร์
๒.๒ กาหนดรูปแบบของภาพยนตร์
๒.๓ สรา้ งคุณคา่ ทางศลิ ปะแกง่ านภาพยนตร์
๒.๔ ควบคมุ ข้นั ตอนหลงั การถา่ ยทา (Post-Production)

18

๒.๑ ตีควำมบทภำพยนตร์ เมื่อไดบ้ ทภาพยนตร์มาแล้วผู้กากับมีหน้าที่ตีความบทภาพยนตร์ว่า
ถ้าออกมาเป็นภาพยนตร์แล้วจะเป็นอย่างไร ตรงไหนจะเพ่ิมตรงไหนจะลด ตรงไหนปรับปรุงแก้ไข เข้าใจ
ความหมายของผเู้ ขยี นบทวา่ แต่ละฉากจะเสนออะไร ภาพยนตร์ทัง้ เรือ่ งเสนออะไร

๒.๒ กำหนดรูปแบบของภำพยนตร์ ผู้กากับเป็นผู้กาหนดหน้าตา (Look) ของภาพยนตร์
เรื่องนน้ั ๆ วา่ จะมีรูปแบบอย่างไร เช่น เปน็ แบบฝันๆ แบบนา่ กลัว แบบจริงจัง ฉูดฉาดหรือเรียบง่าย สิ่งเหล่าน้ี
บางทคี ิดโดย

- คิดถงึ กลุม่ เป้าหมายทจ่ี ะชม
- ตามแนวของเร่ือง
- ตามลกั ษณะเฉพาะตวั ของผูก้ ากบั
๒.๓ สร้ำงคุณค่ำทำงศิลปะ ผู้กากับเป็นผู้ที่จะต้องผสมผสานส่วนประกอบต่าง ๆ ของ
ภาพยนตร์เข้าด้วยกัน เพ่ือให้ภาพยนตร์มีความงดงาม เช่น การจัดภาพ การจัดแสง ผู้แสดง บทบาท ผู้แสดง
วางจงั หวะลีลาใหม้ คี ณุ คา่ ทางศลิ ปะ
๒.๔ ควบคมุ ขัน้ ตอนหลังกำรถ่ำยทำ (Post-Production) ผู้กากับภาพยนตร์จะต้องควบคุม
งานขั้นตอนหลังการถ่ายทา ซ่ึงมีการตัดต่อลาดับภาพ การบันทึกเสียง การทาภาพพิเศษ การกาหนดโครงสี
และการทาไตเติ้ล ผู้กากับภาพยนตร์จะตอ้ งควบคมุ ดแู ลในแงศ่ ิลปะตา่ ง ๆ เพือ่ ใหผ้ ลงานนั้นสมบูรณท์ ีส่ ุด

๙. กำรหำสถำนทีถ่ ำ่ ยทำ (Location)
การหาสถานทีถ่ ่ายทาภาพยนตร์ มีข้นั ตอนดังนี้
๑. แยกงำนสถำนท่ีจำกบทและรวมกลุ่มสถำนท่ี การเร่ิมหาสถานท่ีให้นาบทมาอ่านแล้วลาดับ

รายชื่อสถานท่ีเกิดข้ึนในบท จากน้ันก็มารวมกลุ่มกันโดยคานึงถึงกลุ่มสถานที่ ที่อยู่ใกล้เคียงกัน
เพ่ือความสะดวก เช่น ฉากทะเล ภูเขา หมู่บ้าน ชาวประมง ร้านอาหารริมทะเล หรือบ้านไม้ ซอยแคบ ถนน
ลูกรงั หรอื โรงภาพยนตร์ ซปุ เปอรม์ าเกต ร้านไอศกรีม ฯลฯ

๒. ติดต่อสอบถำม เม่ือได้รายชื่อสถานที่แล้ว ให้ติดต่อสอบถามแหล่งต่าง ๆ เช่น จากเพ่ือน
ผู้ช่วยผู้กากับกองถ่ายอ่ืน เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ตามสถานท่ีต่าง ๆ ดูจากนิตยสารการท่องเท่ียว โปสการ์ด
แผ่นพับ เพื่อให้ได้ข้อมูลข้ันต้น ไม่ใช่ออกหาสถานท่ีเลย เพราะจะประหยัดเวลา ค่าเดินทาง ค่าที่พัก และ
ค่าอาหารได้มาก

๓. บรหิ ำรกำรเดินทำง การออกหาสถานที่ถ่ายทา หากเช่ารถแล้วควรเริ่มออกแต่เช้าตรู่ บุคคล
ที่ไปหา ไมค่ วรเกิน ๒ คน คือ ฝา่ ยธุรกิจหนง่ึ และผ้ชู ่วยฝ่ายศลิ ป์หน่งึ ฝ่ายธุรกิจดูแลการจัดการ เช่น ระยะทาง
ค่าเช่าท่ีพัก การติดต่อขออนมุ ตั ิ สว่ นฝา่ ยศลิ ปะดูความสวยงามทางศิลปะท่ีสอดคล้องกับบท ใช้กล้องและฟิล์ม
ราคาถูกถ่ายภาพมุมต่าง ๆ ท่ีเห็นเหมาะ บางสถานที่ขอภาพถ่ายท่ีเขามีอยู่แล้ว หรือขอแผ่นพับโฆษณาก็ได้
ในขณะเดยี วกันรา่ งแผนท่แี ละแผนผังพ้นื ท่ีมาด้วย

๔. นำภำพถ่ำยเข้ำท่ีประชุม นาภาพถ่ายแผ่นพับ แผนผัง และข้อมูลท่ีได้มาเพ่ือเข้าท่ีประชุม
และคดั เลือก

19

๕. ดูสถำนที่จริง เม่ือคัดเลือกสถานที่ข้ันต้นได้แล้ว ขั้นต่อไปผู้กากับ ผู้กากับภาพ และผู้กากับ
ฝ่ายศิลป์ จะเดินทางไปดูสถานที่จริง จะเพ่ิมเติมดัดแปลงอะไร จะวางกล้องตรงไหนจะได้ปรึกษากับตอนน้ี
เบอร์โทรศัพท์ แผนที่ วนั เวลาเปิดปดิ เงือ่ นไขการเขา้ สถานทก่ี ็ยืนยันความแน่นอนตอนนี้

๑๐. ขอ้ ควรคำนึงในกำรหำสถำนท่ถี ำ่ ยทำ
สถานที่ถ่ายทาท่ีดีจะต้องมีคุณสมบัติ ๗ ประการ คือมีความเหมาะสมในแง่การจัดการ และ

มคี ณุ ค่าทางศลิ ปะ ความเหมาะสมในการจดั การ ก็คือ
๑. ใกล้ที่ทำงำน ถ้าเป็นได้สถานท่ีนั้นไม่ควรไกลจากที่ทางาน เพ่ือความสะดวกหากลืมส่ิงของ

ทจ่ี าเป็นจะประหยดั คา่ เดนิ ทาง
๒. มีควำมหลำกหลำย สถานท่ีนั้นหากไปที่เดียวแล้วถ่ายได้หลายฉาก จะเป็นสถานท่ีถ่ายทา

ท่ีดีมาก เราจะไม่ต้องเคลื่อนย้ายกองถ่ายบ่อย ๆ เช่น ไปหมู่บ้านจัดสรรก็จะได้ร้านค้า บ้าน สวนสาธารณะ
โรงเรียนอนุบาล สนามเด็กเล่น สนามกอล์ฟ คลับ ห้องอาหาร สระว่ายน้า ถนนในหมู่บ้าน ฯลฯ จะมี
ความสะดวกในการถ่ายทา เวลาจะยา้ ยกองถ่ายกย็ ้ายกองถา่ ยใกล้ๆ ประหยดั เวลาและค่าใชจ้ า่ ยได้มาก

๓. มีควำมสะดวกในกำรถ่ำยทำ คือ มีโทรศัพท์ติดต่อ มีท่ีจอดรถสะดวก ห้องน้ามีหลายห้อง
มีพ้ืนท่ีว่างสาหรับแต่งกายและแต่งหน้า มีความสูงของเพดานสาหรับติดตั้งดวงไฟ มีพื้นท่ีสาหรับเก็บพัก
อุปกรณถ์ ่ายทา มพี ้นื ที่สาหรับจัดส่วนรับประทานอาหารของกองถา่ ย ไม่มีเจ้าถิน่ ท่คี อยรบกวน

