The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เครื่องมือและอุปกรณ์ในการใช้งาน SOCIAL MEDIA

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by vivo365aeew, 2021-12-29 09:02:47

เครื่องมือและอุปกรณ์ในการใช้งาน SOCIAL MEDIA

เครื่องมือและอุปกรณ์ในการใช้งาน SOCIAL MEDIA

เครื่องมือและอุปกรณ์ในการใช้งาน SOCIAL MEDIA

อุปกรณ์เครื่องมือทางสื่อสังคมออนไลน์

คอมพิวเตอร์ (Computer) คือ เครื่องคำนวณ อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถทำงานคำนวณผลและเปรียบเทียบค่าตาม
ชุดคำสั่งด้วยความเร็วสูงอย่างต่อเนื่องและอัตโนมัติ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2525 ได้ให้คำจำกัด
ความของคอมพิวเตอร์ไว้ค่อนข้างกะทัดรัดว่า เครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ ทำหน้าที่เสมือนสมองกล ใช้

สำหรับแก้ปัญหาต่างๆ ทั้งที่ง่ายและซับซ้อน โดยวิธีทางคณิตศาสตร์ หรืออาจกล่าวได้ว่า เครื่องคอมพิวเตอร์
หมายถึงเครื่องมือที่ช่วยในการคำนวณและการประมวลผลข้อมูล

สมาร์ทโฟน (SmartPhone) คือ โทรศัพท์มือถือที่นอกเหนือจากใช้โทรออก-รับสายแล้วยังมีแอพ
พลิเคชั่นให้ใช้งานมากมาย สามารถรองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่าน 3G, Wi-Fi และสามารถใช้
งานโซเชียลเน็ตเวิร์คและแอพพลิเคชั่นสนทนาชั้นนำ เช่น LINE, Youtube, Facebook, Twitter ฯลฯ
โดยที่ผู้ใช้สามารถปรับแต่งลูกเล่นการใช้งานสมาร์ทโฟนให้ตรงกับความต้องการได้มากกว่ามือถือ
ธรรมดา ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ นิยมผลิตสมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอระบบสัมผัส, ใส่กล้องถ่ายรูปที่มี
ความละเอียดสูง, ออกแบบดีไซน์ให้สวยงามทันสมัย, มีแอพพลิเคชั่นและลูกเล่นที่น่าสนใจ

แท็บเล็ต (Tablet) คือ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่มีหน้าจอระบบสัมผัสขนาดใหญ่ มีขนาดหน้าจอตั้งแต่ 7
นิ้วขึ้นไป พกพาได้สะดวก สามารถใช้งานหน้าจอผ่านการสัมผัสผ่านปลายนิ้วได้โดยตรง มีแอพพลิเคชั่นมากมาย
ให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะรับ-ส่งอีเมล์, เล่นอินเทอร์เน็ต, ดูหนัง, ฟังเพลง, เล่นเกม หรือแม้กระทั่งใช้ทำงานเอกสาร
ออฟฟิต ข้อดีของแท็บเล็ตคือมีหน้าจอที่กว้าง ทำให้มีพื้นที่การใช้งานเยอะ มีน้ำหนักเบา พกพาได้สะดวกกว่าโน๊
ตบุ๊คหรือ คอมพิวเตอร์ สามารถจดบันทึกหรือใช้เป็นอุปกรณ์เพื่อการศึกษาได้เป็นอย่างดี

อุปกรณ์เครือข่ายทาง SOCIAL MEDIA

เซิร์ฟเวอร์ (Server) หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เครื่องแม่ข่าย เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์หลักในเครือข่าย
ที่ทำหน้าที่จัดเก็บและให้บริการไฟล์ข้อมูลและทรัพยากรอื่นๆ กับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ ใน เครือข่าย โดย
ปกติคอมพิวเตอร์ที่นำมาใช้เป็นเซิร์ฟเวอร์มักจะเป็นเครื่องที่มีสมรรถนะสูง และมีฮาร์ดดิสก์ความจำสูงกว่า
คอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ ในเครือข่าย

