The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เอกสารประอบการอบรมครู Active Learning

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

เอกสารประอบการอบรมครู Active Learning

เอกสารประอบการอบรมครู Active Learning

48

วัตถุประสงคข์ องการนิเทศ
1. เพ่ือพฒั นาความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับการจดั การเรยี นร้เู ชิงรุก (Active Learning)
2. เพื่อพฒั นาการออกแบบการจดั กิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning)
3. เพื่อส่งเสริม สนับสนนุ ให้ครูผู้สอนจัดการเรยี นรู้เชิงรกุ (Active Learning) ตามทอ่ี อกแบบ ไว้

ไปใชใ้ นช้นั เรยี นมากขน้ึ
ประเด็นการนเิ ทศ

1. องค์ความรู้เกยี่ วกบั การจดั กิจกรรมการเรียนร้เู ชิงรกุ (Active Learning)
2. การออกแบบการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้เชงิ รกุ (Active Learning)
3. การจดั กิจกรรมการเรียนรเู้ ชิงรุก (Active Learning)
กระบวนการนเิ ทศ
1. การเตรียมการนเิ ทศ
1.1 สํารวจข้อมูลสารสนเทศเพื่อการนิเทศ

1) ขอ้ มลู สารสนเทศ และสง่ิ อาํ นวยความสะดวกในการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ เช่น ห้องเรยี น
ห้องปฏบิ ัตกิ าร วัสดุอุปกรณ์ ห้องสมดุ รวมถงึ แหลง่ เรยี นรู้ทง้ั ในและนอกสถานศึกษา

2) ข้อมูลและสารสนเทศทเี่ กี่ยวกับผู้เรียน เชน่ ผลสัมฤทธิท์ างการเรยี น (NT/O-NET)
3) ขอ้ มลู และสารสนเทศที่เกี่ยวกับครู เชน่ จํานวนครู คณุ วฒุ กิ ารศึกษา ตาํ แหนง่ หนา้ ท่ี
รายวิชาทส่ี อน ผลงานทางวิชาการ การจัดแผนการเรียน/ชน้ั เรียน ส่อื อปุ กรณก์ ารสอน แหลง่ ข้อมลู เรียนรู้
4) ข้อมลู ด้านการจัดการเรียนรู้ เช่น ลกั ษณะและวธิ ีการสอน ตารางสอน การมีสว่ นรว่ ม ของ
นักเรียน การใช้ตําราเรยี น สื่อการสอน การประเมินผลการเรียนการสอน การรายงานผลการเรยี น การสอน
ซ่อม เสริม วธิ ีและการใชเ้ ครื่องมือประเมิน
1.2 องค์ความรเู้ ก่ียวกับการจัดการเรยี นรเู้ ชิงรุก (Active Learning) เพื่อนําไปใชใ้ นกระบวนการ
นิเทศ ตดิ ตาม ซ่ึงมีองค์ความรู้ 4 ประเดน็ ดังนี้
ประเดน็ ท่ี 1 นโยบายของสาํ นกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพืน้ ฐานและ เป้าหมายของการ
จดั การเรยี นร้เู ชิงรกุ
ประเดน็ ท่ี 2 การบรหิ ารจัดการ การเรยี นรเู้ ชงิ รุก ประกอบด้วย
1) สารสนเทศ ด้านการจัดการศึกษาในศตวรรษที่ 21 และนวัตกรรมตา่ งๆ ที่เกี่ยวข้อง
2) รปู แบบ วิธกี าร กระบวนการ ขั้นตอน เทคนคิ เกยี่ วกบั การจัดกิจกรรมการเรียนรูเ้ ชิงรุก
3) การสง่ เสริม สนับสนนุ ครูในการจดั การเรยี นรเู้ ชิงรุก(Active Learning)
ประเด็นที่ 3 แนวทางการจดั ทาํ แผนการจัดการเรยี นรูเ้ ชงิ รุก (Active Learning)
1) การเลอื กกจิ กรรม รปู แบบ วธิ ีการทสี่ ่งเสริมการจดั การเรียนรูเ้ ชงิ รกุ เพอ่ื บูรณาการใน
แผนการเรียนรู้ โดยใช้ สือ่ เทคโนโลยีและแหลง่ เรยี นรทู้ ห่ี ลากหลาย เพ่ือกระตุ้นผู้เรยี นอยา่ ง เหมาะสม
2) การเสรมิ สร้างสมรรถนะและทกั ษะทีจ่ าํ เปน็ สําหรบั ผูเ้ รยี นในศตวรรษท่ี 21 เช่น ทักษะ
วชิ าการ ทักษะชวี ติ และทักษะวิชาชีพ
3) การวัดและประเมนิ ผลการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้เชิงรกุ (Active Learning)
ประเด็นท่ี 4 การสังเกตชั้นเรียน ประเดน็ การจัดการเรยี นรู้เชิงรุก

49

2. การวางแผนการนเิ ทศ
การวางแผนการนิเทศเพ่อื พัฒนาและสง่ เสริมการจดั การเรียนรู้เชงิ รุก (Active Learning) มดี งั น้ี
2.1 ประชมุ ผเู้ กี่ยวข้อง เชน่ ศึกษานิเทศก์ ผบู้ รหิ ารสถานศึกษา หัวหน้างานวชิ าการ ของโรงเรียน

และครผู ้สู อน
2.2 จัดทาํ ปฏิทนิ การนเิ ทศ แผนการนิเทศ สือ่ เครอื่ งมอื นเิ ทศ
2.3 ดําเนนิ การนิเทศ โดยใชเ้ ทคนคิ การนเิ ทศหลากหลาย เช่น เทคนคิ การนิเทศตาม สถานการณ์

เทคนิคการนิเทศแบบช้ีแนะสะท้อนคิดและเปน็ พเ่ี ลี้ยง (Reflective Coaching and Mentoring) เทคนิค
การนเิ ทศแบบสนทนากลุม่ เทคนิคการสอนแนะ (Coaching Techniques) เทคนิคการ นิเทศแบบ
กลั ยาณมิตร

2.4 กาํ หนดระยะเวลานเิ ทศ ภาคเรียนละ 2 ครั้ง หรือตามความเหมาะสม
3. การดาํ เนินการนิเทศ

เริ่มดว้ ยการเตรยี มความพร้อม พัฒนา สรา้ งส่อื และเครื่องมอื นเิ ทศ ตามหลักการสําคัญ ในการจดั
กิจกรรมลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้ โดยเนน้ กระบวนการจดั การเรยี นรู้เชิงรุก (Active Learning) ดงั นี้

4. การแลกเปล่ยี นเรียนรู้ นาํ เสนอผลงานครู
จัดกิจกรรม แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และนาํ เสนอผลงานทส่ี ะท้อนการจดั การเรียนร้เู ชงิ รุก (Active
Learning) ของครโู รงเรยี นในเขตพ้ืนที่ ทั้งน้ี อาจจัดกจิ กรรมแลกเปลีย่ นเรยี นรใู้ นภาพรวม ร่วมกับ กิจกรรม
ทางวชิ าการอนื่ ๆ ตามบริบทและความพร้อมของแต่ละเขตพน้ื ที่

50

5. การสรุปและรายงานผล
สาํ นกั งานเขตพืน้ ท่ีการศึกษา สรุปและรายงานผลการนิเทศ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ เชิงรุก
(Active Learning) อยา่ งเปน็ ระบบ ประเด็นปัญหา อปุ สรรคในการดาํ เนินงาน รวมถงึ ความพงึ พอใจ ใน
การดาํ เนินงานของโรงเรยี นและการนเิ ทศ ตวั อย่างส่วนประกอบของเอกสารสรปุ และรายงานผลการนิเทศ
ดงั นี้
สว่ นท่ี 1 ส่วนนาํ
1.1 ปกนอก
1.2 ปกใน / ใบรองปก
1.3 คํานาํ / กติ ติกรรมประกาศ
1.4 บทคดั ยอ่
1.5 สารบญั / เรอื่ ง / ตาราง / แผนภาพ
สว่ นที่ 2 สว่ นเนอ้ื หา
2.1 บทนาํ

• ความสําคญั ความเปน็ มา และการวิเคราะห์บริบท
• วตั ถปุ ระสงค์
• ขอบเขตการดําเนนิ งาน
• นยิ ามศพั ทเ์ ฉพาะ
• ประโยชนท์ ่ีคาดว่าจะได้รับ
2.2 การศึกษาเอกสารและงานวิจยั ท่ีเก่ียวข้อง
• แนวคดิ ทฤษฎี หลักการ
• งานวจิ ัยท่ีเกี่ยวข้อง
• กรอบแนวคดิ การพฒั นางาน
2.3 วธิ ีดาํ เนินการ
• ประชากร / กลมุ่ เป้าหมายและกลมุ่ ตัวอย่าง
• เคร่ืองมือทีใ่ ชใ้ นการดาํ เนนิ งาน / พัฒนางาน

- การสรา้ งรปู แบบ เทคนิค วิธพี ัฒนางาน
- การสร้างเคร่ืองมือเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู
• การดาํ เนินการ และการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู
- การปฏบิ ัติการนเิ ทศ ติดตาม
- การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล
• การวิเคราะห์ข้อมูล และสถิตทิ ่ใี ชใ้ นการวิเคราะห์
2.4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
2.5 สรุปผลการดําเนนิ งาน อภปิ รายผลและขอ้ เสนอแนะ
2.6 การจดั การแลกเปล่ยี นเรียนรู้ และการสรา้ งเครือข่าย การขยายผลและตอ่ ยอด
ส่วนที่ 3 ส่วนอ้างอิง
3.1 บรรณานกุ รม
3.2 ภาคผนวก

51

• รายชือ่ ผเู้ ชย่ี วชาญ
• เคร่ืองมือที่ใชใ้ นการดําเนนิ งาน
• การศกึ ษาคุณภาพของเครื่องมือ
• การเผยแพร่ แลกเปลย่ี น เรียนรู้ ขยายผล
• ตัวอย่างผลงาน
3.3 คณะกรรมการดําเนินงาน
เครื่องมอื บนั ทกึ การนเิ ทศ
1. แบบตรวจสอบแผนการจดั การเรยี นรเู้ ชิงรกุ (Active Learning)
2. แบบบันทึกการสงั เกตการจัดกจิ กรรมการเรยี นรเู้ ชงิ รกุ (Active Learning)
3. แบบประเมนิ ผลการดําเนนิ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้เชงิ รุก (Active Learning)
4. แบบบนั ทกึ กิจกรรมการแลกเปล่ยี นเรียนรู้
ตัวชวี้ ัดความสําเรจ็
รอ้ ยละ 90 ของจาํ นวนครผู สู้ อนแต่ละโรงเรยี น ได้รบั การนิเทศ ตดิ ตามเรอื่ งการจดั กจิ กรรม การ
เรยี นรเู้ ชิงรุก (Active Learning)
เครอ่ื งมือนิเทศการจดั การเรียนร้เู ชงิ รุก (Active Learning) เพือ่ ขับเคลือ่ นนโยบาย 3 สร้าง
เคร่ืองมือที่ใชใ้ นการนิเทศเพ่ือพัฒนาและส่งเสริมการจดั การเรยี นรเู้ ชิงรกุ (Active Learning)
เพอ่ื ขับเคลื่อนนโยบาย 3 สร้าง ใชเ้ ครอ่ื งมือ ดังต่อไปนี้
1. แบบตรวจสอบแผนการจดั การเรยี นรู้ (การจดั การเรยี นรู้เชิงรกุ : Active Learning)
2. แบบบันทกึ การสงั เกตการจัดกิจกรรมการเรียนร้เู ชงิ รุก (Active Learning)
3. แบบประเมินผลการดําเนนิ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้เชงิ รุก (Active learning)
4. แบบบนั ทึกการแลกเปลย่ี นเรยี นรกู้ จิ กรรม การจัดการเรียนรู้เชงิ รกุ (Active Learning)

แบบตรวจสอบแผนการจดั การเรียนรู้
(การจดั การเรียนร้เู ชิงรกุ : Active Learning)
แผนการจดั การเรยี นรู้ที.่ ......... เรือ่ ง............กลมุ่ สาระการเรียนรู้ รายวชิ า......... ..ชนั้ ...............
ชื่อครูผสู้ อน.................................. โรงเรียน................................................