๔. รำคำไม่แพง สถานท่ีควรเก็บค่าเช่าไม่แพงนัก หากไม่เสียเลยได้ยิ่งดี เพียงแต่เสียค่าแม่บ้าน
ทาความสะอาด หรือช่วยค่าน้าค่าไฟบ้างเท่าน้ัน เช่น บ้านเพื่อน หน่วยราชการ สถานที่เพื่อการกุศล สถานที่
ทาการบริการ หากแลกเปล่ียนกับการข้ึนไตเต้ิลให้ได้ประโยชน์ทั้ง ๒ ฝ่าย การหาสถานที่ท่ีขายบริการ เช่น
ร้านอาหาร ไนต์คลับ โรงแรม สวนสนุก ควรหาที่ที่เปิดกิจกรรมใหม่ ๆ จะไม่เสียค่าใช้จ่าย เพราะกิจการ
เหล่านนั้ จะอยู่ในช่วงประชาสมั พันธ์และส่งเสรมิ การขาย

๕. ไม่มีสิ่งที่จะเสียหำยง่ำย ควรหาสถานท่ีถ่ายทาที่จะเสี่ยงต่อการชดใช้ของเสียหายน้อยท่ีสุด
เชน่ สถานทท่ี ี่มขี องราคาแพง เช่น พรม เคร่ืองลายคราม เคร่ืองแก้ว ไม้ประดับราคาสูง เพราะหากหาย หรือ
เสียหายขึน้ มาจะยุ่งยากตอ่ การชดใช้

๖. เงียบสงบ ไม่มีเสียงรบกวนใด ๆ ท่ีจะทาให้บันทึกเสียงไม่ได้ เช่น สถานที่มีเสียงเครื่องจักร
เสยี งอซู่ ่อมจกั รยานยนต์ เสียงเดก็ ออ่ น บ้านทีเ่ ลยี้ งสุนัข ถนนที่มรี ถเสียงดงั วิง่ ผ่าน โครงการกอ่ สร้าง ฯลฯ

๗. มีควำมสะดวกในกำรจัดฉำก การจัดฉากภาพยนตร์ไม่เหมือนละครเวที มีการเปลี่ยนแปลง
ทกุ วนิ าทแี ลว้ แตส่ ถานการณ์ บางคร้ังต้องย้ายมุมกล้อง หรือผู้กากับนึกภาพออกมาอย่างกะทันหัน สถานที่ท่ีดี
ควรจะมีอุปกรณ์ประกอบฉากอยู่ในบรเิ วณใกล้เคยี ง ท่ีจะหยิบยืม นามาจัดฉากได้ง่าย เช่น โต๊ะ ต้นไม้ กระถาง
รปู ภาพ แจกนั เคร่อื งเรือนชดุ สนามที่สามารถยกมาจดั แต่งเพม่ิ เติมได้ทันที

20

๑๑. ควำมเหมำะสมในแง่ศลิ ปะ ประกอบดว้ ย
๑. ถูกต้องตำมข้อเท็จจริง สถานท่ีน้ันจะต้องสมจริงตรงตามบท ไม่มีจุดอ่อนที่จะจับผิดได้

สอดคลอ้ งกบั รูปแบบ และยคุ สมยั ตามท้องเรื่อง
๒. ได้บรรยำกำศและควำมรู้สึก สถานที่จะต้องมีบรรยากาศ มีโครงสีให้ความรู้สึกท่ีดี เช่น

ในบทบอกว่าชาวนากาลังมีความรัก ก็จะเป็นท้องนาเหลืองอร่าม น้าเป่ียมคลอง หรือในบทบอกว่านางเอก
เดินเศรา้ คดิ ถึงพระเอก ก็ควรจะเปน็ ฉากทพี่ ้นื สเี ทา (ลานดิน ลานซเี มนต์) มเี สาไฟฟ้าโดดเดี่ยว หรือมีต้นไม้แห้ง
ใบโกร๋น หรือนางเอกอยู่ในภาวะอันตราย เช่น ทางเดินในซอกตึกแคบ ๆ ท่ีผนังตึกบีบทาให้รู้สึกอึดอัด ดังนี้
เปน็ ตน้ โครงสีของสถานที่มีส่วนสร้างอารมณ์ความรู้สึกได้มาก สถานท่ีท่ีมีโครงสีโทนใดโทนหน่ึง เคร่ืองแต่งกาย
และอปุ กรณป์ ระกอบฉากกจ็ ะต้องออกแบบสีใหม้ ศี ิลปะ เชน่ นางเอกไปวัดผ่านทงุ่ นาสีเขียวเหลือง เครื่องแต่งกาย
และร่ม อาจจะเป็นสีแดงสดใส เป็นต้น การออกแบบสีจะทาให้ภาพมีชีวิตชีวา โดยเฉพาะโครงสีท่ีให้อารมณ์
เด่นชดั เชน่ เทา มว่ ง ให้อารมณเ์ หงา, ชมพู เหลือง ฟา้ ให้อารมณ์สดใส

๓. มีพื้นที่และหลบสลับซับซ้อน สถานท่ีถ่ายทาไม่ควรจะมีฉากหลังแบนท่ีดูแล้วทึบตัน เช่น
ถนน ตรอก ซอย ควรจะลึกสุดสายตา มุมตึกควรจะมีหลบและซอกต่าง ๆ เพราะเมื่อจัดแสง ภาพจะเกิด
น้าหนักสวยงาม อีกท้ังระยะลึกจะทาให้เห็นมีสิ่งต่าง ๆ หลากหลาย เช่น ฉากตรอกซอยลึก เราจะได้ร้านค้า
รถตุ๊กต๊กุ กองขยะ ลังไม้ รถเข็น เดก็ เล่นแบดมนิ ตนั ซงึ่ จะทาใหภ้ าพดูมีชีวติ ชวี า

๔. มีควำมหมำยเชิงนัยยะ การหาสถานที่ถ่ายทาในบางคร้ัง อาจจะหาสถานท่ีที่มีความหมาย
เชิงนัยยะ หมายถึง สถานทมี่ บี างส่ิงบางอย่างท่เี ป็นนัยของความรู้สึก เช่น โบสถ์ที่มีเงาไม้กางเขนทาบลงบนพื้น
แล้วเราใช้สถานท่ีน้ันในฉากที่ตัวละครตายแล้วมีเงาพาดผ่าน ทุ่งดอกไม้สีชมพู เม่ือพระเอกนางเอกพบรักกัน
หรือหน้าผาสูง ที่ตัวละครทะเลาะกัน จะเกิดความรู้สึกหม่ินเหม่เหมือนจะตกหน้าผา ได้ความรู้สึก
ของความสัมพันธ์ขาดสะบ้ันลง หรือฉากท่ีมีพ้ืนกระเบ้ืองยางตารางหมากรุกดาและขาวก็จะเป็นความรู้สึก
ขัดแย้งกัน หรือฉากเด็กเล็กที่กาลัง จะถูกลักพาตัว แล้วถูกอุ้มว่ิงผ่านสวนกระบองเพชร จะทาให้ได้อารมณ์
ความรู้สึกของสถานท่ีเหล่าน้ีอยู่ท่ีการตีความของผู้กากับ ท่ีจะเลือกสถานท่ีได้ความรู้สึกและความหมาย
ทางศิลปะ

๑๒. กำรกำกับภำพยนตร์ (Film Directing)
การกากับภาพยนตร์ คือ การควบคมุ งานศิลปะต่างๆ ของภาพยนตร์ให้ไปในทิศทาง (Direction)

