The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by อนุพล เชิดสังวาลย์, 2020-08-07 11:50:56

ทฤษฎีการเรียนรู้

ทฤษฎีการเรยี นรู้

อาจารยผ์ สู้ อน ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ภัทรดร จนั วนั ดี

จดั ทําโดย
นาย อนพุ ล เชดิ สงั วาลย์ รหสั นกั ศึกษา 60101209127
สาขานวตั กรรมละคอมพวิ เตอรศ์ ึกษา คณะ ครศุ าสตร์

มหาวทิ ยาลัยราชภัฏสกลนคร

ทฤษฎีการเรยี นรู้ คือ?

กระบวนการเปลียนแปลงพฤติกรรมจากเดมิ ไป
สพู่ ฤติกรรมใหมท่ ีค่อนขา้ งถาวรและพฤติกรรม
ใหมน่ เี ปนผลมาจากประสบการณห์ รอื การ
ฝกฝน พฤติกรรมทีเปลียนไปจะต้องเปลียนไป
อยา่ งค่อนขา้ งถาวรจงึ จะถือวา่ เกิดการเรยี นรขู้ นึ
หากเปนการเปลียนแปลงชวั คราวก็ยงั ไมถ่ ือวา่
เปนการเรยี นรู้

เมอื บุคคลเกิดการเรยี นรจู้ ะเกิดการเปลียนแปลงดงั นี

1. การเปลียนแปลงทางด้าน 2. การเปลียนแปลงทางด้าน 3. ความเปลียนแปลงทางด้าน
ความรู้ ความเขา้ ใจ และความคิด อารมณ์ ความรูส้ กึ ทัศนคติ ค่า ความชาํ นาญ (Psychomotor
(Cognitive Domain) นยิ ม (Affective Domain) Domain)

หมายถึง การเรยี นรเู้ กียวกับเนอื หา หมายถึง เมอื บุคคลไดเ้ รยี นรสู้ งิ หมายถึง การทีบุคคลไดเ้ กิดการ
สาระใหมก่ ็จะทําใหผ้ เู้ รยี นเกิดความรู้ ใหมก่ ็ทําใหผ้ เู้ รยี นเกิดความรสู้ กึ เรยี นรทู้ ังในดา้ นความคิด
ความเขา้ ใจ สงิ แวดล้อมต่าง ๆ ไดม้ าก ทางดา้ นจติ ใจ ความเชอื ความเขา้ ใจ และเกิดความรสู้ กึ
ขนึ เปนการเปลียนแปลงทีเกิดขนึ ใน ความสนใจ นกึ คิดค่านยิ มความสมใจดว้ ยแล้ว
สมอง ไดน้ าํ เอาสงิ ทีไดเ้ รยี นรไู้ ปปฏิบตั ิจงึ
ทําใหเ้ กิดความชาํ นาญมากขนึ เชน่
การใชม้ อื เปนต้น

ทฤษฎีการเรยี นรูก้ ล่มุ พฤติกรรมนยิ ม  (Behaviorism)

นกั คิดและนกั จติ วทิ ยาในกล่มุ พฤติกรรมนยิ มมมี ุมมองต่อธรรมชาติของมนษุ ย์
ในลักษณะทีเปนกลาง คือ ไมด่ ี ไมเ่ ลว และใหค้ วามสนใจพฤติกรรมของมนษุ ย์
มาก เพราะเปนสงิ ทีเหน็ ไดช้ ดั สามารถวดั สงั เกตได้ และเชอื วา่ การเรยี นรเู้ กิดจาก
การเชอื มโยงระหวา่ งสงิ เรา้ และการตอบสนอง ทฤษฎีการเรยี นรใู้ นกล่มุ นี
ประกอบดว้ ยทฤษฎีทีสาํ คัญ 3 ทฤษฎี คือ ทฤษฎีการเชอื มโยงของธอรน์ ไดค์
ทฤษฎีการวางเงือนไข และทฤษฎีการเรยี นรขู้ องฮัลล์

ทฤษฎีการเชอื มโยงของธอรน์ ไดค์

(Thorndike’s connectionism)