คาํ ช้แี จง
แบบตรวจสอบแผนการจดั การเรียนรู้ ฉบบั นี้ มวี ตั ถปุ ระสงค์เพื่อให้ศึกษานิเทศก/์ ผนู้ เิ ทศพจิ ารณา

ความเหมาะสม และความสอดคลอ้ งขององคป์ ระกอบของแผนการจดั การเรยี นรู้ ท่เี น้นการจัดการเรียนรู้
เชงิ รกุ แบ่งเปน็ 2 ตอน คอื

ตอนที่ 1 แบบตรวจสอบความเหมาะสมของแผนการจดั การเรียนรู้ เป็นการพจิ ารณา/ตรวจสอบ
องคป์ ระกอบต่าง ๆ ของแผนการจัดการเรยี นรู้วา่ มีความเหมาะสมเพียงใด

ตอนท่ี 2 แบบตรวจสอบความสอดคล้องของแผนการจดั การเรียนรู้ เป็นการพิจารณา/ตรวจสอบ
องค์ประกอบตา่ ง ๆ ของแผนการจัดการเรยี นรวู้ ่ามีความสอดคล้องกันเพยี งใด

52

ตอนท่ี 1 แบบตรวจสอบความเหมาะสมของแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรกุ (Active Learning)

โปรดทาํ เคร่ืองหมาย / ในชอ่ งระดับความเหมาะสมท่ีตรงกับความคดิ เห็นของทา่ น และ เขยี น

ขอ้ เสนอแนะอ่นื ๆ เพ่ือเป็นแนวทางในการปรับปรุงแผนการจดั การเรยี นรูเ้ ชงิ รุกต่อไป

ข้อที่ รายการประเมิน ระดบั คุณภาพ
321

1 แผนการจัดการเรียนรู้มอี งค์ประกอบสาํ คัญครบถ้วน ตามแบบที่กําหนด

2 การเขยี นสาระสําคัญในแผนการจดั การเรยี นรู้

3 จดุ ประสงค์การเรียนรรู้ ะบุพฤติกรรมชัดเจน สามารถวดั ได้

4 สาระการเรียนร้คู รบถ้วน สมั พันธ์กับจุดประสงค์การเรียนรู้

5 กิจกรรมการเรียนร้มู คี วามเหมาะสม ใชก้ ระบวนการจัดการเรียนรู้เชิงรกุ

ในทุกข้ันตอน หรือใชเ้ ทคนิคการสอนทร่ี ะบุไว้ในแผนการจดั การเรยี นรู้

6 การวดั ผล ประเมนิ ผลใช้วิธกี ารวัด ประเมินทหี่ ลากหลาย ชัดเจน

7 เคร่อื งมอื ท่ีใช้วัดผล ประเมินผลเหมาะสม มีระบุไว้อย่างชดั เจน

8 มกี ารกําหนดเกณฑ์การประเมินผลไว้อย่างชัดเจน

9 ระบุการใช้สอ่ื /แหลง่ เรยี นรู้สมั พันธ์สอดคล้องกบั กจิ กรรมการเรยี นรู้

10 มหี ลักฐานการเรยี นรู้ ส่อื ประกอบ เช่น ใบกิจกรรม ใบความรู้ เครือ่ งมอื วัด ฯ

ทป่ี รากฏในแผนการจัดการเรียนรู้ครบถว้ น

ขอ้ เสนอแนะอ่นื ๆ
............................................................................................................................. ............................................
....................................................................................... ..................................................................................
............................................................................................................................. ............................................

53

เกณฑ์การประเมิน
คําอธบิ ายระดบั คุณภาพของความเหมาะสมของแผนการจดั การเรยี นรู้

ขอ้ รายการประเมนิ คาํ อธบิ ายระดบั คุณภาพ
ท่ี 321

1 แผนการจดั การเรียนรู้มี องคป์ ระกอบของ องค์ประกอบของ องค์ประกอบของ

องค์ประกอบ สาํ คญั ครบถว้ น ตาม แผนการจดั การเรยี นรู้ มี แผนการจดั การเรยี นรู้ ไม่ แผนการจดั การ เรียนรไู้ ม่

แบบทีก่ ําหนด ครบถว้ น ตามแบบท่ี ครบถ้วนตามแบบ ท่ี ถกู ต้อง ตามแบบทกี่ าํ หนด

กําหนด กาํ หนด

2 การเขยี นสาระสําคญั ในแผนการ เขยี นสาระสาํ คัญ ถูกตอ้ ง เขยี นสาระสาํ คัญ ถกู ตอ้ ง เขียนสาระสาํ คัญ ไม่

จัดการ เรยี นรู้ ชัดเจน และ ครอบคลมุ แต่ ไมค่ รอบคลมุ ถูกต้องและ ไม่ชดั เจน

3 จดุ ประสงค์การเรียนรรู้ ะบพุ ฤติกรรม พฤตกิ รรมทรี่ ะบใุ น ไมม่ คี วามชัดเจนของ ไมไ่ ด้ระบุ พฤตกิ รรมใน

ชดั เจน สามารถวดั ได้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ มี พฤตกิ รรมทร่ี ะบใุ น จดุ ประสงคก์ าร เรยี นรู้

ความชัดเจนสามารถ วดั จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

ได้ และไม่สามารถวดั ได้

4 สาระการเรยี นรคู้ รบถ้วน สมั พนั ธ์กับ ระบุสาระการเรียนรู้ ระบสุ าระการเรยี นรู้ ไม่ ระบุสาระการ เรียนรไู้ ม่

จุดประสงค์การเรียนรู้ ครบถว้ น และสัมพันธ์ กับ ครบถ้วน ครบถ้วน และไมส่ มั พนั ธ์

จดุ ประสงคก์ าร เรียนรู้ กบั จดุ ประสงค์การ เรยี นรู้

5 การวัดผล ประเมินผลใชว้ ิธีการวดั วธิ กี ารวดั ผล ประเมนิ ผล วธิ ีการวดั ผล ประเมินผล วธิ กี ารวัดผลระเมนิ ผลไม่

ประเมนิ ทหี่ ลากหลาย ชัดเจน ชัดเจนทุก พฤติกรรมท่ี ชดั เจนแต่ ไมค่ รบทุก ชัดเจน และไมค่ รบ ทุก

ต้องการวดั พฤตกิ รรม ทีต่ อ้ งการวัด พฤติกรรมท่ี ต้องการวดั

6 เคร่อื งมือท่ใี ช้วัดผล ประเมนิ ผล เคร่ืองมอื สําหรับการ ระบเุ คร่ืองมอื สาํ หรบั การ ไมไ่ ดร้ ะบุเครื่องมอื

เหมาะสม มรี ะบไุ ว้อย่างชดั เจน วดั ผลประเมนิ ผลมี ความ วัดผลประเมนิ ผล แต่ไม่ สําหรับการวัดผล

ชัดเจน ชัดเจน ไม่ สามารถวัดได้ ประเมินผล

7 มกี ารกาํ หนดเกณฑก์ ารประเมนิ ผล เกณฑ์การประเมนิ ผลมี ระบุเกณฑก์ าร ไม่ไดร้ ะบเุ กณฑ์ การ

ไวอ้ ย่างชดั เจน ความชดั เจน ประเมินผล แต่ไม่ชดั เจน ประเมนิ ผล

8 กิจกรรมการเรียนรมู้ คี วามเหมาะสม กิจกรรมการเรียนรมู้ ี กิจกรรมการเรยี นรมู้ คี วาม กจิ กรรมการเรยี นรไู้ ม่มี

ใช้ กระบวนการจัดการเรยี นรูเ้ ชงิ รกุ ความเหมาะสม ครบถ้วน เหมาะสม แตไ่ ม่ ครบทุก ความเหมาะสม และไม่

(Active Learning) ครบถว้ นทุก ทกุ ขน้ั ตอน ตามท่รี ะบุใน ขัน้ ตอนตามที่ระบุใน ครบทุก ขั้นตอนตามทีร่ ะบุ

ขั้นตอน หรอื เทคนิคการสอนท่ีระบุ แผนการ จดั การเรียนรู้ แผนการจดั การเรียนรู้ ในแผนการจัดการ เรยี นรู้

ไว้ในแผนการจดั การ เรียนรู้

9 ระบุการใช้สอื่ /แหล่งเรยี นรู้ สมั พนั ธ์ ระบุการใช้ส่อื /แหล่ง ระบกุ ารใชส้ อ่ื /แหล่ง ไมไ่ ดร้ ะบกุ ารใช้ สือ่ /แหลง่

สอดคล้องกับกิจกรรมการเรยี นรู้ เรียนรู้ สมั พนั ธ์ สอดคลอ้ ง เรยี นรู้แตไ่ ม่สมั พันธ์ เรียนรู้

กบั กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอดคล้องกับกจิ กรรมการ

เรียนรู้

10 มีหลกั ฐานการเรยี นรู้ สื่อประกอบ มีหลกั ฐาน อาทิ สอื่ ใบ มหี ลกั ฐาน อาทิ สอ่ื ใบ ไมม่ มี หี ลักฐานเช่น สื่อ ใบ

เชน่ ใบ กจิ กรรม ใบความรู้ กิจกรรม ใบความรู้ กิจกรรมใบความรู้ กิจกรรม ใบความรู้

เคร่อื งมือวัด ฯ ที่ ปรากฏในแผนการ เครอ่ื งมอื วัด ฯ ท่ี ปรากฏ เครือ่ งมือวดั ฯ ท่ีปรากฏ เครอื่ งมอื วัด ฯ ทีป่ รากฏ

จัดการเรียนรู้ ครบถ้วน ในแผนการจดั การเรยี นรู้ ในแผนการ จัดการเรยี นรู้ ใน แผนการจดั การเรยี นรู้

ครบถ้วน แตไ่ ม่ ครบถว้ น

54

ตอนที่ 2 แบบประเมินความสอดคลอ้ งองคป์ ระกอบของแผนการจัดการเรยี นรู้เชงิ รุก (Active

Learning)

โปรดทําเครอ่ื งหมาย / ลงในช่องทตี่ รงกับความคดิ เหน็ ของทา่ น

ข้อท่ี รายการประเมนิ สอดคล้อง ไม่แนใ่ จ ไม่สอดคล้อง

(1) (0) (-1)

1 การเขียนสาระสาํ คญั มีความสัมพันธ์สอดคล้องกบั

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

2 จดุ ประสงค์การเรียนรมู้ คี วามสอดคล้องสัมพนั ธก์ ับสาระ

การเรียนรู้

3 หลกั ฐานการเรียนรมู้ คี วามสัมพันธ์ สอดคล้องกับ

จดุ ประสงค์การ เรียนร/ู้ กิจกรรมการเรียนรู้

4 วธิ ีการวดั ผล ประเมินผลมีความสัมพันธก์ ับจุดประสงค์

การเรยี นรู้ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ และสมรรถนะท่ี

สําคญั ของผ้เู รยี น

5 เครอ่ื งมือวดั ผล ประเมินผล มีความสัมพันธ์กับจุดประสงค์

การเรยี นรู้ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ และสมรรถนะที่

สาํ คญั ของผู้เรยี น

6 กจิ กรรมการเรียนรู้มีความสัมพันธ์สอดคล้องกบั

จุดประสงค์การเรียนรู้ ทกั ษะ/กระบวนการคุณลกั ษณะอนั

พึงประสงค์ และสมรรถนะสําคญั ของผเู้ รยี น

7 ส่ือ/อปุ กรณ์/แหลง่ เรียนรู้ มีความสมั พนั ธ์สอดคลอ้ งกับ

กจิ กรรมการเรียนรู้

เกณฑก์ ารประเมนิ สอดคล้องของแผนการจดั การเรยี นรู้
ความเหมาะสมของแผนการจัดการเรียนรู้ ความ คา่ ความสอดคล้องตอ้ งมคี ่าตง้ั แต่ 0.50 ขน้ึ ไป

คะแนนระหว่าง 24 – 30 ระดบั คุณภาพ ดี
คะแนนระหว่าง 15 – 23 ระดับคุณภาพ พอใช้
คะแนนระหวา่ ง 1 – 14 ระดับคุณภาพ ต้องปรับปรุง

55

แบบบันทกึ การสงั เกตการจดั กิจกรรมการเรียนร้เู ชงิ รกุ (Active Learning)

โรงเรียน..................................................................................................................... ....................................

ช่อื ผู้สอน........................................................................................................................................................

กลมุ่ สาระการเรียนร้/ู วชิ า..............................................................................ชน้ั ............................................

วนั ที.่ .............................................................................................................เวลา.........................................

