The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิธีปฎิบัติที่ดีโรงเรียนบ้านโนนจาน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

วิธีปฎิบัติที่ดี

วิธีปฎิบัติที่ดีโรงเรียนบ้านโนนจาน

1


2 แบบรายงานผลงาน/นวัตกรรมการถอดบทเรียนวิธีปฏิบัติที่เป็นดี (Good Practice) การขับเคลื่อนการใช้ระบบสารสนเทศ Q-info ในโรงเรียน การพัฒนาระบบสารสนเทศในโรงเรียนโดยใช้ระบบ Q-info เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา ด้วยรูปแบบ APICR Model โรงเรียนบ้านโนนจาน ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 2 กระทรวงศึกษาธิการ


3 ค าน า Q-Info เป็นระบบสารสนเทศที่ออกแบบมาเพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยกระบวนการเริ่มต้น ได้รวบรวมความต้องการของครูและโรงเรียน ซึ่งพบว่าครูมีภาระงานที่มาก ไม่ว่าจะเป็นงานเอกสาร หรืองาน สอนต่างๆ ฉะนั้น ในการออกแบบระบบเพื่อช่วยลดภาระงานของครู ทั้งการออกแบบการเรียนรู้ การเช็คชื่อ การประมวลผลแต่ละรายวิชา ซึ่ง Q-Info สามารถให้ครูทำงานในรูปแบบเดิมได้เพียงแต่เปลี่ยนจากการบันทึก ลงกระดาษเป็นการบันทึกลงในระบบสารสนเทศ ระบบ Q-Info ยังสามารถช่วยพัฒนาโรงเรียนและพัฒนาครูให้สามารถขับเคลื่อนไปได้ทั้งระบบอย่าง เห็นได้ชัดในเรื่องระบบสารสนเทศ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของผู้บริหารที่สามารถดูภายรวมขององค์กร เจ้าหน้าที่ Admin ในการดูแลระบบ งานทะเบียน/วัดผลในการจัดทำปฏิทิน ตารางสอน การจัดทำเอกสารปพ. ส่วนของ ครูดำเนินการในเรื่องของงานเอกสารทางวิชาการ และสิ่งที่ได้รับการพัฒนาคือการที่ผู้ปกครองได้เห็นถึง แนวทางในการพัฒนาของข้อมูลในรูปแบบ Real-time สำหรับประโยชน์ของระบบ Q-Info ที่เห็นได้ชัด คือ การช่วยลดภาระการจัดทำเอกสารปพ.5, ปพ.6 ของครูผู้สอน การจัดทำเอกสารรับรองการเป็นนักเรียน สรุป การจัดการข้อมูลวิชาการ การบันทึกการมาเรียนของนักเรียน และครูยังสามารถนำข้อมูลไปใช้ในการวางแผน พัฒนาตนเองได้ ทั้งนี้ สำหรับฝ่ายบริหารสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในการวางแผนในเรื่องของการจัดการ เรียนการสอน ในส่วนของนักเรียนจะได้รับประโยชน์ทางตรง คือ นักเรียนสามารถทราบคะแนนและทำการ พัฒนา ปรับปรุงในด้านการเรียนของตนเองได้ ท้ายที่สุดนี้ ขอขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่านที่มีส่วนช่วยให้การพัฒนาระบบสารสนเทศในโรงเรียน เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษานี้สำเร็จลุล่วงด้วยดี และหวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการศึกษาไทย ต่อไป โรงเรียนบ้านโนนจาน ก


4 สารบัญ หน้า ค าน า ก สารบัญ ข 1. ความส าคัญของผลงาน/นวัตกรรมการปฏิบัติที่เป็นดี(Good Practice) 1 1.1 เหตุผล แรงบันดาลใจและปัญหาหรือความต้องการที่จะจัดทำผลงาน/ นวัตกรรม 1.2 แนวคิดทฤษฎีหลักการสำคัญที่ใช้ในการพัฒนาผลงาน/นวัตกรรม 1 2 2. วัตถุประสงค์และเป้าหมายของผลงาน/นวัตกรรมการปฏิบัติที่เป็นดี (Good Practice) 3 2.1 วัตถุประสงค์ของผลงาน/นวัตกรรม 3 2.2 เป้าหมายและกลุ่มเป้าหมายของผลงาน/นวัตกรรม 3 3. กระบวนการผลิตผลงานหรือขั้นตอนการด าเนินงาน 3 3.1 กระบวนการดำเนินงาน 3.2 การดำเนินงานตามกิจกรรม 3.3 ประสิทธิภาพของการดำเนินงาน 3.4 การใช้ทรัพยากรและงบประมาณ 3 4 5 6 4. ผลการด าเนินการ/ผลสัมฤทธิ์/ประโยชน์ที่ได้รับ 7 4.1 ผลที่เกิดขึ้นตามวัตถุประสงค์ 7 4.2 ผลสัมฤทธิ์ของงาน 4.3 ประโยชน์ที่ได้รับ 8 8 5. ปัจจัยความส าเร็จ 10 6. บทเรียนที่ได้รับ 10 7. การเผยแพร่ 11 7.1 การเผยแพร่ 11 7.2 การได้รับการยอมรับ/รางวัลที่ได้รับ 13 8. ข้อเสนอแนะ 22 ภาคผนวก 23 ข


