The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

กลุ่มที่ 5 คุณธรรม จริยธรรม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2022-02-12 21:40:21

กลุ่มที่ 5 คุณธรรม จริยธรรม

กลุ่มที่ 5 คุณธรรม จริยธรรม



รายงาน
หลักคณุ ธรรม จริยธรรม สำหรับผู้บรหิ ารสถานศึกษา

จัดทำโดย

นางสาวสชุ าวดี คงไข่ศรี รหสั ประจำตัวนสิ ติ 64032020๔๕
นางสาวนรี มล ดาบเงนิ รหสั ประจำตัวนสิ ติ 6403202047

เสนอ

พระปลดั โฆษติ โฆสโิ ต, ดร.
พระครปู ระโชติกจิ จาภรณ์, ดร.

รายวิชาคุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ รหสั วชิ า ๖๑๐ ๒๐๖
หลักสูตรครศุ าสตรมหาบัณฑิต สาขาวชิ าพทุ ธบริหารการศกึ ษา
ภาคเรียนที่ ๒ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๔

มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช



คำนำ

รายงานฉบบั นเี้ ป็นสว่ นหนึ่งในการจัดการเรยี นการสอนในระดับปริญญาโท สาขาพุทธบริหาร
การศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เปน็ สว่ นหนึ่งของวิชาคุณธรรม จริยธรรม และ
จรรยาบรรณทางวชิ าชีพ เพื่อศึกษาหาความรใู้ นเรื่องหลักคุณธรรม จริยธรรมของผบู้ รหิ ารสถานศึกษา
โดยได้ศึกษาผ่านแหล่งความรู้ต่าง ๆ อาทิเช่น ตำรา หนังสือ หนังสือพิมพ์ วารสาร ห้องสมุด รายงาน
เล่มนี้ประกอบด้วยเนื้อหา ความหมายของคุณธรรมจริยธรรม ความสำคัญคุณธรรมจริยธรรมของ
ผู้บริหารสถานศกึ ษา และคณุ ธรรม จรยิ ธรรมของผู้บรหิ ารสถานศึกษา

ผู้จัดทำคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดทำเอกสารฉบับนี้จะมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่
สนใจศึกษาเกี่ยวกับหลักคุณธรรมจริยธรรมสำหรับผู้บริหารสถานศึกษา ผู้จัดทำจะต้องขอขอบคุณ
พระปลัดโฆษิต โฆสิโต, ดร. และพระครูประโชติกิจจาภรณ์, ดร. อาจารย์ประจำหลกั สูตรพุทธบริหาร
การศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช ผู้ให้ความรู้ และ
แนวทางการศึกษา ความช่วยเหลือมาโดยตลอด ผู้จัดทำหวังว่ารายงานฉบับนี้จะให้ความรู้ และเป็น
ประโยชน์แก่ผู้ทีส่ นใจ หากรายงานฉบับนี้ผิดพลาดประการใดทางผูจ้ ัดทำต้องขออภัยมา ณ ทีน่ ดี้ ว้ ย

คณะผจู้ ัดทำ



สารบัญ หน้า

เรือ่ ง ข
คำนำ ๑
สารบญั 1
ความหมายของคณุ ธรรมและจริยธรรม 2
- ความหมายของคุณธรรม 3
- ความหมายของจรยิ ธรรม 6
ความสำคญั ของคณุ ธรรม จริยธรรม 6
คุณธรรมและจริยธรรมสำหรับผู้บริหารสถานศึกษา 8
- คุณธรรมสำหรับผู้บรหิ ารสถานศึกษา 11
- จรยิ ธรรมสำหรับผู้บริหารสถานศึกษา 12
- คุณธรรม-จริยธรรมตามแนวพระบรมราโชวาท 17
การสรา้ งจิตสำนึกดา้ นคณุ ธรรมจริยธรรมสำหรับผู้บรหิ าร 18
บทสรปุ
บรรณานุกรม



หลกั คณุ ธรรม จรยิ ธรรม สำหรับผบู้ ริหารสถานศึกษา

การศึกษาแห่งชาติเป็นหน้าที่ของกระทรวงศึกษาธิการ โดยมีโรงเรียนทำหน้าที่เป็นหน่วยงานให้
การศึกษาเพื่อพัฒนาคนโดยตรง ซึ่งจำแนกออกเป็น ๔ ระดับ คือ อนุบาล ประถมศึกษามัธยมศึกษาและ
อุดมศึกษา การศึกษาในแต่ละระดับนั้น นักเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานอยู่ในสภาพคุณลักษณะท่ี
เหมาะสมต่อการให้การศึกษาเพื่อให้มีทั้งความรู้และความประพฤติดี ครูผู้สอนในโรงเรียนหรือสถานศึกษา
ทุกคนมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จในการจัดการศึกษา รวมท้ังผู้บริหารโรงเรียนหรือสถานศึกษา
จะต้องทำความเข้าใจกับครูผู้สอน โดยขอให้ครูผู้สอนทุกคนร่วมแรงร่วมใจอบรมสั่งสอนนักเรียนให้มี
คุณธรรม จริยธรรมที่ดีงาม ฉะนั้น บทบาทผู้บริหารการศึกษาในยุคใหม่จะต้องรู้จักการนำหลักธรรมทาง
ศาสนามาใช้กับงานบริหารการศึกษาให้มากขึ้น เพราะในปัจจุบันคุณธรรมจริยธรรมของเยาวชนไทยเสื่อม
ทรามลงมาก กล่าวคือ ไม่ชอบอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ ไม่มีระเบียบวินัยชอบใช้ความรุนแรงทำลายล้างกัน ซ่ึง
หากนำหลักธรรมมาใชค้ วบคกู่ ารบรหิ ารการศึกษา จะทำใหก้ ารพฒั นาด้านอ่ืน ๆ กจ็ ะง่ายขึน้

ความหมายของคณุ ธรรมและจรยิ ธรรม
ความหมายของคณุ ธรรม

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ให้ความหมายวา่ " คณุ ธรรม หมายถึงสภาพคุณ
งามความดี

ลิขิต ธีรเวคิน ได้กล่าวไว้ว่า คุณธรรม คือ จิตวิญญาณของปัจเจกบุคคล ศาสนา และอุดมการณ์
เป็นดวงวิญญาณของปัจเจกบุคคลและสังคมด้วย ปัจเจกบุคคลต้องมีวิญญาณ สังคมต้องมีจิตวิญญาณ
คุณธรรมของปัจเจกบุคคลอยู่ที่การกลอ่ มเกลาเรยี นรู้โดยพ่อ แม่ สถาบันการศึกษา ศาสนา พรรคการเมือง
และองคก์ รของรัฐ

ทิศนา แขมมณี ได้ให้ความหมายไว้ว่า คุณธรรม หมายถึง คุณลักษณะหรือสภาวะ ภายในจิตใจ
ของมนุษยท์ ี่เปน็ ไปในทางทถี่ ูกต้อง ดงี าม ซ่ึงเป็นภาวะนามธรรมอยใู่ นจิตใจ

สัญญา สัญญาวิวัฒน์ ได้ให้ความหมายว่า คุณธรรม หมายถึง ความดี ความงาม ความซื่อสัตย์
ความพอดี ความอดทน ขยันหมั่นเพยี ร

พูนสุข อุดม คุณธรรม หมายถึง หลักของความดีงาม และความถูกต้อง ซึ่งเป็นแนวทางในการ
ปฏิบตั ิ

จรวยพร ธรณินทร์ คุณธรรม หมายถึง คุณงามความดีที่เป็นธรรมชาติ ก่อ ให้เกิดประ โยชน์ต่อ
ตนเองและสงั คมซง่ึ รวมสรปุ วา่ คือสภาพคณุ งามความดี

บุญเลิศ จุลเกียรติ คุณธรรม หมายถึง หลักความจริงหลักการปฏิบัติประกอบด้วย จริยธรรมมี 2
ความหมาย คือ ความประพฤติเพื่อประโยชน์สุขแก่ตนและสังคมซึ่งมีพื้นฐานมาจากหลักศีลธรรมทาง
ศาสนาค่านยิ มทางวัฒนธรรมประเพณหี ลักกฎหมายจรรยาบรรณวชิ าชีพ อกี นัยหนง่ึ คือการร้จู ักไตร่ตรองว่า
อะไรควร ไมค่ วรทำ

สรุป คุณธรรม หมายถึง หลักของความดี ความงาม ความถูกต้อง ซึ่งจะแสดงออกมาโดยการ
กระทำ ทางกาย วาจาและจิตใจของแต่ละบุคคล ซึ่งเป็นหลักประจำใจในการประพฤติปฏิบัติ จนเกิดเป็น
นิสัยเป็นสง่ิ ทมี่ ปี ระ โยชนต์ อ่ ตนเองผูอ้ ืน่ และสงั คม



ความหมายของจรยิ ธรรม
พูนสุข อุดม กล่าวว่า จริยธรรม หมายถึง การแสดงออกทางการประพฤติ ปฏิบัติที่ดีงาม ซึ่ง

สะท้อนคณุ ธรรมท่ีมี
จรวยพร ธรณินทร์ กล่าวว่า จริชธรรม คือ ความประพฤติที่เป็นธรรมชาติ เกิดจากคุณธรรมใน

ตัวเองกอ่ ให้เกดิ ความสงบเรยี บร้อยในสังคมรวมสรปุ ว่าคือขอ้ ควรประพฤติปฏบิ ตั ิ
บุญเลิศ จุลเกียรติ กล่าวว่า จริยธรรม คือ กฎเกณฑ์ความประพฤติของมนุษย์ซึ่งเกิดข้ึนจาก

ธรรมชาตขิ องมนษุ ย์เอง ทำให้มนษุ ย์ร้จู ักแยกแยะความดี ถกู ผิด ควร ไมค่ วร
ประภาศรี สีหอำไพ ได้ให้ความหมายของจริยธรรมไว้วา่ จริยธรรม (Ethics) มาจากภาษากรีกว่า

Ethos แปลว่า หลักความประพฤตหิ รือลักษณะนสิ ยั Character หมายถึง ความคิดรวบยอด หรือมโนทัศน์
เก่ียวกับคณุ คา่ หรือคา่ นยิ ม (Value Concepts)

ยนต์ ชุ่มจิตร ได้ให้ความหมายของจริยธรรมไว้ว่า หลักความประพฤติที่ถูกต้องดีงาม มีคุณค่าแก่
การนำไปใชใ้ นชีวติ ประจำวัน

บุญมี แท่นแก้ว ได้ให้ความหมายของจริยธรรมไว้ว่า ธรรมชาติหรือหลักธรรมที่บุคคลควร
ประพฤติ จัดว่าเป็นคุณธรรมที่แสดงออกทางร่างกายในลักษณะที่ดีงามถูกต้อง อันเป็นสิ่งที่ประสงค์ของ
สงั คม และจริยธรรมจะมีได้จำต้องอาศยั หลักคำสอนทางศาสนา ได้แก่ ศลี (Precept) นอกจากนไี้ ดก้ ล่าวว่า
จริยธรรม คอื ข้อทค่ี วรประพฤติหรือสง่ิ ที่บคุ คลประพฤติแล้วไมเ่ กดิ ความเดอื ดร้อนแก่ตนเองและสังคม

ราชบัณฑิตยสถาน ได้ให้ความหมายของจริยธรรมไว้ว่า ธรรมที่เป็นข้อประพฤติปฏิบัติ หรือ
ศีลธรรม หรอื กฎศลี ธรรม

อาคม มากมีทรัพย์ ได้ให้ความหมายของจริยธรรมไว้ว่า การกระทำหรือพฤติกรรมที่แสดงออก
อยา่ งถูกตอ้ ง โดขอาศยั กระบวนการตดั สินใจจากกฎเกณฑ์ของสังคมหรือข้อตกลงรว่ มกันอนั นำมาซ่ึงจะเป็น
ประโยชน์ตอ่ ตนเองและบุคคลในสังคม

สุพัฒน์ ศรีชมชื่น ได้ให้ความหมายของจริยธรรมไว้ว่า สิ่งที่ควรประพฤติและประพฤติเหมาะสม
ในสง่ิ ท่ถี ูกตอ้ งซึง่ เปน็ ทยี่ อมรบั ของสังคม เพอื่ อยู่ร่วมกนั ในสงั คมอย่างมีความสขุ และรม่ เยน็

สุรัตน์ ไชยชมพู ได้ให้ความหมายของจริยธรรมไว้ว่า สิ่งที่มีอยู่แล้วในตัวมนุษย์โดยธรรมชาติ
พัฒนาขึ้นโดยอาศัยกฎเกณฑ์ ความประพฤติที่มนุษย์ควรประพฤติที่ได้จากหลักการทางศีลธรรม หลัก
ปรัชญา วัฒนธรรม กฎหมายหรือจารีตประเพณี เพื่อประโยชน์สุขแก่ตนเองและสังคม เป็นแนวทาง
ประกอบการตัดสินใจเลือกความประพฤติและการกระทำที่ถูกต้องเหมาะสมในแต่ละสถานการณ์ เป็น
หลกั การทมี่ นษุ ยใ์ นสงั คมยดึ ถือปฏบิ ัติเพอ่ื การอยรู่ ่วมกันอย่างเปน็ สุขในสังคม

