นวัตกรรมการเพิ่มคุณภาพอาหารหมักส าเร็จรูป (FTMR) Innovative Approaches to Elevate the Quality of Fermented Total Mixed Ration พงศกร ยอดภิรมย์ อาจารย์ที่ปรึกษา อ.ดร.ชานนท์ สุนทรา สาขาวิชาสัตวศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น บทคัดย่อ การจัดการให้อาหารจากวิธีดั้งเดิมที่แยกให้อาหารหยาบและอาหารข้น มีผลกระทบต่อกระบวนการย่อยอาหาร ในกระเพาะหมักของสัตว์เคี้ยวเอื้อง การหันมาใช้อาหารหมักส าเร็จรูป (Fermented Total Mixed Ration: FTMR) จะ ช่วยท าให้สารอาหารสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายของสัตว์เคี้ยวเอื้องได้ง่ายและมีประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น การศึกษาครั้งนี้มี วัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมนวัตกรรมการเพิ่มคุณภาพอาหารหมักส าเร็จรูป (FTMR) โดยนวัตกรรมที่ถูกน ามาใช้ในการเพิ่ม คุณภาพอาหาร FTMR ได้แก่ การปรับปรุงด้วยการทดแทนวัตถุดิบอาหาร การใช้สารเคมีเติมแต่งในอาหาร FTMR และการ ใช้จุลินทรีย์ในอาหาร FTMR นวัตกรรมที่กล่าวมาข้างต้นจะช่วยในการเพิ่มศักยภาพในการปรับปรุงคุณค่าทางโภชนะต่างๆ เพิ่มองค์ประกอบของโปรตีนและลดองค์ประกอบของเยื่อใยของอาหารสัตว์เคี้ยวเอื้อง ช่วยเพิ่มผลผลิต การย่อยได้ของ โภชนะ และอายุการเก็บรักษาที่นานขึ้นได้อย่างไรก็ตามการน านวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มคุณภาพอาหารหมักส าเร็จรูป (FTMR) นั้น จะต้องค านึงถึง สภาพแวดล้อม ปริมาณ วัตถุดิบ ความชื้น และสัดส่วนอาหารหยาบต่ออาหารข้นด้วย ค าส าคัญ : อาหารหมักส าเร็จรูป (FTMR); นวัตกรรม; ปรับปรุงทดแทนวัตถุดิบอาหาร; จุลินทรีย์ในอาหาร; การใช้สารเคมี เติมแต่ง เอกสารน าเสนอในวิชา AG174761 การสัมมนาทางสัตวศาสตร์ นักศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิชาสัตวศาสตร์ ประจ าภาคต้น ปีการศึกษา 2566
บทน า การใช้ประโยชน์นวัตกรรมอาหารสัตว์และระบบการจัดการให้อาหารในรูปอาหารผสมครบส่วน/ อาหารผสม ส าเร็จรูป (total mixed ration, TMR) โดยการน าเอาอาหารหยาบและอาหารข้นมาผสมให้เข้ากัน เพื่อให้สัตว์ได้กิน อาหารหยาบและอาหารขันไปพร้อมๆกัน (Schinscetbe, 2017) แต่อย่างไรก็ตามอาหาร TMR มีข้อจ ากัดด้านอายุการ เก็บรักษาซึ่งจ าเป็นต้องผลิตรายวัน (เช้า-บ่าย) ท าให้มีต้นทุนด้านแรงงานสูงขึ้น และส่วนมากอาหาร TMR มีลักษณะเป็น ฝุ่นผงยิ่งถ้าเป็นแหล่งอาหารหยาบที่มีความฟ่ามสูงๆ ได้แก่ ฟางข้าว แล้วด้วยนั้นยิ่งท าให้ TMR มีฝุ่นมากท าให้อาหารมี ความน่ากินลดลง ดังนั้นการเติมน้ าลงในอาหาร TMR หรือการ ใช้ผลพลอยได้จกการเกษตรที่มีความชื้นสูงๆ มาผสมใน อาหาร TMR ให้มีความชื้นเหมาะสมเพื่อช่วยลดฝุ่น และ ท าให้อาหารมีความนุ่มเพิ่มมากขึ้น จึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยเพิ่ม ความน่ากินของอาหารได้ (Kim et al, 2012; 2017; Kung et al, 2018; Zhang et al, 2020; Bueno et al, 2020; Yang et al, 2021) ยิ่งกว่านั้นการน า TMR มาหมักในสภาวะไร้ออกซิเจน (anaerobic conditions) ในขณะที่มีความชื้น และอุณหภูมิที่เหมาะสมช่วยให้จุสินทรีย์ที่มีประโยชน์เจริญเติบโตได้ดีและเกิดกระบวนการหมักซึ่งจะช่วยลดความเน่าเสีย ท าให้โภชนะไม่ถูกท าลายและเก็บรักษาอาหารไว้ใช้ในช่วงที่ขาดแคลนอาหารซึ่งเรียกว่าอาหารหมักส าเร็จรูป (Fermented total mixed ration, FTMR) ซึ่งปัจจุบันเกษตรกรในประเทศไทยมักใช้อาหาร FTMR และหญ้าหมัก TMR เป็นระบบการให้อาหารสัตว์เคี้ยว เอื้อง ศูนย์บริการสหกรณ์การเกษตรที่ให้บริการอาหาร FTMR ที่มีจ านวนเพิ่มขึ้น เทคโนโลยีการให้อาหาร TMR ผสมผสาน คุณประโยชน์ของอาหารที่มีสารอาหารสมดุลจากผลพลอยได้จากอุตสาหกรรมเกษตรที่มีความชื้นสูงและอาหารหมักที่เป็น เนื้อเดียวกัน ในกระบวนการนี้ อาหารที่มีความชื้นสูง เช่น เนื้อมันส าปะหลัง เมล็ดพืชหมัก กากถั่วเหลือง และเศษผัก จะ ถูกน ามาผสมกับอาหารแห้ง เช่น ฟางข้าว ร าข้าว (Kongphitee and Sommart 2016; Nishino et al. 2003ว Subepang et al. 2019)การใช้ประโยชน์นวัตกรรมอาหารสัตว์และการจัดการให้อาหารโคด้วยอาหาร FTMR จะช่วยเพิ่ม ประสิทธิภาพการกินได้ การย่อยได้ เพิ่มอัตราการเจริญเติบโตเฉลี่ยต่อวัน ซึ่งส่งผลต่อการลดต้นทุนการผลิต เพิ่ม ประสิทธิภาพการผลิตเนื้อโคคุณภาพ (Kongphitee and Sommart, 2016; Kaewpila et al., 2018; Kongphitee et al., 2018) การจัดท าสัมมนาในครั้งนี้ผู้จัดท าสัมมนาจะส ารวจและรวบรวม นวัตกรรมการเพิ่มคุณภาพอาหาร FTMR ที่ เกิดขึ้น ได้แก่ การปรับปรุงด้วยการทดแทนวัตถุดิบอาหาร การใช้สารเคมีเติมแต่งในอาหาร FTMR และการใช้จุลินทรีย์ใน อาหาร FTMR ที่สามารถใช้ในกระบวนการผลิตเพื่อให้ได้อาหารสัตว์เคี้ยวเอื้องที่มีคุณภาพสูงและมีประสิทธิผลสูงในการ เลี้ยงสัตว์ เราหวังว่าข้อมูลในงานนี้จะเป็นแรงบันดาลใจและการศึกษาในการพัฒนาวิธีการผลิตอาหาร FTMR ที่มี คุณภาพสูงส าหรับสัตว์เคี้ยวเอื้องในอนาคต 1. อาหารสัตว์เคี้ยวเอื้อง อาหารสัตว์เคี้ยวเอื้อง (Ruminant Animal Feed) คืออาหารที่ออกแบบมาเพื่อตรงต่อความต้องการของสัตว์เคี้ยว เอื้อง เช่น วัว แพะ และกระบือ ซึ่งมีระบบย่อยอาหารที่ซับซ้อนทางชีวภาพ มีลักษณะการย่อยอาหารที่แตกต่างจากสัตว์ที่ มีกระเพาะอื่น ๆเนื่องจากกระเพาะของสัตว์เคี้ยวเอื้องที่ประกอบด้วยหลายส่วน ท าหน้าที่ในกระบวนการย่อยอาหารและ สังเคราะห์วัตถุดิบอาหารให้กลายเป็นสารอาหารที่สามารถดูดซึมและใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยส่วนใหญ่จะ ประกอบด้วยโภชนะที่จ าเป็นต่อสัตว์เคี้ยวเอื้อง เช่น คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน วิตามิน และแร่ธาตุ โดยมีการค านึงถึง อัตราส่วนและความสมดุลของสารอาหารเพื่อให้สัตว์สามารถดูดซึมและใช้ประโยชน์จากอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Van, 2018)
อาหารสัตว์เคี้ยวเอื้องสามารถประกอบด้วยหลายประเภท เช่น หญ้าแห้ง หญ้าสด ฟาง และอาหารเสริมที่ ปรับปรุงคุณภาพของอาหารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ตรงตามความต้องการโภชนะของสัตว์นอกจากนี้ ยังมีการพิจารณา ปัจจัยอื่น ๆ เช่น ราคา ความสามารถในการจัดหา และผลกระทบต่อสุขภาพและประสิทธิภาพการเจริญเติบโตของสัตว์ เคี้ยวเอื้องด้วย (Pond et al. 2004) สัตว์เคี้ยวเอื้องมีความสามารถในการเปลี่ยนอาหารหยาบ อาหารข้นและวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่มีคุณภาพต่างๆให้ ได้ผลผลิตได้ โดยทั่วไปหญ้าหรือพืชอาหารสัตว์ตลอดทั้งผลพลอยได้ทางการเกษตรหรือเรียกว่า “อาหารหยาบ” เป็น อาหารส าหรับสัตว์เคี้ยวเอื้อง แต่เนื่องจากสัตว์เคี้ยวเอื้องนั้นให้ผลผลิตสูงและต้องการสารอาหารเพื่อด ารงชีพ การสืบพันธุ์ และการเจริญเติบโต จึงจ าเป็นต้องให้อาหารที่มีความเข้มข้นของโภชนะสูง หรือเรียกว่า “อาหารข้น” ควบคู่ไปด้วยเพื่อให้ เพียงพอต่อความต้องการส าหรับสัตว์(ประมุข, 2547) 1.1 อาหารหยาบ อาหารหยาบ หมายถึง อาหารที่มีเยื่อใยสูงกว่า 18 % มีโภชนะย่อยได้ต่ าซึ่งส่วนใหญ่ได้แก่ ต้นหรือใบพืช ที่ ใช้เป็นอาหารสัตว์ เช่นพืชตระกูลหญ้าและถั่วต่างๆ รวมทั้งผลพลอยได้ทางการเกษตรต่างๆที่สามารถน ามาเป็นอาหารสัตว์ เคี้ยวเอื้องได้ เช่น ฟางข้าว ต้นข้าวโพด ชานอ้อย เปลือกและต้นถั่วเหลือง โดยทั่วไป อาหารหยาบมีความสามารถในการ กระตุ้น และส่งเสริมการบดเคี้ยวอาหาร การหลั่งน้ าลาย การเคี้ยวเอื้อง การพัฒนากระบวนการหมักในรูเมน อย่างไรก็ตาม หากสัตว์เคี้ยวเอื้องได้รับอาหารที่มีเยื่อใยไม่เพียงพอหรือมากเกินไป จะท าให้เกิดผลเสียต่อผลผลิตและสุขภาพของสัตว์ (กฤตพล, 2546; ฉลอง, 2541; สินชัย และคณะ, 2546) อาหารหยาบหรืออาหารเยื่อใย สามารถแบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ 1) พืชอาหารสัตว์ (forages, forage crops ) หมายถึงพืชตระกูลหญ้า (Gramineae) และพืช ตระกูลถั่ว (Leguminoseae) ที่ปลูกเพื่อวัตถุประสงค์หลักในการ ใช้ล าต้นและใบ ในสภาพสดหรือแห้ง 2) ผลพลอยได้ทางการเกษตร (crop- residues) เป็นผลพลอยได้จากการเก็บเกี่ยว พืชใน ฤดูกาลต่าง ๆ เช่น ฟางข้าว ต้นและเปลือกข้าวโพดฝักอ่อน ต้นข้าวโพดหวาน ยอดอ้อย ต้น และมันเฮย์ (cassava hay, CH) เป็นต้น (เมธา, 2533) 1.2 อาหารข้น (concentrate) อาหารข้น หมายถึง วัตถุดิบอาหารสัตว์ที่มีความเข้มข้นของโภชนะ ต่อหน่วยน้ าหนักสูง มีเยื่อใยต่ ากว่า 18 เปอร์เซ็นด์ และความสามารถในการย่อยได้สูง 80- 90% (ฉลอง, 2541; กฤตพล, 2546; สินชัย และคณะ, 2546) อาจจะ เป็นวัตถุดิบอาหารชนิดเดียวหรือหลายชนิดประกอบกันเป็นสูตรอาหาร เช่น