คอ่ นขา้ งไมค่ งท่ี ดูเหมือนมันจะเปลี่ยนทิศอยู่ตลอดเวลา พอ่ จึง
บอกวา่
"ยาวพอแลว้ ลูก เดยี่ วว่าวเราขาด"
"ทำไมละคะ"
"ว่าวของเราเปราะบาง แถมยังเล็ก โดนลมแรง ๆ ตี
เข้าตลอดเวลา แทนที่มันจะขึ้นสูง มันจะขาดอยู่กลางอากาศ
แล้วตกลงมาได้นะ"
"งน้ั เหรอคะ งนั้ พอ่ ชว่ ยหนูผกู ไว้ตรงกิ่งตน้ หวา้ หน่อย"
พ่อหยิบม้วนด้ายจากมือของฉันแล้วไปผูกว่าวไว้ตรง
ต้นหวา้ ที่ข้นึ อยู่รมิ เนนิ ดิน
"เอาละ่ ของนอ้ งต่อ"
น้องสาวโบกมือให้ช่วยยกว่าวขึ้น เธอต้องการวิ่งด้วย
ตัวเอง
วันนั้น แทนที่ว่าวสีแดงของเธอจะลอยสู่เวิ้งว้างของ
ท้องฟ้า เธอกลับต้องแบกแก้มสีเขียวเหม็นร้องไห้กลับบ้าน
เพราะพลาดไปสะดุดก้อนหินระหว่างวิ่งเพื่อเอาว่าวขึ้นไป
ข้างบน ดีนะที่ไหวตัวทันนิดหน่อย ไม่อย่างนั้นคงจะโดดสิ่ง
โสโครกซดั เต็มหนา้ เหมือนปาดหนา้ เค้กแน่ ๆ
ก่อนจะหมดฤดูการเล่นว่าว ฉันได้ว่าวมาไม่รู้กี่อันที่
พ่อทำเองบ้าง เขามักจะเหล่าไม้ไผ่ให้เรียวยาวและทำให้มัน
อ่อนตัว ประกอบเปน็ สว่ นโครงของวา่ วเล็ก ๆ และติดกระดาษ
ด้วยกาว หลายครั้งที่มันแล่นได้ดี และหลายทีเช่นกันที่มันดัน
ขาดกอ่ นที่จะลอยขึ้นสทู่ อ้ งฟ้ายามฤดรู ้อน
ปีนี้ผู้คนเริ่มเกี่ยวข้าวได้ค่อนข้างล่าช้า กลิ่นฟางข้าว
จึงจะถูกสัมผัสได้ก็ต่อเมื่อเดือนรอมฎอนใกล้มาถึง ถึงเวลาท่ี
แม่กับพ่อต้องเตรียมผิวเพื่อสู้กับแดดตลอดทั้งวันในการลง
เกีย่ วข้าวในทุ่งนาแต่ละผนื ท่ีได้ดำไวเ้ มื่อปลายปที ่ผี า่ นมา
ชาวบ้านใช้ประโยชน์จากช่วงต้นของฤดูฝนเพื่อดำนา
และใช้ประโยชน์จากช่วงต้นของฤดูร้อนเพื่อเกี่ยวข้าว พอ
รอมฎอนคืบคลานเข้ามาถึง ผู้คนมักจะหยุดงานบางสว่ นไวแ้ ต่
ไม่ได้อดตาย เพราะในโรงเก็บข้าวเปลือกหลังบ้าน ยังมี
ข้าวเปลือกหลายสิบกระสอบเตรียมไว้สำหรับประทังชีวิตใน
เดอื นรอมฎอนท้ังเดือน
ฉันไม่เคยรู้มาก่อนว่า มีใครบางคนเคยบอกว่า เขา
รู้จักฉันก็ตอนที่เห็นเด็กสองคนกำลังเล่นว่าวอยู่ตรงเนินดิน
ตอนนั้นเราทั้งสองคนเป็นเพียงเด็กตัวเล็ก ๆ ในอ้อมอกท่ี
อบอุ่นของพ่อผู้มีร่างกายกำยำ น่าเกรงขาม และบางที ก็มี
เพียงกางเกงในตัวเดียวที่ติดอยู่กับร่างกายของฉันเมื่ออยู่
ในช่วงที่แม่กำลังดำนา ผิวโดนแดดไหม้เกรียม ร่างกายเต็มไป
ด้วยโคลน ผมที่แข็งทื่อ เหล่านั้นคือเรื่องเล่าตอนสำคัญ เป็น
จุดเริ่มต้นของความผูกพัน ที่เกิดขึ้นอยู่ในหัวใจของคนแปลก
หนา้ ทง้ั สองคนทไี่ ม่เคยทักทายกันเลย...