ธัชชยั ชถู ่ิน ได้ให้ความหมายของจรยิ ธรรมไวว้ ่า หลักการท่ีมนษุ ย์ในสังคมยอมรับวา่ ดีงามและเห็น
ควรยึดถือปฏิบัติ เพ่อื การอยูร่ ่วมกันอยา่ งเป็นสขุ ในสังคมนนั่ เอง และเมื่อนำไปใชก้ บั การประกอบอาชีพหรือ
การทำงาน ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของมนุษย์และสังคม ก็ย่อมหมายความว่ามนุษย์
ยอ่ มจะตอ้ งมจี ริยธรรมในการทำงานหรือการประกอบวชิ าชีพ เพราะในการทำงานมนษุ ยย์ ่อมต้องมีสังคมซ่ึง
ประกอบด้วยคนหลายคนมคี วามเชื่อและความคดิ เหน็ ที่ตา่ งกนั

กันยมาส ชูจีน ได้ให้ความหมายของจริยธรรมไว้ว่า กรอบหรือหลักปฏิบตั ิความประพฤติหรือการ
กระทำที่ดีงามถูกต้อง เป็นมาตรฐานของความประพฤติที่ยอมรับของสังคมและปฏิบัติแล้วไม่เดือดร้อนแก่
ตนเองและผอู้ น่ื รวมทัง้ ดำนิยมทศ่ี าสดาของศาสนาแต่ละศาสนากำหนด เช่น ศีล หรอื หวั ข้อธรรม คา่ นิยมที่



สังคมกำหนดขึ้น เช่น ประเพณี กฎหมาย วินัย จรรยาบรรณ และค่านิยมประจำวิชาชีพของแต่ละวิชาชีพ
เชน่ อคุ มการณ์ จรรยาบรรณประจำวิชาชีพพระราชบัญญัตปิ ระจำอาชพี และวนิ ัยประจำอาชพี

รัตนา กาญจนพันธ์ุ ได้ให้ความหมายของจริยธรรมไว้ว่า แนวทางความประพฤติของบุคคลใน
สังคมหนึ่ง ๆ ว่าพฤติกรรมเป็นพฤติกรรมที่ควรงดเว้นโดยพิจารณาตามกฎระเบียบ ขอบเขตความเชื่อของ
แตล่ ะสังคมเพ่อื ให้บคุ คลในสังคมสามารถอยรู่ ว่ มกนั ได้อยา่ งร่มเยน็

สุทัค จนั ทะสนิ ธ์ุ ได้ใหค้ วามหมายของจริยธรรมไว้วา่ แนวทางหรอื กฎเกณฑ์ หรอื มาตรฐานในการ
ประพฤติปฏิบัติที่ถูกต้องดีงามที่บุคคลพึงกระทำเป็นลักษณะที่สังคมต้องการเพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบ
เรียบร้อยงดงาม ความร่มเย็นเป็นสุข ความรักสามัคคี ความอบอุ่น มั่นคงปลอดภัยในการดำเนินชีวิต
ก่อใหเ้ กิดประโยชน์ต่อตนเอง ตอ่ ผู้อืน่ และสงั คม สง่ ผลให้มีความสขุ ในการอยูร่ ่วมกัน

ธนิกา กรีราพล ได้ใหค้ วามหมายของจริยธรรมไวว้ ่า การประพฤติปฏิบัติของบุคคลท่แี สคงออกถึง
ความดีงาม ทั้งต่อตนเองต่อผู้อื่นและต่อสังคม เพื่อให้เกิดความสงบสุขความเจริญรุ่งเรืองเป็นประโยชน์ต่อ
สังคมและตอ่ การพัฒนาประเทศชาติ

นิษวัน วรานสุ าสน์ ไดใ้ หค้ วามหมายของจรยิ ธรรมไว้วา่ พฤติกรรมหรอื การกระทำทีแ่ สดงออกมา
ในรูปของรูปรรรมของบุคคลตามพื้นฐานของคุณธรรมที่มีอยู่ในจิตใจซึ่งอยู่ในรูปนามธรรม และความ
ประพฤติหรือการปฏิบัตินั้น อยู่ในขอบเขตของศีลธรรมที่ดีงามซึ่งจะก่อให้เกิดประ โยชน์ต่อบุคคลนั้นเอง
ตลอดจนชุมชน และสังคมท่เี กีย่ วขอ้ งอีกดว้ ย

ธีรังกูร วรบำรุงกุล ได้ให้ความหมายของจริยธรรมไว้ว่า ธรรมที่เป็นข้อประพฤติปฏิบัติ หรือ
ศีลธรรม หรือกฎศีลธรรม จริยธรรมเป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วในตัวมนุษย์โดยธรรมชาติ พัฒนาขึ้นโดยอาศัย
กฎเกณฑ์ความประพฤติที่มนุษย์ควรประพฤติที่ ได้จากหลักการทางศีลธรรม หลักปรัชญา วัฒนธรรม
กฎหมาย หรือจารีตประเพณี เพื่อประโยชน์สุขแกต่ นเองและสงั คมเป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจเลือก
ความประพฤติ และการกระทำที่ถูกต้องเหมาะสมในแตล่ ะสถานการณ์ เป็นหลกั การท่ีมนุษย์ในสังคมยึดถือ
ปฏบิ ตั เิ พ่ือการอยู่รว่ มกนั อยา่ งเปน็ สุขในสังคม

กู๊ด ได้ให้ความหมายของจริยธรรมไวว้ ่า การปรับพฤติกรรมให้เข้ากับกฎเกณฑ์หรือมาตรฐานของ
ความประพฤติทถ่ี กู ต้องหรือดีงาม

นอร์ทเฮ้าส์ ได้ให้ความหมายของจริยธรรมไว้ว่า เป็นสิ่งที่แสดงถึงคุณค่าและคุณธรรมเฉพาะตน
หรือสังคมที่ปรากฏ ดังนั้นทฤษฎีจรยิ ธรรมจึงเป็นระบบของกฎระเบียบ หรือหลักการที่เป็นแนวทางในการ
ตัดสินใจซึ่งเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ถูกหรือสิ่งที่ผิด(Right or Wrong) ดีหรือเลว (Good or Bad) ในสถานการณ์
ตา่ ง ๆ ของมนุษย์

จากแนวคิดต่าง ๆ ที่กล่าวมานั้น สามารถสรุปได้ว่า จริยธรรม หมายถึง พฤติกรรมที่แสดงออก
อย่างถูกต้อง โดยยึดกฎเกณฑ์ความประพฤติที่ได้จากหลักการทางศีลธรรม หลักปรัชญา วัฒนธรรม
กฎหมาย หรอื จารตี ประเพณี เป็นแนวทางในการตัดสนิ ใจทจี่ ะแสดงพฤติกรรมในสถานการณต์ ่าง ๆ โดยส่ิง
นั้นต้องเป็นสงิ่ ท่ีสงั คมยอมรับว่าเปน็ ความดีงาม เพอ่ื ให้มนษุ ยส์ ามารถอยู่ร่วมกนั ไดอ้ ย่างมีความสุข

ความสำคญั ของคณุ ธรรม จรยิ ธรรม
ได้มีผ้ใู ห้ความสำคญั ของคุณธรรม จรยิ ธรรมไว้ต่าง ๆ กนั ดังน้ี
สุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์ ได้กล่าวว่า คุณธรรมจริยธรรมเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อสังคมเป็น

อย่างมาก ในการกำหนดความสงบสุขของสังคม สังคมใดที่คนในสังคมเป็นผู้เพียบพร้อมด้วยคุณธรรม
จริยธรรม สังคมนั้นจะมีแต่ความสงบสุข ในขณะเดียวกันหากสังคมใดมีความบกพร่องทางด้านจิตใจ ขาด



คุณธรรมและจริยธรรม แม้สังคมนั้นจะมีความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจก็ย่อมจะหาความสุขได้ยาก ดังนั้น การ
พัฒนาคุณธรรมจริยธรรมของคนในสังคมจึงมีความจำเป็นและจะต้องกระทำอย่างต่อเนื่องครอบคลุม
ประชากรทุกกล่มุ

สมเดช สแี สง ได้กล่าววา่ คุณธรรมเปน็ ปจั จัยสำคญั ที่เสริมสร้างความสขุ และความเจริญใหแ้ ก่
บุคคลเป็นสว่ นตวั และแก่ประเทศส่วนรวม ดังพระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพิธี
พระราชทานปริญญาบัตรของมหาวทิ ยาลัยรามคำแหง เม่ือวนั ที่ 8 กรกฎาคม 2520 สรุปไดว้ ่า คุณธรรม
เป็นเคร่ืองช่วยให้แต่ละคนประสบความสุข และความเจรญิ ในหลาย ๆ ทาง

สมพร เทพสิทธา ได้กล่าววา่ การเป็นผูม้ ีคุณธรรมและจริยธรรมในสังคมปัจจุบันลดลง ประชาชน
และเยาวชนจำนวนมากที่ไม่เหน็ ความสำคัญของคุณธรรมจริยธรรมเทา่ ที่ควร ไม่ยึดมั่นในคุณธรรม และไม่
ประพฤติปฏิบตั ิตามจรยิ ธรรม ทำให้สังคมมปี ัญหา มีความเจรญิ ทางด้านวตั ถุแต่มีความเสื่อมโทรมทางจิตใจ
ในปัจจุบันคำนิยมบางอย่างได้เปลี่ยนแปลงไป ก่อนนี้สังคมยกย่องคนที่มีคุณธรรม คนที่ประพฤติผิดใน
ศีลธรรมจะถูกประณาม ไม่มีใครอยากคบหา แต่ในปัจจุบันสังคมกลับยกย่องคนที่มีเงิน คนที่มีตำแหน่งสูง
และคนที่มีชื่อเสียง แม้ว่าคนเหล่านั้นจะประพฤติผิดศีลธรรมก็ตาม ยุคโลกาภิวัตน์มีความเจริญก้าวหน้า
ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเปน็ ยุคของข้อมูลข่าวสาร ยุคโลกไร้พรหมแดน โลกข้อมูลข่าวสารจึงมี
อิทธิพลต่อความคิด จิตใจ และพฤติกรรมของมนุษย์มากขึ้น คนไทยเป็นจำนวนไม่น้อยได้ตกเป็นเหยื่อของ
ข้อมูลข่าวสารและการโฆษณา ถูกอิทธิพลของวัฒนธรรมและค่านิยมจากต่างชาติครอบงำ ลุ่มหลงใน
วัฒนธรรมและค่านิยมของต่างประเทศ ไม่สนใจในคำสอนของศาสนาและวัฒนธรรมไทย ทำให้คนมุ่ง
แสวงหาแต่ความสุขทางวัตถุ มีความเห็นแก่ตัวมากยิ่งขึ้น ขาดความเอื้ออาทร ขาดความช่วยเหลือซึ่งกัน
และกัน ไม่เห็นความสำคัญของศาสนา และขาดคุณธรรม จรยิ ธรรม ไม่เช่ือในเรือ่ งของกฎแหง่ กรรม

วราคม ทสี กุ ะ ไดก้ ล่าววา่ การพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนให้สามารถดำรงชวี ิตอยู่ในสงั คมได้อย่างมี
ความสุข โดยผ่านกระบวนการทางการศึกษานั้น อยู่บนหลักการที่เป็นการพัฒนาที่สมบูรณ์รอบด้าน ท้ัง
ร่างกาย จิตใจ สติปัญญาและสังคม อีกทั้งเพียบพร้อมด้านคุณธรรมจริยธรรม และวัฒนธรรมในการอยู่
ร่วมกับผู้อื่นอีกด้วย เมื่อเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา โดยผ่านทางการศึกษา บทบาทของการศึกษาจึงไม่
เพียงเป็นเครื่องมือในการพัฒนาเท่านั้น แต่เป็นทั้งตัวการสำคัญในการพัฒนาโดยตรงและเป็นผลของการ
พัฒนาอกี ด้วย

พระมหาอุเทน ปัญญาปริทัตต์ ได้กล่าวว่า ในการพัฒนาชาติ บ้านเมือง การพัฒนาคนถือเป็น
ภารกิจสำคัญยิ่งจะต้องพัฒนาคนให้ดีและมีคุณธรรมเสียก่อน จึงค่อยหันไปพัฒนาคนให้ดีและมีคุณภาพ
คุณธรรมจริยธรรมจะต้องปลูกฝังหล่อหลอมตัง้ แตเ่ บื้องตน้ โดยมุ่งไปที่เด็กที่กำลงั เติบโตเป็นกำลังในอนาคต
ของชาติบ้านเมือง ทำอยา่ งไรจึงจะทำให้เด็กดีและมีคุณธรรม ตามมาดว้ ยเกง่ และมีคุณภาพ นักเรียน คือ ผู้
ที่มีบทบาทสำคัญต่อชุมชน นักเรียนจะต้องมีความงดงามทางด้านคุณธรรมจริยธรรมเป็นแบบอย่างให้แก่
สังคมได้ด้วย พร้อมทั้งทำหน้าที่นักเรียนตัวอย่างที่ดีแห่งความสำเร็จ ซึ่งสำเร็จทั้งทางด้านดี มีคุณธรรม
จริยธรรม และมคี ณุ ภาพเป็นประโยชนใ์ หแ้ ก่ประเทศชาติพัฒนาบ้านเมืองต่อไป

