หลกั เศรษฐศาสตรเ์ กษตร
220501 - 2007 ใบความรู้
หน่วยท่ี
เรียบเรยี งโดย
นายวุฒนิ นั ต์ แสงอ้าย
หน่วยที่ 2 อปุ สงค์และอุปทาน
ลักษณะของเส้นอุปสงค์
เส้นอปุ สงค์ (Demand Curve) จะมลี กั ษณะเป็นเสน้ ตรงลาดลงจากซา้ ยมาขวา ความชัน (slope)
ของเสน้ เป็นลบ เน่ืองจากราคาและปรมิ าณความต้องการซื้อมีความสัมพนั ธใ์ นทศิ ทางตรงกนั ข้าม
อุปสงค์ส่วนบุคคล (Individual Demand) และอุปสงค์ตลาด (Market Demand)
ในการพิจารณาอปุ สงค์ ถ้าพจิ ารณาความสมั พนั ธร์ ะหว่างราคาสนิ คา้ กับปริมาณสนิ คา้ ท่ผี ู้บรโิ ภคคนใด
คนหนึง่ ตอ้ งการ เรยี กอุปสงค์น้นั วา่ “อุปสงค์ส่วนบุคคล (Individual Demand)” แต่ถา้ พิจารณาถึง
ความสัมพันธ์ระหวา่ งราคาสนิ ค้ากับปริมาณสินคา้ ทีผ่ ู้บริโภคทัง้ หมดในสังคมหนึ่งๆ ต้องการซ้ือ เรียกอุปสงค์น้ัน
ว่า “อปุ สงคข์ องตลาด (Market Demand)”
การเปลี่ยนแปลงของเสน้ อุปสงค์
การเปลีย่ นแปลงของอุปสงคส์ ามารถเปลี่ยนแปลงได้ 2 แบบคือ
- การเปลย่ี นแปลงปรมิ าณของอปุ สงค์ (Change in quantity demand) เปน็ การเปลย่ี นแปลงอปุ
สงคเ์ น่อื งจากราคาสนิ ค้าชนดิ นนั้ เปล่ยี นแปลงไป ภายใต้ข้อสมมุตปิ จั จยั อื่นๆ ท่กี ำหนดอุปสงค์
คงท่ี การเปลีย่ นแปลงปรมิ าณของอุปสงค์จะทำใหป้ ริมาณการเสนอซือ้ เปลย่ี นแปลงอยูบ่ นเส้นอุป
สงค์เสน้ เดมิ ถา้ พจิ ารณาจากกราฟ การเปลย่ี นแปลงของอุปสงค์ ดงั กล่าวจะเปน็ การเปลี่ยนแปลง
ในลักษณะของการเคล่ือนไหวอยภู่ ายในเสน้ อุปสงคเ์ ส้นเดมิ จาก จดุ หน่ึงไปยังอีกจุดหน่งึ
- การเปลี่ยนแปลงระดับอุปสงค์ (Change in demand) เป็นการเปลีย่ นแปลงอุปสงค์เน่ืองจาก
ปัจจัยอน่ื ๆ ทมี่ ีอิทธิพลต่ออุปสงค์ เช่น รายได้ ราคาสินคา้ ชนิดอื่นที่เกย่ี วข้อง เปล่ียนแปลง
ภายใต้ขอ้ สมมุติราคาสนิ ค้าชนดิ นน้ั คงที่ และส่งผลใหเ้ สน้ อุปสงคเ์ กดิ การเคลื่อนย้ายไปจากเสน้
เดมิ ถา้ ผลการเปล่ยี นแปลงทำใหอ้ ปุ สงค์เพ่มิ ขน้ึ เส้นจะเลื่อนระดับไปด้านขวามือของเส้นเดมิ และ
ถา้ มีผลให้อปุ สงคล์ ดลงเสน้ จะเลือ่ นระดับไปทางซ้ายมือของเสน้ เดมิ ถา้ พจิ ารณาจากกราฟ
การเปล่ียนแปลงอุปสงค์ดังกล่าวจะเปน็ การเปลยี่ นแปลงในลักษณะของการเคลื่อนย้ายเสน้ อปุ
