The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Sirisakool Klyprasert, 2022-08-01 04:24:22

กลอน

กลอน

กลอน

จัดทำโดย

ด.ญ.ศิริสกุล คล้ายประเสริฐ 26 2.13
ด.ญ.สัรญญรัตน์ ไกรกิจราษฎร์ 25 2.13
ด.ญ.กันตพร สีหะว
งษ์ 27 2.13
ด.ช.ญาณวุฒิ ภิญโญ 3 2.13
ด.ช.วรรณวิทย์ แสนทอง 16 2.13

เสนอ

นางสาวลฎาภา เผือกอ่อน

รายงานนี้เป็ นส่วนหนึ่ งของการเรียนวิชาภาษาไทย
ภาคเรียนที่๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๕
โรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม

กล
อน

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการแต่งกลอน

กลอน เป็นบทร้อยกรองประเภทหนึ่งที่มีความ
แตกต่างจากความเรียงร้อยแก้ว เนื่องด้วยมี
การบังคับคณะหรือจำนวนบท จำนวนบาท

คจำำนภวายนใคนำวภรารยคใรนววมรถรึคงสรัวม
มผัถสึงแจลำะนเสวีนยงบวาันทใจนำยนุควน

ซึ่ง ซึ่งบทร้อยกรองประเภทกลอนแบ่งได้หลาย
ประเภทโดยมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปเช่ เช่น
กลอนบทละคร กลอนสักวา กลอนเสภากลอน
ดอกสร้อยโดยใช้อ่านและฟั งเพื่ อความ
เพลิดเพลิน

การแต่งกลอนสุภาพ

กลอนสุภาพเป็ นร้อยกรองที่มีวิธีการแต่งค่อนข้าง
ง่ายเหมาะกับผู้เริ่มต้นแต่งคำประพันธ์มีฉันทลักษณ์
ดังนี้

ลักษณะบังคับของกลอนสุภาพ

๑). คณะ บทหนึ่งมี๒ คำกลอนหรือ๔ วรรควรรคหนึ่งๆ
มี๗ถึง๙คำส่วนมากนิยมให้มีแปดคำ
วรรคที่๑ เรียกว่าวรรคสดับ วรรคที่๒เรียกว่าวรรครับ
วรรคที่๓เรียกวรรครอง และวรรคที่๔เรียกว่าวรรคส่ง
การแต่งกลอน
การแต่งกลอนสุภาพเรื่ องหนึ่ งจะมีความยาวกี่บทก็ได้
แต่ต้องแต่งให้ครบบท คือ ต้องจบลงที่วรรคส่งเท่านั้น
๒). สัมผัส หมายถึงคำคล้องจองกันซึ่งการใช้คำสัมผัส
จะช่วยทำให้บทร้อยกรองมีท่วงทำนองเสียงที่ร้อยเรียง
เกี่ยวเนื่องทำให้เกิดเสียงเสนาะที่ไพเราะน่าฟัง สัมผัส
แบ่งออกเป็ น
สัมผัสใน เป็นสัมผัสที่อยู่ภายในวรรคช่วยทำให้บท
ร้อยกรองมีความไพเราะแต่ไม่ถือเป็ นข้อบังคับสัมผัส
ในมีทั้งสัมผัสสระและสัมผัสอักษร
สัมผัสนอก เป็นสัมผัสระหว่างวรรคและระหว่างบท
ด้วยคำที่บังคับจะมีสัมผัสสละคล้องจองกันถือเป็ น
สัมผัสบังคับ

สัมผัสระหว่างวรรค คำสุดท้ายของวรรคสดับ
สัมผัสกับคำที่๓หรือ๕ของวรรครับคำสุดท้าย
ของวรรครับสัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรครอง
สัมผัสระหว่างบท คำสุดท้ายของวรรคส่ง
สัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรครับในบทต่อไป




๓). เสียงวรรณยุกต์ การประพันธ์ กลอนสุภาพไม่
ได้มีการบังคับใช้เสียงวรรณยุกต์แต่กวีนิยมใช้
เสียงวรรณยุกต์ในตำแหน่งของกลอนสุภาพเพื่อ
การอ่านรับรสเสนาะของกลอนดังนั้นกวีจึงนิยม
กำหนดเสียงวันวรรณยุกต์ในคำสุดท้ายของแต่ละ
วรรค ดังนี้

วรรคสดับ : คำสุดท้ายใช้ได้ทุกเสียงไม่นิยมใช้เสียง
สามัญเพราะถือว่าเรียบและเบาเกินไป
วรรครับ : คำสุดท้ายนิยมใช้เสียงจัตวาไม่นิยมใช้
เสียงสามัญและเสียงตรี
วรรครอง : คำสุดท้ายนิยมใช้เสียงสามัญและเสียง
ตรีไม่นิยมใช้เสียงเอก เสียงโท เสียงจัตวา
วรรคส่ง : คำสุดท้ายใช้ได้ทุกเสียงแต่ไม่นิยมใช้
เสียงจัตวา

วิธีทำการกำหนดเสียงวรรณยุกต์ในคำสุดท้าย
ควรจำกลอนที่ดีไว้ซัก ๘ วรรค แล้วจึงพิจารณาที่
ห้ามและที่นิยมจากกลอนนั้นจะสะดวกยิ่งขึ้น