จากแนวคิดที่เกี่ยวกับความสำคัญของคุณธรรมจริยธรรม สามารถสรุปได้ว่าคุณธรรม จริยธรรมมี
ความสำคัญในการพัฒนาจิตใจของมนุษย์ ปัจจุบันมนุษย์มีความเจริญทางด้านวัตถุแต่มีความเสื่อมโทรม
ทางด้านจิตใจ ซึ่งปัญหาด้านคุณธรรมจริยธรรมเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการจัดการศึกษาเพื่อ
พัฒนาเยาวชนในชาติให้ใชช้ ีวิตในสังคมได้อย่างปลอดภัยและมีความสุข ซึ่งการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคน
ใหส้ ามารถดำรงชวี ิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสขุ โดยผา่ นกระบวนการทางการศึกษานนั้ อยบู่ นหลักการท่ี



เปน็ การพฒั นาท่ีสมบูรณ์รอบด้าน ทงั้ รา่ งกายจิตใจ สติปัญญาและสังคม เพราะฉะนน้ั ในการท่ีจะพัฒนาชาติ
บา้ นเมอื งให้เจริญกา้ วหน้า เราตอ้ งหันมาพฒั นาคนเสียกอ่ น ซง่ึ ถือเป็นการกจิ สำคัญย่งิ จะต้องพัฒนาคนให้ดี
และมคี ณุ ธรรมเสียก่อน

จากขา้ งตน้ สามารถแบง่ ความสำคัญของคุณธรรมและจรยิ ธรรมออกเปน็ ประเดน็ ต่าง ๆ ได้ ด้ังนี้ คอื
1. ความสำคัญตอ่ สงั คม

สังคมเป็นแหล่งรวมกันของผู้คนที่มีความแตกต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความแตกต่างทาง
ความคิดเป็นความแตกตา่ งทสี่ ำคญั เพราะความคิดเป็นจุดเริ่มตน้ ของการกระทำ ถา้ คิดอยา่ งไรการกระทำก็
มักจะเป็นอย่างนั้นเสมอ เมื่อความคิดของคนในสังคมแตกต่างกันก็จะเกิดการกระทำที่แตกต่างกั นอย่าง
หลากหลายตามไปด้วย ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งต่าง ๆ ตามมา ดังนั้นสังคมต้องอาศัยคุณธรรม
จริยธรรมควบคุมความคิดและการปฏิบัติของผู้คนไม่ให้ไปคิดและกระทำอันเป็นการละเมิดผู้อื่น แต่ละคน
ต่างยึดถือในหลักศีลธรรมและคุณธรรมที่เป็นพื้นฐานของมนุษย์ และยึดหลักกัลยาณธรรมข้อที่เป็น
จรยิ ธรรมพื้นฐานแล้ว สังคมกจ็ ะอยู่เยน็ เปน็ สขุ อย่างแท้จริง

2. ความสำคัญต่อหน่วยงาน
ถ้าหน่วยงานใดมีสมาชิกที่ประกอบไปด้วยคุณธรรมจริยธรรมแล้ว หน่วยงานนั้นก็จะเป็น

หนว่ ยงานทมี่ คี ุณภาพ ประสิทธิภาพ เพราะคณุ ธรรมท่ีดใี นตัวแตล่ ะคนนั้น จะเปน็ ตัวบง่ บอกถงึ ความเป็นผู้มี
คุณภาพพร้อมที่จะดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนจริยธรรมนั้นเป็นตัวบ่งบอกถึงความเป็นผู้ท่ี
สามารถในการปฏิบัติที่ดีที่ถูกต้อง ทำให้เกิดผลงานที่มีคุณภาพกล่าวอีกอย่างหนึ่งได้ว่า หน่วยงานที่มี
บุคลากรที่มีคุณธรรม จริยธรรม คือ มีปัจจัยตัวป้อนด้านบุคลากรที่ดี และเมื่อเข้าสู่กระบวนการก็จะได้ผู้ที่
ควบคมุ กระบวนท่ีดี และจะได้ผลงานออกมาที่ดใี นทส่ี ดุ

3. ความสำคญั ตอ่ การบรหิ าร
การบริหารประกอบด้วย วัตถปุ ระสงค์ขององค์การ กิจกรรมที่จะดำเนินการและทรัพยากรใน

การบริหารทรพั ยากร การบรหิ ารน้ันประกอบด้วย คน เงนิ วัสดุอปุ กรณ์และวิธกี าร ซงึ่ คนเปน็ ทรัพยากรท่ีมี
ความสำคัญที่สุด ถ้าหากคนมีคุณธรรมจริยธรรมแล้ว การบริหารงานก็จะดำเนินไปได้และบรรลุ
วตั ถปุ ระสงค์ท่ีตั้งไว้ ถา้ หากคนไมม่ คี ณุ ธรรมจรยิ ธรรมกย็ ากท่จี ะดำเนินการให้บรรลวุ ัตถุประสงค์ได้

4. ความสำคญั ตอ่ ผ้บู รหิ าร
คุณธรรมจริยธรรมเป็นคุณสมบัติที่ดีของทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ดำรงตำแหน่งผู้นำ หรือ

ผู้บริหารจำเป็นต้องมีคุณธรรมจริยธรรมมากกว่าตำแหน่งอื่น ๆ เนื่องจากผู้บริหารเป็นผู้ผลักดันให้เกิดการ
ดำเนนิ งานขับเคล่อื นไปข้างหนา้ ตามวตั ถุประสงค์ ซง่ึ คณุ ธรรมจรยิ ธรรม มคี วามสำคัญตอ่ ผ้บู ริหาร ดงั นี้

4.1 ความสำคัญต่อการสรา้ งภาวะผนู้ ำ
ผู้นำ คือ ผู้ที่แสงหาความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ส่วนผู้บริหาร คือ ผู้ดำเนินงานตามการ

เปลี่ยนแปลงให้บรรลุผล ทั้งผู้นำและผู้บริหารจึงเป็นเสมือนหัวก้อย ของเหรียญ แต่การที่จะได้รับการ
ยอมรบั เพ่ือท่ีจะกา้ วไปสู่ความเปน็ ผู้นำจะต้องอาศยั คุณธรรมจรยิ ธรรม กลา่ วคือ มีการบรหิ ารงานด้วยความ
ช่ือสตั ยส์ ุจรติ โปรง่ ใส ใหท้ ุกฝ่ายมสี ่วนรว่ ม เป็นตน้ คณุ ธรรมจริยธรรมเป็นลักษณะของความดี ถ้าผู้บริหาร
มีความดีมคี ุณธรรมจรยิ ธรรมก็จะได้รบั การยอมรับนับถือ เทา่ กบั เป็นการสร้างภาวะผู้นำใหเ้ กิดข้นึ

4.2. ความสำคัญตอ่ การจูงใจ
การบรหิ ารงานนอกจากจะวางระบบการบรหิ ารงานที่ดีแล้ว ยังต้องพยายามสรา้ งแรงจูงใจ

เพื่อให้ผู้ใต้บังคับบัญชาปฏิบัติงานให้บรรลุเป้หมายที่ตั้งไว้ ซึ่งการสร้างแรงจูงใจมีทั้งทางบวกและทาง ลบ



เช่น การให้รางวัล หรือการลงโทษ เป็นต้น แต่ในความเป็นจริงในการสร้างแรงจูงใจที่ดีที่สุดคือ การทำให้
ผู้ใต้บังคับบัญชามีความรู้สึกว่าได้ปฏิบัติหน้าทีกับผู้บังคบั บญั ชาทีมีความซ่ือสัตย์ สุจริต ยุติธรรม ดังนั้น ถ้า
ผบู้ รหิ ารมีคณุ ธรรมจริยธรรมกจ็ ะเป็นการสร้างแรงจงู ใจใหแ้ ก่ผใู้ ตบ้ งั คบั บัญชาได้เปน็ อย่างดี

4.3 ความสำคญั ตอ่ การสร้างผลงาน
การดำเนินงานโครงการหรืองานประจำใด ๆ ท่ีใต้รับการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับความไม่

คุ้มค่าในการใช้งบประมาณ เป็นสิ่งที่เห็นได้ว่า ขาดคุณธรรม จริยธรรม มีการทุจริตคอรัปชั่นแฝงอยู่ใน
กระบวนการดำเนินงานถ้าการบริหารไม่ว่าระดับใดหรือฝ่ายใดก็ตามยึดมั่นในคุณธรรมจริยธรรม ไม่โลภ ไม่
อยากได้ ในสิ่งทีไ่ ม่ควรได้ เม่ือมกี ารบริหารงานด้วยความโปร่งใส ช่อื สัตยส์ ุจรติ แลว้ การใช้งบประมาณก็จะ
ทำได้เต็มเม็ดเตม็ หนว่ ยผลงานตอ้ งเกดิ ขึน้ และคุ้มค่ามากทส่ี ุด

คณุ ธรรมและจรยิ ธรรมสำหรับผ้บู ริหารสถานศึกษา
คุณธรรมสำหรบั ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา
ผู้บรหิ ารทด่ี ีควรมีคุณลักษณะความเป็นผู้นาํ ทดี่ ซี ่ึงประกอบด้วยคุณสมบัตดิ ังตอไปนี้
1. เปน็ ผู้มบี ุคลิกภาพท่ีดี (Good Personality) คือเป็นผู้มีสุขภาพกายและสุภาพจิตท่ดี ี
1.1 มีสุขภาพที่ดีคือเป็นผู้มีสุขภาพอนามัยที่ดีมีทวงท่ากิริยา รวมทั้งการแต่งกายที่สุภาพ

เรยี บร้อยดีงาม สะอาดและดูสงางามสมฐานะ
1.2 มีสขุ ภาพจติ ท่ดี ี คอื เป็นผู้มีอัธยาศยั ใจคอท่ีงาม เป็นคนดีมีศลี ธรรม ไดแ้ ก ศรัทธา ศีล สุตะ

จาคะ วริ ยิ ะ สติสมาธิและปัญญา กับทงั้ มกี ลั ยาณมิตตธรรม คอื มีคณุ ธรรมของคนดี
- เป็นผู้มีศรัทธา หมายถึง เป็นผู้รูจักศรัทธาบุคคลและขอปฏิบัติที่ควรศรัทธาไม่ลุ่มหลงงม

งายในท่ตี ง้ั แห่งความลุ่มหลง
- เป็นผู้มีศลี คือผู้ที่รูจักสำรวมระวงั ความประพฤตปิ ฏิบตั ิทางกายและวาจาใหเรียบร้อยดีงาม

ไมป่ ระพฤตเิ บยี ดเบยี นตนเองและผู้อน่ื
- เป็นผู้มสี ตุ ะคือผู้ไดเ้ รียนรูทางวชิ าการและได้ศึกษาคนควาในวชิ าชพี ดี
- เปน็ ผู้มจี าคะคือเปน็ ผู้มจี ติ ใจกว้างขวางไม่คบั แคบ รูจกั เสียสละ
- เป็นผู้มีวิริยะคือผู้ขยันหมั่นเพียรในการประกอบกิจการงานงานอาชีพ และ/หรือในหนาท่ี

รบั ผดิ ชอบ
- เปน็ ผู้มีสติคือผู้รจู ักยบั ยัง้ ช่ังใจรูจกั คิดไตรตรองใหรอบคอบ กอ่ นคดิ พดู ทำ
- เปน็ ผู้มสี มาธคิ อื ผมู้ จี ติ ใจต้ังมน่ั ขมกิเลสนิวรณ
- เป็นผู้มีปัญญาคือผู้ที่รอบรูกองสังขาร ผู้รอบรูสภาวธรรมที่ประกอบด้วยปัจจัยปรุงแต่ง

(สังขาร) และที่ไม่ประกอบด้วยปัจจัยปรุงแต่ง (วิสังขารคอื พระนิพพาน) ผู้รู้แจ้งพระอริยสจั 4 รวม เป็นผู้มี
ปัญญาอันเห็นชอบรอบรูทางเจริญ ทางเสอ่ื ม แห่งชีวิต ตามทเ่ี ปน็ จรงิ

2. เป็นผู้มีกัลยาณมิตตธรรม คอื ผู้มีคณุ ธรรมของมติ รท่ีดี 7 ประการคอื
1) เปน็ ผู้นารกั (ปโย) คือเป็นผู้มีจติ ใจประกอบด้วยเมตากรุณาพรหมวหิ าร
2) เป็นผู้น่าเคราพบชู า (คร)ุ คอื เป็นผู้ทส่ี ามารถเอาเป็นทพี่ ง่ึ อาศัย เป็นทพี่ ่ึง ทางใจ
3) เป็นผู้นานับถือ นาเจริญใจ (ภาวนีโย) ด้วยวา เป็นผู้ได้ฝึกฝนอบรมตนมาดี แลวควรแกการ

ยอมรับและยกยองนับถือเอาเป็นเย่ียงอยา่ งได้
4) เป็นผู้รูจักพูดจาโดยมีเหตุผลและหลักการ (วัตตา) รูจักช้ีแจง แนะนํา ให ผู้อื่นเขาใจดีแจ

มแจง เป็นทปี่ รึกษาทด่ี ี



5) เป็นผู้อดทนต่อถ้อยคำที่ลวงเกิน วิพากษวิจารณซักถาม หรือขอ ปรึกษาหารือ ขอให
คำแนะนําต่าง ๆ ได้ (วจนักขโม)

6) สามารถแถลงชี้แจงเรื่องที่ลึกซึ้ง หรือเร่ืองยุงยากซับซ้อนใหเขาใจอย่าง ถูกตองและตรง
ประเดน็ ได้ (คัมภีรญั จะกะถงั กตั ตา)

7) ไม่ชักนําในอฐานะ (โน จัฏฐาเน นิโยชะเย) คือไม่ชักจูงไปในทางเสื่อม (อบายมุข) หรือไป
ในทางท่ีเหลวไหลไรสาระ หรอื ที่เป็นโทษ เป็นความทุกขเดือดรอ้ น

Richard Draft ปรมาจารยที่มีชื่อเสียงแห่ง Owen School of Business ของมหาวิทยาลัยแวน
เดอรบิวทได้ใหทัศนะวา การบริหารองค์การสมัยใหม่ ผู้บริหารที่ดีควรจะใชการบรหิ ารจัดการที่เน้นการให
บริการแกผู้อยู่ใตบังคับบัญชามากกว่าการใหอำนาจ ผู้บริหารที่ดีควรสงเสริมใหูผู้อยูใตบังคับบัญชาได้มี ส
วนร่วมคดิ ร่วมทำ รว่ มรับผิดชอบในกจิ กรรมต่าง ๆ ขององคการร่วมกัน พยายามพัฒนาผู้อยูใตบังคับบัญชา
ให้มีภาระผู้นำ จนสามารถทำงานแทนได้ นี่คือคุณธรมที่นักบริหารที่ดีควรมี ซึ่งได้นำเสนอคุณธรรม 8
ประการทนี่ กั บรหิ ารควรมี ซง่ึ ประกอบด้วยสาระสำคญั ดังน้ี

1. การเปดิ โอกาสให้ผอู้ ยู่ใต้บังคบั บัญชามสี ่วนรว่ มในการบริหารการจดั การองค์การ
2. การยอมรับและเหน็ คณุ ค่าของลกู นอ้ ง
3. กระจายอำนาจใหก้ ับผูอ้ ยูใ่ ต้บงั คับบญั ชา
4. สร้างความแข็งแกรง่ ให้องค์การด้วยการสรา้ งทมี งานทีม่ ีประสทิ ธภิ าพ
5. แยกเร่อื งงานออกจากเร่ืองสว่ นตัว
6. รบั ฟังความคิดเห็นของคนอื่นกอ่ นการตัดสินใจ
7. สรา้ งความศรัทธาเชือ่ มนั่ โดยทำตวั ใหน้ า่ ศรทั ธานา่ เชอื่ ถือ
8. สง่ เสริมและช่วยเหลือใหผ้ ใู้ ด้บังคับบัญชาให้พฒั นาตนเอง
พระธีธรรมาภรณ์ ได้นำเสนอคุณธรรมของผู้บริหารไว้ 4 ประการ เรียกว่า พละ 4 ประการของ
ผบู้ รหิ าร พละหรือพลงั ทง้ั 4 ประการประกอบด้วย
4.1. ปัญญาพละ คอื กำลังความรูค้ วามฉลาด นักบริหารทด่ี ีต้องมคี วามรู้ อย่างนอ้ ย 3 เรื่อง คือ

- ร้ตู น (รู้ความเด่นความด้อยของตนเอง)

- รู้คน (ความเข้าใจในจริตของคน ซึ่งมีอยู่ 6 แบบ คือ ราคจริต โทสจริต โมหจริต สัทธา

จริต พุทธจิ รติ และวิตกจรติ เพือ่ ใหส้ ามารถใช้คนไดถ้ กู ที่ถกู งาน)
- รงู้ าน (รเู้ ทา่ คอื รขู้ นั้ ตอนของงาน และรู้ทัน คอื รทู้ ันสถานการณ)์
การที่จะมีปัญญาพละได้ บุคคลจะต้องฟังให้มาก อ่านให้มาก รู้ตามความเป็นจริง

ปราศจากอคติ 4 คือ ชอบ ชงั หลง และกลวั และจะต้องคดิ วิเคราะห์ข้อมูลท่รี ับมาว่าถูกตอ้ งควรเชือ่ หรือไม่
การคิดแบบนี้ ต้องเป็นการคิดอย่างถูกวิธี คิดอย่างเป็นระเบยี บ คิดอย่างมีเหตุมีผล และคิดให้เร้ากุศล เป็น
การคิดเชิงสร้างสรรค์ (Creative thinking) สิ่งสำคัญที่ผู้บริหารควรมี คือ มีความรอบรู้ที่เกิดจาก
ประสบการณ์การลงมือทำจริง ๆ จะได้สามารถนำผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาได้ ไม่ใช่ได้แต่คิด และไม่เป็นพวก
Dreamer คือ คนขาย ผู้บริหารแบบนี้มักจะนำพาองค์การและประเทศชาติเข้ารกเข้าพงหลงทาง กว่าจะ
รู้ตวั องค์การและประเทศก็ลม่ สลาย

4.2. วิริพละ คือ กำลังความขยัน ผู้บริหารที่มีคุณธรรมต้องมีกำลังใจท่ีเข้มแข็ง สามารถเผชิญ
สถานการณ์ยากลำบากด้วยความไม่ย่อท้อ มีความกล้าหาญ นักบริหารที่ดีต้องมีความกล้าได้กล้าเสีย



ผู้บริหารที่ดีต้องกล้ารับผิดชอบ กล้าที่เผชิญหน้าปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ อย่างไม่ย่อท้อ มีคติประจำใจ ว่า
"อปุ สรรคบ่มี บารมีบเ่ กิด"

4.3. อนวัชชพละ คือกำลังการงานท่ีมีแต่ความสุจริต ผบู้ ริหารทดี่ ีตอ้ งปลอดจากอบายมุขทั้ง 6
คือ ปลอดจากการดื่มสุราเป็นอาจิณ ปลอดจากการเที่ยวยามวิกาล ปลอดจากการชอบเที่ยวดูการละเล่น
ปลอดจากการคบคนช่ัว ปลอดจากการเลน่ ไฟเล่นม้ากีฬาบัตร ปลอดจากความเกียจครา้ น ผู้บริหารท่ดี ีควร
ใชม้ รรค 8 เปน็ แนวทางในการดำเนนิ ชวี ิต

4.4. สังคหพละ คือ กำลังการสงเคราะห์ หรือมนุษยสัมพันธ์ เป็นคุณธรรมที่สำคัญยิ่งสำหรับ
ผู้บริหาร ถ้านักบริหารบกพร่องเรื่องมนุษยสมั พันธ์ ก็จะไม่มีคนทำงานให้ นักบริหารจะสามารถผูกใจเพื่อน
ร่วมงานไดต้ อ้ งอาศัย การให้ การพดู ถ้อยคำทไี่ พเราะอ่อนหวาน การทำตัวใหเ้ ป็นประโยชน์ต่อผู้อ่นื และการ
วางตัวสม่ำเสมอ พอดี ไม่ทอดทิ้งเพื่อนร่วมงาน การที่นักบริหารจะสามารถแสดงพฤติกรรมเหล่านี้ได้ นัก
บริหารจะต้องมีเมตตา กรุณา มุทิตาและอุเบกขา เป็นที่ตั้ง การส่งเคราะห์หรือมนุษยสัมพันธ์กับผู้อยู่ ใต้
บังคบั บัญชาจึงจะยง่ั ยนื และนำมาซ่งึ ศรทั ธาและความเคารพเชอื่ ถือ

จรยิ ธรรมสำหรับผ้บู ริหารสถานศกึ ษา
1. เป็นผู้มหี ลักธรรมในการครองงานที่ดดี ้วยคณุ ธรรม คืออิทธิบาทธรรม ไดแ้ ก
1.1 ฉนั ทะ ความรกั งาน คือจะตองเป็นผู้รักงานท่ีตนมหี นาท่ีรบั ผิดชอบอยู่และท้ังจะตองเอา

ใจใสกระตือรอื รนในการเรียนรูงาน และเพิ่มพูนวิชาความรูความสามารถในการทำกจิ การงาน และมุ่งมั่นที่
จะทำงานในหน้าทร่ี ับผดิ ชอบหรอื กิจการงานอาชพี ของตนใหส้ ำเรจ็ เรียบร้อยอย่เู สมอ

1.2 วิริยะ ความเพียร คือ จะต้องเป็นผู้มีความขยันหมั่นเพียร ประกอบด้วยความอดทนไม่
ย่อทอ้ ตอ่ ความยากลำบากในการประกอบกิจการงานในหน้าทีห่ รือในอาชีพของตน จงึ จะถงึ ความสำเรจ็ และ
ความเจริญก้าวหนา้ ได้

1.3 จิตตะ ความเปน็ ผมู้ ใี จจดจ่ออยู่กบั การงาน ผูท้ ี่ทำงานไดส้ ำเร็จด้วยดีมีประสิทธิภาพนั้น
จะต้องเป็นผู้เอาใจใส่ต่อกิจการงานที่ทำ และมุ่งกระทำงานอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะสำเร็จ ไม่ทอดทิ้งหรือ
วางธรุ ะเสียกลางคัน ไม่เปน็ คนจบั จด หรือทำงานแบบทำๆ หยดุ ๆ

หัวหน้าหน่วยงานหรือผู้บริหาร จะต้องคอยดูแลเอาใจใส่ "ติดตามผลงาน และ/หรือ
ตรวจงาน" หนว่ ยงานต่าง ๆ ภายในองคก์ ารของตน เพือ่ ประกอบการพิจารณาวินจิ ฉยั ตดั สนิ ใจ และสั่งการ
ให้กิจการงาน ทกุ หน่วยดำเนนิ ตามนโยบายและแผนงาน ใหถ้ งึ ความสำเรจ็ ตามวัตถุประสงคท์ ี่กำหนดไว้

1.4 วิมังสา ความเป็นผู้รู้จักพิจารณาเหตุสังเกตผลในการปฏิบัติงานของตนเองและของ
ผนู้ อ้ ยหรือของผู้อยู่ใต้บังคบั บญั ชาว่า ดำเนินไปตามนโยบายและแผนงานทวี่ างไว้หรือไม่ ได้ผลสำเร็จหรือมี
ความคืบหน้าไปตามวัตถุประสงค์ทีก่ ำหนดไว้หรือไม่เพียงไร มีอุปสรรคหรือปัญหาที่ควรได้รับการปรับปรุง
แก้ไขวธิ กี ารทำงาน หรือวิธกี ารบรหิ ารกิจการงานนน้ั ให้สำเร็จตามวัตถปุ ระสงค์ได้อย่างไรข้ันตอนน้ีเป็นการ
นำข้อมลู จากทไ่ี ด้ตดิ ตามประเมินผลงานหรอื ตรวจงานนัน้ แหละมาวิเคราะหว์ จิ ัย ให้ทราบเหตผุ ลของปัญหา
หรืออุปสรรคข้อขัดข้องในการทำงานแล้วพิจารณาแก้ไขปัญหาเหล่านั้น และปรับปรุงพัฒนาวิธีการทำงาน
ใหด้ ำเนนิ ไปสูค่ วามสำเรจ็ ใหถ้ งึ ความเจริญก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้นไปได้

2. รจู้ กั หลักปฏิบัตติ ่อกนั ดว้ ยดี ระหว่างผู้บงั คบั บญั ชากับลูกนอ้ ง หรือผ้อู ยู่ใตผ้ ้บู งั คบั บญั ชา ตาม
หลักธรรมของพระพุทธเจา้ ชือ่ "เหภูฐิทิศ" มเี น้ือความว่า

"เหภูฐทิ ศิ " คือ ทศิ เบ้ืองต่ำ เจ้านาย หรอื ผู้บงั คบั บญั ชา พึงบำรงุ บา่ ว คอื ผู้ใต้บังคบั บัญชา ด้วย
สถาน 5 คอื



2.1 ด้วยการจัดงานให้ตามกำลัง กล่าวคือ มอบหมายหน้าที่การงานให้ตามกำลัง ความรู้
สติปญั ญา ความสามารถ (Put the right man on the right jo - รู้จกั ใช้คนใหถ้ ูกกบั งาน)

2.2 ด้วยการใหอ้ าหารและบำเหน็จรางวลั กล่าวคือ เมื่อทำดี ก็รู้จักยกช่องชมเชยและ หรือ
สนับสนนุ อุดหนุน ใหไ้ ดร้ ับบำเหน็จรางวลั เลื่อนยศ เลื่อนตำแหนง่ ตามสมควรแกฐ่ านะ เมือ่ ทำไม่ดี ก็ให้คำ
ตักเตือน แนะนำ ส่งั สอน ให้พัฒนาสมรรถภาพใหด้ ีข้ึน ถา้ ไมย่ อมแก้ไขพฒั นาตนให้ดีข้ึน กต็ ้องตำหนิ และมี
โทษตามกฎเกณฑ์ โดยชอบธรรม

2.3 ดว้ ยการรักษาพยาบาลในยามเจบ็ ไข้ กลา่ วถือ ต้องร้จู กั ดแู ลสารทุกข์ สกุ ดบิ ของผูอ้ ยู่ใต้
บังคบั บัญชา ไม่เปน็ ผู้แล้งน้ำใจ คอื ไม่ปฏิบัติกับลกู น้อง หรือผูอ้ ยไู่ ต้บังคับบัญชา

