แผนการจัดการเรียนรู้ แบบบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) พุทธศักราช 2562 วิชา ความรู้เกี่ยมกับมาตรฐานการผลิตและผลผลิต ทางการเกษตร รหัส 20500-1004 จัดทำโดย นายวุฒินันต์ แสงอ้าย วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีตาก สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
แผนการจัดการเรียนรู้ วิชา ความรู้เกี่ยมกับมาตรฐานการผลิตและผลผลิต ทางการเกษตร รหัส 20500-1004 โดย นายวุฒินันต์ แสงอ้าย วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีตาก สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
(1) คำนำ แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาวิชา ความรู้เกี่ยมกับมาตรฐานการผลิตและผลผลิต ทางการเกษตร รหัส 20500-1004 นี้ได้เรียบเรียงขึ้นตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2562 เพื่อใช้ในการเรียนการสอนของนักศึกษาระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพ เป็น แผนการจัดการเรียนรู้ ที่มีสาระการเรียนรู้ ใบงาน วิธีประเมินผล คุณธรรม จริยธรรม โดยในการ จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ครั้งนี้ มีทั้งหมด 4 หน่วยการเรียน ประกอบด้วย หน่วยการเรียนที่ 1.ประวัติ ความสำคัญ และหลักการของ อกท. หน่วยการเรียนที่ 2. การบริหารงานและการ ดำเนินงาน หน่วยการเรียนที่3. การจัดกิจกรรมหลัก และหน่วยการเรียนที่ 4. วิธีปฏิบัติของ อกท. โดยผู้จัดทำได้ยึดแนวนโยบายที่มุ่งเน้นสมรรถนะอาชีพและให้นักศึกษาได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมการ จัดการเรียนการสอนตามแนวทางสภาพการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ นอกจากนี้ ผู้จัดทำได้สอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์และหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง ในหน่วยการเรียนที่ 3 เรื่องการจัดกิจกรรมหลัก ทั้งนี้เพื่อให้เกิดประโยชน์ สูงสุดแก่ผู้เรียนและการจัดการเรียนการสอน ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า แผนการจัดการเรียนรู้เล่มนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อการ เรียนการสอน และการเรียนรู้ของนักเรียน นักศึกษา เพื่อให้การศึกษาทัดเทียมกับระดับสากล วุฒินันต์ แสงอ้าย วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีตาก
(2 ) สารบัญ เรื่อง หน้า คำนำ (1) สารบัญ (2) คำอธิบายรายวิชา ( 3 ) ตารางวิเคราะห์สมรรถนะรายวิชา 1 กำหนดการสอน 2 แผนการจัดการเรียนรู้ 3 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 3 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 7 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 18 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 31 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 48 ภาคผนวก 73ก แบบประเมินด้วยแฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) 74ข แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล 75ค แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม 76ง แบบประเมินการนำเสนอผลงานรายบุคคล 77จ แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม 78ฉ แบบรวมคะแนนการประเมินคุณธรรม จริยธรรม 79ช แบบสรุปผลการประเมินคุณธรรม จริยธรรม 80
2 20500-1004 ความรู้เกี่ยวกับมาตรฐานการผลิตและผลิตผลทางการเกษตร 2-0-2 (Introduction to Standards of Agricultural Production and Products) จุดประสงค์รายวิชา เพื่อให้ 1. เข้าใจในหลักการและกระบวนการมาตรฐานการผลิตและผลิตผลทางการเกษตร มาตรฐาน ฟาร์ม การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีด้านพืช สัตว์และสัตว์น้า การวางแผน เตรียมการและจัดการเกษตร ที่ดี 2. สามารถวิเคราะห์วางแผนและจัดการ การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีโดยประยุกต์ใช้หลักการ เกษตรทฤษฎีใหม่และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ค านึงถึงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า 3. มีเจตคติและกิจนิสัยที่ดีในการทางานด้วยความรับผิดชอบ รอบคอบ ขยัน และอดทน สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ มาตรฐานการผลิตและผลิตผลทางการเกษตร มาตรฐานฟาร์ม การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีด้านพืช สัตว์และสัตว์น้า 2. วางแผน และจัดการทางการเกษตรที่ดีตามหลักการและกระบวนการ 3. เตรียมการจัดการทางการเกษตรที่ดีตามมาตรฐานฟาร์ม ค าอธิบายรายวิชา ศึกษาเกี่ยวกับ ความส าคัญของมาตรฐานการผลิตและผลิตผลทางการเกษตร มาตรฐานฟาร์ม การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีด้านพืช (มาตรฐานฟาร์มพืช การปฏิบัติที่ดีด้านการผลิตพืช) มาตรฐานการ ผลิตสัตว์(มาตรฐานฟาร์มสัตว์การปฏิบัติที่ดีด้านการผลิตสัตว์) มาตรฐานการผลิตสัตว์น้ า (มาตรฐาน ฟาร์มสัตว์น้ า การปฏิบัติที่ดีด้านการผลิตสัตว์น้ า) มาตรฐานผลิตผลทางการเกษตรการวางแผน เตรียมการ และจัดการเกษตรที่ดีการวางแผน เตรียมการและจัดการเกษตรที่ดี
3 หน่วยการเรียนรู้ หน่วย การเรียนรู้ที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ จ านวน ชั่วโมง สัปดาห์ที่ 1 ความส าคัญของมาตรฐานการผลิตและผลิตผลทางการเกษตร - สาเหตุที่ท าให้เกษตรกรผลิตสินค้าเกษตรไม่ปลอดภัย - มาตรฐาน GAP ส าหรับพืชอาหาร - ผลที่ได้จากการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) 4 1-2 2 มาตรฐานฟาร์ม การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีด้านพืช - หลักการเกี่ยวกับการผลิตพืช 4 3-4 3 มาตรฐานผลิตผลทางการเกษตรการวางแผน เตรียมการ และ จัดการเกษตรที่ดี - การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีส าหรับพืช (GAP พืช) - การจัดการโรงเรือนและอุปกรณ์ - การจัดการด้านสิ่งแวดล้อม 6 5-7 4 การรับรองมาตรฐาน การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี - ความหมายและความส าคัญในการเข้าสู่กระบวนการ ปฏิบัติการเกษตรสู่มาตรฐานสากล 4 8-9 5 มาตรฐานบางประการส าหรับการเลี้ยงสัตว์ในประเทศไทย - มาตรฐานบางประการส าหรับการเลี้ยงสัตว์ในประเทศไทย - วัตถุประสงค์ของการจัดท ามาตรฐานฟาร์ม - องค์ประกอบพื้นฐานของฟาร์มเลี้ยงสัตว์ที่ขอใบรับรอง มาตรฐาน - กฎ/ ข้อบังคับอื่นๆ ตามกฎหมาย 6 10-12 6 มาตรฐานสินค้าเกษตรและความปลอดภัยอาหาร - การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีส าหรับพืชอาหาร 4 13-14 7 มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ - หลักการของเกษตรอินทรีย์ - มาตรฐานเกษตรอินทรีย์และเครื่องหมายรับรอง - ข้อก าหนดและวิธีการผลิตพืชอินทรีย์ 4 15-16 8 พระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ.2551 และการ แสดงเครื่องหมายรับรองมาตรฐาน - พระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตรพ.ศ.2551 - ประเภทและลักษณะมาตรฐานสินค้าเกษตร - การตรวจสอบและรับรองมาตรฐาน - อ านาจพนักงานเจ้าหน้าที่ 4 17-18
4 ตารางวิเคราะห์หลักสูตร รหัสวิชา 20500-1004 ชื่อวิชา ความรู้เกี่ยวกับมาตรฐานการผลิตและผลิตผลทางการเกษตร ทฤษฎี 2 ปฏิบัติ 0 หน่วยกิต 2 ชั้น ปวช. พฤติกรรม หน่วยการเรียนรู้ที่/หัวข้อย่อย พุทธิพิสัย ทักษะพิสัย จิตพิสัย รวม ล าดับความส าคัญ ความรู้ ความ จ านวนชั่วโมง เข้าใจ น าไปใช้ วิเคราะห์ สังเคราะห์ ประเมินค่า 1. ความส าคัญของมาตรฐานการผลิตและ ผลิตผลทางการเกษตร 3 2 1 1 - - - 1 8 4 4 2. มาตรฐานฟาร์ม การปฏิบัติทางการเกษตรที่ ดีด้านพืช 3 2 2 1 1 - - 2 11 3 4 3. มาตรฐานผลิตผลทางการเกษตรการวางแผน เตรียมการ และจัดการเกษตรที่ดี 3 2 3 2 1 1 - 3 15 2 6 4. การรับรองมาตรฐาน การปฏิบัติทาง การเกษตรที่ดี 3 3 2 1 1 - - 2 12 3 4 5. มาตรฐานบางประการส าหรับการเลี้ยงสัตว์ ในประเทศไทย 3 1 2 1 1 - - 3 11 3 6 6. มาตรฐานสินค้าเกษตรและความปลอดภัย อาหาร 2 3 3 3 1 1 - 5 18 1 4 7. มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ 2 2 2 1 1 1 - 2 12 3 4 8. พระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ.2551 และการแสดงเครื่องหมายรับรอง มาตรฐาน 3 2 2 2 1 1 - 2 13 3 4 รวม 22 17 17 12 7 4 - 20 100 - 36 ล าดับความส าคัญ 1 3 4 5 6 7 - 2 - - - 4
5 แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 1 - 2 หน่วยที่ 1 วิชา ความรู้เกี่ยวกับมาตรฐานการผลิตและผลิตผลทางการเกษตร สอนครั้งที่ 1-2 ชื่อหน่วย ความส าคัญของมาตรฐานการผลิตและผลิตผล ทางการเกษตร จ านวนชั่วโมง 4 เรื่อง : มาตรฐานการผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัย ชั่วโมงรวม 4 1. สาระส าคัญ สภาวการณ์ผลิตพืชอาหารทางการเกษตรของประเทศไทยในปัจจุบัน เริ่มตระหนักถึงความส าคัญ ในการผลิตพืชอาหารปลอดภัยส าหรับการบริโภคในประเทศและการส่งออก เนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพของ ประชากรในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น และข้อจ ากัดทางด้านการค้าระหว่างประเทศเกี่ยวกับการส่งผลิตผลทางการ เกษตรไปจ าหน่ายยังประเทศต่างๆที่มีข้อบังคับว่าด้วยสินค้าทางการเกษตรที่จะน าเข้าสู่ประเทศนั้นๆต้องผ่าน มาตรฐานการรับรองที่เป็นสากล 2. สมรรถนะประจ าหน่วย - แสดงความรู้เกี่ยวกับความส าคัญของมาตรฐานการผลิตและผลิตผลทางการเกษตร 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ด้านความรู้ 3.1.1 อธิบายมาตรฐานการผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยได้ 3.1.2 บอกความส าคัญของมาตรฐานการผลิตและผลิตผลทางการเกษตรได้ 3.2 ด้านทักษะ - บอกปัญหาและแนวทางการแก้ปัญหามาตรฐานการผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยทางการเกษตรของไทยได้ 3.3 คุณลักษณะที่พึงประสงค์ 3.3.1 มีเจตคติและกิจนิสัยที่ดีต่อมาตรฐานการผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัย 3.3.2 ท างานด้วยความรับผิดชอบ รอบคอบ ขยัน อดทน และสามารถท างานร่วมกับผู้อื่น 4. เนื้อหาสาระการเรียนรู้ 4.1 มาตรฐานการผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัย
6 สภาวการณ์ผลิตพืชอาหารทางการเกษตรของประเทศไทยในปัจจุบัน เริ่มตระหนักถึงความส าคัญในการ ผลิตพืชอาหารปลอดภัยส าหรับการบริโภคในประเทศและการส่งออก เนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพของประชากรใน ประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น และข้อจ ากัดทางด้านการค้าระหว่างประเทศเกี่ยวกับการส่งผลิตผลทางการเกษตรไปจ าหน่าย ยังประเทศต่างๆที่มีข้อบังคับว่าด้วยสินค้าทางการเกษตรที่จะน าเข้าสู่ประเทศนั้นๆต้องผ่านมาตรฐานการรับรองที่ เป็นสากล อะไรคือสภาพปัญหาความไม่ปลอดภัยของสินค้าเกษตร สามารถสรุปได้ดังนี้ 1. การปนเปื้อนสารเคมีและจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ได้แก่สารเคมีป้องกันก าจัดศัตรูพืชที่ใช้ใน ระหว่างขั้นตอนการเพาะปลูก และจุลินทรีย์ที่ท าให้เกิดโรค ปนเปื้อนในผลิตผลทางการเกษตรทั้งในระหว่าง การเพาะปลูก การเก็บเกี่ยวและการขนส่ง เช่น เชื้อ Salmonella spp. เชื้อ Escherichia coli ซึ่งเป็น จุลินทรีย์ที่เกี่ยวข้องกับโรคระบบทางเดินอาหาร เป็นต้น นอกจากนี้ยังพบการปนเปื้อนของสารปฏิชีวนะ ตกค้างในผลิตภัณฑ์สัตว์น้ าและปศุสัตว์ สารพิษอะฟลาท็อกซินที่เกิดจากเชื้อรา ที่พบมากในถั่วลิสง ข้าวโพด และการใช้วัตถุเจือปนเพื่อการถนอมอาหารอย่างผิดวิธี เช่น สารฟอกขาว สารกันบูด สารบอแร็ก เป็นต้น 2. การมีพฤติกรรมบริโภคที่ไม่ถูกหลักโภชนาการของประชากร ท าให้มีการเจ็บป่วยและเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ความดันโลหิตสูง และโรคระบบทางเดินอาหาร ตลอดจนอาการป่วยเรื้อรังรักษาไม่หายที่เพิ่มสูงขึ้น สาเหตุที่ท าให้เกษตรกรผลิตสินค้าเกษตรไม่ปลอดภัย 1. เกษตรกรส่วนใหญ่ยังขาดความรู้และทักษะในการผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัย 2. เกษตรกรขาดแรงจูงใจและทัศนคติที่ดีในการผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัย 3. ขาดความเชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิต ผู้ค้า และผู้บริโภค ท าให้ตลาดสินค้าเกษตรปลอดภัยในประเทศไทยมี จ ากัด ด้วยเหตุนี้ทั้งภาครัฐและเอกชน จึงควรให้ความส าคัญและร่วมมือกันเกี่ยวกับการน า การปฏิบัติทาง การเกษตรที่ดี (GAP = Good Agricultural Practice) มาส่งเสริมให้เกิดความรู้ความเข้าใจในภาคการเกษตรของ ประเทศ ให้เกิดการปฏิบัติเพื่อป้องกัน หรือลดความเสี่ยงของอันตรายที่เกิดขึ้นระหว่างการเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว และการจัดการหลังการเก็บเกี่ยว เพื่อให้ได้ผลิตผลที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และเหมาะสมต่อการบริโภค มาตรฐาน GAP ส าหรับพืชอาหาร การรับรองมาตรฐาน GAP ที่ผ่านมา ใช้มาตรฐาน GAP ของกรมวิชาการเกษตรในการตรวจรับรองแปลง โดยที่ผ่านมา มกอช. (ส านักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ) ได้พัฒนามาตรฐาน GAP ส าหรับพืช อาหาร (มกษ.9001-2552) โดยปรับปรุงและประกาศใช้ในปี 2552 โดยอ้างอิงและเทียบเคียงมาตรฐาน Codex มาตรฐาน ASEAN และมาตรฐานกรมวิชาการเกษตร และในปัจจุบันได้มีการใช้ มกษ. GAP พืชอาหาร (มกษ.9001- 2556) ที่ได้ปรับให้สอดคล้องกับมาตรฐาน ASEAN ซึ่งได้ประกาศเป็นมาตรฐานของประเทศ ผลที่ได้จากการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) 1. ได้ผลิตผลที่มีคุณภาพและปลอดภัยส าหรับผู้บริโภคทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ 2. เกษตรกรผู้ผลิตมีสุขภาพอนามัยดีขึ้น ประหยัดค่าใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาลจากการเจ็บป่วย 3. ผู้บริโภคเชื่อมั่นในสินค้าทางการเกษตรของประเทศไทย