1. การสงั เกตการสอน

ประเดน็ การสังเกต การดําเนินการ

ดา้ นการเตรยี มการสอน

1. ออกแบบการเรียนรู้

2. จดั ทําหน่วยการเรียนร/ู้ แผนการจดั การเรยี นรสู้ อดคล้องกับมาตรฐาน/
ตัวช้วี ดั /ผลการเรียนร/ู้ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นร/ู้ การวัดและประเมินผล

3. กาํ หนดเกณฑก์ ารวดั และประเมนิ ผล

4. จัดเตรยี มสอื่ นวตั กรรม วสั ดุ-อปุ กรณ์

ด้านการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้

1. มีกิจกรรมนาํ เขา้ สูบ่ ทเรียนทีน่ า่ สนใจ/กระต้นุ ผเู้ รยี น

2. พฤติกรรมการจดั การเรยี นรู้ เพอ่ื ชว่ ยให้ผู้เรยี นเกดิ การเรียนรู้ หา
ความร/ู้ หาคําตอบด้วยตนเอง คดิ วเิ คราะห์ สังเคราะห์ สร้างสรรค์งาน มี
สว่ นร่วมในการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เชือ่ มโยง กบั ชีวิตจรงิ และนาํ ไป
ประยุกต์ใชไ้ ด้ มอบหมายงานให้เหมาะสม ตามศักยภาพของผเู้ รียน

3. การมอบหมายงานให้นักเรียนสรา้ งผลงาน/ชน้ิ งาน/นวัตกรรม

ด้านสอื่ นวัตกรรมและแหล่งการเรียนรู้

1. การใชส้ อื่ และแหล่งเรยี นรู้

2. นักเรยี นมสี ่วนรว่ มในการใชส้ อื่ และแหลง่ เรยี นรู้

3. การใชส้ ่อื และแหล่งการเรยี นรู้

ดา้ นการวัดและประเมนิ ผล

1. ผู้เรียนมีสว่ นร่วมในการกําหนดเกณฑ์การวดั และประเมนิ ผล

2. มีการวัดและประเมินผลอยา่ งหลากหลาย ครอบคลมุ ตวั ชว้ี ดั / ผลการ
เรยี นร/ู้ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

3. ผเู้ รยี นมีสว่ นรว่ มในการประเมนิ รวมทงั้ ผู้ปกครอง หรือ ผ้เู ก่ียวขอ้ งมี
สว่ นรว่ มในการประเมนิ

4. แจ้งผลการประเมินให้นักเรยี นไดท้ ราบเพื่อการพัฒนา

การสรุปผลการสอน

1. การบนั ทกึ ผลการสอนหลงั จัดกจิ กรรมการเรยี นรู้

2. การบนั ทกึ ความเหน็ ของผ้บู รหิ ารสถานศกึ ษา

2. ข้อค้นพบ/จดุ เดน่ ในการจัดการเรียนรู้

............................................................................................................................. ............................................

....................................................................................... ..................................................................................

56

3. การสะท้อนผลการสอน

ผนู้ เิ ทศสะท้อนผลการสงั เกตการสอนใหก้ บั ครผู สู้ อน/ผู้เกยี่ วข้อง ตามประเด็นทีส่ งั เกตและข้อคน้ พบ

ประเด็นการสังเกตและข้อค้นพบ แนวทางแกไ้ ขปัญหา ผรู้ ับการนิเทศ

ลงชื่อ...........................................ผรู้ บั การนิเทศ ลงชื่อ............................................ครูผูร้ ่วมนิเทศ
(..............................................) (..............................................)

ครู โรงเรียน.................................. ครู โรงเรียน....................................

ลงชื่อ.............................................ผ้นู เิ ทศการสอน
(...............................................)
ตาํ แหน่ง...................................

แบบประเมนิ ผลการดําเนนิ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้เชงิ รุก (Active learning)
คาํ ชี้แจง

1. แบบประเมินนี้ ใช้สําหรบั การนเิ ทศ ตดิ ตาม การจัดการเรียนรู้เชิงรกุ (Active learning) เปน็ แบบ
มาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ และเติมคํา

2. แบบประเมินน้ี เป็นส่วนหนึ่งของเคร่อื งมือเพ่ือการนิเทศ ติดตามการจดั การเรยี นร้เู ชงิ รุก
(Active learning)

3. โปรดทาํ เครื่องหมาย  ในชอ่ งท่ีตรงกบั ความจริง
ตอนที่ 1 ขอ้ มลู ท่ัวไปของผู้ตอบ

1. เพศ [ ] ชาย [ ] หญิง
2. ตําแหนง่ [ ] ผบู้ รหิ ารสถานศึกษา

[ ] ครูผู้สอน [ ] อน่ื ๆ
3. ประสบการณ์การทํางาน (งานบริหาร/ปฏิบตั ิการสอน) ........................ปี
4. กรณีเป็นครผู ูส้ อน

[ ] สอนกล่มุ สาระการเรยี นร/ู้ รายวชิ า..............................................
[ ] การใช้กระบวนการ Active Learning ในการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
[ ] ทกุ คร้งั [ ] เปน็ บางครั้ง
[ ] ไม่เคยใช้ Active Learning ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การดําเนนิ กจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น

57

ตอนที่ 2 ความคดิ เหน็ เก่ียวกบั การจัดการเรียนรูเ้ ชิงรุก (Active learning)

ความคดิ เห็น/ความพงึ พอใจ หมายถึง ความรสู้ ึกเกี่ยวกบั ความเหมาะสม ความชดั เจน ความ มปี ระโยชน์

ของการจดั การเรยี นร้เู ชิงรกุ (Active learning) ตามนโยบายลดเวลาเรยี น เพิ่มเวลารู้ โปรดแสดงความคดิ เห็นที่

ตรงกบั ทา่ นมากทส่ี ดุ

ระดบั ความคดิ เหน็

รายการ มาก มาก ปาน น้อย น้อย
ท่สี ดุ (4) กลาง (2) ทส่ี ุด
(5) (3) (1)

1. การจดั การเรียนรู้เชงิ รุก(Active Learning)ช่วยขบั เคลือ่ นให้นโยบายลดเวลาเรยี นเพิ่ม

เวลารสู้ ําเร็จได้

2. ท่านมีความคดิ เหน็ อยา่ งไรเกี่ยวกับหวั ข้อตอ่ ไปน้ี

2.1 การนาํ นโยบาย Active Learning สหู่ อ้ งเรยี น

2.2 การสง่ เสริมสนบั สนนุ ใหค้ รูจดั กิจกรรมการจัดการเรียนรเู้ ชิงรุก (Active Learning)

ภายในสถานศกึ ษา

2.3 การสร้างความรคู้ วามเข้าในการจดั กิจกรรมการจดั การเรยี นรูเ้ ชิงรุก (Active

Learning) ใหค้ รูผสู้ อน

2.4 การนเิ ทศ ตดิ ตาม ช่วยเหลือครผู สู้ อนในการนาํ การจดั การเรียนรเู้ ชงิ รุก (Active

Learning) ไปจดั การเรียนการสอน

2.5 การสร้างเครือขา่ ย /กิจกรรม PLC เกีย่ วกบั การจัดการเรียนรเู้ ชงิ รกุ (Active

Learning) ในสถานศึกษา

3. ความคดิ เห็นเกย่ี วกับการจดั การเรียนรเู้ ชิงรกุ (Active Learning)

3.1 หลกั การจดั การเรยี นรูเ้ ชิงรกุ ช่วยใหก้ ารสอนของครูมปี ระสทิ ธภิ าพยง่ิ ข้นึ

3.2 การจดั การเรยี นรูเ้ ชงิ รุก ตอบสนองต่อความแตกต่างของผูเ้ รียนรายบคุ คล

3.3 การจดั การเรยี นรู้เชงิ รกุ ทาํ ใหผ้ ู้เรยี นเกิดความกระตอื รอื รน้ ในการเรยี นรู้ มากข้นึ

3.4 การจดั การเรยี นรเู้ ชงิ รุก ส่งเสรมิ การมสี ่วนร่วมและการทาํ งานเปน็ ทีม ของผู้เรยี น

3.5 การจดั การเรยี นรเู้ ชิงรุก ส่งเสรมิ ให้ผูเ้ รยี น ไดใ้ ชก้ ระบวนการคดิ ขั้นสูง

3.6 การจัดการเรยี นรู้เชิงรกุ ทําใหผ้ เู้ รยี นสามารถสรา้ งองค์ความรู้ได้ด้วยตนเอง

3.7 การจัดการเรยี นร้เู ชงิ รกุ ส่งเสริมใหผ้ ู้เรยี นนําความรแู้ ละทักษะต่างๆ ไปประยกุ ต์ใชใ้ น

ชีวติ ประจําวันได้

3.8 การจดั การเรียนรู้เชิงรกุ สรา้ งปฏสิ มั พันธ์ทางการเรยี นระหวา่ งครูและนกั เรียนได้เป็นอย่างดี

3.9 การจดั การเรยี นรูเ้ ชิงรกุ ทาํ ให้นักเรียนมผี ลสัมฤทธ์ิดขี น้ึ

3.10 การจัดการเรยี นรเู้ ชิงรุก ส่งเสรมิ ใหผ้ ู้เรยี นไดป้ ระเมนิ ตนเอง หรอื สะทอ้ น

4. ความพึงพอใจของทา่ นโดยรวมเก่ยี วกับการจัดการเรยี นรเู้ ชิงรกุ (Active Learning)

ตอนท่ี 3 ปญั หาและข้อเสนอแนะเพอ่ื ปรบั ปรงุ และพัฒนาการจดั การเรยี นรู้เชงิ รกุ (Active
learning)

ปญั หา ข้อเสนอแนะเพอื่ ปรับปรุง และพฒั นา

58

แบบบนั ทึกการแลกเปล่ียนเรยี นรู้

กิจกรรม การจดั การเรียนรูเ้ ชิงรุก (Active Learning)

โรงเรยี น..................................................................................................................... ..................................

ช่อื เจา้ ของเร่ือง.............................................................................................................................................

วนั ที่....................................................................................ครั้งท.่ี ...............................

สถานท.่ี .....................................................................................................................

ชอ่ื กลมุ่ (ถ้ามี).....................................................สมาชกิ ท่รี ่วมแลกเปลี่ยนเรยี นรู้ จํานวน...........คน

ประเดน็ การแลกเปล่ยี นเรียนรู้ เกีย่ วกับการจัดการเรียนรู้เชงิ รุก (Active Learning) (ประเดน็ ปญั หา)

1.................................................................................................................................... ...................................

2............................................................................................................................. ..........................................

3..................................................................................... .................................................................................

ฯลฯ

แบบบันทึกการแลกเปล่ยี นเรียนรู้ แบ่งออกเป็น 4 สว่ น ดงั น้ี

1. การวเิ คราะห์ปญั หา

2. การกาํ หนดแนวทางการแก้ปัญหา

3. การปฏิบตั ิ สังเกต และเก็บข้อมลู

4. การสะท้อนความคดิ เหน็

ส่วนที่ จดุ ประสงค์ การบันทกึ

1. การวเิ คราะห์ เพอ่ื วิเคราะหป์ ัญหาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ให้บนั ทึกชอื่ ปัญหา สาเหตุของ ปัญหา

ปัญหา เชิงรุก (Active Learning) สาเหตุของปัญหา ตามทีไ่ ดร้ บั มติจากกลมุ่

และ ผลกระทบท่เี กิดขน้ึ ในห้องเรยี น ก าหนด

ปญั หาหรือ ส่งิ ทีต่ ้องการพฒั นารว่ มกันภายใน

กลมุ่

2. การกําหนด เพอ่ื ร่วมคดิ และวางแผนร่วมกันในการกาํ หนด บนั ทึกแนวทางแก้ปัญหาของกลมุ่ /

แนวทางการ แนว ทางการแก้ปัญหาที่พบจากการจัดการ ระบกุ จิ กรรมวธิ ีการขน้ั ตอน เครื่องมือ

แกป้ ญั หา เรยี นรเู้ ชิงรุก และนาํ ไปปฏิบตั ิจริงในหอ้ งเรียน การแก้ปัญหา

ของตนเอง

3. การปฏิบัติ เพอ่ื ใหค้ รผู ้สู อนบนั ทึกผลจากการสังเกตและ ให้ครูบนั ทึกผลการนําแนวทาง

สงั เกตและเกบ็ การ เก็บข้อมลู ในระหว่างท่ีจัดกจิ กรรมการ แก้ปญั หาที่ไดจ้ ากสว่ นท่ี 2 ไปใช้

ขอ้ มูล เรยี นรเู้ ชงิ รกุ ตามแผนที่วางไว้

4. การสะท้อน เพื่อให้สมาชิกทุกคนในกลุม่ ได้รว่ มพดู คุย ใหบ้ ันทึกสะทอ้ นผลการปฏบิ ตั จิ าก

ความคิดเห็น แลกเปลย่ี นความคิดเห็นและสะทอ้ นผลการ สว่ นที่ 2 และรว่ มแลกเปล่ียน เรยี นรู้

ปฏบิ ัติ เพือ่ หาแนวทางในการพฒั นา แก้ไข ใน ซึง่ กัน

ครัง้ ตอ่ ไป

แบบบนั ทกึ การแลกเปล่ียนเรียนรู้ คร้ังท.่ี .......... 59

การวิเคราะห์ปัญหา การกาํ หนด การปฏบิ ตั ิ สังเกต การสะท้อน
แนวทางแก้ปัญหา และ เกบ็ ข้อมลู ความคิดเหน็

หมายเหตุ รูปแบบการบนั ทกึ กิจกรรมแลกเปลย่ี นเรียนรู้ อาจปรบั เปลี่ยนไดต้ ามความเหมาะสม

60

บรรณานุกรม

กรมวชิ าการ. การพฒั นารปู แบบการจัดการเรียนการสอนกลมุ่ ทกั ษะ(คณติ ศาสตร์) ระดับ
ประถมศึกษา. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพรา้ ว, 2538.