2.4 ด้วยแจกของมีรสดีแปลก ๆ ให้กิน หมายความว่า ให้รู้จักมีน้ำใจแบ่งปันของกิน ของใช้
ดี ๆ ใหล้ ูกน้อง

2.5 ด้วยปล่อยในสมัย คือ รู้จักให้ลูกน้อง หรือผู้ได้บังคับบัญชาได้ลาพักผ่อนบ้าง ส่วนบ่าว
หรือลูกน้องผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา เมื่อเจ้านาย หรือผู้บังคับบัญชา ทำนุบำรุงอย่างนี้แล้ว ก็พึงปฏิบัติ
อนุเคราะหเ์ จ้านาย ผบู้ งั คับบัญชาดว้ ยสถาน 5 ตอบแทนด้วยเชน่ กัน คือ

(1) ฉุกขึ้นทำงานก่อนนาย คือ ให้รับสนองงานผู้บังคับบัญชาด้วยความขยันขันแข็งควร
มาทำงานก่อนนาย หรือผู้บังคับบัญชา อย่างน้อย ก็มาให้ทันเวลาทำงาน ไม่มาสายกว่านาย หรือสายกว่า
เวลาทำงานตามปกติ

(2) เลิกการทำงานที่หลงั นาย คือ ทำงานด้วยความขยันขันแข็ง แม้เลิก ก็ควรเลิกทีหลัง
นาย หรือผู้บังคบั บญั ชา อย่างนอ้ ยกอ็ ยทู่ ำงานให้เต็มเวลา ไมห่ นีกลบั ก่อนเวลาเลกิ งาน

(3) ถือเอาแต่ของที่นายให้ คือ มีความชื่อสัตย์ จงรักภักดี ไม่คดโกงนาย หรือ
ผ้บู งั คับบัญชา ไม่คอร์รปั ชัน่ ไมเ่ รียกร้องต้องการโดยไม่เป็นธรรม หรือเกนิ เหตุ

(4) ทำงานให้ดีขึ้น คือ ต้องรู้จักพัฒนาคุณวุฒิ ความรู้ ความสามารถ และวิสัยทัศน์ใน
การทำงาน ใหไ้ ดผ้ ลดี มปี ระสิทธิภาพสงู

(5) นำคุณของนายไปสรรเสรญิ คือ รู้จักนำคณุ ความดีของเจ้านาย ผู้บงั คบั บัญชาไป ยก
ยอ่ ง สรรเสรญิ ตามความเป็นจรงิ ในทีแ่ ละโอกาสอนั สมควร

กล่าวโดยย่อ ผู้บังคับบัญชา กับ ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา พึงปฏิบัติต่อกัน ดังคำนัก
ปกครอง นกั บริหารแต่โบราณ กล่าวว่า

"อยสู่ ูงใหน้ อนคว่ำ อยตู่ ่ำใหน้ อนหงาย"
"อยู่สูงให้นอนคว่ำ" หมายความว่า เป็นผู้ปกครอง ผู้บังคับบัญชา หรือเป็นผู้นำคน
พึงดูแลเอาใจใส่ ทำนุบำรุง ผู้ใต้บังคับบัญชา หรือลูกน้องด้วยดี คือด้วยความเป็นธรรม ตามหลักธรรมของ
พระพุทธเจา้ ตามที่กลา่ วขา้ งตน้ นี้ เพือ่ ใหล้ ูกนอ้ ง หรือผอู้ ยใู่ ต้บงั คับบญั ชา มขี วัญกำลงั ใจในการสนองงานได้
เตม็ ที่ อย่าใหล้ ูกนอ้ ง หรือผู้ใตบ้ งั คับบญั ชา เกดิ ความรสู้ กึ ท้อถอย วา่ ทำดีสกั เท่าใด ผู้ใหญ่ กไ็ ม่เหลียวแล ดัง
คำโบราณท่านว่า
มีปาก กม็ ีเปลา่ เหมือนเต่าหอย
เป็นผนู้ ้อย แม้ทำดี ไม่มขี ลัง
หรืออย่าให้ลูกน้อง หรือผู้ใต้บังคับบัญชา เกิดกวามรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจว่า ผู้ใหญ่ไม่
ยุตธิ รรม มกั เลือกปฏบิ ัติไมเ่ สมอกนั ดังคำท่ีวา่
(เรา) ทำงานทงั้ วัน ไดพ้ นั หา้

๑๐

(ส่วนคนอืน่ ) เดนิ ไปเดนิ มา ได้ห้าพนั
"อยตู่ ำ่ ใหน้ อนหงาย" หมายความวา่ ลูกนอ้ ง หรือผอู้ ยใู่ ตบ้ ังคับบัญชา กพ็ งึ ปฏบิ ตั ติ นต่อ
เจา้ นาย หรอื ผู้บงั คบั บญั ชาด้วยดี รบั สนองงานท่านดว้ ยความยินดี ด้วยใจจริง และทำงานดว้ ยความเข้มแข็ง
ตามหลกั ธรรม คอื "เหฎฐมทิศ" ดังกลา่ วมาแลว้
3. เป็นผู้มีมนุษยสัมพันธ์ (Human Relation) ที่ดี ด้วยคุณธรรม คือพรหมวิหารธรรม และ
สงั คห-วตั ถุ เปน็ ต้น
พรหมวิหารธรรม คุณธรรมเคร่ืองอยู่ของผ้ใู หญ่ 4 ประการ
(1) เมตา คอื ความรัก ปรารถนาท่ีจะใหผ้ ้อู ่ืนอยู่ดีมสี ขุ
(2) กรณุ า คอื ความสงสาร ปรารถนาใหผ้ มู้ ีทกุ ข์ เดอื ดรอ้ น ใหพ้ ้นทุกข์
(3) มุทิตา คือ ความพลอยยินดี ท่ผี อู้ ่ืนได้ดี ไมค่ ิดอิจฉาริษยากัน
(4) อุเบกขา คือ ความวางเฉข ไม่ยินดียนิ ร้าย เมื่อผู้อื่นถงึ ซ่ึงความวิบัติ โดยที่เรากช็ ่วย
อะไรไมไ่ ด้ กต็ ้องปล่อยวางใจของเราเองดว้ ยปญั ญา ตามพระพทุ ธพจน์ว่า "สตั วโ์ ลกเป็นไปตามกรรม"
สงั คหวตั ถธุ รรม 4 ประการ คือ
(1) ทาน รู้จกั ใหป้ นั สิง่ ของ ของตน แก่ผอู้ ื่นท่ีควรให้ปัน
(2) ปิยวาจา รู้จักเจรจาอ่อนหวาน คือ กลา่ วแต่วาจาทสี่ ภุ าพอ่อนโยน
(3) อตั ถจริยา รจู้ ักประพฤติสง่ิ ท่ีเป็นประโยชน์แกผ่ ู้อื่น
(4) สมานตั ตตา เปน็ ผมู้ ตี นเสมอ คอื ไมถ่ อื ตวั เย่อหยงิ่ จองหอง อวดดี

คณุ ธรรม 4 ประการน้ี เป็นเครื่องยดื เหนีย่ วจติ ใจของผู้อ่ืนไว้ได้ และยังความสมัคร
สมานสามคั คี ใหเ้ กดิ ขนึ้ ระหว่างกนั และกันด้วย หรือจะเรยี กวา่ เป็น "หลักธรรมมหาเสนห่ ์" ก็ได้

4. เป็นผู้มีความคิดริเริ่ม (Iniiatives) ด้วยความคิดสร้างสรรค์ (Creative) โครงการใหม่ๆ ท่ี
เป็นประโยชน์สุขแก่หมู่คณะ สังคม และประเทศชาติ และวิธีการทำงานใหม่ ๆ ให้การปกครองการบริหาร
กจิ การงานไดบ้ ังเกิดผลดี มปี ระสทิ ธิภาพสูงย่งิ ขึ้น

5. มีความคิดพัฒนา (Development) คือ เป็นนักพัฒนา ปรับปรุงแก้ไขสิ่งที่ล้าหลังหรือ
ขอ้ บกพร่องในการทำงานให้ดขี น้ึ อยูเ่ สมอ

6. เปน็ ผมู้ ีสำนกึ ในภาระหน้าท่ีความรบั ผดิ ชอบสูง(Sense of Responsibilies) คอื มีสำนึกใน
ความรับผิดชอบต่อตนเอง โดยการศึกษาหาความรู้ เพิ่มพูนศักยภาพ และสำนึกในการสร้างฐานะของตน
และมีสำนึกในหน้าที่ความรับผิดชอบต่อส่วนรวม คือต่อครอบครัว ต่อองค์กรและหมู่คณะที่ตนรับผิดชอบ
อยู่ และต่อสังคมประเทศชาติ ให้เจริญสันติสุขและมั่นคงโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำนึกในหน้าที่รับผิดชอบต่อ
สถาบันหลักทั้ง 3 ของประเทศชาติไทยเรา คือสถาบันชาติ 1 สถาบันพระพุทธศาสนา 1 และสถาบัน
พระมหากษัตริย์ 1 เพราะสถาบันหลกั ทั้ง 3 นี้ หากสถาบันใดคลอนแคลน ไม่มั่นคง ไม่ว่าจะเป็นเพราะถูก
ศัตรภู ายใน และ หรอื ศัตรจู ากภายนอกรุกราน ย่อมกระทบกระเทือนถงึ สถาบนั หลักอื่น ๆ ของชาติไทยเรา
ใหพ้ ลอยคลอนแคลนอ่อนแอไปด้วย

ผู้นำที่ดี จึงย่อมต้องสำเหนียก และจักต้องมีความสำนึก ในหน้าที่ความรับผิดชอบตอ่ สถาบัน
หลักทั้ง 3 นี้ อย่างจริงใจ และจะต้องรับช่วยกันดำเนินการ ให้ความคุ้มครอง ป้องกัน แก้ไข บำรุงรักษา
อยา่ งเข้มแเขง็ จรงิ จงั และต่อเนอื่ ง ใหเ้ กดิ ความเจรญิ และความสนั ตสิ ุขอย่างม่นั คงให้ได้

7. มีความมนั่ ใจตนเองสงู (Self Conlidence) หมายถึง มคี วามม่นั ใจโดยธรรม คอื มีความม่ันใจ
ในความรู้ ความสามารถ สติปัญญาและวิสัยทัศน์ และทั้งคุณธรรม คือความเป็นผู้มีศีลมีธรรม อันตนได้

๑๑

ศกึ ษาอบรมมาดแี ลว้ มิใช่มคี วามมัน่ ใจอยา่ งผิด ๆ ลอย ๆ อยา่ งหลงตวั หลงตนท้ัง ๆ ท่ีแท้จริง ตนเองหาได้มี
คณุ สมบตั แิ ละคุณธรรมดสี มจริงไม่ และจักตอ้ งร้จู ักแสดงความม่นั ใจในเวลา คดิ พูด ทำ ให้เหมาะสมกับกา
ละ เทศะ บุคคล สถานท่ี และประชุมชน ดว้ ย

8. เป็นผู้ประกอบด้วย "หลักธรรมาภิบาล" คือ คุณธรรมของนักปกครอง นักบริหาร ที่ดี
(Good Governance) คอื

1.1 หลักความถูกต้อง คือ มีการพิจารณาวินิจฉัยปัญหา การทำการตัดสินใจ (Decision
Making) และสั่งการ (Command) ด้วยความถูกต้องตามกฎหมายบ้านเมือง และกฎระเบียบข้อบังคับของ
องค์กร ที่ออกตามกฎหมาย ถูกต้องตามหลักศีลธรรมเนียมประเพณีทีด่ ีของสังคม ถูกต้องตามนโยบายของ
ผู้บังคับบัญชาหน่วยเหนือ และถูกต้องตรงประเด็นตามหลักวิชาและได้รบั ความพึงพอใจจากชนที่เกี่ยวข้อง
ทกุ ฝ่าย

1.2 หลกั ความเหมาะสม คอื ร้จู ักคิด พูด ทำ กจิ การงาน และปฏบิ ัติงานได้เหมาะสมถูกกา
ละ เทศะ บุคคล สังคม และสถานการณ์ กล่าวคือ เป็นผู้มีสัปปรุ ิสธรรม คือ คุณธรรมของสัตบุรุยคือคนดีมี
ศีลธรรม มี 7 ประการ คือ

