The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น-06-ตลาดในระบบเศรษฐกิจ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by วุฒินันต์ แสงอ้าย, 2022-08-04 23:58:43

เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น-06-ตลาดในระบบเศรษฐกิจ

เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น-06-ตลาดในระบบเศรษฐกิจ

ในระบบเศรษฐกจิ แบบทุนนิยมหรอื ระบบเศรษฐกจิ แบบผสมนัน้ การผลติ การจาแนกแจกจ่าย และการบรโิ ภค ส่วนใหญ่
เป็ นเร่ืองของเอกชน ทัง้ ในรูปคนเดียวเป็ นเจ้าของ หรือบริษัทจากัด หรือรัฐวิสาหกิจเป็ นผู้ดาเนินการตาม กลไกตลาด
(Market Mechanism) หรอื กลไกราคา (Price Mechanism) เพ่อื นาสินค้าและบริการไปสู่ผู้บริโภค โดยอาศยั การตลาด (Marketing)
ทาหน้าทเ่ี ช่อื มโยงระหว่างผผู้ ลติ และผบู้ รโิ ภค ชว่ ยกระจายสนิ คา้ และบรกิ ารจากแหล่งผลติ ส่มู อื ผบู้ รโิ ภค ทาใหผ้ บู้ รโิ ภคมสี นิ คา้
และบรกิ ารมาบาบดั ความตอ้ งการไดอ้ ยา่ งทวั่ ถงึ ตลาดในระบบเศรษฐกจิ เสรนี ้ีนบั วา่ มคี วามสาคญั มาก เน่ืองจากสนิ คา้ และบรกิ าร
จะต้องผ่านตลาด ซ่งึ จะทาใหก้ ารคานวณรายได้ประชาชาตขิ องประเทศเป็นไปอย่างถูกต้องอกี ด้วย ต่างจากระบบสงั คมนิยม
ทร่ี ฐั บาลเป็นผดู้ าเนนิ การแบ่งปันสนิ คา้ และบรกิ ารแกป่ ระชาชน โดยไมจ่ าเป็นตอ้ งผา่ นตลาด

ความหมายของตลาดโดยทวั่ ไป
ตลาด หมายถงึ สถานทใ่ี ดทห่ี น่งึ ซง่ึ ผซู้ อ้ื และผขู้ ายมาพบปะซอ้ื ขายหรอื แลกเปล่ยี นสนิ คา้ ซง่ึ กนั และกนั
เช่น ตลาดนดั สวนจตุจกั ร ตลาดผลไมท้ ม่ี หานาค ตลาดผกั ทป่ี ากคลองตลาด เป็นตน้

ความหมายของตลาดทางเศรษฐศาสตร์
ตลาดทางเศรษฐศาสตร์ นอกจากจะหมายถึงตลาดตามความหมายโดยทวั่ ไปแล้วยงั หมายถึง
ภาวะทางการค้า หรอื การท่ผี ูซ้ ้อื และผู้ขายติดต่อและตกลงซ้อื ขาย หรอื แลกเปลย่ี นสนิ ค้าซ่งึ กันและกัน
โดยไม่จาเป็นตอ้ งมสี ถานทห่ี รอื ต้องมาพบปะกนั สาหรบั กรณีการซอ้ื ขายกนั โดยผ่านทางเครอ่ื งมอื -สอ่ื สาร
ซ่ึงไม่มีสถานท่ีในการตกลงซ้ือขาย เช่น การซ้ือขายกันทางโทรศัพท์ โทรสาร อินเทอร์เน็ต เป็นต้น
หรอื กรณีผูซ้ ้อื และผูข้ ายไม่จาเป็นต้องมาพบปะกนั ก็อาจทาการซ้อื ขายกนั ได้ เพยี งแต่ โอนกรรมสทิ ิกิ ก นั
เช่น การซ้อื ขายหลกั ทรพั ยใ์ นตลาดทุน หรอื ตลาดหลกั ทรพั ย์ และการซ้อื ขายทด่ี นิ ในตลาดท่ีดนิ เป็นต้น

หรอื กรณตี ลาดทม่ี งุ่ เน้นในเรอ่ื งภาวะทางการคา้ มากกวา่ เชน่ คากลา่ วทว่ี า่ “สนิ คา้ ชนิดนนั้ ชนิดน้ีไม่มตี ลาด”
หมายความว่า สนิ ค้าดงั กล่าวผลติ ออกมาแล้วไม่มผี ู้ซ้อื ซ่งึ อาจเป็นเพราะสนิ ค้านัน้ ยังใหม่ไม่มคี นรู้จกั
หรอื คุณภาพไม่ดพี อ หรอื “ต้องผลติ สนิ คา้ ตามความตอ้ งการของตลาด” หมายถงึ ภาวการณ์ผลติ ท่ีผผู้ ลติ
ตอ้ งผลติ สนิ คา้ ทงั้ ปรมิ าณ คณุ ภาพ และมาตรฐานตามความตอ้ งการของตลาด โดยผลติ ตามทข่ี ายไม่ใช่ขาย
ตามท่ีผลิตได้ หรือการผลิตสินค้าโดยอาศัยตลาดเป็นตัวนาการผลิต ไม่ใช่การผลิตเป็นตัว นาตลาด
หรอื คากล่าวท่วี ่า “ราคาน้าตาลของตลาดโลกกาลงั ตกต่า” หมายถงึ ภาวะการค้าน้าตาลของโลกท่รี าคา
น้าตาลโดยทวั่ ไปกาลังลดลง ซ่ึงอาจเป็นเพราะปรมิ าณการผลิตน้าตาลท่ีผลิตได้ทวั่ โลกมีมากเกินไป
หรอื เป็นเพราะความตอ้ งการน้าตาลของโลกลดน้อยลง เน่ืองจากผบู้ รโิ ภคหนั ไปบรโิ ภคสารใหค้ วามหวาน
แทนกไ็ ด้

ดงั นัน้ การทผ่ี บู้ รโิ ภคและผผู้ ลติ หรอื ผซู้ ้อื และผขู้ ายตดั สนิ ใจตกลงทาการซ้อื ขาย แลกเปลย่ี นสนิ คา้ กนั
ไม่ว่าจะมาพบปะกนั หรอื ไม่ หรอื มสี ถานทซ่ี อ้ื ขายหรอื ไมก่ ต็ าม จะอย่ภู ายใตเ้ ง่อื นไขผู้บรโิ ภคย่อมต้องการ
ความพอใจสงู สดุ (Maximize Satisfaction) และผผู้ ลติ ยอ่ มตอ้ งการกาไรสงู สดุ (Maximize Profit) เสมอ

ความสาคญั ของการตลาด

ตลาดมีความสาคัญและจาเป็ นต่อระบบเศรษฐกิจ เพราะจะทาให้ผู้ผลิตและผู้บริโภคมีสถ านท่ี
ท่ีเป็นศูนย์กลางในการติดต่อซ้ือขายสินค้ากันได้สะดวก และยงั สามารถแสวงหาสินค้าอ่ืน ๆ ได้ตาม
ความตอ้ งการดว้ ย ตลาดจงึ มคี วามสาคญั ดงั ต่อไปน้ี

1. ช่วยให้ประชาชนมีสภาพความเป็ นอยู่ที่ดีขึ้น ในระบบเศรษฐกิจจะมีการผลิตสินค้าและ

บรกิ ารหลากหลายชนิดและมปี รมิ าณมาก เพอ่ื ใหเ้ พยี งพอและตรงกบั วตั ถุประสงค์ในการสนองตอบความ
ตอ้ งการของผบู้ รโิ ภค ทงั้ สนิ คา้ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การประกอบอาชพี สนิ คา้ ท่ี เออ้ื อานวยต่อความสะดวกสบาย
ของชีวิต ซ่ึงสินค้าทุกประเภทท่ีผู้บริโภคนามาใช้ในชีวิตประจาวันจะสร้างความอยู่ดีกินดีให้เกิดข้นึ
ทงั้ กบั ตนเองและครอบครวั

2. ช่วยให้ทราบข้อมูลเพ่ือนามาผลิตสินค้าตามความต้องการของผู้บริโภค การผลิตสนิ ค้า

และบรกิ ารของสถานประกอบการทุกแห่งจะต้องคานึงถึงความต้องการของผู้บริโภคเป็นสาคญั เ พ่ือ
ให้สนิ ค้าทผ่ี ลติ ออกมานัน้ จาหน่ายได้ ตลาดจงึ เป็นสถานท่ที จ่ี ะนาเอาขอ้ มูลทเ่ี ก่ียวกบั ความต้องการของ
ผู้บริโภคมาให้ผู้ผลิต เพ่อื หาแนวทางและวิิ ีการผลิตสนิ ค้าได้ตรงตามความพอใจของประชาชน หรอื
กล่มุ เป้าหมาย

3. ช่วยให้เกิ ดการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิ จ ทัง้ ผู้ผลิตและผู้บริโภคต่างได้รับประโยชน์

ทางด้านเศรษฐกจิ จากตลาดทงั้ ส้นิ เพราะเม่อื ตลาดขยายตวั กจ็ ะมสี นิ ค้าและบรกิ ารหลากหลายและเพม่ิ
มากข้นึ ทาให้การผลิตขยายตัว ความต้องการแรงงานก็เพม่ิ มากข้นึ ประชาชนมีรายได้และมีกาลงั ซ้ือเพิ่มข้นึ
เศรษฐกจิ ของประเทศกเ็ จรญิ กา้ วหน้า

คนกลางของตลาด
คนกลางของตลาด (Market Intermediaries) หมายถึง ส่ือกลางเช่ือมโยงระหว่างผู้ผลิตและ

ผบู้ รโิ ภค โดยนาสนิ คา้ จากแหล่งผลติ ไปสมู่ อื ผบู้ รโิ ภค คนกลางของตลาดมที งั้ คน สถาบนั และเครอ่ื งอานวย
ความสะดวกต่างๆ ดงั น้ี