ว่าวบุหลันของเขา นำพาเรามาเจอกันในอีกยี่สิบกว่า
ปีหลังจากนั้น ว่าวตัวแรกที่พ่อซื้อให้ ยังคงประทับตราอยู่ใน
หัวใจฉนั ไม่มีวนั ลมื
บทที่ 4 ผัดเผ็ดปลาไหล
ฉันเติบโตมากบั กล่ินดิน กลิน่ โคลน และตน้ ไม้ใบหญ้า
แกงและทอดปลาเล็กปลาน้อยท่ีพ่อหาได้จากทุง่ นาเป็นประจำ
เสน่ห์ของมันคือ ความอร่อยที่มีส่วนผสมของกลิ่นดินเล็กน้อย
ติดอยู่กับตัวปลา ปลาดุก ปลาช่อน อืม... และปลาไหล อร่อย
ทส่ี ดุ ในโลก
พ่อเป็นคนไม่ค่อยพกเงินในกระเป๋าเกินกว่าสองร้อย
บาท รายไดจ้ ากการกรีดยางกแ็ บง่ ให้แม่เก้าสิบแปดเปอร์เซ็นต์
เอาไว้ใช้จ่ายในครัวเรือนและค่าเล่าเรียน เขาจึงมักจะทุ่มเท
แรงกายเพื่อหาอาหารโดยไม่ต้องจับจ่ายของบางอย่างตาม
ตลาดนดั โดยเฉพาะปลา
ฉันกับพ่อ เป็นพวกชอบกินเผ็ด น้องสาวกับแม่
คออ่อนต่อพริก ผัดเผ็ดปลาไหลจึงเปน็ เมนูโปรดของฉันกับพ่อ
ทีแรกแม่จะซื้อเคร่ืองแกงผัดเผ็ดจากร้านขายของสดมาทำ แต่
พอฉันได้กินตั้งหลายมื้อ ติดต่อกันหลายปี ก็จับรสชาติของ
เครื่องผัดเผ็ดจากรา้ นได้ว่ามีสว่ นผสมของอะไรบ้าง นำมาแยก
ดูประกอบกับพิจารณาลิ้นของฉันและพ่อ ว่าวัตถุดิบใดไม่ควร
ใช้ วัตถุดิบใดควรใช้ และวัตถุดิบใดควรเพิ่มเติม เพื่อให้อร่อย
ไปอกี ระดับ
หลังจากพ่อตาย ตอนฉันตั้งครรภ์ลูกคนแรก ฉันโหย
หากลิ่นคาวของปลาไหล ที่ติดอยู่ตามซอกหินตอนที่พ่อ
ชำแหละท้องของมัน ทั้งกลิ่นเครือ่ งแกงทีเ่ ราพัฒนาสูตรขึ้นมา
เอง มีกะปิ ขมิ้น พริกไทย พริกแดง หอมแดง กระเทียม ข่า
และตะใคร้ เมื่อทั้งหมดถูกโขลกรวมกัน สัมผัสกับน้ำมันใน
กระทะปะทะจมูกอันเรียวเล็กของฉัน ราวกับมันเข้าไปใน
กระเพาะอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันลิ้มรส ถ้ามีบูดู หรือปลาร้า
อย่างใดอยา่ งหน่ึง ฉนั จะเหยาะมนั ไวด้ ้วยเล็กนอ้ ย
นั่นคือความวิเศษ ส่วนแม่มักจะซอยใบมะกรูดเป็น
ฝอยปดิ ท้าย ก่อนจะผดั รวมกันอกี คร้ังและปิดแก๊ส
หลังบ้านเรา ฉันมักใช้เวลาว่างช่วงปิดเทอมปลูกผัก
สวนครัว นั่นเพราะได้รับอิทธิพลจากแม่ด้วย และความชอบ
ของฉัน ที่ควานหาสิ่งที่สามารถมองเห็นการเติบโตของมัน
อย่างใจเย็น ในทุก ๆ วัน
ฉันปลูกต้นฟักเขียว ออกลูกดกทุกปี เอาไว้แกงต้มจืด
ใสไ่ ก่บา้ ง และแจกเพอื่ นบา้ น ซง่ึ ไม่รวู้ า่ เขากินกันหรอื เปลา่ อีก
ฝั่งก็จะปลูกถั่วฝักยาวบ้านสีม่วงกับพันธุ์สีเขียว ออกผลยาว