5 แบบรายงานผลงาน/นวัตกรรมการถอดบทเรียนวิธีปฏิบัติที่เป็นดี(Good Practice) การขับเคลื่อนการใช้ระบบสารสนเทศ Q-info ในโรงเรียน ชื่อผลงาน การพัฒนาระบบสารสนเทศในโรงเรียนโดยใช้ระบบ Q-info เพื่อยกระดับคุณภาพ การศึกษา ด้วยรูปแบบ APICR Model โรงเรียน บ้านโนนจาน ผู้บริหารโรงเรียน นางสาวสายไหม สาระติ โทรศัพท์มือถือ : 098-1157537 Email : [email protected] 1. ความส าคัญของผลงาน/นวัตกรรมการปฏิบัติที่เป็นดี(Good Practice) 1.1 เหตุผล แรงบันดาลใจและปัญหาหรือความต้องการที่จะจัดท าผลงาน/นวัตกรรม การพัฒนาคุณภาพการศึกษาในปัจจุบันจำเป็นต้องอาศัยข้อมูลที่ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และสามารถ นำมาใช้ในการวางแผนและตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ โรงเรียนบ้านโนนจานประสบปัญหาในการจัดการ ข้อมูลสารสนเทศที่มีความซับซ้อนและกระจัดกระจาย ส่งผลให้การนำข้อมูลไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพ การศึกษาเป็นไปอย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งครูผู้สอนต้องแบกรับภาระงานด้านเอกสารจำนวนมาก ทำให้ มีเวลาในการพัฒนาการเรียนการสอนน้อยลง ในการดำเนินงานของโรงเรียนที่ผ่านมา พบว่าการจัดเก็บข้อมูลมีความซ้ำซ้อนทั้งในรูปแบบเอกสาร กระดาษและไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ เกิดความยากลำบากในการเข้าถึงและเรียกใช้ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจทางการ บริหาร อีกทั้งระบบการวิเคราะห์ข้อมูลยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพการศึกษา อย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ ครูยังต้องรับภาระงานด้านเอกสารที่มากเกินไป ส่งผลให้มีเวลาในการจัดการ เรียนการสอนลดลง รวมถึงการขาดความเชื่อมโยงของข้อมูลระหว่างส่วนงานต่างๆ ในโรงเรียน ทำให้การ บริหารจัดการไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน จากความท้าทายดังกล่าว โรงเรียนบ้านโนนจานจึงได้เข้าร่วมโครงการพัฒนาครูและโรงเรียนเพื่อ ยกระดับคุณภาพการศึกษา โดยนำระบบสารสนเทศ Q-info มาใช้ในการบริหารจัดการข้อมูลของโรงเรียน เพื่อ แก้ไขปัญหาการจัดการข้อมูลและลดภาระงานด้านเอกสารของครู ตลอดจนพัฒนากระบวนการใช้ข้อมูลเพื่อ การตัดสินใจและวางแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างเป็นระบบ โดยมีแรงบันดาลใจสำคัญคือการสร้าง ระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเครื่องมือสนับสนุน ผ่านการพัฒนาศักยภาพ ของบุคลากรและการสร้างเครือข่ายความร่วมมือ โรงเรียนบ้านโนนจานได้นำรูปแบบ APICR Model มาเป็นกรอบในการขับเคลื่อนการดำเนินงานอย่าง เป็นระบบ ประกอบด้วย 5 ขั้นตอนสำคัญ ได้แก่ การประเมินสภาพปัจจุบัน (Access current status) การ วางแผนการปฏิบัติ (Create the plan) การนำแผนไปปฏิบัติ (Implement the plan) การกำกับติดตามและ ให้การหนุนนำ (Coaching and monitoring) และการทบทวนและปรับปรุงประสิทธิภาพ (Revise) ซึ่งเป็น 1


6 กระบวนการทำงานที่เน้นการมีส่วนร่วมและการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับโรงเรียน ระดับเครือข่าย และระดับเขตพื้นที่การศึกษา การพัฒนาระบบสารสนเทศในโรงเรียนโดยใช้ระบบ Q-info จึงเป็นนวัตกรรมที่มุ่งตอบสนองความ ต้องการในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศที่มี ประสิทธิภาพ ช่วยลดภาระงานด้านเอกสารของครู และสนับสนุนการนำข้อมูลไปใช้ในการตัดสินใจเชิงนโยบาย ของผู้บริหารโรงเรียน อันจะนำไปสู่การยกระดับคุณภาพการศึกษาของนักเรียนอย่างยั่งยืน ภายใต้กรอบ แนวคิดที่ว่าข้อมูลสารสนเทศที่ดีย่อมนำไปสู่การตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพ และการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพ ย่อมนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพการศึกษาที่ยั่งยืน 1.2 แนวคิดทฤษฎีหลักการส าคัญที่ใช้ในการพัฒนาผลงาน/นวัตกรรม การพัฒนาระบบสารสนเทศในโรงเรียนโดยใช้ระบบ Q-info เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา ด้วย รูปแบบ APICR Model อาศัยแนวคิดทฤษฎีและหลักการสำคัญ ดังนี้ 1. แนวคิดการบริหารคุณภาพแบบองค์รวม (Total Quality Management: TQM) การ พัฒนาคุณภาพการศึกษาต้องอาศัยข้อมูลที่ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และสามารถเข้าถึงได้อย่างทันท่วงทีเพื่อใช้ใน การวางแผน ตัดสินใจ และปรับปรุงคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่อง 2. แนวคิดการบริหารเชิงระบบ (Systems Approach) มองการทำงานในลักษณะของระบบ ที่มีองค์ประกอบที่เชื่อมโยงกัน ได้แก่ ปัจจัยนำเข้า (Input) กระบวนการ (Process) และผลผลิต (Output) โดยมีการตรวจสอบและปรับปรุง (Feedback) อย่างต่อเนื่อง 3. แนวคิดชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community: PLC) เน้นการสร้างวัฒนธรรมการทำงานร่วมกันของครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน ผ่านการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การสะท้อนคิด และการปรับปรุงการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง 4. ทฤษฎีการเปลี่ยนแปลง (Change Theory) การนำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาใช้ในองค์กร จำเป็นต้องคำนึงถึงกระบวนการเปลี่ยนแปลง การสร้างความเข้าใจ และการมีส่วนร่วมของบุคลากรทุกระดับ เพื่อลดแรงต้านและสร้างการยอมรับ 5. รูปแบบ APICR Model เป็นกรอบแนวคิดในการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ ประกอบด้วย - A (Access current status) การประเมินสภาพปัจจุบัน - P (Create the plan) การวางแผนการปฏิบัติ - I (Implement the plan) การนำแผนไปปฏิบัติ - C (Coaching and monitoring: การกำกับติดตามและให้การหนุนนำ - R (Revise) การทบทวนและปรับปรุงประสิทธิภาพ 6. แนวคิดการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน (School-Based Management) เน้นการ กระจายอำนาจการตัดสินใจ การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และการพัฒนาตามบริบทของโรงเรียน 2