1. คน ทาหน้าทน่ี าสนิ คา้ จากแหล่งผลติ ไปยงั ผบู้ รโิ ภค ไดแ้ ก่ พ่อคา้ ขายส่ง และพ่อคา้ ขายปลกี ผขู้ าย

และผูซ้ ้อื ยงั ต้องพบปะกนั หรอื นายหน้าท่ดี นิ ทาหน้าทเ่ี ป็นส่อื กลางระหว่างผูข้ ายและผูซ้ ้อื โดยท่ผี ู้ขาย
และผซู้ อ้ื ไมจ่ าเป็นตอ้ งพบปะกนั

2. สถาบนั ทาหน้าท่ีเป็นส่ือกลางระหว่างผู้ขายและผู้ซ้ือ โดยท่ีทงั้ 2 ฝ่ ายไม่ต้องพบปะกัน เช่น

ินาคารพาณิชยท์ าหน้าทเ่ี ป็นสอ่ื กลางระหว่างผฝู้ ากเงนิ และผกู้ ู้เงนิ ในตลาดเงนิ บรษิ ัทนายหน้า (Broker)
ทาหน้าทเ่ี ป็นสอ่ื กลางระหวา่ งผขู้ ายและผซู้ อ้ื หลกั ทรพั ยใ์ นตลาดทนุ หรอื ตลาดหลกั ทรพั ย์ เป็นตน้

3. ส่ือและเคร่ืองอานวยความสะดวกต่างๆ ทาหน้าทเ่ี ป็นส่อื กลางในการแลกเปลย่ี นโดยผูซ้ ้อื และ

ผู้ขายไม่ต้องพบปะกัน ได้แก่ หนังสือพิมพ์ โทรเลข โทรศัพท์ วิทยุ โทรพิมพ์ โทรสาร ไปร ษณีย์
อนิ เทอรเ์ น็ต เครอ่ื งถอนเงนิ ด่วน (ATM) เครอ่ื งหรอื ตใู้ หบ้ รกิ ารเครอ่ื งดม่ื ตามสถานทต่ี ่างๆ

องคป์ ระกอบของตลาด

ปัจจยั กาหนดองคป์ ระกอบของตลาดทส่ี มบรู ณ์สามารถพจิ ารณาไดท้ งั้ ทางดา้ นอปุ สงคแ์ ละอุปทาน ดงั น้ี
ทางด้านอปุ สงค์ (Demand) หรอื ความตอ้ งการของผบู้ รโิ ภค มดี งั น้ี

1. ผู้บริโภคมีความจาเป็ นหรือต้องการสินค้าและบริการนั้นๆ (Need or Want) หมายถึง
ผบู้ รโิ ภคตอ้ งการสนิ คา้ และบรกิ ารต่างๆ เพอ่ื บาบดั ความตอ้ งการซง่ึ อาจเป็นสนิ คา้ ทจ่ี าเป็นในการดารงชวี ติ
เช่น อาหาร ทอ่ี ย่อู าศยั เครอ่ื งนุ่งห่ม ยารกั ษาโรค เป็นตน้ หรอื เป็นสนิ คา้ ฟุ่มเฟือย เช่น น้าหอม และบุหร่ี
เป็นตน้

2. ผบู้ รโิ ภคมเี งนิ หรอื อานาจซอ้ื สนิ คา้ และบรกิ ารนนั้ ๆ (Money to Spend or Purchasing Power)
3. ผบู้ รโิ ภคมคี วามเตม็ ใจทจ่ี ะซอ้ื หรอื จา่ ย (Willing to Buy or Pay)
4. ผบู้ รโิ ภคมอี านาจในการตดั สนิ ใจซอ้ื (Authority to Buy) นอกจากผบู้ รโิ ภคจะมคี วามจาเป็นมเี งนิ
และเตม็ ใจทจ่ี ะซอ้ื สนิ คา้ และบรกิ ารแลว้ ยงั ตอ้ งมอี านาจในการตดั สนิ ใจซอ้ื สนิ คา้ และบรกิ ารนัน้ ๆ ดว้ ย

การท่ีผู้บรโิ ภคตัดสนิ ใจซ้อื สนิ ค้าชนิดใดชนิดหน่ึงนัน้ เน่ืองจากผู้บรโิ ภคปรารถนาท่ีจะได้รบั ความ
พอใจสงู สดุ (Maximize Satisfaction) จากสนิ คา้ ทซ่ี อ้ื ภายใต้งบประมาณทม่ี อี ย่อู ยา่ งจากดั ดังนัน้ ผบู้ รโิ ภค
จงึ ตอ้ งการสทิ ิใิ นเรอ่ื งต่างๆ ไดแ้ ก่ สทิ ิใิ นการไดร้ บั ความปลอดภยั (Right to be safe) สทิ ิใิ นการซอ้ื สนิ คา้
ในราคายุติิ รรม (Right to be judge) สทิ ิใิ นการรบั ฟัง (Right to be informed) ซง่ึ ปัจจุบนั ทุกๆ ประเทศ
ไดใ้ หค้ วามสาคญั โดยมอี งคก์ รทร่ี บั ผดิ ชอบในการคมุ้ ครองผบู้ รโิ ภค สาหรบั ประเทศไทยได้มพี ระราชบญั ญตั ิ
คุ้มครองผู้บริโภค โดยมีหน่วยงานท่ีรับผิดชอบ ได้แก่ สานักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้ บริโภค
และสานกั งานคณะกรรมการอาหารและยา ทค่ี อยดแู ลในเรอ่ื งน้ี

ทางด้านอปุ ทาน (Supply) หรอื การสนองตอบของผผู้ ลติ โดยพจิ ารณา Marketing Mix (4P’s) มดี งั น้ี
1. ผลิตภณั ฑ์ (Product) ผู้ผลิตจะตัดสนิ ใจดาเนินการผลติ จะต้องพจิ ารณาว่าจะผลติ สนิ ค้าอะไร
(What) ผลติ อยา่ งไร (How) และผลติ เพอ่ื ใคร (For Whom)
หลกั เกณฑโ์ ดยทวั่ ไปจะตอ้ งวเิ คราะหด์ า้ นการตลาด (Market Analysis) โดยพจิ ารณาพฤตกิ รรมของผบู้ รโิ ภค
เป็นหลกั ซง่ึ จะต้องมกี ารแบ่งแยกประเภทของตลาดหรอื ผบู้ รโิ ภค (Market Segmentation) เพ่อื จะไดเ้ จาะกลุ่ม
ผบู้ รโิ ภคไดถ้ ูกต้อง และพจิ ารณาสถานภาพของตนเองเทยี บกบั คู่แข่งในตลาด (Market Positioning) เพอ่ื จะได้
ทราบสว่ นแบง่ ทางดา้ นการตลาด (Market Share) ในสนิ คา้ ทผ่ี ลติ โดยตอ้ งมกี ารวเิ คราะหจ์ ุดแขง็ จดุ อ่อน โอกาส
และขอ้ จากดั ของสนิ ค้าเปรยี บเทยี บกบั คู่แข่ง หรอื ทเ่ี รยี กว่า SWOT Analysis สาหรบั จุดแขง็ (Strength) และ
จุดอ่อน (Weakness) เป็นปัจจยั แวดลอ้ มภายในของสนิ คา้ ทท่ี าใหส้ นิ ค้านัน้ ๆ มคี วามไดเ้ ปรยี บและเสยี เปรยี บ
ทางด้านการตลาดเม่อื เทียบกบั คู่แข่ง ส่วนโอกาส (Opportunity) และขอ้ จากดั (Threat) เป็นปัจจยั แวดล้อม
ภายนอกของสนิ คา้ ทท่ี าใหส้ นิ คา้ นนั้ ๆ มคี วามไดเ้ ปรยี บและเสยี เปรยี บทางดา้ นการตลาดเมอ่ื เทยี บกบั ค่แู ขง่ การ
ทราบสว่ นแบง่ ทางดา้ นการตลาดจะทาใหผ้ ผู้ ลติ สามารถรกั ษาลกู คา้ ในสว่ นทต่ี นเองครองอยู่ หรอื การตงั้ เป้าหมาย
ทจ่ี ะไดล้ ูกค้าจากคู่แข่งขนั หรอื การใหไ้ ดม้ าในส่วนทย่ี งั ไม่มใี ครเขา้ ถงึ นอกจากน้ีในการผลติ สนิ คา้ นัน้ ผูผ้ ลติ
จะตอ้ งพจิ ารณาถงึ คุณภาพ (Quality) และปรมิ าณ (Quantity) รปู แบบ (Model) รปู รา่ ง (Appearance) การบรรจุ
หบี ห่อ (Packaging) ตราหรอื เครอ่ื งหมายการคา้ (Brand Name) รวมถงึ การใหบ้ รกิ าร (Servicing) ทงั้ บรกิ าร
ก่อนการขายและหลงั การขาย ฯลฯ

2. การตงั้ ราคา (Pricing) ตามปกตผิ ผู้ ลติ สนิ คา้ ออกสตู่ ลาดจะไมต่ งั้ ราคาต่ากวา่ ราคาสนิ คา้ ประเภทเดยี วกนั

และคุณภาพพอๆ กนั ทจ่ี าหน่ายในตลาด เน่ืองจากจะทาใหผ้ ูบ้ รโิ ภคคดิ ว่าสนิ คา้ ทม่ี รี าคาถูกจะมคี ุณภาพดอ้ ยกว่า
สนิ ค้าทม่ี รี าคาสูง ดงั นัน้ ผู้ผลติ จะใช้วิิ ปี รบั ปรุงรูปร่างของผลติ ภณั ฑ์ การบรรจุหบี ห่อ ฯลฯ ให้ดูน่าซ้อื มากข้นึ
เมอ่ื เทยี บกบั คแู่ ขง่ ซง่ึ หลกั เกณฑใ์ นการตงั้ ราคาหรอื กาหนดราคาขององคก์ ริรุ กจิ จะได้กลา่ วต่อไป

3. สถานที่ (Place) สาหรบั สถานทน่ี นั้ จะตอ้ งวเิ คราะหใ์ นเรอ่ื งต่างๆ ดงั น้ี

1) ช่องทางการจาแนกแจกจ่าย (Distribution Channel) ผู้ผลิตจะต้องกาหนดว่าสินค้า
จากมอื ผูผ้ ลิตไปถึงมอื ผู้บรโิ ภคจะต้องผ่านคนกลางก่ีขนั้ ตอน และจะสามารถลดคนกลางลงได้อย่างไร
เพอ่ื ไมใ่ หส้ นิ คา้ มรี าคาสงู มากเกนิ ไปเมอ่ื ถงึ มอื ผบู้ รโิ ภค เช่น

จากขนั้ ตอนการจาแนกแจกจ่ายขา้ งต้น ผูผ้ ลติ จะต้องพจิ ารณาลดคนกลางลงบ้างโดยอาจตดั พ่อค้า
ตาบล พอ่ คา้ จงั หวดั หรอื พอ่ คา้ กรงุ เทพฯ โดยผผู้ ลติ จะสง่ ใหพ้ อ่ คา้ ขายสง่ 1 เลยกไ็ ด้ เน่ืองจากถา้ มคี นกลาง
มากเท่าใดจะทาใหร้ าคาสนิ คา้ จากแหล่งผลติ หรอื โรงงานมาถงึ มอื ผบู้ รโิ ภค กจ็ ะยงิ่ มรี าคาสูงมากขน้ึ เท่านัน้
ทาใหเ้ กดิ ปัญหาพอ่ คา้ คนกลางเอารดั เอาเปรยี บผบู้ รโิ ภคได้

ปัจจุบนั ิุรกจิ บางประเภทผูผ้ ลติ พจิ ารณาเหน็ ว่าถึงแมจ้ ะตดั พ่อค้าคนกลางออกแล้วก็ตามแต่ก็ยงั มี
ค่าใช้จ่ายท่ไี ม่สามารถหลกี เล่ยี งได้จากการส่งเสรมิ การขายหรอื การโฆษณาท่ที าให้ต้นทุ นการผลิตสูง
เป็นผลใหต้ ้องตงั้ ราคาสนิ คา้ สงู ตามไปดว้ ย จงึ ไดเ้ กดิ การตลาดขายตรง ซง่ึ มที งั้ การตลาดขายตรงชนั้ เดยี ว
(Single Level Marketing) และการตลาดขายตรงหลายชนั้ (Multi Level Marketing : MLM) โดยเฉพาะ
อย่างยิง่ ตลาดขายตรงหลายชนั้ ได้เข้ามามบี ทบาทสาคัญสาหรบั การดารงชีวติ และอาชีพของค นไทย
อยา่ งมาก เชน่ การประกนั ชวี ติ ผลติ ภณั ฑเ์ ครอ่ื งสาอาง เป็นตน้

2) การครอบคลุมให้ทัว่ ถึงทุกพ้ืนท่ี (Distribution Coverage) การจาแนกแจกจ่ายนัน้ จะต้อง
ครอบคลุมใหท้ วั่ ถงึ ทุกพน้ื ท่ี โดยใชร้ ะบบการตงั้ ตวั แทนในพน้ื ทใ่ี ดพน้ื ทห่ี น่ึงเป็ นตวั แทนจาหน่าย แต่ไม่ควร
ตงั้ ตวั แทนสองตวั แทนในพน้ื ทเ่ี ดยี วกนั เพราะจะทาใหแ้ ขง่ ขนั และตดั ราคากนั เอง

4. การส่งเสริมการตลาด (Promotion) หมายถึง การรวมกิจกรรมทางการตลาดทัง้ หมดท่ีจะ

ทาให้สนิ ค้าเป็นท่สี นใจแก่พนักงานขายหรอื ตวั แทนจาหน่าย และผูบ้ รโิ ภค ดงั นัน้ กจิ กรรมการส่งเสรมิ
การขายจะมงุ่ ไปท่ี 2 เป้าหมายดงั กล่าวขา้ งตน้ คอื ตวั แทนจาหน่ายและผบู้ รโิ ภค

1) ในระดบั ตวั แทนจาหน่ายหรอื พนักงานขาย ผู้ผลิตจะใช้เทคนิคเพ่อื ส่งเสรมิ การขายเพ่อื เป็น
แรงจูงใจให้ตัวแทนจาหน่ายหรอื พนักงานขายแข่งขนั กับตัวเองและตัวแทนจาหน่ายด้วยกันเพ่ือเพ่ิม
ยอดขายโดยจะใหร้ างวลั พเิ ศษ เช่น การใหส้ ่วนลดพเิ ศษ การแถมสนิ คา้ ใหข้ องขวญั ใหป้ ระกาศนียบตั ร
เป็นตน้

2) ในระดบั ผู้บรโิ ภค ผูผ้ ลติ จะใช้เทคนิคเพ่อื ส่งเสรมิ การขายโดยผ่านตวั แทนจาหน่ายหรอื พนักงานขาย
เช่น การแจกสินค้าฟรีเพ่ือให้ผู้บริโภคทดลองซ่ึงจะนาไปสู่การใช้สินค้าในอนาคต การลด ราคา
การแถมสนิ คา้ เป็นตน้

การส่งเสรมิ การขายควรดาเนินการไปพร้อมๆ กบั การโฆษณา (Advertising) และประชาสมั พนั ิ์
สนิ คา้ เพอ่ื ใหข้ อ้ มลู แก่ผบู้ รโิ ภค ก่อใหเ้ กดิ แรงจงู ใจในการบรโิ ภคสนิ คา้ เพราะไดเ้ หน็ รูปรา่ งหน้าตาของสนิ คา้

ประเภทของตลาด (Type of Market) อาจแบ่งได้หลายลกั ษณะ แล้วแต่ว่าผู้แบ่งจะมจี ุดประสงค์
หรอื ตอ้ งการศกึ ษาประเภทตลาดทางดา้ นใด ดงั น้ี

1. ตลาดตามลกั ษณะการดาเนินงานของผ้ขู าย ในกรณีทส่ี นิ คา้ จากผขู้ ายไปส่มู อื ผบู้ รโิ ภคมหี ลายทอด
สามารถแบง่ ได้ 2 ประเภท ดงั น้ี

1) ตลาดขายส่ง (Wholesale Market) เป็ นตลาดท่ีผู้ขายมิได้ขายสินค้าให้ผู้บริโภคโดยต รง
แต่จะขายสนิ ค้าใหพ้ ่อคา้ ขายส่งเพ่อื นาไปขายใหพ้ ่อคา้ ขายปลกี หรอื ผูบ้ รโิ ภคอกี ต่อหน่ึง เช่น ตลาดสลาก
กนิ แบง่ รฐั บาลทร่ี าชดาเนนิ ตลาดผลไมท้ ส่ี ม่ี มุ เมอื ง และตลาดผลไมท้ ต่ี ลาดไท เป็นตน้

2) ตลาดขายปลีก (Retail Market) เป็นตลาดท่ีผู้ขายจะขายสินค้าให้ผู้บริโภคโดยตรง ตลาด
ขายปลกี จะมอี ยู่ทวั่ ไปตามแหล่งชุมชนขนาดเล็กไปจนถึงแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ เช่น ร้านขายของชา
7-eleven หา้ งสรรพสนิ คา้ เป็นตน้

ปัจจุบนั ชาวต่างชาตไิ ดเ้ ขา้ มาเป็นเจา้ ของหา้ งสรรพสนิ คา้ ในประเทศไทยและอาศยั ความได้เปรยี บ
ในการสัง่ ซ้ือสินค้าปริมาณครงั้ ละมากๆ โดยได้ราคาต้นทุนต่า ทาให้สามารถขายในราคาท่ีต่ากว่า
รา้ นค้าทวั่ ๆ ไปมาก เช่น ห้างแมค็ โคร เทสโก้โลตสั คาร์ฟูร์ เป็นต้น ส่งผลให้ร้านค้าทัว่ ๆ ไปไม่สามารถ
ตงั้ กจิ การอยไู่ ด้ ตอ้ งเลกิ กจิ การไปจานวนมาก

2. ตลาดตามลกั ษณะของสินค้าที่ผลิต เป็นการแบง่ ตามมลู ค่าเพมิ่ (Value Added) ทเ่ี กดิ จากสนิ คา้
นนั้ ๆ สามารถแบง่ ได้ 2 ประเภท ดงั น้ี

1) ตลาดสินค้าเกษตรกรรม (Agricultural Market) เป็ นตลาดท่ีมีการซ้ือขายสินค้าเกษตร
ซง่ึ เป็นสนิ คา้ ขนั้ ปฐมภมู ทิ ย่ี งั ไมไ่ ดม้ กี ารแปรรปู เช่น ขา้ ว ขา้ วโพด ยางพารา เป็นต้น

2) ตลาดสนิ คา้ อุตสาหกรรม (Industrial Market) เป็นตลาดทม่ี กี ารซ้อื ขายสนิ ค้าอุตสาหกรรม ซ่งึ
เป็นสนิ คา้ ขนั้ ทุตยิ ภูมทิ ไ่ี ดน้ าสนิ คา้ เกษตรมาแปรรปู เพอ่ื ใหเ้ กดิ มลู ค่าเพม่ิ แก่สนิ คา้ เกษตรนนั้ ๆ ซง่ึ สามารถ
แยกเป็นสนิ ค้าสาหรบั ผู้บรโิ ภค เช่น วุ้นเส้น น้าปลา เส้อื ผ้าสาเร็จรูป เป็นต้น และสนิ ค้าสาหรบั ผู้ผลติ
ทน่ี าไปใชใ้ นการผลติ เช่น วสั ดุก่อสรา้ ง เครอ่ื งจกั ร เป็นตน้

3. ตลาดตามชนิดของสินค้า สามารถแบง่ ได้ 2 ประเภท ดงั น้ี
1) ตลาดสินค้าสาหรบั ผู้บริโภค (Consumer Goods Market) เป็นตลาดท่ีซ้ือขายสนิ ค้าสาหรบั

ผบู้ รโิ ภคซอ้ื หาไปใชส้ อยหรอื บรโิ ภคในครวั เรอื น เช่น โทรทศั น์ ตูเ้ ยน็ เครอ่ื งปรบั อากาศ อาหารทะเล เป็น
ตน้