ไคลเอนต์ (Client) หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เครื่องลูกข่าย เป็นคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายที่ร้องขอ
บริการและเข้าถึงไฟล์ข้อมูลที่จัดเก็บในเซิร์ฟเวอร์ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ ไคลเอนต์ เป็นคอมพิวเตอร์ ของผู้
ใช้แต่ละคนในระบบเครือข่าย

เนทเวิร์ค สวิตช์ (Switch) คืออุปกรณ์เครือข่ายที่ทำหน้าที่ในเลเยอร์ที่ 2 และทำหน้าที่ส่งข้อมูลที่ได้
รับมาจากพอร์ตหนึ่งไปยังพอร์ตเฉพาะที่เป็นปลายทางเท่านั้น และทำให้คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับพอร์ตที่
เหลือส่งข้อมูลถึงกันในเวลาเดียวกัน ดังนั้น อัตราการรับส่งข้อมูลหรือแบนด์วิธจึงไม่ขึ้นอยู่กับคอมพิวเตอร์
ปัจจุบันนิยมเชื่อมต่อแบบนี้มากกว่าฮับเพราะลดปัญหาการชนกันของข้อมูล

เราต์เตอร์ (Router) เป็นอุปรณ์ที่ทำหน้าที่ในเลเยอร์ที่ 3 เราท์เตอร์จะอ่านที่อยู่ (Address) ของสถานี
ปลายทางที่ส่วนหัว (Header) ข้อแพ็กเก็ตข้อมูล เพื่อที่จะกำหนดและส่งแพ็กเก็ตต่อไป เราท์เตอร์จะมีตัวจัด
เส้นทางในแพ็กเก็ต เรียกว่า เราติ้งเทเบิ้ล (Routing Table) หรือตารางจัดเส้นทางนอกจากนี้ยังส่งข้อมูลไป
ยังเครือข่ายที่ให้โพรโทคอลต่างกันได้ เช่น IP (Internet Protocol) IPX (Internet Package Exchange)
และ AppleTalk นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อกับเครือข่ายอื่นได้ เช่น เครือข่ายอินเทอร์เน็ต

บริดจ์ (Bridge) เป็นอุปกรณ์ที่มักจะใช้ในการเชื่อมต่อวงแลน (LAN Segments) เข้าด้วยกัน ทำให้
สามารถขยายขอบเขตของ LAN ออกไปได้เรื่อยๆ โดยที่ประสิทธิภาพรวมของระบบ ไม่ลดลงมากนัก
เนื่องจากการติดต่อของเครื่องที่อยู่ในเซกเมนต์เดียวกันจะไม่ถูกส่งผ่าน ไปรบกวนการจราจรของเซกเมนต์
อื่น และเนื่องจากบริดจ์เป็นอุปกรณ์ที่ทำงานอยู่ในระดับ Data Link Layer จึงทำให้สามารถใช้ในการเชื่อม
ต่อเครือข่ายที่แตกต่างกันในระดับ Physical และ Data Link ได้ เช่น ระหว่าง Eternet กับ Token Ring
เป็นต้น บริดจ์ มักจะถูกใช้ในการเชื่อมเครือข่ายย่อยๆ ในองค์กรเข้าด้วยกันเป็นเครือข่ายใหญ่ เพียงเครือ
ข่ายเดียว เพื่อให้เครือข่ายย่อยๆ เหล่านั้นสามารถติดต่อกับเครือข่ายย่อยอื่นๆได้

เกตเวย์ (Gateway) เป็นอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่เชื่อมต่อเครือข่ายต่างประเภทเข้าด้วยกัน เช่น การใช้
เกตเวย์ในการเชื่อมต่อเครือข่าย ที่เป็นคอมพิวเตอร์ประเภทพีซี (PC) เข้ากับคอมพิวเตอร์ประเภทแมคอินทอช
(MAC) เป็นต้น

กฎเกณฑ์การใช้ Social Media

เนื่องจากสื่อสังคม หรือ Social Media เป็นสื่อที่ทรงพลัง และมีอิทธิพลต่อสังคมค่อนข้างสูง
ในปัจจุบัน ดังนั้นในทางปฏิบัติ เพื่อก่อให้เกิดคุณภาพ และประสิทธิภาพสูงสุด สำหรับการนำมาใช้
ในการเรียนการสอนนั้น ผู้ใช้สื่อสังคมต้องคำนึงถึงกฎเกณฑ์ และแนวปฏิบัติต่อการใช้สื่อโซเชียลมี
เดียในประเด็นสำคัญบางประการ ดังนี้ (NSW Department of Education & Training, 2011:
online)