7 4. รักษาสภาพแวดล้อม และเกิดระบบการผลิตสินค้าเกษตรแบบยั่งยืน สิ่งที่ควรรู้ก่อนจะเพาะเห็ดถั่งเช่าเป็นอาชีพ เห็ดถั่งเช่าเป็นเห็ดที่เกิดขึ้นจากการที่เชื้อราเจริญบนซากหนอนแมลง ในธรรมชาติของเชื้อเห็ดถั่งเช่านั้น มี อยู่หลายสายพันธุ์ โดยแต่ละสายพันธุ์ก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไป แม้กระทั่งถั่งเช่าจากทิเบตที่ถือว่าเป็นถั่ง เช่าแท้ๆที่มีชื่อเสียงด้านสรรพคุณ ก็ยังมีคุณภาพและแบ่งเกรดต่างๆกัน ส่วนเห็ดถั่งเช่าสีทอง เกิดจากการเพาะเลี้ยง และคัดเลือกสายพันธุ์ในห้องปฏิบัติการ โดย เห็ดถั่งเช่าสีทอง เป็นเห็ดตระกูลเดียวกับเห็ดถั่งเช่าทิเบต แต่ต่างเหล่า พันธุ์(Species) ซึ่งเป็นคนละชนิดกับเห็ดถั่งเช่าแท้ เพราะถั่งเช่าแท้ยังไม่สามารถเพาะให้มีคุณสมบัติแบบธรรมชาติ ได้ ราคาจ าหน่ายถั่งเช่าแท้ จึงมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละหนึ่งล้านบาทขึ้นไป ส าหรับหลักสูตรที่ฝึกอบรมการเพาะเห็ด ถั่งเช่าที่เปิดกันทั่วไปจึงเป็นการเพาะเห็ดถั่งเช่าสีทอง ปัจจุบันสายพันธุ์ที่มีการท าวิจัยและศึกษาสรรพคุณมาแล้ว และเป็นที่ต้องการในท้องตลาดคือ Cordyceps sinensis (cs-4) เนื่องจากสรรพคุณของเห็ดถั่งเช่า ไม่ว่าจะเป็นถั่งเช่าทิเบตแท้ หรือถั่งเช่าสีทอง ที่มีอยู่มากมาย เช่น ช่วย บ ารุงร่างกาย บ ารุงก าลัง เพิ่มภูมิต้านทานโรคท าให้ร่างกายสดชื่น ช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ในร่างกาย ชะลอความแก่ชราและความเสื่อมของเซลล์ต่างๆในร่างกาย ช่วยลดความดันโลหิตสูง ลดระดับน้ าตาลใน เลือด ลดระดับคลอเรสเตอรอล และรักษาสมดุลของคลอเรสเตอรอลในหลอดเลือด ช่วยในด้านอารมณ์ ระงับ ประสาท ท าให้จิตใจสงบผ่อนคลาย ช่วยเพิ่มความจ า ป้องกันโรคความจ าเสื่อมในผู้สูงอายุ และจากงานวิจัยพบว่าถั่ง เช่าช่วยให้ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังมีอาการดีขึ้นมากถึง 51% หลังจากบริโภคถั่งเช่า 1 เดือน นอกจากนี้สรรพคุณที่เป็นที่ สนใจกันมากก็คือบ ารุงและเสริมสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งได้มีรายงานวิจัยจากต่างประเทศในสัตว์ทดลองและมนุษย์ มาแล้ว จึงท าให้มีผู้สนใจเป็นอย่างมากจากกลุ่มที่เป็นผู้รักสุขภาพ จากความต้องการของผู้บริโภค รวมทั้งราคาจ าหน่ายที่สูงมากของเห็ดชนิดนี้ ท าให้มีผู้เปิดหลักสูตร ฝึกอบรมการเพาะเห็ดถั่งเช่ากันมากมายหลายที่ และมีวิธีการเพาะที่แตกต่างกันออกไป และมีผู้สนใจจ านวนมากที่ ยอมเสียเงินเข้าไปรับการฝึกอบรม โดยคาดหวังว่าจะน ามาประกอบเป็นอาชีพ แต่ผู้ที่คิดจะเพาะเป็นอาชีพควร ค านึงถึงสิ่งเหล่านี้ให้มาก ในเรื่องของการลงทุน เพราะเห็ดชนิดนี้ต้องการสภาพแวดล้อมในการเจริญเติบโตค่อนข้าง
8 จ าเพาะ ลักษณะโรงเรือนหรือตู้เพาะเห็ดต้องปรับอุณหภูมิเฉลี่ยขั้นต่ า 25 องศาเซลเซียส จึงจ าเป็นต้องติดตั้ง เครื่องปรับอากาศ นอกจากนี้สถานที่ซึ่งใช้เพาะเห็ดและอุปกรณ์ที่ใช้ต้องได้มาตรฐานและถูกสุขลักษณะ สามารถ ควบคุมกระบวนการเพาะได้เกือบ 100% และสิ่งส าคัญที่สุดคือตลาดรับซื้อที่จะน าไปแปรรูปท าเป็นอาหารเสริม ซึ่ง ผู้เพาะควรค านึงถึงว่าผลผลิตที่เพาะออกมาได้นั้นใช่ว่าจะจ าหน่ายกันได้ง่ายๆ เพราะจะต้องมีการตรวจสอบ แหล่งที่มา กระบวนการผลิต และการตรวจสอบคุณภาพของเห็ดด้านสารองค์ประกอบที่มีสรรพคุณทางยา ที่กว่าจะ ผ่านกระบวนการเหล่านี้ได้ ต้องใช้เวลามากพอสมควร ซึ่งคาดว่าผู้เพาะรายใหม่ๆคงไม่สามารถแบกรับต้นทุนการ ผลิตเหล่านี้ได้ ส าหรับผู้ที่สนใจจะเพาะเห็ดถั่งเช่าเป็นอาชีพ ควรจะต้องพิจารณาให้ดี เนื่องจากเห็ดชนิดนี้ไม่ใช่ ส าหรับเป็นอาหารทั่วๆไป เพราะส่วนใหญ่จะถูกน าไปใช้เป็นอาหารเสริมสุขภาพ แม้ว่าราคาจ าหน่ายของเห็ดชนิดนี้ จะมีราคาแพงแต่ก็ใช่ว่าจะมีตลาดรองรับซื้อทั้งหมด เพราะผู้ซื้อก็ย่อมจะต้องเลือกสายพันธุ์ที่มีคุณภาพ แหล่งผลิตที่ ได้มาตรฐานที่มีการควบคุมคุณภาพการผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าผลิตออกมาเป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องการบริโภค จ าเป็นต้องได้รับมาตรฐาน อย. ของส านักงานคณะกรรมการอาหารและยา สรุปก็คือ การเพาะเห็ดถั่งเช่าไม่ใช่เรื่องยาก เพราะสามารถเรียนรู้ได้ แต่สิ่งที่ยากกว่าและต้องค านึงถึงให้ มากๆก่อนจะเพาะเป็นอาชีพคือการตลาดและแหล่งรับซื้อ เห็ดพิษ เห็ดส่วนใหญ่ที่น ามาบริโภค ได้แก่ เห็ดนางรม เห็ดนางฟ้า เห็ดฟาง เห็ดหูหนู เห็ดเป๋าฮื้อ และเห็ดอีกหลาย ชนิด มีคุณค่าทางอาหารประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน แร่ธาตุและวิตามินชนิดต่างๆ แตกต่างกันออกไป และอาจกล่าวได้ว่าเห็ดสามารถน ามาใช้เป็นอาหารที่มีคุณค่าเทียบเท่ากับเนื้อสัตว์ จึงเหมาะส าหรับผู้บริโภคที่ รับประทานอาหารมังสวิรัติ หรือผู้ที่ต้องการรักษาสุขภาพ เนื่องจากเห็ดไม่มีสารคลอเรสเตอรอล ที่เป็นอันตรายต่อ
9 ระบบไหลเวียนของโลหิต และพบว่ามีปริมาณโซเดียมต่ า จึงจัดเป็นอาหารที่เหมาะแก่ผู้ที่มีปัญหาทางสุขภาพ ได้แก่ ผู้ป่วยที่เป็นโรคตับ ไต หัวใจ และความดันโลหิตสูง อย่างไรก็ตามการจ าแนกประเภทของเห็ด สามารถจ าแนกได้เป็น 3 กลุ่มได้แก่ 1. กลุ่มที่ใช้เป็นอาหาร เห็ดมีคุณค่าทางอาหารหลายชนิดโดยเฉพาะโปรตีนและวิตะมิน ได้แก่ เห็ดนางรม เห็ด นางฟ้า และเห็ดเป๋าฮื้อ เป็นต้น 2. กลุ่มที่ใช้เป็นยาสมุนไพร เห็ดนอกจากเป็นอาหารแล้วยังมีคุณค่าในเรื่องของสรรพคุณทางยา ได้แก่ เห็ด หลินจือ เห็ดหอม 3. กลุ่มเห็ดที่มีพิษ เห็ดในกลุ่มนี้หลายชนิดมีพิษรุนแรง หากบริโภคเข้าไปอาจท าให้เสียชีวิต ได้แก่ เห็ด ระโงกหิน (ภาคกลาง) เห็ดระงาก (ภาคอีสาน) เห็ดเหล่านี้แม้จะต้มให้สุกเป็นเวลานาน แต่ยังคงความเป็น พิษเพราะความร้อนไม่สามารถสลายสารพิษที่อยู่ในเห็ดกลุ่มนี้ เนื่องจากภูมิอากาศของประเทศไทยซึ่งอยู่ในเขตร้อนชื้น ท าให้พบเห็ดหลากหลายชนิด ซึ่งรวมทั้งเห็ดที่มี พิษอีกหลายชนิดด้วย ปัญหาที่ส าคัญเมื่อพบผู้ป่วยจากการรับประทานเห็ดพิษ ส่วนใหญ่แล้วแพทย์หรือแม้แต่ผู้ป่วย ไม่รู้จักเห็ดชนิดนั้น อย่างไรก็ตาม ในเห็ดพิษชนิดเดียวกันอาจมีสารพิษอยู่หลายชนิดต่างๆ กัน ตามพื้นที่ที่เห็ดขึ้น รวมทั้งการพิสูจน์ว่าเป็นเห็ดชนิดใด อาจต้องใช้เวลามากจนให้การรักษาไม่ทันการ การวินิจฉัยและการรักษาภาวะ พิษจึงขึ้นอยู่กับลักษณะทางคลินิก โดยเฉพาะอาการแสดงเบื้องต้นและระยะเวลาที่เริ่มแสดงอาการเป็นส าคัญ โดยทั่วไปแล้วเห็ดพิษและเห็ดรับประทานได้อาจมีรูปทรงคล้ายคลึงกัน จึงมีคนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์เก็บเห็ดที่มีพิษมา กินจนท าให้เสียชีวิตไปแล้วหลายราย ส าหรับเห็ดพิษในประเทศไทย สมาคมนักวิจัยและเพาะเห็ดแห่งประเทศไทย ได้จ าแนกเห็ดพิษที่ส ารวจพบโดยจัดท าหนังสือเห็ดพิษ แยกตามกลุ่มสารพิษได้เป็น 7 กลุ่มดังนี้ 1. กลุ่มที่สร้างสารพิษ Cyclopeptides เป็นสารพิษที่ท าลายเซลล์ของตับ ไต ระบบทางเดินอาหาร ระบบ เลือด ระบบหายใจและระบบสมอง ท าให้ถึงแก่ชีวิตภายใน 4-10 ชั่วโมง นับได้ว่าเป็นสารพิษในเห็ดที่ ร้ายแรงที่สุด เห็ดพิษที่อยู่ในกลุ่มนี้ที่พบในประเทศไทยของเราได้แก่ เห็ดระโงกหิน เห็ดไข่ตายซาก 2. กลุ่มที่สร้างสารพิษ Monomethylhydrazin สารพิษนี้ท าให้ถึงแก่ความตายหากรับประทานเห็ดดิบและ น้ าต้มเห็ด โดยท าลายระบบทางเดินอาหาร ระบบประสาทและท าลายเซลล์ตับ ในประเทศไทยมีรายงานว่า พบอยู่หนึ่งชนิด คือ เห็ดสมองวัว 3. กลุ่มที่สร้างสารพิษ Coprine สารพิษในกลุ่มนี้มีผลต่อระบบประสาทต่อเมื่อรับประทานกับเครื่องดื่มที่มี ส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เห็ดในกลุ่มนี้ได้แก่ เห็ดหิ่งห้อย เห็ดน้ าหมึกหรือเห็ดถั่วที่ขึ้นตามธรรมชาติ แต่เห็ด ถั่วหรือเห็ดโคนน้อยที่เพาะเป็นการค้าในปัจจุบันมาจากสายพันธุ์ที่ผ่านการคัดเลือกว่าปลอดสารพิษ Coprine 4. กลุ่มที่สร้างสารพิษ Muscarine สารพิษในกลุ่มนี้มีผลต่อระบบประสาท ท าให้ผู้รับประทานเกิดอาการ เพ้อคลั่ง เคลิบเคลิ้มและหมดสติอยู่เป็นเวลานาน ไม่มีผลทางสมอง คนป่วยอาจไม่ถึงกับเสียชีวิต แต่มี อาการโคม่า ยกเว้นมีโรคอื่นแทรกซ้อน ได้แก่ เห็ดเกล็ดดาว (Amanita pantherina) 5. กลุ่มที่สร้างสารพิษ Ibotenic acid และ Muscimol สารพิษในกลุ่มนี้มีผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง ท าให้เกิดอาการเพ้อคลั่ง เห็ดที่สร้างสารพิษชนิดนี้ ได้แก่ เห็ดบางพันธุ์ในตระกูล Amanita (เห็ดระโงกหิน) รวมทั้ง A. muscaria ชนบางเผ่ารวมทั้งชาวอเมริกันในบางรัฐ นิยมเสพเห็ดเหล่านี้เพื่อความสนุกสนาน เพลิดเพลิน สารพิษในกลุ่มนี้มีผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง ท าให้เกิดอาการเพ้อคลั่ง 6. กลุ่มที่สร้างสารพิษ Psilocybin และ Psilocin เห็ดพิษที่มีสารกลุ่มนี้ หากรับประทานเข้าไปจะท าให้มี อาการประสาทหลอน มึนเมา อาจถึงขั้นวิกลจริต กล่าวว่าช่วงแรกมีอาการเห็นทุกอย่างเป็นสีเขียวหมด
10 ต่อมาอาการถึงจะเป็นปกติ และอาจถึงตายได้ถ้ารับประทานเป็นจ านวนมาก สารพิษมีฤทธิ์เหมือนกัญชาจึง เป็นที่ต้องการของตลาด ในประเทศไทยจึงมีการแอบซื้อขายกันอย่างลับๆ ตามแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง จัดว่าเป็นเห็ดที่เป็นยาเสพติด เห็ดในกลุ่มนี้มีหลายชนิดได้แก่ เห็ดขี้ควาย เห็ดขอนเกล็ดสีแดง 7. กลุ่มที่สร้างสารพิษ Gastrointestinal สารพิษชนิดนี้ท าให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และท้องร่วง อาจถึง แก่เสียชีวิตได้หากรับประทานในจ านวนมาก เมื่อรับประทานแบบดิบจะเป็นพิษ แต่สามารถรับประทานได้ ถ้าต้มสุกแล้ว เพราะความร้อนท าลายพิษให้หมดไป นอกจากนี้เห็ดชนิดเดียวกันบางคนที่รับประทานเข้าไป อาจแสดงอาการจากการได้รับพิษ หรือบางคนก็ไม่แสดงอาการอะไรเลยก็ได้เช่นกัน เห็ดในกลุ่มนี้มีหลาย ชนิดได้แก่ เห็ดหัวกรวดครีบเขียว เห็ดกรวยเกล็ดทอง เห็ดแดงน้ าหมากเห็ดไข่เน่า และเห็ดไข่หงส์ เป็นต้น การรักษาผู้ป่วยจากการรับประทานเห็ดพิษ ที่ส าคัญที่สุดคือ แพทย์จะท าการรักษาประคับประคองให้ ผู้ป่วยพ้นขีดอันตราย โดยการลดปริมาณสารพิษที่ผู้ป่วยได้รับ และเร่งขับสารพิษออกจากร่างกาย ดังนั้นถ้าผู้ป่วยยัง ไม่อาเจียนควรกระตุ้นให้อาเจียน หรือใช้สายยางสวนล้างกระเพาะอาหาร ในกรณีที่ท าให้อาเจียนไม่ได้ ให้ผู้ป่วยทุก รายรับประทานผงถ่าน และถ้าผู้ป่วยไม่มีอาการท้องร่วงควรให้ยาระบายด้วย หลังจากที่สภาพของผู้ป่วยมี เสถียรภาพแล้ว แพทย์ผู้รักษาจะสัมภาษณ์ประวัติ และด าเนินการเพื่อให้ได้การวินิจฉัยถึงชนิดของสารชีวพิษจาก เห็ดที่ผู้ป่วยได้รับ เพื่อให้การรักษาที่จ าเพาะต่อไป หลักการผลิตมะม่วงที่ปลอดภัยจากสารพิษตกค้างและปลอดศัตรูพืช เพื่อให้เกษตรกรมีความรู้ความเข้าใจในการดูแลและป้องกันก าจัดศัตรูพืชในสวนมะม่วงโดยการใช้สารเคมี ป้องกันก าจัดศัตรูพืชอย่างถูกต้องและปลอดภัย และการใช้วิธีผสมผสาน ควรมีแนวปฏิบัติดังนี้ การเลือกใช้สารเคมีอย่างถูกต้องและปลอดภัย 1. เลือกซื้อสารเคมีป้องกันก าจัดศัตรูพืชที่มีคุณภาพและถูกต้องตามกฎหมาย o ไม่ซื้อสารเคมีที่มีฉลากไม่ชัดเจน เลอะเลือน หรือมีข้อมูลบนฉลากไม่ครบถ้วน เช่น ไม่มีเลข ทะเบียน ไม่ระบุผู้ผลิต-และผู้จ าหน่าย ไม่ระบุวัน เดือน ปี ที่ผลิต o ไม่ซื้อสารเคมีที่ระบุวัน เดือน ปี ที่ผลิตเกินกว่า 2 ปี(นับจากวันที่ผลิต)
11 o ไม่เลือกซื้อสารเคมีที่มีราคาถูกเกินกว่าราคาจ าหน่ายปกติของผู้ผลิตหรือผู้จ าหน่ายอื่น ซึ่งมีโอกาส จะได้สารเคมีปลอมปนหรือไม่ได้มาตรฐานที่มักน ามาจ าหน่ายโดยพ่อค้าเร่ หรือผู้ที่จ าหน่ายแบบ ซ่อนเร้น ปิดบัง o ใช้สารเคมีที่ถูกต้องตามกฎหมาย มีเลขทะเบียนวัตถุอันตรายและมีค าแนะน าบนฉลากให้ใช้กับ มะม่วง ไม่ใช้สารเคมีอันตรายทางการเกษตรที่ห้ามผลิต น าเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองตาม พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย 2. ใช้สารเคมีป้องกันก าจัดศัตรูพืชอย่างถูกต้องเหมาะสม o ส ารวจและติดตามสถานการณ์ศัตรูพืชและศัตรูธรรมชาติอย่างสม่ าเสมอ จะช่วยให้ตัดสินใจ เลือกใช้สารเคมีได้ถูกต้องตามชนิดของศัตรูพืชเพื่อลดปริมาณการใช้สารเคมีเกินความจ าเป็นและ ลดต้นทุนการผลิต o ใช้สารเคมีป้องกันก าจัดศัตรูพืชในการผลิตมะม่วงตามค าแนะน าของนักวิชาการ หรือค าแนะน าที่ ประกาศจากกรมวิชาการเกษตร o พ่นสารป้องกันก าจัดศัตรูพืชในช่วงเช้าหรือเย็นขณะลมสงบ หลีกเลี่ยงการพ่นในช่วงแดดจัดหรือ ลมแรง และขณะปฏิบัติงานผู้พ่นต้องอยู่เหนือลมตลอดเวลา โดยพ่นจากบริเวณรอบนอกของแปลง ปลูกเข้าสู่กลางแปลง o จดบันทึกการใช้สารป้องกันก าจัดศัตรูพืชไว้เป็นหลักฐานทุกครั้ง o ต้องหยุดใช้สารเคมีป้องกันก าจัดศัตรูพืชก่อนการเก็บเกี่ยว ตามระยะเวลาที่ระบุไว้ในฉลากก ากับ การใช้ หรือค าแนะน าการใช้สารเคมีป้องกันก าจัดศัตรูพืชในการผลิตมะม่วง o ควรท าการวิเคราะห์สารพิษตกค้างก่อนการเก็บเกี่ยวในผลผลิตมะม่วงกับหน่วยงานที่รับตรวจ วิเคราะห์ ได้แก่ กรมวิชาการเกษตร ส านักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตต่างๆ ฯลฯ การป้องกันก าจัดศัตรูพืชแบบผสมผสาน 1. วิธีเขตกรรม เพื่อให้ต้นมีความสมบูรณ์แข็งแรงและปรับสภาพแวดล้อมไม่ให้เหมาะสมกับศัตรูพืช ควรมีการ ตัดแต่งกิ่ง ให้น้ า ให้ปุ๋ย และการห่อผล เพื่อช่วยลดการใช้สารเคมี 2. วิธีกลและฟิสิกส์เพื่อลดปริมาณของศัตรูพืช โดยมีการใช้กับดักกาวเหนียว กับดักแมลงวันผลไม้ กับดักแสง ไฟ ท าให้ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม 3. วิธีชีววิธีเพื่อใช้ศัตรูธรรมชาติและสารธรรมชาติจากพืช มาทดแทนการใช้สารเคมี เช่น ใช้สารสะเดา หรือ หางไหล (โล่ติ้น) ควบคุมเพลี้ยจั๊กจั่นหรือใช้ตัวห้ า ตัวเบียน ควบคุมศัตรูพืชท าให้ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม การผลิตมะม่วงให้ปลอดภัยจากศัตรูพืช เกษตรกรต้องหมั่นส ารวจการเข้าท าลายของหนอนผีเสื้อเจาะผลมะม่วง แมลงวันผลไม้ เพลี้ยไฟ เพลี้ย จักจั่น และโรคแอนแทรคโนส ในช่วงแตกใบอ่อน ระยะแทงช่อ และติดผลอ่อน โดยท าการส ารวจทุก 7-10 วัน เพื่อ ประเมินจ านวนหรือความเสียหายระดับเศรษฐกิจแล้วท าการป้องกันก าจัดตามค าแนะน า ควรเก็บเกี่ยวในระยะที่ เหมาะสมโดยใช้ตะกร้อ กรรไกรหรือใบมีดตัดก้านให้เหลือขั้วผลยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร เพื่อป้องกันน้ ายาง ไหลเปื้อนผลระมัดระวังอย่าให้เกิดแผลบนผลมะม่วง เช่น รอยขีดข่วน แตกหรือช้ าเนื่องจากตกกระแทกพื้นดิน และ ไม่ควรวางผลที่เก็บเกี่ยวแล้วบนพื้นดินโดยไม่บรรจุลงในภาชนะที่เหมาะสม ตัวอย่างระยะเก็บเกี่ยวของมะม่วงแต่ละ สายพันธุ์ส าหรับบริโภคสด(ดิบและสุก) เช่น พันธุ์เขียวเสวยมีอายุการเก็บเกี่ยวประมาณ 105 วันนับตั้งแต่ออกดอกหรือ 91 วันหลังช่อดอกติดผล 50 เปอร์เซ็นต์
12 พันธุ์แรด มีอายุการเก็บเกี่ยวประมาณ 77 วันหลังช่อดอกติดผล 50 เปอร์เซ็นต์ พันธุ์น้ าดอกไม้มีอายุการเก็บเกี่ยวประมาณ 115 วันนับตั้งแต่ออกดอก หรือ 93 วันหลังติดผล 50 เปอร์เซ็นต์ หากเกษตรกรผู้ปลูกมะม่วงสามารถปฏิบัติตามแนวทางทั้งหมดที่กล่าวมา ก็จะช่วยท าให้การผลิตมะม่วง มีคุณภาพ ปราศจากศัตรูพืชและมีความปลอดภัยจากสารพิษตกค้าง