2) ตลาดสนิ ค้าสาหรบั ผู้ผลติ (Producer Goods Market) เป็นตลาดท่ซี ้อื ขายสนิ ค้าสาหรบั ผูผ้ ลติ
นาไปใช้ในกระบวนการผลติ สนิ ค้าสนองความต้องการของผูบ้ รโิ ภค เช่น ตลาดผา้ สาหรบั โรงงานเส้อื ผา้ สาเรจ็ รูป
ตลาดหนงั สตั วส์ าหรบั โรงงานรองเทา้ ตลาดเมด็ พลาสตกิ สาหรบั โรงงานผลติ ภณั ฑพ์ ลาสตกิ เป็นตน้

4. ตลาดตามลกั ษณะอาณาเขตของประเทศ สามารถแบง่ ได้ 2 ประเภท ดงั น้ี
1) ตลาดภายในประเทศ (Domestic Market) เป็นตลาดทผ่ี ผู้ ลติ ผลติ สนิ คา้ สาหรบั จาหน่ายภายใน

ประเทศหรอื เพอ่ื ทดแทนการนาเขา้ จากต่างประเทศ เช่น ผงซกั ฟอก สบู่ ยาสฟี ัน เป็นตน้
2) ตลาดต่างประเทศ (International Market) เป็ นตลาดท่ีผู้ผลิตผลิตสินค้าสาหรับจาหน่าย

ต่างประเทศ ซง่ึ ทุกประเทศจะปกป้องและคุม้ ครองผผู้ ลติ ในประเทศตนเองก่อน โดยใชม้ าตรการดา้ นภาษี
อากรโดยเกบ็ ภาษนี าเขา้ และมาตรการทไ่ี ม่ใช่ภาษอี ากรโดยกาหนดโควตาการนาเขา้ หรอื กดี กันการนาเขา้
กาหนดมาตรฐานและคุณภาพสินค้าท่ีจะนาเข้า การให้เงินอุดหนุน (Subsidy) แก่ผู้ผลิตในประเทศ
แต่ปัจจบุ นั ตามขอ้ ตกลงทวั่ ไปวา่ ดว้ ยการคา้ และภาษศี ุลกากร (General Agreement on Tariff and Trade : GATT)
มผี ลทาใหป้ ระเทศทเ่ี ป็นสมาชกิ ขององคก์ ารการคา้ โลก (World Trade Organization : WTO) ตอ้ งยกเลกิ
มาตรการกีดกนั ทางการค้าทไ่ี ม่ใช่ภาษอี ากร เช่น การยกเลกิ การบงั คบั ใชช้ ้นิ ส่วนทผ่ี ลติ ภายในประเทศ
เพอ่ื ใหเ้ กดิ เสรภี าพทางการคา้ ทาใหก้ ารแขง่ ขนั ทางการคา้ เป็นไปอยา่ งเสรี

5. ตลาดตามลกั ษณะเพศ ได้แก่ ตลาดสาหรบั สุภาพสตรี ผลติ ภณั ฑ์ท่จี าหน่าย เช่น เส้ือยกทรง
ผา้ อนามยั กระเป๋ าถือ รองเท้าผู้หญิง เป็นต้น และตลาดสาหรบั สุภาพบุรุษ ผลติ ภัณฑ์ท่ีจาหน่าย เช่น
เครอ่ื งโกนหนวด เสอ้ื กลา้ ม เป็นตน้

6. ตลาดตามลกั ษณะอายุ ไดแ้ ก่ ตลาดสาหรบั เดก็ ทารก ผลติ ภณั ฑท์ จ่ี าหน่าย เช่น ผา้ ออ้ ม นม เปล
ของเด็กเล่น เป็นต้น ตลาดสาหรบั คนวยั กลางคน และตลาดสาหรบั คนชรา ผลติ ภณั ฑ์ท่จี าหน่ าย เช่น
ลอ้ เขน็ ไมเ้ ทา้ เป็นตน้

7. ตลาดตามลกั ษณะรายได้ ได้แก่ ตลาดสาหรบั ผู้มรี ายได้น้อย ผลิตภณั ฑ์ทจ่ี าหน่าย จะมรี าคาถูกกว่า
ตลาดสาหรบั ผมู้ รี ายไดส้ งู เช่น นาฬกิ าไม่มยี ห่ี อ้ เทยี บกบั นาฬกิ ายห่ี อ้ โรเลก็ ซ์ หรอื รถยนต์ฮอนดา้ เทยี บกบั
รถยนตเ์ บนซ์ เป็นตน้

8. ตลาดตามลกั ษณะของเวลา สามารถแบง่ เป็น 2 ประเภท ดงั น้ี
1) ตลาดปัจจบุ นั (Present Market) เป็นตลาดทซ่ี อ้ื ขายแลกเปลย่ี นในปัจจบุ นั
2) ตลาดล่วงหน้า (Future Market) เป็นตลาดซง่ึ ทาการซอ้ื ขายกนั ในปัจจบุ นั แต่ตกลงส่งมอบสนิ คา้

ในภายหน้า

ขนาดของตลาด

ปัจจยั ทเ่ี ป็นตวั กาหนดขนาดของตลาดมดี งั น้ี
1. ความต้องการของผู้บริโภค ความต้องการของผู้บริโภคจะมีส่วนสาคญั ในการกาหนดขนาด
ของตลาดสาหรบั สนิ คา้ ชนิดใดชนิดหน่ึง เช่น ตลาดขา้ วย่อมกวา้ งกว่าตลาดเพชรพลอย เป็นต้น เน่ืองจาก
ขา้ วเป็นสนิ คา้ ทจ่ี าเป็นในการดารงชวี ติ ประจาวนั สาหรบั ผบู้ รโิ ภค
การเลียนแบบพฤติกรรมของผู้บริโภคยังสามารถกาหนดขนาดของตลาดให้กว้างข้ึนได้ เช่น
การเลยี นแบบในการบรโิ ภคอาหารประเภท Fast Food การเลยี นแบบในการใชโ้ ทรศพั ทม์ อื ถอื เป็นตน้
2. การให้เครดิตหรือสินเชื่อเพ่ือการบริโภค จะทาให้ผูบ้ รโิ ภคมคี วามต้องการเพมิ่ ข้นึ เป็นผลให้
ตลาดกว้างข้นึ เช่น การให้สินเช่ือเพ่อื ท่อี ยู่อาศยั และการขายสนิ ค้าระบบเงินผ่อน การใช้บตั รเครดิต
ในการซอ้ื สนิ คา้ เป็นตน้

3. การคมนาคม การนาสินค้าจากแหล่งผลิตไปยังผู้บริโภคนัน้ ผู้ผลิตต้องเสียค่าขนส่งไม่ว่าจะ
เป็นค่าขนส่งทางบก ทางน้า หรอื ทางอากาศ ซง่ึ ขน้ึ อยู่กบั ลกั ษณะของสนิ ค้า หากสนิ คา้ เน่าเสยี ง่ายหรอื
น้าหนกั มาก ใชพ้ น้ื ทน่ี ้อยกต็ อ้ งใชก้ ารขนสง่ ทางอากาศ ทาใหเ้ สยี ค่าขนสง่ สงู ค่าขนส่งจะไปจากดั ขนาดของ
ตลาดสินค้าชนิดนัน้ ให้แคบลง ทางเลือกของผู้ผลิตก็คือ หาวิิีการท่ีจะทาให้เสียค่าขน ส่งต่าลงหรือ
ย้ายโรงงานมาตงั้ ใกล้แหล่งตลาด ซ่งึ อาจมปี ัญหาต้องไกลจากแหล่งวตั ถุดบิ ดงั นัน้ ผูผ้ ลิตต้องตดั สนิ ใจ
เลอื กทาเลทต่ี งั้ โรงงานโดยจะเลอื กใกลแ้ หลง่ ตลาดหรอื วตั ถุดบิ

4. ลกั ษณะของสินค้า สินค้าบางประเภทมีตลาดจากัดเพราะลักษณะของสินค้านัน้ ๆ เป็นเห ตุ
ใหข้ ยายตลาดไดย้ าก คอื

1) สนิ คา้ ทเ่ี ป็นของเสยี ง่าย สนิ คา้ บางประเภท เช่น ผลติ ผลทางการเกษตรจาพวกผกั สด ผลไมส้ ด
รวมทงั้ กุ้ง ปู ปลา และหอยสด เป็นต้น โดยทวั่ ไปตลาดจะแคบกว่าสนิ ค้าประเภทอ่นื เพราะเน่า เสยี ง่าย
ไม่สามารถส่งไปจาหน่ายไกลๆ ได้ แต่ปัจจุบนั ได้มเี ทคโนโลยกี ารถนอมอาหารให้ดูใหม่และสดเสมอเขา้ มาช่วย
เชน่ การทาเป็นอาหารแชแ่ ขง็ หรอื อาหารกระป๋ อง หรอื ใชร้ ะบบการขนสง่ ทม่ี หี อ้ งเยน็ เป็นต้น

2) สนิ คา้ ทเ่ี คลอ่ื นไหวไมส่ ะดวก สนิ คา้ บางประเภทมตี ลาดจากดั เพราะเคลอ่ื นทไ่ี มไ่ ด้ หรอื ไมส่ ะดวก
เช่น ทด่ี นิ การผลติ น้าประปาหรอื ไฟฟ้า เป็นตน้

3) สินค้าประเภทแรงงาน แรงงานประเภทไม่มีฝีมือ (Unskilled Labour) มักมีตลาดจากัด
เน่อื งจากขาดความชานาญ

5. นโยบายของรฐั บาล รฐั บาลสามารถใช้นโยบายทางด้านภาษีอากรเพ่อื ขยายตลาดหรอื จากัด
ขนาดของตลาด เชน่ การเพม่ิ ภาษสี รรพสามติ สรุ าหรอื บหุ ร่ี จะทาใหต้ ลาดสรุ าและบหุ รแ่ี คบลง เป็นตน้