7 โดยนำแนวคิดและทฤษฎีดังกล่าวมาบูรณาการเข้ากับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ Q-info ซึ่งเป็นระบบที่พัฒนาโดยความร่วมมือกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ ยั่งยืนและตรงตามความต้องการของโรงเรียน 2. วัตถุประสงค์และเป้าหมายของผลงาน/นวัตกรรมการปฏิบัติที่เป็นดี(Good Practice) 2.1 วัตถุประสงค์ของผลงาน/นวัตกรรม 2.1.1 เพื่อพัฒนาและสนับสนุนการทำงานของโรงเรียนโดยใช้ข้อมูลจากระบบสารสนเทศ Qinfo ของโรงเรียนในโครงการพัฒนาครูและโรงเรียนเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา 2.1.2 เพื่อศึกษากระบวนการพัฒนาและใช้สื่อเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาด้านระบบสารสนเทศ Q-Info ในโรงเรียน 2.2 เป้าหมายของผลงาน/นวัตกรรม 2.2.1 เป้าหมายเชิงปริมาณ - พัฒนาระบบสารสนเทศในโรงเรียน Q-info เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา ของ นักเรียนชั้นอนุบาล 2 - ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 82 คน - ใช้สื่อเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาด้านระบบสารสนเทศ Q-Info ในโรงเรียน ร้อยละ100 2.2.2 เป้าหมายเชิงคุณภาพ - โรงเรียนมีข้อมูลสารสนเทศที่มีความเป็นปัจจุบัน สามารถนำข้อมูลสารสนเทศมา พิจารณาเพื่อประกอบการตัดสินใจ หรือ วางแผนการดำเนินงานในระดับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าหรือระดับน โนบาย 3. กระบวนการผลิตผลงานหรือขั้นตอนการด าเนินงาน 3.1 การออกแบบผลงาน/นวัตกรรม 3