กากถั่วเหลือง,กากเมล็ดนุ่น, กากเมล็ดฝ้าย, ข้าวโพด, มันเส้น, ร าละเอียด ฯลฯ ใช้เสริมกับอาหารหยาบเพื่อเพิ่มผลผลิต (สินชัย, 2546 ) อาหารข้น เป็นอาหารเสริม ส าหรับเป็นแหล่งพลังงาน โปรตีน แร่ธาตุ และวิตามิน ส าหรับสัตว์เคี้ยวเอื้อง เพื่อให้สัตว์ได้รับสารอาหารที่เหมาะสมต่อ การเจริญเติบโตและให้ผลผลิต อาหารข้นเป็นการน าเอาวัตถุดิบที่มีส่วนประกอบของพลังงานและโปรตีนสูงมารวมกันใน สัดส่วนที่ เหมาะสม (ฉลอง, 2541) 1.3 อาหาร TMR อาหารผสมส าเร็จรูป อาหารผสมส าเร็จรูป (TMR) เป็นรูปแบบหนึ่งของอาหารสัตว์ ที่ประกอบด้วยอาหารหยาบ อาหารข้น แร่ธาตุ วิตามิน และสารปรุงแต่งอื่นๆ ในสัดส่วนที่ก าหนด มีการใช้กันอย่างแพร่หลายเพื่อให้สัตว์เคี้ยวเอื้องได้รับสารอาหารที่ เพียงพอและสมดุล ซึ่งสามารถท าให้การท างานของจุลินทรีย์คงที่และเพิ่มการใช้พลังงานและการใช้โปรตีนในกระเพาะรู เมน (Nishino et al. 2003) แต่อย่างไรก็ตาม ระบบการ จัดการให้อาหาร TMR ส่วนมาก มีลักษณะเป็นฝุ่นผงยิ่งถ้าเป็น แหล่งอาหารหยาบที่มีความฟ่ามสูงๆ ได้แก่ ฟางข้าว แล้วด้วยนั้นยิ่งท าให้ TMR มีฝุ่นมากท าให้อาหารมีความน่ากินลดลง ดังนั้นการเติมน้ าลงในอาหาร TMR หรือการ ใช้ผลพลอยได้จกการเกษตรที่มีความชื้นสูงๆ มาผสมในอาหาร TMR ให้มี ความชื้นเหมาะสมเพื่อช่วยลดฝุ่น และ ท าให้อาหารมีความนุ่มเพิ่มมากขึ้น จึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยลดความน่ากินของ อาหารได้ (Kim et al, 2012; Kung et al, 2018; Bueno et al, 2020; Yang et al, 2021)
2. อาหารหมักส าเร็จรูป (Fermented Total Mixed Ration, FTMR) อาหารหมักส าเร็จรูป (Fermented total mixed ration, FTMR) คือ การหมักอาหารหยาบร่วมกับอาหารข้น เช่น น าอาหารที่มีประโยชน์และยังคงสมดุลของสารอาหารซึ่งเป็นผลพลอยได้จากอุตสาหกรรมการเกษตรที่มีความชื้นสูง และอาหารหมักที่เป็นเนื้อเดียวกัน ในกระบวนการนี้ อาหารสัตว์ที่มีความชื้นสูง เช่น กากมันส าปะหลัง เมล็ดพืชหมักและ กากถัวเหลือง จะถูกน ามาผสมร่วมกับอาหารแห้ง เช่น ฟางข้าว ร าข้าว และมันเส้น โดยผ่านกระบวนการวิเคราะห์สัดส่วน วัตถุดิบให้ได้คุณค่าทางโภชนะที่เหมาะสมส าหรับสัตว์เคี้ยวเอื้องในแต่ละช่วงอายุและระดับการให้ผลผลิตของสัตว์ (Kongphitee and Sommart 2016) การผลิต FTMR นั้นจะถูกบรรจุในที่เก็บอาหารโดยจะถูกปิดให้สนิทเพื่อสร้าง สภาพแวดล้อมแบบไม่ใช้ออกซิเจนเพื่อให้เกิดกระบวนการหมัก และหมักอย่างน้อยที่สุดเป็นเวลาประมาณ 7 วัน (Dai, Dong et al. 2022) ในขณะที่มีความชื้น 50-60% ของปริมาณน้ าหนักแห้งและอุณหภูมิที่เหมาะสมช่วยให้จุสินทรีย์ที่มี ประโยชน์เจริญเติบโตได้ดีและเกิดกระบวนการหมักซึ่งจะช่วยลดความเน่าเสียท าให้โภชนะไม่ถูกท าลายและเก็บรักษา อาหารไว้ใช้ในช่วงที่ขาดแคลนอาหาร ซึ่ง FTMR เป็นสูตรอาหารหมักส าเร็จรูปประเภทหนึ่งที่สามารถตอบสนองความ ต้องการทางโภชนาการของสัตว์เคี้ยวเอื้องได้ โดยอาหาร FTMR นั้นจะมีอายุการเก็บรักษาที่ดีกว่า (Kongphitee and Sommart 2016; Nishino et al. 2003; Subepang et al. 2019)ความคงตัวแบบแอโรบิก (Nishinoet al. 2003; Li et al. 2016)ปริมาณอาหารและการย่อยได้ (Yuangklang et al. 2004) ช่วยเพิ่มลักษณะการหมักในกระเพาะรูเมน ลดก๊าซ มีเทนในล าไส้ (Kongphitee and Sommart 2016) และปรับปรุงประสิทธิภาพการเจริญเติบโต และองค์ประกอบของ กรดไขมันของไขมันในกล้ามเนื้อ (ไขมันแทรก) ในโคเนื้อ (Subepang et al. 2019; Kongphitee et al. 2018) 3. กระบวนการหมักของอาหารหมักส าเร็จรูป (Fermented Total Mixed Ration: FTMR) กระบวนการหมักหญ้าหมัก ระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับการหายใจของเซลล์พืช จะมีความร้อนและก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์มาก ระยะที่ 2: คือระยะการหมักซึ่งมีลักษณะการขาดออกซิเจนและการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์แบบ ไม่ใช้ออกซิเจน วันที่ 2-3 เริ่มผลิตกรดอะซิติก ระยะที่ 3: คือระยะที่มั่นคงซึ่งเกิดการลดลงของจุลินทรีย์และความเสถียร ของกระบวนการหมัก วันที่ 4-5 จะผลิตกรดแลคติค และอาจมีของเหลวจากการหมักไหลออกมา (ซึม) ระยะที่ 4: การหมัก ด าเนินต่อไปเป็นเวลา 15 -20 วัน: ในระหว่างขั้นตอนนี้จะผลิตกรดแลคติคจ านวนมาก เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของ จุลินทรีย์เอง ระยะที่ 5: การหมักที่สมบูรณ์จะมีระยะเวลาคงที่ เพื่อให้กระบวนการหมักที่มีคุณภาพ สิ่งส าคัญคือต้องก าจัด ออกซิเจนออกจากกระบวนการเพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์แอโรบิคเนื่องจากจุลินทรีย์แอโรบิคสามารถแข่ง ขันกับจุลินทรีย์แบบไม่ใช้ออกซิเจนที่รับผิดชอบกระบวนการหมักซึ่งน าไปสู่การลดคุณภาพและปริมาณของผลิตภัณฑ์ขั้น สุดท้ายโดยการควบคุมกระบวนการหมักอย่างรอบคอบและการก าจัดออกซิเจนท าให้สามารถผลิตผลิตภัณฑ์หมัก คุณภาพสูงที่มีรสชาติ เนื้อสัมผัส และกลิ่นหอมที่สม่ าเสมอ (McElhinney, 2015)
ภาพที่2 : การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในช่วงต่าง ๆ ของอาหารจากพืชหมัก ที่มา: Food Safety Authority of Ireland (2021) การผลิต FTMR นั้นจะถูกบรรจุในที่เก็บอาหารโดยจะถูกปิดให้สนิทเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมแบบไม่ใช้ออกซิเจน เพื่อให้เกิดกระบวนการหมัก (Dai et al. 2022) กระบวนการหมักที่ไม่ใช้ออกซิเจนนี้เกิดขึ้นโดยการใช้กลูโคส (glucose) ซึ่งจะเข้าร่วมในกระบวนการไกลโคลิซิส (glycolysis) ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นกรดไพรูวิก (pyruvic acid) แล้วกรดไพรูวิกนี้จะ เปลี่ยนเป็นกรดแลคติก (lactic acid) โดยมีเอนไซม์แลกเตทดีโฮโดรจีเนส (Lactate dehydrogenase) เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา การสลายกลูโคส กระบวนการหมักด้วยกรดแลคติกนี้สร้าง ATP 2 โมเลกุลและกรดแลคติก 2 โมเลกุลโดยไม่มีก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์เกิดขึ้น (ภาพที่ 1) นอกจากนี้ในกระบวนการนี้ยังมีแบคทีเรียกลุ่มที่ไม่ใช้ออกซิเจน ที่ช่วยกระบวนการ หมัก โดยเฉพาะในสภาพที่ขาดออกซิเจน แบคทีเรียกลุ่มนี้มีคุณสมบัติในการท างานในสภาพที่มีน้ าตาลสูงและท าให้เกิดกรด แลคติกได้เร็วขึ้น ปกติจะมีปริมาณกรดแลคติกประมาณ 1 - 1.5% ของน้ าหนักแห้งและค่า pH ประมาณ 3.8 - 4.2 นอกจากนี้ยังมีแบคทีเรียกลุ่มที่ย่อยโปรตีน (Proteolytic bacteria) ซึ่งจะเปลี่ยนโปรตีนเป็นแอมโมเนีย (ammonia) และ กรดอะมิโน (amino acids) และเอมีน (amine) และเอไมด์ (amide) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ต้องการในกระบวนการหมัก และเป็นสาเหตุที่ท าให้อาหารหมักมีคุณภาพต่ าดังนั้นจึงต้องเพิ่มคาร์โบไฮเดรตเพื่อให้การใช้โปรตีนเป็นแหล่งพลังงาน และ ท าให้เกิดกระบวนการหมักอย่างเหมาะสมและมีผลท าให้พืชหมักที่ได้มีคุณภาพที่ดีและไม่ส่งผลให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ (สายัณต์, 2540) ภาพที่2 : กระบวนการหมักกรดแลกติค ที่มา: สายัณต์(2540)
4. นวัตกรรมที่เพิ่มคุณภาพของอาหารหมักส าเร็จรูป (Fermented Total Mixed Ration: FTMR) 4.1 ผลของการปรับปรุงทดแทนวัตถุดิบอาหาร คุณค่าทางโภชนะเป็นปัจจัยที่ส าคัญต่อความต้องการพลังงานและสารอาหารในการด ารงชีวิตและ ผลผลิตของสัตว์ การปรับปรุงทดแทนวัตถุดิบอาหารมาใช้ในการเพิ่มคุณภาพของอาหาร FTMR จากการรวบรวมเอกสาร การปรับปรุงทดแทนวัตถุดิบอาหารมาใช้ในการเพิ่มคุณภาพของอาหาร FTMR (Table 1) Kotupan and Sommart (2021) ศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบของการทดแทนมันส าปะหลังด้วยปลายข้าว ในอาหาร FTMR ที่มีต่อคุณภาพอาหารหมัก พบว่า การเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบทางเคมีในช่วงการะบวนการหมักส่งผลให้ปริมาณโปรตีนเพิ่มขึ้นหลังเกิดกระบวนการ หมัก สูตรอาหารมีช่วงปริมาณโปรตีนดิบ 9.1% - 11.0% ก่อนที่จะท าการหมักและปริมาณโปรตีนเพิ่มขึ้นเป็น 10.3% - 11.5% หลังจากท าการหมักเป็นเวลา 7 วัน ปริมาณโปรตีนดิบที่ค่อนข้างสูงในอาหารผสมทั้งหมดที่ผ่านการหมักสามารถ อธิบายได้จากการเพิ่มขึ้นของประชากรจุลินทรีย์และกระบวนการหมักนานกว่า 7 วันของการหมักและจ านวนแบคทีเรีย กรดแลคติกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยส าคัญ ในทางตรงกันข้ามการนับแบคทีเรียแบบไม่ใช้ออกซิเจนและเชื้อราและยีสต์ลดลง และ ค่า pH ของอาหาร FTMR ยังลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยวันที่ 7 ของกระบวนการหมักเมื่อปลายข้าวถูกน ามาใช้แทนมัน ส าปะหลังในอาหาร FTMR และท