6. นโยบายของผู้ผลิต บางครงั้ ผู้ผลิตต้องการขยายตลาดให้กว้างข้นึ จึงใช้กลยุทิ์การส่งเสริม
การขายโดยลดราคาซง่ึ จะทาใหต้ ลาดกวา้ งขน้ึ

หน้าท่ีของตลาด

หน้าท่ีของตลาดครอบคลุมตัง้ แต่ขนั้ ตอนการจัดหาปัจจัยการผลิตเข้าสู่กระบวนการผลิตจนได้
ผลติ ภณั ฑห์ รอื สนิ คา้ และส่งผ่านพ่อคา้ คนกลางไปสู่มอื ผูบ้ รโิ ภค หรอื อาจจะเรม่ิ จากหาผู้บรโิ ภคก่อนแล้ว
จงึ ดาเนินการผลติ เพ่อื สนองความต้องการของผู้บรโิ ภค อย่างไรก็ตาม หน้าท่ขี องตลาดจะครอบ คลุม
ในเรอ่ื งต่างๆ ดงั น้ี

1. จดั หาสินค้า โดยจัดหาสินค้าหรอื บริการท่ีมคี ุณภาพจากแหล่งต่างๆ เพ่ือแสวงหากาไร โดย
ประมาณการเก่ียวกับอุปสงค์และการคาดคะเนเหตุการณ์ด้านอุปทาน ผู้ท่ีมบี ทบาทในการจดั หาหรือ
ซอ้ื สนิ คา้ ไดแ้ ก่ ผปู้ ระกอบการ นายหน้าตวั แทน และผบู้ รโิ ภค

2. การเกบ็ รกั ษาสินค้า เน่ืองจากสนิ คา้ บางอย่างต้องเก็บรกั ษาไวร้ ะยะหน่ึงก่อนทจ่ี ะนาออกส่ตู ลาด
เพ่อื ให้สนิ ค้ามคี ุณภาพดแี ละเหมาะสมกับการบรโิ ภคมากข้นึ เช่น สุรา ใบยาสูบ เนยแขง็ และการทยอยสนิ ค้า
ออกขายเพ่อื รกั ษาราคาสนิ ค้าใหม้ นั่ คง ถ้าพจิ ารณาในแง่การผลติ และการบรโิ ภคแล้ว จะเหน็ ว่าการผลติ
ทางเกษตรกรรมหรอื อุตสาหกรรมบางอย่างในปีหน่ึงผลติ ไดช้ วั่ คราวเท่านัน้ แต่ผูบ้ รโิ ภคมีความต้องการ
ตลอดปี หรอื ในบางกรณีผู้บรโิ ภคมีอุปสงค์ตามฤดูกาลแต่การผลิตทาได้ตลอดปี หรือหากมองในแง่
การขนสง่ จะเหน็ วา่ ถา้ ขนสง่ สนิ คา้ คราวละมากๆ นามาเกบ็ ไวย้ อ่ มเสยี คา่ ใชจ้ า่ ยต่ากวา่ การขนสง่ สนิ คา้ เพยี ง
เลก็ น้อยตามความตอ้ งการแต่ละคราว

3. การขายสินค้า การขายสินค้าหรือการเพิ่มอุปสงค์ในปัจจุบันซ่ึงมีการผลิตขนาดใหญ่ นับว่า
มคี วามยุ่งยากและสน้ิ เปลอื งค่าใชจ้ า่ ย เพราะตอ้ งดาเนินงานหลายอย่างเพอ่ื แนะนาชกั จูงใหผ้ บู้ รโิ ภคสนใจ
สนิ ค้า เช่น จดหมายโต้ตอบเสนอของตวั อย่าง การจดั นิทรรศการ และการโฆษณาสนิ ค้า เป็นต้น ดงั นัน้ หน้าท่ี
ดา้ นการขายของการตลาดนอกจากจะจาหน่ายสนิ คา้ โดยตรงแลว้ ยงั จะตอ้ งดาเนนิ การดงั ต่อไปน้ีดว้ ย คอื

1) วางแผนการผลติ เพ่อื ปรบั ปรุงสนิ ค้าให้มคี ุณภาพดี มขี นาดหบี ห่อ ตรายห่ี อ้ ท่ีสวยงามสะดุดตา
ลกู คา้ เพอ่ื สง่ เสรมิ การขาย

2) เข้าถึงผู้ซ้ือด้วยการแบ่งเขตตลาด จัดกลุ่มผู้บริโภค เลือกวิิีการจาหน่ายและ เลือกสรร
พนกั งานขายเพอ่ื ใหเ้ ขา้ ถงึ จติ ใจของผซู้ อ้ื

3) เสริมสร้างอุปสงค์ด้วยการศึกษาวิจัยความต้องการของผู้อุปโภคบริโภค และคาดคะเน
เก่ียวกบั อุปสงค์ของตลาด แล้วดาเนินการใช้ส่อื คมนาคมหรอื ข่าวสารโฆษณาให้ประชาชนสนใจสินค้า
ทผ่ี ลติ ได้ ทเ่ี รยี กวา่ “การสง่ เสรมิ การขาย” (Sales Promotion)

4) กาหนดราคาสนิ คา้ เพอ่ื หยงั่ ดูว่าสนิ คา้ นนั้ จะสามารถทารายไดค้ ุม้ กบั ค่าใช้จ่ายมากน้อยเพยี งใด
โดยมีวัตถุประสงค์ในการจาหน่ายแต่ละครัง้ มากท่ีสุด ทัง้ น้ีย่อมข้ึนอยู่กับเง่ือน ไขหลายประการ
เชน่ คุณภาพของสนิ คา้ สภาวะการตลาด การแขง่ ขนั และอน่ื ๆ

4. การกาหนดมาตรฐานสินค้า หมายถึง การกาหนดรูปลกั ษณะคุณสมบตั ิหรือแบบของสนิ ค้า
แล้วคดั เลือกสนิ ค้าทม่ี มี าตรฐานเดียวกนั เข้าไว้ในกลุ่มเดยี วกัน รวมทงั้ การแยกขนาดสนิ ค้า (Grading)
ขนาดเดยี วกนั เขา้ ไวด้ ว้ ยกนั ดงั นัน้ การกาหนดมาตรฐานจงึ อาจใชม้ าตรการหลายอย่างตามประเภทของ
สนิ คา้ เช่น ใชน้ ้าหนกั กาหนดขนาดและรปู รา่ ง หรอื สว่ นประกอบทางเคมี เป็นตน้ การกาหนดมาตรฐานของ
สนิ คา้ น้รี ฐั บาลหรอื องคก์ รต่างๆ มกั เป็นผกู้ าหนดมาตรฐานของสนิ คา้ ใหก้ บั ผผู้ ลติ ในกรณีของประเทศไทย
กค็ อื สานักงานมาตรฐานผลติ ภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม โดยจดั ทา “เคร่อื งหมายมาตรฐาน” ตดิ บนสนิ ค้าซง่ึ เป็น
เคร่ืองหมายแสดงคุณภาพของสนิ ค้าท่ีรบั รองมาตรฐานเพ่อื คุ้มครองผู้บริโภค และสนับสนุน ผู้ผลิตท่ี
ต้องการรกั ษาช่ือเสียงในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ให้สามารถแข่งขนั กับสนิ ค้าราคาถูกแต่คุ ณภาพต่า
ไดอ้ ยา่ งเป็นิรรม

5. การจดั การด้านการเงิน เน่ืองจากการตลาดมหี น้าทเ่ี ก่ยี วกบั การรกั ษาสนิ ค้า การขนส่ง และการเส่ียงภยั
ทาให้ตลาดต้องมีเงนิ ทุนหมุนเวียน มีเครดิต และิุรกิจทางการเงนิ เพ่อื ให้ตลาดทาหน้าท่ีได้กว้างขวางยงิ่ ข้นึ
หรอื การค้าบางอย่างเป็นไปตามฤดูกาลทาให้ต้องใช้เงนิ ลงทุนจานวนมากในระยะสนั้ สงิ่ เหล่ าน้ีตลาด
จงึ ตอ้ งมสี ถาบนั การเงนิ หรอื ินาคารเพอ่ื ใหก้ ารกยู้ มื ในระยะสนั้ หรอื ระยะยาว

6. การป้ องกันการเส่ียงภัย ตลาดย่อมต้องเส่ียงภัยเก่ียวกับสินค้าสูญหาย อัคคีภัย อุทกภัย
การโจรกรรม มูลค่าสนิ ค้าตกต่าเน่ืองจากภาวะตลาดเปลย่ี นแปลง และการเสย่ี งภยั เน่ืองจากการขายเช่อื
(หน้สี ญู ) โดยทวั่ ไปอาจป้องกนั การเสย่ี งภยั หรอื ลดการเสย่ี งภยั ใหน้ ้อยลงได้ 2 วิิ ี คอื

1) จดั หามาตรการป้องกนั เช่น ติดตงั้ อุปกรณ์ดบั เพลงิ ใช้วตั ถุเคมปี ้องกนั สนิ ค้าเส่อื มคุณภาพ เป็นต้น
นอกจากน้อี าจอาศยั ความรใู้ นเรอ่ื งการพยากรณ์ดนิ ฟ้าอากาศ สถติ ติ วั เลขต่างๆ เพอ่ื ปรบั ปรุงวิิ กี ารป้องกนั
การเสย่ี งภยั ใหด้ ยี ง่ิ ขน้ึ

2) โอนการเสย่ี งภยั ไปให้บุคคลอ่นื โดยเอาประกนั กบั บรษิ ทั ประกนั ภยั ซง่ึ อาจมหี ลายแบบ เช่น
ประกนั อคั คภี ยั ประกนั ภยั ทางิรรมชาติ และอ่นื ๆ ทงั้ น้ีผูเ้ อาประกนั ภยั ต้องเสยี เบ้ยี ประกนั ทาให้ต้นทุน
การผลติ สนิ คา้ สงู ขน้ึ และการเสย่ี งบางอยา่ งตอ้ งเสย่ี งมากกม็ กั ไมม่ บี รษิ ทั ประกนั เขา้ รบั การเสย่ี งหรอื ยอมรบั
โดยเรยี กคา่ ประกนั สงู เกนิ ไป