8 3.2 การด าเนินงานตามกิจกรรม ขั้นที่ 1 การประเมินสภาพปัจจุบัน (A : access current status) โดยวิเคราะห์ความต้องการของครู และบริบทการเรียนรู้ของโรงเรียน ด้านการจัดการบริหารงานโดยใช้สารสนเทศที่โรงเรียนได้ ดำเนินการและ จัดเก็บไว้ในแต่ละปีการศึกษา เพื่อประเมินภาระงานประจำของคุณครูและเชื่อมโยงความสอดคล้อง ในขั้นการ ลดภาระงานสู่การปฏิบัติงานการใช้งานระบบสารสนเทศ Q-Info โดยได้ดำเนินการจัดประชุมปฏิบัติการ การ วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำไปวางแผนการพัฒนาคุณภาพการศึกษาจากกรณีศึกษา และชี้แจงเพื่อสร้างความเข้าใจ และการวางเป้าหมายร่วมกันเกี่ยวกับการใช้งานระบบสารสนเทศ Q-Info ขั้นที่ 2 การวางแผนการปฏิบัติ (P : create the plan) ประกอบด้วย 3 ขั้นย่อย คือ ขั้นที่ 2.1 ประชุม/อบรม ร่วมกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยในการ อบรมมีกลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้อำนวยการโรงเรียน และคุณครูแกนนำ จำนวน 2 ท่าน ได้แก่ หัวหน้าฝ่ายวิชาการ และหัวหน้าฝ่ายทะเบียน และการวัดประเมินผลนักเรียน ขั้นที่ 2.2 ร่วมประชุม/อบรมกับเครือข่ายโรงเรียนสนม 2 เพื่อสร้างเครือข่ายการทำงานโดย ให้โรงเรียนที่มีประสบการณ์การใช้งานระบบสารสนเทศ Q-Info ทำหน้าที่เป็นโรงเรียนแม่ข่าย เพื่อดูแลและให้ คำแนะนำแก่โรงเรียนลูกข่าย ภายใต้การติดตามของสำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษาสุรินทร์เขต 2 ขั้นที่ 2.3 ดำเนินการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการระบบสารสนเทศเพื่อส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพ การศึกษา Q-Info ของโรงเรียน โดยมีการจัดอบรมให้กับครูและบุคลากรทางการศึกษาในโรงเรียน ขั้นที่ 3 การนำแผนไปปฏิบัติ (I : implement the plan) โรงเรียนบ้านโนนจาน ดำเนินการใช้ระบบ สารสนเทศ Q-Info เต็มรูปแบบ โดยใช้กระบวนการ ชุมชนเรียนรู้เพื่อการพัฒนาวิชาชีพ (PLC) เพื่อให้เกิดการ สะท้อนผลการปฏิบัติงาน การปรับปรุงและพัฒนางานภายในโรงเรียน โดยในระหว่างการดำเนินงานจะมีการ ติดตาม ให้คำชี้แนะและการหนุนนำอย่างต่อเนื่องจากคุณครูพี่เลี้ยงจากโรงเรียนแม่ข่าย และศึกษานิเทศก์ สำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษาสุรินทร์ แบบผสมผสานระหว่าง onsite และ online ขั้นที่ 4 การกำกับติดตามและให้การหนุนนำ (C : Coaching and monitoring) การติดตาม ความก้าวหน้าของการดำเนินการใช้ระบบสารสนเทศ Q-Info โดยการให้คำชี้แนะและการหนุนนำอย่าง ต่อเนื่องจาก คุณครูพี่เลี้ยง (Mentor) จากโรงเรียนแม่ข่าย และศึกษานิเทศก์ สำนักงานเขตพื้นที่การ ประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 2 แบบผสมผสานระหว่าง Onsite และ Online โดยในการติดตามจะมีการรายงาน ร้อยละของความก้าวหน้าในการปฏิบัติในภาพรวมทั้งโรงเรียน ภาคเรียนละ 3 ครั้ง จำนวน 2 ภาค เรียน ในปี การศึกษา 2567 ประกอบด้วย ครั้งที่ 1 ติดตามรายงานในช่วงเดือนแรกของภาคเรียน โดยการพิจารณา การ จัดเตรียมของข้อมูลพื้นฐานโรงเรียน ได้แก่ การจัดวิชาเรียน การการกำหนดครูผู้สอน การจัดตารางสอน การ ลง โครงสร้างรายวิชา และการกำหนดอัตราส่วนคะแนน ครั้งที่ 2 ติดตามรายงานในช่วงเดือนที่สามของภาค เรียน โดย การพิจารณาการลงเวลาเรียน และการบันทึกคะแนนเก็บระหว่างเรียนที่เป็นปัจจุบันเป็นรายบุคคล และครั้งที่ 3 ติดตามรายงานในช่วงเดือนที่ ๔ ของภาคเรียน หลังจากการสอบปลายภาคเรียนของโรงเรียนไป แล้ว 1 สัปดาห์โดย การพิจารณาการบันทึกคะแนนสอบกลางภาคและคะแนนสอบปลายภาค โดยหลังการ ติดตามรายงานทั้ง 3 ครั้ง สามารถแบ่งกลุ่มความสำเร็จได้เป็น 2 กลุ่ม ได้แก่กลุ่มที่ 1 โรงเรียนสามารถ 4


9 ดำเนินการใช้งานระบบสารสนเทศ Q-Info โดยมีร้อยละความก้าวหน้าเป็นไปตามเกณฑ์หรือมากกว่าค่าเฉลี่ย ของโรงเรียนในเครือข่าย จะให้การหนุนเสริมโดยวางเป้าหมายท้าทายในการติดตามครั้งถัดไป กลุ่มที่ 2 โรงเรียนสามารถดำเนินการใช้งาน ระบบสารสนเทศ Q-Info โดยมีร้อยละความก้าวหน้าไม่เป็นไปตามเกณฑ์ หรือน้อยกว่าค่าเฉลี่ยของโรงเรียนในเครือข่าย จะให้คำชี้แนะและขับเคลื่อนด้วยการหนุนนำอย่างต่อเนื่อง (Coaching and Monitoring) จากคุณครูพี่เลี้ยงจากโรงเรียนแม่ข่าย และศึกษานิเทศก์ สำนักงานเขตพื้นที่ การประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 2 แบบผสมผสานระหว่าง Onsite และ Online ตามความสะดวกของแต่ละ โรงเรียน และหลังจากจบภาคเรียนจะดำเนินการสรุปผลการดำเนินการการใช้ระบบสารสนเทศ Q-Info ใน ภาพรวม ของแต่ละโรงเรียนรายภาคเรียน ขั้นที่ 5 การทบทวนและปรับปรุงประสิทธิภาพ (R : revise) โดยการจัดประชุมปฏิบัติการการ ถอด บทเรียนการใช้งานระบบสารสนเทศ Q-Info โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้อำนวยการโรงเรียน และคุณครูแกนนำ จำนวน 2 ท่าน ได้แก่ หัวหน้าฝ่ายวิชาการ และหัวหน้าฝ่ายทะเบียนและการวัดประเมินผลนักเรียน โดยในการ ถอด บทเรียนจะพิจารณาทั้งหมด 4 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) ผลลัพธ์ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ 2) เหตุผล/ ปัจจัยที่ส่งผลให้ เป้าหมายบรรลุหรือไม่บรรลุ 3) บทเรียน ความรู้ การเรียนรู้ที่ได้และ 4) แนวคิดในการพัฒนา งานในอนาคต โดยแสดงกรอบแนวคิดในการดำเนินงาน ดังภาพ กรอบแนวคิดในการดำเนินงาน 3.3 ประสิทธิภาพของการด าเนินงาน การดำเนินงานการพัฒนาระบบสารสนเทศในโรงเรียนโดยใช้ระบบ Q-info เพื่อยกระดับคุณภาพ การศึกษา ด้วยรูปแบบ APICR Model มีประสิทธิภาพและสามารถแสดงผลการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรมใน แต่ละขั้นตอน ดังนี้ 1) การประเมินสภาพปัจจุบัน (A: Access current status) - ผลการวิเคราะห์ความต้องการของครูพบว่า ร้อยละ 85 ต้องการลดภาระงานด้าน เอกสารและการจัดเก็บข้อมูลซ้ำซ้อน - การจัดประชุมปฏิบัติการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อวางแผนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ได้รับความร่วมมือจากบุคลากรทุกฝ่าย มีการกำหนดเป้าหมายร่วมกันอย่างชัดเจน การด าเนินงาน ระยะที่ 1 การประเมินสภาพปัจจุบัน (A : access current status) ระยะที่ ๒ การวางแผนการปฏิบัติ (P : create the plan) ระยะที่ 3 การนำแผนไปปฏิบัติ (I : implement the plan) ระยะที่ 4 การกำกับติดตามและให้การหนุนนำ (C : Coaching and monitoring) ระยะที่ 5 การทบทวนและปรับปรุงประสิทธิภาพ (R : revise) สนับสนุนการทำงานของโรงเรียน โดยใช้ข้อมูลสารสนเทศ Q-info ดำเนินงานการใช้ระบบสารสนเทศ Q-info 5


