พ ร ะ น า ม แ ห่ ง ฟ า โ ร ห์ 4 5 ราชวงศ์ที่ 22 เป็นชาวลิเบีย ปกครองระหว่าง 943 ถึง 728 ปีก่อนคริสตกาล เฮดจ์เคปเปอร์เร-เซเตเพนเร โชเชงค์ที่1ที่ ราชวงศ์ที่ 22 เซเคมเคปเปอร์ โอซอร์คอนที่1ที่ ราชวงศ์ที่ 22 เฮกาเคปเปอร์เร โชเชงค์ที่2ที่ ราชวงศ์ที่ 22 ทุตเคปเปอร์เร โชเชงค์ ราชวงศ์ที่ 22 เฮดจ์เคปเปอร์เร ฮาร์เซียเซ ราชวงศ์ที่ 22 ทาเคลอตที่1ที่ ราชวงศ์ที่ 22 ยูเซอร์มาอัตเร-เซเตเพนอามุน โอซอร์คอนที่2 ราชวงศ์ที่ 22 ยูเซอร์มาอัตเร-เซเตเพนเร โชเชงค์ที่3ที่ ราชวงศ์ที่ 22 โชเชงค์ที่4ที่ ราชวงศ์ที่ 22 ยูเซอร์มาอัตเร-เซเตเพนเร ปามิ ราชวงศ์ที่ 22 อาเคปเปอร์เร โชเชงค์ที่5ที่ ราชวงศ์ที่ 22 ยูเซอร์มาอัตเร โอซอร์คอนที่4ที่ ราชวงศ์ที่ 22
พ ร ะ น า ม แ ห่ ง ฟ า โ ร ห์ 4 6 ราชวงศ์ที่ 23 มีผู้ปกครองเป็นชาวลิเบีย ซึ่งศูนย์กลางอำ นาจตั้งอยู่ที่เมือง เฮ ราคลีโอโพลิส เมือง ธีบส์ และเมือง ลีออนโทโพลิส ซึ่งปกครองตั้งแต่ 837 ถึง 735 ปีก่อนคริสตกาล เฮดจ์เคปเปอร์-เซตเพนเร ทาเคลอตที่2 ราชวงศ์ที่23 ยูเซอร์มาอัตเร-เซเตเพนอามุน เปดิบาสเทต ราชวงศ์ที่23 ยูเซอร์มาอัตเร-เซเตเพนอามุน ลูพุดที่1 ราชวงศ์ที่23 ยูเซอร์มาอัตเร โชเชงค์ที่6ที่ ราชวงศ์ที่23 ยูเซอร์มาอัตเร-เซเตเพนอามุน โอซอร์คอนที่3ที่ ราชวงศ์ที่23 ยูเซอร์มาอัตเร-เซตเพนอามุน ทาเคลอตที่3ที่ ราชวงศ์ที่23 ยูเซอร์มาอัตเร-เซตเพนอามุน รุดอามุน ราชวงศ์ที่23 โชเชงค์ที่7 ซาอิเซตเมริอามุน ราชวงศ์ที่23 เมนเคปเปอร์เร ไออินที่3 ราชวงศ์ที่23 ราชวงศ์ที่ 24 เป็นราชวงศ์อายุสั้น ที่ตั้งของเมืองหลวงอยู่ในเขตตะวันตกของ ปากแม่น้ำ ไนล์ (เมืองซาอิส ) มีเพียงสองฟาโรห์ปกครองตั้งแต่ 732 ถึง 720 ปี ก่อนคริสตกาล เซปเซสเร เทฟนัคห์เตที่1ที่ ราชวงศ์ที่ 24 วาห์คาเร บาเคนเรเนฟ ราชวงศ์ที่ 24
พ ร ะ น า ม แ ห่ ง ฟ า โ ร ห์ 4 7 ชาวนิวเบีย ได้บุกรุกอียิปต์ล่างและได้ครองบัลลังก์ของอียิปต์ภายใต้รัชสมัย ของฟาโรห์ปิเย แม้ว่าพระองค์จะควบคุมเมืองธีบส์และอียิปต์บนในช่วงปีแรก ๆ ของการครองราชสมบัติของฟาโรห์ปิเย การพิชิตอียิปต์ของปิเยของอียิปต์ล่างได้ สร้าง ราชวงศ์ 25 ซึ่งปกครองจนถึง 656 ปีก่อนคริสตกาล ยูเซอร์มาอัตเร ราชวงศ์ 25 ดเจดคาเร ราชวงศ์ 25 เนเฟอร์คาเร ราชวงศ์ 25 เนเฟอร์เทมคูเร ราชวงศ์ 25 บาคาเร ราชวงศ์ 25