. แนวทางการวดั ผลประเมินผลการเรยี น ตามหลักสตู รการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พทุ ธศักราช
2544 . กรงุ เทพฯ : องค์การรับสง่ สินค้าและพัสดภุ ณั ฑ์, 2545 .
กระทรวงศึกษาธกิ าร . แนวการจัดการเรยี นการสอนในโรงเรยี นมาตรฐานสากล ฉบับปรับปรงุ .
กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนมุ สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย, 2555.
กระทรวงศกึ ษาธิการ. แนวการนิเทศเพ่ือพัฒนาและสง่ เสริมการจดั การเรียนรเู้ ชงิ รุก (Active
Learning). สืบค้นเมอื่ 15 มีนาคม 2565. จาก http://academic.obec.go.th/images
/document/1603180137_d_1.pdf.
ชวลติ ชูกาแพง. การประเมนิ การเรียนรู้. มหาสารคาม : มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม, 2551.
. การวจิ ยั หลักสูตรและการสอน. พมิ พ์ครง้ั ท่ี 2. มหาสารคาม : มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม,
2553.
ดษุ ฎี โยเหลา และคณะ. การศึกษาการจดั การเรยี นรูแ้ บบ PBL ท่ีได้จากโครงการสรา้ งชุดความรูเ้ พ่ือ
สรา้ งเสริมทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ของเดก็ และเยาวชน : จากประสบการณ์ความสาเรจ็ ของ
โรงเรยี นไทย, กรงุ เทพมหานคร : ห้างหุน้ สว่ นจากัดทพิ ย์วิสุทธิ์, 2557.
ทิศนา แขมมณ.ี รูปแบบการเรียนการสอนทางเลือกท่หี ลากหลาย. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย, 2550.
. ศาสตรก์ ารสอน: องค์ความรู้เพือ่ การจดั กระบวนการเรียนรทู้ ีม่ ีประสทิ ธิภาพ.
พมิ พ์ครง้ั ท่ี 16. กรุงเทพฯ: สานกั พิมพ์แห่งจฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย , 2555 .
. ศาสตร์การสอน ; องค์ความร้เู พ่ือการจัดการะบวนการเรยี นรู้ทม่ี ีประสิทธิภาพ.
พิมพ์ครงั้ ท่ี 19, กรงุ เทพมหานคร : สานกั พิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย, 2558.
บุญชม ศรสี ะอาด. การวจิ ยั เบ้อื งตน้ . พิมพ์คร้งั ท่ี 8. กรุงเทพฯ : สวุ รี ิยาสาสน์ , 2553.
พิมพันธ์ เดชะคปุ ต์ และพเยาว์ ยินดีสขุ . การจัดการเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21. พิมพ์ครัง้ ที่2.
กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์แหง่ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั , 2558.
. ทักษะ 5c เพื่อการพฒั นาหนว่ ยการเรยี นรู้และการจดั การเรียนการสอนแบบบรู ณาการ.
กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แหง่ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย, 2551.
ไพศาล สุวรรณน้อย.(2558). การเรยี นร้โู ดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem – Based Learning : PBL)
สืบค้น เมอื่ 15 มนี าคม 2565. จาก https://ph.kku.ac.th/thai/images/file/km/pbl-he-
58-1.pdf
รตั นภัณฑ์ เลิศคาฟู. การใช้วิธีสอบแบบเอสคิวโฟรอ์ าร์ในการสอนอา่ นจบั ใจความสาคัญสาหรบั
นักเรียนชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 5. เชียงใหม่ : มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่ , 2547.
รุจริ ์ ภู่สาระ. การเขียนแผนการจดั การเรยี นรู้. กรงุ เทพฯ : บุ๊ค พอยท์, 2546
วมิ ลรตั น์ สุนทรโรจน.์ นวัตกรรมเพ่ือการเรียนรู้. พมิ พ์คร้ังที่ 1. มหาสารคาม : สานักพิมพ์
มหาวิทยาลยั มหาสารคาม, 2554.
วชั รา เลา่ เรียนด.ี เทคนิควิธกี ารจดั การเรียนรสู้ าหรับครูมืออาชพี . นครปฐม : โรงพิมพ์มหาวทิ ยาลยั
ศลิ ปากร, 2553.

61

วฒั นาพร ระงับทุกข์. การจัดการเรียนการสอนทีเ่ นน้ ผ้เู รยี นเปน็ ศนู ยก์ ลาง. กรงุ เทพฯ: เลิฟแอนดเ์ ลิฟ
เพรส, 2542.
. (2550). ยุทธศาสตร์การพัฒนาคณุ ภาพการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ. วารสารวชิ าการ,
10(2), 3-4.

วิทวัฒน์ ขตั ติยมาน และ อมลวรรณ วีระธรรมโม. การพัฒนาหลักสูตร. สงขลา : เทมการพมิ พ์
สงขลา, 2549.

สคุ นธ์ สนิ ธพานนท์ และคณะ. การจัดกระบวนการเรียนรเู้ น้นผูเ้ รียนเปน็ สาคัญ ตามหลักสตู ร
การศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน. กรุงเทพฯ : อกั ษรเจริญทศั น์ , 2545.

สวุ ิทย์ มลู คา และอรทัย มลู คา. 20 วิธีการจดั การเรยี นรูฯ้ . พมิ พ์ครง้ั ที่ 2. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพ์ภาพ
พิมพ์, 2545.

อาภรณ์ ใจเทยี่ ง. หลักการสอน (ฉบับปรบั ปรุง). กรงุ เทพฯ : โอเดียนสโตร์, 2546.
Bloom, B. S . Human characteristics and school learning.New York : McGraw- Hill Book

Company,1976.
Jacobsen Paul. Eggen; Donald Kauchak; Carole Dulaney Columbus. Methods for

Teaching : A Skills Approach , Ohio: Charles E. Merill Publishing Company,
1981. 296 pp
Myers,R.E. and Fouts, J.T . A cluster analysis of high school science classroom
environments and attitudes toward science. Science Teaching,1995.
Robinson, F.P. Effective study. New York : Harper & Brothers, 1946.

62

ภาคผนวก
- ตัวอย่างแบบฟอร์มแผนการจดั การเรียนรู้
- ตวั อยา่ งแผนการจดั การเรียนรู้เชิงรุก (วชิ าคณติ ศาสตร)์
- ตัวอยา่ งแผนการจัดการเรยี นรเู้ ชิงรกุ (วิชาภาษาไทย)
- ตัวอยา่ งแผนการจดั การเรยี นรู้เชิงรุก (วชิ าภาษาองั กฤษ)

63

ตัวอย่างรูปแบบการเขียนแผนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้
Active Learning รูปแบบ 5Steps

กลมุ่ สาระ…………………………………………………… ชน้ั ……………………………
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่………..เร่ือง……………………….. เวลาท้ังหมด ……… ช่ัวโมง
แผนที่ ……. เรอ่ื ง……………………………………….. สอนครัง้ นี้ ………… ชว่ั โมง
ผสู้ อน……………………………………………………….. โรงเรียน………………………..
สอนวันที่…….เดือน………….. พ.ศ…………….…… เวลา………………………

1. สาระสาคญั
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………….……………………………………..

2. สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชี้วดั
สาระที่ ………………………………………………………………………………………………..………………………………….
มาตรฐาน………………………………………………………………………………………………………………………..………..
………………………………………………………………………………………………………………………..………..
ตัวชว้ี ดั ………………………………………………………………………………………………………………………….………
………………………………………………………………………………………………………………………………….…………
สาระท่ี ………………………………………………………………………………………………………………………………….
มาตรฐาน…………………………………………………………………………………………………………………..…………..
…………………………………………………………………………………………………………………….…………..
ตัวช้วี ดั …………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………

3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ (K,P,A)
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………..………....
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………..………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………..………………

4. สมรรถนะของผเู้ รียน
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……

5. สาระการเรียนรู้
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

64

6. กิจกรรมการเรียนรู้ ( Active Learning : 5 Steps)
ขัน้ ที่ 1 เรยี นรเู้ พ่ือต้งั คาถาม : Q

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ขัน้ ท่ี 2 เรียนรู้เพือ่ แสวงหาสารสนเทศ : Q
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ขั้นท่ี 3 ขน้ั การสรา้ งองค์ความรู้: Q
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….………..

ขั้นท่ี 4 ขน้ั การส่ือสาร : Q
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ขน้ั ที่ 5 ข้นั การตอบแทนสังคม: Q
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

65

7. การวัดผลและประเมนิ ผล วิธวี ัดและประเมินผล เครอ่ื งมอื เกณฑ์
การประเมินผล
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
(ส่ิงท่ตี อ้ งการวดั /ประเมิน)

8. ภาระงาน / ชน้ิ งาน
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

9. ความคิดเห็นของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา
9.1 การประเมินแผนการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้

ท่ี หัวข้อประเมนิ รายละเอียดการประเมิน ผลการประเมนิ
321

1 การเตรยี มการสอน 1.1 มกี ารวางแผนการสอน
1.2 มีการวิเคราะห์ข้อมูลพ้นื ฐานของผู้เรยี น
1.3 มีการวิเคราะหห์ ลักสูตร

2 จุดประสงค์การเรยี นรู้ 2.1 จุดประสงค์สัมพันธ์กบั เนื้อหาสาระ
2.2 วัดจุดประสงคค์ รอบคลมุ 3 ดา้ น

3 กจิ กรรมการเรยี นรู้ 3.1 มกี ิจกรรมทหี่ ลากหลาย
3.2 ผู้เรียนมีสว่ นร่วมในกิจกรรม
3.3 ผู้เรียนไดล้ งมอื ปฏิบัติ

4 ส่อื ฯ /แหล่งเรยี นรู้ 4.1 ส่อื สอดคล้องกบั จุดประสงค์/สาระ/กจิ กรรม
4.2 ผเู้ รยี นมสี ว่ นรว่ มในการผลติ /ใชส้ อ่ื
4.3 เปดิ โอกาสใหผ้ ูเ้ รยี นไดศ้ ึกษาคน้ ควา้ จากแหล่ง
เรียนรู้

5 การวดั และประเมนิ ผล 5.1 การวัดผลสมั พนั ธก์ ับจดุ ประสงค์
5.2 กาหนดวิธีวดั /เครอ่ื งมือ/เกณฑ์ท่ีชดั เจน
5.3 นาผลการวดั ไปพัฒนาการเรยี นรูข้ องผเู้ รยี น

66

9.2 ความคิดเหน็ และขอ้ เสนอแนะของผู้บริหาร (ตรวจสอบ /นเิ ทศ /เสนอแนะ / รบั รอง)
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………….…………………………………………………………………………………………………………

ลงช่อื …………………………………….…………ผบู้ รหิ าร
(…………………………………………………………)

ตาแหน่ง………………………………………………..
วนั ท…่ี …………เดือน…………………………พ.ศ……………..
10. แบบบันทึกหลังสอน
10.1 ผลการเรยี นรู้

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………

10.2 ปญั หาและอปุ สรรค

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

10.3 ขอ้ เสนอแนะ/ แนวทางแก้ไขปัญหา

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………

ลงช่อื ……………………………………………ครผู ูส้ อน
(……………………………………………………….)
ตาแหน่ง…………………………………………
วนั ท…ี่ …………เดือน…………………………พ.ศ……….

(ใสภ่ าคผนวกทา้ ยแผน)

67

ตวั อย่างรปู แบบการเขยี นแผนการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
Active Learning รูปแบบ ……………………………………….