สงคไ์ ปทั้งเสน้ จากเส้นเดมิ ไปสู่เสน้ ใหม่ โดยถ้าเส้นอุปสงค์เคลือ่ นยา้ ยไปทางขวาของเส้นเดิมแสดง
วา่ อุปสงค์เพม่ิ ขึ้น ถา้ เคลื่อนย้ายไปทางซ้ายแสดงวา่ อปุ สงค์ลดลง
ความหมายและประเภทของอปุ ทาน
ความหมายของอุปทาน
อุปทาน (supply) หมายถึงปริมาณความต้องการเสนอขายสนิ คา้ หรือบริการชนดิ ใดชนิดหนงึ่ ที่ผผู้ ลิต
หรอื ผปู้ ระกอบการมีความเต็มใจทีจ่ ะเสนอขาย และสามารถจัดหามาขายหรือใหบ้ ริการไดใ้ นขณะใดขณะหนึง่
ณ ระดับราคาตา่ งๆที่ตลาดกำหนดมาให้ จากความหมายของอปุ ทาน จะเห็นได้ว่าอปุ ทานประกอบดว้ ย 2 ส่วน
สำคัญ คือ
1. ความเตม็ ใจที่จะเสนอขายหรือให้บริการ (willingness) กลา่ วคือ ณ ระดับราคาต่างๆ ท่ตี ลาด
กำหนดมาให้ ผผู้ ลติ หรือผปู้ ระกอบการมคี วามยนิ ดีหรือเต็มใจท่จี ะเสนอขายสนิ ค้าหรอื ใหบ้ รกิ ารตามความ
ตอ้ งการซื้อของผู้บริโภค
2. ความสามารถในการจัดหามาเสนอขายหรือให้บริการ (ability to sell) กล่าวคือ ผู้ผลติ หรอื
ผปู้ ระกอบการจะตอ้ งจดั หาให้มสี ินค้าหรือบริการอยา่ งเพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการซื้อของผูบ้ ริโภค
ณ ระดบั ราคาของตลาดในขณะน้ันๆ (สามารถเสนอขายหรือให้บริการได)้
เมอื่ กลา่ วถึงคำว่า อุปทาน จะเปน็ การมองทางด้านของผผู้ ลิตซง่ึ ตรงขา้ มกบั อุปสงค์ท่ีเป็นการมอง
ทางดา้ นของผ้บู รโิ ภค ในทางเศรษฐศาสตร์แลว้ ความสมั พันธ์ของราคาสนิ ค้าท่ีมีต่ออปุ ทานของสนิ คา้ นน้ั จะ
เป็นไปตามกฎของอปุ ทาน (Law of Supply)
ลักษณะการเปล่ยี นแปลงของเส้นอุปทาน
กฎอุปสงค์และกฎอุปทาน อธิบายถงึ ความสมั พันธ์ระหวา่ งราคาและปริมาณสนิ ค้า เมอ่ื ปัจจัยอน่ื ๆ
คงที่ หากปจั จัยอ่นื เกิดความเปลยี่ นแปลง จะเกิดการเปล่ยี นแปลงอปุ สงคห์ รืออุปทาน คือปริมาณอปุ สงคห์ รอื
ปริมาณอุปทานจะมกี ารเพม่ิ ข้ึนหรือลดลงท่ีทุกระดบั ราคา แสดงในแผนภมู ใิ นลักษณะของการเปลี่ยนแปลงเส้น
อปุ สงคห์ รืออปุ ทาน
ปัจจัยกำหนดอปุ สงค์สำคัญที่มกั กลา่ วถึงไดแ้ ก่ รายได้ ราคาของสนิ คา้ อ่นื ทีเ่ ก่ยี วข้อง รสนยิ ม ความ
คาดหวัง จำนวนผูซ้ ือ้ ในขณะท่ีปัจจัยท่กี ำหนดอปุ ทานมักกล่าวถึง ต้นทนุ ปัจจยั การผลติ เทคโนโลยี ความ
คาดหวงั และจำนวนผู้ขาย
ดลุ ยของภาพตลาด