ประเภทของกลอนสุภาพ

กลอนสุภาพหรือกลอนแปดแบ่งออกได้เป็ นสอง
ประเภทคือการขับร้องและกลอนเพลงโดยการขับ
ร้อง โดยกลอนขับร้องแบ่งย่อยออกเป็น กลอนบท
ละคร กลอนเสภา กลอนสักวาและกลอนดอก
สร้อย ส่วนกลองเพลงแบ่งออกเป็นกลอนนิราศ
กลอนหก กลอนเพลงยาว

๑) กลอนบทละคร เป็นกลอนที่แต่งขึ้นสำหรับ
แสดงละครมีลักษณะบังคับเช่นเดียวกับกลอน
สุภาพนิยมแต่งวรรคละ ๖-๙ คำโดยคำนึงถึงคำร้อง
เป็ นสำคัญและมีลักษณะเฉพาะของคำขึ้นต้นบท
โดยขึ้นต้นบทด้วยคำว่า”มาจะกล่าวบทไป””เมื่อ
นั้น”และ”บัตรนี้”เช่น

๒) กลอนเสภา แต่งขึ้นสำหรับขับเสภาโดยมีกรับ
ขยับเป็นจังหวะเรียกว่า “ขับเสภา” และเมื่อเริ่ม
ต้นข้อความใหม่ให้ขึ้นต้นด้วยคำว่า “ครานั้น” ไว้
ต้นกลอนวรรคแรกจำนวนคำในวรรคไม่กำหนด
ตายตัวขึ้ นอยู่กับเนื้ อความที่ต้องการบรรยายและ
ความเหมาะสมของการเอื้อนเสียงประกอบการขับ
เสภา

๓)กลอนสักวา แต่เดิมใช้เล่นเป็นกลอนสดโต้ตอบ
กันสามารถเล่นโต้ตอบกันในเรื่องใดก็ได้โดยจำนวน
คำในวรรคขึ้นอยู่กับเนื้อความจะนิยมใช้ ๖-๙ คำ
สัมผัสเหมือนกลอนสุภาพแต่สามารถยืดหยุ่นคำ
สัมผัสได้ ปัจปัจจุบันนิยมแต่งกลอนสักวาเป็น ๔ คำ
กลอน หรือ ๘ วรรคโดยขึ้นต้นวรรคสดับบาทแรก
ว่า “สักวา” จบวรรคส่งของบท สุดท้ายว่า “เอย”
ถ้าจะแต่งต่อไปอีกให้ขึ้นบทใหม่โดยที่สัมผัสไม่
จำเป็ นต้องเกี่ยวข้องกับบทต้น

๔)กลอนดอกสร้อย นิยมแต่งเป็น ๔ คำกลอน หรือ
๘ วรรค จำนวนคำในวรรคขึ้นอยู่กับเนื้อความที่
ต้องการบรรยายสามารถใช้ได้ตั้งแต่ ๖-๘ คำ โดย
ให้คำที่ ๑ และ ๓ เป็นคำเดียวกันแล้วแทรกคำว่า
“เอ๋ย” ไว้ตรงกลาง

๕)กลอนนิทาน เป็นการใช้คำกลอนแต่งเป็นเรื่องอาจ
เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “กลอนนิยาย” จำนวนคำและ
สัมผัสเหมือนกลอนสุภาพ แต่มีวิธีขึ้นต้น ๒ แบบ คือ
ขึ้นต้นด้วยวรรคสดับหรือวรรครับก็ได้เมื่อจบเรื่องใช้
คำว่า “เอย” ในวรรคส่งของบทสุดท้าย

๖)กลอนเพลงยาว การแต่งเพลงยาวสามารถแต่ง
ได้ยาวเท่าใดก็ได้ตามเนื้ อความที่กวีต้องการพรรณา
มัมักมีเนื้ อหาเชิงเกี้ยวพาราสีรำพึงรำพันถึงความรัก
หรือพลาดรักโดยจำนวนคำในวรรคใช้ได้ตั้งแต่ ๗-๙
คำ มีสัมผัสเหมือนกลอนสุภาพ กลอนเพลงยาวจะ
ขึ้นต้นเรื่องบทแรกด้วยวรรครับและเมื่อจบเรื่องใช้
คำว่า “เอย” เป็นคำสุดท้ายของวรรคส่งในบท
สุดท้าย

๗)กลอนนิราศ กลอนนิราศมีลักษณะการแต่งเหมือน
กับกลอนเพลงยาว คือ ขึ้นต้นด้วยวรรครับกลอนนิราศ
จะเน้ นเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง เพราะนิราศ
หมายถึง การจากไป แต่บางเรื่องก็ไม่ได้กล่าวถึงการ
เดินทางเช่นนิราศเดือน

กลอนที่แต่งเอง

สักวาดวงดาวพราวระยับ ไม่อาจนับดาราครบจบ
ในคืน

จักวาลแสนกว้างไม่อาจฝืน ต้องทนเฝ้ ามองดาว
เพียงเดียวดาย
สายลมโชยเมฆบังดวงดารา หลับปิดตาง่วงเหงา
อยากหาวนอน
เอนกายพักผ่อนวอนฟ้ าฝากจันทร์ เข้าสู่ห้วงนิทรา
ฝั นดีเอย


Click to View FlipBook Version