10 2) การวางแผนการปฏิบัติ (P: Create the plan) - ผู้บริหารและครูแกนนำจำนวน 3 คน ได้รับการอบรมจากสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 2 และสามารถถ่ายทอดความรู้ให้กับครูในโรงเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ - การสร้างเครือข่ายกับโรงเรียนสนม 2 ช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และการ สนับสนุนทางเทคนิคอย่างต่อเนื่อง - ครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกคนได้รับการอบรมเชิงปฏิบัติการระบบ สารสนเทศ Q-Info และสามารถนำไปใช้ได้จริง 3) การนำแผนไปปฏิบัติ (I: Implement the plan) - โรงเรียนดำเนินการใช้ระบบสารสนเทศ Q-Info เต็มรูปแบบ โดยมีอัตราการใช้งาน ของครูร้อยละ 100 - การใช้กระบวนการ PLC ช่วยในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาการใช้งานระบบอย่าง ต่อเนื่อง - มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างครูในโรงเรียนและเครือข่ายทั้งแบบ onsite และ online อย่างสม่ำเสมอ 4) การกำกับติดตามและให้การหนุนนำ (C: Coaching and monitoring) - การติดตามความก้าวหน้าในการใช้ระบบ Q-Info ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ ทันที - ระบบการให้คำชี้แนะและหนุนนำอย่างต่อเนื่องจากครูพี่เลี้ยงและศึกษานิเทศก์ ช่วยให้การพัฒนาเป็นไปอย่างต่อเนื่อง 5) การทบทวนและปรับปรุงประสิทธิภาพ (R: Revise) - การถอดบทเรียนการใช้งานระบบ Q-Info ทำให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ในการพัฒนา ระบบสารสนเทศที่เหมาะสมกับบริบทของโรงเรียน - มีการวิเคราะห์ผลลัพธ์ตามเป้าหมาย ปัจจัยความสำเร็จ บทเรียนที่ได้ และแนวทาง การพัฒนาต่อยอดในอนาคต จากการดำเนินงานตามขั้นตอนต่างๆ พบว่า ระบบสารสนเทศ Q-info สามารถช่วยลดภาระ งานของครูลงร้อยละ 40 ในด้านการจัดทำเอกสาร และเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงข้อมูลเพื่อการตัดสินใจ ของผู้บริหารได้ร้อยละ 75 นอกจากนี้ ยังพบว่าการวิเคราะห์ข้อมูลด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนมี ความแม่นยำและรวดเร็วขึ้น ส่งผลให้สามารถวางแผนการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนได้ตรงตามความต้องการและ ทันต่อสถานการณ์ 3.4 การใช้ทรัพยากรและงบประมาณ การดำเนินงานการพัฒนาระบบสารสนเทศในโรงเรียนโดยใช้ระบบ Q-info เพื่อยกระดับ คุณภาพการศึกษา มีการบริหารจัดการทรัพยากรและงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้ 1) การใช้ทรัพยากรบุคคล 6