าให้เยื่อใยที่ไม่ละลายในสารฟอกที่เป็นกลางและเยื่อใยที่ไม่ละลายในสารฟอกที่เป็นกรด ลดลงเมื่ออายุหมักเพิ่มขึ้น ผลที่ได้ชี้ให้เห็นว่าการทดแทนมันส าปะหลังด้วยปลายข้าว ในอาหาร FTMR จะช่วยปรับปรุง คุณภาพอาหารหมัก และการศึกษาของ Zhang et al. (2020) ศึกษาตรวจสอบผลกระทบของการให้อาหารวัวนมด้วย อาหารหมักส าเร็จรูป (FTMR) ที่มีฟีดกลูเตนข้าวโพดเปียก (Wet corn gluten feed, WCGF) และข้าวโพดสโตเวอร์(Corn stover) ร่วมกัน แทนที่หญ้าแห้งอัลฟัลฟา (Alfalfa hay) พบว่า การแทนที่ หญ้าแห้งอัลฟัลฟา ด้วย WCGF ร่วมกับ ข้าวโพดสโตเวอร์ท าให้มีโปรตีนหยาบในอาหารเพิ่มขึ้นและท าให้เยื่อใยที่ไม่ละลายในสารฟอกที่เป็นกลางและเยื่อใยที่ไม่ ละลายในสารฟอกที่เป็นกรดลดลงเมื่ออายุหมักเพิ่มขึ้นและค่า pH ของอาหาร FTMR ยังลดลงอย่างเห็นได้ชัดและยังมี จ านวนแบคทีเรียกรดแลคติกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยส าคัญ และการศึกษาของ Liu et al. (2022) ศึกษาผลของอัตราส่วน หญ้าอัลฟัลฟ่าและข้าวโอ๊ตต่อองค์ประกอบทางเคมี ลักษณะการหมักและชุมชนของเชื้อราในระหว่างการสัมผัสแบบแอโรบิ กของอาหารผสมรวมหมัก พบว่า สูตรอาหาร FTMR ที่เสริมหญ้าอัลฟัลฟ่ามีโปรตีนที่สูงกว่าข้าวโอ๊ตและเยื่อใยที่ไม่ละลาย ในสารฟอกที่เป็นกลางและเยื่อใยที่ไม่ละลายในสารฟอกที่เป็นกรดมีค่าน้อยกว่าข้าวโอ๊ต และ Wang et al. (2016) ศึกษา ตรวจสอบพลวัตที่เกี่ยวข้องกับการเสื่อมสภาพเป็นเวลานานและการเสื่อมสภาพแบบแอโรบิกของหมักข้าวโพดทั้งฝัก (WCC) และหมักแบบผสมอาหาร TMR ที่มี WCC (C-TMR) พบว่า ปริมาณโปรตีนเพิ่มขึ้นส าหรับอาหารทั้งสองแต่ใน CTMR จะมีโปรตีนมากกว่าใน WCC และเยื่อใยที่ไม่ละลายในสารฟอกที่เป็นกลางลดลงเมื่อมีการหมัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน C-TMR แต่ปริมาณเยื่อใยที่ไม่ละลายในสารฟอกที่เป็นกรดเพิ่มขึ้นในห WCC ในขณะที่ C-TMR มีปริมาณมีแนวโน้มที่จะ ลดลงและพบว่ามีค่า pH ค่อนข้างต่ าและแบคทีเรียแอโรบิกยังถูกยับยั้งภายใน 7 วันหลังจากการหมัก นอกจากนี้ LAB ที่ ตรวจพบในระดับสูงเกิน 10 6cfu/g ใน WCC และ C-TMR ก็ถูกยับยั้งเช่นกันด้วยการยืดเวลานาน
DM, dry matter; FM, Fresh matter; OM, organic matter; CP, crude protein; NDF, neutral detergent fiber; ADF, acid detergent fiber; LAB, Lactic acid bacteria; AB, Aerobic bacteria; WCC, whole crop corn; C-TMR, total mixed ration containing whole crop corn 4.2 ผลของการใช้สารเคมีเติมแต่งในอาหาร FTMR การใช้สารเคมีเติมแต่งในอาหาร FTMR อาจเป็นแนวทางในการปรับปรุงคุณภาพอาหาร FTMR (Table 2) โดย Dai al. (2022) ได้ศึกษาผลกระทบของสารเคมี4 ชนิดต่อคุณภาพการหมัก ความคงตัวของแอโรบิก และ การย่อยได้ของกระเพาะรูเมนในหลอดทดลองของอัตราส่วนอาหาร FTMR โดย FTMR ถูกเสริมด้วย 1) ไม่มีสารเติมแต่ง (กลุ่มควบคุม); 2) โซเดียม ไดอะซิเตต(SDA); 3) แคลเซียมโพรพิโอเนต (CAP) 4) โซเดียมเบนโซเอต (SB); (5) โพแทสเซียม Table 1 Chemical composition and Microbial composition of ingredients used for the formulation of Fermented Total Mixed Ration Reference Treatment Chemical compositions pH Microbial composition DM OM CP NDF ADF LAB AB Yeast Molds (g/kg FM) ----------- (g/kg DM) ----------------- --------- (log10 CFU/gFM) --------- Kotupan and Sommart (2021) Cassava chips (Day 0 silage) 43.7 94.6 91 33.9 4.3 6.33 423a 606c 32.0a 0.60a Broken rice (Day 0 silage) 42.5 94.8 110 33.4 3.4 6.5 116c 1,853a 5.91c 0.35b Cassava chips (Day 7 silage) 40.8 94.6 103 28.4 2.6 3.79 1,200 a 73.5a - - Broken rice (Day 7 silage) 40.2 95.2 115 26.4 2.6 3.8 123c 10.7c - - Zhang et al. (2020) Alfalfa hay 470b - 179b 371b 213a 6.04a 6.07b 6.27b - - Wet corn gluten feed and Corn stover 461c - 191a 357a 205b 4.69b 84.8a 22.3a - - Liu et al. (2022) Oat hay 63.21 - 131 55.3a 33.77 4.49 5.91b 6.74a - - Alfalfa hay 63.17 - 133 43.2c 29.53 4.55 5.9b 6.05a - - Wang et al. (2016) WCC (0 day) 198a 931a 911 c 522 287c 6.15a 6.6c 7.79a 6.44a - C-TMR (0 day) 444h 902 142j 464h 275 5.04 9.47h 8.36 7.71h - WCC (14 day) 184b 928bc 982 ab 515 308a 3.58b 7.69b 4.67b 3.98b - C-TMR (14 day) 428i 901 143ij 437i 272 4.04 8.36i 6.03 3.28i - WCC (56 day) 176c 926c 102a 508 304ab 3.58b 6.23c 4.59b 2.4c - C-TMR (56 day) 425i 901 145h 431i 269 4.03 5.65k 5.84 2.4j -