นอกจากน้ีในบางกรณี รฐั บาลอาจเขา้ ช่วยเหลอื ให้ความคุ้มครองการเสย่ี ง เช่น การประกันราคา
(Price Support) เพอ่ื เขา้ รบั ซอ้ื ผลผลติ เมอ่ื ราคาต่าเกนิ ไป

7. การขนส่ง การขนส่งถือว่าเป็นหน้าท่ีสาคัญของการตลาด เพราะการนาสนิ ค้าจากแหล่งผลิต
ไปส่มู อื ผบู้ รโิ ภคนัน้ ย่อมก่อใหเ้ กดิ ประโยชน์ อกี ทงั้ ยงั มผี ลใหม้ กี ารเคล่อื นยา้ ยสินคา้ จากโรงงานหรอื แหล่ง
ผลติ ไปตามวิิ กี ารจาหน่ายตามลาดบั เช่น ชาวนาขนส่งขา้ วเปลอื กไปโรงสี โรงสผี ลติ เป็นขา้ วสารขนส่ง
ให้พ่อค้าขายส่งจนถึงพ่อค้าขายปลีก และถึงมอื ผู้บรโิ ภคทวั่ ประเทศในท่สี ุด เป็นต้น ปั จจุบนั การขนส่ง
อาจทาไดก้ วา้ งขวางกวา่ ในอดตี สามารถขนสง่ ไดห้ ลายทาง คอื

1) การขนสง่ ทางบก ไดแ้ ก่ การขนสง่ ทางรถไฟ ทางรถยนต์ และทางทอ่ (Pipe-Lines)
2) การขนส่งทางน้า ได้แก่ การขนส่งทางลาน้าในผนื แผ่นดนิ และการขนส่งโพน้ ทะเลซ่ึงกระทา
โดยอาศยั เรอื ขนาดต่างๆ
3) การขนสง่ ทางอากาศ ไดแ้ ก่ การขนสง่ ทก่ี ระทาโดยใชอ้ ากาศยานขนาดต่างๆ

ตลาดในระบบเศรษฐกิจถ้าจะพจิ ารณาเร่อื งอานาจในการต่อรองของผู้บรโิ ภคและผู้ผลิตในตลา ด
หรือพิจารณาเร่อื งการแข่งขนั หรือผูกขาด สามารถแบ่งประเภทของตลาดได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่
ตลาดท่ีมีการแข่งขันสมบูรณ์ (Perfect Competition Market) และตลาดท่ีมีการแข่งขันไม่สมบูรณ์
(Imperfect Competition Market)

1. ตลาดที่มีการแข่งขันสมบูรณ์ (Perfect Competition Market) ลักษณะเด่นของ การตลาด
ทม่ี กี ารแขง่ ขนั สมบรู ณ์ มดี งั น้ี

1) ผซู้ ้อื และผขู้ ายมจี านวนมาก หมายความว่า ผซู้ อ้ื จะต้องมจี านวนมากจนผซู้ ้ือคนใดคนหน่ึงไม่มี
อทิ ิพิ ลเหนือราคาตลาดในอนั ทจ่ี ะเปลย่ี นแปลงราคาสนิ ค้าได้ เพราะปรมิ าณเงนิ ในมอื ของผูซ้ ้ือแต่ละคน
น้อยมาก เม่อื เปรียบเทียบกับปรมิ าณเงินของผู้ซ้ือทงั้ หมดในตลาดรวมกันและผู้ขายก็มีจานวนมาก
จนผูข้ ายคนใดคนหน่ึงไม่มอี ทิ ิพิ ลทจ่ี ะเปล่ยี นแปลงราคาสนิ คา้ ดว้ ยการเพม่ิ หรอื ลดปรมิ าณสนิ ค้าทข่ี าย
เช่นเดยี วกนั เพราะผูข้ ายแต่ละคนมสี นิ ค้าเป็นจานวนเลก็ น้อย เม่อื เทยี บกบั ปรมิ าณสนิ ค้าทงั้ หมดทม่ี อี ยู่
ในตลาด ดว้ ยเหตุดงั กล่าวน้ี ราคาสนิ คา้ ในตลาดแข่งขนั สมบรู ณ์จงึ เป็นราคาตลาด (Market Price) ซง่ึ ถูก
กาหนดขน้ึ โดยอปุ สงคแ์ ละอปุ ทาน โดยกลไกราคา (Price Mechanism) จะทาหน้าทใ่ี นการจดั สรรทรพั ยากร
อยา่ งแทจ้ รงิ ทงั้ น้หี มายความวา่ ผขู้ ายจะตอ้ งไมร่ วมหวั กนั ซอ้ื สนิ คา้ กกั ตุนไวข้ ายแล้วขน้ึ ราคาตามใจชอบ

2) สนิ ค้าท่ซี ้อื ขายนัน้ มีลกั ษณะ คุณภาพ และมาตรฐานใกล้เคียงกนั มาก กล่าวคือมีสภาพของ
การใช้แทนกนั ได้อย่างสมบูรณ์ในทศั นะหรอื ในสายตาของผู้ซ้ือ หมายความว่า ไม่ว่าผู้ซ้ือจะซ้ือสนิ ค้า
ประเภทเดียวกันน้ีจากผู้ขายคนใด เขาก็จะได้รับความพอใจเหมือนกันหมด ถึงแม้ว่าช่ือสิน ค้าหรือ
เครอ่ื งหมายการคา้ จะแตกต่างกนั เชน่ ผงซกั ฟอกทกุ ชนดิ ในตลาดมคี ุณภาพเหมอื นกนั หรอื ในกรณีทส่ี นิ คา้
ไมไ่ ดม้ ลี กั ษณะเหมอื นกนั ทุกประการแต่กส็ ามารถจดั เขา้ มาตรฐานเดยี วกนั ได้

3) ผู้ซ้ือและผู้ขายมีความรู้เก่ียวกับสภาพการณ์ของตลาดเป็นอย่างดี โดยทราบถึงภ าวะและ
ความเป็นไปของตลาดอย่างสมบรู ณ์ คอื ทงั้ ผซู้ อ้ื และผขู้ ายจะมกี ารตดิ ต่อกนั อย่างใกลช้ ิดเม่อื พ่อคา้ คนใด
ข้นึ ราคาหรอื ลดราคาสินค้าของตนในตลาด ผู้ซ้ือและผู้ขายอ่ืนๆ จะทราบทันทีเพราะราคาของสินค้า
ชนิดเดยี วกนั ในตลาดแขง่ ขนั สมบรู ณ์จะมอี ยเู่ พยี งราคาเดยี วไมว่ า่ จะทาการซอ้ื ขาย ณ สว่ นใดของตลาด

4) การติดต่อซ้ือขายกระทาได้โดยสะดวกรวดเร็ว ในสมัยท่ีการส่ือสารโทรคมนาคมและการ
คมนาคมยงั ไมเ่ จรญิ กา้ วหน้า การซอ้ื ขายสนิ คา้ แต่ละครงั้ ผซู้ อ้ื และผขู้ ายจะตอ้ งมาพบปะเจรจาเพอ่ื ทาความ
ตกลงกนั ณ สถานทแ่ี ห่งใดแห่งหน่ึง แต่ในปัจจบุ นั การสอ่ื สารโทรคมนาคมและการคมนาคมไดเ้ จรญิ กา้ วหน้าขน้ึ มาก
นอกจากผซู้ ้อื และผขู้ ายจะสามารถทาการตดิ ต่อกนั ไดโ้ ดยสะดวกแลว้ ยงั ทาใหผ้ ซู้ ้อื และผขู้ ายทราบความเคล่อื นไหว
ของตลาดไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ ทนั ต่อเหตุการณ์อกี ดว้ ย

5) หน่วยิุรกจิ สามารถเขา้ หรอื ออกจากิุรกจิ การค้าไดโ้ ดยง่าย ตลาดประเภทน้ีจะไม่มขี ้อจากดั
หรอื ขอ้ กดี ขวางในการเขา้ มาประกอบิุรกจิ ของนักิรุ กจิ รายใหม่ หมายความว่า หน่วยิรุ กจิ (Firm) ใหม่ๆ
อาจเขา้ มาประกอบกจิ การแขง่ ขนั กบั หน่วยิรุ กจิ ทม่ี อี ยกู่ ่อนเมอ่ื ใดกไ็ ดห้ รอื ในทางตรงกันขา้ ม จะเลกิ กจิ การ
เมอ่ื ใดกไ็ ดเ้ ชน่ กนั

6) การเคล่อื นยา้ ยสนิ คา้ และปัจจยั การผลติ กระทาไดอ้ ย่างสมบูรณ์ คอื สามารถเคล่อื นยา้ ยสนิ คา้
และปัจจยั การผลติ จากสว่ นหน่งึ ไปยงั อกี สว่ นหน่งึ ของตลาดไดโ้ ดยสะดวก

อย่างไรก็ตาม ตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ก็เป็ นเพียงตลาดในอุดมคติเท่านัน้ ในโลกิุรกิจท่ีแท้จริง
จะหาตลาดทม่ี ลี กั ษณะดงั กล่าวครบถว้ นทุกประการไดย้ ากมาก หรอื แทบจะกล่าวไดว้ า่ ไมม่ เี ลย จะมอี ยบู่ า้ ง
กเ็ ป็นเพยี งตลาดทใ่ี กลจ้ ะสมบรู ณ์เทา่ นนั้ เช่น ตลาดหนุ้ หรอื ตลาดสนิ คา้ ทส่ี ามารถส่งออกจาหน่ายไดท้ วั่ โลก
ไดแ้ ก่ ตลาดสนิ คา้ หลกั ทางเกษตร