หมายถงึ ภาวะทีเ่ กิดจากราคามคี วามเหมาะสม ทำใหป้ รมิ าณความต้องการซื้อ เท่ากบั ปริมาณความ
ต้องการขาย ทำให้สินค้าหมดพอดี หรือมหี ลักการดังน้ี คือ ราคาสินค้าจะว่ิงสู่ดลุ ยภาพเสมอ ถา้ ราคาเปลี่ยน
ปรมิ าณทผ่ี บู้ รโิ ภคต้องการท่ีจะซือ้ และทผ่ี ้ผู ลิตทต่ี ้องการขายก็จะเปลย่ี นตาม ถา้ ร้าคาสินค้าแพงเกินไป ต่อไป
ตอ้ งลดลง ถา้ ราคาสนิ คา้ ถูกเกินไป ต่อไปตอ้ งแพงขึน้ โดยกลไกราคา ในทางเศรษฐศาสตร์นัน้ จะมีข้อยกเว้นใน
การพิจารณา คือ ใชไ้ ม่ได้กบั สินค้าที่เปน็ ทรัพยเ์ สรี และสินค้าท่ถี ูกจดั อยใู่ นกลุ่มของเก่า เช่น ถ้วยสังคโลก,รถ
เก่า,พระเครอ่ื ง และวตั ถโุ บราณ หรอื ทรัพยเ์ สรี ไดแ้ ก่ น้ำ ดิน เป็นตน้
ในระบบเศรษฐกจิ แบบทุนนิยม กลไกราคา (Price Mechanism) เปน็ ส่ิงสำคัญในการควบคุมอุปสงค์
และอุปทานในตลาดให้เกดิ ความสมดุล ถา้ อุปสงค์และอุปทานไมเ่ ท่ากนั จะมีการปรบั ตัวจนกระทั่งเกดิ สมดุล
หรืออปุ สงคเ์ ทา่ กบั อปุ ทาน ดุลยภาพจะไม่เปล่ียนแปลงตราบเทา่ ที่ปจั จัยท่ีกำหนดอุปสงค์และอปุ ทานไม่
เปลยี่ นแปลง ราคาสนิ คา้ ณ จุดท่ีอุปสงค์เทา่ กับอปุ ทานเรียกวา่ “ราคาดลุ ยภาพตลาด (Market Equilibrium
Price)” ปรมิ าณสนิ คา้ ณ จดุ นน้ั เรียกว่า“ปรมิ าณดลุ ยภาพตลาด (Market Equilibrium Quantity)” และ
เรยี กจุดดังกล่าววา่ “ดุลยภาพตลาด (Market Equilibrium) ดุลยภาพตลาด คือ เสน้ อุปทานและเสน้ อปุ สงค์
ตดั กนั พอดี
คำศัพท์น่ารู้
การปลอ่ ยเสรี = Liberalization
แนวคิดหรือนโยบายทีเ่ ปิดโอกาสใหก้ ารดำเนินกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะอยา่ งย่ิง การผลิตและการค้า
เปน็ ไปอย่างเสรี ไม่มกี ารผกู ขาดตดั ตอนโดยรายหนึ่งรายใด ในแงข่ องการปล่อยเสรีภายในประเทศก็ คือ การ
ยกเลิกระบบผูกขาด ส่งเสรมิ ให้มีการแข่งขันกันอย่างเตม็ ที ในระดบั สากล ก็คือการส่งเสริมการคา้ เสรี ลด หรอื
ขจดั อปุ สรรคหรือข้อกีดขวางทางการคา้ ทงั้ ท่ีอยู่ในรปู ของภาษแี ละไม่ใช่ภาษี
หนีส้ ิน = Liability
โดยปกตมิ กั หมายถึง หน้ีทางการเงิน คือจำนวนเงนิ ท่บี ุคคลหรอื หนว่ ยธุรกจิ มหี นา้ ทตี่ ามกฎหมายที่
จะต้องชำระใหแ้ กบ่ ุคคลอน่ื รายการที่ถือว่าเปน็ หนี้สนิ ทางบัญชี ได้แก่ เจา้ หน้ีการค้า คา่ ใชจ้ ่ายและภาษีค้าง