กลมุ่ สาระ…………………………………………………… ช้นั ……………………………
หน่วยการเรยี นรู้ที่………..เรอ่ื ง……………………….. เวลาทง้ั หมด ……… ชั่วโมง
แผนท่ี ……. เรือ่ ง……………………………………….. สอนครั้งนี้ ………… ชว่ั โมง
ผู้สอน……………………………………………………….. โรงเรียน………………………..
สอนวนั ท่ี…….เดือน………….. พ.ศ…………….…… เวลา……………………………

1. สาระสาคัญ
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………….……………………………………..

2. สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ชี้วดั
สาระท่ี ………………………………………………………………………………………………..………………………………….
มาตรฐาน………………………………………………………………………………………………………………………..………..
………………………………………………………………………………………………………………………..………..
ตัวชว้ี ดั ………………………………………………………………………………………………………………………….………
………………………………………………………………………………………………………………………………….…………
สาระที่ ………………………………………………………………………………………………………………………………….
มาตรฐาน…………………………………………………………………………………………………………………..…………..
…………………………………………………………………………………………………………………….…………..
ตัวชี้วัด …………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………

3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ (K,P,A)
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………..………....
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………..………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………..………………

4. สมรรถนะของผ้เู รียน
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……

5. สาระการเรียนรู้
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

68

6. กจิ กรรมการเรียนรู้ (Active Learning)…………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

69

7. การวัดผลและประเมนิ ผล วธิ วี ดั และประเมนิ ผล เครื่องมอื เกณฑ์
การประเมินผล
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
(ส่งิ ท่ีตอ้ งการวดั /ประเมิน)

8. ภาระงาน / ช้นิ งาน
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

9. ความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศกึ ษา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………….

ลงชื่อ…………………………..…………………ผู้บริหาร
(…………………………………………………………)
ตาแหนง่ ………………………………………………..
วนั ท…่ี …………เดือน…………………………พ.ศ……………..

10. แบบบนั ทึกหลังสอน
10.1 ผลการเรียนรู้

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………

70
10.2 ปญั หาและอปุ สรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
10.3 ข้อเสนอแนะ/ แนวทางแก้ไขปัญหา
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………

ลงช่อื ……………………………………………ครผู สู้ อน
(……………………………………………………….)
ตาแหนง่ …………………………………………
วนั ท…่ี …………เดือน…………………………พ.ศ……….

(ใส่ภาคผนวกทา้ ยแผน)

71

ตวั อยา่ งแผนการจดั การเรยี นรู้

รูปแบบการจัดจิกรรมการเรียนรดู้ ้วยกระบวนการเรยี นรู้ 5 ขน้ั ตอน (5 STEPs)

(โดยคุณครูจุไรรตั น์ คำสวสั ดิ์ โรงเรียนสนมศกึ ษำคำร)

แผนการจดั การเรยี นรู้

รำยวชิ ำ คณิตศำสตร์ รหสั วิชำ ค13101

กล่มุ สำระกำรเรียนร้คู ณิตศำสตร์ ช้นั ประถมศึกษำปที ่ี 3

หน่วยกำรเรียนร้ทู ี่ 4 เรอื่ ง รปู เรขำคณติ เวลำเรยี น 10 ชว่ั โมง

แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ 6 เร่ือง กำรประดิษฐ์บตั รอวยพร เวลำเรยี น 1 ชว่ั โมง

1. ผลลัพธก์ ารเรียนรู้

1. มำตรฐำนกำรเรียนรู้/ตวั ช้ีวดั

สำระท่ี 2 กำรวัดและเรขำคณติ

มำตรฐำน ค 2.2 เขำ้ ใจและวิเครำะหร์ ปู เรขำคณิต สมบัตขิ องรปู เรขำคณติ ควำมสมั พนั ธ์

ตัวช้ีวดั : ค 2.2 ป.3/1 ระบุรูปเรขำคณติ สองมติ ทิ ี่มีแกนสมมำตรและจำนวนแกนสมมำตร

2. ผลลัพธ์กำรเรยี นรู้ชว่ งชน้ั

อธิบำยควำมสัมพันธ์ของแบบรูปซ้ำของจำนวน รูปเรขำคณิตและรูปอื่น ๆ และแบบรูปของ

จำนวนนับที่เพ่ิมขึ้น หรอื ลดลงทลี ะเท่ำ ๆ กนั พร้อมให้เหตุผล สร้ำงขอ้ สรปุ และขยำยแนวคดิ เพ่อื สรำ้ งแบบรูป

และรว่ มกันแก้ปัญหำในสถำนกำรณ์ต่ำง ๆ ไดอ้ ยำ่ งหลำกหลำยหรือแตกต่ำงจำกเดมิ

2. สาระสาคญั
สำมำรถนำควำมรเู้ กยี่ วกับรูปทม่ี แี กนสมมำตรมำประดิษฐเ์ ป็นผลงำนต่ำงๆ

3. สาระการเรียนรู้
กำรประยกุ ต์ใช้รปู ทมี่ ีแกนสมมำตรเพื่อประดิษฐ์ผลงำนตำ่ งๆ

4. สมรรถนะประจาหน่วย
กำรประดิษฐ์บัตรอวยพร โดยประยกุ ต์ใช้ควำมรเู้ รอ่ื งแกนสมมำตร

5. สมรรถนะย่อย/งาน
ประดษิ ฐ์บตั รอวยพรงำนวนั เกิดของเพ่ือนๆ และบคุ คลในครอบครวั

6. จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. ดำ้ นควำมรู้ (K)
นกั เรียนสำมำรถเช่ือมโยงควำมร้เู ก่ยี วกับแกนสมมำตร ในกำรประดิษฐ์บตั รอวยพรได้
2. ดำ้ นทักษะ/กระบวนกำร/สมรรถนะ (P)
2.1 นกั เรยี นมีสมรรถนะกำรคดิ ขั้นสงู
2.2 นกั เรยี นมีสมรรถนะกำรสือ่ สำร
2.3 นกั เรียนมีสมรรถนะกำรรวมพลงั ทำงำนเปน็ ทมี
2.4 นกั เรยี นมีสมรรถนะกำรอยรู่ ว่ มกบั ธรรมชำตแิ ละวทิ ยำกำรอยำ่ งย่ังยนื
3. ด้ำนเจตคติ/คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A)
3.1 นกั เรยี นใฝเ่ รียนรู้
3.2 นกั เรยี นม่งุ มน่ั ในกำรทำงำน

72

7. กจิ กรรมการจดั การเรียนรู้

•ข้ัน•กา•รเ•รยี •นร•ูต้ ้ัง•คา•ถา•ม (•Le•ar•nin• g•to• Question)

1. ครูแจ้งเร่อื งทต่ี อ้ งกำรให้นักเรียนเรยี นรู้ เรื่อง กำรประยุกต์ใชร้ ูปทมี่ ีแกนสมมำตร (2)
2. ครูแจ้งจดุ ประสงค์กำรเรยี นร้ใู ห้นกั เรยี นทรำบ
3. ครูและนักเรียนร่วมกันทบทวนบทเรียน เร่ือง กำรประยุกต์ใช้รูปท่ีมีแกนสมมำตร (2) ว่ำเรำ
สำมำรถนำควำมรู้เกี่ยวกับรูปที่มีแกนสมมำตรมำประดิษฐ์เป็นผลงำนต่ำงๆ โดยกำรพับ วำดและตัดกระดำษตำมที่
ออกแบบ เม่อื คล่กี ระดำษออกมำก็จะได้ผลงำนท่เี กดิ จำกแกนสมมำตร
4. ครถู อื พวงมะโหตรมำใหน้ ักเรียนสงั เกต แลว้ ใช้คำถำมกระตุ้นควำมคดิ ดังนี้

- นกั เรยี นรจู้ ักหรอื เคยเห็นส่งิ นี้หรอื ไม่ มชี อ่ื เรยี กวำ่ อะไร (แนวคำตอบ : พวงมะโหตร)
- ถำ้ เคยเห็นเคยเหน็ ทไี่ หน (แนวคำตอบ : หนำ้ อำคำรเขียว-เหลือง)
- รูไ้ หมใครทำพวงมะโหตรทต่ี ดิ ไวห้ นำ้ อำคำรเหลอื งเขยี ว (แนวคำตอบ : คุณครพู งษ์พัฒน์
โด้คำ โรงเรียนสนมศึกษำคำร ได้จัดกจิ กรรมให้นักเรียนชัน้ ประถมศึกษำปีท่ี 4-6)
- รู้ไหมทำไมคุณครูพงษ์พัฒน์ โด้คำ ถึงพำพ่ีๆ ป.4-6 ประดิษฐ์พวงมะโหตร (แนว
คำตอบ : ประดิษฐ์พวงมะโหตรเพื่อประดับอำคำรเรียนและใช้ร่วมงำนบุญประเพณีท้องถิ่นเพื่อสืบสำน
วฒั นธรรมท้องถิน่ บ้ำนเรำ)
- อยำกรู้ไหมคะว่ำทำอย่ำงไร (แนวคำตอบ : นำกระดำษรูปสี่เหล่ียมจัตุรัสมำพับให้เป็น
แกนสมมำตร แลว้ ตัดตำมท่ีต้องกำรจะได้พวงมะโหตรทีส่ วยงำม)
- นอกจำกพวงมะโหตรท่ีเกิดจำกกำรพับกระดำษให้เป็นแกนสมมำตรแล้ว มีอย่ำงอ่ืนอีก
ไหมที่ใช้แกนสมมำตรในกำรทำหรือประดิษฐ์ (แนวคำตอบ : กำร์อวยพรต่ำงๆ หรือกำรตัดดอกไม้ ใบไม้
ตกแต่งหอ้ งเรียน)
- นักเรียนอยำกทำในสิ่งท่ีกล่ำวมำข้ำงต้นไหม ก่อนจะไปทำเรำมำขยับกำยขยำยสมองกัน
ก่อนดว้ ยเพลง Chicken Dance
5. นกั เรยี นขยับกำยขยำยสมอง ด้วยเพลง Chicken Dance

•ข(Gนั้•aกt•าhรeเ•รriียn•นgร)•้เู พ•่ือแ•สว•งห•าส•าร•สน•เท•ศ•(L•ea•rni•ng to Search)
• •6. นักเรยี นแบง่ กลุ่มออกเป็น 3 กลุม่ (คละตำมควำมสำมำรถเก่ง ปำนกลำง ออ่ น)

7. ครูแจ้งอุปกรณท์ ี่จะใช้จัดกจิ กรรม “กำรประดษิ ฐบ์ ัตรอวยพร” จำกนั้นให้ตวั แทนนักเรียนแต่ละ
กลมุ่ รบั อุปกรณท์ จี่ ะใชใ้ นกำรทำกจิ กรรม

8. ครูแจ้งภำระงำน ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มสืบค้นข้อมูล ศึกษำบัตรอวยพรท่ีเกิดจำกรูปท่ีมีแกน
สมมำตร ตำมควำมสนใจของนักเรียนแต่ละกลุ่ม โดยสำมำรถสืบค้นจำกส่ืออินเทอร์เน็ต แล้วให้แต่ละกลุ่ม
เขียนชื่อรูปท่ีสืบค้นได้บันทึกลงในกระดำษใบงำน เพื่อเป็นตัวอย่ำงในกำรจัดทำช้ินงำน (แนวคำตอบ : รูป
หัวใจ รูปผีเสื้อ รูปต้นไม้ รูปดอกไม้ รูปใบไม้ รูปว่ำว ฯลฯ) จำกนั้นให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอรูปบัตร
อวยพรทไ่ี ดส้ บื ค้นมำ

กิจกรรมน้ีสร้ำงเสริมทกั ษะศตวรรษท่ี 21 ด้ำนกำรร่วมมือทำงำนเปน็ ทมี

73

•ขน้ั• ก•าร•เรีย•นร•เู้ พ•อ่ื ส•ร้า•งอ•งค•ค์ ว•าม•รู้ •(Le• ar•ni•ng• t•o C• o•nst•ru•ct•)

9. ครูให้นักเรียนแต่ละคนทำกิจกรรม “ประดิษฐ์บัตรอวยพร” จำกรูปท่ีมีแกนสมมำตรตำม
ควำมคดิ สร้ำงสรรค์ของตนเองและตกแต่งให้สวยงำม คนละ 1 บัตร

10. นกั เรยี นรว่ มกันสรุปสง่ิ ท่ีเข้ำใจเปน็ ควำมร้รู ่วมกนั ดงั นี้
สำมำรถนำควำมรู้เก่ียวกับรูปท่ีมีแกนสมมำตรกับกำรตัดกระดำษ มำประดิษฐ์เป็นผลงำนต่ำงๆ ได้
ดงั เช่น บัตรอวยพรวันวันเกดิ เพ่อื นและบคุ คลในครอบครวั