1. ต้องรู้ถึงแนวนโยบายขององค์กร/หน่วยงาน ต่อการใช้สื่อโซเชียลมีเดียเพื่อการพัฒนางาน
2. ต้องตระหนักในการใช้สื่อโซเชียลมีเดียว่าสื่อดังกล่าวนี้จะเป็นสื่อที่มีรูปแบบและลักษณะของระบบการทำงาน
แบบผสมผสาน ทั้งการประสานงาน และการสานคนในองค์กร
3. ต้องมีความชัดเจนในการกำหนดบทบาทหน้าที่ เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ในประเด็น หรือสาระที่เกิดขึ้นจาก
การใช้สื่อโซเชียลมีเดีย
4. คำนึงถึงอยู่เสมอว่าขั้นตอนการดำเนินงานจะทำอะไรก่อน-หลังในการใช้สื่อโซเชียลมีเดียทุกครั้ง
5. คำนึงถึงหลักสำคัญของการให้เกียรติ ผู้ที่เป็นเจ้าของ

6. พึงใช้สื่อโซเชียลมีเดียอย่างระมัดระวัง
7. ใช้สื่อโซเชียลมีเดียอย่างมีมารยาทในการใช้
8. ผลิตเนื้อหาสาระ หรือสื่อ ให้ตรงกับสมรรถนะ ความรู้ ความสามารถของ
ผู้ใช้
9. การเชื่อมโยง เพื่อการโต้ตอบระหว่างกัน ควรคำนึงถึงความเหมาะสม
ระหว่างกัน
10.ต้องยอมรับในข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น และรีบดำเนินการปรับปรุงแก้ไขข้อผิด
พลาดเหล่านั้น

ข้อดีของ Social Media

– สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ในสิ่งที่สนใจร่วมกันได้

– เป็นคลังข้อมูลความรู้ขนาดย่อมเพราะเราสามารถเสนอและแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนความรู้
หรือตั้งคำถามในเรื่องต่างๆ เพื่อให้บุคคลอื่นที่สนใจหรือมีคำตอบได้ช่วยกันตอบ

– ประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดต่อสื่อสารกับคนอื่น สะดวกและรวดเร็ว

– เป็นสื่อในการนำเสนอผลงานของตัวเอง เช่น งานเขียน รูปภาพ วีดิโอต่างๆ เพื่อให้ผู้อื่นได้เข้ามารับชมและแสดงความคิดเห็น

– ใช้เป็นสื่อในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ หรือบริการลูกค้าสำหรับบริษัทและองค์กรต่างๆ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า

– ช่วยสร้างผลงานและรายได้ให้แก่ผู้ใช้งาน เกิดการจ้างงานแบบใหม่ๆ ขึ้น

– คลายเครียดได้สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการหาเพื่อนคุยเล่นสนุกๆ

– สร้างความสัมพันธ์ที่ดีจากเพื่อนสู่เพื่อนได้

ข้อเสียของ Social Media

– เว็บไซต์ให้บริการบางแห่งอาจจะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป หากผู้ใช้บริการไม่ระมัดระวังในการกรอกข้อมูล อาจถูกผู้ไม่หวังดีนำมาใช้ในทาง
เสียหาย หรือละเมิดสิทธิส่วนบุคคลได้

– Social Network เป็นสังคมออนไลน์ที่กว้าง หากผู้ใช้รู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือขาดวิจารณญาณ อาจโดนหลอกลวงผ่านอินเทอร์เน็ต หรือการนัดเจอ
กันเพื่อจุดประสงค์ร้าย ตามที่เป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์

– เป็นช่องทางในการถูกละเมิดลิขสิทธิ์ ขโมยผลงาน หรือถูกแอบอ้าง เพราะ Social Network Service เป็นสื่อในการเผยแพร่ผลงาน รูปภาพ
ต่างๆ ของเราให้บุคคลอื่นได้ดูและแสดงความคิดเห็น