2. ตลาดท่ี มีการแข่งขันไม่สมบูรณ์ (Imperfect Competition Market) ลักษณะโดยทัว่ ไป
ของตลาดท่มี กี ารแข่งขนั ไม่สมบูรณ์ก็คอื สนิ ค้ามคี วามแตกต่างกนั จนไม่สามารถนามาใช้ทดแทนกนั ได้
อย่างสมบูรณ์ มคี ุณภาพ หรอื มาตรฐานแตกต่างกนั จนทาใหผ้ ซู้ อ้ื เกดิ ความพอใจในสนิ คา้ ของผูผ้ ลติ คนใด
คนหน่ึงมากกว่า ส่วนจานวนผูซ้ ้อื และผูข้ ายนัน้ ไม่จาเป็นเสมอไปว่าจะต้องมจี านวนมากมายอย่างตลาด
แขง่ ขนั สมบรู ณ์ อย่างไรกด็ ี ผขู้ ายแต่ละคนกค็ งจาหน่ายสนิ คา้ เป็นจานวนน้อย เมอ่ื เทียบกบั ปรมิ าณสนิ คา้
ทงั้ หมดทเ่ี สนอขายในตลาด แต่ถงึ กระนัน้ ผขู้ ายแต่ละรายกม็ อี ทิ ิพิ ลอย่บู า้ งในอนั ท่ีจะกาหนดราคาสนิ ค้า
ตามส่วนท่ตี นจาหน่าย และการกาหนดราคาจะทาได้มากน้อยเพยี งใดนัน้ ข้นึ อยู่กบั สภาวะแวดล้อมเป็น
กรณีๆ ไป ความจรงิ แลว้ ตลาดทม่ี กี ารแขง่ ขนั ไม่สมบูรณ์ เป็นเพราะมลี กั ษณะของการผกู ขาด (Monopoly)
แอบแฝงอยู่ หรอื กล่าวอกี นัยหน่ึงกค็ อื เป็นตลาดทม่ี ลี กั ษณะผสมผสานระหว่างการแขง่ ขันกบั การผูกขาด
นนั่ เองและอาจจาแนกตลาดทม่ี กี ารแข่งขนั ไม่สมบูรณ์ออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คอื ตลาดผูกขาดแทจ้ รงิ
ตลาดผขู้ ายน้อยราย และตลาดกง่ึ แขง่ ขนั กง่ึ ผกู ขาด

1) ตลาดผูกขาดแท้จริง (Pure Monopoly) คือ ตลาดท่ีมีผู้ขายเพียงคนเดียวผูกขาดในการ
ขายสนิ คา้ ทม่ี ลี กั ษณะเหมอื นกนั ทุกประการสาหรบั สนิ คา้ แต่ละหน่วยทน่ี าออกขาย แต่แตกต่างกบั สนิ ค้า
ของผอู้ ่นื อย่างสน้ิ เชงิ และไม่มสี นิ คา้ อ่นื ทจ่ี ะสามารถใชแ้ ทนสนิ คา้ ดงั กล่าวได้ การทผ่ี ผู้ ลติ หรอื ผขู้ ายมเี พยี ง
รายเดยี วน้ีเองจงึ เท่ากบั เป็นผู้ผูกขาด และผู้ผูกขาดน้ีมอี ิทิพิ ลมากในการควบคุมปรมิ าณการผลติ และ
การกาหนดราคา ซง่ึ อานาจในการผูกขาดของผู้ผลติ หรอื ผูข้ ายน้ีอาจได้มาโดยมกี ฎหมายรองรบั แต่อย่างไรก็ตาม
อานาจควบคุมปรมิ าณการผลติ และการกาหนดราคาทงั้ สองประการน้ีจะกระทาพรอ้ มกนั ไม่ได้ ก ล่าวคอื
ถ้าต้องการขายสนิ ค้าให้ได้จานวนมากก็จะกาหนดราคาให้สูงตามท่ตี ้องการไม่ได้ และในทาง กลบั กัน
ถ้าต้องการกาหนดราคาให้สูงก็ไม่สามารถกาหนดปริมาณขายตามจานวนท่ีต้องการได้ ด้วยเห ตุน้ี
การเปลย่ี นแปลงราคาสนิ คา้ ชนิดอ่นื ๆ จงึ ไม่มอี ทิ ิพิ ลทจ่ี ะมาเปลย่ี นแปลงปรมิ าณการขายของผทู้ ม่ี อี านาจ
ผูกขาดแท้จรงิ เช่น การผูกขาดการผลติ บุหรข่ี องโรงงานยาสูบกระทรวงการคลงั การผลติ ไฟฟ้า ประปา
ซง่ึ เป็นรฐั วสิ าหกจิ ผกู ขาดของรฐั บาล เป็นตน้

2) ตลาดผขู้ ายน้อยราย (Oligopoly) ตลาดประเภทน้ีจะมผี ผู้ ลติ หรอื ผขู้ ายจานวนประมาณ 3-4 ราย
ท่ีผลิตสินค้าเป็นส่วนใหญ่ของตลาด มักเป็ นสินค้าจาพวกอุตสาหกรรมหนัก เช่น การผลิตร ถยนต์
การผลติ เหลก็ กล้า การต่อเรอื เดนิ ทะเล โรงกลนั่ น้ามนั เป็นต้น ลกั ษณะเด่นของตลาดทม่ี ีผูข้ ายน้อยราย
ไดแ้ ก่ มจี านวนหน่วยิรุ กจิ น้อยในตลาด ดงั นนั้ ตลาดประเภทน้ีจงึ มรี ะดบั ราคาไล่เลย่ี กัน เพราะผผู้ ลติ หรอื
ผขู้ ายจะมกี ารรว่ มมอื กนั ตงั้ ราคาเพอ่ื รกั ษาผลประโยชน์รว่ มกนั และถา้ ผขู้ ายรายใดลดราคาสนิ คา้ ของตนลง
คแู่ ขง่ ขนั มกั โตต้ อบโดยการแขง่ ขนั ลดราคาดว้ ย

3) ตลาดก่ึงแข่งขันก่ึงผูกขาด (Monopolistic Competition) เป็ นตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์
ท่มี ผี ู้ขายจานวนมาก สนิ ค้าท่ขี ายแม้จะมลี ักษณะคล้ายคลึงกันมาก แต่ก็ยงั สามารถทาให้แตกต่างกัน
โดยใชย้ ห่ี อ้ ใหต้ ่างกนั ออกแบบการบรรจุหบี ห่อใหต้ ่างกนั หรอื ใชว้ ิิ โี ฆษณาเพอ่ื ใหผ้ ู้ซอ้ื เหน็ ว่าแตกต่างกนั
เช่น สนิ คา้ จาพวกยาสฟี ัน ผงซกั ฟอก น้ามนั รถยนต์ เป็นต้น เม่อื ผูซ้ ้อื ตดิ ใจในคุณภาพของสนิ คา้ นัน้ แลว้
ผขู้ ายกส็ ามารถกาหนดราคาสนิ ค้าของตนเองได้ ทงั้ ๆ ทผ่ี ขู้ ายในตลาดชนิดน้ีตอ้ งทาการแข่งขนั กบั ผขู้ าย
รายอ่นื ดงั นัน้ ตลาดก่งึ แข่งขนั ก่งึ ผูกขาดจงึ มลี กั ษณะบางอย่างคล้ายคลงึ กบั ตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ และ
ลกั ษณะบางอยา่ งคลา้ ยตลาดผกู ขาด

ลกั ษณะเด่นของตลาดก่ึงแขง่ ขนั กึ่งผกู ขาด มดี งั น้ี
ก. มผี ขู้ ายหรอื หน่วยิรุ กจิ ต่างๆ เป็นจานวนมาก แต่ผปู้ ระกอบิุรกจิ แต่ละรายมสี ัดสว่ นในการขาย
ในตลาดเพยี งเลก็ น้อย
ข. มสี นิ คา้ และบรกิ ารจานวนมากในตลาด แต่สนิ คา้ และบรกิ ารนัน้ จะมคี วามแตกต่างกนั ในสายตา
ของผซู้ อ้ื ทงั้ ในดา้ นคณุ ภาพ หบี หอ่ การโฆษณา และอน่ื ๆ
การท่ผี ู้ขายหรอื ผู้ประกอบิุรกิจสามารถทาให้มคี วามแตกต่างกนั ในสายตาของผู้ซ้ือ ทงั้ ในด้าน
คุณภาพ หบี ห่อและการโฆษณา จงึ มกั ก่อให้เกดิ การรวมตวั กนั ในกลุ่มผูข้ ายเป็นกลุ่มต่างๆ ทาให้ผูข้ าย
สามารถควบคุมราคาสนิ คา้ ของตนเองได้ ตวั อย่างของตลาดกง่ึ แข่งขนั กง่ึ ผูกขาด ไดแ้ ก่ การขายปลกี ซง่ึ มี
ผขู้ ายจานวนมาก เชน่ ศนู ยก์ ารคา้ หา้ งสรรพสนิ คา้ เป็นตน้

ผลของการแข่งขนั
1. ผลดีของการแข่งขนั ทางด้านเศรษฐกิจส่วนรวมถือว่าการแข่งขนั จะเป็นผลดีกว่าการผูกขาด

เพราะการแขง่ ขนั จะก่อผลดดี งั น้ี
1) ผลดที างด้านการจดั สรรทรพั ยากร เน่ืองจากทรพั ยากรมจี ากดั แต่ความต้องการของผู้บรโิ ภค

มมี ากมายไม่จากดั การแข่งขนั ผลติ สนิ ค้าโดยอาศยั กลไกราคาจะกระตุ้นใหผ้ ูผ้ ลติ รายใหม่เขา้ มาแข่งขนั
เป็นผลใหม้ กี ารใชท้ รพั ยากรอยา่ งมปี ระสทิ ิภิ าพและเพมิ่ อปุ ทานในสนิ คา้ ทผ่ี บู้ รโิ ภคตอ้ งการ

2) ผลดใี นดา้ นผบู้ รโิ ภค การแขง่ ขนั จะทาใหเ้ หลอื แต่ผผู้ ลติ ทม่ี ปี ระสทิ ิภิ าพในการผลติ สงู เป็นผลให้
ในราคาตลาดมสี นิ คา้ ทม่ี คี ณุ ภาพและขายในราคาต่าลง อนั จะเป็นผลดตี ่อผบู้ รโิ ภคทวั่ ไป