• ข•้ันก•าร•เรยี•น•ร้เู พ•อ่ื ก• าร•สอื่• ส•าร•(L•ea•rn•ing• to• •Co•m•mu• ni•ca•te•) • •
•11•. นักเรียนนำเสนอผลงำนของตนเอง จำกน้ันให้นักเรียนนำผลงำนมำติดท่ีบอร์ดผลงำนนักเรียน

ถำ้ มีผลงำนที่นำ่ สนใจครใู หเ้ จำ้ ของผลงำนนำเสนอวิธีกำรพับ วำดและตัดกระดำษตำมรอยวำดนัน้

• ข•้นั ก•าร•เร•ยี น•นร•ู้เพ•่อื ต•อบ•แท• น•สัง•คม• (L•ea•rn•in•g •to•Se•rv•e)• • • • • • •
•12•. น•ักเ•รียนนำควำมรู้ไปช่วยสอนเพ่ือนท่ียังไม่เข้ำใจเกี่ยวกับกำรประยุกต์ใช้รูปท่ีมีแกนสมมำตรให้

เกดิ ควำมเขำ้ ใจยง่ิ ขน้ึ และนำผลงำนเผยแพรใ่ น TikToK หรือ Facebook
11. นักเรียนประเมินตนเองและประเมินเพอ่ื นหลงั กำรเรยี น

8. ส่อื การเรยี นรู้
1. หนังสอื เรียนคณติ ศำสตร์ ป.3
2. โปรแกรมนำเสนองำน PowerPoint
3. คอมพิวเตอร์
4. กระดำษสีส่ีเหลย่ี มดำ้ นเท่ำ
5. ใบงำน
6. กรรไกร
7. กำว
8. ดินสอ
9. ดินสอสี
10. โทรศพั ท์

74

9. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้

จดุ ประสงค์การเรียนรู้ วิธีวัด เครอ่ื งมือวัด เกณฑ์การประเมนิ
ผลงำนรูปท่ีมีแกน 60% ข้นึ ไป ถอื วำ่
1. นักเรียนสำมำรถเชื่อมโยงควำมรู้เก่ียวกบั ตรวจผลงำนรูปที่มี สมมำตรกบั กำรตดั ผ่ำนเกณฑ์กำร
กระดำษ ประเมิน
แกนสมมำตรในกำรประดิษฐ์บัตรอวยพรได้ แกนสมมำตรกับ แบบสงั เกต ระดับสำมำรถ (ด)ี
พฤติกรรมดำ้ น ข้นึ ไป ถือว่ำผำ่ น
(K) กำรตดั กระดำษ สมรรถนะ เกณฑ์กำรประเมนิ

2. ดำ้ นทกั ษะ/กระบวนกำร/สมรรถนะ (P) สังเกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต 60% ข้ึนไป ถอื ว่ำ
พฤติกรรมดำ้ น ผ่ำนเกณฑ์กำร
2.1 นักเรยี นมีสมรรถนะกำรคิดข้ันสงู ดำ้ นสมรรถนะของ คุณลักษณะ ประเมนิ
ทพ่ี งึ ประสงค์
2.2 นกั เรียนมีสมรรถนะกำรส่อื สำร ผู้เรยี น

2.3 นักเรยี นมีสมรรถนะกำรรวมพลงั

ทำงำนเป็นทีม

2.4 นักเรียนมีสมรรถนะกำรอย่รู ว่ มกับ

ธรรมชำติและวิทยำกำรอย่ำงยงั่ ยืน

3. ด้ำนคุณลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ (A) สังเกตพฤตกิ รรม

3.1 นักเรยี นใฝ่เรียนรู้ ดำ้ นคุณลักษณะที่

3.2 นกั เรยี นม่งุ ม่ันในกำรทำงำน พงึ ประสงค์

ข้อเสนอแนะของผู้บริหารสถานศกึ ษา

ผลกำรตรวจแผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ เป็นแผนกำรจัดกิจกรรมท่ีเน้นเน้นผูเ้ รียนเปน็ สำคญั เปิดโอกำส
ใหผ้ ้เู รียนไดม้ สี ว่ นรว่ มในกำรเรียนรู้ นกั เรยี นเกิดสมรรถนะและทกั ษะท่ีจำเป็น มีกำรวัดประเมินผลตำม
จุดประสงค์ อนุมัติใหใ้ ช้แผนกำรจัดกำรเรียนรนู้ ี้ได้

ลงชอื่ .................................................ผู้บริหำร

(………………………………………………..)

บันทกึ ผลหลงั การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้

นักเรยี นช้ันประถมศึกษาปที ี่ 3
1. เวลำในกำรสอน

 ตรงตำมแผน นอ้ ยกว่ำแผน มำกกว่ำแผน

2. กำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรแู้ ตล่ ะกิจกรรม
2.1 ด้ำนควำมรู้ (K)
ผลกำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้ นกั เรยี นสำมำรถสำมำรถเชอ่ื มโยงควำมรเู้ กี่ยวกับแกนสมมำตร ใน

กำรประดิษฐ์บตั รอวยพรได้ คิดเป็นร้อยละ 89.23
2.2 ดำ้ นทักษะ/กระบวนกำร/สมรรถนะ (P)
นักเรียนมคี วำมสำมำรถในกำรคิดขั้นสงู กำรสอ่ื สำร กำรรวมพลังทำงำนเป็นทีม และกำรอยู่

รว่ มกับธรรมชำติและวทิ ยำกำรอย่ำงย่งั ยืนคิดเปน็ ร้อยละ 92.79

75

2.3 ด้ำนคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
นักเรียนใฝเ่ รยี นรู้ และมีควำมม่งุ มน่ั ในกำรทำงำน คิดเปน็ รอ้ ยละ 96.79
3. กำรใช้ส่ือ/แหล่งเรยี นรู้
 ตรงตำมแผน
ไม่ตรงตำมแผน เพรำะ............................................................................................................
4. กำรวดั และประเมินผล
 ตรงตำมแผน
ไมต่ รงตำมแผน เพรำะ............................................................................................................

5. ปัญหำ / อุปสรรค
............................................................................................................................................................

6. แนวทำงแก้ไข
............................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ผ้สู อน
.................................................

ตำแหนง่ ........................................................

76

ตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้

รูปแบบการจัดจิกรรมการเรยี นรู้ด้วยกระบวนการเรียนรู้ 5 ข้นั ตอน (5 STEPs)

(โดยคุณครูเสกสรร ถือกลา้ โรงเรียนบ้านโนนเปือย)

กล่มุ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย (ท ๑๖๑๐๑ ) ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๖

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๑๒ เร่ือง สุภาษิตสอนหญงิ เวลาท้ังหมด ๔ ช่ัวโมง

แผนที่ ๑ เรอื่ ง คุณค่าของสตรี สอนครง้ั น้ี ๒ ชั่วโมง

สอนวันที่…….เดือน………….. พ.ศ……… เวลา………………………

๑. สาระสาคัญ
“คุณคา่ ของสตรี” เปน็ สภุ าษติ สอนหญิงที่ใหค้ ตเิ ตอื นใจ และแนวทางในการประพฤติ

ปฏบิ ัติตนแก่สตรีด้านการแต่งกาย การรกั นวลสงวนตวั ของสตรี ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั คา่ นยิ มและ
ขนบธรรมเนยี มประเพณีอนั ดีงามของไทยต้งั แต่อดตี จนถงึ ปัจจบุ นั
๒. สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชี้วดั

สาระท่ี ๑ การอ่าน
มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคดิ เพื่อนาไปใชต้ ดั สินใจ แกป้ ญั หา

ในการดาเนนิ ชีวติ และมีนิสัยรักการอา่ น
ป. ๖/๑ อา่ นออกเสยี ง (P) บทร้อยแก้วและบทร้อยกรอง (K) ได้ถูกตอ้ ง
ป. ๖/๕ อธิบาย (P) การนาความรูแ้ ละความคิดจากเรื่องทีอ่ า่ นไปตดั สนิ ใจ

แก้ปัญหา (P) ในการดาเนินชีวิต
สาระท่ี ๒ การเขยี น

มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนส่ือสาร เขียนเรียงความ ย่อความ
และเขียนเรอ่ื งราวในรูปแบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและ
รายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ

ป.๖/๓ เขียนแผนภาพโครงเร่อื งและแผนภาพความคิด (P) เพอื่ ใช้พัฒนางานเขียน
สาระท่ี ๓ ฟงั ดู พูด

มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด
และความรสู้ ึกในโอกาสต่างๆ อย่างมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์

ป.๖/๔ พูดรายงานเรอ่ื งหรือประเดนที่ศึกษาค้นคว้าจากการฟัง การดู และ
การสนทนา

สาระที่ ๕ วรรณคดแี ละวรรณกรรม
มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเหน วจิ ารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมไทยอยา่ ง

เหนคณุ ค่าและนามาประยุกตใ์ ช้ในชีวติ จริง
ป. ๖/๑ แสดงความคดิ เหนจากวรรณคดีหรือวรรณกรรมที่อ่าน
ป. ๖/๓ อธิบายคณุ ค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่านและนาไปประยกุ ต์ใชใ้ นชีวิตจริง
๓.จุดประสงค์การเรยี นรู้
๑) นักเรียนสามารถอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทรอ้ ยกรองได้ถูกต้อง (P)
๒) นักเรยี น วิเคราะห์ แสดงความคดิ เหน อภปิ ราย อธบิ ายคณุ ค่าของสตรี จากสภุ าษิต
สอนหญิงได้ (K / A)
๓) นักเรียนปฏบิ ตั ิตามคาแนะนาของการรักษาคณุ ค่าของสตรีได้ (A)

77

๔) นกั เรยี นสามารถเขียนแผนภาพความคิดจากสุภาษติ สอนหญงิ เรื่องคุณคา่ ของสตรีได้
( P/ A)

๕) นักเรยี นสามารถพดู รายงานหน้าช้นั เรยี นและแสดงบทบาทสมมุติได้ถกู ต้องเหมาะสม (K)
๔. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

๑) ความใฝเ่ รยี นรู้
๒) ความมีวนิ ัยในตนเอง
๓) ความสามคั คี
๕. สมรรถนะของผู้เรยี น
๑) ความสามารถในการสือ่ สาร

 ทักษะการอา่ น

 ทกั ษะการเขียน

 ทักษะการฟัง การดู และการพูด
๒) ความสามารถในการคดิ

 การให้เหตุผล

 การจดั ระบบความคดิ เป็นแผนภาพ

 การสรุปความรู้

 การประเมนิ คา่
๖. สาระการเรียนรู้
สุภาษิตสอนหญงิ : คุณคา่ ของสตรี ดา้ นการแตง่ กาย และการปฏิบัตติ นท่บี ่งบอกถึงการรักนวลสงวนตัว
๗. กิจกรรมการเรยี นรู้ ( Active Learning : ๕ Steps)

ข้นั ที่ ๑ เรยี นรเู้ พอ่ื ต้ังคาถาม : Q (ชั่วโมงท่ี ๑ )
๑) นักเรียนและครรู ้องเพลง “ตบตกั ตบมอื ตบไหล่””
พรอ้ มทาทา่ ประกอบเพลงเพ่ือเตรียมความพร้อม
๒) นกั เรียนทดสอบก่อนเรยี น เรอ่ื ง สุภาษติ สอนหญงิ จานวน ๑๐ ขอ้
เพือ่ ตรวจสอบความรูเ้ ดิม
๓) นกั เรยี นชมภาพข่าวและคลิปข่าว และต้ังประเดนคาถาม
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_6814503
- บุคคลในคลิปหรอื ภาพขา่ วนีเ้ ป็นใคร มีอาชีพอะไร
- เกิดอะไรขน้ึ กับบุคคลในขา่ ว เพราะอะไรจงึ เกดิ ขา่ วนขี้ ้ึน
- เหตุการณใ์ นภาพข่าวหรอื คลิปดังกล่าวเกิดทไี่ หน
- ขา่ วดงั กล่าวเกิดขึ้นเมื่อไหร่
- ผลของการกระทาของบุคคลดงั กลา่ วเป็นอย่างไร
- ขอ้ คดิ ทไ่ี ดจ้ ากภาพข่าวหรอื คลิบดังกล่าวคืออะไรบ้าง เป็นต้น