– ข้อมูลที่ต้องกรอกเพื่อสมัครสมาชิกและแสดงบนเว็บไซต์ในรูปแบบ Social Network ยากแก่การตรวจสอบว่าจริงหรือไม่ ดังนั้นอาจเกิดปัญหา
เกี่ยวกับเว็บไซต์ที่กำหนดอายุการสมัครสมาชิก หรือการถูกหลอกโดยบุคคลที่ไม่มีตัวตนได้

– ผู้ใช้ที่เล่น social network และอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานอาจสายตาเสียได้หรือบางคนอาจตาบอดได้
– ถ้าผู้ใช้หมกมุ่นอยู่กับ social network มากเกินไปอาจทำให้เสียการเรียนหรือผลการเรียนตกต่ำลงได้
– จะทำให้เสียเวลาถ้าผู้ใช้ใช้อย่างไร้ประโยชน์

การประยุกต์ใช้ SOCIAL MEDIA
สำหรับการศึกษา

การประยุกต์ใช้สื่อสังคมสำหรับการศึกษา
ปัจจุบัน Social Media เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน

มากขึ้น โดยเฉพาะกับกลุ่มนักเรียนนักศึกษา มีการใช้ติดต่อ
สื่อสารกันอย่างแพร่หลาย และยังมีบทบาทกับระบบการศึกษา
ด้วย ผู้สอนจะสามารถประยุกต์ใช้ Social Media กับการ
ศึกษา นำมาเป็นช่องทางในการจัดการเรียนการสอนอย่างเป็น
ระบบ และมีประสิทธิภาพเพื่อให้ทันต่อยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง
ไป



สื่อโซเชียลมีเดีย หรือสื่อสังคม ในหลักสูตร และการสอน (Social Media in Curriculum and Instruction)
เนื่องจากวิวัฒนาการของสื่อใหม่ หรือสื่อทางสังคมในปัจจุบัน ได้ก้าวรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว และเป็นที่นิยม

ในการนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในสังคมทุกกลุ่ม ดังนั้นจึงได้มีการนำมาใช้ในวงการศึกษาเรียนรู้จากสื่อประเภท
ดังกล่าวนี้ ซึ่งเหตุผลบางประการสำคัญของการนำเอาสื่อสังคม หรือ Social Media มาใช้ร่วมกันในหลักสูตร
และการเรียนการสอนนั้นมีหลายประการ แต่มีเหตุผล 2 ประการสำคัญที่ Kommer (2011: online) ได้กล่าวไว้
อย่างน่าสนใจว่า
1. สื่อโซเชียลมีเดีย เป็นสื่อที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำให้ผู้เรียนมีอิสระในการเรียนรู้มากยิ่งขึ้น ซึ่งการนำ
เอาสื่อประเภทเหล่านี้เข้ามาใช้ในโรงเรียน จะสนองต่อจุดประสงค์สำคัญ และเป้าหมายที่เกิดขึ้นกับผู้เรียนได้
2. การนำเอาสื่อโซเชียลมีเดียมาใช้ในโรงเรียน ยังเป็นการจำกัดช่องทาง และมีความเหมาะสมสำหรับผู้ใช้ (ผู้
เรียน) ที่จะสามารถพัฒนารูปแบบการสื่อสารได้ด้วยตนเอง โดยเฉพาะการสื่อสารจาการใช้เว็บไซต์ และยังเป็น
ระบบการสอนที่เหมาะสมกับผู้เรียนระดับต้นได้อีกด้วย

สื่อโซเชียลมีเดีย หรือสื่อสังคม ในหลักสูตร และการสอน (Social Media in Curriculum and Instruction)
เนื่องจากวิวัฒนาการของสื่อใหม่ หรือสื่อทางสังคมในปัจจุบัน ได้ก้าวรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว และเป็นที่นิยมในการนำมาใช้กันอย่าง