ระโยงระยางคลับคล้ายสายริบบิ้นถูกติดปล่อยสัมผัสลมลง
ข้างลา่ งในงานเล้ยี งรุ่น ส่วนถั่วพู มตี น้ ไมท้ ีเ่ กอื บตาย อยู่ข้าง ๆ
ตน้ มะนาว ฉนั ลงเมลด็ ถว่ั พูรอบ ๆ จนมนั โตเลอื้ ยไปตามลำต้น
ออกผลอย่างไม่หยุดหย่อนมาเกือบสามปีแล้ว บ้านเรามีถั่ว
ลันเตา ผักบุ้งและกวางตุ้งผอม ๆ มีต้นมะกรูด มะเขือเปราะ
ใกล้ตาย พริกขี้หนู แตงกวาลูกเท่าหัวแม่มือ มะเขือเทศจินดา
ที่ออกผลเดียวตลอดทั้งปี ตะใคร้ ขมิ้น ข่า กระเจี๊ยบแดง และ
โหระพาใบเล็ก ที่ต้องให้เวลามันผลิใบใหม่อยู่เกือบเดือน
ต้นไม้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสวนผักนี้คงจะเป็นมะเขือพวง ท่ี
นอกจากจะผลิตผลออกมาเยอะมากแลว้ ยังออกลกู ให้ด้วย
ตอนฉันยังไม่ได้ย้ายบ้าน หลังบ้านดูจะอุดมสมบูรณ์
และไร้วัชพืช ก่อนจะกลับมาอีกทีหลังจากปลูกต้นมะม่วงไว้
สองต้น กับฟ้าทะลายโจร และใบเตยไว้ พบวา่ แม่ไม่ทันได้ดูแล
จนหญ้าขน้ึ รกรงุ รังเกอื บเท่าเข่าไปแลว้
…
ผัดเผ็ดปลาไหลของพ่อ ผัดกับมะเขือพวงลูกเล็ก
รสชาตเิ ผด็ รอ้ นจัดจา้ น สีแดงอมเหลอื งราวกบั แสงสดุ ท้ายก่อน
ดวงอาทิตย์อัสดงสู่ความกว้างใหญ่ไพศาลแห่งท้องทะเล เน้ือ
ปลาไหลที่ดึงเอารสของเครื่องแกงทั้งหมดมาอมไว้ ผสานกับ
ความหวานของเนื้อ รสชาติออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด แต่น่ัน
แหละ ตอนน้ผี ดั เผด็ ปลาไหล คล้ายสายฝนในชว่ งหนึ่งของชีวิต
ฉัน ฉันอยากกินมัน ตอนอยู่กับพ่อ เพราะมีพ่อ มันจึงมี
ความหมาย เพราะเป็นปลาไหลที่พ่อหาจากหยาดเหงื่อของ
ตัวเอง มันจึงวิเศษ ตอนนี้พอนึกถึงมัน ฉันจะเศร้าใจ และไม่
ค่อยมีความรู้สึกอยากกินมันอีก ว่ากันว่า อาหารจานหนึ่งอาจ
ไม่ได้พิเศษดว้ ยรสชาติ แต่พิเศษดว้ ยชว่ งเวลาท่ีกลายเปน็ ความ
ทรงจำระหว่างใครบางคนท่ีเคยใช้เวลารว่ มกันผ่านอาหารจาน
นนั้
ฉนั ... คิดถงึ พอ่ เหลอื เกิน
ในบ้าน มีท่อพีวีซีที่พ่อทำไว้ใช้ดักจับปลาไหล หลาย
อันมาก มันถูกวางพิงใกล้ประตูบานไม้ใหญ่ที่กั้นระหว่าง
ครอบครัวของเรากับถนน หลังจากถมดิน ปูพื้นซีเมนต์ใหม่ให้
สูงเท่าถนน ฉันก็ไม่รู้วา่ มันหายไปไหน ไม่เหลือสักอัน ตรงข้าง
ประตูบ้านว่างเปล่า มีเพียงโกยขยะกับชั้นวางที่ฉันใช้วาง
ดอกไมใ้ นงานแต่งงานเทา่ นั้น รอ่ งรอยของพ่อในส่ิงของท่ีพ่อใช้