11 - ใช้ทรัพยากรบุคคลที่มีอยู่ภายในโรงเรียนโดยการพัฒนาศักยภาพครูแกนนำให้เป็น ผู้เชี่ยวชาญในการใช้ระบบ Q-info - สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับโรงเรียนข้างเคียงเพื่อใช้ทรัพยากรร่วมกันและลด ค่าใช้จ่ายในการจัดอบรม - ใช้กระบวนการ PLC เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในองค์กร ทำให้ไม่ต้องจ้างวิทยากร ภายนอก 2) การใช้ทรัพยากรด้านวัสดุอุปกรณ์และเทคโนโลยี - ปรับปรุงและพัฒนาเครื่องคอมพิวเตอร์และระบบเครือข่ายที่มีอยู่เดิมให้สามารถ รองรับการทำงานของระบบ Q-info 3) การใช้งบประมาณ - ลดค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อซอฟต์แวร์โดยใช้ระบบ Q-info ที่ได้รับการสนับสนุนจาก มหาวิทยาลัยนเรศวร 4) การบริหารจัดการงบประมาณ - มีการจัดทำแผนการใช้งบประมาณที่ชัดเจน โปร่งใส และตรวจสอบได้ - มีการติดตามและประเมินความคุ้มค่าของการใช้งบประมาณเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้รับ การดำเนินงานดังกล่าวส่งผลให้โรงเรียนสามารถพัฒนาระบบสารสนเทศ Q-info ได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ภายใต้ข้อจำกัดด้านงบประมาณและทรัพยากร โดยใช้หลักการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนและ การบริหารจัดการทรัพยากรอย่างคุ้มค่า 4. ผลการด าเนินการ/ผลสัมฤทธิ์/ประโยชน์ที่ได้รับ 4.1 ผลที่เกิดขึ้นตามวัตถุประสงค์ จากการดำเนินงานการให้คำชี้แนะและการหนุนนำอย่างต่อเนื่อง พัฒนาครูเพื่อยกระดับคุณภาพ การศึกษา ในการดำเนินการใช้ งานระบบสารสนเทศ Q-Info โดยใช้ระบบการหนุนนำอย่างต่อเนื่อง (APICR) 5 ระยะ ประกอบด้วย ระยะที่ 1 การประเมินสภาพปัจจุบัน (A : access current status) ระยะที่ 2 การ วางแผนการปฏิบัติ (P : create the plan) ระยะที่ 3 การนำแผนไปปฏิบัติ (I : implement the plan) ระยะที่ 4 การกำกับติดตามและให้การหนุนนำ (C : Coaching and monitoring) และระยะที่ 5 การทบทวน และปรับปรุงประสิทธิภาพของแผน (R : revise) พบว่า กระบวนการการให้การชี้แนะ (Coaching) และการให้ การหนุนนำ (Monitoring) ซึ่งนำไปสู่ความสำเร็จการ ปฏิบัติงาน จำเป็นต้องมีบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับการ ปฏิบัติงานโดยตรงทำหน้าที่เป็นโค้ชภายใน (Internal Coach) ได้แก่ ผู้อำนวยการโรงเรียน คุณครูแกนนำ ซึ่งมี ส่วนช่วยในการสร้างความเข้าใจและการวางเป้าหมายระดับ โรงเรียน ให้การชี้แนะแนวทาง การสะท้อนผล การปฏิบัติ และโค้ชภายนอก (External Coach) ซึ่งมีส่วนร่วมและ สนับสนุนและการหนุนนำให้เกิดการ ขับเคลื่อนการดำเนินงานภายในโรงเรียน ได้แก่ คุณครูพี่เลี้ยง (Mentor) ซึ่งเป็นคุณครูจากโรงเรียนแม่ข่ายที่ ทำหน้าที่การให้คำชี้แนะแนวทาง การแก้ไขปัญหาสู่การปฏิบัติที่ดี รวมถึงทีมโค้ช จากส่วนกลาง และ 7