13 แบบฝึกหัดท้ายหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ความส าคัญของมาตรฐานการผลิตและผลิตผลทางการเกษตร ค าชี้แจง แบบทดสอบหลังเรียน มี 2 ตอนดังนี้ 1. แบบทดสอบชุดนี้เป็นแบบปรนัย 4 ตัวเลือก จ านวน ข้อ 2. ข้อเขียน จ านวน ข้อ ตอนที่ 1 ค าสั่ง ให้นักเรียนท าเครื่องหมาย X ในข้อที่ถูกต้อง ลงในกระดาษค าตอบ 1. ข้อจ ากัดทางด้านการค้าระหว่างประเทศเกี่ยวกับการส่งผลิตผลทางการเกษตรไปจ าหน่ายยังประเทศต่างๆที่มี ข้อบังคับว่าด้วยสินค้าทางการเกษตร คือข้อใด ก. ต้องผ่านมาตรฐานการรับรองที่เป็นสากล ค. ต้องผ่านมาตรฐานการรับรองระดับประเทศ ข. ต้องผ่านมาตรฐานการรับรองระดับจังหวัด ง. ต้องผ่านมาตรฐานการรับรองระดับต่างประเทศ 2. อะไรคือสภาพปัญหาความไม่ปลอดภัยของสินค้าเกษตร ก. การมีพฤติกรรมบริโภคแต่ของที่ดี ค. สภาพสินค้าเกษตรมีหนอนและแมลง ข. เกษตรกรขาดความรู้ในเรื่องทีควรรู้ ง. การปนเปื้อนสารเคมีและจุลินทรีย์ 3. สาเหตุที่ท าให้เกษตรกรผลิตสินค้าเกษตรไม่ปลอดภัย ก. เกษตรกรมีต้นทุนน้อย ค. เกษตรส่วนใหญ่มีความรู้และทักษะในการผลิต ข. เกษตรกรส่วนใหญ่ยังขาดความรู้และทักษะ ง. เกษตรมีต้นทุนมาก ผลิตได้ตามความต้องการ 4. ส านักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติตัวย่อคือ ข้อใด ก. บกอช. ข. บก.อช. ค. มกอช. ง. มก.อช. 5. สาเหตุที่ท าให้เกษตรกรผลิตสินค้าเกษตรไม่ปลอดภัย จึงควรให้ความส าคัญและร่วมมือกันเกี่ยวกับการน าการ ปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีคือข้อใด ก. (มกษ.9001-2552) ค. (มกษ.9001-2556) ข. (GAP = Good Agricultural Practice) ง. ASEAN 6. ผลที่ได้จากการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) ก. ผลิตผลมีคุณภาพและปลอดภัยต่อผู้บริโภค ค. ได้มาตรฐาน Codex มาตรฐาน ASEAN ข. ได้การรับรองมาตรฐาน GAP ง. (มกษ.9001-2556) 7. เห็ดถั่งเช่า เป็นเห็ดที่เกิดขึ้นจากการที่เชื้ออะไร ก. เชื้อรา เจริญบนซากหนอนแมลง ค. เกิดเองตามธรรมชาติ ข. เชื้อไวรัส เจริญบนซากหนอนแมลง ง. เกิดจากการเพาะเลี้ยงของมนุษย์ 8. การเพาะเห็ดถั่งเช่าไม่ใช่เรื่องยาก เพราะสามารถเรียนรู้ได้ แต่สิ่งที่ยากกว่าและต้องค านึงถึงให้มากๆ ก่อนจะ เพาะเป็นอาชีพ คือ ก. วัสดุอุปกรณ์ในการเพาะเลี้ยง ค. การตลาดและแหล่งรับซื้อ ข. หัวเชื้อในการเพาะเลี้ยง ง. ขั้นตอนการดูแลรักษาเห็ดให้เจริญเติบโต 9. หลักการผลิตมะม่วงที่ปลอดภัยจากสารพิษตกค้างและปลอดภัยต่อศัตรูพืช ก. ผลิตระบบอินทรีย์/ผลผลิตน้อย ค. การใช้สารเคมีควบคู่กับอินทรีย์ ข. การเลือกใช้สารเคมีตามความต้องการ ง. การเลือกใช้สารเคมีอย่างถูกต้องและปลอดภัย 10. การป้องกันก าจัดศัตรูพืชแบบผสมผสาน เพื่อลดปริมาณของศัตรูพืช โดยมีการใช้กับดักกาวเหนียว กับดัก แมลงวันผลไม้ กับดักแสงไฟ ท าให้ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม คือ ข้อใด ก. วิธีเขตกรรม ค. วิธีชีววิธี ข. วิธีกลและฟิสิกส์ ง. ภูมิปัญญาท้องถิ่น
14 แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 3 - 4 หน่วยที่ 2 วิชา ความรู้เกี่ยวกับมาตรฐานการผลิตและผลิตผลทางการเกษตร สอนครั้งที่ 3-4 ชื่อหน่วย มาตรฐานฟาร์ม การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีด้านพืช จ านวนชั่วโมง 4 เรื่อง : มาตรฐานฟาร์ม การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีด้านพืช (มาตรฐานฟาร์มพืช การปฏิบัติที่ดีด้านการผลิตพืช) ชั่วโมงรวม 8 หลักการเกี่ยวกับการผลิตพืช การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีและเหมาะสม (Good Agriculture Practices เรียกย่อๆว่า GAP) หมายถึง แนวทางในการท าการเกษตร เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพดีตรงตามมาตรฐานที่ก าหนด ได้ ผลผลิตสูงคุ้มค่าการลงทุนและกระบวนการผลิตจะต้องปลอดภัยต่อเกษตรกรและผู้บริโภค มีการใช้ทรัพยากรที่เกิด ประโยชน์สูงสุด เกิดความยั่งยืนทางการเกษตรและไม่ท าให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม โดยหลักการนี้ได้รับการ ก าหนดโดยองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) หลักการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี คือ แนวทางในการท าการเกษตร เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพดีตรงตาม มาตรฐานที่ก าหนด ได้ผลผลิตสูงคุ้มค่าการลงทุนและกระบวนการผลิตจะต้องปลอดภัยต่อเกษตรกรและผู้บริโภค มี การใช้ทรัพยากรที่เกิดประโยชน์สูงสุด เกิดความยั่งยืนทางการเกษตรและไม่ท าให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม โดย หลักการนี้ได้รับการก าหนดโดยองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ประเทศไทยมีการน าหลักเกณฑ์ของ GAP มาประยุกต์ใช้ ดังนี้ การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีส าหรับพืช (Good Agriculture Practices: GAP) ของกรมวิชาการเกษตรและกรมการข้าว ที่มุ่งให้เกิดกระบวนการผลิตที่ได้ ผลิตผลปลอดภัย ปลอดจากศัตรูพืชและคุณภาพเป็นที่พึงพอใจของผู้บริโภค ประกอบด้วยข้อก าหนดเรื่อง แหล่งน้ า พื้นที่ปลูก การใช้วัตถุอันตรายทางการเกษตร การเก็บรักษาและขนย้ายผลิตผลภายในแปลง การบันทึกข้อมูล การ ผลิตให้ปลอดภัยจากศัตรูพืช การจัดการกระบวนการผลิตเพื่อให้ได้ผลิตผลคุณภาพ และการเก็บเกี่ยวและการปฏิบัติ หลังการเก็บเกี่ยว การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีส าหรับปศุสัตว์ (Good Agriculture Practices: GAP) ของกรมปศุสัตว์ เป็น หลักเกณฑ์การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีส าหรับสัตว์ (GAP ส าหรับสัตว์) มาใช้ เพื่อยกระดับการเลี้ยงสัตว์ในประเทศ ไทย และเพื่อให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ ผู้บริโภคอาหารที่ได้จากสัตว์ และสิ่งแวดล้อมมีความปลอดภัย การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีส าหรับสัตว์น้ า (Good Agriculture Practices: GAP) ของกรมประมง ซึ่งเป็น มาตรฐานการปฏิบัติทางการประมงที่ดีส าหรับฟาร์มเลี้ยงสัตว์น้ า (GAP ส าหรับสัตว์น้ า) เป็นส่วนหนึ่งของมาตรฐาน และหลักเกณฑ์ส าหรับกระบวนการผลิต ผลผลิตและผลิตภัณฑ์ประมง ส าหรับประเทศไทย กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการตรวจ รับรองระบบการจัดการคุณภาพ : การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีส าหรับพืช (GAP) โดยได้ก าหนดข้อก าหนด กฎเกณฑ์และวิธีการตรวจประเมิน ซึ่งเป็นไปตามหลักการที่สอดคล้องกับ GAP ตามหลักการสากล เพื่อใช้เป็น มาตรฐานการผลิตพืชในระดับฟาร์มของประเทศ รวมทั้งได้จัดท าคู่มือการเพาะปลูกพืชตามหลัก GAP ส าหรับพืชที่ ส าคัญของไทยจ านวน 24 ชนิด ประกอบด้วย ผลไม้ทุเรียน ล าไย สับปะรด ส้มโอ มะม่วง และส้มเขียวหวาน พืช ผัก มะเขือเทศ หน่อไม้ฝรั่ง คะน้า หอมหัวใหญ่ กะหล่ าปลีพริก ถั่วฝักยาว ถั่วลันเตา ผักกาดขาวปลี ข้าวโพดฝัก อ่อน หัวหอมปลี และ หอมแดง ไม้ดอก กล้วยไม้ตัดดอก และปทุมมา พืชอื่นๆ กาแฟโรบัสต้า มันส าปะหลัง และ ยางพารา
15 การตรวจรับรองระบบ GAP ของกรมวิชาการเกษตรได้แบ่งออกเป็น 3 ระดับ ดังนี้ 1. กระบวนการผลิตที่ได้ผลิตผลปลอดภัย 2. กระบวนการที่ได้ผลิตผลปลอดภัยและปลอดภัยจากศัตรูพืช 3. กระบวนการผลิตที่ได้ผลิตผลปลอดภัย ปลอดจากศัตรูพืชและคุณภาพเป็นที่พึงพอใจของผู้บริโภค หลักเกณฑ์ และวิธีการตรวจประเมินรับรองฟาร์ม GAP ข้อก าหนด หลักเกณฑ์และวิธีการตรวจประเมินที่ใช้ในการ ตรวจรับรองฟาร์ม GAP ทั้ง 3 ระดับ ประกอบด้วยข้อมูล ดังนี้ ล าดับข้อก าหนด เกณฑ์ที่ก าหนด วิธีการตรวจประเมิน 1. แหล่งน้ า - น้ าที่ใช้ต้องได้จากแหล่งที่ไม่มีสภาพแวดล้อม ซึ่งก่อให้เกิดการปนเปื้อนวัตถุอันตรายและ จุลินทรีย์ - ตรวจพินิจสภาพแวดล้อมหากอยู่ ในสภาวะเสี่ยงให้ตรวจสอบและ วิเคราะห์คุณภาพน้ า 2. พื้นที่ปลูก - ต้องเป็นพื้นที่ที่ไม่มีวัตถุอันตรายและจุลินทรีย์ ที่จะท าให้เกิดการตกค้างหรือปนเปื้อนในผลิตผล - ตรวจพินิจสภาพแวดล้อม หาก อยู่ในสภาวะเสี่ยงให้ตรวจสอบและ วิเคราะห์คุณภาพดิน 3. การใช้วัตถุอันตราย ทางการเกษตร - หากมีการใช้สารเคมีในกระบวนการผลิตให้ใช้ ตามค าแนะน าหรืออ้างอิงค าแนะน าของกรม วิชาการเกษตร หรือ ตามฉลากที่ขึ้นทะเบียนกับ กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ - ต้องใช้สารเคมีให้สอดคล้องกับรายการ - ห้ามใช้วัตถุอันตรายที่ระบุในทะเบียนวัตถุ อันตรายทางการเกษตรที่ห้ามใช้ - ตรวจสอบสถานที่เก็บรักษาวัตถุ อันตรายทางการเกษตร - สารเคมีที่ประเทศคู่ค้าอนุญาตให้ ใช้ตรวจบันทึกข้อมูลการใช้วัตถุ อันตรายทางการเกษตร และสุ่ม ตัวอย่างวิเคราะห์สารพิษตกค้างใน ผลิตผลกรณีมีข้อสงสัย 4. การเก็บรักษาและ การขนย้ายผลิตผล ภายในแปลง - สถานที่เก็บรักษาต้องสะอาด อากาศถ่ายเทได้ ดีและสามารถป้องกันการปนเปื้อนของวัตถุ แปลกปลอม วัตถุอันตรายและสัตว์พาหะน าโรค - อุปกรณ์และพาหะในการขนย้ายต้องสะอาด ปราศจากการปนเปื้อนสิ่งอันตรายที่มีผลต่อ ความปลอดภัยในการบริโภค - ต้องขนย้ายผลิตผลอย่างระมัดระวัง - ตรวจพินิจสถานที่ อุปกรณ์ ภาชนะบรรจุขั้นตอนและวิธีการขน ย้ายผลิตผล 5. การบันทึกข้อมูล - ต้องมีการบันทึกข้อมูลที่เกี่ยวกับการใช้วัตถุ อันตรายทางการเกษตร - ต้องมีการบันทึกข้อมูลการส ารวจและการ ป้องกันจ ากัดศัตรูพืช - ต้องมีการบันทึกข้อมูลการจัดการเพื่อให้ได้ ผลิตผลคุณภาพ - ตรวจบันทึกข้อมูลของเกษตรกร ตามแบบบันทึกข้อมูล
16 6. การผลิตให้ ปลอดภัยจากศัตรูพืช - ผลิตผลที่เก็บเกี่ยวแล้ว ต้องไม่มีศัตรูพืชติดอยู่ ถ้าพบต้องตัดแยกไว้ต่างหาก - ตรวจสอบบันทึกข้อมูลการส ารวจ ศัตรูและการป้องกันก าจัด - ตรวจพินิจผลการคัดแยก 7. การจัดการ กระบวนการผลิต เพื่อให้ได้ผลิตผล คุณภาพ - การปฏิบัติและการจัดการตามแผนควบคุมการ ผลิต - คัดแยกผลิตผลด้อยคุณภาพไว้ต่างหาก - ตรวจสอบบันทึกข้อมูลการปฏิบัติ และการจัดการเพื่อให้ได้ผลิตผล คุณภาพ - ตรวจพินิจผลการคัดแยก 8. การเก็บเกี่ยว และ การปฏิบัติหลังการเก็บ เกี่ยว - เก็บเกี่ยวผลในระยะที่เหมาะสมตามเกณฑ์ใน แผนควบคุมการผลิต - อุปกรณ์ที่ใช้ในการเก็บเกี่ยว ภาชนะบรรจุและ วิธีการเก็บเกี่ยวต้องสะอาดไม่ก่อให้เกิดอันตราย ต่อคุณภาพของผลผลิต และปนเปื้อนสิ่ง อันตรายที่มีผลต่อความปลอดภัยในการบริโภค - ตรวจสอบบันทึกการเก็บเกี่ยว และการปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยว - ตรวจพินิจอุปกรณ์ ภาชนะบรรจุ ขั้นตอนและวิธีการเก็บเกี่ยว หมายเหตุ: ข้อก าหนดในข้อ 1-5 ส าหรับกระบวนการผลิตที่ได้ผลิตผลปลอดภัย ข้อก าหนดในข้อ 1-6 ส าหรับ กระบวนการผลิตที่ได้ผลิตผลปลอดภัยและปลอดจากศัตรูพืช ข้อก าหนดในข้อ 1-8 ส าหรับกระบวนการผลิตที่ได้ ผลิตผลปลอดภัย ปลอดจากศัตรูพืชและคุณภาพเป็นที่พึงพอใจของผู้บริโภค
17 แบบฝึกหัดท้ายหน่วยการเรียนรู้ที่ 2 มาตรฐานฟาร์ม การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีด้านพืช ค าชี้แจง แบบทดสอบหลังเรียน มี 2 ตอนดังนี้ 1. แบบทดสอบชุดนี้เป็นแบบปรนัย 4 ตัวเลือก จ านวน ข้อ 2. ข้อเขียน จ านวน ข้อ ตอนที่ 1 ค าสั่ง ให้นักเรียนท าเครื่องหมาย X ในข้อที่ถูกต้อง ลงในกระดาษค าตอบ 1. พระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๑ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อใด ก. ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ ค. ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ ข. ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ ง. ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ 2. พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อใด ก. เมื่อพ้นก าหนด 90 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา ข. เมื่อพ้นก าหนด 180 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา ค. เมื่อพ้นก าหนด 30 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา ง. เมื่อพ้นก าหนด 120 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา 3. “สินค้าเกษตร” หมายความว่าอย่างไร ก. ผลิตผลหรือผลิตภัณฑ์อันเกิดจากการกสิกรรม ข. ผลิตผลหรือผลิตภัณฑ์อันเกิดจากการปศุสัตว์ หรือการป่าไม้ ค. ผลพลอยได้ของผลิตผลหรือผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการกสิกรรม ง. ถูกทุกข้อ 4. มาตรฐานที่มีประกาศก าหนดเพื่อส่งเสริมสินค้าเกษตรให้ได้มาตรฐาน คือมาตรฐานประเภทใด ก. มาตรฐานทั่วไป ข. มาตรฐานบังคับ ค. มาตรฐานเฉพาะ ง. มาตรฐานจ ากัด 5. มาตรฐานที่มีกฎกระทรวงก าหนดให้สินค้าเกษตรต้องเป็นไปตามมาตรฐาน คือมาตรฐานประเภทใด ก. มาตรฐานทั่วไป ข. มาตรฐานบังคับ ค. มาตรฐานเฉพาะ ง. มาตรฐานจ ากัด 6. ข้อใด ไม่ใช่“ผู้ผลิต” ตามพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๑ ก. ผู้ซึ่งท าการกสิกรรม การประมง การปศุสัตว์ หรือการป่าไม้เพื่อการบริโภค ข. ผู้ซึ่งท าการกสิกรรม การประมง การปศุสัตว์ หรือการป่าไม้เพื่อการค้า ค. ผู้ซึ่งน าสินค้าเกษตรมาบรรจุหีบห่อ แปรรูป หรือกระท าด้วยวิธีการใด ๆ ง. ผู้ประกอบการขนส่งสินค้าเกษตร คลังสินค้าเกษตร สะพานปลา ห้องเย็น โรงฆ่าสัตว์หรือกิจการ ต่อเนื่องอื่นที่เกี่ยวกับสินค้าเกษตรตามที่คณะกรรมการก าหนด 7. ใครคือผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
18 8. ใครเป็นประธานในคณะกรรมการมาตรฐานสินค้าเกษตร ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร ข. ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ค. ผู้อ านวยการส านักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ ง. เลขาธิการส านักงานเศรษฐกิจการเกษตร 9. ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งในคณะกรรมการมาตรฐานสินค้าเกษตรมีกี่คน ก. 3 คน ข. ไม่เกิน 3 คน ค. 5 คน ง. 4 คน 10. ข้อใดคืออ านาจหน้าที่ของคณะกรรมการมาตรฐานสินค้าเกษตร ก. ก าหนดนโยบาย แผนงาน และมาตรการเกี่ยวกับการส่งเสริมและด าเนินการมาตรฐานส าหรับสินค้าเกษตร ข. พิจารณาข้อมูลทางวิชาการด้านวิทยาศาสตร์หรือเทคโนโลยี หรือข้อมูลอื่นที่เกี่ยวกับมาตรฐาน ค. พิจารณาอุทธรณ์ค าสั่งของส านักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ ง. ถูกทุกข้อ 11. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการมาตรฐานสินค้าเกษตร ก. ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย ข. ไม่เป็นผู้ด ารงต าแหน่งทางการเมือง กรรมการบริหาร ที่ปรึกษาหรือเจ้าหน้าที่พรรคการเมือง ค. มีอายุไม่ต่ ากว่า 40 ปีบริบูรณ์ ง. ไม่เคยได้รับโทษจ าคุกโดยค าพิพากษาถึงที่สุดให้จ าคุก เว้นแต่... 12. กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระอยู่ในต าแหน่งคราวละกี่ปี ก. 2 ปี ข. 3 ปี ค. 4 ปี ง. 5 ปี 13. ใครมีหน้าที่จัดท าร่างมาตรฐานส าหรับสินค้าเกษตรในกรณีที่คณะกรรมการมาตรฐานสินค้าเกษตรเห็นสมควร ก าหนดมาตรฐานส าหรับสินค้าเกษตร ก. คณะอนุกรรมการมาตรฐานสินค้าเกษตร ค. อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ข. คณะกรรมการวิชาการ ง. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 14. คณะกรรมการวิชาการในแต่ละคณะให้มีจ านวนไม่เกินกี่คน ก. 10 คน 12 คน ค. 15 คน ง. 8 คน 15. ผู้ผลิต ผู้ส่งออก หรือผู้น าเข้าที่ขอรับใบอนุญาตต้องมีอายุเท่าใด ก. ไม่ต่ ากว่า 18 ปีบริบูรณ์ ค. ไม่ต่ ากว่า 25 ปีบริบูรณ์ ข. ไม่ต่ ากว่า 20 ปีบริบูรณ์ ง. ไม่ต่ ากว่า 30 ปีบริบูรณ์ 16. ใบอนุญาตผู้ผลิต ผู้ส่งออก หรือผู้น าเข้า มีอายุใช้ได้กี่ปี ก. 3 ปี ข. 5 ปี ค. 4 ปี ง. 1 ปี 17. ในกรณีที่ใบอนุญาตสูญหายหรือช ารุดเสียหายในสาระส าคัญจะต้องขอรับใบแทนจากส านักงานมาตรฐาน สินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติภายในกี่วัน ก. 60 วัน ข. 20 วัน ค. 90 วัน ง. 30 วัน