งานตอนมีชีวิตอยู่ ค่อย ๆ หายไปทีละชิ้น ทีละอัน แม้กระทั่ง
หนงั สือในตู้ ท่ดี ูเหมอื นจะค่อย ๆ น้อยลง
หนงึ่ ปแี ลว้ ทบี่ า้ นน้ีเงยี บเหงา
แม่มักจะรำพันยามที่พวกเราได้ใช้เวลาคุยเรื่องเก่า ๆ
ร่วมกันว่า
" ใจจริง อยากให้เขาฟ้ืนขึ้นมา"
ฉันรู้แมย่ ังจดจำใบหนา้ พอ่ ไมม่ ีวนั ลมื
"แม่ยงั จำหน้าพ่อได้ ไมม่ ีวนั ลมื " นั่นคือส่งิ ทแ่ี ม่พดู
" ความตายเป็นความชัดเจนเดียวที่เราไม่สามารถ
ย้อนมนั ได้ เรากเ็ ช่นกัน ไม่ร้เู ลย วา่ จะไปเม่อื ไหร"่
แล้วบรรยากาศในวันนั้น ก็ทิ้งไว้เหลือแต่ความเงียบ
งันระหว่างเรา เหลือเพียงโมบายรูปดาวและรูปเปลือกหอยท่ี
สมั ผสั ลม ดงั กรุง้ กริง้ อยอู่ ย่างนั้น
ตอนฉันแพ้ท้อง ฉันอยากกินปลาจากทุ่งนามาก สามี
ไม่เคยถูกฝึกให้ช่ำชองในการหาปลาในทุ่งนา ด้วยเพราะในวยั
เด็ก เคยถูกมีดพร้าฟันลงเหนือเข่าด้วยอยากตัดน้ำในทุ่งนา
ช่วงฤดูฝนให้ขาด เขาก็ไม่มีเวลาไปข้องเกี่ยวกับทุ่งนาอีกเลย
ประกอบกับตอนนี้ ที่ความอุดมสมบูรณ์แห่งท้องทุ่ง ค่อย ๆ
มลายหายไป
มีโรงไฟฟ้าชีวมวล ผลิตเเบตเตอรี่แห้งโผล่เป็นอาคาร
สูงใหญ่สองอาคารกลางทุ่งนา ไม่มีเด็ก ๆ เล่นว่าวอีกตอ่ ไป ย่ิง
นับปี แก๊สเรือนกระจกที่เปน็ ตน้ เหตใุ หก้ ระจกกันอุณหภมู ิของ
แสงอาทิตย์ลงมายังโลก ค่อย ๆ ถกู ทำลาย อากาศคอ่ ย ๆ ร้อน
จนแม้จะอยู่ในบ้านกค็ ล้ายว่าผิวจะไหม้แดดอยูต่ ลอดเวลา มัน
ร้อนจนถึงกระดกู ในเลยก็ว่าได้
หลายครง้ั ทฉ่ี ันรู้สึกหงุดหงิดกบั พวกนายทุน และพวก
แนวหน้าของหมู่บ้านแห่งนี้ สามีเล่าว่าผู้ใหญ่บ้านเข้าร่วม
ประชุมทำประชามติสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน โดยไม่ตระหนักรู้
ว่ามันจะสร้างความเสียหายแก่ชาวบ้านระยะยาวมากแค่ไหน
สิ่งที่ผู้นำ นำมันกลับมาหยิบยื่นให้ชาวบ้าน คือข้อมูลที่ว่า ถ้า
ทุกอย่างราบรื่น จะมีเงินทุนอะไรบางอย่างให้ ชาวบ้านจะมี
อาชพี รอ้ ยแปดเหตผุ ลสารพัด และน่ัน ก็คือการเมืองแห่งแวด
วงธุรกิจของผู้ที่ชอบหาผลประโยชน์ใส่ตัวเองโดยไม่สนความ
เดือดร้อนของคนอนื่
ในหมู่บา้ นตอนน้ี อากาศรอ้ นแทงกระดกู ผู้คนตกงาน
กันเยอะแยะ ระบบนิเวศทางท้องทุ่งถูกทำลาย เวลาขึ้นไปอยู่
ในที่สูง บนแนวเขื่อนที่เห็นวิวเกือบทั้งหมู่บ้าน จะเห็นได้
ชดั เจนว่าสิ่งทป่ี กคลุมทน่ี ่ีมแี ต่ควนั ดำ...