จ่าย หุ้นกู้ เงินกู้ เปน็ ตน้
เงนิ เฟ้อขน้ั สงู = Hyperinflation
ภาวะทร่ี ะดับราคาสินค้าและบรกิ ารโดยทั่วไปเพมิ่ ขน้ึ ในอตั ราสูงหรือเพิ่มข้นึ อยา่ งรวดเรว็ กวา่ ปกติ (สูง
กว่ารอ้ ยละ 20 ตอ่ ปี ) ถ้าสงู มากๆ เช่น ร้อยละ 100 ตอ่ ปี อาจเรยี กว่า เงินเฟ้ออยา่ งรุนแรง
การแปลงหน้ี = Funding
ในความหมายเดิม หมายถึงการเปล่ยี นหนี้ทีไ่ ม่มีกำหนดระยะเวลา แต่ในปัจจุบันใชใ้ นความหมายที่
กวา้ งกวา่ ซ่งึ หมายถงึ การเปลย่ี นสถานะจากการกอ่ หนใี้ นระยะสัน้ มาเป็นหนี้ในระยะปานกลางหรอื ระยะยาว
เช่น การเปล่ยี นจากการออกตว๋ั แลกเงินมาเป็นการออกพันธบัตร เป็นตน้
ตลาดเสรี = Free market
ตลาดสนิ ค้าหรือบริการทม่ี ีการปลอ่ ยให้พลังของอปุ สงคแ์ ละอปุ ทานหรือกลไกตลาด เปน็ ตวั กำหนด
ราคาและปริมาณการซื้อขายอยา่ งเสรี โดยปราศจากการแทรกแซงใด ๆ จากรัฐบาล ระบบเศรษฐกิจทีส่ ่งเสริม
ตลาดเสรีเรียกวา่ ระบบเศรษฐกิจแบบตลาดเสรี
ราคาลว่ งหน้า = Forward price
ราคาสินค้าโภคภณั ฑ์ หลกั ทรพั ย์ หรือเงนิ ตรา ทกี่ ำหนดเอาไวใ้ นการตกลงซื้อขายลว่ งหน้า เปน็ ราคาท่ี
ผู้ซื้อจะต้องจา่ ย ณ วันสง่ มอบหรอื วันทไี่ ดต้ กลงกนั สำหรับราคาล่วงหนา้ ของการซื้อขายเงินตราต่างประเทศมี
ชอื่ เรียกเฉพาะวา่ อตั ราแลกเปล่ยี นลว่ งหนา้ ราคาล่วงหน้าของสงิ่ ของชนดิ เดยี วกันอาจแตกตา่ งกันตามเวลาที่
สง่ มอบและการต่อรองของผู้ซ้ือขาย และราคาน้ีมกั จะแตกต่างกบั ราคาซอ้ื ขายทนั ที ซ่งึ เป็นราคาท่ีต้องส่งมอบ
กนั ในปัจจบุ นั
การเชื่อมโยงไปข้างหนา้ = Forward linkage
การที่หน่วยผลิตหรืออุตสาหกรรมหนงึ่ มคี วามสมั พนั ธก์ บั หน่วยผลิตหรอื อุตสาหกรรมอื่นในลกั ษณะที่
ผลผลิตของหน่วยผลติ หรอื อุตสาหกรรมดังกล่าว ถูกนำไปใชเ้ ปน็ ปจั จยั การผลติ ของหนว่ ยผลติ หรอื
อุตสาหกรรมอื่น ตัวอยา่ งเชน่ อตุ สาหกรรมทอผ้ามกี ารเชื่อมโยงไปข้างหนา้ ยงั อตุ สาหกรรมการผลติ เสอ้ื ผ้า
สำเรจ็ รปู เป็นตน้ ความสมั พันธ์ในลักษณะตรงกันข้ามนเ้ี รียกวา่ การเชื่อมโยงไปขา้ งหลัง
อัตราการแลกเปล่ียนล่วงหน้า = Forward exchange rate
อตั ราการแลกเปลย่ี นหรือราคาของเงินตราสกุลหนงึ่ ๆ กับเงินตราตา่ งประเทศที่ได้มีการตกลง