พ ร ะ น า ม แ ห่ ง ฟ า โ ร ห์ 4 8 ราชวงศ์ที่ 26 ปกครองระหว่าง 664 ถึง 525 ปีก่อนคริสต์ศักราช เทฟนัคต์ที่2 ราชวงศ์ที่ 26 เนคาอูที่1ที่ ราชวงศ์ที่ 26 วาฮ์อิบเร ราชวงศ์ที่ 26 เวเฮมอิบเร ราชวงศ์ที่ 26 เนเฟอร์อิบเร ราชวงศ์ที่ 26 ฮาอาอิบเร ราชวงศ์ที่ 26 คเนมอิบเร ราชวงศ์ที่ 26 อังค์คาเอนเร ราชวงศ์ที่ 26 อียิปต์ถูกยึดอำ นาจโดยจักรวรรดิเปอร์เซียใน 525 ปีก่อนคริสตกาล และปกครองจนถึง 404 ปีก่อนคริสต์ศักราช ราชวงศ์ที่ 27 โมสอุตเร ราชวงศ์ที่ 27 บาร์ดิยา ราชวงศ์ที่ 27 เซเฮรูอิบเร ราชวงศ์ที่ 27 เซเตตอูเรราชวงศ์ที่ 27 อาโมส เนบคาเอนเร ราชวงศ์ที่ 27 เคชายาลุชา ราชวงศ์ที่ 27 อตาบาร์นุส ราชวงศ์ที่ 27 อรุทัคชาชาส ราชวงศ์ที่ 27 เซอร์ซีสที่2ที่ ราชวงศ์ที่ 27 โซดีเอนุท ราชวงศ์ที่ 27 ดาไรอัสที่ 2 ราชวงศ์ที่ 27 สมัย มั ปลายแห่งอียิ อี ยิปต์โบราณ
พ ร ะ น า ม แ ห่ ง ฟ า โ ร ห์ 4 9 ราชวงศ์ที่ 28 ปกครองเพียง 6 ปี ตั้งแต่ 404 ถึง 398 ปีก่อน คริสตกาลโดยมีฟาโรห์พระองค์เดียว เมืองหลวงอยู่ที่ ซาอิส เซเนนเซเทปอูนิ'พทาห์ ราชวงศ์ที่28 ราชวงศ์ 29 ปกครองระหว่าง 398 ถึง 380 ปีก่อนคริสต์ศักราช เมืองหลวงอยู่ที่ เมนเดส บาเอนเร-เมอรี่เนเจรู เนฟอารุด ราชวงศ์ 29 คเนมมาอัตเร ฮาคอร์ ราชวงศ์ 29 ยูเซอร์เร-เซเตเพนพทาห์ พาทเฮอริเอนมุต ราชวงศ์ 29 คเนมมาอัตเร ฮาคอร์ ราชวงศ์ 29 เนเฟอริเตสที่2ที่ ราชวงศ์ 29 ราชวงศ์ที่ 30 ปกครองตั้งแต่ 380 ปีก่อนคริสตกาล จนกระทั่งอียิปต์อีก ครั้งมาภายใต้การปกครองเปอร์เซียใน 343 ปีก่อนคริสตกาล เคปเปอร์คาเร เนคห์เนเบฟ ราชวงศ์ที่ 30 ไอริมาอัตเอนเร เจดฮอร์ ราชวงศ์ที่ 30 เซเนดเจมอิบเร นัคห์ฮอร์เฮบิต ราชวงศ์ที่ 30
พ ร ะ น า ม แ ห่ ง ฟ า โ ร ห์ 5 0 อียิปต์ได้ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเปอร์เซียอีกครั้ง ผู้ปกครองชาว เปอร์เซียปกครองระหว่าง 343 ถึง 332 ปีก่อนคริสตกาล ได้รับการแต่งตั้ง เป็นครั้งคราวเป็น ราชวงศ์ 31 อาตาเซอร์ซีสที่3ที่ ราชวงศ์ 31 อาตาเซอร์ซีสที่4ที่ ราชวงศ์ 31 คาบาบาช ราชวงศ์ 31 ดาริอุสที่3ที่ ราชวงศ์ 31