1) ธัมมัญญตุ า รู้จักเหตุ ไดแ้ ก่ ปญั ญารู้เหตุแห่งทางเจริญ และทางเส่ือม เปน็ ต้น
2) อัตถญั ญุตา รู้จักผล ได้แก่ ปญั ญารู้ผล ทเ่ี ปน็ มาแตเ่ หตุ หรือปจั จยั ใหเ้ กดิ ผลต่าง ๆ
ตามท่ีเป็นจริง
3) อัตตัญญุตา รู้จักคน คือ รู้ภูมิธรรม ภูมิปัญญา และฐานะของตน ตามที่เป็นจริง
แล้ววางตนใหเ้ หมาะสมแก่ฐานะ
4) มัตตัญญุตา รู้จักประมาณ ปฏิบัติตน วางตนให้หมาะสมแก่ฐานะ และรู้จัก
ประมาณในการบรโิ ภคใช้สอยทรพั ย์ทมี่ อี ยู่ และตามมตี ามได้
5) กาลญั ญุตา รู้จกั กาล คือ รจู้ ักเวลา หรือโอกาสท่ีสมควร และไม่ควรพดู หรือกระทำ
การต่าง ๆ
6) ปริสัญญุตา รู้จักชุมชน ว่ามีอัธยาศัยใจคอ ฐานะความเป็นอยู่ และขนบธรรมเนยี ม
ประเพณี ของหมชู่ นต่าง ๆ เพอื่ ให้รู้จักวางตวั ใหเ้ หมาะสม
7) ปุคลัญญุตา รู้จักบุคคล ว่ามีอัธยาศัยใจคอ มีภูมิธรรม ภูมิปัญญา และมีฐานะ
อยา่ งไรเพ่ือปฏบิ ตั ิตน หรอื วางตน ใหเ้ หมาะสมตามฐานะของเราและของเขา
1.3 หลักความบริสุทธ์ิ คือ มีการวินิจนัย สั่งการ กระทำกิจการงาน ด้วยความบริสุทธิ์ใจ
คอื ดว้ ยเจตนา ความคิดอา่ นท่ีบรสิ ทุ ธ์ิ
1.4 หลักความยตุ ิธรรม คือ มกี ารวนิ ิจฉยั สง่ั การ และปฏิบตั ิต่อผูอ้ ยู่ใตป้ กครอง และบุคคล
ที่เกี่ยวข้อง ด้วยความชอบธรรม บนพื้นฐานแห่งหลักธรรม หลักการ เหตุผลและข้อมูลที่ถูกต้องเชื่อถือได้
และตรงประเด็น และด้วยความเที่ยงธรรม คือ ไม่อคติ หรือ ลำเอียง ด้วยความหลงรัก หลงชังด้วยความ
กลัวเกรง และด้วยความหลง ไม่รู้จริง คือขาดข้อมูลที่ถูกต้อง เชื่อถือได้ และสมบูรณ์ เป็นเครื่อง
ประกอบการวนิ ิจฉยั ตดั สนิ ใจ ใหค้ วามเทย่ี งธรรม

คุณธรรม-จริยธรรมตามแนวพระบรมราโชวาท
ตามพระราชบัญญัตริ ะเบียบบริหารราชการ กระทรวงศกึ ษาธิการ ปี 2546 ใหโ้ รงเรียนเปน็ นิติ

บุคคล (โรงเรียนเป็นนิติบุคคล คือการบริหารจัดการของสถานศึกษาซึ่งมีหน้าที่ให้บ ริการการศึกษาแก่
ประชาชนและเป็นสถานศึกษาของรัฐ) ดังนั้นผู้บริหารโรงเรียนในปัจจุบันนี้จึงต้องนำหลักการว่าด้วยการ

๑๒

บริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดี ซึ่งเรียกว่า " หลักธรรมาภิบาล " มาบูรณาการในการบริหารและจัด

การศึกษา เพื่อส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งให้กับโรงเรียนในฐานะนิติบุคคล ซึ่งหลักการดังกล่าวท่ี

ผ้บู รหิ ารโรงเรยี นควรคำนึงถงึ ในการบริหารโรงเรียนให้ได้มาตรฐานและมีประสิทธภิ าพและเกิดประสิทธิผล

โดยรวมอย่างสูงสุด คอื

1. หลกั นติ ิธรรม กฎระเบยี บท่ีชอบธรรมไม่ลดิ รอนสทิ ธ์ิ ใชบ้ งั คับเสมอหนา้ ไม่เลือกปฏบิ ัตฯิ ลฯ

2. หลักคณุ ธรรม ความดีงาม เมตตา-กรณุ า ฯลฯ

3. หลกั ความโปรง่ ใส รูข้ ้อมูลข่าวสาร ตรวจสอบได้ ฯลฯ

4. หลักการมีส่วนร่วม ทั้งโดยตรง/ออ้ ม เสนอความคดิ เห็นประชาพจิ ารณ์ ฯลฯ

5. หลักความรับผิดชอบ ความสำนกึ ตอ่ สงั คม มคี วามพรอ้ มถูกตรวจสอบ ฯลฯ

6. หลักความคมุ้ ค่า การใชท้ รัพยากรให้เกิดประโยชนส์ งู สดุ

หลัก "ธรรมาภิบาล" นี้ เมอื่ กระจายเป็นขอ้ ปฏิบตั ิดี-ปฏบิ ัติชอบ สำหรับพระราชามหากษัตริย์ที่ทรง

ใช้ปกครองพระราชอาณาจักร ให้อาณาประชาราษฎร์อยู่เย็นเป็นสุข ชื่อว่า "ทศพิธราชธรรม" อัน

ผู้ปกครองผู้บรหิ ารประเทศชาติทุกระดับ และแม้ผู้บริหารองคก์ รอื่น ๆ พงึ ใชป้ ระกอบการปฏบิ ตั ิงานของตน

ให้บรรลคุ วามสำเรจ็ ตามเปา้ หมาย เพื่อประ โยชนส์ ขุ แก่ประชาชนโดยสว่ นรวม ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี

"ทศพิธราชธรรม" อนั พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงคณุ อันประเสริฐ ของเรา ได้ทรงถือเป็น

หลักปฏบิ ัติ ในการครองราชอาณาจกั ร ใหพ้ สนกิ รของพระองค์อยู่เยน็ เป็นสุข เปน็ ท่ปี ระจักษ์ตา ประจกั ษ์ใจ

แก่ชาวโลกเสมอมานั้น มี 10 ประการ ตามพระพทุ ธภาษติ ดังตอ่ ไปนี้ คือ

1) ทาน การให้

2) ศีล การสง่ั รระวงั กายและวาจา ใหเ้ รยี บรอ้ ยดีไมม่ โี ทษ

3) ปริจจาคะ การเสยี สละ

4) อาชชวะ ความซอื่ ตรง

5) มัททวะ ความสภุ าพออ่ นโยน

6) ตปะ ความเพียรเพ่งเผากิเลส

7) อกั โกธะ ความไมโ่ กรธ

8) อวหิ งิ สา การไม่เบยี ดเบยี นผอู้ ื่น ตลอดทง้ั สตั วใ์ ห้ได้ทุกข์ยาก

9) ขนั ติ ความอดทน

10) อวโิ รธนะ ความประพฤตปิ ฏบิ ัตทิ ่ไี มผ่ ิดทำนองคลองธรรม และดำรงอาการคงที่ ไม่

หวัน่ ไหว ด้วยอำนาจยนิ ดีข้ึนร้าย

การสร้างจิตสำนกึ ด้านคุณธรรมจรยิ ธรรมสำหรบั ผบู้ รหิ าร
ผู้บริหาร นับว่าเป็นบุคคลที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อองค์กร เนื่องจากเป็นผู้ที่มีบทบาทในการ

กำหนดนโยบาย วางแผนการดำเนินงาน แนวการปฏิบัติ และเป็นตัวอย่างให้กับผู้อื่นที่อยู่ภายในองค์กร
หากผ้บู รหิ ารเปน็ ผู้ทมี่ ีจติ สำนึกในการวางนโยบายและยดึ แนวทางในการปฏบิ ัติอยา่ งมีคุณธรรม อีกท้ังรู้ จัก
การบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ และมีจริยธรรม ย่อมส่งผลมีมายังองค์กรและสังคมโดยส่วนรวม ปัจจุบัน
สังคมได้ให้ความสำคัญวัตถุมากกว่าคุณค่าทางจิตใจและคุณธรรม จริยธรรม ทำให้ผู้นำหรือผู้บริหารทุก
ระดับตอ้ งปรับกระบวนทศั น์และวธิ ีคดิ ใหม่ เน่ืองจากปจั จัย ส่งิ แวดล้อม อาจส่งผลทำใหก้ ารเสรมิ สรา้ ง และ
พัฒนาจิตสำนึกในด้านคุณธรรมและจริยธรรมขาดความสมบูรณ์ ซึ่งการปลูกฝังหรือสร้างจิตสำนึกในด้าน
คุณธรรมน้ัน จะต้องมกี ารพัฒนาอยา่ งสมำ่ เสมอและต่อเนอ่ื ง

๑๓

นกั บริหารทม่ี ีคุณธรรมนนั้ ควรมลี ักษณะท่ีสำคัญยิ่ง 3 ประการ ดงั นี้
1. มีความรู้และเป็นผู้มองการณ์ไกล สามารถวางแผนงานให้เหมาะ รู้จักงาน รู้จักตนเอง และ
ผอู้ นื่ ใช้ได้กับบคุ คลต่าง ๆ ในทุกสถานภาพ ผูบ้ ริหารระดับสูงต้องมีสติปัญญา
2. มีความเชย่ี วชาญ แม่นยำ มั่นคงต่องานทตี่ นบรหิ ารอยู่
3. มีมนษุ ยส์ ัมพันธ์ทีด่ ี สามารถผกู ใจคนได้ทั้งผรู้ ว่ มงาน ผูใ้ ต้บงั คับบัญชา ผ้เู กี่ยวข้องอื่น ๆ การ
มีมนุษย์สัมพันธ์นั้น สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ความจริงใจให้เกียรติทั้งต่อหน้าและลับหลัง ผู้บริหารที่มีความ
พร้อมในด้านนี้ จะสามารถบริหารกิจการได้อย่างราบรื่น เนื่องจากได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย นับว่า
คุณธรรมขอ้ นีส้ ำคัญมาก จะต้องอยใู่ นตัวผู้นำทกุ ระดับไม่ว่าระดับสูง กลาง หรือระดับพื้นฐาน

สำหรับผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จ หมายถึง การบริหารงานจนบรรลุเป้าหมายสูงสุดน้ัน
จะต้องมีคุณธรรมประจำตวั ด้วย แยกความสำคัญและรายละเอียดเป็น 4 ข้อ ดังน้ี

1. นักบริหารต้องมีความรอบรู้ รอบรู้ถึงงานในหน้าที่ ตลอดถึงบุคลลที่เกี่ยวข้อง นัก
บริหารต้องเร่มิ ตน้ บรหิ ารตนเอง บรหิ ารคน และบริหารงานให้เป็น ตอ้ งเปน็ คนอา่ นมาก ฟงั มาก เกาะติดกับ
สถานการณ์รอบด้าน เมื่อได้ข้อมูลสิ่งใดมาต้องรู้จักวิเคราะห์ว่าสิ่งที่ได้ยิน ได้รู้มานั้นมีความถูกต้องแค่ไหน
ต้องมีใจที่หนักแน่นไม่เอนเอียง ไม่มีอคติ คือ ตัวเองต้องเป็นคนที่มีความยุติธรรมประจำใจนั่นเอง การมี
ปัญญารอบรู้ดังกล่าวยังไม่พอเพียง ถ้าไม่รู้จักนำความคิด นำความรู้มาปฏิบัติให้เกิดความชำนาญ เมื่อมี
ปัญหาใด ๆ ประสบการณเ์ หล่านจี้ ะช่วยให้สามารถแก้ไขได้ในทนั ที

2. ความขยนั หม่นั เพียรและกำลงั ใจเปน็ ส่งิ ท่ีควบคู่กัน คนมปี ัญญาแตข่ าดกำลงั ใจในการ
ทำงาน งานก็จะไมป่ ระสบความสำเรจ็ เพราะความที่ไม่กล้าตัดสินใจ ผ้บู รหิ ารควรกลา้ คดิ และกล้าทำงานใด
ทยี่ าก มอี ุปสรรคมากเพยี งใดก็ไม่ท้อถอย เมือ่ ลงมือทำสิง่ ใดแล้วเกดิ มีอุปสรรคยอ่ ย ๆ ใชป้ ัญญาแก้ไขปัญหา
ใช้กำลังใจ ความมุ่งมั่น เพียรพยายาม สิ่งใดที่คิดว่ายาก ลำบาก จะเบาบางลง ที่คิดว่าต้องใช้เวลานาน สิ่ง
เหล่านี้จะหมดไปในที่สุด ผลที่ตามมา คือความเชี่ยวชาญและผลสำเร็จได้ชื่อเสียงเกียรติยศเป็นกำลังใจให้
ทำความดีต่อไป

3. การจะเป็นนักบริหารที่สังคมยอมรับ ไม่ควรจะมีจุดด่างพร้อยในชีวิต ไม่ว่าจะมาก
หรอื น้อยก็ตาม นักบรหิ ารหลายคนหมดอนาคตในความเป็นผนู้ ำเพราะถูกจบั ไดว้ า่ ทุจรติ ต่อหน้าท่ี หรือบาง
คนควรได้เล่อื นตำแหน่งหน้าท่ีในระดบั สงู แต่เพราะได้มีการทำผิดพลาดเพยี งเล็กน้อย แม้ไม่ได้ตั้งใจก็ทำให้
ตอ้ งเสียตำแหน่งให้ผู้อื่นทม่ี ีคุณสมบัตใิ นการทำงานดอ้ ยกว่า แต่ประวตั ิส่วนตวั ไม่ด่างพรอ้ ย เปน็ ต้น