12 ศึกษานิเทศก์ ที่ทำหน้าที่ให้คำชี้แนะแนวทางในภาพรวมของการใช้งานระบบ การอำนวยความ สะดวกและ การสร้างความมั่นใจแก่โรงเรียน ซึ่งต่างก็ทำหน้าที่อย่างเป็นระบบการทำงานร่วมกันแบบร่วมมือ สอดคล้องกับ ธนรัตน์ แต้วัฒนา และคณะ (2558) กล่าวถึงการกำหนดบทบาทหน้าที่ของโค้ช ต้องมีการสร้าง สภาพแวดล้อม และบรรยากาศของโรงเรียนให้มีความไว้เนื้อเชื่อใจกัน (Trust) โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างครูและทีม หนุนนำ ด้วยการเรียนรู้แบบการลงมือปฏิบัติ (Learning by Doing) และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Learning by Sharing) สะท้อนให้เห็นแนวคิดของการพัฒนาด้วยการหนุนนำ โดยให้ความสำคัญของการกำหนดนโยบายที่ ชัดเจน เกี่ยวกับการหนุนนำอย่างต่อเนื่องและการสร้างบรรยากาศของความเป็นกัลยาณมิตร โดยรูปแบบและ แนวทางที่ใช้ เป็นการพัฒนากระบวนการทำงานครู ที่เน้นให้เกิดการสร้างทีมผู้นำทางการศึกษาในระดับ โรงเรียน และส่งเสริมให้ เกิดการทำงานเป็นทีมเครือข่ายระหว่างโรงเรียน และกับทีมส่วนกลาง ควบคู่กับการ ให้คำชี้แนะและการหนุนนำ อย่างต่อเนื่อง โดยในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 มีโรงเรียนมีผลการ ดำเนินการใช้งานระบบสารสนเทศ Q-Info ในระดับความสำเร็จของ อยู่ในระดับ Platinum หมายถึง ระดับ ร้อยละความก้าวหน้าสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มของโรงเรียน 4.2 ผลสัมฤทธิ์ของงาน 1. ครูผู้สอน: ระบบสารสนเทศ Q-Info ช่วยลดภาระด้านงานเอกสารของครูผู้สอนในการ จัดทำเอกสาร อาทิ ปพ.5, ปพ.5.1โดยคุณครูสามารถสั่งพิมพ์ออกจากระบบสารสนเทศ Q-Info ได้เลย ภายหลังจากที่ครูผู้สอนได้บันทึกข้อมูลการเข้าเรียนและผลสัมฤทธิ์ผ่านทางระบบสารสนเทศแล้ว 2. ครูทะเบียนและวัดผล: ระบบสารสนเทศ Q-Info ช่วยลดภาระในการรวบรวมข้อมูลจาก เอกสารกระดาษจำนวนมาก เพื่อจัดทำรายงานสรุปผลการเรียนการสอนของคุณครูทุกคนภายในโรงเรียน อาทิ ปพ.1 ปพ.2 ปพ.3 ปพ.6 และ ปพ.7 3. ผู้อ านวยการโรงเรียน: สามารถเรียกดูรายงานที่จำเป็นต่างๆในการวางแผนนโยบายเพื่อ การพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนของโรงเรียนได้ อาทิ สัดส่วนของนักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ต่ำกว่าเกณฑ์ ผลสัมฤทธิ์ในกลุ่มสาระต่างๆเปรียบเทียบกับผลสอบภายนอก อัตราการขาดเรียนของนักเรียนในแต่ละ ระดับชั้น เป็นต้น 4.3 ประโยชน์ที่ได้รับ การพัฒนาระบบสารสนเทศในโรงเรียนโดยใช้ระบบ Q-info ด้วยรูปแบบ APICR Model ก่อให้เกิด ประโยชน์ที่หลากหลายแก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ดังนี้ 1) ประโยชน์ต่อนักเรียน - นักเรียนได้รับการติดตามพัฒนาการการเรียนรู้อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ทำให้ ได้รับการแก้ไขปัญหาการเรียนได้อย่างทันท่วงที - ระบบการติดตามการเข้าเรียนที่มีประสิทธิภาพช่วยลดปัญหาการขาดเรียนและ การออกกลางคัน - ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เนื่องจากการวิเคราะห์ข้อมูล 8


13 เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนที่ตรงกับความต้องการของผู้เรียน 2) ประโยชน์ต่อครูผู้สอน - ลดภาระงานด้านเอกสารของครูผู้สอน โดยเฉพาะการจัดทำเอกสาร ซึ่งสามารถสั่ง พิมพ์ออกจากระบบได้โดยตรง - ครูมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันเกี่ยวกับผลการเรียนและพฤติกรรมของนักเรียน ทำให้ สามารถออกแบบการเรียนการสอนได้อย่างเหมาะสม - เกิดการพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของครู ซึ่งเป็นทักษะสำคัญใน ศตวรรษที่ 21 3) ประโยชน์ต่อฝ่ายบริหารและโรงเรียน - ผู้บริหารสามารถเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศที่เป็นปัจจุบันและเชื่อถือได้ ทำให้การ ตัดสินใจเชิงนโยบายมีประสิทธิภาพมากขึ้น - โรงเรียนมีระบบการบริหารจัดการที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับ นโยบายการปฏิรูปการศึกษา - เกิดวัฒนธรรมองค์กรแห่งการเรียนรู้และการทำงานเป็นทีม ผ่านกระบวนการ ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) 4) ประโยชน์ต่อเครือข่ายความร่วมมือ - เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างโรงเรียน - สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 2 มีข้อมูลสารสนเทศที่เป็น ประโยชน์ต่อการกำหนดนโยบายและการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในระดับเขตพื้นที่ - มหาวิทยาลัยนเรศวรได้มีโอกาสนำองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศไป ประยุกต์ใช้ในบริบทจริง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการวิจัยและพัฒนา 5) ประโยชน์ต่อชุมชนและผู้ปกครอง - ผู้ปกครองสามารถรับทราบข้อมูลผลการเรียนและพฤติกรรมของนักเรียนได้อย่าง รวดเร็วและถูกต้อง - ชุมชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาผ่านการให้ข้อมูลและ ข้อเสนอแนะต่อระบบสารสนเทศของโรงเรียน - เกิดความเชื่อมั่นในคุณภาพการศึกษาของโรงเรียน ซึ่งมีระบบการบริหารจัดการที่ ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ การพัฒนาระบบสารสนเทศในโรงเรียนโดยใช้ระบบ Q-info ด้วยรูปแบบ APICR Model ไม่เพียงแต่ ก่อให้เกิดประโยชน์ในระยะสั้น แต่ยังสร้างรากฐานสำคัญในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างยั่งยืน โดยการ เปลี่ยนแปลงวิธีคิดและวิธีการทำงานของบุคลากรทุกระดับในโรงเรียน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการยกระดับ คุณภาพการศึกษาของประเทศในระยะยาว 9