ขั้นท่ี ๒ เรียนรู้เพอ่ื แสวงหาสารสนเทศ
๑) นกั เรียนแบง่ กลุ่มเปน็ ๒ กลมุ่ กล่มุ ละ ๕ คน โดยคละความสามารถ เกง่ ปาน
กลางและอ่อน จากน้ันตั้งช่อื กลมุ่ และเลือกประธาน รองประธาน เลขานุการ
๒) นกั เรยี นแต่ละกลุม่ รบั ใบงานท่ี ๑ เรอ่ื ง การอ่านบทร้อยแกว้ และบทร้อยกรอง

78

สภุ าษติ สอนหญงิ เรอ่ื ง คณุ ค่าของสตรี จากน้นั อา่ นออกเสียงร้อยแกว้ และอ่าน
ออกเสยี ง บทร้อยกรองพร้อมกัน ๑ รอบ แล้วร่วมกนั แสดงความคดิ เหนและข้อคิด
จากสุภาษิตสอนหญงิ ทีอ่ ่านน้ัน และชว่ ยกันบนั ทกึ ข้อความทีเ่ ป็นคาสอน (จปส.๑)
ขั้นที่ ๓ ขนั้ การสรา้ งองคค์ วามรู้
๑) นักเรียนรว่ มกันแสดงความคิดเหน อภปิ รายข้อมูลเกยี่ วกับสุภาษิตสอนหญิง
ท่อี ่านน้นั จากเรอ่ื งท่ีนักเรียนอ่านวา่ สอนเร่ืองใดบ้าง มีคาใดทเี่ กี่ยวข้องกับการ
แต่งกาย ฯลฯนักเรยี นแบ่งกลุม่ คาสอนที่ได้จากสุภาษิต (จปส.๒)
๒) นักเรยี นแต่ละกลุ่มสรุปเป็นองคค์ วามรไู้ ด้จากบทร้อยกรอง แต่ละเรอ่ื งจากนน้ั เปน็
แผนภาพความคิดโดยออกแบบให้สวยงามและเหมาะสมลงในกระดาษ A๔ และนา
ขอ้ คิดทไ่ี ดจ้ ากการสรุปความรู้นั้นไปแสดงบทบาทสมมุติประกอบการนาเสนอ (จปส.
๓ , ๔)
ข้ันท่ี ๔ ขน้ั การสื่อสาร ( ชว่ั โมงที่ ๒ )
๑)นักเรียนแตล่ ะกลุ่มออกมานาเสนอออกมานาเสนอผลงานหนา้ ชั้นเรยี นอย่าง
อสิ ระและสร้างสรรค์ ใชเ้ ทคโนโลยปี ระกอบการนาเสนอตามความเหมาะสม
มกี ารแสดงบทบาทสมมุติ โดยใชภ้ าษาที่ถูกต้อง ชัดเจน และเปน็ ทเ่ี ขา้ ใจ ใหค้ รู
และเพ่ือนดู (จปส.๔,๕)
๒)นกั เรยี นแต่ละกลุ่มร่วมแสดงความคดิ เหนต่อการนาเสนอของเพ่ือนแต่ละกลุ่ม
อย่างสรา้ งสรรค์ (จปส.๒)
๓)ครชู มเชย เสนอแนะ และให้กาลงั ใจนกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ เพื่อเปน็ แนวทางการพัฒนา
ต่อไป จากน้นั ครนู าข้อมลู ทไี่ ด้มาสรปุ เปน็ แผนภาพความคดิ ลงบนกระดาน พร้อมท้งั อธบิ าย
เพม่ิ เตมิ จนทกุ คนมแี นวทางปฏบิ ตั ิท่ดี งี ามและเขา้ ใจมากขน้ึ
ขนั้ ที่ ๕ ขน้ั การตอบแทนสงั คม
๑) ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรุปข้อคิดท่ีได้จากสภุ าษิตสอนหญิง เร่ือง คณุ คา่ ของ
สตรีโดยตง้ั คาถามดงั นี้ (จปส.๓ , ๔)

 คาสอนในสภุ าษติ สอนหญิงหรอื คุณคา่ ของสตรสี ามารถนามาเปน็ หลกั
ปฏบิ ตั ใิ นสมยั ปจั จบุ นั ได้หรือไม่ อย่างไร แตกต่างจากการปฏิบตั ขิ อง
สตรใี นปจั จบุ ันอย่างไร ยกตวั อย่างประกอบ”

 การนาความรเู้ ร่ืองคุณคา่ ของสตรใี นสุภาษติ สอนหญงิ มาใชใ้ นการดาเนนิ
ชีวติ กอ่ ใหเ้ กดิ ผลดีอย่างไร

๒) นักเรยี นนาข้อคดิ จากเรื่องไปเผยแพร่ในเสียงตามสาย หน้าเสาธง
เพ่อื ก่อให้เกดิ ประโยชน์ตอ่ ส่วนรวม

79

๘. การวัดผลและประเมินผล

จดุ ประสงค์การเรียนรู้ วิธวี ดั และประเมนิ ผล เครื่องมอื เกณฑ์
(สง่ิ ทต่ี ้องการวัด/ประเมนิ ) การประเมินผล

๑.อา่ นออกเสียงบทร้อยแก้ว ๑) สงั เกตการอา่ นออก ๑) แบบสงั เกตการอา่ น ผา่ นเกณฑ์

และบทร้อยกรองไดถ้ กู ต้อง(P) เสียง ออกเสียงรอ้ ยแก้วและร้อยกรอง ไดร้ ้อยละ ๘๐

ร้อยแก้วและรอ้ ยกรอง ขน้ึ ไป

๒) นักเรยี น วิเคราะห์ แสดง ๒) สงั เกตการวิเคราะห์ ๒) แบบสังเกตการวเิ คราะห์ ผ่านเกณฑ์

ความคิดเหน อภปิ ราย แสดงความคิดเหน อภปิ รายแสดงความคดิ เหน อภปิ ราย ได้ร้อยละ ๘๐
อธิบายคณุ ค่าของสตรี จาก เกีย่ วกบั สุภาษิตสอนหญิง เก่ียวกบั สุภาษิตสอนหญิงเรื่อง ขน้ึ ไป
สภุ าษติ สอนหญงิ ได้ (K/A) เรือ่ ง คุณค่าของสตรี คุณค่าของสตรี

๓) นักเรยี นปฏิบัติตาม ๓) สงั เกตการปฏบิ ัติตน ๓) แบบสังเกตการปฏิบัติตน ผ่านเกณฑ์
คาแนะนาของการรักษา ของนักเรยี นตามคา ของนักเรียนตามคาแนะนา ไดร้ อ้ ยละ ๘๐
คุณคา่ ของสตรีได้ (A) แนะนา ขน้ึ ไป

๔) ) นักเรยี นสามารถเขียน ๔) ตรวจผลงานการเขยี น ๔) แบบบนั ทกึ คะแนนการตรวจ ผา่ นเกณฑ์
แผนภาพความคิดจากสภุ าษิต
สอนหญิง เร่อื งคณุ คา่ ของสตรี แผนภาพความคิดของ ผลงานการเขียนแผนภาพความคดิได้รอ้ ยละ ๘๐
ได้ ( P/ A)
นักเรยี นแต่ละกลุ่ม ของนักเรียนแต่ละกลมุ่ ขน้ึ ไป

๕. นักเรียนสามารถพูด ๕) สงั เกตการพูดรายงานห๕น้า) แบบสงั เกตการพดู รายงานหนา้ ผ่านเกณฑ์
รายงานหนา้ ชน้ั เรียนและ ชนั้ เรยี นและการแสดง ชนั้ เรียนและการแสดงบทบาท ไดร้ ้อยละ ๘๐
แสดงบทบาทสมมตุ ิได้ถูกตอ้ ง บทบาทสมมุติของแต่ สมมุตขิ องนกั เรียนของแต่ละกลุ่ม ขน้ึ ไป
เหมาะสม(K) ละกลมุ่

๙. ภาระงาน / ชิ้นงาน
๑. แผนภาพความคิดคาสอนจากสภุ าษิตสอนหญงิ : คุณคา่ ของสตรี

๑๐. ความคดิ เห็นของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา
๑๐.๑ การประเมนิ แผนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้

ที่ หวั ข้อประเมนิ รายละเอียดการประเมนิ ผลการประเมนิ
๓๒๑

๑ การเตรยี มการสอน ๑.๑ มีการวางแผนการสอน
๑.๒ มกี ารวเิ คราะหข์ ้อมูลพื้นฐานของผ้เู รยี น
๑.๓ มกี ารวิเคราะห์หลักสูตร

๒ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ จดุ ประสงคส์ ัมพันธก์ ับเน้ือหาสาระ
๒.๒ วดั จุดประสงคค์ รอบคลุม ๓ ดา้ น

๓ กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๓.๑ มีกิจกรรมทีห่ ลากหลาย

80

๑๐. ความคิดเหน็ ของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา
๑๐.๑ การประเมินแผนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้

ที่ หวั ข้อประเมิน รายละเอียดการประเมิน ผลการประเมนิ

๓๒๑

๓.๒ ผู้เรยี นมีส่วนร่วมในกิจกรรม

๓.๓ มีการใชท้ ักษะการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขยี น

๔ สือ่ ฯ /แหลง่ เรียนรู้ ๔.๑ สื่อสอดคล้องกบั จุดประสงค/์ สาระ/กจิ กรรม

๔.๒ ผเู้ รยี นมสี ่วนรว่ มในการผลติ / ใชส้ ือ่

๔.๓ เปดิ โอกาสใหผ้ ูเ้ รียนไดศ้ ึกษาค้นควา้ จากแหล่ง

เรียนรู้

๕ การวดั และประเมนิ ผล ๕.๑ มีการทดสอบก่อน –หลังเรียนประจาหน่วย

๕.๒ การวัดผลสัมพันธก์ บั จดุ ประสงค์

๕.๓ กาหนดวิธวี ัด /เคร่อื งมือ/เกณฑ์ที่ชัดเจน

๕.๔ นาผลการวดั ไปพัฒนาการเรยี นรูข้ องผู้เรยี น

๑๐.๒ ความคดิ เห็นและขอ้ เสนอแนะของผบู้ ริหาร (ตรวจสอบ /นเิ ทศ /เสนอแนะ / รบั รอง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

(ลงชอื่ )………………………………ผ้บู รหิ าร
ผูอ้ านวยการโรงเรียน................................
วนั ที่……………เดอื น…………………………พ.ศ……….

๑๑. แบบบนั ทึกหลังสอน
๑.ผลการเรียนรู้

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

๒.ปญั หาและอปุ สรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

๓. ขอ้ เสนอแนะ/ แนวทางแก้ไขปัญหา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

(ลงชือ่ )………………………………ครผู สู้ อน
(.................................................)

วันท่ี……………เดอื น…………………………พ.ศ……….

81

ตัวอยา่ งแผนการจดั การเรียนรู้
รูปแบบการจัดจิกรรมการเรยี นรู้การสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร 2W3P

(โดยคุณครบู ญุ เกดิ เหลามี โรงเรียนบ้านหนองบัวน้อย)
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1

กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 ภาคเรยี นท่ี 2
รายวิชา ภาษาอังกฤษพืน้ ฐาน รหัสวชิ า อ16101 เวลา 4 ชว่ั โมง
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 6 เร่ือง Happy Day เวลา 1 ชว่ั โมง
เร่ือง Christmas Day

สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
การเรยี นรู้เก่ยี วกบั วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา ทาใหผ้ ูเ้ รียนสามารถเข้าใจและเรียนรูภ้ าษาได้อยา่ ง

ลกึ ซงึ้ มากขน้ึ และนาไปใช้ได้อย่างเหมาะสม ซึ่งจะช่วยพฒั นาผเู้ รียน ให้มคี วามเข้าใจตนเอง และผู้อนื่ ดขี ึน้ รวมทั้ง
เรยี นร้แู ละเข้าใจความแตกต่างของภาษาและวฒั นธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี การคิด สงั คม ตลอดจนมเี จตคติ
ดตี ่อการใชภ้ าษาตา่ งประเทศ เพ่อื การส่ือสารได้
มาตรฐานการเรียนรู้

มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตคี วามเรื่องท่ีฟังและอา่ นจากส่อื ประเภทต่างๆ และแสดงความ
คดิ เหน็ อย่างมีเหตผุ ล

มาตรฐาน ต 2.1 เขา้ ใจความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งภาษากบั วฒั นธรรมของเจ้าของภาษาและนาไปใช้ ได้
อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ

มาตรฐาน ต 2.2 เขา้ ใจความเหมือนและความแตกต่างระหวา่ งภาษาและวฒั นธรรมของเจา้ ของ
ภาษากบั ภาษาและวฒั นธรรมไทยและนามาใช้อยา่ งถูกต้องและเหมาะสม