ปลาไหล และปลาตามทุ่งนาก็ค่อย ๆ ลดจำนวนลง
เป็นเวลาหนึ่งปีกว่าแล้ว ที่ฉันไม่ได้สัมผัสรสชาติของปลาไหล
และปลาเล็กปลาน้อยหลากหลายขนิดกลางทุ่งนา
เชน่ เดยี วกบั ทีก่ ล่นิ เหง่ือของพอ่ ไดห้ ายไปตั้งหน่งึ ปีกวา่
มีความรู้สึกว่าอะไรบางอย่างในตัวเองได้หายไปส่วน
หนึ่ง ชีวิตในแต่ละวัน ไม่ค่อยจะสนุกเท่าที่ควร วัน ๆ ก็หาม
แบกอยู่กับความรับผิดชอบของตัวเอง และหน้าที่ โกรธผู้ชาย
ที่เข้ามาจีบแม่กันยาวเป็นแถว น้องสาวที่ดูท่าว่าจะได้เป็นฝั่ง
เปน็ ฝาในอกี หน่ึงถึงสองปี สภาพบ้านทีเ่ ปล่ยี นไปเยอะ
หลังจากถนนใหญ่ส่เี ลนส์ถูกสรา้ งแล้วเสร็จ ครอบครัว
เราพอจะมีเงินกอ้ นหนึ่งเพือ่ ถมบ้านให้สงู ขึ้นเท่าระดับถนน ไว้
รับมือกับช่วงฤดูฝน ที่น้ำอาจทะลักลงสู่หมู่บ้าน และบ้านฉัน
ช้ันลา่ งจะกลายเป็นทะเลสาปขนานใหญ่ทกุ ปี เพยี งแค่แต่ละปี
ที่พวกเราเติบโตขึ้น เราเรียนรู้ที่จะเลิกว่ายน้ำและมองว่ามัน
สกปรกเก่งข้นึ มาทกุ ที
บ้านไม้ถูกร้อื แลว้ สร้างบา้ นปูนจนถึงฝั่งหลังสุดห้องน้ำ
ไม่มีหน้าต่างบานเก่าทีฉ่ ันใช้รับลมในช่วงกลางคืนอีก ไม่มีดวง
จันทร์ดวงนั้นอีกต่อไป ต้นไผ่ขนาดใหญ่ ต้นมะม่วงกับต้น
ปาล์มของเพ่อื นบ้านถูกขดุ ออกจนเหลอื แต่ความวา่ งเปลา่ เพื่อ
ถมดินใหม่ไว้ใช้สร้างบ้าน ได้ยินว่าลูกสาวคนกลางของเพื่อน
บ้านจะกลับมาอยูใ่ กลบ้ า้ นเรา
...
ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างเร็วไว ภาพวาดบนผนัง
ห้องนอนถูกช่างทุบไม้ที่เปรียบเสมือนผ้าใบรองรับฝีแปรงของ
ฉันทุบจนแหลกละเอียด ไม่เหลือเค้าโครงเดิม อุปกรณ์หาปลา
ของพอ่ ถูกเศษไม้ทับถมกนั เป็นชั้นอยู่หลงั บ้าน จนเมอ่ื ไมก่ ว่ี ันท่ี
ผ่านมา ก็เห็นเป็นที่พักอาศัยของสัตว์ชนิดแกะไม้กองสุมอยู่
ตรงนั้นราวกบั สรา้ งอาณาจกั รใหม่
พ่อได้ตายจากไปแลว้ จรงิ ๆ จากบา้ นหลังนี้ ...
บทท่ี 5 ฤดฝู นในบา้ นหลังเกา่