ธอรน์ ไดค์ (Thorndike) เปนนกั จติ วทิ ยาชาวอเมรกิ ันทีมคี วามเชอื วา่ การเรยี นรเู้ กิดจากการ
เชอื มโยงระหวา่ งสงิ เรา้ กับการตอบสนอง ซงึ มหี ลายรปู แบบ บุคคลจะมกี ารลองผดิ ลองถกู
และมกี ารปรบั เปลียนไปเรอื ยๆ จนกวา่ จะพบรปู แบบการตอบสนองทีใหผ้ ลทีพงึ พอใจมากทีสดุ
เมอื เกิดการเรยี นรแู้ ล้วบุคคลจะใชร้ ปู แบบการตอบสนองทีเหมาะสมเพยี งรปู แบบเดยี วและจะ

พยายามใชร้ ปู แบบการตอบสนองนนั เชอื มโยงกับสงิ เรา้ ในการเรยี นรตู้ ่อไปเรอื ยๆ

สรุปกฎการเรยี นรูท้ ีสาํ คัญจากทฤษฎี
การเชอื มโยงของธอรน์ ไดค์ ได้ดังนี

กฎแห่งความพรอ้ ม กฎแห่งการฝกหัด กฎแห่งการใชแ้ ละไมใ่ ช้ กฎแห่งผลทีพงึ พอใจ
(Law of Readiness) (Law of Exercise) (Law of Use and (Law of Effect)
Disuse)
การเรยี นรจู้ ะเกิดขนึ ไดด้ ถี ้าผู้ การเรยี นรทู้ ีคงทนจะเกิด เมอื บุคคลไดร้ บั ผลจาก
เรยี นมคี วามพรอ้ มทังทาง จากการฝกหดั หรอื กระทํา ถ้ามกี ารนาํ ความรทู้ ีเคยเรยี น การเรยี นรทู้ ีพงึ พอใจจะ
ดา้ นรา่ งกายและจติ ใจ ซาํ บอ่ ย ๆ ดว้ ยความเขา้ ใจ รไู้ ปแล้วไปใชบ้ อ่ ย ๆ จะทําให้ ทําใหอ้ ยากจะเรยี นรตู้ ่อไป
การเรยี นรเู้ กิดความคงทน แต่ถ้าไดร้ บั ผลทีไมพ่ งึ
แต่หากความรทู้ ีเคยเรยี นไป พอใจก็จะไมอ่ ยากเรยี นรู้
ไมไ่ ดถ้ กู นาํ ไปใชจ้ ะทําเกิดการ
ลืม

การนาํ แนวคิดของทฤษฎีการเชอื มโยงของธอรน์ ไดค์
ไปประยุกต์ใชใ้ นการจดั การเรยี นรู้ สามารถทําได้ดังนี

ผสู้ อนควรตรวจสอบความพรอ้ มหรอื การสรา้ ง ผสู้ อนควรใหผ้ เู้ รยี นฝกทักษะทีสาํ คัญและ
ความพรอ้ มใหแ้ ก่ผเู้ รยี นทังทางดา้ นรา่ งกายและ จาํ เปนบอ่ ย ๆ เพอื ใหเ้ กิดการเรยี นรทู้ ี
จติ ใจ รวมทังความรเู้ ดมิ ทีจาํ เปนก่อนเรมิ บท คงทน
เรยี นใหม่

ผสู้ อนควรเปดโอกาสใหผ้ เู้ รยี นไดน้ าํ ความรใู้ นสงิ หลังจากทีผเู้ รยี นสามารถเรยี นรไู้ ดต้ ามจุด
ทีไดจ้ ากการเรยี นรนู้ นั ไปใชบ้ อ่ ยๆ ในสถานการณ์ ประสงค์ทีผสู้ อนกําหนดแล้วผสู้ อนควรใหค้ ํา
ทีหลากหลาย ชมเชยหรอื รางวลั ทีทําใหผ้ เู้ รยี นพงึ พอใจต่อสงิ ที
ไดก้ ระทําในการรว่ มกิจกรรมการเรยี น ซงึ จะชว่ ย
ใหผ้ เู้ รยี นเกิดแรงจูงใจในการเรยี นรมู้ ากขนึ และ
ทําใหก้ ารเรยี นการสอนประสบผลสาํ เรจ็


Click to View FlipBook Version