ที่ผกู้ ากับภาพยนตร์ต้องการ ผู้กากับภาพยนตร์ (Director) คือ ผู้ท่ีควบคุมส่วนประกอบทุกส่วนที่ปรากฏหน้า
กล้องถ่ายภาพ เป็นผู้ถอดบทภาพยนตร์ให้ออกมาเป็นภาพ โดยประสานส่วนประกอบต่างๆ เข้าด้วยกันได้
อยา่ งลงตัวและมีศลิ ปะ สว่ นประกอบของภาพยนตร์ เชน่ ผแู้ สดง ภาพ ฉาก แสง เสียง ฯลฯ ซึ่งเมื่อรวมกันแล้ว
สามารถทาให้ผู้ชมประทับใจ อกี ท้ังเขา้ ใจแก่นเร่ือง (Theme) หรอื แนวความคิดหลกั ของเรอื่ งน้ันได้

ผู้กากับภาพยนตร์จะต้องทางานประสานกับบุคลากรในกองถ่ายแผนกต่าง ๆ เช่น ผู้กากับภาพ
ผู้กากับฝ่ายศิลป์ ผู้จัดการกองถ่าย ฯลฯ เพ่ือให้ช่วยสร้างภาพที่ฝันให้เป็นตามจินตนาการท่ีตนเองต้องการ
ในการทางานก่อนการถ่ายทา ผกู้ ากบั มลี าดบั การทางาน ดงั นี้

21

๑. เข้าใจบทอย่างแตกฉาน (ตีบทแตก)
๒. วเิ คราะหภ์ ูมหิ ลงั ตัวละคร
๓. แบง่ บทเปน็ ชว่ ง ๆ (Dramatic Beat)
๔. กาหนดรปู แบบของงาน
๕. กาหนดจงั หวะและระดับความรู้สึก (Rhythm and Tone)
๖. รา่ งผังการถ่าย และทาสตอรีบอรด์
๗. ทารายการถ่าย (Shot List)

๑. เข้ำใจบทอย่ำงแตกฉำน (ตีบทแตก) ผู้กากับภาพยนตร์จะอ่านบทหลาย ๆ คร้ัง ตรงไหน
ท่ีไม่เข้าใจก็ถามคนเขียนบท ต้องมีความรู้กว้างขวาง และลึกซึ้งต่องานที่ตนเองจะกากับ เช่น ถ้าภาพยนตร์
เรื่องน้ัน เป็นเรื่องเก่ียวกับวัยรุ่น ก็ต้องหาหนังสือจิตวิทยาวัยรุ่นมาอ่าน หรือพูดคุยสัมภาษณ์วัยรุ่น ผู้กากับ
ภาพยนตร์ต้องรู้จังหวะของเร่ืองว่าจะมีลีลาอย่างไร เห็นภาพในสมองแจ่มชัด สามารถที่จะจารายละเอียด
ในบทได้เกอื บท้ังหมด ทงั้ นี้ หากว่าทีมงานหรือนักแสดงถาม เขาจะใหค้ าตอบได้

๒. วเิ ครำะห์ภูมิหลงั ตวั ละคร ผกู้ ากับภาพยนตรต์ ้องเขา้ ใจตัวละครเสมือนเป็นญาติสนิท รู้ว่าเขา
และเธอมภี มู หิ ลังอย่างไร นิสัยอย่างไร ตอ้ งขดุ ลึกและรู้พฤตกิ รรมนนั้ ๆ วา่ ทาไมเขาจึงเป็นเช่นน้ัน และกระทา
สิ่งเหล่าน้ันเพราะอะไร ถ้าเหตุการณ์หนึ่งเกิดข้ึนเขาจะทาอย่างไร เพ่ือเมื่อเวลากากับจะกากับได้คล่องอีก
ทั้งยังจะทาให้ตัวละครมีความน่าสนใจและสมจรงิ

๓. แบ่งบทเป็นช่วง ๆ (Dramatic Beat) ผู้กากับภาพยนตร์จะต้องรู้ช่วงลีลาของหนังที่ภาพ
ต่าง ๆ รวมกัน แล้วจะเกิดจังหวะลีลาเป็นช่วง ๆ อย่างไร เช่น เด็กคนหน่ึงเก็บกระเป๋าสตางค์ท่ีตกได้ (จังหวะ
ท่ี ๑) เขางง หยิบขึ้นมาดู มองไปข้างหนา้ (จังหวะที่ ๒) เขาวิ่งไปคนื เจา้ ขอ แต่เจา้ ของขึ้นรถเมล์ไปแล้ว (จังหวะ
ท่ี ๓) เขาข้ึนรถเมล์สายเดียวกันตามไป (จังหวะที่ ๔) เขายิ้มเม่ือเห็นเจ้าของกระเป๋าลงจากรถ เขาลงตามไป
(จังหวะท่ี ๕) เขาเรียก แล้วคืนกระเป๋าให้ (จังหวะที่ ๖) เจ้าของเงินรับ เจ้าของกระเป๋าเดินไป สักพักหัน
กลับมาเรียก เขาตกใจ เจ้าของกระเป๋ายื่นนามบตั รใหบ้ อกวา่ ถา้ มอี ะไรจะให้ช่วยเหลือ ก็ให้ติดต่อ (จังหวะที่ ๗)
ผูก้ ากับจะต้องนาบทมาแบง่ เป็นช่วงของฉากเปน็ หลาย ๆ ชว่ ง เพือ่ ใหเ้ กิดจังหวะและลลี าการเล่าเร่อื ง

๔. กำรกำหนดรูปแบบของงำน การกาหนดรูปแบบของงาน หมายถึง การเลือกท่ีจะสร้าง
บคุ ลกิ ลักษณะของภาพยนตร์วา่ จะออกมาเปน็ อยา่ งไร เรยี กวา่ การออกแบบ Look ของภาพยนตร์ เช่น Look
ท่ีเป็นวัยรุ่นสมัยใหม่ ก็จะเป็นภาพแคบ ๆ ตัดต่อฉับไว ฉากและอุปกรณ์ประกอบฉากใช้สีสันฉูดฉาด แต่ถ้า
Look ออกมาเป็นเชิงทเ่ี รยี กว่า คลาสสิค ก็จะถ่ายเป็นภาพกว้างๆ จัดแสงเหมือนคัทยาว ๆ โทนสีออกไปทางสี
นา้ ตาล (Sepia) Look ของภาพยนตรแ์ ตล่ ะแนวจะแตกต่างกนั ภาพยนตร์แนวชีวิตก็จะใช้ Look ลักษณะหน่ึง
ในขณะทแ่ี นวตลก แนวผี แนวฆาตกรรม แนววิทยาศาสตร์กจ็ ะอกี ลกั ษณะ

๕. กำหนดจงั หวะ หมายถึง การกาหนดลีลาช่วงเดนิ เรอ่ื งของภาพยนตร์ระดับความรู้สึกของงาน
เช่น ภาพยนตร์ที่มีช่วงลีลาเร็วมาก ความรู้สึกของภาพจะรุนแรง แสง เสียง การใช้สีสันจะจัดจ้าน เข้มข้น
ตรงกันข้ามกับภาพยนตร์ชีวิตรักจะเดินเร่ืองช้า ๆ ความรู้สึกของภาพอ่อนละมุนนุ่มนวล ฉากเคร่ืองแต่งกาย
และอปุ กรณป์ ระกอบฉากมกั ใช้สีออ่ น ๆ

22

๖. ร่ำงผงั กำรถ่ำยและสตอร่ีบอรด์ (Floorplan and Storyboard) ผ้กู ากับภาพยนตร์จะต้อง
ออกแบบร่างผังการถ่าย (Floorplan) ลักษณะของผังการถ่ายเหมือนกับการมองดูจากเพดานว่า ตัวละคร
เข้าออกทางไหน ไปน่ังเก้าอี้ตัวใด โต๊ะตู้วางอย่างไร รวมถึงตาแหน่งของกล้องอยู่ตรงไหน เคล่ือนไ หวกล้อง
อย่างไร การจัดทาผังการถ่าย (Floorplan) จะทาให้ช่างภาพและฝ่ายจัดฉากทางานสะดวกขึ้น จากน้ัน
ก็ทาสตอร่ีบอร์ด (Storyboard) สตอรี่บอร์ดทาเพ่ือให้เห็นขนาดภาพ องค์ประกอบของภาพ ความต่อเน่ือง
สัมพนั ธร์ ะหว่างภาพหนง่ึ ไปยงั อีกภาพหนึง่ หากผ้กู ากบั ไมถ่ นดั ในการเขียน ก็ร่างภาพหยาบ ๆ แล้วจ้างชา่ งศิลป์
มาเขียนให้สตอรี่บอร์ดจะช่วยให้ทีมงาน และผู้กากับทางานสะดวกมองออกว่าจากภาพน้ีแล้ว ภาพต่อไป
จะเปน็ อยา่ งไร