19 18. ผู้รับใบอนุญาตเป็นผู้ผลิต ผู้ส่งออก หรือผู้น าเข้าซึ่งจะเลิกประกอบกิจการต้องแจ้งเป็นหนังสือให้ส านักงาน มาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติทราบล่วงหน้าก่อนเลิกประกอบกิจการไม่น้อยกว่ากี่วัน ก. ไม่น้อยกว่า 30 วัน ค. ไม่น้อยกว่า 45 วัน ข. ไม่น้อยกว่า 60 วัน ง. ไม่น้อยกว่า 90 วัน 19. ใครเป็นผู้ประกาศการน าเข้าสินค้าเกษตรจากต่างประเทศที่มีมาตรฐานทัดเทียมกับมาตรฐานบังคับโดยไม่ต้อง ได้รับใบรับรอง ก. ผู้อ านวยการส านักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ ข. คณะกรรมการมาตรฐานสินค้าเกษตร ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ง. รัฐมนตรีโดยค าเสนอแนะของคณะกรรมการ 20. ใครมีอ านาจสั่งให้ผู้ผลิตผู้ส่งออก หรือผู้น าเข้าด าเนินการแก้ไขหรือปรับปรุงสินค้าเกษตรให้เป็นไปตาม มาตรฐานภายในระยะเวลาที่ก าหนด ก. คณะกรรมการมาตรฐานสินค้าเกษตร ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ค. ส านักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ ง. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
20 แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 5 - 7 หน่วยที่ 3 วิชา ความรู้เกี่ยวกับมาตรฐานการผลิตและผลิตผลทางการเกษตร สอนครั้งที่ 5-7 ชื่อหน่วย มาตรฐานผลิตผลทางการเกษตรการวางแผน เตรียมการ และจัดการเกษตรที่ดี จ านวนชั่วโมง 6 เรื่อง : การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีส าหรับพืช (GAP พืช) ชั่วโมงรวม 14 GAP พืช ข้อก าหนด 8 ประการ มีดังนี้ 1. น้ า น้ าที่ใช้ในกระบวนการผลิตต้องมาจากเเหล่งที่ไม่มีสภาพเเวดล้อมซึ่งก่อให้เกิดการปนเปื้อนต่อ ผลผลิต 2. พื้นที่ปลูก ไม่อยู่ในสภาพเเวดล้อมซึ่งก่อให้เกิดการปนเปื้อนวัตถุหรือสิ่งที่เป็นอันตรายต่อผลผลิต 3. วัตถุอันตรายทางการเกษตร จัดเก็บเป็นหมวดหมู่ในสถานที่เก็บที่มิดชิดและใช้ตามค าแนะน าของกรม วิชาการเกษตร 4. การจัดการคุณภาพในกระบวนการเก็บเกี่ยว มีแผนควบคุมการผลิตเพื่อให้ได้ผลผลิตคุณภาพโดยใช้ หลักการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี 5. การเก็บเกี่ยวและการปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยว เก็บเกี่ยวผลผลิตที่มีอายุเหมาะสม ผลผลิตมีคุณภาพตาม ความต้องการของตลาดและข้อตกลงของประเทศคู่ค้า 6. การพักผลิตผล การขนย้ายในเเปลงปลูกและการเก็บรักษาผลผลิต มีการจัดการด้านสุขลักษณะเพื่อ ป้องกันการปนเปื้อนที่มีผลต่อความปลอดภัยของผู้บริโภค 7. สุขลักษณะส่วนบุคคล ผู้ปฏิบัติงานต้องมีความรู้ ความเข้าใจในสุขลักษณะส่วนบุคคล เพื่อสามารถ ปฏิบัติงานได้อย่างถูกสุขลักษณะ 8. การบันทึกข้อมูลและการตามสอบ มีการบันทึกข้อมูลการปฏิบัติงานการใช้สารเคมี ข้อมูลผู้รับซื้อและ ปริมาณผลผลิต เพื่อประโยชน์ต่อการตามสอบ
21 การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี(Good Agricultural Practices: GAP) ประเทศไทยเป็นผู้ผลิต ผู้ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารที่ส าคัญ แต่ที่ผ่านมาผลผลิตสินค้าเกษตรและ อาหารยังไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภคเท่าที่ควร เนื่องจากมีสารเคมีตกค้าง มีศัตรูพืชและจุลินทรีย์ปนเปื้อน ท าให้ คุณภาพและความปลอดภัยของผลผลิตไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากลและมาตรฐานของประเทศผู้น าเข้า ดังนั้น ควร ส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัย ตามระบบการจัดการคุณภาพ หลักปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี(Good Agricultural Practices: GAP) ซึ่งเป็นระบบที่ป้องกันหรือลดความเสี่ยงของอันตรายที่เกิดขึ้นในสินค้า เกษตรและ อาหาร การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี(Good Agricultural Practices: GAP) การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี(Good Agricultural Practices: GAP) หมายถึง แนวทางในการท าการเกษตร เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพดีและปลอดภัย ตามมาตรฐานที่ก าหนด โดยขบวนการผลิตจะต้อง ปลอดภัยต่อเกษตรกรและผู้บริโภค ปราศจากการปนเปื้อนของ สารเคมีไม่ท าให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมมีการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ผลผลิตสูงคุ้มค่าการลงทุน การ ผลิตตามมาตรฐาน GAP ก่อให้เกิดความยั่งยืน ทางการเกษตร สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม มาตรฐาน GAP เป็นมาตรฐานที่ครอบคลุมการผลิตสินค้าเกษตรอย่างครบวงจร ตั้งแต่ ปัจจัยการผลิต การผลิต การเก็บเกี่ยว การ จัดการหลังการเก็บเกี่ยว การบรรจุหีบห่อ และการขนส่งการผลิต ส าหรับการผลิต สินค้าเกษตร 3 ประเภท ได้แก่ 1. พืชผล เช่น ผัก ผลไม้ ชา กาแฟ ฝ้าย ฯลฯ 2. ปศุสัตว์ เช่น วัวควาย แกะ หมู ไก่ฯลฯ 3. สัตว์น้ า เช่น ปลาน้ าจืดประเภทล าตัวยาวมีเกล็ด ดังเช่น ปลาแซลมอน และปลาเทร้าท์ กุ้ง ปลา สังกะวาด ปลานิล ฯลฯ การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีส าหรับพืช (GAP พืช) การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีส าหรับพืช เป็นมาตรฐานการปฏิบัติที่ระบุรายละเอียดข้อก าหนดด้านการ จัดการกระบวนการผลิตที่จ าเป็นส าหรับการปฏิบัติที่ดีทางการผลิตพืชทุกชนิด โดยค านึงถึงสิ่งแวดล้อม สุขภาพ ความปลอดภัยและสวัสดิภาพของผู้ปฏิบัติงาน เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ปลอดจากศัตรูพืชเหมาะสม กับการบริโภค และมีคุณภาพเป็นที่พึงพอใจของผู้บริโภค 1. แหล่งน้ า – แหล่งน้ าต้องสะอาด ไม่มีการปนเปื้อนของวัตถุหรือสิ่งที่เป็นอันตราย 2. พื้นที่ปลูก - ต้องไม่มีวัตถุหรือสิ่งที่เป็นอันตรายที่จะท าให้เกิดการตกค้างหรือปนเปื้อน 3. การใช้วัตถุอันตรายทางการเกษตร – ใช้ตามค าแนะน า หรืออ้างอิงของกรมวิชาการเกษตร หรือตาม ฉลากที่ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องกับ กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์- ใช้สารเคมีที่ประเทศคู่ค้า อนุญาตให้ใช้– ห้ามใช้วัตถุอันตรายที่ระบุในทะเบียนวัตถุอันตรายที่ทางราชการห้ามใช้ 4. การจัดการกระบวนการผลิตเพื่อให้ได้ผลิตผลคุณภาพ - ปฏิบัติและจัดการการผลิตตามแผนควบคุมการ ผลิต 5. การผลิตให้ปลอดจากศัตรูพืช - ส ารวจ ปูองกัน และก าจัดศัตรูพืชอย่างถูกต้อง - ผลิตผลที่เก็บเกี่ยวแล้ว ต้องไม่มีศัตรูพืชติดอยู่ ถ้าพบต้องคัดแยกไว้ต่างหาก 6. การเก็บเกี่ยวและการปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยว - เก็บเกี่ยวผลผลิตในระยะเวลาที่เหมาะสมตามแผน ควบคุมการผลิต - อุปกรณ์ภาชนะบรรจุที่ใช้รวมถึงวิธีการเก็บเกี่ยว ต้องสะอาด ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อคุณภาพของ ผลิตผล และไม่ปนเปื้อนสิ่งอันตรายที่มีผลต่อการบริโภค - คัดแยกผลิตผลที่ไม่มีคุณภาพไว้ต่างหาก 7. การเก็บรักษาและการขนย้ายผลิตผลภายในแปลงเพาะปลูก - สถานที่เก็บรักษาต้องสะอาด อากาศ ถ่ายเทได้ดีสามารถปูองกันการปนเปื้อนของวัตถุ แปลกปลอม วัตถุอันตราย และสัตว์พาหะน าโรค - อุปกรณ์และ
22 พาหนะในการขนย้ายต้องสะอาด ปราศจากการปนเปื้อนสิ่งอันตรายที่มีผล ต่อ ความปลอดภัยในการบริโภค - ต้อง ขนย้ายผลิตผลอย่างระมัดระวัง 8. สุขลักษณะส่วนบุคคล - ผู้ปฏิบัติงานต้องมีความรู้ที่เหมาะสม หรือผ่านกระบวนการอบรมการปฏิบัติที่ ถูกต้อง และถูกสุขลักษณะ - มีการดูแลสุขลักษณะส่วนบุคคล เพื่อปูองกันไม่ให้ผลิตผลเกิดการปนเปื้อนจากผู้ที่ สัมผัสกับผลิตผล โดยตรง โดยเฉพาะในขั้นการเก็บเกี่ยวและหลังการเก็บเกี่ยวส าหรับพืชที่ใช้บริโภคสด 9. การบันทึกข้อมูล - บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยการผลิต การใช้วัตถุอันตรายทางการเกษตร ข้อมูลการ ขยายผลผลิต รวมถึงการปฏิบัติในทุกขั้นตอน – ต้องมีการบันทึกข้อมูลการส ารวจและการปูองกันการก าจัดศัตรูพืช - ต้องมีการบันทึกข้อมูลผู้รับซื้อผลิตผล หรือแหล่งที่น าผลิตผลในแต่ละรุ่นไปจ าหน่าย การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีส าหรับฟาร์มปศุสัตว์การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีส าหรับฟาร์มปศุสัตว์ เป็น มาตรฐานรับ รองคุณภาพสินค้าเกษตรและ อาหารตามกระบวนการผลิตทางการเกษตรที่ดีและเหมาะสม เพื่อให้ได้ ผลผลิตที่มีคุณภาพดีถูกสุขลักษณะและ ปลอดภัยต่อผู้บริโภค โดยการก ากับดูแลให้มีความปลอดภัยตลอดห่วงโซ่ อาหาร เริ่มตั้งแต่ระดับฟาร์มเลี้ยงสัตว์อาหารสัตว์ โรงงานผลิตอาหารสัตว์ โรงฆ่าสัตว์ จนถึงโรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์ เพื่อยกระดับการจัดการฟาร์ม เลี้ยงสัตว์ให้ได้มาตรฐาน คุ้มครองผู้บริโภค และเพื่อประโยชน์ในทางการค้า 1.องค์ประกอบของฟาร์ม 1.1 ท าเลที่ตั้งของฟาร์ม - สถานที่ตั้งควรอยู่ห่างไกลจาก 1) แหล่งชุมชนเมือง 2) ผู้เลี้ยงสัตว์รายอื่น 3) แหล่งน้ าสาธารณะ 4) แหล่งปนเปื้อนของสิ่งอันตรายทางกายภาพ เคมีและชีวภาพ 5) โรงฆ่าสัตว์และตลาดนัดค้าสัตว์ - น้ าไม่ท่วมขัง มีการคมนาคมสะดวก 1.2 ลักษณะของฟาร์ม - มีเนื้อที่เหมาะสมกับขนาดของฟาร์ม - มีการจัดวางผังฟาร์มที่ดี มีพื้นที่ส าหรับเลี้ยงสัตว์ โรงเก็บอาหาร พื้นที่ท าลายซากสัตว์พื้นที่ บ าบัดน้ าเสียและสิ่งปฏิกูล พื้นที่ส าหรับอาคารส านักงานและบ้านพัก แยกเป็นสัดส่วน - มีรั้วล้อมรอบฟาร์ม - มีจ านวนโรงเรือนและขนาดที่เพียงพอกับจ านวนสัตว์ - มีแหล่งน้ าสะอาดเพียงพอ 1.3 ลักษณะของโรงเรือน - โรงเรือนต้องมีโครงสร้างที่แข็งแรง มีหลังคากันแดด กันฝน กันลมแรงได้ - ภายในโรงเรือนมีอากาศถ่ายเทได้สะดวก และมีอุณหภูมิที่เหมาะสม - ภายในโรงเรือนต้องมีแสงสว่างเพียงพอ - ภายในโรงเรือนจะต้องมีความเข้มของก๊าซ ฝุ่น อยู่ใน สภาพที่เหมาะสม - พื้นโรงเรือนท าด้วยวัสดุที่เหมาะสม แห้ง สะอาด เพื่อปูองกันการลื่นของสัตว์ - โรงเรือนและอุปกรณ์ที่ใช้ภายในโรงเรือนต้องปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อตัวสัตว์และผู้เลี้ยง - มีอ่างจุ่มน้ ายาฆ่าเชื้อโรคก่อนเข้า - ออกโรงเรือน - โรงเรือนจะต้องมีทางระบายน้ าที่สะดวก
23 2. การจัดการฟาร์ม 2.1 การจัดการโรงเรือนและอุปกรณ์ - มีโรงเรือนพอเพียงตามวัตถุประสงค์ของการใช้งาน - สถานที่เก็บอาหารแยกเป็นสัดส่วน อากาศถ่ายเทได้ดี ไม่อับชื้น มีการจัดการไม่ให้สัตว์พาหะ น าโรคเข้า ไปได้ - มีสถานที่เก็บเครื่องมือและอุปกรณ์เป็นสัดส่วน สะดวกในการปฏิบัติงาน มีเครื่องมือและ อุปกรณ์เพียงพอ - อุปกรณ์ให้น้ าและอาหารต้องแห้ง สะอาด และมีจ านวนเพียงพอ - มีการจัดการโรงเรือน และบริเวณโดยรอบให้สะอาด ไม่ให้เป็นแหล่งสะสม หรือเพาะเชื้อโรค แมลง และ สัตว์ที่เป็นพาหะน าโรค - โรงเรือนมีการซ่อมบ ารุงให้ใช้ประโยชน์ได้ดีมีความปลอดภัยต่อสัตว์และผู้ปฏิบัติงาน 2.2 การจัดการฝูง - คัดเลือกและจัดฝูงสัตว์ตามขนาด อายุและเพศ - มีการคัดเลือกจัดหาพันธุ์สัตว์เพื่อทดแทน - คัดสัตว์ที่มีลักษณะไม่ดีพิการ หรือไม่สมบูรณ์ออกจากฝูง 2.3 การจัดการอาหารสัตว์ - อาหารหยาบและอาหารข้น ต้องมีคุณภาพดีมีคุณค่าทางอาหาร และเพียงพอกับความต้องการ - อาหารส าเร็จรูปต้องมาจากแหล่งที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ - ในกรณีผสมอาหารเอง วัตถุดิบที่ใช้ เช่น ร าละเอียด ปลายข้าว กากถั่วเหลือง หรือส่วนเติม ในอาหาร ต้องมีคุณภาพตามที่ก าหนดไว้ในกฎหมายที่เกี่ยวข้อง - ตรวจสอบคุณภาพอาหารที่ใช้อย่างสม่ าเสมอ - ถุง กระสอบที่ใส่อาหารต้องแห้งและสะอาด - เก็บอาหารสัตว์ไว้ในโรงเรือนที่สะอาด มีการระบายอากาศได้ดีปราศจากนก หนูแมลงและสัตว์อื่นๆ ที่ อาจท าให้อาหารเสียหายหรือเสื่อมคุณภาพ - รถขนส่งอาหาร และบริเวณที่ขนส่งอาหารจะต้องแห้งและสะอาด 2.4 การบันทึกข้อมูล - การท าบันทึกข้อมูลทะเบียนประวัติหมายเลขประจ าตัวสัตว์ - ในกรณีฟาร์มพ่อแม่พันธุ์ให้บันทึกข้อมูลการเจริญเติบโต - บันทึกข้อมูลการใช้อาหาร เช่น การรับจ่าย อาหาร การให้อาหาร การซื้ออาหารสัตว์ - บันทึกข้อมูลการรักษาโรค และดูแลสุขภาพ เช่น การรับจ่ายการใช้เวชภัณฑ์และสารเคมีการใช้วัคซีน การถ่ายพยาธิการรักษาโรค การดูแลสุขภาพ - บันทึกข้อมูลบัญชีฟาร์ม เป็นการท าบัญชีตัวสัตว์ภายในฟาร์ม 2.5 คู่มือการจัดการฟาร์ม - คู่มือแสดงรายละเอียด การจัดการฟาร์ม แนวทางปฏิบัติการเลี้ยง การจัดการอาหาร การดูแล สุขภาพ การปูองกันและรักษาโรค 2.6 การจัดการบุคลากร - บุคลากรภายในฟาร์มจะต้องมีการฝึกอบรมเรื่องการจัดการฟาร์ม การปฏิบัติการเลี้ยง การจัดการอาหาร การสุขาภิบาลฟาร์ม - มีสัตวแพทย์ผู้ควบคุมฟาร์ม ท าหน้าที่ในการดูแลด้านการปูองกันโรค รักษาโรค และการใช้ยา
24 - มีจ านวนแรงงานเพียงพอ - บุคลากรภายในฟาร์มต้องได้รับการตรวจสุขภาพเป็นประจ าทุกปีอย่างน้อยปี ละ 1 ครั้ง เพื่อปูองกันโรคที่สามารถติดต่อจากคนสู่สัตว์เช่น วัณโรค - มีการพัฒนาบุคลากร โดยการฝึกอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับความก้าวหน้า ทางเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการ ปฏิบัติงานฟาร์มอย่างต่อเนื่อง 2.7 การควบคุมสัตว์ที่เป็นพาหะน าโรค – ต้องมีระบบปูองกันและก าจัดสัตว์พาหะน าโรค เช่น สุนัข แมว นก หนูแมลงสาบ และแมลงวัน อย่าง ต่อเนื่องและเหมาะสม 3. การจัดการด้านสุขภาพสัตว์ 3.1 การป้องกันและควบคุมโรค - มีระบบปูองกันเชื้อโรคเข้าสู่ฟาร์ม โดยเฉพาะยานพาหนะและบุคคล - มีการจัดการสุขลักษณะที่ดีภายในฟาร์ม เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค โดยฉีดพ่นยาฆ่า เชื้อโรค สารปู องกันก าจัดแมลง ท าความสะอาดโรงเรือน อุปกรณ์และบริเวณโดยรอบตาม ระยะเวลาที่เหมาะสม - สร้างภูมิคุ้มกันโรคตามโปรแกรมที่ก าหนด รวมทั้งการก าจัดพยาธิ - การจัดการสัตว์ป่วย มีการแยกสัตว์ป่วยเพื่อรักษา - ไม่ใช้สารต้องห้ามหรือสารเร่งการเจริญเติบโต - กรณีเกิดโรคระบาด ให้ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมโรคระบาดสัตว์พ.ศ. 2499 และที่แก้ไข เพิ่มเติม - ตรวจโรคที่อาจติดต่อจากสัตว์สู่คน อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง 3.2 การป้องกันและรักษาโรค - อยู่ในความดูแลของสัตวแพทย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย - การใช้ยา ปฏิบัติตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม 7001-2540 และระเบียบที่เกี่ยวข้อง 4. การจัดการด้านสวัสดิภาพสัตว์ - ผู้เลี้ยงต้องตรวจสอบสัตว์อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าสัตว์มีสุขภาพดี - ภายในโรงเรือนต้องสะอาดถูกสุขอนามัย - จัดการพื้นที่ให้เหมาะสมกับจ านวนสัตว์ - ดูแลสัตว์ให้ได้รับอาหารอย่างทั่วถึง - สัตว์ที่ได้รับบาดเจ็บ ป่วย หรือพิการ ควรได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน หากพิจารณาแล้วเห็นว่า ไม่สมควร รักษา ให้ท าลายทันทีเพื่อไม่ให้ทุกข์ทรมาน 5. การจัดการระบบน้ า - มีการจัดการระบบน้ าที่ดี - น้ าที่ใช้ภายในฟาร์มต้องสะอาด ถูกสุขลักษณะ ไม่เป็นอันตรายต่อสัตว์ - น้ ามีคุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐานน้ าใช้ 6. การจัดการด้านสิ่งแวดล้อม - การจัดการของเสีย สิ่งปฏิกูล มูลสัตว์ น้ าทิ้ง และขยะต่างๆ ต้องผ่านการจัดการที่เหมาะสม ไม่ก่อให้เกิด กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ หรือก่อความ ร าคาญต่อผู้อยู่อาศัยข้างเคียง และไม่ก่อให้เกิด มลภาวะ เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม
25 แบบฝึกหัดท้ายหน่วยการเรียนรู้ที่ 3 การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีส าหรับพืช (GAP พืช) ค าชี้แจง แบบทดสอบหลังเรียน มี 2 ตอนดังนี้ 1. แบบทดสอบชุดนี้เป็นแบบปรนัย 4 ตัวเลือก จ านวน ข้อ 2. ข้อเขียน จ านวน ข้อ ตอนที่ 1 ค าสั่ง ให้นักเรียนท าเครื่องหมาย X ในข้อที่ถูกต้อง ลงในกระดาษค าตอบ 1. GAP พืช มีทั้งหมดกี่ข้อก าหนด ก. 6 ข้อก าหนด ค. 8 ข้อก าหนด ข. 7 ข้อก าหนด ง. 9 ข้อก าหนด 2. GAP พืช ข้อก าหนดที่เท่าไหร่ คือ การพักผลิตผล ก. ข้อก าหนดที่ 3 ค. ข้อก าหนดที่ 5 ข. ข้อก าหนดที่ 4 ง. ข้อก าหนดที่ 6 3. การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี(Good Agricultural Practices: GAP) หมายถึง ก. แนวทางในการท าการเกษตร เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพดีและปลอดภัยตามมาตรฐานที่ก าหนด ข. เป็นมาตรฐานการปฏิบัติที่ระบุรายละเอียดข้อก าหนด ค. การบันทึกข้อมูลและการตามสอบ ง. การจัดการคุณภาพในกระบวนการเก็บเกี่ยว 4. สินค้าเกษตรมีกี่ ประเภท ก. 2 ประเภท ค. 4 ประเภท ข. 3 ประเภท ง. 5 ประเภท 5. สินค้าเกษตรมีกี่ ประเภท ก. 2 ประเภท ค. 4 ประเภท ข. 3 ประเภท ง. 5 ประเภท 6. การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีส าหรับพืช ข้อใดกล่าวผิด ก. แหล่งน้ าต้องสะอาด ไม่มีการปนเปื้อนของวัตถุหรือสิ่งที่เป็นอันตราย ข. การจัดการกระบวนการผลิตเพื่อให้ได้ผลิตผลคุณภาพ ค. การใช้วัตถุอันตรายทางการเกษตรไม่จ าเป็นต้องใช้ตามค าแนะน า ง. ผู้ปฏิบัติงานต้องมีความรู้ที่เหมาะสม 7. ท าเลที่ตั้งของฟาร์มที่ดีต้องมีลักษณะอย่างไร? ก. สถานที่ตั้งควรอยู่ห่างไกลจากแหล่งชุมชน ค. น้ าไม่ท่วมขัง มีการคมนาคมสะดวก ข. สถานที่ตั้งควรอยู่ห่างไกลจากแหล่งน้ าสาธารณะ ง. ถูกที่ข้อ 8. ข้อใดไม่ใช่องค์ประกอบของฟาร์ม ก. ท าเลที่ตั้ง ค. ลักษณะของฟาร์ม ข. ลักษณะของโรงเรือน ง. ลักษณะของแหล่งน้ า 9. ข้อใดคือการจัดการด้านอาหารของสัตว์ ก. ตรวจสอบคุณภาพอาหารที่ใช้อย่างสม่ าเสมอ ค. โรงเรือนพอเพียงตามวัตถุประสงค์ของการใช้งาน ข. ดูแลสัตว์ให้ได้รับอาหารอย่างทั่วถึง ง. อาหารหยาบและอาหารข้น 10. การป้องกันและควบคุมโรคของฟาร์มต้องเริ่มจากข้อใดก่อน ก. มีการจัดการสุขลักษณะที่ดีภายในฟาร์ม ค. การดูแลของสัตวแพทย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ข. มีระบบการฆ่าเชื้อก่อนเข้าฟาร์ม ง. ภายในโรงเรือนต้องสะอาดถูกสุขอนามัย
26 แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 8 - 9 หน่วยที่ 4 วิชา ความรู้เกี่ยวกับมาตรฐานการผลิตและผลิตผลทางการเกษตร สอนครั้งที่ 8-9 ชื่อหน่วย การรับรองมาตรฐาน การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี จ านวนชั่วโมง 4 เรื่อง : การรับรองมาตรฐาน การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีGood Agricultural Practice (GAP) ชั่วโมงรวม 18 การรับรองมาตรฐาน การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีGood Agricultural Practice (GAP) ความส าคัญในการเขาสูกระบวนการปฏิบัติการเกษตรสูมาตรฐานสากล การเตรียมความพรอมและการพัฒนาเกษตรกรให้ได้รับความรู้และมีการผลิตสินค้าเกษตรให้มีคุณภาพ โดย การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีซึ่งเป็นระบบการจัดการคุณภาพดานการผลิตทางการเกษตรที่ดีและเหมาะสม เพื่อให้ ไดผลผลิตที่มีคุณภาพดีตรง ตามมาตรฐาน ที่ก าหนด เป็นกระบวนการที่จะสามารถควบคุมระบบการผลิตให้ผลผลิต มีความปลอดภัย ปราศจากการปนเปื้อนของสารเคมีก าจัดศัตรูพืช จุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดอันตราย ถือเป็น กระบวนการท าการผลิตอยางเป็นระบบที่สามารถปกปองความปลอดภัยของผู้ผลิตและผู้บริโภค โดยมีการใช้ ทรัพยากรให้เกิดประโยชนสูงสุดเป็นการปฏิบัติที่มุงจัดการให้เกิดความยั่งยืนทางการเกษตรสิ่งแวดลอมเศรษฐกิจ และสังคมของระบบการผลิตในแปลงเกษตรกรรมซึ่งจะมีผลท าให้อาหารและผลผลิตทางการเกษตรมีคุณภาพ ปลอดภัยตอผู้บริโภค ไมท าให้เกิดมลพิษตอสิ่งแวดลอม และมีความยั่งยืน ความหมายของมาตรฐานสินค้าเกษตร มาตรฐาน หมายถึง ข้อก าหนดทางวิชาการในรูปของเอกสารวัตถุที่แพร่หลายแก่บุคคลทั่วไป ก าหนดขึ้น โดยความร่วมมือการยอมรับร่วมกันของผู้มีส่วนได้เสียและผู้มีประโยชน์เกี่ยวจากการพิจารณาร่วมกันโดยมุ่ง ประโยชน์สูงสุด สินค้าเกษตร หมายถึง ผลิตผลหรือผลิตภัณฑ์อันเกิดจากการกสิกรรม การประมง การปศุสัตว์หรือการป่า ไม้ และผลพลอยได้ของผลิตผลหรือผลิตภัณฑ์ดังกล่าว มาตรฐานสินค้าเกษตร ที่ก าหนดขึ้นภายใต้ พ.ร.บ.มาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ.2551 แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ มาตรฐานบังคับ และ มาตรฐานทั่วไป o มาตรฐานบังคับ คือ มาตรฐานที่มีกฎกระทรวงก าหนดให้สินค้าเกษตรต้องเป็นไปต มาตรฐาน o มาตรฐานทั่วไป คือ มาตรฐานที่มีประกาศก าหนดเพื่อส่งเสริมสินค้าเกษตรให้ได้ มาตรฐาน วัตถุประสงค์ในการก าหนดมาตรฐานสินค้าเกษตร เพื่อเป็นเครื่องมือในการควบคุมและส่งเสริมสินค้าเกษตรให้มีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐาน เพื่อความ ปลอดภัยและคุ้มครองผู้บริโภค ป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดแก่เกษตรกรหรื การค้าสินค้าเกษตร หรือ เศรษฐกิจของประเทศ และเพื่อให้สอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศ
27 แบบฝึกหัดท้ายหน่วยการเรียนรู้ที่ 4 การรับรองมาตรฐาน การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีGood Agricultural Practice (GAP) ค าชี้แจง แบบทดสอบหลังเรียน มี 2 ตอนดังนี้ 1. แบบทดสอบชุดนี้เป็นแบบปรนัย 4 ตัวเลือก จ านวน ข้อ 2. ข้อเขียน จ านวน ข้อ ตอนที่ 1 ค าสั่ง ให้นักเรียนท าเครื่องหมาย X ในข้อที่ถูกต้อง ลงในกระดาษค าตอบ 1. วัตถุประสงค์ในการก าหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรคือข้อใด ก. เพื่อเป็นเครื่องมือในการควบคุมและส่งเสริมสินค้าเกษตรให้มีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐาน ข. ข้อก าหนดทางวิชาการในรูปของเอกสารวัตถุที่แพร่หลายแก่บุคคลทั่วไป ค. ผลิตผลหรือผลิตภัณฑ์อันเกิดจากการกสิกรรม การประมง การปศุสัตว์หรือการป่าไม้ ง. มาตรฐานที่มีกฎกระทรวงก าหนดให้สินค้าเกษตรต้องเป็นไปตามมาตรฐาน 2. มาตรฐานสินค้าเกษตร ที่ก าหนดขึ้นภายใต้ พ.ร.บ.มาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ.2551 แบ่งเป็นกี่ประเภท. ก. 2 ประเภท ค. 4 ประเภท ข. 3 ประเภท ง. 5 ประเภท 3. ข้อใดคือมาตรฐานบังคับ ก. มาตรฐานที่มีกฎกระทรวงก าหนดให้สินค้าเกษตรต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ข. มาตรฐานที่มีประกาศก าหนดเพื่อส่งเสริมสินค้าเกษตรให้ได้มาตรฐาน ค.ข้อก าหนดทางวิชาการในรูปของเอกสารวัตถุที่แพร่หลายแก่บุคคลทั่วไป ง. ก าหนดขึ้นภายใต้ พ.ร.บ.มาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ.2551 4. ข้อใดคือมาตรฐานทั่วไป ก. มาตรฐานที่มีกฎกระทรวงก าหนดให้สินค้าเกษตรต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ข. มาตรฐานที่มีประกาศก าหนดเพื่อส่งเสริมสินค้าเกษตรให้ได้มาตรฐาน ค.ข้อก าหนดทางวิชาการในรูปของเอกสารวัตถุที่แพร่หลายแก่บุคคลทั่วไป ง. ก าหนดขึ้นภายใต้ พ.ร.บ.มาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ.2551
28 แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 10 - 12 หน่วยที่ 5 วิชา ความรู้เกี่ยวกับมาตรฐานการผลิตและผลิตผลทางการเกษตร สอนครั้งที่ 10-12 ชื่อหน่วย มาตรฐานบางประการส าหรับการเลี้ยงสัตว์ในประเทศไทย จ านวนชั่วโมง 6 เรื่อง : มาตรฐานส าหรับการเลี้ยงสัตว์ในประเทศไทย ชั่วโมงรวม 24 มาตรฐานบางประการส าหรับการเลี้ยงสัตว์ในประเทศไทย นับตั้งแต่ได้มีการก่อตั้งองค์การการค้าโลก (WTO) ซึ่งเป็นองค์กรที่มีหน้าที่ดูแลและก าหนดมาตรการต่างๆ ในการส่งออกสินค้าสู่ตลาดประเทศ ซึ่งเริ่มมีการบังคับใช้ในปี พ.ศ. 2543 ประเทศต่างๆ ที่เป็นสมาชิกองค์กร ดังกล่าว จึงมีความตื่นตัวและจ าเป็นที่จะต้องปรับตัวเพื่อการแข่งขันทางการค้ามากขึ้น หน่วยงานที่รับผิดชอบในการ ผลิตปศุสัตว์ในประเทศไทย คือ กรมปศุสัตว์ ได้ออกกฎ ระเบียบ กฎหมาย รวมถึงมาตรฐานต่างๆ เพื่อให้มีความ สอดคล้องกับข้อก าหนดขององค์การการค้าโลก และองค์กรโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ (OIE) และถือว่าเป็นมาตรฐานการผลิตสินค้าทางการเกษตร (GAP) ด้านการผลิตปศุสัตว์ ซึ่งมีมาตรฐานที่ส าคัญบาง ประการดังนี้ · มาตรฐานฟาร์มเลี้ยงสัตว์ · การควบคุมการใช้ยาในมาตรฐานฟาร์มปศุสัตว์ · ข้อก าหนดการควบคุมการใช้ยาส าหรับสัตว์ 1. มาตรฐานฟาร์มเลี้ยงสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประกาศเรื่องมาตรฐานฟาร์มเลี้ยงสัตว์ประเทศไทย พ .ศ. 2542 เมื่อ วันที่ 3 พฤศจิกายน 2542 จ านวน 3 เรื่อง คือ · มาตรฐานฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อของประเทศไทย · มาตรฐานฟาร์มเลี้ยงสุกรของประเทศไทย · มาตรฐานฟาร์มโคนมและการผลิตน้ านมดิบของประเทศไทย โดยให้ผู้ประกอบการฟาร์มเลี้ยงสัตว์ที่มีความต้องการขอใบรับรองมาตรฐานฟาร์มเลี้ยงสัตว์จากกรมปศุสัตว์ เพื่อยื่น ค าร้องพร้อมด้วยหลักฐานต่อปศุสัตว์จังหวัดหรือปศุสัตว์อ าเภอในท้องที่ฟาร์มตั้งอยู่ แล้วเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จึงไปท า การตรวจสอบฟาร์มเพื่อด าเนินการต่อไป วัตถุประสงค์ของการจัดท ามาตรฐานฟาร์ม 1. เพื่อปรับปรุงระบบการเลี้ยงสัตว์ของประเทศไทยให้เป็นรูปแบบมาตรฐานเดียวกันและมีคุณภาพ 2. เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคให้ปลอดภัยในการบริโภคเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์สัตว์จากฟาร์มเลี้ยงสัตว์ที่ได้รับการ รับรองเป็นฟาร์มมาตรฐานจากกรมปศุสัตว์ 3. เพื่ออ านวยความสะดวกทางการค้าแก่ผู้ประกอบการฟาร์มเลี้ยงสัตว์ส่งออก 4. เพื่อลดมลภาวะจากฟาร์มเลี้ยงสัตว์ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน 5. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุม ป้องกันและก าจัดโรคในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ องค์ประกอบพื้นฐานของฟาร์มเลี้ยงสัตว์ที่ขอใบรับรองมาตรฐาน 1. มีท าเลที่ตั้งฟาร์ม ตลอดจนมีการออกแบบสิ่งก่อสร้างและโรงเรือนที่เหมาะสม 2. มีระบบท าลายเชื้อโรคก่อนเข้า – ออกจากฟาร์ม 3. มีการจัดการโรงเรือน สิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสียที่ถูกต้องตามหลักสุขาภิบาล 4. โรงเรือนที่ใช้เลี้ยงสัตว์มีลักษณะและขนาดที่เหมาะสมกับจ านวนสัตว์
29 5. มีการจัดการด้านอาหารสัตว์อย่างถูกต้องตามหลักสุขศาสตร์ 6. มีคู่มือการจัดการฟาร์มและมีระบบการบันทึกข้อมูล 7. การจัดการด้านสุขภาพสัตว์ มีโปรแกรมการให้วัคซีนป้องกันโรคและการให้ยาบ าบัดโรคเมื่อเกิดโรค 8. การจัดการด้านบุคคล สัตวแพทย์ สัตวบาล และผู้เลี้ยงสัตว์ต้องมีเพียงพอและเหมาะสมกับจ านวนสัตว์ พร้อมทั้งมีสวัสดิการสังคมและการตรวจสุขภาพประจ าปีให้กับบุคลากร สิทธิประโยชน์ของฟาร์มเลี้ยงสัตว์ที่ได้มาตรฐาน 1. การเคลื่อนย้ายสัตว์ ผู้ประกอบการฟาร์มเลี้ยงโคนมและสุกรสามารถขออนุญาตเคลื่อนย้ายสัตว์เข้าในหรือ ผ่านเขตปลอดโรคระบาดได้จากปศุสัตว์จังหวัด โดยปฏิบัติตามระเบียบกรมปศุสัตว์ว่าด้วยการน าเข้าหรือการ เคลื่อนย้ายสัตว์หรือซากสัตว์ภายในราชอาณาจักร 2. กรมปศุสัตว์จะจัดสรรวัคซีนป้องกันโรคปากและเท้าเปื่อย และโรคอหิวาต์สุกรให้มีจ าหน่ายอย่างเพียงพอ ตามปริมาณสุกรของฟาร์มเลี้ยงสุกรมาตรฐาน 3. กรมปศุสัตว์จะให้บริการการทดสอบโรคแท้งติดต่อในพ่อแม่พันธุ์สุกร รวมทั้งโรคแท้งติดต่อและวัณโรคในโค นม โดยไม่คิดมูลค่าส าหรับฟาร์มที่ได้มาตรฐาน 4. กรมปศุสัตว์จะให้บริการตรวจวินิจฉัยและชันสูตรโรคสัตว์ โดยไม่คิดมูลค่าส าหรับตัวอย่างที่ส่งตรวจจาก ฟาร์มเลี้ยงสัตว์มาตรฐาน 1. มาตรฐานฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อ 1. ค าน า มาตรฐานฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อนี้ก าหนดขึ้นเป็นมาตรฐานเพื่อให้ฟาร์มที่ต้องการขึ้นทะเบียนเป็นฟาร์มที่ได้มาตรฐาน เป็นที่ยอมรับ ได้ยึดถือปฏิบัติเพื่อให้ได้การรับรองจากกรมปศุสัตว์ ซึ่งมาตรฐานนี้เป็นที่ยอมรับ ได้ยึดถือปฏิบัติ เพื่อให้ได้การรับรองจากกรมปศุสัตว์ และถือเป็นเกณฑ์มาตรฐานขั้นพื้นฐานส าหรับฟาร์มที่จะได้รับการรับรอง 2. วัตถุประสงค์ มาตรฐานฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อนี้ก าหนดวิธีปฏิบัติ การจัดการฟาร์ม การจัดการด้านสุขภาพสัตว์และการจัดการ ด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ได้ไก่เนื้อที่ถูกสุขลักษณะและเหมาะสมแก่ผู้บริโภค 3. ค านิยาม ฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อ หมายถึงฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อเพื่อการค้า (Broiler) ที่มีจ านวนตั้งแต่ 3,000 ตัวขึ้นไป 4. องค์ประกอบของฟาร์ม 4.1 ท าเลที่ตั้งของฟาร์ม 4.1.1 อยู่ในบริเวณที่มีการการคมนาคมสะดวก 4.1.2 สามารถป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคจากภายนอกเข้าสู่ฟาร์มได้ 4.1.3 อยู่ห่างจากแหล่งชุมชนโรงฆ่าสัตว์ปีก ตลาดนัดค้าสัตว์ปีก และเส้นทางที่มีการเคลื่อนย้ายสัตว์ ปีกและซากสัตว์ปีก 4.1.4 อยู่ในท าเลที่มีแหล่งน้ าสะอาดตามมาตรฐานคุณภาพน้ าใช้ เพื่อการบริโภคอย่างเพียงพอตลอด ปี 4.1.5 ควรได้รับความยินยอมจากองค์การบริหารราชการส่วนท้องถิ่น 4.1.6 เป็นบริเวณที่ไม่น้ าท่วมขัง 4.1.7 เป็นบริเวณที่โปร่ง อากาศสามารถถ่ายเทได้ดี มีต้นไม้ให้ร่มเงาภายในฟาร์ม