ซอร์เบต (PS) โดยน้ าหนักสดหลังจากการหมักเป็นเวลา 60 วัน พบว่า การเสริมสารเคมีทั้ง 4 ชนิดช่วยเพิ่มปริมาณวัตถุ แห้ง, โปรตีนดิบ,แบคทีเรียกรดแลคติคแต่จ านวนแบคทีเรียแอโรบิก จ านวนยีสต์และค่า pH มีค่าลดลงหลังจากผ่าน กระบวนการหมักเป็นเวลา 60 วัน และยังพบว่าการย่อยได้ของวัตถุแห้งและโปรตีนดิบ FTMR ที่บ าบัดด้วย SB และ PS มี การผลิตก๊าซสะสม สูงกว่า ( p < 0.05) และความสามารถในการย่อยวัตถุแห้ง ในหลอดทดลองได้สูงกว่า FTMR อื่นๆ ผลลัพธ์เหล่านี้บ่งชี้ว่า SB และ PS มีประสิทธิภาพมากกว่าในการปรับปรุงความเสถียรของแอโรบิกและ พารามิเตอร์ใน กระเพาะรู เมนในหลอดทดลองและแนะน าให้ใช้เป็นสารเติมแต่งที่เหมาะสมที่สุดส าหรับ FTMR และ Yuan et al. (2015) ได้ศึกษาผลของการใช้หัวเชื้อจุลินทรีย์ กากน้ าตาล และเอทานอลต่อคุณภาพการหมัก คุณค่าทางโภชนาการและความ เสถียรทางแอโรบิกของ อาหาร FTMR โดย อาหาร FTMR ถูกเสริมด้วย 1) ไม่มีสารเติมแต่ง (ควบคุม), 2) เอทานอล (E), 3) กากน้ าตาล (M); 4) เอทานอล + กากน้ าตาล (EM) พบว่าการเสริมสารเคมีทั้ง 3 ชนิดช่วยเพิ่มปริมาณโปรตีนดิบและ อาหาร FTMR ที่เสริมด้วยเอทานอลมีค่า pH สูงที่สุดและลดจ านวนแบคทีเรียกรดแลกติก,แบคทีเรียแอโรบิก และยีสต์ และพบว่าจ านวนแบคทีเรียแอโรบิกและยีสต์ในกลุ่มควบคุมที่เสริม M เพิ่มขึ้นสูงกว่าอาหาร FTMR ที่เสริมเอทานอล E และ EM หลังจาก 9 วันที่มีการสัมผัสแอโรบิก ผลลัพธ์เหล่านี้บ่งชี้ว่าเอทานอลมีบทบาทส าคัญในการยับยั้งแบคทีเรียแอโร บิกและการเจริญเติบโตของยีสต์และ Wang et al. (2023) ได้ศึกษา ผลของหัวเชื้อแบคทีเรียกรดแลกติก (LAB) และ สารเติมแต่งทางเคมีต่อคุณภาพการหมัก ความคงตัวของแอโรบิก และ จลนพลศาสตร์การผลิตก๊าซ ในหลอดทดลองและ การย่อยได้ของอาหาร FTMR โดย อาหาร FTMR ถูกเสริมด้วย 1) ไม่มีสารเติมแต่ง (กลุ่มควบคุม); 2) calcium propionate (CAP; ใช้ที่ 0.5% FW); 3) sodium diacetate (SD; ใช้ที่ 0.5% FW); 4) potassium sorbate (PS; ใช้ที่ 0.1% FW) พบว่าการเสริมด้วยสารเสริมทั้ง 3 ชนิดเมื่อผ่านกระบวบการหมักท าให้ปริมาณวัตถุแห้งลดลงและโปรตีน เพิ่มขึ้นในส่วนของอาหารที่เสริม CAP มีโปรตีนที่เพิ่มขึ้นมากที่สุด Table 2 Effects of chemical additives on fermentation quality of fermented total mixed ration Reference Treatment Chemical compositions pH Microbial composition DM CP NDF ADF LAB AB Yeast Molds (g/kg FM) ---------- (g/kg DM) -------- ------ (log10 CFU/gFM) ------- Dai et al. (2022) Control 507c 94c 506 317 4.25a 6.88 3.3a 2.36a - SDA 511b 106b 503 316 3.93b 7.24 2.45b 1.94b - CAP 521b 124a 503 318 3.86b 7.09 2.43b 1.84b - SB 519ab 112a 501 314 4.14a 6.67 2.5b 1.97b - PS 523a 123a 504 313 4.19a 7.28 2.26b 1.88b - Yuan et al. (2015) Control 484a 132 539ab 288a 4.39b 6.95a 4.9a 3.98a - E 485b 137 533ab 245b 4.48a 6.06b 3.02b 3.16b - M 489b 139 543a 270ab 4.37b 7.11a 4.85a 4.03a - EM 486b 135 536ab 256b 4.38b 7.01b 4.79a 4 a - Wang et al. (2023) Control 555a 138 544b 186abc 4.66a 7.78ab 6.96ab 6.19a 5.69a CAP 532b 143 575a 181bc 4.65a 8.13a 7.29a 5.74b 3.44cd
SD 535b 139 558ab 196ab 4.63ab 8.14a 6.81b 5.84b 3.34d PS 524b 140 567ab 204a 4.58bc 7.55b 6.97ab 5.22c 3.85b DM: dry matter; cfu: colony forming unit; control: no additive; SDA: sodium diacetate; CAP: calcium propionate; SB:sodium benzoate; PS: potassium sorbate; CAP: calcium pro-pionate at 0.5% of fresh weight; SD: sodium diacetate at 0.5% of fresh weight; PS: potassium sorbate at 0.1% of fresh weight; E, ethanol; EM, ethanol + molasses; EL, ethanol + Lactobacillus plantarum; L, Lactobacillus plantarum; M, molasses 4.3 การใช้จุลินทรีย์ในอาหาร FTMR การใช้จุลินทรีย์เติมแต่งในอาหาร FTMR เป็นสิ่งที่ส าคัญเพื่อส่งเสริมกระบวนการหมักที่สามารถ ปรับปรุงคุณภาพของอาหารและเพิ่มประสิทธิภาพในการให้ประโยชน์แก่สัตว์(Table 3) โดย Yuan et al. (2015)ได้ ศึกษาผลของการใช้หัวเชื้อจุลินทรีย์ กากน้ าตาล และเอทานอลต่อคุณภาพการหมัก คุณค่าทางโภชนาการและความเสถียร ทางแอโรบิกของ อาหาร FTMR โดย อาหาร FTMR ถูกเสริมด้วย 1) ไม่มีสารเติมแต่ง (ควบคุม); (2) Lactobacillus plantarum (L); (3) เอทานอล + L. plantarum (EL) พบว่าการเสริมสารเคมีทั้ง 2 ชนิดช่วยเพิ่มปริมาณโปรตีนดิบและ อาหาร FTMR และมีค่า pH ลดลงหลังจากกระบวนการหมักและลดจ านวนแบคทีเรียแอโรบิก และยีสต์ และพบว่าจ านวน แบคทีเรียแอโรบิกในกลุ่มควบคุมที่เสริม L เพิ่มขึ้นสูงกว่าอาหาร FTMR ที่เสริม EL หลังจาก 9 วันที่มีการสัมผัสแอโรบิก ผลลัพธ์เหล่านี้บ่งชี้ว่า EL มีบทบาทส าคัญในการยับยั้งแบคทีเรียแอโรบิกและการเจริญเติบโตของยีสต์และ Wang et al. (2023) ได้ศึกษา ผลของหัวเชื้อแบคทีเรียกรดแลกติก (LAB) และสารเติมแต่งทางเคมีต่อคุณภาพการหมัก ความคงตัวของ แอโรบิก และ จลนพลศาสตร์การผลิตก๊าซ ในหลอดทดลองและการย่อยได้ของอาหาร FTMR โดย อาหาร FTMR ถูกเสริม ด้วย 1) ไม่มีสารเติมแต่ง (กลุ่มควบคุม); 2) Lactobacillus buchneri (LB; ใส่ที่ 1 × 10 6 cfu/g น้ าหนักสด (FW)); 3) Lactobacillus casei (LC; ใส่ที่ 1 × 10 6 cfu/g FW); พบว่าการเสริมด้วยสารเสริมทั้ง 2 ชนิดเมื่อผ่านกระบวบการหมัก ท าให้ปริมาณวัตถุแห้งลดลงและท าให้ค่า pH, จ านวนแบคทีเรียแอโรบิก ยีสต์และเชื้อราลดลงหลังจากกระบวนการหมัก และโปรตีนเพิ่มขึ้น ในส่วนของอาหารที่เสริม LC มีโปรตีนที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดและท าให้เยื่อใยที่ไม่ละลายในสารฟอกที่เป็น กรดลดลง Table 3 Effects of microorganism additives on fermentation quality of fermented total mixed ration Reference Treatment Chemical compositions pH Microbial composition DM OM CP NDF ADF LAB AB Yeast Molds ----------- (g/kg DM) ------------- ----- (log10 CFU/gFM) ----- Yuan et al. (2015) Control 484b - 132 539ab 288a 4.39b 6.95a 4.9a 3.98a L 509a - 138 513c 250b 3.97c 7.13a 3.61ab 3.08b - EL 490b - 140 523bc 251b 3.99c 6.39b 4.87a 3.12b - Wang et al. (2023) Control 555a - 138 544b 186abc 4.66a 7.78ab 6.96ab 6.19a 5.69a LB 514d - 139 543b 203a 4.55c 7.97ab 7.06ab 5.41c 3.74bc LC 509d - 142 564ab 173c 4.36d 7.61ab 7 ab 5.30 c 3.53cd DM: dry matter; cfu: colony forming unit; L, Lactobacillus plantarum; EL, ethanol + Lactobacillus plantarum; LB: Lactobacillus buchneriat 1 106cfu/g fresh weight; LC:Lactobacillus caseiat 1 106cfu/g fresh weight; WBT-NO: fermented winged bean tubers without yeast; WBT-P: fermented winged bean tubers with Pichia kudriazevii KKU20; WBT-C: fermented winged bean tubers with Candida tropicalis KKU20; WBT-S: fermented winged bean tubers with Saccharomyces cerevisiae;
สรุปผลการศึกษา จากการรวบรวมเอกสารข้างต้นสรุปได้ว่า การประกอบสูตรอาหาร FTMR โดยใช้นวัตกรรมการทดแทนวัตถุดิบ นั้นการทดแทนหญ้าแห้งอัลฟัลฟ่าด้วย WCGF และข้าวโพดสโตเวอร์อาจเป็นทางเลือกที่สามารถเพิ่มคุณภาพของอาหาร FTMR ได้ดีกว่าวัตถุดิบชนิดอื่นๆ ในส่วนของการใช้สารเคมีนั้นการเติมแคลเซียมโพรพิโอเนต (CAP) อาจเป็นทางเลือกที่ดี ที่สุดเนื่องจากมีโปรตีนที่เพิ่มขึ้นมากที่สุด และการใช้จุลินทรีย์โดยการเติมเอทานอลร่วมกับ L. plantarum (EL) นั้นอาจ เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเนื่องจากช่วยเพิ่มปริมาณโปรตีนในอาหาร FTMR และมีค่า pH ลดลงหลังจากกระบวนการหมักอีก ทั้ง EL มีบทบาทส าคัญในการยับยั้งแบคทีเรียแอโรบิกและการเจริญเติบโตของยีสต์แต่อย่างไรก็ตามนวัตกรรมทั้ง 3 ที่ ผู้จัดท าสัมมนารวบรวมมาสามารถเพิ่มปริมาณโปรตีนและลดปริมาณเยื่อใย NDF ADF และค่า pH เมื่ออายุระยะเวลาใน การหมักนานขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถท าให้จ านวนจ านวนจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์มีเพิ่มขึ้นส่วนจุลินทรีย์กลุ่มไม่เป็น ประโยชน์ลดลง กิตติกรรมประกาศ การท าสัมมนาฉบับนี้ส าเร็จลุล่วงไปด้วยดีด้วยความช่วยเหลือของ อ.ดร.ชานนท์ สุนทรา อาจารย์ที่ปรึกษา สัมมนา ท่านอาจารย์ได้ชี้แนะแนวทางในการท าสัมมนา ตั้งแต่ให้ค าปรึกษาหัวข้อในการท าและข้อคิดเห็นต่างๆ ช่วยเรียบ เรียงแก้ไขสัมมนาฉบับนี้ให้ถูกต้องสมบูรณ์ยิ่งขึ้น และกราบขอบ รศ.ดร.อนุสรณ์ เชิดทองและ รศ.ดร.สจี กัณหาเรียง อาจารย์ประจ ารายวิชาและอาจารย์ทุกท่านที่คอยแนะน าและช่วยให้การท าสัมมนาครั้งนี้ให้ส าเร็จลุล่วงไปด้วยดี
