The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by somsawaeng, 2024-03-05 03:58:47

แบบรายงานวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning)

แบบรายงานวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ-ครูเสาวลักษณ์

แบบรายงานวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 1


แบบรายงานวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 1 แบบรายงานวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ปีการศึกษา 2566 (ประเภท ครูผู้สอน) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองคาย เขต 2 ชื่อผู้นำเสนอ นางสาวเสาวลักษณ์ ธนราช โรงเรียน บ้านหนองกุ้ง อำเภอ โพนพิสัย จังหวัด หนองคาย ประเภทของนวัตกรรม ด้านทักษะวิชาการ ชื่อผลงาน การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) โดยใช้วิธีการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้(5E) กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 1. ความสำคัญของนวัตกรรม/วิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) นวัตกรรมมีความสำคัญต่อการศึกษาหลายประการ ทั้งนี้เนื่องจากในโลกยุคโลกาภิวัตน์ (Globalization) มีการเปลี่ยนแปลงในทุกด้านอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความก้าวหน้าทั้งด้าน เทคโนโลยีและสารสนเทศ การศึกษาจึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงจากระบบการศึกษาที่มีอยู่เดิม เพื่อให้ทันสมัยต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป อีกทั้งเพื่อแก้ไขปัญหา ทางด้านการศึกษาบางอย่างที่เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงทางด้านการศึกษา จึงจำเป็นต้องมีการศึกษาเกี่ยวกับนวัตกรรมการศึกษาที่จะนำมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาทางด้านการศึกษาในบาง เรื่อง เช่น ปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับจำนวนผู้เรียนที่มากขึ้น การพัฒนาหลักสูตรให้ทันสมัย การผลิตและพัฒนา สื่อใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อตอบสนองการเรียนรู้ของมนุษย์ให้เพิ่มมากขึ้นด้วยระยะเวลาที่สั้นลง การใช้นวัตกรรม มาประยุกต์ในระบบการบริหารจัดการด้านการศึกษาก็มีส่วนช่วยให้การใช้ทรัพยากรการเรียนรู้เป็นไปอย่าง มีประสิทธิภาพ เช่น เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง คณิตศาสตร์มีบทบาทสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาความคิดของมนุษย์ ทำให้มนุษย์มีความคิด สร้างสรรค์ คิดอย่างมีเหตุผล เป็นระบบ มีแบบแผน สามารถวิเคราะห์ปัญหาหรือสถานการณ์ได้อย่าง ถี่ถ้วน รอบคอบ ช่วยให้คาดการณ์ วางแผน ตัดสินใจ แก้ปัญหา และนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่าง ถูกต้องเหมาะสม นอกจากนี้ยังเป็นเครื่องมือในการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและศาสตร์อื่น ๆ คณิตศาสตร์จึงมีประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิต ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น และสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ อย่างมีความสุข (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551:47) ถึงแม้ว่าคณิตศาสตร์เป็นวิชาที่มีความสำคัญแต่การจัดการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ในประเทศ ไทยที่ผ่านมายังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร จะเห็นได้จากผลการพัฒนาการศึกษาในช่วงปีพ.ศ. 2561- 2563 พบว่า ด้านคุณภาพการศึกษา ผลการพัฒนายังไม่เป็นที่น่าพึงพอใจ เนื่องจาก ผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานมีคะแนนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยมาก และจากผลการทดสอบทางการศึกษา


แบบรายงานวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 2 ระดับชาติขั้นพื้นฐาน (NT) รายวิชาคณิตศาสตร์ ชั้น ประถมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2561-2563 พบว่า นักเรียนทั้งหมดมีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 47.19, 44.94 และ 40.47 ตามลำดับ นั่นคือ การเรียนรู้ทาง คณิตศาสตร์ของนักเรียนอยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่าร้อยละ 50 ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ระดับต่ำ นอกจากนั้นผลการ ทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (NT) ของนักเรียนโรงเรียนบ้านหนองกุ้ง สังกัดสำนักงานเขต พื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองคาย เขต 2 ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2561-2563 พบว่า มีคะแนนรายวิชาคณิตศาสตร์ เฉลี่ยร้อยละ 30.00, 27.66 และ 23.25 ตามลำดับ แสดงให้เห็นถึงผลการ เรียนรู้ทางคณิตศาสตร์ในระดับชาติของนักเรียนโรงเรียนบ้านหนองกุ้ง ต่ำกว่าเกณฑ์ร้อยละ 50 เช่นเดียวกัน และจากประสบการณ์สอนของผู้วิจัยที่ได้ทำการสอนวิชาคณิตศาสตร์ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มาเป็น เวลา 2 ปี พบว่า การวิเคราะห์และแก้โจทย์ปัญหา นักเรียนมักไม่สามารถดำเนินการวิเคราะห์และแก้โจทย์ ปัญหาได้ บางคนแสดงวิธีทำได้แต่ทำไม่ถูกต้อง บางคนสามารถบอกสิ่งที่โจทย์กำหนดให้และสิ่งที่โจทย์ถาม ได้แต่ไม่สามารถแสดงวิธีทำหาคำตอบได้ เพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร หรือใช้วิธีการใดในการหาคำตอบ นอกจากนี้นักเรียนไม่สามารถวิเคราะห์โจทย์ปัญหาหรือไม่เข้าใจความสัมพันธ์ของข้อมูลในโจทย์ปัญหาอีก ด้วย สาเหตุสำคัญ ประการหนึ่ง อาจเป็นเพราะนักเรียนไม่สามารถนำทักษะความรู้ไปใช้ในการแก้โจทย์ ปัญหาคณิตศาสตร์ ซึ่งสอดคล้องกับ นัชนันท์ กมขุนทด (2552 : 5) กล่าวว่าสาเหตุที่นักเรียนไม่สามารถแก้ โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ เป็นเพราะนักเรียนขาดความสามารถในการคิดวิเคราะห์โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ แก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์และสอดคล้องกับ บุณฑริกา พงษ์ศิริวรรณ (2552 : 5) ที่กล่าวว่า สาเหตุที่ นักเรียนไม่สามารถแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ได้นั้น มาจากสาเหตุที่นักเรียนไม่สามารถวิเคราะห์โจทย์ ปัญหาได้ นักการศึกษาคณิตศาสตร์ต่างยอมรับกันว่า การแก้ปัญหาเป็นหัวใจของคณิตศาสตร์ นักเรียนต้อง อาศัยความคิดรวบยอด ทักษะการคิดคำนวณ หลักการ กฎและสูตรต่าง ๆ นำไปใช้ในการแก้ปัญหา โดยเฉพาะทักษะในการแก้ปัญหามีความสำคัญต่อชีวิตและสามารถสร้างให้เกิดขึ้นได้ในการสอนให้นักเรียน รู้จักการแก้ปัญหา จะช่วยส่งเสริมให้รู้จักคิดอย่างมีเหตุผล มีขั้นตอน มีระเบียบแบบแผนและรู้จักตัดสินใจ อย่างถูกต้อง (สิริพร ทิพย์คง : 2544) จากปัญหาในการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ดังกล่าว ครูต้องคิดหาวิธีสอนเพื่อให้นักเรียนมี ทักษะในการแก้โจทย์ปัญหาและสามารถนำความรู้ ประสบการณ์ไปใช้ในการวิเคราะห์หาคำตอบและ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ ดังนั้น ในการส่งเสริมกระบวนการจัดการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพนั้น จำเป็นต้องอาศัยหลักการหรือวิธีการที่เหมาะสม ซึ่งรูปแบบการสอนที่ครูนำมาใช้จัดการเรียนรู้ เพื่อแก้ไข ปัญหาดังกล่าวหรือส่งเสริมความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ของนักเรียนให้สูงขึ้น คือ วิธีการ สอนแบบสืบเสาะหาความรู้(5E) การสืบเสาะหาความรู้(5E) เป็นรูปแบบการเรียนการสอนที่ใช้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ (Constructivism) ซึ่งกล่าวไว้ว่าเป็นกระบวนการที่นักเรียนจะต้องสืบค้นเสาะหาสำรวจตรวจสอบ และ ค้นคว้าด้วยวิธีการต่าง ๆ จนทำให้นักเรียนเกิดความเข้าใจ และเกิดการรับรู้ความรู้นั้นอย่างมีความหมาย จึงจะสามารถสร้างเป็นองค์ความรู้ของนักเรียนเอง และเก็บเป็นข้อมูลไว้ในสมองได้อย่างยาวนาน สามารถ นำมาใช้ได้เมื่อมีสถานการณ์ใด ๆ มาเผชิญหน้า (สาขาชีววิทยา สสวท., 2550)


แบบรายงานวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 3 ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ทำให้ผู้วิจัยสนใจที่จะนำการจัดการเรียนรู้แบบการสืบเสาะหาความรู้ (5E) มาใช้ในการสอนคณิตศาสตร์ ซึ่งเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนของนักเรียน สามารถแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ได้ดีขึ้น ทั้งนี้เพื่อนำผลการวิจัยที่ได้มาเป็นแนวทางในการแก้ไขปรับปรุง และพัฒนาการจัดการเรียนการสอนของครูในวิชาคณิตศาสตร์ให้มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อพัฒนาผลการเรียนรู้ทางคณิตศาสตร์ให้สูงขึ้น 2. วัตถุประสงค์และเป้าหมายของการดำเนินงาน 2.1 จุดประสงค์ 2.1.1 เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้เกิดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้(5E) 2.1.2 เพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะในศตวรรษที่ 21 ในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สามารถแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ สามารถตัดสินใจ โดยใช้ข้อมูลหลากหลายและประจักษ์พยานที่ตรวจสอบได้ 2.1.3 เพื่อให้ผู้เรียนให้เกิดความรู้ ความเข้าใจในเรื่องที่เรียนอย่างแท้จริงโดยการให้ผู้เรียน สร้างความรู้ด้วยตนเอง โดยอาศัยความร่วมมือจากกลุ่ม 2.1.4 เพื่อพัฒนาพฤติกรรมการกล้าแสดงออกและนำองค์ความรู้ที่ได้จากการศึกษา ค้นคว้า เผยแพร่ในวงกว้าง ทั้งภายในสถานศึกษาและโรงเรียนในเครือข่าย 2.2 เป้าหมาย เชิงปริมาณ 2.2.1 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 5 คน ได้ผ่านกระบวนการจัดการเรียนรู้ ผ่านการลงมือทำและการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้วิธีการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้(5E) 2.2.2 นักเรียนได้นวัตกรรมที่ผ่านกระบวนการศึกษา ค้นคว้าของนักเรียนจำนวน 1 เรื่อง เชิงคุณภาพ 2.2.1 นักเรียนมีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะในศตวรรษที่ 21 ในการ ค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สามารถแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ สามารถ ตัดสินใจ โดยใช้ข้อมูลหลากหลายและประจักษ์พยานที่ตรวจสอบได้ 3. ขั้นตอนการดำเนินงาน 3.1 การออกแบบนวัตกรรม เป็นการต่อยอดจากโครงการส่งเสริมโรงเรียนเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ (School as Learning Community) เพื่อพัฒนาสมรรถนะพลเมืองรุ่นใหม่ โรงเรียนในฐานะชุมชนแห่งการเรียนรู้ School as Learning Community (SLC) ต้องการสร้างวิสัยทัศน์ใหม่ร่วมกันของทุกคนในโรงเรียน สร้างวัฒนธรรม ใหม่ในการเรียนรู้ เปลี่ยนโรงเรียนที่เดิมครูคือผู้สอน นักเรียนคือผู้เรียน ให้ทุกคนสามารถเรียนรู้จากกันและ กันได้ตลอดเวลา อีกทั้ง SLC คือ วิสัยทัศน์ในการปรับความสัมพันธ์เชิงอำนาจในโรงเรียนให้อยู่ในระนาบ


แบบรายงานวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 4 เดียวกัน ผู้อำนวยการโรงเรียนเรียนรู้จากการเข้าสังเกตชั้นเรียนแลกเปลี่ยน สะท้อนคิดร่วมกันกับเพื่อนครู ไม่จำกัดสาขาวิชา ช่วงวัย ทุกคนคือเพื่อนเรียนรู้ร่วมกัน โดยใช้แพลตฟอร์มของชุมชนการเรียนรู้เชิงวิชาชีพ (Professional Learning Community: PLC) ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สะท้อนคิดว่าด้วยการเรียนรู้ของ นักเรียนที่ช่วยให้ครูเองได้เรียนรู้จากชั้นเรียนของตนเอง นักเรียนได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้แบบ ร่วมมือร่วมพลัง (Collaborative Learning) ที่ไม่กำหนดบทบาทตายตัว แต่ดึงจุดแข็งของแต่ละคนในการ เรียนรู้มาสนับสนุนเกื้อกูลกัน ชั้นเรียนของโรงเรียนที่ดำเนินการตามแนวทาง SLC จึงไม่ได้มุ่งแต่จะพัฒนา Active Learning แต่ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ผ่านการร่วมมือร่วมพลัง (Collaboration) ในกิจกรรม การเรียนรู้ตามสภาพจริง (Authentic Learning) ที่เป็นการเรียนรู้อย่างมีความหมาย (Meaningful Learning) ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงดำเนินการพัฒนาและแก้ไขปัญหาผู้เรียนโดยใช้นวัตกรรมทางการเรียนการ สอน (Instructional innovation) โดยมีเป้าหมาย คือ การสร้างวิสัยทัศน์ใหม่ร่วมกันของทุกคนในโรงเรียน สร้างวัฒนธรรมใหม่ในการเรียนรู้ ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ซึ่งต้องดำเนินการพัฒนาผู้เรียนให้เป็นผู้มีความ รอบรู้ ก้าวทันโลกและการเปลี่ยนแปลง มีคุณธรรมและจริยธรรมสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้และพัฒนา ตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับปรัชญาการศึกษา ด้านประสบการณ์นิยม (Progressivism) และทฤษฎีการเรียนรู้ ด้านการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism) โดยสังเคราะห์เป็นนวัตกรรม การจัดการเรียนการสอน Active learning โดยใช้วิธีการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้(5E) โดย กระบวนการพัฒนานวัตกรรม/วิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ ใช้วิธี System Approach ประกอบด้วย Input Process Output Feedback และทุกขั้นตอนจะควบคุม โดยวงจรคุณภาพ PDCA ดังแสดงในแผนภาพ ดังนี้ การควบคุม การประเมินประสิทธิภาพ การประเมินประสิทธิผล ปัจจัยนำเข้า(Input) กระบวนการ(Process) ผลผลิต(Output) การวิเคราะห์ความต้องการ ความจำเป็น ผู้เรียน ภาระงานเพื่อการเรียนรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้ องค์ความรู้เดิม ผลการเรียนรู้ ความรู้ ความสามารถในการ ปฏิบัติ ทักษะ/กระบวนการ คุณลักษณะของผู้เรียน ค ว า ม พึ ง กลยุทธ์การเรียนการสอน (เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ) วิธีการ/พฤติกรรมการ เรียนการสอน ด้วยเทคนิค TGT ร่วมกับ Bar Model ข้อมูลย้อนกลับ (Feedback)


แบบรายงานวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 5 จากกระบวนการพัฒนานวัตกรรม/วิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ ใช้วิธี System Approach ประกอบด้วย Input Process Output Feedback และทุกขั้นตอนจะควบคุม โดยวงจรคุณภาพ PDCA ดังแสดงในภาพ นั้นมีดำเนินการ ดังนี้ 1.1) ศึกษาหลักสูตรของโรงเรียน ศึกษาเอกสารประกอบหลักสูตรและวิเคราะห์หลักสูตร 1.2) ออกแบบหน่วยการเรียนรู้และจัดทำแผนการเรียนรู้อย่างชัดเจน ซึ่งในแผนการจัดการ เรียนรู้นอกจากจะกำหนดมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดแล้ว จะกำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้ที่ครอบคลุม ทั้ง 3 ด้าน คือ ด้านพุทธิพิสัย ด้านจิตพิสัยและด้านทักษะพิสัย 1.3) ระบุเทคนิควิธีการในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ระบุใช้สื่อ/นวัตกรรมที่ใช้จัดกิจกรรมการ เรียนรู้ที่เหมาะสม สอดคล้องกับเนื้อหาสาระและผู้เรียน 1.4) กำหนดวิธีการวัดและประเมินผลพร้อมเครื่องมือการวัดและประเมินผลไว้อย่างชัดเจน 1.5) จากนั้นนำแผนการจัดการเรียนรู้ไปใช้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ใช้ สื่อ/นวัตกรรมอย่างหลากหลายประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้รวมทั้งออกแบบและสร้างเครื่องมือวัด และประเมินผลการเรียนรู้ให้ครอบคลุมตามตัวชี้วัดและมาตรฐานการเรียนรู้ ทั้งนี้ข้าพเจ้ามีการวัดและประเมินผลในรายวิชาคณิตศาสตร์คือ การประเมินการปฏิบัติ (Authentic Assessment) และการประเมินสภาพจริง (Performance Assessment) โดยผ่านการปฏิบัติ ของผู้เรียน โดยการวัดและประเมินผลด้วยวิธีการดังกล่าวต้องวัดและประเมินได้ครอบคลุม ครบถ้วน พฤติกรรมของผู้เรียนทั้ง 3 ด้าน ดังนี้ ด้านพุทธิพิสัย (Cognitive Domain) การประเมินความรู้ในรายวิชาคณิตศาสตร์ เป็นการให้ ผู้เรียนได้รับความรู้ความเข้าใจและสามารถประยุกต์ใช้ทั้งเนื้อหาด้านทฤษฎีและปฏิบัติซึ่งความรู้ในเนื้อหา สาระนี้สามารถประเมินโดยการใช้แบบทดสอบ ด้านจิตพิสัย (Affective Domain) เป็นการประเมินการแสดงออกของผู้เรียนทั้งหมด ตลอดจน การทำงานร่วมกันและคุณลักษณะต่าง ๆ ซึ่งสามารถประเมินด้วยวิธีการสังเกตได้อย่างชัดเจน ด้านทักษะพิสัย (Psychomotor Domain) การประเมินทักษะในรายวิชาคณิตศาสตร์ตาม ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์และทักษะที่สำคัญของนักเรียนในศตวรรษที่ 21


แบบรายงานวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 6 3.2 การดำเนินงานตามกิจกรรม ขั้นการวางแผน (Plan : P) 1. ผู้สอนศึกษาเป้าหมายของการจัดการศึกษาของสถานศึกษา ศึกษาหลักสูตรของโรงเรียน ศึกษาเอกสารประกอบหลักสูตรและวิเคราะห์หลักสูตร ศึกษาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และ ทักษะในศตวรรษที่ 21 ในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้โดยใช้วิธีการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้(5E) สามารถแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ สามารถตัดสินใจ โดยใช้ข้อมูลหลากหลายและประจักษ์พยานที่ตรวจสอบ ได้ เพื่อสร้างหน่วยการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ ภายใต้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 2. ผู้สอนจัดทำหน่วยการเรียนรู้ และแผนการจัดการเรียนรู้ 3. ผู้เรียนและผู้สอนร่วมกันสำรวจแนวคิดหลักในการจัดทำผลงงานและนวัตกรรม เพื่อนำไปสู่ การกำหนดหัวข้อองค์ความรู้ใหม่ที่ผู้เรียนมีความสนใจร่วมกัน ขั้นการลงมือปฏิบัติ (Do : D) การพัฒนาผลงานและนวัตกรรมของนักเรียนจากการจัดการเรียนการสอน Active learning โดยใช้วิธีการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้(5E) ดังนี้ ขั้นที่ 1 ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) เป็นการนำเข้าสู่บทเรียนหรือเรื่องที่สนใจ ซึ่งอาจเกิดขึ้นเอง จากความสงสัย หรืออาจเริ่มจากความสนใจของตัวนักเรียนเอง หรือเกิดจากการอภิปราย ในกลุ่ม เรื่องที่ น่าสนใจอาจมาจากเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในช่วงเวลานั้น หรือเป็นเรื่องที่เชื่อมโยงกับ ความรู้เดิมที่เพิ่งเรียนรู้มาแล้ว เป็นตัวกระตุ้นให้นักเรียนสร้างคำถาม กำหนดประเด็นที่จะศึกษาในกรณีที่ยัง ไม่มีประเด็นใดน่าสนใจ ครูอาจให้ศึกษาจากสื่อต่าง ๆ หรือเป็นผู้กระตุ้นด้วยการเสนอประเด็นขึ้นมาก่อน แต่ไม่ควรบังคับให้นักเรียนยอมรับประเด็นหรือคำถามที่ครูกำลังสนใจเป็นเรื่องที่จะใช้ศึกษา เมื่อมีคำถามที่ น่าสนใจ และนักเรียนส่วนใหญ่ยอมรับให้เป็นประเด็นที่ต้องการศึกษาจึงร่วมกันกำหนดขอบเขตและแจก A


แบบรายงานวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 7 แจงรายละเอียดของเรื่องที่จะศึกษาให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น อาจรวมทั้งการรวบรวมความรู้ประสบการณ์เดิม หรือความรู้จากแหล่งต่าง ๆ ที่จะช่วยให้นำไปสู่ความเข้าใจเรื่อง หรือประเด็นที่จะศึกษามากขึ้น และมี แนวทางที่ใช้ในการสำรวจตรวจสอบอย่างหลากหลาย ขั้นที่ 2 ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) เมื่อทำความเข้าใจในประเด็นหรือคำถามที่ สนใจจะศึกษาอย่างถ่องแท้แล้ว ก็มีการวางแผนกำหนดแนวทางการสำรวจตรวจสอบ ตั้งสมมติฐาน กำหนด ทางเลือกที่เป็นไปได้ ลงมือปฏิบัติเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล ข้อสนเทศ หรือปรากฏการณ์ต่าง ๆ วิธีการ ตรวจสอบอาจทำได้หลายวิธีเช่น ทำการทดลอง ทำกิจกรรมภาคสนาม การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อช่วยสร้าง สถานการณ์จำลอง (simulation) การศึกษาหาข้อมูลจากเอกสารอ้างอิงหรือจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้ ได้มาซึ่งข้อมูลอย่างเพียงพอที่จะใช้ในขั้นต่อไป ขั้นที่ 3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) เมื่อได้ข้อมูลอย่างเพียงพอจากการ สำรวจตรวจสอบแล้ว จึงนำข้อมูล ข้อสนเทศที่ได้มาวิเคราะห์ แปลผลสรุปผลและนำเสนอผลที่ได้ในรูปต่าง ๆ เช่น บรรยายสรุป สร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ หรือวาดรูป สร้างตาราง ฯลฯ การค้นพบในขั้นนี้อาจ เป็นไปได้หลายทาง เช่น สนับสนุนสมมติฐานที่ตั้งไว้โต้แย้งกับสมมติฐานที่ตั้งไว้ หรือไม่เกี่ยวข้องกับประเด็น ที่ได้กำหนดไว้ แต่ผลที่ได้จะอยู่ในรูปใดก็สามารถสร้างความรู้และช่วยให้เกิดการเรียนรู้ได้ ขั้นที่ 4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) เป็นการนำความรู้ที่สร้างขึ้นไปเชื่อมโยงกับ ความรู้เดิมหรือแนวคิดที่ได้ค้นคว้าเพิ่มเติม หรือนำแบบจำลองหรือข้อสรุปที่ได้ไปใช้อธิบายสถานการณ์หรือ เหตุการณ์อื่น ถ้าใช้อธิบายเรื่องต่าง ๆ ได้มาก็แสดงว่าข้อจำกัดน้อย ซึ่งก็จะช่วยให้เชื่อมโยงกับเรื่องต่าง ๆ และทำให้เกิดความรู้กว้างขวางขึ้น ขั้นที่ 5 ขั้นประเมิน (Evaluation) เป็นการประเมินการเรียนรู้ด้วยกระบวนการต่าง ๆ ว่า นักเรียนมีความรู้อะไรบ้าง อย่างไรและมากน้อยเพียงใด จากขั้นนี้จะนำไปสู่การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ใน เรื่องอื่น ๆ การนำความรู้หรือแบบจำลองไปใช้อธิบายหรือประยุกต์ใช้กับเหตุการณ์หรือเรื่องอื่น ๆ จะ นำไปสู่ข้อโต้แย้งหรือข้อจำกัดซึ่งก่อให้เป็นประเด็นหรือคำถาม หรือปัญหาที่จะต้องสำรวจตรวจสอบต่อไป ทำให้เกิดเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องกันไปเรื่อย ๆ จึงเรียกว่า inquiry cycle กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ จึงช่วยให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ทั้งเนื้อหาหลักและหลักการทฤษฎี ตลอดจนการลงมือปฏิบัติเพื่อให้ได้ ความรู้ซึ่งจะเป็นพื้นฐานในการเรียนรู้ต่อไป ขั้นการตรวจสอบ (Check : C) เป็นการตรวจสอบการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมาย วัตถุประสงค์ตามที่กำหนดไว้หรือไม่ 1. ผู้ร่วมสังเกตการณ์จัดกิจกรรมการเรียนรู้ (ศึกษานิเทศก์ผู้รับผิดชอบโครงการ ผู้อำนวยการ โรงเรียนบ้านหนองกุ้งและเพื่อนครูที่ร่วมเรียนรู้) นำข้อมูลที่ทำการจดบันทึกระหว่างสังเกตพฤติกรรมของ นักเรียนมาสะท้อนคิดผลการปฏิบัติงานของครูต้นแบบ (Model Teacher) เพื่อให้ครูต้นแบบเห็นและเข้าใจ พฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนมากยิ่งขึ้น


แบบรายงานวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 8 2. การสะท้อนผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของตนเองก่อน นั่นก็คือครูผู้จัดกิจกรรมการ เรียนรู้มีความพึงพอใจในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนครั้งนี้มาก – น้อย เพียงใด 3. หลังจากที่ครูต้นแบบสะท้อนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของตนเองแล้ว เพื่อนครูที่ร่วม เรียนรู้ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองกุ้ง และกลุ่มนิเทศติดตามจะสะท้อนการปฏิบัติงานเพิ่มเติม ตามลำดับ ขั้นสรุปและรายงาน (Action) จากขั้นตอนที่ 3 หรือขั้นตอนการตรวจสอบ จะช่วยให้ครูผู้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้เรียนรู้และ เข้าใจมากยิ่งขึ้นถึงพฤติกรรมและผลลัพธ์การเรียนรู้ของนักเรียน เกิดแนวคิดและแนวปฏิบัติในการปรับปรุง พัฒนาการออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้ของตนเอง แผนปรับปรุงหลังการสะท้อนผลปฏิบัติงาน 1. ผู้อำนวยการโรงเรียน เพื่อนครูที่ร่วมสังเกตการสอนร่วมกันสะท้อนแผนการจัดกิจกรรมการ เรียนรู้จากนั้นนำผลการสะท้อนมาปรับปรุงพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ ซึ่งจะเป็นแผนที่จะพัฒนาการ เรียนรู้ของนักเรียนได้ดียิ่งขึ้นในการจัดการเรียนรู้ของครูต่อไป 3.3 ประสิทธิภาพของการดำเนินงาน ขั้นตอนในการสร้างองค์ความรู้และพัฒนาทักษะของผู้เรียนโดยใช้วิธีการสอนแบบสืบเสาะหา ความรู้(5E) พบว่า ผู้เรียนมีความกระตือรือร้นในกิจกรรมการเรียนการสอนคณิตศาสตร์มากขึ้น เช่น การ ค้นคว้าหาข้อมูลด้วยตนเอง การลงมือปฏิบัติกิจกรรมการทดลอง การทำงานร่วมกันเป็นทีม การสร้างความรู้ ด้วยตนเอง และการแสดงผลงานที่สร้างความภูมิใจให้กับผู้เรียน โดยเฉพาะในขั้นที่ 2 (สำรวจและค้นหา) และขั้นที่ 3 (อธิบายและลงข้อสรุป) ผู้เรียนจะให้ความสนใจเป็นพิเศษ เพราะจะมีสื่อการเรียนรู้ในการทำ กิจกรรม และมีร่วมกันสรุปความรู้ของกลุ่ม ผู้เรียนแต่ละกลุ่มจะช่วยกันคิดและออกการนำเสนอ แนวความคิดของตนกันอย่างเต็มที่ ทำให้ผู้เรียนสามารถจดจำและเข้าใจเนื้อหาที่เรียนได้ดียิ่งขึ้น ผู้เรียนเกิด ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์และทักษะในศตวรรษที่ 21 สามารถแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ สามารถ ตัดสินใจ โดยใช้ข้อมูลหลากหลายและประจักษ์พยานที่ตรวจสอบได้ ผู้เรียนพยายามที่จะตั้งคำถามและตอบ คำถามกับเพื่อน ทำให้ได้ฝึกใช้ความรู้ที่เรียนมาไปอย่างไม่รู้ตัว อันเป็นทักษะที่จำเป็นต่อการเรียนรู้และเป็น เป้าหมายหลักของการจัดการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้(5E) 3.4 การใช้ทรัพยากร การสร้างองค์ความรู้และพัฒนาทักษะของผู้เรียนผ่านการดำเนินการตามกระบวนการสอน แบบสืบเสาะหาความรู้(5E) ได้เน้นให้ผู้เรียนมีบทบาทสำคัญในการเรียนรู้ โดยจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง มีการใช้กระบวนการทางสติปัญญา และมีส่วนร่วมในการ เรียนทั้งร่างกาย สติปัญญา อารมณ์และสังคม พร้อมทั้งเน้นกระบวนการทางคณิตศาสตร์และทักษะใน ศตวรรษที่ 21 สามารถแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ สามารถตัดสินใจ โดยใช้ข้อมูลหลากหลายและประจักษ์ พยานที่ตรวจสอบได้ ซึ่งต้องอาศัยจากแหล่งการเรียนรู้ที่หลากหลายและเป็นแหล่งการเรียนรู้ที่อยู่ในท้องถิ่น


แบบรายงานวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 9 เพื่อให้การสืบค้นข้อมูลและนำข้อมูลมาใช้สร้างองค์ความรู้ใหม่ ๆ นั้นมีความถูกต้อง น่าเชื่อถือ จึงมีการใช้ ทรัพยากรในรูปแบบต่าง ๆ ดังนี้ 1. ผู้เรียนและผู้สอนระดมความคิด เพื่อระบุแหล่งเรียนรู้ที่สามารถสืบค้นหาข้อมูลมาจัดทำ ผลงานและนวัตกรรมของตนเองได้อย่างถูกต้อง มีความน่าเชื่อถือ เช่น ห้องสมุดโรงเรียนบ้านหนองกุ้ง แหล่งเรียนรู้ภายในชุมชน และข้อมูลในระบบอินเตอร์เน็ต 2. กระบวนการสืบค้นข้อมูล เช่น ดินสอ สมุด เพื่อใช้ในการจดบันทึกข้อมูล 3. สถานการณ์จำลอง สื่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ที่ได้รับการอำนวยความสะดวกจากท่าน ผู้อำนวยการโรงเรียน ทำให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกได้ 4. ผลการดำเนินงาน/ประโยชน์ที่ได้รับ 4.1 ผลที่เกิดตามจุดประสงค์ 1. ผู้เรียนเกิดกระบวนการเรียนรู้มากขึ้น โดยใช้กระบวนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้(5E) 2. ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์และทักษะในศตวรรษที่ 21 ในการ ค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สามารถแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ สามารถ ตัดสินใจ โดยใช้ข้อมูลหลากหลายและประจักษ์พยานที่ตรวจสอบได้ 3. ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ ในเรื่องที่เรียนอย่างแท้จริง สามารถสร้างความรู้ด้วยตนเอง และความร่วมมือจากกลุ่ม 4. ผู้เรียนกล้าแสดงออกและสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้จากการศึกษา ค้นคว้าเผยแพร่ในวง กว้าง ทั้งภายในสถานศึกษาและโรงเรียนในเครือข่าย 4.2 ผลสัมฤทธิ์ของงาน ผลการดำเนินงานการจัดการเรียนการสอน Active learning โดยใช้วิธีการสอนแบบสืบ เสาะหาความรู้(5E) พบว่า ผู้เรียนมีความกระตือรือร้นในกิจกรรมการเรียนการสอนคณิตศาสตร์มากขึ้น เช่น การค้นคว้าหาข้อมูลด้วยตนเอง การลงมือปฏิบัติกิจกรรม การทำงานร่วมกันเป็นทีม การสร้างความรู้ ด้วยตนเอง และการแสดงผลงานที่สร้างความภูมิใจให้กับผู้เรียน โดยเฉพาะในขั้นสรุปจัดระเบียบความรู้ทาง คณิตศาสตร์ผู้เรียนจะให้ความสนใจเป็นพิเศษ เพราะจะมีสื่อการเรียนรู้ในการทำกิจกรรม และมีร่วมกัน สรุปความรู้ของกลุ่ม ผู้เรียนแต่ละกลุ่มจะช่วยกันคิดและออกการนำเสนอแนวความคิดของตนกันอย่างเต็มที่ ทำให้ผู้เรียนสามารถจดจำและเข้าใจเนื้อหาที่เรียนไปได้ดียิ่งขึ้น ผู้เรียนเกิดทักษะกระบวนการทาง คณิตศาสตร์ การคิดสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดแก้ปัญหา ค้นคว้าและคัดเลือกข้อมูล หรือองค์ความรู้เป็นทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ซึ่งทักษะเหล่านี้จะติดตัวผู้เรียนไปตลอด และผู้เรียน สามารถจัดทำผลงานซึ่งเป็นนวัตกรรมสำคัญ เป็นผลสรุปของการออกแบบการจัดการเรียนรู้ และสามารถ นำนวัตกรรมมาศึกษาหาความรู้ และนำสู่การเผยแพร่ให้กว้างขวางมากขึ้น


แบบรายงานวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 10 4.3 ประโยชน์ที่ได้รับ 1. ผู้เรียนเกิดทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์และทักษะในศตวรรษที่ 21 ในการค้นคว้า และสร้างองค์ความรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ เกิดทักษะการคิดสร้างสรรค์ การคิดอย่างมี วิจารณญาณ และการคิดแก้ปัญหา สามารถแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ สามารถตัดสินใจ 2. ผู้เรียนมีความกระตือรือร้นในกิจกรรมการเรียนการสอนคณิตศาสตร์มากขึ้น 3 ผู้เรียนพยายามที่จะตั้งคำถามและตอบคำถามกับเพื่อน ได้ฝึกใช้ความรู้ที่เรียนมาไปอย่างไม่ รู้ตัว 4. ผู้เรียนมีความสามารถทางการเรียนสูง มีพฤติกรรมกล้าแสดงออกสูง และผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนสัมพันธ์ทางบวกกับพฤติกรรมกล้าแสดงออก 5. ผู้เรียนได้ฝึกความคิดเชิงวิพากษ์วิจารณ์และเปิดใจกว้าง ยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น ทำ ให้เกิดเป็นนิสัยที่ติดตัวและเคยชินจนสามารถพัฒนาไปใช้ในชีวิตจริง 6. ผู้เรียนสามารถเปลี่ยนจากผู้รับองค์ความรู้มาเป็นผู้สร้างองค์ความรู้ และเผยแพร่องค์ ความรู้ที่เกิดจากการศึกษา ค้นคว้าให้เกิดประโยชน์กับตนเองและผู้อื่น 5. ปัจจัยความสำเร็จ 5.1 กระบวนการจัดการเรียนรู้ การจัดการเรียนการสอน Active learning โดยใช้วิธีการสอน แบบสืบเสาะหาความรู้(5E) มีการวางแผนในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ รัดกุม ทำให้เกิด ประสิทธิภาพในการสร้างองค์ความรู้ของผู้เรียน 5.2 ผู้สอนและผู้เรียนกล้าที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดของตนเอง กล้าคิด กล้าลงมือทำ หวังผลเพื่อ พัฒนาตนเองให้เต็มศักยภาพเรียนรู้ร่วมกัน 5.3 ผู้เรียนได้นำความรู้ทางคณิตศาสตร์มาใช้ในการอธิบาย เชื่อมโยงและบูรณาการองค์ความรู้ทั้ง ทางด้านสังคมศาสตร์ เศรษฐกิจ วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมอย่างรอบด้าน 5.4 ผู้บริหารและคณะครูให้ความเห็นชอบและให้การสนับสนุนการดำเนินกิจกรรม มีวัสดุอุปกรณ์ ที่ใช้ในการจัดกิจกรรมอย่างเพียงพอ 5.5 การประชาสัมพันธ์องค์ความรู้ที่ได้จากการทำกิจกรรมร่วมกันผ่านการเผยแพร่ทั้งภายในและ ภายนอกสถานศึกษาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้องค์ความรู้ที่ได้จากการศึกษา ค้นคว้าได้เผยแพร่ไป ในวงกว้าง


แบบรายงานวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 11 6. บทเรียนที่ได้รับ (Lesson Learned) 6.1 การระบุข้อมูลที่ได้รับจากการผลิตและการนำผลงานไปใช้ 1. ผู้เรียนเกิดทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์และทักษะในศตวรรษที่ 21 ในการค้นคว้า และสร้างองค์ความรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ เกิดทักษะการคิดสร้างสรรค์ การคิดอย่างมี วิจารณญาณ และการคิดแก้ปัญหา สามารถแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ สามารถตัดสินใจ 2. ผู้เรียนทราบวิธีการค้นคว้าและคัดเลือกข้อมูลหรือองค์ความรู้ได้อย่างถูกต้องและเป็นระบบ 3. ผู้เรียนมีความภาคภูมิใจในผลงานหรือนวัตกรรมของตนเองและเพื่อนร่วมชั้น 4. ผู้เรียนได้เรียนรู้ร่วมกันในเรื่องที่เกี่ยวกับการนำความรู้ทางด้านคณิตศาสตร์ไปพัฒนา ท้องถิ่น และรู้จักชุมชนของผู้เรียนในหลากหลายแง่มุมมากยิ่งขึ้น สนองตอบหลักสูตรสถานศึกษาและ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 6.2 ข้อเสนอแนะ ข้อควรระวัง 1. ผู้เรียนขาดประสบการณ์และทักษะในการค้นคว้า เลือกใช้และรวบรวมข้อมูล การจัดทำ ผลงานหรือนวัตกรรมครั้งนี้ ผู้สอนจำเป็นต้องดูแล ให้คำแนะนำในลักษณะของผู้อำนวยความสะดวก (Facilitator) และผู้ให้คำแนะนำ (Coach) อย่างใกล้ชิด พร้อมช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหา ให้ข้อเสนอแนะ เพิ่มเติมและพัฒนางานให้ดียิ่งขึ้น 2. ผู้สอนต้องวางแผนการจัดทำผลงานหรือนวัตกรรมของนักเรียนให้มีความชัดเจน รัดกุม เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ 3. ผู้สอนควรจัดกิจกรรรมการเรียนการสอนที่ให้ผู้เรียนได้มีการลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง มีส่วน ร่วมในกิจกรรมมากที่สุดและทั่วถึงทุกคน โดยให้ผู้เรียนได้ใช้ทักษะกระบวนการต่าง ๆ ในการศึกษาค้นคว้า หาความรู้ เพื่อให้สามารถค้นหาความรู้และสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง ตลอดจนนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ใน สถานการณ์ต่าง ๆ ได้ อันจะทำให้เกิดความคงทนในการเรียนรู้ได้ดีขึ้นอีกด้วย 4. ผู้สอนควรคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลในขณะร่วมทำกิจกรรมหรือตอบคำถาม โดยเฉพาะในขั้นตอนการแสวงหาความรู้ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ต้องใช้เวลาในการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลและใช้ ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์เพื่อให้ได้ความรู้ใหม่ โดยผู้สอนควรมีการชี้แนะแนวทางในการหา คำตอบมากกว่าการบอกคำตอบนั้นแทน 6.3 แนวทางในการพัฒนานวัตกรรมเพิ่มเติม 1. การพัฒนาผลงานหรือนวัตกรรมของนักเรียนด้วยการจัดการเรียนการสอน Active learning โดยใช้วิธีการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้(5E) ของการพัฒนาผู้เรียนให้เกิดการเรียนรู้สูงสุด ควร จัดทำในรูปแบบของสื่อออนไลน์ เช่น E-book เพื่อให้สามารถมีผู้เข้าถึงองค์ความรู้ที่นักเรียนได้ศึกษา ค้นคว้าในวงกว้างยิ่งขึ้น หรือเข้าถึงโดยการสแกน QR code 2. การกำหนดประเด็นที่จะศึกษาค้นคว้า ให้มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น เพื่อให้ผู้เรียนได้ ศึกษาองค์ความรู้อย่างละเอียดและลึกซึ้ง


แบบรายงานวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 12 3. ควรมีการจัดการเรียนการสอนรายวิชาคณิตศาสตร์ตามวิธีการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) กับตัวแปรอื่น ๆ เช่น ทักษะการคิดวิเคราะห์ ทักษะการคิดแก้ปัญหา ความคงทนของการเรียนรู้ในวิชา คณิตศาสตร์ ความคิดสร้างสรรค์เชิงคณิตศาสตร์ การสื่อความหมาย การสื่อสาร ฯลฯ 7. การเผยแพร่/ การได้รับการยอมรับ 7.1 การเผยแพร่ 1. เผยแพร่เป็นเอกสารประชาสัมพันธ์ให้กับนักเรียน และคณะครูในโรงเรียน 2. เผยแพร่ผ่านการประชุมปฏิบัติการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การการบริหารจัดการและการจัดการ เรียนรู้ เพื่อพัฒนาสมรรถนะพลเมืองรุ่นใหม่ ด้วยนวัตกรรมโรงเรียนเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้(School as Learning Community) ระดับภูมิภาค


แบบรายงานวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 13 ภาคผนวก - ตัวอย่างแผนการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) โดยใช้วิธีการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้(5E) - ภาพกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) โดยใช้วิธีการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้(5E) - ผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน


แบบรายงานวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 14 ตัวอย่างแผนการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) โดยใช้วิธีการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้(5E) เรื่อง เศษส่วน เรื่อง การนำเสนอข้อมูล เรื่อง เวลา (ป.3) เรื่อง เวลา (ป.4) เรื่อง ทศนิยม


แบบรายงานวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 15 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 รายวิชา คณิตศาสตร์พื้นฐาน 3 รหัส ค13101 เวลา 15 ชั่วโมง มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด สาระที่ 2 การวัดและเรขาคณิต มาตรฐาน ค 2.1 ป.3/2 แสดงวิธีหาคำตอบของโจทย์ปัญหาเกี่ยวกับเวลาและระยะเวลา สาระสำคัญ การแก้โจทย์ปัญหาทำได้โดยอ่านทำความเข้าใจปัญหา วางแผนแก้ปัญหา หาคำตอบ และ ตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคำตอบ การแก้โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับเวลาและระยะเวลา โดยใช้ Bar Model บาร์โมเดล (Bar Model) เป็นวิธีการการทำโจทย์ปัญหาโดยอาศัยการวาดรูปบาร์โมเดล ซึ่งเป็น การใช้รูปภาพแท่งสี่เหลี่ยมผืนผ้า เป็นสัญลักษณ์แทนข้อมูลจากการแปลงจากโจทย์ปัญหานั่นเอง ลักษณะ สำคัญของบาร์โมเดล คือ การวาด โดยวิเคราะห์หรือตีความจากโจทย์ปัญหา นำมาเชื่อมโยงกับความคิดและ หลักการทางคณิตศาสตร์ จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. ด้านความรู้(K) - นักเรียนสามารถแสดงวิธีหาคำตอบของโจทย์ปัญหาเกี่ยวกับเวลาและระยะเวลาได้ 2. ด้านทักษะและกระบวนการ (P) การแก้ปัญหา การสื่อสารและการสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ การเชื่อมโยง การให้เหตุผล การคิดสร้างสรรค์ เวลา หน่วยการเรียนรู้ที่ 3


แบบรายงานวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 16 3. ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์(A) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ 4. ทักษะในศตวรรษที่ 21 3R Reading: อ่านออก (W)Riting: เขียนได้ (A)Rithmatic: มีทักษะในการคำนวณ 8C Critical Thinking and Problem Solving: มีทักษะในการคิดวิเคราะห์การแก้ปัญหา Creativity and innovation: ทักษะการคิดเชิงสร้างสรรค์และการคิดเชิงนวัตกรรม Cross-cultural understanding: ความเข้าใจในความแตกต่างและกระบวนการคิดของแต่ละ วัฒนธรรม Collaboration Teamwork and Leadership: ความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ Communication Information and Media Literacy: ทักษะในการสื่อสาร และการรู้เท่าทันสื่อ Computing and IT literacy: ทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ และความเข้าใจในเทคโนโลยี Career and learning skills: ทักษะด้านอาชีพและความสามารถในการเรียนรู้ Compassion: มีคุณธรรม เมตตา กรุณา และมีระเบียบวินัย 5. ภาระงาน/ชิ้นงาน 1. สถานการณ์จำลอง 2. ใบกิจกรรม เวลาอันมีค่า (ทั้งห้อง) 3. แบบฝึกหัด เรื่อง เวลาแสนสุข (รายบุคคล)


แบบรายงานวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 17 5. กิจกรรมการเรียนรู้ 5.1 ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) เป็นการทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับการวิเคราะห์และแก้ โจทย์ปัญหาระยะเวลา (ประมาณ 10 – 15 นาที) 1. ครูและนักเรียนกล่าวทักทายซึ่งกันและกัน 2. ครูจำลองสถานการณ์ และให้นักเรียนตอบคำถาม เพื่อกระตุ้นความเข้าใจเกี่ยวกับการวิเคราะห์ โจทย์ปัญหา ดังนี้ สถานการณ์จำลอง แม่เดินทางไปตลาดใช้เวลา 55 นาที ใช้เวลาซื้อของอีก 1 ชั่วโมง 30 นาที แม่ใช้ เวลาทั้งหมดเท่าใด ครู : โจทย์บอกอะไร นักเรียน : แม่เดินทางไปตลาดใช้เวลา 55 นาที ใช้เวลาซื้อของอีก 1 ชั่วโมง 30 นาที(การคาดการณ์ คำตอบ) ครู : สิ่งที่โจทย์ถาม นักเรียน : แม่ใช้เวลาทั้งหมดเท่าใด (การคาดการณ์คำตอบ) เวลาและระยะเวลา แผนการเรียนรู้ที่ 19 ชั่วโมงที่ 2


แบบรายงานวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 18 ครู : วิธีการที่ใช้ในการแก้ปัญหา (ทำอย่างไรจึงจะได้คำตอบ) นักเรียน : บวกกัน (การคาดการณ์คำตอบ) วิธีคิด แม่ใช้เวลาทั้งหมด = เดินทางไปตลาด + ใช้เวลาซื้อของ = 55 นาที + 1 ชั่วโมง 30 นาที = 2 ชั่วโมง 25 นาที ครู : สรุปความรู้ที่ได้จากการแก้ปัญหา นักเรียน : (การคาดการณ์คำตอบ) 5.2 ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) (ประมาณ 15 – 20 นาที) 1. ครูให้นักเรียนช่วยกันทำกิจกรรม เวลาอันมีค่า 2. ครูให้นักเรียนร่วมกันตัดสินใจเลือกโจทย์ปัญหาเกี่ยวกับเวลาและระยะเวลาที่สนใจ โดยมีเงื่อนไขว่า 1) แสดงวิธีหาคำตอบของโจทย์ปัญหาที่สนใจ 2) โดยใช้ Bar Model คำชี้แจง ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ 1. โจทย์บอกอะไร 2. โจทย์ถามหาอะไร 3. แนวคิดที่ใช้ในการแก้ปัญหา 4. ให้นักเรียนช่วยกันตอบคำถามจากคุณครู เวลาเริ่ม เวลาที่ใช้ เวลาที่จบ/เสร็จสิ้น ชั่วโมง นาที 55 1 30 1 85 เดินทางไปตลาด ใช้เวลาซื้อของ แม่ใช้เวลาทั้งหมด หรือ 2 25 +


แบบรายงานวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 19 5.3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) (ประมาณ 5 – 10 นาที) 1. ครูให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นในการแก้ปัญหา 2. ในระหว่างที่นักเรียนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ครูผู้สอนจะเดินสังเกตความเข้าใจของนักเรียน จากการแสดงความคิดเห็นของตัวนักเรียน 5.4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) (ประมาณ 10 – 15 นาที) 1. ให้นักเรียนช่วยกันตอบคำถามจากการตั้งคำถามของคุณครู ตามความเข้าใจของตนเอง 2. ครูสรุปเป็นความคิดรวบยอดเป็นองค์ความรู้ให้นักเรียนฟังอีกครั้ง 3. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการวิเคราะห์และแก้โจทย์ปัญหา ระยะเวลามากขึ้น 5.5 ขั้นประเมิน (Evaluation) 1. ครูประเมินผลจากการตอบคำถาม และแนวความคิดของนักเรียน 2. ครูประเมินผลการเรียนรู้เรื่องการวิเคราะห์และแก้โจทย์ปัญหาร้อยละเกี่ยวกับการซื้อขาย จาก การทำแบบฝึกหัดที่นักเรียนนำมาส่ง เกณฑ์การวัดและการประเมินผล ประเด็นการ ประเมิน ระดับคุณภาพ ดีมาก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1) 1. ความรู้ความ เข้าใจและทักษะ ด้านการแสดง การหาคำตอบ บอกและเขียนได้ว่า โจทย์บอกอะไรได้ อย่างถูกต้อง และ อธิบายให้เพื่อนเข้าใจ ได้ บอกและเขียนได้ว่า โจทย์บอกอะไรได้ อย่างถูกต้อง บอกได้ว่าโจทย์ บอกอะไร ไม่สามารถบอก หรือเขียนได้ว่า โจทย์บอกอะไร 2. คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ ส่งงานครบทุกชิ้น ก่อนเวลากำหนด ส่งงานครบทุกชิ้น ตามกำหนด ส่งงานครบแต่ช้า กว่าเวลากำหนด ส่งงานไม่ครบ และช้ากว่า กำหนด 3. การนำเสนอ ผลงาน นำเสนอข้อมูลได้ ถูกต้อง สมบรูณ์ นำเสนอข้อมูลได้ ถูกต้อง นำเสนอข้อมูลได้ บ้างเล็กน้อย นำเสนอข้อมูลได้ แต่ยังไม่สมบูรณ์


แบบรายงานวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 20 เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง ระดับคุณภาพ 10 – 12 คะแนน 7 – 9 คะแนน 5 – 6 คะแนน ต่ำกว่า 4 คะแนน 1. 70 % ขึ้นไป ผ่าน 2. ต่ำกว่า 70 % ไม่ผ่าน 3. ผู้ผ่านเกณฑ์การประเมิน ต้องได้คะแนนตั้งแต่ 11 คะแนนขึ้นไป การวัดและประเมินผล ประเด็นที่ประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1. ด้านความรู้ (K) พิจารณาจากการตอบคำถาม - ใบกิจกรรม เวลาอันมีค่า (ทั้งห้อง) - แบบฝึกหัด เรื่อง เวลาแสนสุข (รายบุคคล) - ใบกิจกรรม เวลาอันมีค่า - แบบฝึกหัด เรื่อง เวลาแสนสุข ทำได้ 70% ขึ้นไป ผ่าน 2. ด้านทักษะและ กระบวนการ (P) 1. การเขียนแนวคิดในการแก้โจทย์ ปัญหาเกี่ยวกับเวลาและระยะเวลา โดยใช้ Bar Model ในแบบฝึกหัด เวลาแสนสุข (รายบุคคล) 2. ตรวจผลงานการเขียนแนวคิดในการ แก้โจทย์ปัญหาเวลาและระยะเวลา ในใบกิจกรรม เวลาอันมีค่า (ทั้งห้อง) - ใบกิจกรรม เวลาอันมีค่า - แบบฝึกหัด เรื่อง เวลาแสนสุข ทำได้ 70% ขึ้นไป ผ่าน 3. ด้านคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ (A) สังเกตจากพฤติกรรม หรือการ แสดงออกของนักเรียนขณะทำ กิจกรรมในชั้นเรียน มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการทำงาน - แบบสังเกตพฤติกรรมการ ทำงานเป็นกลุ่ม - แบบสังเกตพฤติกรรมการ ทำงานรายบุคคล ทำได้ 75% ขึ้นไป ผ่าน


แบบรายงานวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 21 6. สื่อการเรียนรู้และแหล่งเรียนรู้ - ใบกิจกรรม เวลาอันมีค่า (ทั้งห้อง) - แบบฝึกหัด เรื่อง เวลาแสนสุข (รายบุคคล) - สื่อการสอน นาฬิกาอัตฺโนมือ


แบบรายงานวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 22 กิจกรรม เวลาอันมีค่า โดยมีเงื่อนไขว่า 1) แสดงวิธีหาคำตอบของโจทย์ปัญหาที่สนใจ 2) โดยใช้ Bar Model โจทย์ปัญหาที่สนใจ 1. แป้งเริ่มเรียนเวลา 8.30 น. ใช้เวลาเรียน 1 ชั่วโมง 25 นาที แป้งจะเลิกเรียนเวลาใด 2. นิ่มเริ่มว่ายน ้าเวลา 10.35 น. ใช้เวลาว่ายน ้า 1 ชั่วโมง 15 นาที นิ่มจะเลิกว่ายน ้าเมื่อเวลาใด 3. ทีมหมูป่ าเริ่มเตะบอลเวลา 16.25 น. ใช้เวลาเตะบอล 1 ชั่วโมง 30 นาที ทีมหมูป่ าจะเตะบอลเสร็จเวลาใด


แบบรายงานวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 23 กลุ่มที่ กิจกรรม เวลาอันมีค่า โดยมีเงื่อนไขว่า 1) แสดงวิธีหาคำตอบของโจทย์ปัญหาที่สนใจ 2) โดยใช้ Bar Model สมาชิกภายในกลุ่ม โจทย์ปัญหาที่สนใจ โจทย์บอก : โจทย์ถาม : Bar Model : ตอบ


แบบรายงานวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 24 แบบฝึกหัด เรื่อง เวลาแสนสุข แสดงวิธีหาคำตอบ 1. เด่นใช้เวลาล้างรถ 1 ชั่วโมง 50 นาที ถ้าเขาเริ่มล้างรถเวลา 10.45 น. เด่นจะล้างรถเสร็จเวลาใด ลด 15% โจทย์ปัญหาที่สนใจ โจทย์บอก : โจทย์ถาม : Bar Model : ตอบ


แบบรายงานวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 25 ภาพกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) โดยใช้วิธีการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้(5E) การจัดกิจกรรมการเรียนรู้การบอกเวลา


แบบรายงานวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 26 ภาพกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) โดยใช้วิธีการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้(5E) การจัดกิจกรรมการเรียนรู้การนำเสนอข้อมูล


แบบรายงานวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 27 ภาพกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) โดยใช้วิธีการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้(5E) การจัดกิจกรรมการเรียนรู้การนำเสนอข้อมูล


แบบรายงานวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 28 ผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน รายงานการประเมินตนเองของสถานศึกษา (Self – Assessment Report : SAR) ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนบ้านหนองกุ้ง ผลการทดสอบความสามารถพื้นฐานของผู้เรียนระดับชาติ (National Test : NT) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ตาราง แสดงคะแนนเฉลี่ย NT ปีการศึกษา 2563 - 2565 เปรียบเทียบกับระดับต่าง ๆ ที่ ระดับ คะแนนเฉลี่ยร้อยละ คะแนนเฉลี่ยร้อยละ รวมเฉลี่ยทั้ง 2 ด้าน ด้านภาษาไทย ด้านคณิตศาสตร์ 2563 2564 2565 2563 2564 2565 2563 2564 2565 1 ระดับโรงเรียน 40.37 68.2 79.00 23.25 65.2 66.37 31.81 43.01 72.68 2 ระดับเขตพื้นที่ 46.56 59.74 56.45 39.47 52.74 49.12 43.02 43.01 52.79 3 ระดับประเทศ 47.46 56.14 55.86 40.47 49.44 49.12 43.97 43.97 52.5 ผลการประเมินความสามารถพื้นฐานของผู้เรียนระดับชาติ (National Test : NT) ชั้นประถมศึกษา ปีที่ 3 ปีการศึกษา 2565 พบว่า ผลการประเมินความสามารถด้านคณิตศาสตร์ ของปีการศึกษา 2564 และ ปีการศึกษา 2565 อยู่ในระดับดีมากและสูงกว่าระดับประเทศ 0 10 20 30 40 50 60 70 80 ด้านภาษาไทย ด้านคณิตศาสตร์ รวมเฉลี่ยทั้ง 2 ด้าน 2563 40.37 23.25 31.81 2564 68.2 65.2 43.01 2565 79.00 66.37 72.68 คะแนนเฉลี่ย ผลการประเมินคุณภาพผู้เรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เปรียบเทียบปีการศึกษา 2563 - 2565


แบบรายงานวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 29


Click to View FlipBook Version