๗. ทำรำยกำรถ่ำย (Shot List) รายการถ่าย คือ การกาหนดจานวนภาพที่จะถ่ายเรียงลาดับ
จากช๊อตท่ี ๑ แล้วแตกช๊อตออกไปเป็น ๑.๑, ๑.๒, ๑.๓ ช๊อตที่ ๒, ๒.๑, ๒.๒, ๓, ๔, ๔.๑ (ในการเปลี่ยน
ตาแหน่งของกล้องแต่ละคร้ัง อาจจะมีหลายช๊อตก็ได้ คือ ถ่ายภาพขนาดต่าง ๆ กัน ใช้เลนส์หรือฟิลเตอร์
ต่างกัน) รายการถ่ายต้องทาให้ละเอียด เพ่ือใช้ในการถ่ายในแต่ละวัน เพ่ือเป็นแนวทางของผู้กากับและ
ทมี งาน ภาพจะเปน็ อย่างไร ถ่ายอยา่ งไร ตัวละครจะอยู่ตาแหน่งไหน หันหน้าไปทางใด ทาอะไร เข้าออกภาพ
ทางไหน ตดั ภาพเมอื่ ไหร่ จะอธิบายให้ละเอียดในคราวน้ีอีกที (หลังจากท่ี ได้บอกไว้บ้างแล้ว) เจ้าหน้าท่ีทุกฝ่าย
จะปฏิบัติตามฝ่ายศิลป์ ก็จะจัดฉากให้สวยงาม ฝ่ายกล้องก็จะจัดแสง จัดภาพ วัดระยะโฟกัส เมื่อทุกอย่าง
พร้อมแล้วก็จะเชิญผู้แสดงมาเข้ากล้อง มีการซ้อม ๑ คร้ัง เพ่ือให้ผู้แสดงรู้ว่าจะพูดอะไร ทาอะไร สัมพันธ์กับ
การเคลื่อนไหวของกล้องอย่างไร การซ้อมคร้ังแรกจะซ้อมให้เกิดความคล่องตัวของท่าทาง, การเดิน, หยิบจับ
สิ่งของต่าง ๆ ฝ่ายกล้องก็จะซ้อมก็จะซ้อมความเคลื่อนไหวของกล้องว่าจะกระตุกหรือไม่ จับโฟกัสตัวละคร
ได้หรือไม่ การซ้อมครั้งท่ี ๒ จะซ้อมการแสดงอารมณ์ โดยทาเหมือนถ่ายจริงทุกอย่าง เพียงแต่ยังไม่เร่ิมกด
ชตั เตอรเ์ ดินฟลิ ์ม หากการซ้อมคร้งั นี้มคี วามเขา้ ใจผดิ เชน่ ผู้แสดงตคี วามบทผิด ระดับอารมณ์ยังไม่ถึงใจ ก็จะมี
การปรับแต่งเพิม่ เตมิ จนเปน็ ทพี่ อใจ เมอื่ ซอ้ มได้ที่แล้ว ผูช้ ว่ ยผกู้ ากบั จะสั่งคาวา่ "พร้อม" "ผู้แสดงพร้อม" ผู้แสดง
จะขานรับว่า "พร้อม" "เสียงพร้อม" ผู้บันทึกเสียงขานรับว่า "พร้อม" "กล้องพร้อม" ตากล้องจะขานรับว่า
"พร้อม" ผู้กากับภาพยนตร์จะกล่าวคาว่า "แอคชัน" หรือ "เล่นได้" ผู้แสดงก็จะเล่นไป จนกระทั่ง "คัท" หรือ
"ตัด" ทุกคนก็จะหยุด แล้วถ่ายคร้ังที่ ๒ (Take ๒) อีกคร้ัง และถ่ายไปเร่ือย ๆ จนพอใจ เมื่อได้ Footage
มาจนพอใจ ผู้กากับภาพยนตร์ก็จะดูแลงานในข้ันการตัดต่อลาดับภาพ การแต่งดนตรีประกอบ การทาไตเติ้ล
เอฟเฟคพิเศษ การบนั ทึกเสียง และการเลือกและแตง่ สีภาพยนตร์ จนภาพยนตร์สาเร็จออกมา

23

๑๓. แบบประเมินผลงำนกจิ กรรมกำรผลติ ภำพยนตร์สัน้ ต่อต้ำนกำรทจุ ริต

โรงเรียน ระดับชว่ งชั้น สังกัด

คำชี้แจง แบบประเมินผลงานการจัดทาภาพยนตร์สั้นต่อต้านการทุจริตของนักเรียนระดับ
คณุ ภาพของผลงานในการจดั ทาภาพยนตร์สัน้ มเี กณฑ์ประเมิน ดงั น้ี

- ผลงานที่มีคุณภาพดีเย่ยี ม ได้คะแนน ตงั้ แต่ ๙๑ - ๑๐๐ คะแนน

- ผลงานทมี่ ีคุณภาพดีมาก ไดค้ ะแนน ตั้งแต่ ๘๑ - ๙๐ คะแนน

- ผลงานที่มีคณุ ภาพดี ได้คะแนน ตั้งแต่ ๗๑ - ๘๐ คะแนน

- ผลงานทม่ี คี ุณภาพพอใช้ ไดค้ ะแนน ต้งั แต่ ๖๑ - ๗๐ คะแนน
น้อยกว่า ๖๑ คะแนน
- ผลงานทีม่ คี ณุ ภาพควรพัฒนาเพม่ิ เตมิ ได้คะแนน

รำยกำรประเมนิ นำ้ หนัก ระดับคุณภำพ คะแนน หมำยเหตุ
๕๔๓๒๑
(นา้ หนัก x ระดบั คณุ ภาพ)

๑. ควำมสำคญั ของเนือ้ หำ (คะแนนเต็ม ๔๐ คะแนน)

๑.๑ เน้อื หาตรงตามประเดน็ ท่กี าหนด ๒

๑.๒ แกน่ เรื่อง (Theme) มคี วามชัดเจน ๒

๑.๓ ความเหมาะสมของเนอ้ื หา ๒

๑.๔ ความคดิ สร้างสรรค์ ๒

๒. คณุ ภำพของผลงำน (คะแนนเต็ม ๓๐ คะแนน)

๒.๑ ความชัดเจนของภาพ ๑

๒.๒ ความชดั เจนของเสยี ง ๑

๒.๓ ความเหมาะสมของขนาดภาพ ๑

๒.๔ ความเหมาะสมของการลาดบั ภาพ ๑

๒.๕ ความเหมาะสมของมมุ กล้อง ๑

๒.๖ ความเหมาะสมขององค์ประกอบศิลป์ ๑

๓. กำรทำหน้ำทข่ี องภำพยนตร์ Film Function (คะแนนเต็ม ๒๐ คะแนน)

๓.๑ หนา้ ที่ในการเล่าเร่ือง ๑

๓.๒ หน้าที่ในการสร้างอารมณ์ ๑

๓.๓ หนา้ ท่ีในทางปญั ญา ๑

๓.๔ หน้าท่ีในการสร้างความตืน่ ตาตน่ื ใจ ๑

๔. แบบรำยงำน (คะแนนเต็ม ๑๐ คะแนน)

๔.๑ รายละเอยี ดของผลงาน ๑

๔.๒ กระบวนการและความสอดคลอ้ งฯ ๑

คะแนนรวม (๑๐๐ คะแนน)