มาตรฐาน ต 3.1 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในการเชอื่ มโยงความรู้กับกลุ่มสาระการเรยี นรู้อืน่ และเป็น
พ้นื ฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิดโลกทัศนข์ องตน

มาตรฐาน ต 4.1 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในสถานการณ์ตา่ งๆ ทั้งในสถานศึกษา ชุมชน และสงั คม
มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาตา่ งประเทศเปน็ เครอื่ งมือพนื้ ฐานในการศึกษาต่อการประกอบอาชพี
และการแลกเปล่ยี นเรียนรู้กบั สงั คมโลก
ตวั ชว้ี ดั
ต 1.1 ป.5/3 เลือกภาพตรงตามความหมายของคาและกลุ่มคาท่ีฟงั
ต 1.1 ป.5/4 ตอบคาถามจากการฟังเรื่องใกลต้ ัว
ต 2.1 ป.5/1 ใชถ้ ้อยคา น้าเสียงและกิริยาท่าทางอยา่ งสุภาพตามมารยาทสงั คมและวฒั นธรรม
ของเจ้าของภาษา
ต 2.1 ป.5/2 ตอบคาถาม/บอกความสาคัญของเทศกาล/วนั สาคัญ/งานฉลองและชีวติ ความ
เปน็ อยู่งา่ ย ๆ ของเจ้าของภาษา
ต 2.1 ป.5/3 เข้ารว่ มกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมตามความสนใจ
ต 2.2 ป.5/2 บอกความเหมือน/ความแตกต่างระหวา่ งเทศกาลและงานฉลองของเจ้าของภาษา
กับของไทย

82

ต 3.1 ป.5/1 คน้ ควา้ รวบรวมคาศพั ทท์ เ่ี ก่ียวข้องกับกลมุ่ สาระการเรยี นรอู้ ่ืน และนาเสนอดว้ ย
การพูดการเขียน

ต 4.1 ป.5/1 ฟงั พูด และอ่าน/เขยี นในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในหอ้ งเรยี นและสถานศึกษา
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. อ่านออกเสียง สะกดคาและบอกความหมายคาศัพท์เก่ียวกบั เทศกาลวันคริสตม์ าสได้
2. ปฏิบัตติ ามคาส่ังได้ถูกต้อง
สาระการเรยี นรู้
ความรู้ (Knowledge)

Pronunciation : Vocabulary : Christmas Day
Vocabulary : Christmas, Day; Santa Claus, Star,
candle, present/gift, reindeer, stockings
Function : Culture and Festival
Culture : Special day of the foreigner
ทกั ษะ / กระบวนการ (Process)
1. ทกั ษะการฟัง พูด อา่ น เขียน / กระบวนการสอื่ ความ
2. ทักษะกระบวนการกล่มุ
เจตคติ (Attitude)
1. มเี จตคติทด่ี ีต่อการเรยี นภาษาวชิ าองั กฤษ
2. กล้าแสดงออกและมีความเชอ่ื มนั่ ในการใช้ภาษาเพ่ือการสือ่ สาร
สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน
1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1. มีวินัย
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. อยอู่ ย่างพอเพียง
4. มุ่งมนั่ ในการทางาน
5. มีจิตสาธารณะ
ช้นิ งาน/ภาระงาน
แบบสัมภาษณ์
กจิ กรรมการเรียนรู้
ขั้นนา (Warm up)
1. ครูนาภาพซานตาคลอส (Santa Clause) กวางเรนเดียร์ ต้นครสิ ตม์ าส และของขวัญ มาติด
บนกระดาน แลว้ ถามนกั เรยี นว่าเก่ียวกับอะไร นกั เรยี นตอบวา่ วัน Christmas ครถู ามวา่ วันครสิ ต์มาสตรงกับ
วันทีเ่ ทา่ ไร นกั เรียนตอบวา่ วนั ที่ 25 ธนั วาคม ของทุกปี

83

2. ครูพูดเป็นภาษาอังกฤษวา่ December, 25th .ให้นักเรยี นพูดตาม และใช้แถบประโยคตดิ
บนกระดานให้นักเรยี นสงั เกตการเขียนบอกวนั เดือน

3. ครใู หน้ กั เรยี นฟงั เพลง Merry Christmas 1 คร้งั
“Merry Christmas”
It’s Christmas,
A merry Christmas.
There’s a snowman,
And Santa Claus,
A reindeer
And a Christmas tree.
It’s Christmas,
A merry Christmas.
Christmas stocking,
Candy cane,
Lots of presents
And a Christmas card.
It’s Christmas,
A merry Christmas.

ขั้นนาเสนอ (Presentation)
1. ครถู ามนกั เรยี นว่า ประเพณวี ัน Christmas เป็นของคนไทยใช่หรือไม่ นกั เรียนตอบวา่ ไมใ่ ช่

เพราะเป็นของชาวตะวนั ตก หรอื ผนู้ ับถือศาสนาครสิ ต์
2. ครูนาเสนอคาศพั ทเ์ กีย่ วกับวนั ครสิ ต์มาส Santa Claus, candle, present/gift,

reindeer, stockings
ขัน้ ฝกึ (Practice)
1. นักเรียนดเู นอ้ื เพลง Merry Christmas และอ่านเนื้อเพลงทีละบรรทดั จากนัน้ ครเู ปดิ เพลงให้

นกั เรยี นฟงั อกี 3-4 ครง้ั แลว้ ฝึกร้องตามจนคล่อง แลว้ จึงร้องดว้ ยตนเอง พร้อมๆ กัน และทาท่าทางประกอบเพลง
2. ครชู ูถุงเท้าสแี ดงขนาดใหญ่ แล้วพูดว่า Christmas stocking ให้นกั เรยี นพูดตามแลว้ อธิบาย

ตอ่ วา่ ตามธรรมเนียมของชาวตะวนั ตก ถ้าเดก็ คนไหนเป็นเดก็ ดี ซานตาคลอส จะนาของขวัญมาใส่ในถุงเทา้ ทแี่ ขวน
บนต้นครสิ ตม์ าส ครชู ูใบหน้าซานตาคลอสข้นึ มาสงู ๆ ให้นักเรียนเห็น แลว้ พูดวา่ “Ho Ho Ho!”

3. ครแู จกอปุ กรณ์ใหน้ ักเรยี น ได้แก่ กระดาษแขง็ สีแดง red paper กรรไกร
scissors กาว glue ริบบิน้ สีเขียว green ribbon ดนิ สอสี crayon เมือ่ ครแู จกอุปกรณ์แต่ละอย่าง paper กรรไกร

ข้นั นาไปใช้ (Production)
1. ครใู หน้ ักเรียนประดษิ ฐถ์ ุงเท้ายาวเพื่อใส่ของขวัญซานตาครอส โดยใช้คาส่ัง

ภาษาอังกฤษใน ใบงานท่ี 1 โดยให้นักเรียนอ่านและปฏบิ ตั ิตามขน้ั ตอนการประดษิ ฐ์ถุงเทา้
1) วาดภาพถุงเท้าขนาดใหญ่บนกระดาษแข็ง

84

2) ตัดกระดาษแข็งให้เปน็ รูปถุงเทา้ 2 ช้นิ ประกบกนั

3) ทากาวทีข่ อบของกระดาษแข็งทง้ั 2 ข้าง (ถงุ เท้า) ใหต้ ดิ กนั

4) เจาะรูเลก็ ๆ รอบขอบถงุ เทา้ ยกเว้นสว่ นปลายบน

5) นาริบบน้ิ มาสอดตามรู แลว้ มดั ให้แนน่

6) วาดภาพ และระบายสีบนถงุ เท้า เพื่อตกแตง่ ใหส้ วยงาม

2. เม่อื นักเรยี นทาถงุ เท้าเสร็จแลว้ ให้นาถงุ เท้ามาแขวนบนต้นครสิ ต์มาสจาลองทคี่ รูตั้งไวม้ ุมหอ้ ง

3. ครเู ปิดไฟดวงเลก็ ประดบั ต้นไม้ และเปิดเพลงสากลเก่ยี วกับคริสตม์ าสเพอ่ื สรา้ งบรรยากาศ

ข้ันสรุป (Wrap up)

ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ กิจกรรมสาคญั ท่ีปฏบิ ตั กิ ันในวันคริสตม์ าส และรว่ มกนั ร้องเพลง Merry

Christmas อีกครั้ง

สอื่ และแหล่งเรยี นรู้

1. ใบความรู้ Background Information/วิธีการทาถงุ เท้า

2. ใบงาน

3. เพลง “Merry Christmas”

4. กระดาษแข็งสีแดง กรรไกร กาว ริบบิน้ สีเขยี ว ดินสอสี

5. รปู ภาพซานตาคลอส (Santa Clause) กวางเรนเดยี ร์ ตน้ ครสิ ต์มาส และของขวัญ

6. เว็บไซต์ www : http://hilight.kapook.com/view/18771

การวัดผลและการประเมนิ ผลการเรียนรู้

วธิ ีการ เครือ่ งมือ เกณฑก์ ารประเมนิ

สงั เกตการพูด แบบสังเกต ร้อยละ 80-100 ดีมาก รอ้ ยละ 70-79 ดี

สงั เกตการปฏิบัตกิ จิ กรรม แบบสงั เกตการปฏิบัติกิจกรรม รอ้ ยละ 60-69 พอใช้

การตรวจผลงาน แบบตรวจผลงาน รอ้ ยละ 50-59 ควรปรับปรงุ

บันทกึ ข้อเสนอแนะและความคิดเหน็ ของผบู้ ริหารสถานศกึ ษา

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงช่ือ…………………………………….ผบู้ รหิ าร

บนั ทึกหลังการจัดกิจกรรม

ผลการจัดกจิ กรรม

............................................................................................................................. .........................................
.................................................................................................................................................................. ..................
................................................................................................................. ...................................................................

ลงช่ือ…………………………………….ผสู้ อน

85

คณะทำงำน

ที่ปรกึ ษำ ผูอ้ านวยการสานักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาสุรนิ ทร์ เขต 2
นายทวสี ทิ ธ์ิ มั่นจติ รองผอู้ านวยการสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาสุรนิ ทร์ เขต 2
นายอรรถพล ชาตริ ัมย์ รองผ้อู านวยการสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 2
นายประเสริฐศักดิ์ เหินไธสง รองผ้อู านวยการสานกั งานเขตพื้นท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 2
นายเทวนั พอใจ
ผู้อานวยการกลุ่มนเิ ทศ ติดตามและประเมินผลการจดั การศึกษา
คณะผู้จัดทำเอกสำร ศกึ ษานิเทศก์
นางอมรรัตน์ ศรวี เิ ศษ ศึกษานิเทศก์
นายณฎั ฐยชญ์ บญุ สด ศกึ ษานิเทศก์
นายกุญช์พสิ ิฎฐ์ คงนุรัตน์ ศกึ ษานิเทศก์
นางปทมุ มาศ ขาวมะเรงิ ศกึ ษานเิ ทศก์
นายสทุ ี ชิงชนะ ศกึ ษานิเทศก์
นางสภุ ัคร พทุ ธานุ ศกึ ษานิเทศก์
นางกรรณิการ์ รตั นวงกต ครูโรงเรียนบา้ นดู่
นางจริ ชั ยา กนิ ไธสง ครูโรงเรยี นบา้ นโนนเปือย
นางปิยวรรณ ลอดทอง
นางสาวเสกสรร ถือกล้า

พมิ พ/์ เรียบเรียง/รปู เลม่ ผู้อานวยการกลุม่ นิเทศ ติดตามและประเมนิ ผลการจดั การศึกษา
นางอมรรัตน์ ศรีวิเศษ ครูโรงเรียนบ้านดู่
นางปิยวรรณ ลอดทอง ครโู รงเรยี นบ้านโนนเปอื ย
นางสาวเสกสรร ถือกลา้ ครโู รงเรยี นบ้านหนองตาด
นางสาวรตั ตญา สมบรู ณ์ ครโู รงเรยี นอนบุ าลรตั นบรุ ี
นายอาชานยั จิตรดี ธรุ การโรงเรียนรตั นวทิ ยาคม
นางสาวนันทริ ัตน์ เหมันตา ธรุ การโรงเรยี นบา้ นผอื (ประชาพัฒนา)
นางสาวทักษะอร ระดมงาม

กลุ่มนเิ ทศ ติดตามและประเมินผลการจดั การศกึ ษา
สำนักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษาประถมศึกษาสรุ ินทร์ เขต 2


Click to View FlipBook Version