แพร่หลายในสังคมทุกกลุ่ม ดังนั้นจึงได้มีการนำมาใช้ในวงการศึกษาเรียนรู้จากสื่อประเภทดังกล่าวนี้ ซึ่งเหตุผลบางประการสำคัญของ
การนำเอาสื่อสังคม หรือ Social Media มาใช้ร่วมกันในหลักสูตร และการเรียนการสอนนั้นมีหลายประการ แต่มีเหตุผล 2 ประการ
สำคัญที่ Kommer (2011: online) ได้กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า
1. สื่อโซเชียลมีเดีย เป็นสื่อที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำให้ผู้เรียนมีอิสระในการเรียนรู้มากยิ่งขึ้น ซึ่งการนำเอาสื่อประเภทเหล่านี้เข้า
มาใช้ในโรงเรียน จะสนองต่อจุดประสงค์สำคัญ และเป้าหมายที่เกิดขึ้นกับผู้เรียนได้
2. การนำเอาสื่อโซเชียลมีเดียมาใช้ในโรงเรียน ยังเป็นการจำกัดช่องทาง และมีความเหมาะสมสำหรับผู้ใช้ (ผู้เรียน) ที่จะสามารถพัฒนา
รูปแบบการสื่อสารได้ด้วยตนเอง โดยเฉพาะการสื่อสารจาการใช้เว็บไซต์ และยังเป็นระบบการสอนที่เหมาะสมกับผู้เรียนระดับต้นได้อีกด้วย

การประยุกต์ใช้โซเชียลมีเดียในการจัดการเรียนการสอน

ปัจจุบันกระทรวงศึกษาธิการ มอบหมายให้ สำนักเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน ดำเนินการจัดอบรมเพื่อกระตุ้นให้ครูไทย พัฒนา
ศักยภาพ และส่งเสริมการใช้ Social Media ในการจัดการเรียนรู้ โดยเล็งเห็นความสำคัญในการส่งเสริม และผลักดันให้ครูสามารถนำ
เอาเครื่องมือออนไลน์ที่มีอยู่บนระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตมาใช้ในการเรียนรู้ ให้เกิดเป็นเครือข่าย และเกิดความร่วมมือกันระหว่างครู
กับครู นักเรียนกับครู และนักเรียนกับนักเรียนด้วยกัน โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลา และสถานที่ ก่อให้เกิดการเรียนรู้แบบไม่มีที่สิ้นสุด
(สำนักเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน, 2552) นับเป็นยุคเว็บ 2.0 ที่นักการเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบัน และอนาคตอย่างหลีก

เลี่ยงมิได้ (Jeff Dunn, 2011) โดยเครื่องมือที่ทางสำนักเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน แนะนำให้ครูนำไปปรับใช้ ได้แก่



1. Facebook คือ เว็บไซต์สำหรับให้ครู และนักเรียนสามารถสื่อสาร และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกันได้
โดยการตั้งกลุ่มรายวิชา เพื่อการสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างครูกับนักเรียน และนักเรียนกับนักเรียน
2. Wordpress คือ เว็บไซต์สำเร็จรูป หรือบล็อก ที่นักเรียน และครูสามารถสร้างบล็อกส่วนตัว หรือในแต่ละ
รายวิชา สำหรับเผยแพร่บทเรียนในแต่ละรายวิชา หรือสร้างปฏิสัมพันธ์กับนักเรียนได้
3. YouTube คือ เว็บไซต์ที่ใช้ในการแบ่งปันไฟล์วิดีโอ ครุสามารถอัพโหลด และเผยแพร่วิดีโอการสอนผ่าน
เว็บไซต์นี้ได้ ใช้วิดีโอที่มีอยู่บนเว็บไซต์เป็นสื่อในการเรียนการสอน และนักเรียนสามารถเผยแพร่ผลงานของตนเอง
ให้เพื่อน ๆ และครูได้แสดงความคิดเห็น
4. Twitter คือเว็บไซ๖ที่ใช้ในการสื่อสารข้อความสั้น ๆ โต้ตอบกันอย่างรวดเร็ว
5. Slideshare คือเว็บไซต์ที่ใช้ในการแบ่งปันเอกสารต่างๆ