พ ร ะ น า ม แ ห่ ง ฟ า โ ร ห์ 5 1 ชาวมาซิโดเนียภายใต้การนำ ของอเล็กซานเดอร์มหาราชเข้าสู่ยุคแห่ง เฮลเลนิสติก ด้วยการพิชิตเปอร์เซียและอียิปต์ ราชวงศ์อาร์กีดปกครอง จาก 332 ถึง 309 ปีก่อนคริสตกาล เซเตเพนเร-เมริอามุน อเล็กซานเดอร์ที่3 ฟิลิปที่3 แห่งมาซิโดเนีย ฮาอาอิบเร อเล็กซานเดอร์ที่4 ราชวงศ์เฮลเลนิสติกที่สองคือ ราชวงศ์ทอเลมี ปกครองอียิปต์ตั้งแต่ 305 ปี ก่อนคริสต์ศักราช จนกระทั่งอียิปต์กลายเป็นมณฑลแห่งกรุงโรม ใน 30 ปี ก่อนคริสต์ศักราช เซเตเปนเร-เมอรี่อามุน เบเรนิซที่1ที่ ยูเซอร์คาเร-เมอรี่อามุน อาร์ซิโนเอที่1ที่ อาร์ซิโนเอที่2ที่ ทอเลมีที่3 ยูเออร์เกดตีส เบเรนิซที่2ที่ ทอเลมีที่4 ฟิโลพาเตอร์ อาร์ซิโนเอที่3ที่ ฮูโกรนาเฟอร์ อังค์มาคิส ทอเลมีที่5 เอพิฟาเนส คลีโอพัตราที่1 ไซรา ทอเลมีที่6 ฟิโลเมเตอร์ ทอเลมีที่8 เออร์เกเทสที่2 คลีโอพัตราที่2ที่ ทอเลมีที่7 เนโอ ฟิโลพา เตอร์ คลีโอพัตราที่3 ทอเลมี เมมฟิสทิส ฮาร์ซิเอซิ ทอเลมีที่ 9 โซเตอร์ที่ 2 คลีโอพัตราที่ 4
พระนามแห่งฟาโรห์52 ท อเล มี ที่10 อเล็ ก ซ า นเด อ ร์ ที่1ที่เบเรนิซที่3ที่ทอเลมีที่11 อเล็กซานเดอร์ที่2ทอเลมีที่12 เนโอ ดีโอนีซอสคลีโอพัตราที่5 ไทรฟาเอนาคลีโอพัตราที่6ที่เบเรนิซที่4ที่คลีโอพัตราที่7ที่ทอเลมีที่1ที่ 3อาร์ซิโนเอที่4ที่ทอเลมีที่14ทอเลมีที่15 ซีซาเรียน
พ ร ะ น า ม แ ห่ ง ฟ า โ ร ห์ 5 3 คลีโอพัตราที่ 7 กับเผด็จการแห่งโรมัน จูเลียส ซีซาร์ และ นายพลโรมัน มาร์ค แอนโทนี ได้ร่วมมือในการปกครองอียิปต์ แต่หลังจากนั้นไม่นานจนกระทั่งการฆ่าตัวตาย (หลังจากที่ มาร์ค แอนโทนีแพ้อ็อกตาเวียน ซึ่งต่อมาคือ จักรพรรดิออกั สตัส) อียิปต์กลายเป็นมณฑลแห่งกรุงโรม ในปี 30 ปีก่อน คริสตกาล ต่อมาจักรพรรดิได้รับชื่อของฟาโรห์แม้ว่าเฉพาะใน ขณะที่ในอียิปต์ รายชื่อกษัตริย์อียิปต์พระองค์หนึ่งระบุว่า จักรพรรดิโรมันเป็นฟาโรห์ขึ้นและรวมถึงจักรพรรดิเดซิอุส ดูร ดู าย พระนามจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมัน ยุคโรมัน มั
ภ า ษ า อี ยิ ป ต์ 5 4 ภาษาอียิ อีปต์ ชาวอียิปต์โบราณมีอักษรของตนเอง ซึ่งเรียกว่าอักษร ฮีโรกลีฟิค (Hieroglyphic) ซึ่งคำ ว่า ฮีโรกลีฟิคนี้ เป็นชื่อที่ชาวกรีกเรียก เครื่องหมายราณที่ปรากฏอยู่ตามโบราณสถาน สุสาน หีบศพ และตามรูปแกะสลักต่างๆ ความหมายของคำ นี้คือ “อักษรศักดิ์สิทธิ์” ทั้งนี้ก็เพราะในสมัยที่ ชาวกรีกติดต่อสัมพันธ์กับชาวอียิปต์นั้น ชาวอียิปต์นี้ใช้อักษร ชนิดนี้สำ หรับบันทึกเรื่องราวทางศาสนาและพิธีกรรมต่างๆ