24

คาอธบิ ายระดบั คณุ ภาพ

๑. ความสาคัญของเนอ้ื หา

๑.๑. เนือ้ หาตรงตามประเดน็ ทก่ี าหนด

ระดับคณุ ภาพ คาอธบิ ายระดบั คณุ ภาพ

๕ เน้ือหามคี วามชัดเจน สอดคลอ้ ง ตรงประเด็น มีความเป็นเหตุเป็นผลตามคุณลักษณะ

๕ ประการของโครงการโรงเรียนสุจริต

๔ เน้ือหามีสอดคล้อง ตรงประเดน็ มีความเปน็ เหตุเปน็ ผลตามคุณลกั ษณะ ๕ ประการ

ของโครงการโรงเรยี นสุจรติ

๓ เนือ้ หามีความสอดคลอ้ ง มีความเปน็ เหตุเปน็ ผลตามคณุ ลกั ษณะ ๕ ประการของโครงการ

โรงเรียนสุจรติ

๒ เนื้อหามคี วามเป็นเหตุ มีความเปน็ ผลตามคุณลักษณะ ๕ ประการของโครงการโรงเรยี น

สจุ รติ

๑ เนอื้ หาตรงตามคณุ ลักษณะ ๕ ประการของโครงการโรงเรียนสจุ รติ

๑.๒ แก่นเรอื่ ง (Theme) มีความชดั เจน

ระดับคณุ ภาพ คาอธบิ ายระดับคณุ ภาพ

๕ แก่นเรื่อง (Theme) สอดคลอ้ ง ชัดเจน นาเสนอแนวคดิ ตรงกบั คุณลักษณะ ๕ ประการ

ของโครงการโรงเรียนสุจริต

๔ แก่นเรื่อง (Theme) สอดคลอ้ ง นาเสนอแนวคดิ ตรงกับตรงกับคณุ ลักษณะ ๕ ประการ

ของโครงการโรงเรยี นสุจรติ

๓ แกน่ เรือ่ ง (Theme) นาเสนอแนวคิด ตรงกับตรงกบั คุณลกั ษณะ ๕ ประการของโครงการ

โรงเรยี นสจุ ริต

๒ แก่นเรือ่ ง (Theme) สอดคล้องกับคุณลกั ษณะ ๕ ประการขอโครงการโรงเรียนสุจรติ

๑ แกน่ เรอ่ื ง (Theme) ไมส่ อดคล้อง ตรงกับตรงกับคณุ ลกั ษณะ ๕ ประการของโครงการ

โรงเรยี นสจุ รติ

๑.๓ ความเหมาะสมของเนื้อหา

ระดบั คุณภาพ คาอธบิ ายระดับคณุ ภาพ

๕ เน้ือหาถูกตอ้ ง ลึกซงึ้ ครบถ้วน และอา้ งอิงได้ ครอบคลุม ตรงตามคณุ ลักษณะ

๕ ประการของโครงการโรงเรยี นสจุ รติ

๔ เนื้อหาถูกตอ้ ง ครบถ้วน และอา้ งอิงได้ ตรงตามคุณลักษณะ ๕ ประการของโครงการ

โรงเรียนสจุ รติ

๓ เนื้อหาถูกต้อง และอา้ งองิ ได้ ตรงตามคุณลักษณะ ๕ ประการของโครงการโรงเรียนสุจริต

๒ เนื้อหาถูกตอ้ ง ตรงตามคุณลกั ษณะ ๕ ประการของโครงการโรงเรยี นสุจรติ

๑ เนอ้ื หาถูกตอ้ ง แต่ไม่ชัดเจน ตรงตามคุณลกั ษณะ ๕ ประการของโครงการโรงเรยี นสุจริต

25

๑.๔ ความคิดสร้างสรรค์

ระดับคณุ ภาพ คาอธิบายระดบั คุณภาพ

๕ ภาพยนตร์สั้น มีความน่าสนใจ นาเสนอแนวความคดิ ใหม่ มวี ิธกี ารแปลกใหม่ ทาให้

นา่ ตดิ ตาม สามารถสื่อความหมายได้ชดั เจน ตรงตามคุณลักษณะ ๕ ประการของ

โครงการโรงเรยี นสจุ รติ

๔ ภาพยนตร์สน้ั มีความน่าสนใจ มีวิธกี ารแปลกใหม่ สามารถสอ่ื ความหมายไดช้ ัดเจน

ตรงตามคณุ ลกั ษณะ ๕ ประการของโครงการโรงเรียนสจุ รติ

๓ ภาพยนตร์ส้นั มคี วามนา่ สนใจ สามารถสอ่ื ความหมายได้ชดั เจน ตรงตามคุณลกั ษณะ

๕ ประการของโครงการโรงเรยี นสจุ ริต

๒ ภาพยนตรส์ ้ัน ขาดวิธีการแปลกใหม่ แต่สามารถส่ือความหมายไดช้ ัดเจน ตรงตาม

คณุ ลักษณะ ๕ ประการของโครงการโรงเรียนสุจริต

๑ ภาพยนตร์สนั้ ขาดวิธกี ารแปลกใหม่ แต่สามารถส่ือความหมายได้แต่ยงั ไมช่ ัดเจน

ตามคณุ ลักษณะ ๕ ประการของโครงการโรงเรยี นสุจริต

๒. คุณภาพของผลงาน

๒.๑ ความชดั เจนของภาพ

ระดบั คุณภาพ คาอธบิ ายระดบั คุณภาพ

๕ การบนั ทกึ ภาพคมชดั มองเห็นรายละเอยี ดชดั เจน

๔ การบันทกึ ภาพไมค่ มชัด มองเห็นรายละเอยี ดไมช่ ัดเจน

๓ การบันทกึ ภาพไม่คมชัด มองไม่เห็นรายละเอียด

๒ การบนั ทกึ ภาพไม่คมชดั ภาพกระตกุ มองไมเ่ ห็นรายละเอียด

๑ การบันทกึ ภาพไม่คมชดั ภาพกระตุก ภาพเลือนลางตลอดท้ังเร่ือง

๒.๒ ความชัดเจนของเสยี ง

ระดบั คุณภาพ คาอธิบายระดบั คณุ ภาพ

๕ การบนั ทึกเสยี งชัดเจน ไมม่ เี สยี งรบกวน

๔ การบนั ทกึ เสยี งชดั เจน มเี สยี งรบกวน

๓ การบนั ทกึ เสยี ง ไม่ชัดเจน

๒ การบันทึกเสียง ไม่ชดั เจน มเี สียงรบกวน

๑ เสยี งเบา ฟงั ไม่ชัด

26

๒.๓ ความเหมาะสมของขนาดภาพ

ระดบั คุณภาพ คาอธบิ ายระดบั คุณภาพ

๕ จดั ขนาดภาพ การสือ่ ความหมายดว้ ยกรอบภาพ ( Frame ) ชัดเจน สอดคล้อง สมบูรณ์

ตามกรอบเร่อื ง

๔ จัดขนาดภาพ การสื่อความหมายด้วยกรอบภาพ ( Frame ) สอดคลอ้ ง เหมาะสม

ตามกรอบเร่ือง

๓ จัดขนาดภาพ การส่อื ความหมายดว้ ยกรอบภาพ ( Frame ) เหมาะสมตามกรอบเรอื่ ง

๒ จัดขนาดภาพ การส่อื ความหมายด้วยกรอบภาพ ( Frame ) ยงั ไม่สอดคล้องตาม

กรอบเร่ือง

๑ ไม่มีการจัดขนาดภาพ การสื่อความหมายดว้ ยกรอบภาพ ( Frame ) ตามกรอบเร่อื ง

๒.๔ ความเหมาะสมของการลาดบั ภาพ

ระดบั คณุ ภาพ คาอธิบายระดบั คณุ ภาพ

๕ มีรปู แบบการการตดั ตอ่ ลาดับภาพ ชดั เจน สอดคลอ้ ง สมบรู ณ์ ตามกรอบเรอื่ ง

๔ มีรูปแบบการการตดั ต่อ ลาดบั ภาพ สอดคลอ้ ง เหมาะสม ตามกรอบเรอื่ ง

๓ มรี ปู แบบการการตัดต่อ ลาดบั ภาพ สอดคลอ้ ง ตามกรอบเรื่อง

๒ มรี ูปแบบการการตดั ตอ่ ลาดับภาพ ยังไมส่ อดคลอ้ ง ตามกรอบเรอื่ ง

๑ มีรปู แบบการการตัดต่อ ลาดับภาพ ไม่เหมาะสม ตามกรอบเรือ่ ง

๒.๕ ความเหมาะสมของมมุ กลอ้ ง
๕ จัดมุมกลอ้ งเพ่ือ การสือ่ ความหมายของภาพชดั เจน สอดคล้อง สมบูรณ์ ตามกรอบเรื่อง
๔ จดั มุมกลอ้ งเพอ่ื การส่อื ความหมายของภาพสอดคลอ้ ง เหมาะสม ตามกรอบเรอ่ื ง
๓ จัดมุมกลอ้ งเพือ่ การสือ่ ความหมายของภาพตามกรอบเรื่อง
๒ จัดมุมกล้องเพื่อการส่ือความหมายของภาพไม่สอดคล้องตามกรอบเร่ือง
๑ จดั มมุ กลอ้ งเพ่ือการส่ือความหมายของภาพไม่สอดคล้อง ไม่เหมาะสมตามกรอบเรือ่ ง