อ้างอิง เมธา วรรณพัฒน์. 2533. โภชนะศาสตร์สัตว์เคี้ยวเอื้อง. คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. ขอนแก่น. สายัณต์ ทัดศรี . (2540). พืชอาหารสัตว์เขตร้อนการผลิตและจัดการ. ภาควิชาพืชไร่นา. คณะเกษตร. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. ส านักงานเศรษฐกิจการเกษตร.(2565).สถิติประชากรการเลี้ยงโคประจ าปี 2565, สืบค้นเมื่อ 17 เมษายน 2566. จาก. https://www.oae.go.th/view/1/ข้อมูลเศรษฐกิจการเกษตร/TH-TH สินีนาฏ พลโยราช และเมธา วรรณพัฒน์. 2558. ศักยภาพในการใช้ยีสต์เป็นแหล่งโปรไบโอติก. แก่นเกษตร. 43: 191-206. Dai, T., et al. (2022). "The effectiveness of chemical additives on fermentation profiles, aerobic stability and in vitro ruminal digestibility of total mixed ration ensiled with Napier grass and wet distillers’ grains in southeast China." Italian Journal of Animal Science 21(1): 979-989. Food Safety Authority of Ireland. (2021). Good Manufacturing Practices for the Production of Ready-toeat Unpasteurised Fermented Plant-based Products. Dublin, Ireland. Kongphitee, K. and K. Sommart (2016). "Ensilage quality, digestibility and enteric methane emission of the fermented total mixed ration in Thai native beef cattle." Tropical Animal Science and Production (TASP 2016). Kongphitee, K., et al. (2018). "Feed intake, digestibility and energy partitioning in beef cattle fed diets with cassava pulp instead of rice straw." Asian-Australasian Journal of Animal Sciences 31(9): 1431. Li, Y., et al. (2016). "Lactic acid bacteria in total mixed ration silage containing soybean curd residue: Their isolation, identification and ability to inhibit aerobic deterioration." Asian-Australasian Journal of Animal Sciences 29(4): 516. McElhinney, C. (2015). The identification and quantification of mycotoxins in Irish farm silages, Queen's University Belfast. Nishino, N., et al. (2003). "Evaluation of fermentation and aerobic stability of wet brewers' grains ensiled alone or in combination with various feeds as a total mixed ration." Journal of the Science of Food and Agriculture 83(6): 557-563. Pond, W. G., et al. (2004). Basic animal nutrition and feeding, John Wiley & Sons. Subepang, S., et al. (2019). "Enteric methane emissions, energy partitioning, and energetic efficiency of zebu beef cattle fed total mixed ration silage." Asian-Australasian Journal of Animal Sciences 32(4): 548. TIMKLIP, C. and P. Saenphoom (2018). Effect of fermented total mixed ration (FTMR) from pineapple wastes on rumen ecology, nutrients digestibility and growth performance in crossbred goat, Silpakorn University. Van Soest, P. J. (2018). Nutritional ecology of the ruminant, Cornell university press.
Yuan, X., et al. (2015). "The effect of different additives on the fermentation quality, in vitro digestibility and aerobic stability of a total mixed ration silage." Animal Feed Science and Technology 207: 41-50. Yuangklang, C., et al. (2004). Effect of total mixed ration and fermented total mixed ration on feed intake, ruminal fermentation, nutrient digestibility and blood metabolites in dairy cows. Proceeding of the 11th AAAP Congress “New Dimensions and challenges for sustainable livestock farming” The Asian-Australasian Association of Animal Production Societies, Kuala Lumpur, Malaysia.