แลกเปล่ียนหรอื ซื้อขายกนั ไว้ล่วงหน้า โดยมีการระบจุ ำนวนและวันเวลาทจ่ี ะส่งมอบกนั เปน็ ทแี่ น่นอนอัตรา
แลกเปล่ยี นลว่ งหนา้ น้ีอาจแตกตา่ งจากอัตราแลกเปลยี่ นทนั ทีทีเ่ กดิ ข้นึ ณ วนั ซอ้ื ขายเดียวกนั การตกลงซอื้ ขาย
เงินตราในอตั ราแลกเปลีย่ นล่วงหนา้ ก็เพอื่ ช่วยลดความเส่ียงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลย่ี นที่จะเกิดขึน้
ในอนาคต ในขณะเดยี วกนั กไ็ ดก้ ลายมาเปน็ เครอื่ งมอื อันหนึ่งในการเก็งกำไรจากการซ้ือขายเงนิ ตรา
ต่างประเทศของนักเกง็ กำไรด้วยเช่นกัน
การแปลงสภาพหน้ี = Debt conversion
การออกหุน้ หรือพนั ธบัตรใหม่เพอื่ ทดแทนหนุ้ หรือพนั ธบัตรเก่าทม่ี ีอัตราดอกเบ้ียสงู กว่า ท้ังน้ีเพ่อื ลด
ภาระหนใี้ ห้น้อยลง การแปลงสภาพหนยี้ ังหมายถึงการเปลี่ยนหุ้นกู้แปลงสภาพไปเป็นหนุ้ สามญั ซงึ่ ทำให้ฐานะ
ของผ้ถู ือเปลี่ยนจากการเปน็ เจ้าหนบ้ี ริษัทไปเป็นเจ้าของบริษทั
หนี้ = Debts
จำนวนเงินหรือทรพั ยส์ นิ อ่นื จำนวนหน่ึงท่บี คุ คลหนง่ึ มีข้อผูกพนั ว่า จะจ่ายให้แก่อกี บุคคลหน่ึง หนี้อาจ
เกิดข้ึนจากการกู้ยืมเงนิ การซ้ือสนิ คา้ หรอื บริการด้วยเงินเช่ือหรือเงินผ่อน เราอาจแบง่ ประเภทของหน้ีตาม
ประเภทลกู หน้ี เปน็ หน้ีสาธารณะ และหนเี้ อกชน หรือแบง่ ตามแหล่งของผเู้ ป็นเจา้ หน้ี เป็นหน้ีภายในประเทศ
และหนีต้ ่างประเทศ
หุน้ กู้ = Debenture
พนั ธบัตรหรือตราสารหนี้ ระยะยาวทบ่ี รษิ ทั ออกให้แกผ่ ถู้ ือเพื่อเป็นหลักฐานในการกยู้ มื เงินของบริษัท
จากเจา้ ของเงินทุน หนุ้ กนู้ ้มี ักมีการกำหนดระยะเวลาในการชำระคืนและอัตราดอกเบีย้ ท่ีแน่นอน ไมว่ ่าบริษัท
จะมีกำไรหรอื ขาดทนุ ดังนัน้ เพ่ือเปน็ หลักประกันวา่ ผ้ถู อื จะไดร้ ับการชำระหนค้ี นื การออกหุน้ กูจ้ ึงต้องมีมลู คา่
รวมไม่เกินทนุ ทช่ี ำระแล้วของบริษัท กรณีทีร่ ัฐบาลเปน็ ผ้อู อกตราสารชนิดนนี้ ิยม เรยี กวา่ พันธบตั ร
เงนิ แพง = Dear money
ภาวะที่อตั ราดอกเบยี้ สูงกวา่ อัตราดอกเบยี้ เฉลยี่ ในอดตี เน่อื งจากอุปทานของเงนิ มีนอ้ ยเมื่อเทียบกับ
อุปสงค์ของความต้องการถอื เงนิ ภาวะทตี่ รงกันขา้ มกับเงินแพงเรยี กวา่ เงนิ ถูก
**************************************************