๒.๖ ความเหมาะสมขององค์ประกอบศิลป์

ระดบั คุณภาพ คาอธบิ ายระดับคณุ ภาพ

๕ มเี ทคนิคในการสร้างบรรยากาศ สัดสว่ น จังหวะลีลาของภาพ ฉาก และองคป์ ระกอบ

มคี วามสมดุลและครบถ้วนท้ัง ๕ สว่ น

๔ มีเทคนิคในการสร้างบรรยากาศ สัดสว่ น จงั หวะ ลลี าของภาพ ฉาก และองค์ประกอบ

มีความสมดุล เพียง ๔ ส่วน

๓ มีเทคนคิ ในการสร้างบรรยากาศ สัดส่วน จังหวะ ลีลาของภาพ ฉาก และองคป์ ระกอบ

มคี วามสมดุล เพียง ๓ สว่ น

๒ มีเทคนคิ ในการสร้างบรรยากาศ สัดส่วน จงั หวะ ลลี าของภาพ ฉาก และองคป์ ระกอบ

มคี วามสมดุล เพียง ๒ ส่วน

๑ มีเทคนคิ ในการสร้างบรรยากาศ สัดสว่ น จงั หวะ ลลี าของภาพ ฉาก และองค์ประกอบ

มีความสมดุล เพยี ง ๑ ส่วน

27

๓. การทาหน้าท่ขี องภาพยนตร์ Film Function (คะแนนเตม็ ๒๐ คะแนน)

๓.๑ หนา้ ทีใ่ นการเล่าเรอื่ ง

ระดับคณุ ภาพ คาอธบิ ายระดับคุณภาพ

๕ ภาพยนตรส์ ัน้ ทาหนา้ ที่ในการเล่าเรือ่ ง (Narrative Function) ได้ครบองค์ประกอบ

ไดแ้ ก่ ๑) บทภาพยนตร์ ๒) ตวั ละคร ๓) สถานที่ ๔) เวลา และ ๕) เหตกุ ารณ์

๔ ภาพยนตรส์ น้ั ทาหนา้ ที่ในการเล่าเรือ่ ง (Narrative Function) ได้ ๔ องค์ประกอบ

๓ ภาพยนตรส์ ้ันทาหน้าทใ่ี นการเล่าเรื่อง (Narrative Function) ได้ ๓ องคป์ ระกอบ

๒ ภาพยนตร์สน้ั ทาหน้าที่ในการเล่าเรื่อง (Narrative Function) ได้ ๒ องคป์ ระกอบ

๑ ภาพยนตรส์ ้ันทาหน้าที่ในการเล่าเรื่อง (Narrative Function) ได้ ๑ องค์ประกอบ

๓.๒ หนา้ ทีใ่ นการสรา้ งอารมณ์

ระดับคุณภาพ คาอธิบายระดับคุณภาพ

๕ ภาพยนตร์สั้นทาหน้าทใ่ี นการสร้างอารมณ์ (Emotional Function) ได้ครบองคป์ ระกอบ

ไดแ้ ก่ ๑) ภาพท่ีสอื่ อารมณ์ ๒) เสียงท่ีส่ืออารมณ์ ๓) การตดั ตอ่ ทส่ี ่ืออารมณ์ ๔) การแสดงที่

สือ่ อารมณ์ และ ๕) ส่อื อารมณ์ได้สอดคล้องกับเร่ืองราว

๔ ภาพยนตรส์ ัน้ ทาหนา้ ที่ในการสรา้ งอารมณ์ (Emotional Function) ได้ ๔ องคป์ ระกอบ

๓ ภาพยนตรส์ ้นั ทาหน้าทใ่ี นการสรา้ งอารมณ์ (Emotional Function) ได้ ๓ องค์ประกอบ

๒ ภาพยนตรส์ ั้นทาหน้าทใี่ นการสรา้ งอารมณ์ (Emotional Function) ได้ ๒ องคป์ ระกอบ

๑ ภาพยนตรส์ น้ั ทาหนา้ ที่ในการสรา้ งอารมณ์ (Emotional Function) ได้ ๑ องคป์ ระกอบ

๓.๓ หนา้ ทใ่ี นทางปญั ญา

ระดบั คณุ ภาพ คาอธิบายระดบั คณุ ภาพ

๕ ภาพยนตร์สัน้ ทาหน้าท่ใี นทางปญั ญา (Intellectual Function) ไดค้ รบองค์ประกอบ ได้แก่

๑) ใหค้ วามรู้ ๒) ให้ขอ้ คดิ ๓) สรา้ งแรงบันดาลใจ ๔) มีสัญลกั ษณ์ใหต้ ีความ

และ ๕) มีคาถามใหผ้ ู้ชมคดิ ตอ่

๔ ภาพยนตร์สน้ั ทาหนา้ ที่ในทางปัญญา (Intellectual Function) ได้ ๔ องค์ประกอบ

๓ ภาพยนตรส์ ั้นทาหนา้ ที่ในทางปัญญา (Intellectual Function) ได้ ๓ องค์ประกอบ

๒ ภาพยนตร์สั้นทาหน้าที่ในทางปัญญา (Intellectual Function) ได้ ๒ องค์ประกอบ

๑ ภาพยนตร์สั้นทาหน้าทใ่ี นทางปญั ญา (Intellectual Function) ได้ ๑ องค์ประกอบ

28

๓.๔ หน้าท่ใี นการสร้างความต่นื ตาตนื่ ใจ

ระดบั คณุ ภาพ คาอธิบายระดบั คุณภาพ

๕ ภาพยนตร์สน้ั ทาหน้าที่ในการความตืน่ ตาตนื่ ใจ (Spectacle Function) ไดค้ รบ

องคป์ ระกอบ ได้แก่ ๑) ภาพทน่ี า่ ต่ืนตาตื่นใจ ๒) การแสดงทีน่ า่ ต่นื ตาตน่ื ใจ ๓) สถานการณ์

ท่ีนา่ ต่นื ตาต่นื ใจ ๔)ความแปลกใหม่ในการนาเสนอ

และ ๕) สร้างภาพจาให้ผ้ชู ม

๔ ภาพยนตร์สั้นทาหนา้ ทใี่ นการความตื่นตาตน่ื ใจ (Spectacle Function)

ได้ ๔ องค์ประกอบ

๓ ภาพยนตร์สน้ั ทาหน้าทใ่ี นการความตน่ื ตาตน่ื ใจ (Spectacle Function)

ได้ ๓ องคป์ ระกอบ

๒ ภาพยนตร์สัน้ ทาหน้าที่ในการความตนื่ ตาตน่ื ใจ (Spectacle Function)

ได้ ๒ องคป์ ระกอบ

๑ ภาพยนตรส์ ั้นทาหน้าท่ีในการความต่ืนตาตืน่ ใจ (Spectacle Function)

ได้ ๑ องค์ประกอบ

๔. แบบรายงาน (คะแนนเตม็ ๑๐ คะแนน)