ปัญหาการใช้ SOCIAL MEDIA ในสังคมปัจจุบัน

1.สื่อสังคมออนไลน์เป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสาร สามารถพูดคุยกับเพื่อน หรือญาติที่อยู่ห่างไกลได้
สะดวกขึ้น คุณครูบางท่านใช้ประสานกับกลุ่มผู้ปกครอง ทำให้สะดวกสบายขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่ปัญหา
การจราจรเพิ่มมากขึ้น
2.ช่วยให้เรามารถเข้าถึงแหล่งความรู้ได้ทั่วโลก ทั้งในการค้นคว้าจากตำรา ตลอดจนมีการเปิดชั้นเรียนสอนออนไลน์
อย่างไรก็ตามผลกระทบแง่ลบก็มีตามมาด้วยเช่นกัน ได้แก่
1.การเสพติดสื่อออนไลน์ ซึ่งมีลักษณะที่สำคัญคือ
เล่นมากจนเกินไป เล่นไม่รู้จักเวลา เพลิน ติดลม บางคนเล่นจนไม่กิน ไม่นอน ไม่ทำกิจกรรมอย่างอื่น เสีย
สัมพันธภาพกับคนรอบตัวหรือมีผลเสียต่อการเรียน
มีอาการเมื่อไม่ได้เล่น เช่น หงุดหงิด อาละวาด ทำลายข้าวของ เครียด ซึมเศร้า มีความต้องการที่จะเล่นเพิ่มมากขึ้น
เรื่อยๆ
ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาด้านอารมณ์และพฤติกรรม ได้

2 การสร้างความสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าโดยอาจจะไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง
3 การเลี่ยงการมีปฏิสัมพันธ์ใน โลกแห่งความจริง แต่ ให้ความสนใจกับโลกออนไลน์แทน
ทำให้เด็กขาดโอกาสในการฝึกพัฒนาทักษะทางสังคม
4 การได้รับข้อมูลที่ไม่ตรงข้อเท็จจริงเช่น การให้ข้อมูลที่ขาดหลักฐานทางวิชาการ
5 ผลเสียด้านสุขภาพ หากมีการใช้มากเกินไป
-อาการทางกายที่ไม่สามารถอธิบายสาเหตุได้ (Unexplained Somatic symptoms) เช่น ปวดหัว
ปวดท้อง ปวดเมื่อยตามตัว
– เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิต
-เพิ่มโอกาสการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ (Venous Thromboembolism) คือ เมื่อนั่งเล่นนานๆ
ร่างกายไม่ได้มีการขยับเคลื่อนไหว การไหลเวียนของเลือดไม่ดี ทำให้มีลิ่มเลือดเกิดขึ้นที่ขาได้
– เพิ่มโอกาสการเกิดลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดที่ปอด (Pulmonary Thromboembolism) เมื่อ มีลิ่ม
เลือดออกที่ขา ลิ่มเลือดจะเดินทางจากขาไปยังปอดตามระบบหมุนเวียนโลหิต แล้วไป อุดตันที่ปอด ทำให้
เสียชีวิตได้
-โรคอ้วน เกิดจากการที่ไม่ได้ทำกิจกรรมที่มีทรเคลื่อนไหวอย่างอื่น บางคนเล่นเกมไป กินไปด้วย

6 มีงานศึกษาวิจัย พบว่าความรุนแรงจากสื่อจะส่งผลให้เด็กเลียนแบบพฤติกรรมก้าวร้าว
7 มีผลให้สมาธิลดลง โดยเฉพาะการเล่นเกมส์
8 อาจมีปัญหาเกี่ยวกับโรคซึมเศร้า วิตกกังวล และขาดความมั่นใจในตัวเอง
วัยรุ่นถ้าใช้เวลาไปกับโลกโซเชียลมากไป ก็อาจจะมีปัญหาเรื่องซึมเศร้ามากขึ้น มีปัญหาเรื่องโรคความวิตกกังวลมาก
ขึ้น และหลายๆ คนอาจมีการเปรียบเทียบตัวเองกับคนที่อยู่บนโซเชียลมีเดีย หลังจากเปรียบเทียบแล้ว สิ่งที่ตามมาก็คือ
ขาดความั่นใจในตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองด้อยค่ากว่าคนอื่นและเกิดปัญหาทางสุขภาพจิตต่างๆ ตามมาหลัง จากการที่รู้สึก
ว่าตัวเองด้อยค่า มากๆ
9 cyber bully การกลั่นแกล้งกันในโลก cyber มีให้เห็นมากขึ้น ในต่างประเทศจะถึงขั้นมีข่าวการฆ่า
ตัวตาย หรือทำร้ายกันจากปัญหานี้


Click to View FlipBook Version