4. นักบริหารต้องมีจิตใจเอื้อเฟื้อ พร้อมที่จะให้การสงเคราะห์กับเพื่อนร่วมงาน
ผู้ใต้บังคับบัญชา การให้จะผูกใจคนอื่นไว้ได้ การให้ในที่นี้รวมไปถึงการให้คำแนะนำ ถ่ายทอดวิชาความรู้
หรือ เคล็ดลับในการทำงานต่าง ๆ อย่างไม่ปิดบัง ให้อภัยเมื่อมีการผิดพลาดในการทำงานหรือมีการ
กระทบกระทั่งกันจะโดยเจตนาหรือไม่ก็ตามเมื่อมีการให้อภัยก็อมได้รับมิตรภาพคืนมา ยิ่งถ้าเป็นผู้มีความ
อ่อนน้อมถ่อมตน พูดแต่สิ่งดีงาม ไพเราะ อ่อนหวาน มีความจริงใจ และเป็นคนเสมอต้นเสมอปลายก็
สามารถมดั ใจได้ดีเช่นกนั หรือการทำตวั ให้เป็นประโยชน์ในทางหนง่ึ ทางใด เชน่ ใหก้ ารช่วยเหลือ เมื่อได้รับ
การรอ้ งขอ หรอื การสงเคราะหด์ ว้ ยความเมตตา การกระทำเหล่าน้ี ควรทำอยา่ งสม่ำเสมอจึงจะได้ชื่อว่าเป็น
"ผมู้ ีมนุษย์สมั พันธย์ อดเยยี่ ม"

นักบริหารจึงต้องมีพรหมวิหารธรรม คือ ธรรมสำหรับผู้ใหญ่ 4 ประการ คือ เมตตา กรุณา
มุทิตา และอุเบกขา และสิ่งที่จะเพิ่มคุณภาพของผู้บริหารที่ดีอีกประการหนึ่งที่จะขาดไม่ได้ คือ การมี
บคุ ลกิ ภาพท่ดี ี ซ่ึงการมีบุคลิกดนี ัน้ เกดิ ไดภ้ ายใน คอื จากใจเป็นบุคลิกสว่ นตวั ทางหน่ึง และภายนอก คือการ

๑๔

แต่งกายที่ถูกกาลเทศะ การระมัดระวังกิริยา มารยาท เหล่านี้จะเป็นส่วนเสริมให้ผู้บรหิ ารได้รับการยกย่อง
ว่าเป็นผู้ที่มีคุณธรรมและคุณภาพอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในองค์กรที่เป็นหน่วยงานภาครัฐ
"ข้าราชการ" จะต้องมีวิสัยทัศน์ และร่วมกันดำรงความมั่นคงรุ่งเรืองของบ้านเมือง โดยมีวิจารณญาณ มี
คุณธรรม มีความเสียสละและมุ่งมั่น ปฏิบัติงานให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนและประเทศชาติอย่างเต็ม
กำลังความสามารถ ตามแนวทางที่ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ องค์ปฐม
เสนาบดี กระทรวงมหาดไทย ทรงตรัสไว้ว่า "ข้าราชการมิใช่อภิสิทธิ์ชน หากแต่จะต้องบำเพ็ญตนให้เป็น
แบบอยา่ งท่ดี แี ก่สังคม" ให้เป็นอนสุ ติเตอื นใจถึง คุณคา่ แห่งความเป็นขา้ ราชการในองค์พระบาทสมเด็จพระ
เจา้ อยู่หัว โดยเปน็ หลกั เกยี รติศักดิท์ ีย่ งั ยนื แกส่ ถาบันข้าราชการสืบไป

อยา่ งไรก็ตามในมาตรการสร้างคุณธรรมนนั้ องคก์ รจะตอ้ งพัฒนาบคุ คลใหเ้ ปน็ ผมู้ จี ติ สำนึก มี
คุณธรรม จริยธรรม ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเลือกสรรบุคคลที่พร้อมจะรับการพัฒนา ในขณะเดียวกัน
จะต้องพิจารณาระดับสติปัญญา ลักษณะบุคลิกภาพ ลักษณะนิสัย และระดับจิตสำนึกพื้นฐานที่ได้รับการ
ปลูกฝังมานอกจากนีย้ ังจะต้องเป็นผู้ที่พร้อมท่ีจะยอมรับข้อบกพร่องของตัวเอง มีความตั้งใจแน่วแน่ท่ีจะรับ
การพัฒนาตนเองควบคู่ไปกับการยอมให้ความร่วมมือให้ผู้อื่นพัฒนาให้ด้วย ทั้งนี้เพื่อให้ร่วมกันส่งเสริมให้
เกดิ การสรา้ งจิตสำนกึ ด้านคณุ ธรรมแก่ผ้บู ริหารใหเ้ กิดความม่ันคงขึ้นในสังคมไทยตอ่ ไป

การทผ่ี บู้ รหิ ารโรงเรยี นมคี ุณธรรม จะเปน็ ทยี่ อมรบั นับถือของผ้รู ่วมงาน ทำให้ผู้รว่ มงานเกดิ ขวัญ
และกำลังใจ รู้สึกว่าตนเองมีความมั่นคง ความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน ซึ่งส่งผลให้การปฏิบัติงานใน
องคก์ รสามารถดำเนินไปได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ ปจั จุบันคุณธรรมเป็นสง่ิ สำคัญและเป็นประโยชน์ต่อบุคคล
ทั่วไป จงึ ควรให้มกี ารปลูกฝงั คุณธรรมให้เกิดกับบุคคลทุก ๆ คนซ่ึงในเรือ่ งนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
รัชกาลที่ 9 ได้มีพระบรมราโชวาททีเ่ กี่ยวกับคณุ ธรรมที่เราคนไทยทุกคนควรศกึ ษาและนำมาปฏิบัติรวม 4
ประการ คือ

1. การรักษาความสัจ ความจริงใจต่อตัวเองที่จะประพฤติปฏิบัติแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ และ
เป็นธรรม

2. การรู้จักขม่ ใจตนเอง ฝกึ ใจตนเองใหป้ ระพฤติอยู่ในความสัจความดีน้ัน
3. การอดทน อดกลั้นและอดออม ที่จะไม่ประพฤติล่วงความสัจสุจริตไม่ว่าจะด้วยเหตุ
ประการใด
4. การรู้จักละวางความชั่ว ความทุจริต และรู้จักสละประโยชน์ส่วนน้อยของตนเพื่อประโยชน์
ส่วนใหญ่ของบา้ นเมอื ง
สำหรับคุณธรรมสำหรับผู้บริหารโรงเรียนไม่ได้มีการกำหนดไว้ชัดเจนว่าต้องยึดถือคุณธรรมหรือ
ต้องมีคุณธรรมใดบ้าง แต่ลักษณะซึ่งแสดงคุณธรรมที่ผู้บริหารโรงเรียนควรยึดจะปรากฎอยู่ในหลักของ
ศาสนาทุกศาสนา ระเบียบ กฎหมาย คำสั่ง จรรยา และวินัยของข้าราชการครู ซึ่งโดยสรุปแล้ว ผู้บริหาร
สถานศึกษาควรมี
คณุ ธรรมในเร่ืองตอ่ ไปน้ี เปน็ พน้ื ฐาน คือ

1. มีเมตตา กรุณา ตอ่ ผูร้ ่วมงานและผ้อู น่ื
2. มคี วามเสยี สละ เห็นแก่ประโยชน์สว่ นร่วมมากกวา่ สว่ นตน
3. ไม่เอารดั เอาเปรียบผูร้ ่วมงาน
4. มีความยตุ ิธรรม มีเหตผุ ล และวางตวั เปน็ กลางอยา่ งสมำ่ เสมอ
5. มีความรักและห่วงใยผ้รู ว่ มงาน

๑๕

6. ชือ่ สัตย์ตอ่ ตนเอง ตอ่ หนว่ ยงาน และผู้อื่น
7. มองโลกในแงด่ ี
8. ยดึ ระบบคณุ ธรรมในการบริหารงาน
คุณธรรมดังกล่าวข้างต้น เป็นเรื่องที่ยอมรับจากสังคมและเป็นความคาดหวังทั้งของทางราชการ
และสงั คมท่จี ะได้เห็นข้าราชการไทยประพฤติปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิง่ ผ้บู รหิ ารโรงเรียนในฐานะ "คร"ู ด้วย
กย็ ง่ิ คาดหวังสูงกว่าข้าราชการในตำแหน่งอ่ืน เพราะการดำรงอยู่ในตำแหน่งท่เี ปน็ ทั้งครูและผู้บังคับบัญชา
จงึ จำเปน็ ตอ้ งเป็นแบบอย่างในการปฏบิ ัตทิ ั้งในด้านคุณธรรมและหน้าท่ีการงานแกผ่ ้รู ่วมงานและผู้เก่ียวข้อง
เพื่อ "ครองงาน" ได้ แต่ผู้บริหารจะไม่สามารถ "ครองตน" และ"ครองคน" ได้เลย ถ้าหากผู้บริหารขาด
คณุ ธรรม
ดงั น้นั ผนู้ ำจงึ ควรหลีกเสีย่ งสง่ิ ทจี่ ะทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจ และใช้ความเปน็ ผนู้ ำาทางจริยธรรม
โดยมุ่งเน้นตามขอ้ แนะนำตอ่ ไปน้ี
1. พัฒนาวิสัยทัศนให้สอดคล้องกับปรัชญา การจัดการศึกษาที่ดี ผู้บริหารที่ไม่มีวิสัยทัศน์บน
พน้ื ฐานทางปรัชญา การจดั การศกึ ษา ดเู หมอื นจะทำให้เกิดความไมส่ อดคล้องกบั การตัดสนิ ใจและการสร้าง
มนุษยสัมพันธ์ ผลประโยชน์ส่วนตัวและผลประโยชน์ทางการเมืองจะมาคุมการปฏิบัติผล ก็คือจุดมุ่งหมาย
กลายเป็นวิถีไป ผู้บริหารต้องมีเหตุผลในการปฏิบัติ เขาต้องมีเหตุผลอ้างอิงสนับสนุนได้ในการปฏิบัติตาม
วิสัยทัศน์ เหตุผลอยู่บนพื้นฐานของหลักการมิใช่อารมณ์ หรือการหยั่งรู้ ผู้บริหารต้องยืนอยู่บนหลักการที่
สามารถทดสอบได้ผู้บริหารต้องค้นหาปรัชญาที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมประชาธิปไตย และบุคลิกลักษณะ
สว่ นตัวของเขา
2. เป็นผู้นำทางด้านคุณธรรมอย่างแข็งขันผู้นำทางการศึกษาควรสร้างบรรยากาศทางจริยธรรม
ในโรงเรียน บรรยากาศทางจริยธรรมมีใช่เป็นการประมวลกฎเกณฑ์หรือกฎหมาย แต่เป็นเรื่องเจตคติท่ี
เหนือกว่า ซึ่งต้องรับผิดชอบให้สอดคล้องกับการปฏิบัติอย่างรอบครอบการตัดสินใจในแต่ละครั้ง ผู้บริหาร
จะต้องสร้างบรรยากาศทางจริยธรรม ถ้าผู้บริหารไม่เอาผิดกับการสอนที่ย่ำแย่ เป็นบรรยากาศของการ
สนับสนุนเชน่ นัน้ กเ็ ท่ากบั เป็นการยอมรับการฉ้อฉลต่อชุมชนและนักเรียน ผ้บู ริหารท่ีไม่เอาผิดกบั นักเรียนที่
ขาดเรียนก็เท่ากับโรงเรียนไม่มีความสำคัญ ผู้บริหารต้องถามและตอบคำถามนี้ ทำไมโรงเรียนจึงต้องจดั ตัง้
ขึ้น เราต้องประสบผลสำเร็จในเรื่องอะไร พันธกิจอะไรทีโ่ รงเรียนต้องทำเพื่อนักเรยี นและชุมชน พฤติกรรม
ของนักเรยี นและครูเป็นเชน่ ไรท่ีมีความสำคัญต่อชุมชนของโรงเรียน คำตอบคำถามเหล่านี้จะเป็นตัวกำหนด
รปู แบบบรรยากาศทางจรยิ ธรรมของโรงเรยี น
3. การแบ่งแยกควรอยู่ในภาวะที่ควรถูกตำหนิการแบ่งแยกเกิดขึ้นในรูปแบบที่ละเอียดอ่อน
การเลือกที่รักมักที่ชังเกิดขึ้นในห้องพักครูที่ซึ่งสังเกตเห็นเป็นเชิงลบได้ถูกละเลยในห้องแนะแนวนักเรียนที่
ไม่ได้รับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ควรได้รับการส่งเสริมวิชาชีพมากกว่าศึกษาต่อทางวิซาการและในช้ัน
เรยี นการดหู มน่ิ ไดร้ ับการเพิกเฉย ผ้บู ริหารต้องไมอ่ ดทนกับการแยกที่รักมักที่ชงั ผบู้ ริหารตอ้ งวินิจฉัยว่าเป็น
เรือ่ งจรยิ ธรรมและเป็นประเดน็ ทางการศึกษา วธิ เี ดยี วทจ่ี ะทำให้ ครู นกั เรยี น ชุมชนมคี วามตระหนกั ในเร่ือง
น้สี ูงข้นึ กโ็ ดยการพัฒนาบคุ ลากรผ่านมาเปน็ นโยบาย การสรา้ งเจตคตมิ ีการปฏบิ ตั ิ มีการตรวจสอบตดิ ตาม
4. การสอนที่ดีเป็นหนา้ ที่ การสอนที่ย่ำแย่ทำร้ายนักเรยี น ทำลายครูที่สอนดี และทำร้ายชุมชน
ครูที่ย่ำแย่ผิดพลาดในการจำแนกนักเรียนตามฐานความรู้ของนักเรียนส่งผลให้บรรยากาศในโรงเรียนไม่ดี
ทำลายครูที่ทำการสอนดี ผลการสอนของครูทยี่ ่ำแย่ส่งผลถงึ การดำเนนิ ชีวติ ของนกั เรียน ผ้บู ริหารต้องรักษา
ดุลยภาพของสิทธิต่าง ๆ ของครแู ละสิทธติ ่าง ๆ ของนักเรียนและสิทธิของชุมชน นกั เรยี นไม่มีพลังอำนาจที่