๔.๑ รายละเอียดของผลงาน

ระดบั คุณภาพ คาอธิบายระดบั คุณภาพ

๕ มีข้อมูลในตอนท่ี ๑ ครบทั้ง ๕ ขอ้

๔ มขี ้อมลู ในตอนท่ี ๑ เพยี ง ๔ ขอ้

๓ มีขอ้ มลู ในตอนท่ี ๑ เพยี ง ๓ ข้อ

๒ มขี ้อมูลในตอนที่ ๑ เพียง ๒ ขอ้

๑ มีขอ้ มูลในตอนท่ี ๑ เพยี ง ๑ ข้อ

๔.๒ กระบวนการและความสอดคลอ้ งกับคุณลกั ษณะ ๕ ประการของโครงการโรงเรยี นสุจริต

ระดบั คุณภาพ คาอธบิ ายระดบั คณุ ภาพ

๕ สอดคลอ้ งกบั คุณลกั ษณะ ๕ ประการของโครงการโรงเรยี นสจุ รติ ครบทงั้ ๕ ประการ

๔ สอดคล้องกับคณุ ลักษณะ ๕ ประการของโครงการโรงเรยี นสจุ รติ เพียง ๔ ขอ้

๓ สอดคลอ้ งกบั คุณลักษณะ ๕ ประการของโครงการโรงเรียนสจุ รติ เพียง ๓ ขอ้

๒ สอดคลอ้ งกบั คณุ ลกั ษณะ ๕ ประการของโครงการโรงเรียนสจุ รติ เพยี ง ๒ ขอ้

๑ สอดคลอ้ งกับคณุ ลักษณะ ๕ ประการของโครงการโรงเรยี นสจุ รติ เพยี ง ๑ ขอ้

29

๑๔. แบบรำยงำนผล กระบวนกำรผลิตภำพยนตรส์ ัน้ ตอ่ ต้ำนกำรทจุ ริต ตำมคุณลกั ษณะ ๕ ประกำร
ของโครงกำรโรงเรยี นสุจริต

โรงเรยี น ................................................................................................................................................

สงั กัด .....................................................................................................................................................

คณุ สมบัตขิ องผ้เู ขำ้ ประกวดแขง่ ขัน
☐ นักเรยี นระดบั ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ – ๖
☐ นกั เรียนระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๑ – ๓ โรงเรียนขยายโอกาส สังกัด สพป.
☐ นักเรียนระดับชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ ๑ - ๓ โรงเรียนสงั กดั สพม.
☐ นักเรยี นระดบั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๔ – ๖ โรงเรยี นขยายโอกาส สงั กดั สพป. / สังกดั สพม.

เจำ้ ของผลงำน ครู ๑. ................................................................................................................................
๒. ................................................................................................................................

นักเรยี น ๑. ........................................................................................................................
๒. ........................................................................................................................
๓. ........................................................................................................................
๔. ........................................................................................................................
๕. ........................................................................................................................

เบอรต์ ดิ ตอ่ ...........................................................................................................................................
e-mail ...............................................................................................................................................
Line id ................................................................................................................................................

ตอนที่ ๑

๑. ชือ่ ผลงำน ......................................................................................................................... (๑ คะแนน)

๒. ผลงำนสอดคลอ้ งกับคุณลกั ษณะ ๕ ประกำรของโครงกำรโรงเรียนสจุ รติ
(เลือกได้มำกกว่ำ ๑ ประกำร) (๑ คะแนน)
☐ ทกั ษะกระบวนการคิด
☐ มวี ินัย
☐ ซ่ือสัตย์ สจุ ริต
☐ อยู่อย่างพอเพียง
☐ จิตสาธารณะ

30

๓. ระบปุ ญั หำ / ทม่ี ำ (๑ คะแนน)
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

๔. วิเครำะหป์ ญั หำ / ทมี่ ำ (๑ คะแนน)
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

๕. เร่อื งย่อ (๑ คะแนน)
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

31

ตอนท่ี ๒ กระบวนกำรผลติ ภำพยนตรส์ น้ั ตอ่ ตำ้ นกำรทุจรติ ทสี่ อดคลอ้ งกับคุณลักษณะ ๕ ประกำร
ของโครงกำรโรงเรยี นสจุ ริต (๕ คะแนน)

คุณลกั ษณะ ๕ ประกำรของโครงกำรโรงเรยี นสจุ ริต กจิ กรรมและพฤตกิ รรมทเี่ กดิ ข้ึน
๑. ทักษะกระบวนการคดิ (๑ คะแนน)

๒. มวี นิ ัย (๑ คะแนน)

๓. ซื่อสัตย์สจุ รติ (๑ คะแนน)

๔. อยู่อย่างพอเพียง (๑ คะแนน)

๕. จิตสาธารณะ (๑ คะแนน)

32

๑๕. ใบสมคั รเพอ่ื เข้ำร่วมประกวดแข่งขนั กจิ กรรมกำรผลิตภำพยนตรส์ น้ั ตอ่ ต้ำนกำรทจุ รติ

ใบสมัคร
เพ่ือเขำ้ รว่ มประกวดแขง่ ขันกจิ กรรมกำรผลติ ภำพยนตร์สั้นต่อตำ้ นกำรทุจรติ

คำช้ีแจง ๑. ให้สานกั งานเขตพนื้ ท่กี ารศกึ ษา จัดการประกวดแขง่ ขันเพอื่ คัดเลือกโรงเรยี นเป็นตัวแทน
ของสานักงานเขตพน้ื ที่การศึกษา

๒. สานกั งานเขตพืน้ ท่ีการศกึ ษาสง่ ผลงาน ระดบั ละ ๑ เรอ่ื ง เข้าประกวดแข่งขันในระดบั ภูมิภาค
โดยกาหนดการสง่ ตามรูปแบบของภมู ิภาคท่ีได้รบั เปน็ เจา้ ภาพ

๓. ระดบั ภูมภิ าคสง่ ผลงาน อนั ดับ ๑ - ๓ ของแต่ละระดบั เข้าประกวดแข่งขนั ในระดับประเทศ
ตามแบบฟอรม์ ท่ี สพฐ. กาหนด เท่านนั้

๑. สมคั รในระดบั
☐ นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ - ๖
☐ นักเรยี นระดับชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๑ - ๓ โรงเรยี นขยายโอกาส สงั กัด สพป.
☐ นกั เรยี นระดับชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑ - ๓ โรงเรยี นสงั กัด สพม.
☐ นักเรยี นระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๔ - ๖ โรงเรียนขยายโอกาส สังกัด สพป. / สงั กัด สพม.

๒. ชือ่ โรงเรียน................................................................................................................................................

ทอี่ ยู่ เลขที่ ตรอก/ซอย ถนน

แขวง/ตาบล เขต/อาเภอ จังหวดั

รหัสไปรษณยี ์ โทรศัพท์ โทรสาร

๓. สำนักงำนเขตพื้นท่ีกำรศกึ ษำ.....................................................................................................................

๔. ชือ่ เรือ่ ง “ภำพยนตร์สน้ั ”...........................................................................................................................

๕. ผลงำนสอดคลอ้ งกับคุณลักษณะ ๕ ประกำรของโครงกำรโรงเรยี นสจุ ริต (เลอื กไดม้ ากกวา่ ๑ ประการ)
☐ ทกั ษะกระบวนการคดิ
☐ มีวนิ ยั
☐ ซือ่ สัตย์ สจุ รติ
☐ อยู่อย่างพอเพียง
☐ จติ สาธารณะ

33

๖. ขอ้ มูลผูส้ มคั ร (ครู ๒ คน และ นกั เรยี น ๕ คน)
๖.๑ ชอื่ ทมี .............................................................................................................................................
๖.๒ ชื่อครู
๑) ชอ่ื -สกลุ (นาย/นาง/นางสาว)...................................................................................................
ตาแหนง่ ..................................................................................................................................
โทรศพั ท.์ ............................LINE ID…………………………E-Mail………………………………………..
๒) ชอ่ื -สกุล (นาย/นาง/นางสาว)...................................................................................................
ตาแหนง่ ..................................................................................................................................
โทรศพั ท.์ ............................LINE ID…………………………E-Mail………………………………………..
๖.๓ ชอื่ นักเรยี น
๑) ชอ่ื -สกลุ (ด.ช/ด.ญ/นาย/นางสาว)............................................................................................
อายุ..................ปีระดบั ชั้น.......................................................................................................
โทรศพั ท์..........................................E-Mail:……………………………………………………………….…..
๒) ช่ือ-สกุล (ด.ช/ด.ญ/นาย/นางสาว).............................................................................................
อายุ..................ปี ระดับชั้น.......................................................................................................
โทรศัพท.์ ......................................... E-Mail:…………………………………………………………….……..
๓) ชอ่ื -สกุล (ด.ช/ด.ญ/นาย/นางสาว).............................................................................................
อายุ..................ปีระดบั ชัน้ .......................................................................................................
โทรศพั ท.์ ......................................... E-Mail:………………………………………………….………………..
๔) ชอ่ื -สกุล (ด.ช/ด.ญ/นาย/นางสาว).............................................................................................
อายุ..................ปีระดบั ช้นั .......................................................................................................
โทรศัพท์..........................................E-Mail:…………………………………………………………….……..
๕) ชื่อ-สกุล (ด.ช/ด.ญ/นาย/นางสาว)............................................................................................
อาย.ุ .................ปีระดบั ชน้ั .......................................................................................................
โทรศพั ท์..........................................E-Mail:………………………………………………….………………..