3) ผลดีในด้านเทคโนโลยีการผลิต เน่ืองจากการแข่งขนั กระตุ้นให้ผู้ผลิตต้องหาทางปรับปรุง
ประสทิ ิภิ าพการผลติ เพ่อื ลดต้นทุน และให้สามารถแข่งขนั กับผู้ผลติ รายอ่นื ได้ การแข่งขันจงึ ช่วยให้มี
การประดิษฐ์คิดค้นเทคโนโลยีการผลิตและนวตั กรรม (Innovation) ใหม่ๆ เช่น มีการแบ่งงานกันทา
มกี ารใช้ยางเทยี มแทนยางิรรมชาติ มกี ารใช้พลาสตกิ แทนวสั ดุอ่นื ๆ มกี ารใช้ระบบการจดั การค วบคุม
คณุ ภาพ (Quality Control Management : Q.C.M.) ในการผลติ สนิ คา้ ใหม้ คี ุณภาพสงู เป็นตน้

2. ผลเสียของการแข่งขนั การแข่งขนั อย่างรุนแรงเกินความจาเป็น และการแข่งขนั กันส่งเสรมิ
การขายและการโฆษณาสนิ คา้ เพอ่ื มงุ่ เพม่ิ ยอดขายของผผู้ ลติ อาจก่อผลเสยี ดงั น้ี

1) ผลเสยี ในด้านการใช้ทรพั ยากร เน่ืองจากผู้ผลติ ต่างมุ่งกาไรสูงสุด และสนิ ค้าท่ีมผี ลกาไรสูง
ส่วนมากเป็นสนิ ค้าฟุ่มเฟือย เช่น กิจการไนต์คลับ ภัตตาคาร การตัง้ ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ กิจการ
สนามกอล์ฟหรอื กิจการโรงแรม เป็นต้น จงึ มกี ารใช้ทรพั ยากรจานวนมากไปทางด้านการผลิตสินค้า
ฟุ่มเฟือย ส่วนกจิ การสาิารณูปโภค เช่น ประปา ไฟฟ้า โทรศพั ท์ ทางหลวง สะพาน การคมนาคมขนส่ง
กจิ การเหล่าน้ีผผู้ ลติ ภาคเอกชนมกั ไม่สนใจลงทุนทาการผลติ เพราะต้องใชเ้ งนิ ทุนสงู ผลตอบแทนต่า และ
ไดร้ บั คนื ในระยะยาว

2) ผลเสยี ในด้านการบรโิ ภค การแข่งขนั กนั อาจมผี ลให้ผู้ผลติ ลดต้นทุนการผลิต โดยใช้วตั ถุดบิ
หรอื กรรมวิิ กี ารผลติ ทด่ี อ้ ยคุณภาพ และเพมิ่ ยอดขายโดยใชท้ ุนทางดา้ นการโฆษณาสงู ซง่ึ จะเป็นผลเสยี
ต่อผบู้ รโิ ภค เพราะอาจหลงเชอ่ื การโฆษณาทเ่ี กนิ ความเป็นจรงิ และใชส้ นิ คา้ ทม่ี คี ณุ ภาพต่า

3) ผลเสียในด้านการลงทุน การแข่งขันอย่างรุนแรงในลักษณะมือใครยาวสาวได้สาวเอา
มกี ารตัดราคาขายอย่างรุนแรง ถ้าการแข่งขนั ระดบั ประเทศ ก็คอื การทุ่มตลาด (Dumping) ซ่งึ ในทส่ี ุด
จะเหลือผู้ผลติ รายใหญ่ๆ น้อยราย ซ่งึ อาจนาไปสู่การผูกขาดได้ และผู้ผลติ รายย่อยในประเ ทศท่กี าลงั
พฒั นาอาจหมดโอกาสท่จี ะเขา้ ไปแข่งขนั ในตลาดได้ ในกรณีเช่นน้ี อาจเป็นผลเสยี ต่อการระดมทุนเพ่อื
พฒั นาเศรษฐกจิ ของประเทศได้

ผลของการผกู ขาด

การผูกขาดมักได้รับการตาหนิว่าเป็ นผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตาม การผูกข าด
ในการผลติ สนิ คา้ บางอย่างทจ่ี าเป็นต่อการดารงชวี ติ ของประชาชน เช่น สาิารณูปโภค และสนิ คา้ พน้ื ฐาน
ทางเศรษฐกจิ (Infrastructure) ยอ่ มก่อใหเ้ กดิ ผลดตี ่อเศรษฐกจิ สว่ นรวมดงั น้ี

1. ผลดีของการผกู ขาด กิจการบางอย่างท่ภี าครฐั บาลเป็นผู้ผูกขาดการผลติ จะก่อให้เกิดผลดีต่อ

สว่ นรวมดงั น้ี
1) ผลดใี นดา้ นคณุ ภาพของทรพั ยากรมนุษย์ สนิ คา้ ประเภทบรกิ ารประชาชน เช่น การจดั การศึกษา

ภาคบงั คบั การจดั หาสถานทศ่ี กึ ษาเล่าเรยี น การสาิารณสุข การสงั คมสงเคราะห์ และการจดั หาสถานท่ี
พกั ผอ่ นหย่อนใจ เหล่าน้ีเป็นสนิ คา้ และบรกิ ารทป่ี ระชาชนผยู้ ากจนตอ้ งการในราคาถูก แต่ถ้าใหภ้ าคเอกชน
ดาเนินการอาจไม่สนใจหรอื ผลติ ขายในราคาสูงเกนิ ไป รฐั บาลจงึ ต้องเขา้ ไปเป็นผูผ้ ูกขาด เพ่ือดาเนินการ
ผลติ สนิ ค้าและบรกิ ารเหล่าน้ีสนองความต้องการของผูบ้ รโิ ภคทย่ี ากจนให้ได้ทวั่ ถงึ ในการท่ีจะเสรมิ สรา้ ง
คุณภาพของทรพั ยากรมนุษย์

2) ผลดใี นด้านควบคุมการบรโิ ภคบางอย่าง การบรโิ ภคสนิ คา้ บางอย่างมากเกนิ ไป อาจมผี ลเสีย
ต่อสขุ ภาพอนามยั ของประชาชน เช่น การบรโิ ภคสุรา ยาสบู สลากกนิ แบ่งรฐั บาล เป็นตน้ รฐั บาลจึงเขา้ ไป
ผกู ขาดการผลติ สนิ คา้ เหล่าน้เี พอ่ื จากดั ปรมิ าณการบรโิ ภคและควบคมุ การผลติ ใหไ้ ดค้ ุณภาพ

3) ผลดีในด้านการผลิตสินค้าพ้ืนฐานทางเศรษฐกิจ เช่น การสร้างทางหลวง การสร้างเข่อื น
กิจการผลิตกระแสไฟฟ้า ประปา เหล่าน้ีเป็นกิจการท่ตี ้องใช้ทุนจานวนมาก แต่อาจได้รบั ผลตอบแทน
ในอตั ราต่าและไดร้ บั ทุนคนื ในระยะยาว ภาคเอกชนอาจไม่สนใจลงทุนหรอื ผลติ ออกขายในราคาสงู เกินไป
แต่เป็นสง่ิ จาเป็นในการพฒั นาประเทศ รฐั บาลของประเทศต่างๆ จงึ ตอ้ งเขา้ ไปผกู ขาดดาเนินการผลติ เพอ่ื ให้
ประเทศมสี นิ คา้ พน้ื ฐานทางเศรษฐกจิ อยา่ งเพยี งพอ

2. ผลเสียของการผกู ขาด การผกู ขาดมผี ลเสยี ดงั น้ี
1) ผลเสยี ในด้านการจดั สรรทรพั ยากร เม่อื ผผู้ ลติ สามารถผูกขาดการผลติ สนิ ค้า ย่อมทาใหผ้ ผู้ ลติ

สามารถเลอื กซอ้ื ปัจจยั การผลติ ไดอ้ ย่างเสรี ไมจ่ าเป็นตอ้ งใชป้ ัจจยั การผลติ ไปในทางทม่ี ีประสทิ ิภิ าพสงู สุด
ผผู้ ลติ อาจใชว้ ตั ถดุ บิ ทด่ี อ้ ยคุณภาพและใชแ้ รงงานทม่ี คี ุณภาพต่า

2) ผลเสยี ในดา้ นการบรโิ ภค ผบู้ รโิ ภคอาจตอ้ งซอ้ื สนิ คา้ ราคาแพงและมคี ุณภาพต่า เพราะเมอ่ื ผผู้ ลติ
สามารถผูกขาดโดยไม่มีคู่แข่งขันได้แล้ว เขาอาจไม่สนใจปรับปรุงวิิีการผลิตและมุ่งกาไร สูงสุด
โดยการตงั้ ราคาขายใหส้ งู

3) ผลเสยี ในดา้ นการขยายการลงทุน เน่ืองจากผผู้ กู ขาดเป็นผคู้ รองตลาดแต่เพยี งผเู้ ดียว จงึ ทาให้
สามารถขายสนิ ค้าของตนได้เสมอ ไม่ว่าสนิ ค้านัน้ จะด้อยคุณภาพหรอื มรี าคาแพง การผูกขาดจึงทาให้การผลิต
ไมเ่ ตม็ ตามกาลงั ผลติ ทม่ี อี ยู่ อุตสาหกรรมขาดเสถยี รภาพ ส่วนผผู้ ลติ รายใหมก่ ไ็ มม่ โี อกาสทจ่ี ะเขา้ มาลงทุน
ทาการผลติ แข่งขนั กบั ผูผ้ ูกขาดได้ เม่อื การผลติ มไิ ด้กระทาอย่างเต็มท่ี และการลงทุนใหม่ๆ มไิ ด้เพม่ิ ข้นึ
ตวั เลขผลติ ภณั ฑป์ ระชาชาตเิ บอ้ื งตน้ (GNP) จงึ น้อยกวา่ ทค่ี วรจะเป็น


Click to View FlipBook Version