๑๖

จะเปล่ยี นครู นักเรียนต้องพงึ่ พาผ้บู รหิ ารท่ีจะแน่ใจได้วา่ ครทู ม่ี พี ฤติกรรมที่ย่ำแย่ควรไดร้ บั การปรับปรุงหรือ
ขจัดออกไป ในการจัดการครูที่มีพฤติกรรมการสอนที่ย่ำแย่ ผู้บริหารมีภาระหน้าทีใ่ นการปฏิบตั ิในสิ่งที่เกดิ
ประโยชน์สงู สดุ ตอ่ นักเรียนและชุมชน

5. ผู้บริหารคือผู้สร้างชุมชน คนส่วนมากไม่รู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียน โรงเรียนผิดพลาด
ในการทีไ่ ม่รวมชุมชนเข้ามาอยู่ในโครงสรา้ งของโรงเรียน เปน็ ผลใหช้ มุ ชนไม่มีความร้สู ึกว่าโรงเรียนเป็นส่วน
หนนึ่งของชุมชน หรือเป็นภารกิจที่สังคมต้องช่วยดูแล เนื่องจากไม่มีตัวเชื่อมระหว่างกลุ่มต่าง ๆ ของ
โรงเรียนและชุมชน เมื่อไม่มีความรู้สึกร่วมของชุมชนต่อกลุ่มต่าง ๆ ของโรงเรียน ก็ยิ่งดูเหมือนเป็นการ
ทำงานด้วยรูปแบบของการเผชิญหน้าและความขัดแย้งมากกว่าความร่วมมือ และความร่วมจิตร่วมใจ
ผู้บริหารที่ดีสร้างชุมชนเขาจะวาดมโนภาพว่าโรงเรียนเป็นหน่วยเดียวกับชุมชนที่ซึ่งกลุ่มต่าง ๆ จะมีความ
ร่วมมือ โรงเรียนต้องสร้างบรรยากาศแหง่ ความอบอุ่น สถานที่เชญิ ชวนเพราะครูและนักเรียนมีความร้สู ึกมี
ความต้องการ ชุมชนของโรงเรียนยอมรับในคุณค่าภายนอกของสมาชิกต่าง ๆ ดังนั้นการแบ่งแยกการ
หลอกลวง การไม่เคารพนับถือจึงไม่มีในโรงเรียน การทำงานเพื่อสร้างชุมชนด้วยการกำหนดเป้าหมาย
ร่วมกนั การสรา้ งค่านิยมร่วมเป็นเป้าหมายเบ้อื งตน้ ของผบู้ ริหารทีม่ จี รยิ ธรรม

6. รักษาดุลภาพของสิทธิของทุกกลุ่ม เป็นความยากลำบากในการรักษาดุลยภาพในสิทธิต่าง ๆ
ของกลมุ่ ทีม่ คี วามแตกต่างอยา่ งมากมายภายในชุมชนของโรงเรียน ผูบ้ ริหารอาจหาวิธกี ารท่งี า่ ย ๆ ท่ีมุ่งไปท่ี
คนกลุ่มใหญ่ สนับสนุนให้เขามีความมั่นใจเสมอในทางตรงกันข้ามสิทธิของชนกลุ่มน้อยก็ต้องไม่เกิดความ
สูญเสียด้วย เมื่อสิทธิของคนส่วนใหญ่แยกออกจากสิทธิของคนส่วนน้อย ประเด็นทางจริยธรรมจะเกิดข้ึน
ผู้บริหารต้องวินิจฉัยแนวทางการปฏิบัติบนพื้นฐานของข้อแนะนำทางจริยธรรม ผู้บริหารที่มีประสิทธิผล
รักษา ดุลยภาพสิทธิของกลุ่มใหญ่กับคนกลุ่มน้อย ดุลยภาพจึงเป็นเรื่องที่ยากจะบรรลุประสิทธิภาพ
ผู้บริหารต้องกำหนดกรอบการตัดสินใจในสภาพแวดล้อมของสิทธิของการปฏิบัติที่ถูกต้องเพื่อโรงเรียน
หน้าที่ของโรงเรียนคืออะไรในสังคมประชาธิปไตยที่มอบให้ตามสถานการณ์ บทเรียนอะไรที่สามารถเรยี นรู้
จากสมาชิกของชุมชนจากการตัดสินใจ สิ่งที่ต้องพิจารณาเป็นเบื้องต้นก็คือสิ่งใดที่เป็นสิทธิในกรอบความ
รับผดิ ชอบของผ้บู ริการ

7. ปฏิบัติในประเด็นที่ถูกต้องแต่อาจไม่ถูกใจคนส่วนใหญ่ บ่อยครั้งที่ผู้บริหารต้องแยกระหว่าง
ความทันสมยั กบั ความถูกต้องทางจริยธรรม ผู้นำทางจรยิ ธรรมจะไม่มีปัญหาในสิ่งท่ีถูกต้องกับความทันสมัย
จะเป็นเหมือนเหรียญคนละด้าน อย่างไรก็ตามมีหลายครั้งเมือประเด็นเหล่านี้ไม่เป็นเหมือนเหรียญคนละ
ด้านหลายสถานการณ์อาจเป็นประเด็นท้ังคสู่ นับสนนุ เพ่ือคนส่วนน้อยและรับหลักการของทิศทางการศึกษา
ใหม่ ผู้นำที่ชาญฉลาดจะสะท้อนประเด็นต่าง ๆ ตรวจสอบทกุ ด้านและใชด่ ลุ ยพินิจพิจารณาจากหลักธรรมที่
มีอยู่ ตัวอย่างในการให้ข้อเสนอแนะโค้ชที่เบ่ียงเบน เพราะโค้ชโกรธคนที่ใช้อิทธิพลเสนอแนะประเด็นทาง
จริยธรรมในขณะกำหนดประเด็นต่าง ๆ ของหลักสูตรอาจจะเป็นปัญหาทางความคิดเห็น และเนื้อหาวิชา
เพอื่ การประนปี ระนอม

8. การตัดสินใจอยู่บนพื้นฐานอะไรเป็นสิ่งที่ถูกต้องสำหรับสมาชิกของชุมชนของโรงเรียน
ผู้บริหารคือผู้ตัดสินใจบนพื้นฐานว่าอะไรคือ สิ่งที่ถูกต้องขององค์การหรือลืมไปว่าอง ค์การตั้งขึ้นเพ่ือ
สนองตอบความต้องการของสมาชิก ดงั นน้ั โรงเรียนจึงมใี ดร้ กั ษามุมมองว่าสว่ นน้ีไว้ จงึ เฉยเมินกับเสียงบ่นใช้
ความวกวนของระบบราชการหลีกหนคี ำวจิ ารณ์ ไมพ่ จิ ารณาความต้องการของนักเรยี น มีงานใหบ้ ุคลากรใน
องค์การทำเท่านัน้ พอ ผู้บริหารท่ีดตี ้องมเี ปา้ หมายเบ้อื งต้นในการให้บรกิ าร

๑๗

9. สรา้ งความกล้าทางจริยธรรม ซง่ึ เป็นบทบาทหน่ึงของผบู้ รหิ าร ผบู้ รหิ ารจะขาดความกล้าทาง
จริยธรรมไม่ได้ ผู้บริหารสามารถอ้างสิทธิในการปฏิบัติตามหลักจริยธรรม แต่ถ้าเขาพลาดที่จะทดสอบ
เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ปกครอง สมาชิกของคณะกรรมการ ศึกษานิเทศก์ เขาขาดความกล้าทางจริยธรรม
ผู้บริหารที่รับแรงกดดันจะทำลายมาตรฐานทางจริยธรรม ผู้นำต้องมีความกล้าทางจริยธรรมที่จะกล้า
ต่อต้านหรือกล้าพูดคำว่าไม่ได้ ผู้บริหารต้องมีจุดยืนสอดคล้องกับหน้าที่ พันธกิจ ความรับผิดชอบตาม
บทบาท โดยสรปุ ผบู้ รหิ ารไม่อาจพ่ึงพาคณะกรรมการหรือหวังทจ่ี ะให้คนอน่ื ช่วยตดั สินใจในพนั ธกจิ ของท่าน
ท่านตอ้ งปฏิบัตติ ามหลัก จริยธรรมอนั เปน็ บทบาทของผู้บรหิ าร

10. สื่อให้เห็นวา่ ส่ิงที่พูดกับสิง่ ที่ทำบูรณาการเขา้ มาในหน้าที่ของตนเอง เพราะโรงเรียนจะไม่มี
บรรยากาศทางจริยธรรม ถา้ ผู้บรหิ ารไม่สือ่ คา่ นยิ มทางจริยธรรมผูบ้ ริหารต้องกำหนดกฎเกณฑท์ างจริยธรรม
ที่สอดคล้องกบั ค่านิยมของชมุ ชน และสังคม กฎเกณฑน์ ต้ี ้องส่ือทุกวัน สิง่ แวดลอ้ มทางจริยธรรมจะบรรลุผล
ผ่านการการตดั สนิ ใจเปน็ พนั ๆ ครงั้

บทสรปุ
คุณธรรม จริยธรรมจึงนับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งในสังคมปัจจุบันที่มีผู้คนในสังคมจำนวนมาก มี

ความกา้ วหน้าทางเทคโนโลยี การปลกู ฝังคุณธรรม จรยิ ธรรมแก่เด็กและเยาวชน ในรปู แบบตา่ ง ๆ จะทำให้
คุณธรรมจริยธรรมของประชาชนเป็นไปอย่างยั่งยืน โดยกระทรวงศกึ ษาธิการได้กำหนดเปา้ หมายการศึกษา
ไว้ว่า การจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา
ความรู้คู่คุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข
การจัดกระบวนการเรียนรู้ให้สถานศึกษาจัดการเรียนการสอนโดยผสมผสานสาระความรู้ด้านตา่ ง ๆ อย่าง
ได้สัดส่วน สมดุลกัน ร่วมทั้งปลูกฝังคุณธรรม ค่านิยมที่ดีงาม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ไว้ในทุกวิชา
โดยใหผ้ ู้เรียนเกดิ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ คอื เหน็ คณุ คา่ ของตนเอง มวี นิ ัยในตนเอง ปฏิบัติตามหลักธรรม
ของพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มุ่งเน้นการพัฒนา ความรู้ ความคิด และทักษะในการปฏิบัติจริง
อันจะนำไปสู่การพัฒนาตนเองให้เกิดความสุข และนำไปสู่การพัฒนาอาชีพสุจรติ การมีงานทำและมีรายได้
และมีสว่ นทำประโยชน์ให้กบั สงั คมของตนเองและ ประเทศชาติ

ดังนั้น ผู้บรหิ ารการศึกษาทกุ คนจึงควรนำหลักจรยิ ธรรม ทั้งสปั ปุรสิ ธรรม อิทธบิ าทธรรม
พรหมวิหารธรรม สงั คหวตั ถุธรรม และ ทศพธิ ราชธรรม มาเป็นหลกั ในการบริหารการศึกษา อันเป็น
เคร่ืองบง่ ชี้ว่าเปน็ ผบู้ รหิ ารทีส่ มบูรณ์ ทำให้บุคลากรผรู้ ่วมงานเกดิ แรงจูงใจร่วมมอื เกิดเปน็ การยอมรับเป็น
แบบอย่างท่ดี แี กผ่ ใู้ ตบ้ งั คับบัญชา สามารถบริหารนำพาองค์กรได้พฒั นาก้าวไปข้างหนา้ ดว้ ยความสถาพร
ม่นั คง อยา่ งมปี ระสิทธผิ ล และมปี ระสิทธภิ าพ

๑๘

บรรณานกุ รม

สมบัติ ทฆี ทรัพย.์ คุณธรรม-จริยธรรมสำหรบั นักบริหาร.กรงุ เทพมหานคร:จฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย.2547.
พระมหาสมบูรณ์ สุธมโม,ดร.คุณธรรมจริยธรรมกับผู้บริหาร.กรุงเทพมหานคร:จุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.

2557.
พระเมธีธรรมาภรณ์. คุณธรรมสำหรับนักบริหาร.กรงุ เทพมหานคร:โรงพิมพมูลนธิ พิ ุทธธรรม.2541.
อาคม มากมที รัพย์.จริยธรรมผู้บริหารสถานศึกษา.วิทยานิพนธ์ ดุษฎีบณั ฑติ . บณั ฑิตวิทยาลัย :

มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร, ๒๕๕6.
.คุณธรรมและจริยธรรมสำหรับนักบริหาร.(ออนไลน์) แหล่งท่มี า: http://person.ddc.

moph.go.th/eval/knowledge/GoodGovernance.pdf.14 มกราคม 2565.

๑๙


Click to View FlipBook Version