30 4.2 ลักษณะของฟาร์ม 4.2.1 เนื้อที่ของฟาร์ม ต้องมีเนื้อที่เหมาะสมกับขนาดของฟาร์ม โรงเรือน 4.2.2 การจัดแบ่งพื้นที่ ต้องมีเนื้อที่กว้างขวางเพียงพอ ส าหรับการจัดแบ่งการก่อสร้างอาคารโรงเรือนอย่างเป็น ระเบียบ สอดคล้องกับการปฏิบัติงานและไม่หนาแน่นจนไม่สามารถจัดการด้านการผลิตสัตว์การควบคุม โรคสัตว์ สุขอนามัยของผู้ปฏิบัติงาน และการรักษาสิ่งแวดล้อมได้ตามหลักวิชาการ ฟาร์มจะต้องมีการจัดแบ่งพื้นที่ ฟาร์มเป็นสัดส่วนโดยมีผังแสดงการจัดวางที่แน่นอน 4.2.3 ถนนภายในฟาร์ม ต้องใช้วัสดุคงทน มีสภาพและความกว้างเหมาะสม สะดวกในการขนส่งล าเลียงอุปกรณ์ อาหารสัตว์ รวมทั้งผลผลิตเข้า-ออกจากภายในและภายนอกฟาร์ม 4.2.4 บ้านพักอาศัยและอาคารส านักงาน อยู่ในบริเวณอาศัยโดยเฉพาะไม่มีการเข้าอยู่อาศัยในบริเวณโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ บ้านพักต้อง อยู่ในสภาพแข็งแรงสะอาด เป็นระเบียบไม่สกปรกรกรุงรัง มีปริมาณเพียงพอกับจ านวนเจ้าหน้าที่ ต้องแยกห่าง จากบริเวณเลี้ยงสัตว์พอสมควร สะอาด ร่มรื่น มีรั้วกั้นแบ่งแยกจากบริเวณเลี้ยงสัตว์ตามก าหนดอย่างชัดเจน 4.3 ลักษณะของโรงเรือน โรงเรือนที่จะใช้เลี้ยงไก่ควรมีขนาดที่เหมาะสมกับจ านวนไก่ที่เลี้ยง ถูกสุขลักษณะ สัตว์อยู่สบาย 5. การจัดการฟาร์ม 5.1. การจัดการด้านโรงเรือน 5.1.1 โรงเรือนและที่ให้อาหาร ต้องสะอาดและแห้ง 5.1.2 โรงเรือนต้องสะดวกในการปฏิบัติงาน 5.1.3 ต้องดูแลซ่อมแซมโรงเรือนให้มีความปลอดภัยต่อไก่และผู้ปฏิบัติงาน 5.1.4 มีการท าความสะอาดโรงเรือนและอุปกรณ์ ด้วยน้ ายาฆ่าเชื้อโรคตามความเหมาะสม 5.1.5 มีการจัดการโรงเรือน เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนน าไก่เข้าเลี้ยง 5.2. การจัดการด้านบุคลากร 5.2.1 ต้องมีจ านวนแรงงานอย่างเพียงพอและเหมาะสมกับจ านวนสัตว์ที่เลี้ยง มีการจัดแบ่งหน้าที่และ ความรับผิดชอบในแต่ละต าแหน่งอย่างชัดเจน นอกจากนี้บุคลากรภายในฟาร์มทุกคนควรได้รับการตรวจ สุขภาพเป็นประจ าทุกปี 5.2.2 ให้มีสัตวแพทย์ควบคุมก ากับดูแลด้านสุขภาพสัตว์ และสุขอนามัยภายในฟาร์ม โดย สัตวแพทย์ต้องมีใบอนุญาตประกอบการบ าบัดโรคสัตว์ชั้นหนึ่งและได้รับใบอนุญาตควบคุมฟาร์มจากกรม ปศุสัตว์ 5.3. คู่มือการจัดการฟาร์ม ผู้ประกอบการฟาร์มต้องมีคู่มือการจัดการฟาร์มแสดงให้เห็นระบบการเลี้ยงการจัดการฟาร์มระบบ บันทึกข้อมูล การป้องกันและควบคุมโรค การดูแลสุขภาพสัตว์และสุขอนามัยในฟาร์ม 5.4. ระบบการบันทึกข้อมูล ฟาร์มจะต้องมีระบบการบันทึกข้อมูล ซึ่งประกอบด้วย 5.4.1 ข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารฟาร์ม ได้แก่ บุคลากร แรงงาน 5.4.2 ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการด้านการผลิต ได้แก่ ข้อมูลตัวสัตว์ ข้อมูลสุขภาพสัตว์ ข้อมูลการผลิต และข้อมูลผลผลิต
31 5.5. การจัดการด้านอาหารสัตว์ 5.5.1 คุณภาพอาหารสัตว์ - แหล่งที่มาของอาหารสัตว์ ก. ในกรณีซื้ออาหารสัตว์ ต้องซื้อจากผู้ที่ได้รับใบอนุญาตตาม พรบ.ควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2525 ข. ในกรณีผสมอาหารสัตว์ ต้องมีคุณภาพอาหารสัตว์เป็นไปตามที่ก าหนดตาม พรบ.ควบคุม คุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2525 - ภาชนะบรรจุและการขนส่ง ภาชนะบรรจุอาหารสัตว์ควรสะอาด ไม่เคยใช้บรรจุวัตถุมีพิษ ปุ๋ย หรือวัตถุอื่นใดที่อาจเป็น อันตรายต่อสัตว์ สะอาด แห้ง กันความชื้นได้ ไม่มีสารที่จะปนเปื้อนกับอาหารสัตว์ ถ้าถูกเคลือบด้วยสารอื่นๆ สาร ดังกล่าวต้องไม่เป็นอันตรายต่อสัตว์ การตรวจสอบคุณภาพอาหารสัตว์ ควรมีการตรวจสอบคุณภาพอาหารสัตว์อย่างง่าย นอกจากนี้ต้องสุ่มตัวอย่างอาหารสัตว์ส่งห้องปฏิบัติการที่ เชื่อถือได้ เพื่อตรวจวิเคราะห์คุณภาพและสารตกค้างเป็นประจ า และเก็บบันทึกผลการตรวจวิเคราะห์ไว้ให้ ตรวจสอบได้ 5.5.2 การเก็บรักษาอาหารสัตว์ ควรมีสถานที่เก็บอาหารสัตว์แยกต่างหาก กรณีมีวัตถุดิบเป็นวิตามินควรเก็บไว้ในห้องปรับ อากาศ ห้องเก็บอาหารสัตว์ต้องสามารถรักษาสภาพของอาหารสัตว์ไม่ให้เปลี่ยนแปลง สะอาด แห้ง ปลอดจาก แมลงและสัตว์ต่างๆ ควรมีแผงไม้รองด้านล่างของภาชนะบรรจุอาหารสัตว์ 6. การจัดการด้านสุขภาพสัตว์ 6.1 ฟาร์มจะต้องมีระบบเฝ้าระวัง ควบคุมและป้องกันโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้รวมถึงการมีโปรแกรมท าลายเชื้อโรคก่อนเข้าและ ออกจากฟาร์ม การป้องกันการสะสมของเชื้อโรคในฟาร์ม การควบคุมโรคให้สงบโดยเร็ว และไม่ให้แพร่ระบาดจาก ฟาร์ม 6.2 การบ าบัดโรค 6.2.1 การบ าบัดโรคสัตว์ ต้องปฏิบัติตาม พรบ.ควบคุมการประกอบการบ าบัดโรคสัตว์ พ.ศ. 2505 6.2.2 การใช้ยาส าหรับสัตว์ ต้องปฏิบัติตามข้อก าหนดการใช้ยาส าหรับสัตว์(มอก.7001-2540) 7. การจัดการสิ่งแวดล้อม วิธีการก าจัดของเสีย สิ่งปฏิกูลต่างๆ รวมถึงขยะต้องผ่านการก าจัดอย่างเหมาะสม กฎ/ ข้อบังคับอื่นๆ ตามกฎหมาย 1. ข้อก าหนดการใช้ยาส าหรับสัตว์(มอก. 7001-2504) 2. พรบ. ควบคุมการประกอบการบ าบัดโรคสัตว์ พ.ศ. 2505 3. พรบ. ควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2525 4. มาตรฐานคุณภาพน้ าใช้
32 มาตรฐานฟาร์มเลี้ยงสุกร 1. ค าน า มาตรฐานฟาร์มเลี้ยงสุกรนี้ ก าหนดขึ้นเป็นมาตรฐานเพื่อให้ฟาร์มที่ต้องการขึ้นทะเบียนเป็นฟาร์มที่ได้ มาตรฐานเป็นที่ยอมรับ ได้ยึดถือปฏิบัติเพื่อให้ได้การรับรองจากกรมปศุสัตว์ ซึ่งมาตรฐานนี้เป็นเกณฑ์ที่มาตรฐาน ขั้นพื้นฐานส าหรับฟาร์มที่จะได้รับการรับรอง 2. วัตถุประสงค์ มาตรฐานฟาร์มเลี้ยงสุกรนี้ก าหนดวิธีปฏิบัติด้านการจัดการฟาร์ม การจัดการด้านสุขภาพสัตว์ และการ จัดการด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อให้ได้สุกรที่ถูกสุขลักษณะ และเหมาะสมต่อผู้บริโภค 3. นิยาม ฟาร์มสุกร หมายถึง ฟาร์มที่ผลิตสุกรขุนเพื่อการค้า ฟาร์มพ่อ-แม่พันธุ์เพื่อผลิตลูกสุกร และฟาร์มเลี้ยงสุกร 4. องค์ประกอบของฟาร์ม 4.1 ท าเลที่ตั้งของฟาร์ม 4.1.1 อยู่บริเวณที่มีการคมนาคมสะดวก 4.1.2 สามารถป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคจากภายนอกเข้าสู่ฟาร์ม 4.1.3 อยู่ห่างจากแหล่งชุมชน โรงฆ่าสัตว์ ตลาดนัดค้าสัตว์ 4.1.4 อยู่ในท าเลที่มี แหล่งน้ าสะอาดตามมาตรฐานคุณภาพน้ าใช้ เพียงพอต่อการบริโภคตลอดปี 4.1.5 ควรได้รับการยินยอมจากองค์การบริหารราชการส่วนท้องถิ่น 4.1.6 เป็นบริเวณที่ไม่มีน้ าท่วมขัง 4.1.7 เป็นบริเวณที่โปร่ง อากาศสามารถถ่ายเทได้ดี และมีต้นไม้ให้ร่มเงาภายในฟาร์ม 4.2 ลักษณะของฟาร์ม 4.2.1 เนื้อที่ของฟาร์ม ต้องมีเนื้อที่เหมาะสมกับขนาดของฟาร์ม โรงเรือน 4.2.2 การจัดแบ่งเนื้อที่ ต้องมีเนื้อที่กว้างเพียงพอส าหรับการจัดแบ่ง การก่อสร้างอาหารโรงเรือนอย่างเป็นระเบียบ สอดคล้องกับการปฏิบัติงานและไม่หนาแน่นจนไม่สามารถจัดการด้านการผลิตสัตว์ การควบคุมโรคสัตว์ สุขอนามัยของผู้ปฏิบัติงานและการรักษาสิ่งแวดล้อมได้ตามหลักวิชาการ ฟาร์มจะต้องมีการจัดแบ่งพื้นที่ฟาร์มเป็น สัดส่วนโดยมีผังแสดงการจัดวางที่แน่นอน 4.2.3 ถนนภายในฟาร์ม ถนนภายในฟาร์มต้องใช้วัสดุคงทน มีสภาพและความกว้างเหมาะสมสะดวกในการขนส่งล าเลียง อุปกรณ์ อาหารสัตว์ รวมทั้งผลผลิตเข้า-ออกจากภายนอกและภายในฟาร์ม 4.2.4 บ้านพักอาศัยและอาการส านักงาน อยู่ในบริเวณอาศัย โดยเฉพาะไม่มีการเข้าอยู่อาศัยในบริเวณโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ บ้านพักต้อง อยู่ในสภาพแข็งแรง สะอาด เป็นระเบียบไม่สกปรกรกรุงรัง มีปริมาณเพียงพอกับจ านวนเจ้าหน้าที่ ต้องแยกห่าง จากบริเวณเลี้ยงสัตว์พอสมควร สะอาด ร่มรื่น มีรั้วกั้นแบ่งแยกจากบริเวณเลี้ยงสัตว์ตามที่ก าหนดอย่างชัดเจน 4.2.5 ไม่ควรให้สัตว์เลี้ยงที่อาจเป็นพาหะน าโรคเข้าไปในบริเวณเลี้ยงสุกร 4.3 ลักษณะโรงเรือน โรงเรือนควรมีขนาดที่เหมาะสมกับจ านวนสัตว์ ถูกสุขอนามัย สัตว์อยู่สุขสบาย
33 5. การจัดการฟาร์ม 5.1 การจัดการโรงเรือน 5.1.1 โรงเรือน และที่ให้อาหาร ต้องสะอาดและแห้ง 5.1.2 โรงเรือนต้องสะดวกในการปฏิบัติงาน 5.1.3 ต้องดูแลซ่อมแซมโรงเรือนให้มีความปลอดภัยต่อสุกรและผู้ปฏิบัติงาน 5.1.4 มีการจัดการโรงเรือนเตรียมความพร้อมก่อนน าสัตว์เข้า 5.1.5 มีการท าความสะอาดโรงเรือนและอุปกรณ์ด้วยน้ ายาฆ่าเชื้อตามความเหมาะสม 5.2 การจัดการด้านบุคลากร 5.2.1 ต้องมีจ านวนแรงงานอย่างเพียงพอและเหมาะสมกับจ านวนสัตว์เลี้ยง มีการจัดแบ่งหน้าที่และ ความรับผิดชอบของบุคลากรในแต่ละต าแหน่งอย่างชัดเจน บุคลากรภายในฟาร์มควรได้รับการตรวจสุขภาพเป็น ประจ าทุกปี 5.2.2 ให้มีสัตวแพทย์ ควบคุมก ากับดูแลด้านสุขภาพสัตว์ภายในฟาร์มโดยสัตวแพทย์ ต้องมี ใบอนุญาตประกอบบ าบัดโรคสัตว์ชั้นหนึ่ง และได้รับอนุญาตควบคุมฟาร์มจากกรมปศุสัตว์ 5.3 คู่มือการจัดการฟาร์ม ผู้ประกอบการฟาร์มต้องมีคู่มือการจัดการฟาร์ม แสดงให้เห็นระบบการเลี้ยงการจัดการฟาร์มระบบ บันทึกข้อมูลการป้องกันและควบคุมโรคสัตว์ การดูแลสุขภาพสัตว์และสุขอนามัยในฟาร์ม 5.4 ระบบบันทึกข้อมูล ฟาร์มจะต้องมีระบบการบันทึกข้อมูล ซึ่งประกอบด้วย 5.4.1 ข้อมูลการบริหารฟาร์ม ได้แก่ บุคลากร แรงงาน 5.4.2 ข้อมูลจัดการผลิตได้แก่ ข้อมูลตัวสัตว์ ข้อมูลสุขภาพสัตว์ ข้อมูลการผลิตและข้อมูลผลผลิต 5.5 การจัดการด้านอาหารสัตว์ 5.5.1 คุณภาพอาหารสัตว์ - แหล่งที่มาของอาหารสัตว์ ก. ในกรณีซื้ออาหาร ต้องซื้อจากผู้ขายที่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ. ควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2525 ข. ในกรณีผสมอาหารสัตว์เองต้องมีคุณภาพอาหารสัตว์เป็นไปตามก าหนดตามกฏหมายตาม พ.ร.บ. ควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2525 - ภาชนะบรรจุและการขนส่ง ภาชนะบรรจุอาหารสัตว์ควรสะอาด ไม่เคยใช้บรรจุวัตถุมีพิษ ปุ๋ยหรือวัตถุอื่นๆ ใดที่อาจเป็นอันตราย ต่อสัตว์ สะอาด แห้ง กันความชื้นได้ ไม่มีสารที่จะปนเปื้อนกับอาหารสัตว์ ถ้าถูกเคลือบด้วยสารอื่นสารดังกล่าวต้อง ไม่เป็นอันตรายต่อสัตว์ - การตรวจสอบคุณภาพอาหารสัตว์ ควรมีการตรวจสอบอาหารสัตว์อย่างง่าย นอกจากนี้ต้องสุ่มตัวอย่างอาหารสัตว์ส่งห้องปฏิบัติการที่ เชื่อถือได้ เพื่อวิเคราะห์คุณภาพและสารตกค้างเป็นประจ าและเก็บบันทึกผลการตรวจวิเคราะห์ไว้ให้ตรวจสอบได้ 5.2.2 การเก็บรักษาอาหารสัตว์ ควรมีสถานที่เก็บอาหารสัตว์แยกต่างหาก กรณีมีวัตถุดิบเป็นวิตามินต้องเก็บในห้องปรับอากาศ ห้อง เก็บอาหารสัตว์ ต้องสามารถรักษาสภาพของอาหารสัตว์ไม่ให้เปลี่ยนแปลง สะอาด แห้ง ปลอดจากแมลงและสัตว์ ต่างๆ ควรมีแผลงไม้ร้องด้านล่างของภาชนะบรรจุอาหารสัตว์
34 6. การจัดการด้านสุขภาพสัตว์ 6.1 ฟาร์มจะต้องมีระบบเฝ้าระวังควบคุม และป้องกันโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้รวมถึงการมี โปรแกรมท าลายเชื้อโรคก่อนเข้าและออกจากฟาร์ม การป้องกันการสะสมของเชื้อโรคในฟาร์ม การควบคุมโรคให้ สงบโดยเร็ว และไม่ให้แพร่ระบาดอาหารสัตว์ 6.2 การบ าบัดโรค 1. การบ าบัดโรคสัตว์ ต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ. ควบคุมการประกอบการบ าบัดโรคสัตว์ พ.ศ. 2505 2. การใช้ยาส าหรับสัตว์ต้องปฏิบัติตามข้อก าหนดการใช้ยาส าหรับสัตว์(มอก.7001-2540) 7. การจัดการสิ่งแวดล้อม 7.1 ประเภทของของเสีย ของเสียที่เกิดจากฟาร์มปศุสัตว์ จะประกอบด้วย 7.1.1 ขยะมูลฝอย 7.1.2 ซากสุกร 7.1.3 มูลสุกร 7.1.4 น้ าเสีย 7.2 การก าจัดหรือบ าบัดของเสีย ฟาร์มจะต้องจัดให้มีระบบก าจัดหรือบ าบัดของเสียที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้อยู่อาศัย ข้างเคียง หรือสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย 7.2.1 ขยะมูลฝอย ท าการเก็บรวบรวมขยะมูลฝอยในถังที่มีฝาปิดมิดชิด และน าไปก าจัดทิ้งในบริเวณ ที่ทิ้งของเทศบาล สุขาภิบาล หรือองค์การบริหารราชการส่วนท้องถิ่น 7.2.2 ซากสุกร ฟาร์มจะต้องมีการจัดการกับซากสุกรให้ถูกสุขลักษณะอนามัย 7.2.3 มูลสุกร น าไปท าปุ๋ย หรือหมักเป็นปุ๋ยโดยไม่ทิ้งหรือกองเก็บในลักษณะที่จะท าให้เกิดกลิ่นหรือ ก่อความร าคาญต่อผู้อยู่อาศัยข้างเคียง 7.2.4 น้ าเสีย ฟาร์มจะต้องมีระบบเก็บกัก หรือบ าบัดน้ าเสียให้เหมาะสมทั้งนี้น้ าทิ้งจะต้องมีคุณภาพน้ า ที่เป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพน้ าทิ้งที่ก าหนด มาตรฐานน้ าทิ้งจากฟาร์มสุกร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม อาศัย มาตรา 35, 48, 50 และ 51 ของ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยในการด าเนิการในมาตรา 55 ของพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ให้มีประกาศ 2 ฉบับดังนี้ 1. เรื่องก าหนดให้การเลี้ยงสุกรเป็นแหล่งก าเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมการปล่อยน้ าเสียลงสู่แหล่งน้ า สาธารณะ หรือ ออกสู่สิ่งแวดล้อม 2. ก าหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ าทิ้งจากแหล่งก าเนิดมลพิษประเภทการเลี้ยงสุกรซึ่งทั้งสองฉบับมี สาระสรุปได้ดังนี้ การเลี้ยงสุกร ประเภท ก และ ข เป็นแหล่งก าเนิดมลพิษ ซึ่งถ้ามีการปล่อยน้ าเสียลงสู่แหล่งน้ าสาธารณะ หรือ ออกสู่สิ่งแวดล้อม จะต้องมีมาตรฐานของน้ าทิ้งเป็นไปตามประกาศของกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและ สิ่งแวดล้อม โดยมีการเก็บตัวอย่างน้ าทิ้งแบบเก็บจ้วงจากจุดที่ระบายน้ าทิ้งออกสู่สิ่งแวดล้อมและการตรวจสอบ มาตรฐานน้ าทิ้งเป็นไปตามคู่มือวิเคราะห์น้ าและน้ าเสียของสหรัฐอเมริการ่วมกันก าหนดไว้หรือวิธีการอื่นๆ ตามที่กรมควบคุมมลพิษประกาศในราชกิจจานุเบกษา
35 ทั้งนี้ตามประกาศของกรมควบคุมมลพิษนี้จะมีผลเริ่มใชช้ในเดือนกุมภาพันธ์2545 เป็นต้นไป ซึ่งมีค่า มาตรฐานน้ าทิ้งของฟาร์มสุกรดังนี้ คุณสมบัติทางเคมีของน้ าทิ้ง หน่วย ขนาดของฟาร์มสุกร ก (> 600 นปส) ข (60-600 นปส) ค (>6<60 นปส) pH BOD (Biochemical Oxygen Demand) COD (Chemical Oxygen Demand) TSS (Total suspended solids) TKN (Total Kjeldahl Nitrogen) มก/ลิตร มก/ลิตร มก/ลิตร มก/ลิตร 5.5-9 60 300 150 120 5.5-9 100 400 200 200 5.5-9 100 400 200 200 หมายเหตุ น้ าหนักปศุสัตว์1 หน่วย: น้ าหนักสุทธิของสุกรพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ สุกรขุน หรือ ลูกสุกร ชนิดใดชนิดหนึ่ง หรือตั้งแต่สองชนิดขึ้นไปที่มีน้ าหนักรวมกันเท่ากับ 500 กิโลกรัม โดยที่ สุกรพ่อพันธุ์ หรือ แม่พันธุ์ น้ าหนักเฉลี่ยตัวละ 170 กิโลกรัม สุกรขุน น้ าหนักเฉลี่ยตัวละ 60 กิโลกรัม ลูกสุกร น้ าหนักเฉลี่ยตัวละ 12 กิโลกรัม ที่มา รุ่งนภา, 2544 กฎ/ ข้อบังคับอื่นๆ ทางกฎหมาย 1. ข้อก าหนดการควบคุมการใช้ยาสัตว์(มอก. 7001-2540) 2. พ.ร.บ. ควบคุมการประกอบการบ าบัดโรคสัตว์ พ.ศ. 2505 3. พ.ร.บ. ควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2525 4. มาตรฐานน้ าทิ้งจากฟาร์มสุกร 5. มาตรฐานคุณภาพน้ าใช้ มาตรฐานฟาร์มโคนมและการผลิตน้ านมดิบ 1. ค าน า มาตรฐานฟาร์มฟาร์มโคนมและการผลิตน้ านมดิบนี้ ก าหนดขึ้นเป็นมาตรฐานเพื่อให้ฟาร์มโคนมที่ ต้องการขึ้นทะเบียน รับรองเป็นฟาร์มที่ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับ ได้ยึดถือเป็นแนวทางการปฏิบัติด้านการ จัดการฟาร์ม ซึ่งมาตรฐานนี้เป็นเกณฑ์ที่มาตรฐานขั้นพื้นฐานส าหรับฟาร์มที่จะได้รับการรับรอง 2. วัตถุประสงค์ มาตรฐานฟาร์มฟาร์มโคนมและการผลิตน้ านมดิบนี้ก าหนดวิธีปฏิบัติด้านฟาร์ม การจัดการฟาร์ม สุขภาพโคนม การเก็บรักษาน้ านมดิบและการจัดการสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ได้น้ านมที่ถูกสุขลักษณะ และ เหมาะสมส าหรับผู้บริโภค 3. นิยาม