14 5. ปัจจัยความส าเร็จ 5.1 ผู้อำนวยการโรงเรียนให้การสนับสนุนด้านนโยบายและทรัพยากร มีส่วนในการขับเคลื่อนการใช้ ระบบ โดยการศึกษาการใช้งานของระบบ Q-Info 5.2 ความร่วมมือจากคณะครูในโรงเรียน การทำข้อมูลต่างๆ ให้เป็นปัจจุบันทั้ง 3 ส่วน ไม่ว่าจะเป็น การเช็คชื่อนักเรียนแบบรายวันและแต่ละรายวิชา การลงข้อมูลโภชนาการ น้ำหนัก ส่วนสูง และการลงคะแนน ตัวชี้วัด เพื่อความสะดวกในการประมวลผลและจัดทำเอกสารปพ.5 และปพ.6 ได้ ทั้งนี้ จากการกรอกข้อมูล ต่างๆ โรงเรียนได้มีการนำข้อมูลนักเรียนมาใช้ในการวิเคราะห์และแก้ปัญหา เพื่อหาแนวทางในการช่วยเหลือ และสามารถส่งต่อข้อมูลไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแล แก้ไขปัญหาให้กับเด็กต่อไป 5.3 ความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญภายนอก - ศึกษานิเทศก์จากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมสึกษาสุรินทร์ เขต ๒ ให้คำแนะนำ คำชี้แนะ การหนุนนำและการติดตามอย่างต่อเนื่อง - คุณครูพี่เลี้ยงจากโรงเรียนแม่ข่ายให้ความรู้การใช้ระบบสารสนเทศ Q-Info 5.4 การพัฒนาอย่างเป็นระบบ - ขั้นที่ 1 การประเมินสภาพปัจจุบัน - ขั้นที่ 2 การวางแผนการปฏิบัติ - ขั้นที่ 3 การนำแผนไปปฏิบัติ - ขั้นที่ 4 การกำกับติดตามและให้การหนุนนำ - ขั้นที่ 5 การทบทวนและปรับปรุงประสิทธิภาพ 5.5 มีการติดตามและประเมินผลอย่างต่อเนื่อง 5.6 มีการรายงานความก้าวหน้าและผลการดำเนินงานให้ผู้เกี่ยวข้องทราบอย่างสม่ำเสมอ เช่น ผู้บริหารโรงเรียน ผู้ปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 6. บทเรียนที่ได้รับ (Lesson Learned) เป็นระบบสารสนเทศที่ออกแบบมาเพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยกระบวนการเริ่มต้นได้ รวบรวมความต้องการของครูและโรงเรียน ซึ่งพบว่าครูมีภาระงานที่มาก ไม่ว่าจะเป็นงานเอกสาร หรืองานสอน ต่างๆ ฉะนั้น ในการออกแบบระบบเพื่อช่วยลดภาระงานของครู ทั้งการออกแบบการเรียนรู้ การเช็คชื่อ การ ประมวลผลแต่ละรายวิชา ซึ่ง Q-Info สามารถให้ครูทำงานในรูปแบบเดิมได้เพียงแต่เปลี่ยนจากการบันทึกลง กระดาษเป็นการบันทึกลงในระบบสารสนเทศ เปิดใจ (รับการเปลี่ยนแปลง) ร่วมใจ (มองเป้าหมายร่วมกัน) และใส่ใจ (ติดตาม ดูแล คอยช่วยเหลือแก้ปัญหา) เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในระบบ สารสนเทศ ต่อยอดไปสู่การขับเคลื่อนโรงเรียนด้วยระบบข้อมูล ซึ่งเป็นแนวทางในการใช้ระบบ Q-Info ได้ อย่างยั่งยืนต่อไป 10


15 7. การเผยแพร่/การได้รับการยอมรับ/รางวัลที่ได้รับ 7.1 การเผยแพร่ 1) มีการเผยแพร่ให้กับคณะครูในโรงเรียน 11


1612


17 2) มีการเผยแพร่ให้กับเพื่อนครู/ผู้บริหาร ในโรงเรียนใกล้เคียง 7.2 การได้รับการยอมรับ/รางวัลที่ได้รับ 1) ผลงาน/รางวัลครู 13


1184


1915


2016


21 17


2218


1239


24 2) ผลงาน/รางวัลนักเรียน 20


2251


26 3) ผลงาน/รางวัลระดับโรงเรียน 8. ข้อเสนอแนะ 1) ผู้บริหารโรงเรียนควรนำรูปแบบและแนวทางการให้คำชี้แนะและการหนุนนำอย่างต่อเนื่อง ในการ พัฒนาครูภายในโรงเรียน ในด้านอื่น ๆ เช่น ด้านการจัดการเรียนการสอน เป็นต้น 2) ในการการวางแผนการปฏิบัติ (P : create the plan) ควรมีการให้ความสำคัญกับการทำความ เข้าใจในบันทึกข้อมูลนักเรียนที่ต่อเนื่องอย่างเป็นปัจจุบัน เนื่องจากข้อมูลสารสนเทศที่มีความเป็นปัจจุบัน จะมีส่วนช่วยให้คุณครูหรือผู้บริหารโรงเรียน สามารถนำข้อมูลสารสนเทศมาพิจารณาเพื่อประกอบการ ตัดสินใจ หรือ วางแผนการดำเนินงานในระดับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าหรือระดับนโนบาย 3) ควรมีการศึกษาผลรูปแบบของการนำข้อมูลสารสนเทศ มาใช้ประโยชน์ในการพิจารณา ประกอบการตัดสินใจ หรือการวางแผนปฏิบัติในภาพรวมของโรงเรียน 22


27 ภาคผนวก 23


2428


2925


30


Click to View FlipBook Version