ขา้ พเจา้ (นาย/นาง/นางสาว)......................................................................................ขอรบั รองวา่ ข้อมูล
ดังกล่าวเป็นความจริงทุกประการ และจะปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อกาหนดในการประกวดแข่งขันกิจกรรม
การผลิตภาพยนตรส์ ัน้ ต่อต้านการทจุ รติ

ลงชอื่ .....................................................................................
(.............................................................................................)
ตาแหน่ง................................................................................

วนั ท.่ี .............../................................./....................

34

คำรบั รองระดับโรงเรียน
ข้าพเจ้า (นาย/นาง/นางสาว).................................................................................................................

ขอรบั รองว่าขอ้ มูลดังกล่าวเป็นความจริงและยินดีให้การสนับสนนุ การเขา้ รบั การประกวดแข่งขันกิจกรรม
การผลติ ภาพยนตรส์ น้ั ต่อต้านการทุจรติ ของครูและนกั เรียน

ลงชอ่ื .....................................................................................
(.............................................................................................)
ตาแหน่ง ผู้อานวยการโรงเรยี น................................................................

วนั ท่ี................/................................./....................

คำรับรองระดับสำนักงำนเขตพื้นท่ีกำรศึกษำกำรศึกษำ
ขา้ พเจา้ (นาย/นาง/นางสาว)..................................................................................................................

ขอรับรองวา่ ขอ้ มูลดงั กล่าวเปน็ ความจรงิ ทุกประการ

ลงช่ือ......................................................................................
(.............................................................................................)
ตาแหนง่ ................................................................................

วันที.่ ............/............................../....................

35

๑๖. ตวั อย่ำงภำพยนตร์ส้ันตอ่ ต้ำนกำรทุจรติ

ทุจริตเงนิ ไปทากฐิน จะได้บญุ หรือบาป ภาพยนตร์สั้น "ตน้ บญุ " รางวัลเหรยี ญทองระดับชาติ ประจาปี ๒๕๕๘
โรงเรียนเจริญศลิ ปศ์ ึกษา “โพธค์ าอนสุ รณ์” สพม.สกลนคร
https://www.youtube.com/watch?v=oPBhoH7uefU

"โควตา" โรงเรียนบ้านหนองบอน(นัยนานนทอ์ นสุ รณ)์ สพป.กรุงเทพมหานคร
https://www.youtube.com/watch?v=G_wE4cz4co4

ทฤษฎีอมตะ - TCS [HD] ภาพยนตร์ส้นั ทมี TCS โรงเรยี นทงุ่ ชา้ ง สพม.นา่ น
https://www.youtube.com/watch?v=QKMRmLDkiZY

โอตตปั ปะ OT-TAP-PA โรงเรียนสายนา้ ทพิ ย์ในโครงการโรงเรยี นสจุ ริต สพป.กรุงเทพมหานคร
https://www.youtube.com/watch?v=l7pq7BWzdN8

mind TCS โรงเรยี นท่งุ ชา้ ง สพม.นา่ น
https://youtu.be/gbLIbN5ONAY

"จดุ จบ สายลอก" โรงเรียนวดั เวตะวนั ธรรมาส สพป.กรุงเทพมหานคร
https://youtu.be/e5EOoXGLCQU

group1N สพป.เพชรบูรณ์ เขต ๓
https://www.youtube.com/watch?v=ZOCDxsFrClI

group6N สพป.เพชรบูรณ์ เขต ๓
https://www.youtube.com/watch?v=e8Cq14HPIi0

ไม้อ่อน โรงเรียนทุ่งช้าง สพม.นา่ น
https://www.youtube.com/watch?v=PxhZOZAh3e0

ตาช่งั (Life is Balance) โรงเรียนอยุธยานสุ รณ์ สพม.พระนครศรีอยุธยา
https://www.youtube.com/watch?v=Xe_DWxWpdGc

รายชื่อคณะทำงาน

ที่ปรึกษา เลขาธกิ ารคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน
1. นายอัมพร พินะสา รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน
2. ว่าทีร่ ้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา ผู้ทรงคณุ วฒุ ิ สำนกั พัฒนานวตั กรรมการจัดการศึกษา
3. นางรัตนา ศรีเหรญั

คณะทำงานฝ่ายจดั ทำแนวทางการดำเนินงานและการแลกเปลีย่ นเรียนรู้
1. นายภธู ร จันทะหงษ์ ปุณยจรัสธำรง ผ้อู ำนวยการ ประธานคณะทำงาน
สำนกั พฒั นานวัตกรรมการจัดการศึกษา
2. นางองั สนา พไิ สยสามนต์เขต ข้าราชการบำนาญ กระทรวงศึกษาธิการ คณะทำงาน
3. นายพนม เข็มเงนิ ผอู้ ำนวยการเชยี่ วชาญ คณะทำงาน
โรงเรียนวดั บอ่ กรุ “ครุ ปุ ระชาสรรค์”
สำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศกึ ษาสุพรรณบรุ ี เขต 3
4. นางสาวกมลทพิ ย์ ใจเทยี่ ง ผู้อำนวยการชำนาญการพิเศษ คณะทำงาน
โรงเรยี นวัดพรหมสาคร
สำนกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาสิงห์บุรี
5. นายอดุลย์ เตาวะโต ผู้อำนวยการชำนาญการพเิ ศษ คณะทำงาน
โรงเรยี นบ้านแป-ระเหนือ
สำนกั งานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศกึ ษาสตลู
6. นายดวงชยั มงคลกุล ผอู้ ำนวยการชำนาญการพิเศษ คณะทำงาน
โรงเรยี นบ้านหนองนกทา
สำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาร้อยเอด็ เขต 3
7. นางพชั รนิ ทร์ ศรวี ฒุ พิ งศ์ ผู้อำนวยการชำนาญการพเิ ศษ คณะทำงาน
โรงเรียนบ้านอ้อยช้าง
สำนกั งานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษานครราชสมี า เขต 6
8. นางอรทัย พลวิเศษ ผอู้ ำนวยการชำนาญการพเิ ศษ คณะทำงาน
โรงเรียนบา้ นโนนกระพ้ีวิทยา
สำนักงานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษานครราชสีมา เขต 6
9. นางวัชรา คำภู่ นกั วิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพเิ ศษ คณะทำงาน
ปฏิบตั หิ นา้ ที่ ผู้อำนวยกลุ่มส่งเสรมิ การศึกษาทางไกล
เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร
สำนกั งานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษาอตุ รดิตถ์ เขต 1
10. นายอินสวน สาธุเม ศึกษานิเทศกช์ ำนาญการพิเศษ ปฏบิ ัติหน้าที่ คณะทำงาน
ผอู้ ำนวยการกลุ่มนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการจัดการศึกษา
สำนกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษากาฬสินธ์ุ เขต ๑
11. นายพนิ จิ เช้ือแพ่ง ศึกษานิเทศกช์ ำนาญการพิเศษ ปฏิบตั ิหน้าที่ คณะทำงาน
ผู้อำนวยการกลุ่มนเิ ทศ ติดตาม และประเมินผลการจดั การศึกษา
สำนักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 2
/12. นางสาวกงิ่ นภา....


Click to View FlipBook Version