36 ฟาร์มโคนม หมายถึง ฟาร์มเพาะเลี้ยงโคนม เพื่อผลิตโคนมและน้ านมดิบ การผลิตน้ านมดิบ หมายถึง การผลิตนมอย่างมีประสิทธิภาพ ได้นมที่บริสุทธิ์ คุณภาพสูงตามความ ต้องการของผู้บริโภค และสามารถท ารายได้ดีให้กับเกษตรกร 4. องค์ประกอบของฟาร์มโคนม 4.1 ท าเลที่ตั้งของฟาร์มโคนม 4.1.1 อยู่บริเวณที่มีการคมนาคมสะดวก 4.1.2 สามารถป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคจากภายนอกเข้าสู่ฟาร์ม 4.1.3 อยู่ห่างจากแหล่งชุมชน โรงฆ่าสัตว์ ตลาดนัดค้าสัตว์ และเส้นทางที่มีการเคลื่อนย้ายสัตว์และ ซากสัตว์ 4.1.4 อยู่ในท าเลที่มี แหล่งน้ าสะอาดตามมาตรฐานคุณภาพน้ าใช้เพื่อการบริโภคอย่างเพียงพอ 4.1.5 ควรได้รับการยินยอมจากองค์การบริหารราชการส่วนท้องถิ่น 4.1.6 เป็นบริเวณที่ไม่มีน้ าท่วมขัง 4.1.7 เป็นบริเวณที่โปร่ง อากาศสามารถถ่ายเทได้ดี และมีต้นไม้ให้ร่มเงาภายในฟาร์มโคนมและแปลง หญ้าพอสมควร 4.2 ลักษณะของฟาร์มโคนม 4.2.1 เนื้อที่ของฟาร์มโคนม ต้องมีเนื้อที่เหมาะสมกับขนาดของ โรงเรือน และการอยู่อาศัยของโคนม 4.2.2 การจัดแบ่งเนื้อที่ ต้องมีเนื้อที่กว้างเพียงพอส าหรับการจัดแบ่งการก่อสร้างอาคารโรงเรือนอย่างเป็นระเบียบ สอดคล้องกับการปฏิบัติงานและไม่หนาแน่นจนไม่สามารถจัดการด้านการผลิตสัตว์ การควบคุมโรคสัตว์ สุขอนามัย ของผู้ปฏิบัติงานและการรักษาสิ่งแวดล้อมได้ตามหลักวิชาการ ฟาร์มจะต้องมีการจัดแบ่งพื้นที่ฟาร์มเป็นสัดส่วน โดยมีผังแสดงการจัดวางที่แน่นอน 4.2.4 บ้านพักอาศัยและอาการส านักงาน อยู่ในบริเวณอาศัย โดยเฉพาะไม่มีการเข้าอยู่อาศัยในบริเวณโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ บ้านพักต้อง อยู่ในสภาพแข็งแรง สะอาด เป็นระเบียบไม่สกปรกรกรุงรัง มีปริมาณเพียงพอกับจ านวนเจ้าหน้าที่ ต้องแยกห่าง จากบริเวณเลี้ยงสัตว์พอสมควร สะอาด ร่มรื่น มีรั้วกั้นแบ่งแยกจากบริเวณเลี้ยงสัตว์ตามที่ก าหนดอย่างชัดเจน 4.2.5 ไม่ควรให้สัตว์เลี้ยงที่อาจเป็นพาหะน าโรคเข้าไปในบริเวณเลี้ยงโคนม 4.3 ลักษณะโรงเรือน โรงเรือนที่ใช้เลี้ยงโคนมควรมีขนาดที่เหมาะสมกับจ านวนโคนมที่เลี้ยง ถูกสุขลักษณะและอยู่สุขสบาย 5. การจัดการฟาร์ม 5.1 การจัดการโรงเรือน 5.1.1 โรงเรือน และที่ให้อาหาร ต้องสะอาดและแห้ง 5.1.2 โรงเรือนต้องสะดวกในการปฏิบัติงาน 5.1.3 ต้องดูแลซ่อมแซมโรงเรือนให้มีความปลอดภัยต่อผู้ปฏิบัติงาน 5.1.4 มีการท าความสะอาดโรงเรือนและอุปกรณ์ด้วยน้ ายาฆ่าเชื้อโรคตามความเหมาะสม 5.1.5 มีการจัดการโรงเรือน เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนน าโคเข้าเลี้ยง
37 5.2 การจัดการด้านบุคลากร 5.2.1 ให้มีสัตวแพทย์ ควบคุมก ากับดูแลด้านสุขภาพสัตว์ภายในฟาร์ม โดยสัตวแพทย์ต้องมี ใบอนุญาตประกอบบ าบัดโรคสัตว์ชั้นหนึ่ง และได้รับใบอนุญาตควบคุมฟาร์มโคนมจาก กรมปศุสัตว์ 5.2.2 ต้องมีจ านวนแรงงานอย่างเพียงพอและเหมาะสมกับจ านวนสัตว์ที่เลี้ยง มีการจัดแบ่งหน้าที่และ ความรับผิดชอบของบุคลากรในแต่ละต าแหน่งอย่างชัดเจน นอกจากนี้บุคลากรภายในฟาร์มโคนม ทุกคนควรได้รับการตรวจสุขภาพเป็นประจ าทุกปี 5.3 คู่มือการจัดการฟาร์ม ผู้ประกอบการฟาร์มโคนมต้องมีคู่มือการจัดการฟาร์ม แสดงให้เห็นระบบการเลี้ยง การจัดการฟาร์ม ระบบบันทึกข้อมูล การป้องกันและควบคุมโรค การดูแลสุขภาพสัตว์และสุขอนามัยในฟาร์มโคนม 5.4 ระบบการบันทึกข้อมูล ฟาร์มจะต้องมีระบบการบันทึกข้อมูล ซึ่งประกอบด้วย 5.4.1 ข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารฟาร์ม ได้แก่ บุคลากร แรงงาน 5.4.2 ข้อมูลจัดการผลิตได้แก่ ข้อมูลตัวสัตว์ ข้อมูลสุขภาพสัตว์ ข้อมูลการผลิตและข้อมูลผลผลิต 5.5 การจัดการด้านอาหารสัตว์ 5.5.1 คุณภาพอาหารสัตว์ - แหล่งที่มาของอาหารสัตว์ ก. ในกรณีซื้ออาหาร ต้องซื้อจากผู้ขายที่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ. ควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2525 ข. ในกรณีผสมอาหารสัตว์ ต้องมีคุณภาพอาหารสัตว์เป็นไปตามเกณฑ์ที่ก าหนดตาม พ.ร.บ. ควบคุม คุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2525 - ภาชนะบรรจุและการขนส่ง ภาชนะบรรจุอาหารสัตว์ควรสะอาด ไม่เคยใช้บรรจุวัตถุมีพิษ ปุ๋ยหรือวัตถุอื่นๆ ใดที่อาจเป็นอันตราย ต่อสัตว์ สะอาด แห้ง กันความชื้นได้ ไม่มีสารที่จะปนเปื้อนกับอาหารสัตว์ - การตรวจสอบคุณภาพอาหารสัตว์ ควรมีการตรวจสอบอาหารสัตว์อย่างง่าย นอกจากนี้ต้องสุ่มตัวอย่างอาหารสัตว์ส่งห้องปฏิบัติการที่ เชื่อถือได้ เพื่อวิเคราะห์คุณภาพและสารตกค้างเป็นประจ า และเก็บบันทึกผลการตรวจวิเคราะห์ไว้ให้ตรวจสอบได้ 5.2.2 การเก็บรักษาอาหารสัตว์ ควรมีสถานที่เก็บอาหารสัตว์แยกต่างหาก กรณีมีวัตถุดิบเป็นวิตามินต้องเก็บในห้องปรับอากาศ ห้อง เก็บอาหารสัตว์ ต้องสามารถรักษาสภาพของอาหารสัตว์ไม่ให้เปลี่ยนแปลง สะอาด แห้ง ปลอดจากแมลงและสัตว์ ต่างๆ ควรมีแผงไม้รองด้านล่างของภาชนะบรรจุอาหารสัตว์ 6. การจัดการด้านสุขภาพสัตว์ 6.1 ฟาร์มโคนมจะต้องมีระบบเฝ้าระวังควบคุม และป้องกันโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้รวมถึงการมี โปรแกรมท าลายเชื้อโรคก่อนเข้าและออกจากฟาร์ม การป้องกันการสะสมของเชื้อโรคในฟาร์ม การควบคุมโรคให้ สงบโดยเร็ว และไม่ให้แพร่ระบาดจากฟาร์ม 6.2 การบ าบัดโรค 1. การบ าบัดโรคสัตว์ ต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ. ควบคุมการประกอบการบ าบัดโรคสัตว์ พ.ศ. 2505
38 2. การใช้ยาสัตว์ ต้องปฏิบัติตามข้อก าหนดการใช้ยาส าหรับสัตว์(มอก.7001-2540) 7. การจัดการสิ่งแวดล้อม สิ่งปฏิกูลต่างๆ รวมถึงขยะ ต้องผ่านการก าจัดอย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้อยู่อาศัยข้างเคียง หรือ สิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย 7.1 ขยะมูลฝอย ท าการเก็บรวบรวมขยะมูลฝอยในถังที่มีฝาปิดมิดชิด และน าไปก าจัดทิ้งในบริเวณที่ทิ้งของเทศบาล สุขาภิบาล หรือองค์กรท้องถิ่น 7.2 ซากสัตว์ ท าการกลบฝังหรือท าลาย 7.3 มูลสัตว์ น าไปท าเป็นปุ๋ย หรือหมักเป็นปุ๋ย โดยไม่ทิ้งหรือกองเก็บในลักษณะที่จะท าให้เกิดกลิ่นหรือความร าคาญต่อ ผู้อยู่อาศัยข้างเคียง 7.4 น้ าเสีย ฟาร์มโคนมจะต้องจัดให้มีระบบเก็บกัก หรือบ าบัดน้ าเสียให้เหมาะสม ทั้งนี้น้ าทิ้งที่ระบายออกนอกฟาร์ม จะต้องมีคุณภาพน้ าที่เป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพน้ าทิ้งที่ก าหนด 8. การผลิตน้ านมดิบ 8.1 ตัวแม่โคให้นม ฟาร์มโคนมต้องมีการเตรียมตัวแม่โคก่อนท าการรีดนม ให้สะอาด และไม่เครียด ก่อนการรีดนม 8.2 การรีดนมโค ฟาร์มโคนมควรมีการทดสอบความผิดปกติของน้ านมก่อนรีดนมลงถังรวม การรีดนมโค ควรให้ถูกต้องตามหลักวิธี ของการรีดนมด้วยมือ หรือด้วยเครื่องรีดนม และมีการปฏิบัติต่อเต้านมโค และน้ านมที่ผิดปกติ ตามหลักค าแนะน า ของสัตวแพทย์ 9. การเก็บรักษาและการขนส่งน้ านมดิบ 9.1 ส าหรับเกษตรกร ฟาร์มโคนมควรต้องรีบขนส่งน้ านมที่รีดได้ ไปยังถังรวมนมของศูนย์รวบรวมน้ านมดิบให้เร็วที่สุดและหลังจากส่ง น้ านมแล้วควรท าความสะอาดถังรวมนมของฟาร์มโดยเร็ว ให้พร้อมใช้งานในครั้งต่อไปได้สะดวก 9.2 ส าหรับศูนย์รวบรวมน้ านมดิบ ควรมีระบบท าความเย็นน้ านมดิบก่อนรวมในถังนมรวมของศูนย์รวบรวมน้ านม และควรท าความสะอาดอุปกรณ์เก็บ รักษาน้ านมทั้งหมด ตามหลักวิธีที่ผู้ผลิตอุปกรณ์เก็บรักษาน้ านมได้ก าหนดไว้อย่างเคร่งครัด 9.3 คุณภาพน้ านมดิบ คุณภาพน้ านมดิบโดยรวมของฟาร์มโคนม ให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 26 พ.ศ. 2522 และ/ หรือ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนมสด (มอก. 738-2530) กฎ/ ข้อบังคับอื่นๆ ทางกฎหมาย 1. ข้อก าหนดการใช้ยาส าหรับสัตว์(มอก. 7001-2540) 2. พ.ร.บ. ควบคุมการประกอบการบ าบัดโรคสัตว์ พ.ศ. 2505 3. มาตรฐานคุณภาพน้ าใช้ 4. พ.ร.บ. ควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2525 5. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 26 (พ.ศ.2522) 6. มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนมสด (มอก. 738-2530)
39 2. การควบคุมการใช้ยาในมาตรฐานฟาร์มปศุสัตว์ ยาสัตว์ในมาตรฐานฟาร์มปศุสัตว์ หมายถึง ยาสัตว์หรือเภสัชเคมีภัณฑ์ที่ได้รับการอนุญาตให้ผลิต น าเข้า หรือขายได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย จ าแนกออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้ 1. ยาแผนปัจจุบันส าหรับสัตว์ตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 2. ยาที่ผสมอยู่ในอาหารสัตว์ตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2525 3. ยาฆ่าเชื้อโรคที่ใช้ส าหรับสัตว์ที่จัดเป็นวัตถุอันตรายตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2522 ยาหมายความถึง ยาส าเร็จรูป และเคมีภัณฑ์ที่น ามาใช้ส าหรับสัตว์ ผู้ที่ประสงค์จะผลิตหรือ ขาย หรือ น า หรือ สั่งยาส าเร็จรูปหรือเคมีภัณฑ์ ใน อุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์ จะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่ก าหนดในกฎกระทรวง โดยจะต้อง ได้รับอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนต ารับยาจากกองควบคุมยา ส านักงานคณะกรรมการอาหารและยาแล้วจึงจะผลิต หรือ ขาย หรือสั่งน าเข้าประเทศได้ และหากพบว่ายานั้นอาจจะไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค กระทรวงสาธารณสุขจะมีค าสั่ง เพิกถอนทะเบียนต ารับยาได้ แต่กรณีที่ต้องการผลิต น า หรือสั่งเภสัชเคมีภัณฑ์ ไม่ต้องน าไปขอขึ้นทะเบียนต ารับยา เนื่องจากได้รับการยกเว้นตามกฎหมาย ยาที่ขึ้นทะเบียนต ารับยาอย่างถูกต้อง จะต้องมีฉลากและเอกสารก ากับยา และที่ฉลากจะแสดงเลข ทะเบียนยาที่ได้รับอนุญาตเป็นเลขรหัสไว้ด้วย ผู้ใช้ยาจะต้องอ่านฉลากและเอกสารก ากับยาให้ละเอียดและใช้ยาตาม สรรพคุณ ขนาด วิธีใช้ และ ข้อแนะน าในการปฏิบัติ ตลอดจนอ่านรายละเอียดของข้อควรระวังและค าเตือนตาม ด้วย นอกจากนี้ ประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2530) ที่เกี่ยวข้องกับยาสัตว์ เรื่องวัตถุที่ ได้รับการยกเว้นไม่เป็นยา มีดังนี้ วัตถุที่ได้รับยกเว้นไม่เป็นยาซึ่งประกาศให้วัตถุที่อยู่ในสภาพของสารผสม ล่วงหน้า (พรีมิกซ์) ที่มีความมุ่งหมายเพื่อกระตุ้นและส่งเสริมการเจริญเติบโตของสัตว์ และต้องไม่แสดงสรรพคุณ เป็นยา ได้รับการยกเว้นจากการเป็นยา 3. ข้อก าหนดการควบคุมการใช้ยาส าหรับสัตว์ มาตรฐานสากล 1. Hazard Analysis Critical Control Point (HACCP) เป็นมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยอาหาร ซึ่งประกอบด้วยการวินิจฉัยและประเมินอันตรายของอาหารที่ อาจจะเกิดขึ้นกับผู้บริโภค ตั้งแต่วัตถุดิบ กระบวนการผลิต การขนส่ง จนกระทั่งถึงมือผู้บริโภค รวมทั้งสร้างระบบ การควบคุม เพื่อขจัดหรือลดสาเหตุที่จะท าให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภคด้วย อันตรายที่เกิดขึ้นสามารถแยกได้เป็น 3 กลุ่ม คือ 1. อันตรายชีวภาพ (Biological Hazard) ได้แก่อันตรายที่เกิดจากการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ชนิดต่างๆ ใน อาหาร 2. อันตรายเคมี(Chemical Hazard) ได้แก่อันตรายที่เกิดจากการใช้สารเคมีเติมลงไปในกระบวนการผลิต อาหาร เช่น การใช้ยาฆ่าแมลงในการเพาะปลูก การใช้ยาปฏิชีวนะในการเลี้ยงสัตว์ การใช้สารเคมีเพื่อช่วยในการ ผลิต เช่น การใส่สี การเติมสารกันบูด การเติมสารกันหืน นอกจากนี้ยังอาจเกิดการปนเปื้อนจากน้ ายาท าความ สะอาด ยาฆ่าเชื้อ และ สารเคมีที่ใช้ในการบ ารุงรักษาเครื่องจักร เป็นต้น 3. อันตรายกายภาพ (Physical Hazard) ได้แก่อันตรายจากการปนเปื้อนของวัตถุหรือวัสดุที่ไม่ใช่องค์ประกอบ ของอาหารและเป็นสิ่งแปลกปลอมในอาหารที่เป็นโทษต่อสุขภาพของผู้บริโภค เช่น เศษแก้ว หิน เศษไม้ โลหะ เป็น ต้น นอกจากนี้การวิเคราะห์อันตรายยังถือเป็นจุดส าคัญที่สุดจุดหนึ่งในกระบวนการของ HACCP ซึ่งจะต้องพิจารณา ปัจจัยอื่นๆ ดังนี้ • โอกาสที่จะเกิดอันตรายและความรุนแรงของผลเสียที่เกิดขึ้นซึ่งมีผลต่อสุขภาพ
40 • การประเมินผลเชิงคุณภาพและ/ หรือเชิงปริมาณของการเกิดอันตราย • การลดชีวิตหรือการเพิ่มจ านวนประชากรของจุลินทรีย์ที่เกี่ยวข้อง • การผลิตหรือความคงทนอยู่ในอาหารของสารพิษที่เกิดจากสิ่งมีชีวิต วัตถุเคมีและกายภาพ • สภาวะที่เอื้ออ านวยให้เกิดปัจจัยดังกล่าวข้างต้น ตัวอย่างที่น ามาใช้ เช่น ในโรงฆ่าสัตว์และโรงงานแปรรูปผลผลิตจากสัตว์ เป็นต้น ต า ร า งที่ 1 คว ามชุกขอ งเชื้อ Salmonella spp. ในผลิตเนื้อสัตว์ที่เปลี่ยนแปล งหลั งจ ากก า รน า ระบบ HACCP มาใช้ควบคุมในการผลิต ชนิดผลิตภัณฑ์ Pre – HACCP (%) Post - HACCP(%) เนื้อไก่กระทง 20.0 10.9 เนื้อสุกร 8,7 4.4 เนื้อวัวบด 7.5 5.8 เนื้อไก่งวงบด 49.9 34.6 ที่มา: www.fsis.usda.gov/oa/bub/fsisact2000.htm 2. International Organization for Standardization (ISO) เป็นข้อตกลงในกลุ่มประเทศที่เป็นสมาชิกว่าด้วยมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมให้เป็นอันหนึ่งอัน เดียวกัน เพื่อประโยชน์ทางการค้า หรือให้เกิดระบบมาตรฐานของโลกที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นไปในอนาคต ระบบนี้แยกได้ เป็น 4 กลุ่มคือ 2.1. มาตรฐานระบบบริหารงานคุณภาพ หรือ ISO 9000 series มีจุดประสงค์หลักในการจัดการระบบในองค์กร ท าให้การบริหารงานมีคุณภาพ มีการทบทวนและปรับปรุง คุณภาพบนพื้นฐานความพอใจของลูกค้า ท าให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ใช้ในผู้ประกอบการและผู้ ให้บริการต่างๆ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม ธุรกิจร้านค้า และหน่วยงานของรัฐ ตลอดจนผู้ประกอบการเลี้ยงสัตว์ มาตรการนี้ถูกน ามาใช้เพื่อสร้างความเสมอภาคทางการค้าและสร้างความยอมรับร่วมกันในการซื้อขาย 2.2. มาตรฐานระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม หรือ ISO 14000 series มีจุดประสงค์หลักในการผลิตสินค้าและแสวงหากระบวนการผลิตที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ลดความ สิ้นเปลืองของการใช้พลังงานและทรัพยากร และการน าทรัพยาก ครกลับมาหมุนเวียนใช้เท่าที่ท าได้ มาตรฐานนี้ ไม่ได้มีการบังคับใช้ แต่มีแนวโน้มว่าจะมีการน ามาใช้ปฏิบัติเป็นมาตรการกีดกันทางการค้า 2.3. มาตรฐานความปลอดภัยและอาชีวอนามัย หรือ ISO 18000 series มีจุดประสงค์เพื่อสร้างมาตรฐานความปลอดภัยและอาชีวอนามัยในสถานประกอบการ โดยประเมินความเสี่ยงใน การท างานและหาวิธีป้องกันอุบัติภัยที่จะเกิดขึ้น มาตรฐานนี้ไม่ได้มีการบังคับใช้ แต่มีแนวโน้มว่าจะมีการน ามาใช้ ปฏิบัติเป็นมาตรการกีดกันทางการค้าเช่นกัน เช่น กีดกันสินค้าที่มาจากโรงงานที่ไม่ได้ก่อสร้างตามแบบมาตรฐาน ใช้ แรงงานเด็ก ไม่มีระบบประกันสุขภาพ เป็นต้น 3. Agreement on Sanitary and Phytosanitary Measure (SPS Agreement) เป็นข้อตกลงทางการค้าในรอบอุรุกวัยของ General Agreement on Tariffs and Trade (GATT) และได้ จัดตั้งองค์กรค้าของโลกหรือ World Trade Organizaion ซึ่งเป็นผู้ดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ ข้อตกลงนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1. เพื่อคุ้มครองชีวิตของคนและสัตว์จากความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการปนเปื้อนของ Additives, Contaminants, Toxins หรือ โรคสัตว์ที่เกิดจากเชื้อจุลินทรีย์ในอาหาร 2. เพื่อคุ้มครองชีวิตคน จากพืชและสัตว์ที่เป็นพาหะของโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน
41 3. เพื่อคุ้มครองชีวิตสัตว์และพืชจากโรคระบาดหรือโรคที่มีเชื้อจุลินทรีย์เป็นสาเหตุ 4. เพื่อป้องกันหรือลดความสูญเสียที่เกิดจากการน าเข้าซึ่งสัตว์และพืชจากต่างประเทศที่มีโรคระบาดอยู่ ข้อตกลงนี้ไม่ครอบคลุมถึงมาตรการป้องกันสิ่งแวดล้อมและสวัสดิภาพของสัตว์ แต่เน้นความรับผิดชอบเฉพาะความ ปลอดภัยของอาหารและมาตรการป้องกันสุขภาพของสัตว์และพืชที่มีผลกระทบต่อการค้าเท่านั้น 4. Total Quality Management เป็นระบบที่วัตถุประสงค์หลัก 7 ประการ คือ 1. ระบบการน า (Leadership System) 2. ธรรมวิธี(The Guiding Principles) 3. แนวคิด (The Concepts) 4. ระบบบริหารคุณภาพ (Quality Management System) 5. เครื่องมือและเทคนิคต่างๆ (Tools and Techniques) 6. การบริหารทรัพยากรมนุษย์(Human Resources Management) 7. การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี(Technology Research and Developments) เป็นระบบบริหารบุคคลทุกระดับ ในทุกขั้นตอนการผลิต ควบคู่ไปกับการใช้เครื่องมือควบคุมคุณภาพและการ ส่งเสริมการศึกษา การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี 5. มาตรการด้านการคุ้มครองสวัสดิภาพของสัตว์(Animal Welfare) เป็นมาตรการที่มุ้งเน้นด้านการคุ้มครองสัตว์ให้มีความเป็นอยู่ปกติ ปราศจากการรบกวน ทรมานหรือทารุณ สัตว์ ตั้งแต่การเลี้ยงดูไปจนถึงส่งสัตว์เข้าโรงฆ่าสัตว์ เช่น ก าหนดพื้นที่ที่เหมาะสมในการเลี้ยงสัตว์ ไม่เลี้ยงสัตว์ หนาแน่นเกินไป มีการจัดการสิ่งแวดล้อมในสถานที่เลี้ยงสัตว์ เช่น อุณหภูมิ การระบายอากาศ ตลอดจนให้แสงสว่าง ตามที่สัตว์แต่ละชนิดต้องการ มีอุปกรณ์ให้อาหารและน้ าอย่างพอเพียง ไม่ปล่อยสัตว์ให้ขาดอาหาร มีการป้องกัน และรักษาเมื่อสัตว์บาดเจ็บหรือเจ็บป่วย มีการเคลื่อนย้ายขนส่งสัตว์โดยไม่ทรมานสัตว์ มีการฆ่าสัตว์โดยไม่ทารุณ และทรมาน 6. มาตรการเกี่ยวกับสินค้าที่มีการใช้วัตถุดิบดัดแปลงทางพันธุกรรม (Genetically modified organisms หรือ GMOs) เป็นมาตรการเพื่อเพิ่มความปลอดภัยทางชีวภาพในด้านอาหาร ในอุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์ จะเกี่ยวข้อง กับโรงงานผลิตอาหารสัตว์ ซึ่งจะมีข้อก าหนดการใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ที่มีการดัดแปลงทางพันธุกรรม เช่น กาก ถั่วเหลือง ข้าวโพด ฯลฯ ที่อาจมีผลตกค้างในผลิตภัณฑ์สัตว์ โดยทั่วไปแล้วจะก าหนดให้มีส่วนประกอบที่เป็น วัตถุดิบ GMO ได้ไม่เกิน 1-5 % ขึ้นกับความเข้มงวดของแต่ละประเทศ
42 แบบฝึกหัดท้ายหน่วยการเรียนรู้ที่ 5 มาตรฐานบางประการส าหรับการเลี้ยงสัตว์ในประเทศไทย ค าชี้แจง แบบทดสอบหลังเรียน มี 2 ตอนดังนี้ 1. แบบทดสอบชุดนี้เป็นแบบปรนัย 4 ตัวเลือก จ านวน ข้อ 2. ข้อเขียน จ านวน ข้อ ตอนที่ 1 ค าสั่ง ให้นักเรียนท าเครื่องหมาย X ในข้อที่ถูกต้อง ลงในกระดาษค าตอบ 1. การก่อตั้งองค์การการค้าโลก (WTO) ซึ่งมีหน้าที่ดูแลและก าหนดมาตรการต่างๆ ในการส่งออกสินค้าสู่ตลาด ประเทศ เริ่มมีการบังคับใช้ในปี พ.ศ. ใด ก. พ.ศ. 2541 ค. พ.ศ. 2543 ข. พ.ศ. 2542 ง. พ.ศ. 2544 2. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประกาศเรื่องมาตรฐานฟาร์มเลี้ยงสัตว์ประเทศไทย พ.ศ.ใด ก. พ.ศ.2542 ค. พ.ศ.2544 ข. พ.ศ.2543 ง. พ.ศ.2545 3. ข้อใดไม่ใช่วัตถุประสงค์ของการจัดท ามาตรฐานฟาร์ม ก. อ านวยความสะดวกทางการค้าแก่ผู้ประกอบการฟาร์มเลี้ยงสัตว์ส่งออก ข. ลดมลภาวะจากฟาร์มเลี้ยงสัตว์ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน ค. เพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุม ป้องกันและก าจัดโรคในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ง. ผู้ประกอบการฟาร์มเลี้ยงสัตว์ที่มีความต้องการขอใบรับรองมาตรฐานฟาร์มเลี้ยงสัตว์จากกรมปศุสัตว์ 4. . การจัดการฟาร์มไก่เนื้อมีทั้งหมดกี่ด้าน ก. 3 ด้าน ข. 4 ด้าน ค. 5 ด้าน ง. 6 ด้าน 5. การบ าบัดโรคสัตว์ ต้องปฏิบัติตาม พรบ.ควบคุมการประกอบการบ าบัดโรคสัตว์ พ.ศ. อะไร ก. พ.ศ. 2504 ข. พ.ศ. 2505 ค. พ.ศ. 2506 ง. พ.ศ. 2507 6. ข้อใดไม่ใช่ของเสียที่เกิดจากฟาร์มปศุสัตว์ ก. ขยะมูลฝอย ข. ซากสุกร ค. มูลสุกร ง. อาหารสุกร 7. พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ให้มีการประกาศกี่ฉบับ ก. 1 ฉบับ ข. 2 ฉบับ ค. 3 ฉบับ ง. 4 ฉบับ 8 . ลักษณะของฟาร์มโคนมต้องเป็นอย่างไร ก. มีเนื้อที่เหมาะสมกับขนาดของ โรงเรือน และการอยู่อาศัยของโคนม ข. อยู่บริเวณที่มีการคมนาคมสะดวก ค. ควรได้รับการยินยอมจากองค์การบริหารราชการส่วนท้องถิ่น ง. สามารถป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคจากภายนอกเข้าสู่ฟาร์ม 9. คุณภาพน้ านมดิบของฟาร์มโคนม ต้องเป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่เท่าไหร่ และปีพ.ศ. ก. ฉบับที่ 26 พ.ศ. 2521 ค. ฉบับที่ 27 พ.ศ. 2522 ข. ฉบับที่ 26 พ.ศ. 2522 ง. ฉบับที่ 27 พ.ศ. 2523 10. การจัดการฟาร์มด้านการจัดการโรงเรือนข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง ก. ต้องดูแลซ่อมแซมโรงเรือนให้มีความปลอดภัยต่อผู้ปฏิบัติงาน ค. โรงเรือน และที่ให้อาหาร ต้องสะอาดและแห้ง ข. มีการท าความสะอาดโรงเรือนและอุปกรณ์ด้วยน้ ายาฆ่าเชื้อโรคตามความเหมาะสม ง. โรงเรือนที่ใช้เลี้ยงโคนมควรมีขนาดที่เหมาะสมกับจ านวนโคนมที่เลี้ยง
43 แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 13 - 14 หน่วยที่ 6 วิชา ความรู้เกี่ยวกับมาตรฐานการผลิตและผลิตผลทางการเกษตร สอนครั้งที่ 13 - 14 ชื่อหน่วย : มาตรฐานสินค้าเกษตรและความปลอดภัยอาหาร จ านวนชั่วโมง 4 เรื่อง : การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีส าหรับพืชอาหาร ชั่วโมงรวม 28 1. สาระส าคัญ สถานการณ์ความปลอดภัยและการค้าสินค้าเกษตรและอาหาร 1. มีการแพร่ระบาดของเชื้อโรคใหม่้ 2. การพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต เช่นGMO ฉายรังสีการใช้วัตถุ เจือปนอาหาร 3. มาตรการทางการค้า เช่น การเปิดการค้าเสรี 4. รูปแบบการจาหน่ายทีเปลี่้ยนไป เช่น ตลาดออนไลน์ 5. พฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่้ยนไปจากเดิม เช่น อาหารสุขภาพ อาหารอินทรีย์ Plant-based Food 6. กระแสสังคม เช่น สิ่งแวดล้อม สวัสดิภาพสัตว์แรงงาน 2. สมรรถนะประจ าหน่วย - แสดงความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีส าหรับพืชอาหาร 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ด้านความรู้ 3.1.1 อธิบายการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีส าหรับพืชอาหารได้ 3.1.2 บอกการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีส าหรับพืชอาหารได้ 3.2 ด้านทักษะ - บอกปัญหาและแนวทางการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีส าหรับพืชอาหารได้ 3.3 คุณลักษณะที่พึงประสงค์ 3.3.1 มีเจตคติและกิจนิสัยที่ดีต่อการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีส าหรับพืชอาหาร 3.3.2 ท างานด้วยความรับผิดชอบ รอบคอบ ขยัน อดทน และสามารถท างานร่วมกับผู้อื่น 4. เนื้อหาสาระการเรียนรู้ 4.1 สถานการณ์ความปลอดภัยและการค้าสินค้าเกษตรและอาหาร 1. มีการแพร่ระบาดของเชื้อโรคใหม่้ 2. การพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต เช่นGMO ฉายรังสีการใช้วัตถุ เจือปนอาหาร 3. มาตรการทางการค้า เช่น การเปิดการค้าเสรี 4. รูปแบบการจาหน่ายทีเปลี่้ยนไป เช่น ตลาดออนไลน์ 5. พฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่้ยนไปจากเดิม เช่น อาหารสุขภาพ อาหารอินทรีย์ Plant-based Food 6. กระแสสังคม เช่น สิ่งแวดล้อม สวัสดิภาพสัตว์แรงงาน
44 ความปลอดภัยอาหาร 1. สามารถทาให้เกิดปัญหาต่อผู้บริโภคผู้ผลิตู และ รัฐบาล: สูญเสียความเชื่อมั่นในอาหารที่บริโภค ปัญหาทางการค้าสูญเสียทางเศรษฐกิจ เกิดปัญหาด้านสังคม การเมือง 2. กระบวนการควบคุมคุณภาพสินค้าเกษตร 3. พรบ.มาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. 2551
45 แบบฝึกหัดท้ายหน่วยการเรียนรู้ที่ 6 มาตรฐานสินค้าเกษตรและความปลอดภัยอาหาร ค าชี้แจง แบบทดสอบหลังเรียน 1. แบบทดสอบชุดนี้เป็นแบบปรนัย 4 ตัวเลือก จ านวน ข้อ ค าสั่ง ให้นักเรียนท าเครื่องหมาย X ในข้อที่ถูกต้อง ลงในกระดาษค าตอบ 1. ข้อใดเรียงถูกต้องในการขอรับอนุญาตเป็นผู้ผลิต ผู้น าเข้าและผู้ส่งออก และการแจ้งน าเข้า-ส่งออกสินค้าเกษตร ตามมาตรฐานบังคับ ก. สมัครใช้งานระบบ ยื่นค าขอรับใบอนุญาตฯ ช าระเงินตามช่องทางที่ก าหนด จัดแสดงใบอนุญาตที่เปิดเผย ข. สมัครใช้งานระบบ ช าระเงินตามช่องทางที่ก าหนด ยื่นค าขอรับใบอนุญาตฯ จัดแสดงใบอนุญาตที่เปิดเผย ค. ยื่นค าขอรับใบอนุญาตฯ สมัครใช้งานระบบ ช าระเงินตามช่องทางที่ก าหนด จัดแสดงใบอนุญาตทีเปิดเผย ง. สมัครใช้งานระบบ ยื่นค าขอรับใบอนุญาตฯ จัดแสดงใบอนุญาตที่เปิดเผย ช าระเงินตามช่องทางที่ก าหนด 2. ค่าธรรมเนียมในการขออนุญาตและแจ้งน าเข้า-ส่งออกส าหรับมาตรฐานบังคับส าหรับบุคคลธรรมดา (ครั้งแรก) เสียกี่บาท ก. 80 บาท ข. 100 บาท ค. 120 บาท ง. 140 บาท 3. ค่าธรรมเนียมในการขออนุญาตและแจ้งน าเข้า-ส่งออกส าหรับมาตรฐานบังคับส าหรับนิติบุคคล (ครั้งแรก) เสียกี่บาท ก. 1,000 บาท ข. 1,500 บาท ค. 2,000 บาท ง. 2,500 บาท 4. ข้อใดไม่ใช่อ านาจในการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ ก. การตรวจสอบ ข. การสุ่มเก็บตัวอย่าง ค. การยึดหรืออายัด ง. การเซ็นอนุมัติ 5. มาตรา 50 ผู้ผลิต ผู้น าเข้า ผู้ส่งออก หรือผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐาน ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่ ออกตาม พรบ.นี้มกอช.มีอ านาจสั่งพักใช้ใบอนุญาตได้ ไม่เกินครั้งละกี่เดือน ก. 3 เดือน ข. 4 เดือน ค. 5 เดือน ง. 6 เดือน 6. มาตรา 51 มกอช.มีอ านาจสั่งเพิกถอนใบอนุญาต เมื่อปรากฏว่า ก. ผู้รับใบอนุญาตขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม ข. ผู้รับใบอนุญาตเคยถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตแล้วมากระท าผิดอีกภายใน 5 ปี ค. ผู้รับใบอนุญาตกระท าผิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อเศรษฐกิจ ง. ถูกทุกข้อ 7. บทก าหนดโทษ มาตรา 59 ปราบไม่เกินกี่บาท ก. ปรับไม่เกิน 100,000 บาท ค. ปรับไม่เกิน 500,000 บาท ข. ปรับไม่เกิน 300,000 บาท ง. ปรับไม่เกิน 700,000 บาท 8. บทก าหนดโทษ มาตรา 65 ปราบไม่เกินกี่บาท ก. ปรับไม่เกิน 100,000 บาท ค. ปรับไม่เกิน 500,000 บาท ข. ปรับไม่เกิน 300,000 บาท ง. ปรับไม่เกิน 700,000 บาท 9. มาตรา 45 สินค้าตามมาตรา 43(6) ไม่ปรากฏเจ้าของภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ยึด/ อายัด หรือวันที่อัยการสั่งไม่ ฟ้อง หรือศาลไม่พิพากษาให้ริบและเจ้าของไม่ร้องขอคืน ภายในกี่วัน ก. ภายใน 89วัน ข. ภายใน 90 วัน ค. ภายใน 91 วัน ง. ภายใน 92 วัน 10. การตรวจสอบรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรมีกี่รูปแบบ ก. 2 รูปแบบ ข. 3 รูปแบบ ค. 4 รูปแบบ ง. 5 รูปแบบ
46 แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 15 - 16 หน่วยที่ 7 วิชา ความรู้เกี่ยวกับมาตรฐานการผลิตและผลิตผลทางการ เกษตร สอนครั้งที่ 15 - 16 ชื่อหน่วย : มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ จ านวนชั่วโมง 4 เรื่อง : หลักการของเกษตรอินทรีย์ มาตรฐานเกษตรอินทรีย์และเครื่องหมายรับรอง ชั่วโมงรวม 32 1. สาระส าคัญ 2. สมรรถนะประจ าหน่วย - แสดงความรู้เกี่ยวกับความส าคัญของมาตรฐานการผลิตและผลิตผลทางการเกษตร 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ด้านความรู้ 3.1.1 อธิบายมาตรฐานการผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยได้ 3.1.2 บอกความส าคัญของมาตรฐานการผลิตและผลิตผลทางการเกษตรได้ 3.2 ด้านทักษะ - บอกปัญหาและแนวทางการแก้ปัญหามาตรฐานการผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยทางการเกษตรของไทยได้ 3.3 คุณลักษณะที่พึงประสงค์ 3.3.1 มีเจตคติและกิจนิสัยที่ดีต่อมาตรฐานการผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัย 3.3.2 ท างานด้วยความรับผิดชอบ รอบคอบ ขยัน อดทน และสามารถท างานร่วมกับผู้อื่น 4. เนื้อหาสาระการเรียนรู้ 4.1
47 แบบฝึกหัดท้ายหน่วยการเรียนรู้ที่ 7 มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ค าชี้แจง แบบทดสอบหลังเรียน 1. แบบทดสอบชุดนี้เป็นแบบปรนัย 4 ตัวเลือก จ านวน ข้อ ค าสั่ง ให้นักเรียนท าเครื่องหมาย X ในข้อที่ถูกต้อง ลงในกระดาษค าตอบ 1. เกษตรอินทรีย์ (Organic Agriculture) หมายถึง ก. ระบบจัดการการผลิตด้านการเกษตรแบบองค์รวมที่เกื้อหนุนต่อระบบนิเวศรวมถึงความหลากหลายทางชีวภาพ ข. มาตรฐานสินค้าเกษตรนี้ที่ก าหนดวิธีการผลิต แปรรูป แสดงฉลาก และ จ าหน่ายผลิตผลและผลิตภัณฑ์เกษตร อินทรีย ค. เกษตรผสมผสาน ง. กูกทุกข้อ 2. มาตราฐานเกษตรอินทรีย์และเครื่องหมายรองรับของสหรัฐอเมริกาคือข้อใด ก. JAS-MAFF ข. ASOA ค. OP-USDA ง. EU Regulation 3. ข้อใดไม่ใช่หลักการของเกษตรอินทรีย์ ก. เกษตรผสมผสาน ค. ความอุดมสมบูรณ์ของดิน ข. ความหลากหลายทางชีวภาพ ง. การดัดแปรพันธุกรรม 4. ระยะปรับเปลี่ยนข้อก าหนดวิธีการผลิตพืชอินทรีย์สามารถลดลงได้ แต่ต้องไม่น้อยกว่ากี่เดือน ก. 5 เดือน ข. 6 เดือน ค. 7 เดือน ง. 8 เดือน 5. ข้อก าหนดวิธีการผลิตสัตว์น้ าอินทรีย์ด้านการจัดการฟาร์ม ข้อใดกล่าวผิด ก. หลีกเลี่ยงการปนเปื้อนและท าลายสิ่งแวดล้อม ข. ใช้พันธุ์สัตว์น้ าต้านทานโรค ค. ใช้จุลินทรีย์ GMOs/ปุ๋ยเทศบาล/สารเร่งการเจริญเติบโต ง. ใช้พันธุ์สัตว์น้ าต้านทานโรค 6. ข้อใดกล่าวผิดเกี่ยวกับการเก็บรักษา การขนส่งการแปรรูปและการบรรจุหีบห่อของผลิตภัณฑ์อินทรีย์ ก. จ ากัดการใช้วัตถุเจือปนอาหารและสารช่วยกรรมวิธีผลิต ข. มีการป้องกันไม่ให้เกิดการปนเปื้อนของสารที่ไม่อนุญาตให้ใช้ ค. บรรจุภัณฑ์ใช้วัสดุที่ย่อยสลายได้ ไม่ท าลายสิ่งแวดล้อม ง. ฉายรังสีได้ 7. “ผลิตภัณฑ์อินทรีย์” ต้องมีส่วนประกอบที่มาจากการผลิตแบบอินทรีย์ตั้งแต่กี่เปอร์เซ็นถึงจะแสดงฉลากและ logo ได้ ก. 95 เปอร์เซ็น ข. 96 เปอร์เซ็น ค. 97 เปอร์เซ็น ง. 98 เปอร์เซ็น 8. กฎกระทรวง เรื่อง ก าหนดลักษณะการใช้ และการแสดงเครื่องหมายรับรองมาตรฐานส าหรับสินค้าเกษตรล่าสุดปี พ.ศ.ใด ก. พ.ศ. 2561 ข. พ.ศ. 2562 ค. พ.ศ. 2563 ง. พ.ศ. 2564 9. ขนาดเครื่องหมายรับรอง ขนาดที่แนะน าให้ใช้เพื่อแสดงเครื่องหมายรับรองมาตรฐานต้องมีขนาดไม่เล็กกว่าใด ก. 15 มิลลิเมตร ข. 16 มิลลิเมตร ค. 17 มิลลิเมตร ง. 18 มิลลิเมตร 10. การใช้สีของเครื่องหมายรับรอง ให้เป็นไปตามมาตรฐานรหัสสีในคอมพิวเตอร์ที่ก าหนดไว้ ดังนั้นสีแดง ต้องไช้รหัสอะไร ก. D7F96F ข. DF1000 ค. 477F00 ง. 00067F