ภ า ษ า อี ยิ ป ต์ 5 5 ครั้งเมื่อกองทัพของฟาโรห์ถูกล่อให้จมน้ำ ในทะเลแดง อียิปต์ในเวลานั้นไม่มี กษัตริย์ปกครอง ผู้คนจึงหวาดกลัวการรุกรานจากชนชาติอื่นๆ พวกเขาจึงเลือก หญิงคนหนึ่งชื่อว่า "ดาลุกาห์" ให้เป็นราชินี เพราะเธอมีความรอบรู้และมี เวทมนตร์ ดาลุกาห์สั่งให้สร้างกำ แพงล้อมรอบอียิปต์ทุกด้านและให้คนเฝ้า ตามกำ แพงเมือง นอกจากนี้เธอยังสร้างรูปจระเข้และสัตว์ดุร้ายอื่นๆ ตาม กำ แพงเมืองด้วย ระยะเวลา 30 ปีที่เธอครองราชย์ เธอได้สร้างวิหารและรูปสัตว์ เคารพมากมายในอียิปต์ เธอสั่งแกะสลักหุ่นคนที่เป็นประชาชนของประเทศ ใกล้เคียงและทำ พิธีกรรมลึกลับเหนือธรรมชาติโดยสลักชื่อลงหุ่นคนเหล่านั้น ซึ่งเมื่อประเทศข้างเคียงยกทัพมาที่อียิปต์ ดาลุกาห์สั่งให้นำ หุ่นคนมาฝั่งทราย และทหารที่ยกทัพมาโจมตีต่างก็มีสภาพเหมือนหุ่นคนเหล่านั้น นักประวัติศาสตร์มัสอูดี กล่าวว่า เรื่องเล่าเป็นบอกความเชื่อเรื่องการใช้ เวทมนตร์ของชาวอียิปต์โบราณ เขาคิดว่าความเชื่อนี้น่าจะได้อิทธิพลมาจาก ทางตะวันออกและพบความเชื่อเช่นนี้ในชาวฮิบรูและบาบิโลเนี่ยนด้วย และ ตำ นานยังแสดงให้เห็นถึงความเชื่อเรื่องอำ นาจของตัวอักษร ตัวอักษรในยุคแรกๆ จึงมักจะพบถูกจารึกคู่กับการแกะสลักหรือวาดภาพ เทพเจ้าไม่ว่าจะบนกำ แพงวิหาร, หลุมฝังศพหรือโลงที่ทำ จากหินเพื่อ คุ้มครองผู้ตาย นอกจากนี้ยังจารึกที่เป็นคำ สาปแช่งผู้ที่ล่วงละเมิดสุสาน
ภ า ษ า อี ยิ ป ต์ 5 6 ตัวอักษรของชาวอียิปต์โบราณหรือที่เรารู้จักว่าอักษรภาพ (Hieroglyphs) จึงไม่ได้เป็นแค่ตัวอักษรเท่านั้น แต่พวกเขาได้ใส่ ความศรัทธาและความเชื่อของพวกเขาลงไปในตัวอักษรด้วย คำ ว่าไฮโรกลิฟ (Hieroglyphs อ่านว่า ไฮโรกลิฟ, ฮีโรกลิฟ อนุโลมให้อ่านว่าไฮโรกราฟิค,ฮีโรกราฟิคได้ แต่อย่าอ่าน “เฮียโร กราฟฟิค” นะ อายเขา = = ”) มาจากภาษากรีก hieros (ศักดิ์สิทธิ์) + glypho (จารึก) คำ นี้ใช้เป็นครั้งแรก โดยคลีเมนต์ แห่งอเล็กซานเดียร์ ไม่มีการยืนยันที่ชัดเจนว่าการ เขียนในอียิปต์โบราณที่เก่าที่สุด เกิดขึ้นเมื่อไร ส่วนอักษรไฮโร กลิฟที่จารึกเป็นตัวสุดท้ายคือ ประกาศที่กำ แพงวิหารในฟิเล (Philae) ในวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 394 การเขียนทั่วไปในชีวิต ประจำ วันใช้อักษรเฮียราติก หลัง จากจักรพรรดิทีโอโดซิอุสที่ 1 (Theodosius I) สั่งปิดวิหารของ พวกนอกรีตทั่วจักรวรรดิโรมันใน ช่วง ค.ศ. 457 ความรู้เกี่ยวกับ อักษรภาพนี้ก็ได้สูญหายไป
ศิ ล ป ะ อี ยิ ป ต์ 5 7 ศิลปะอียิปต์ อยู่ในช่วงเวลา 3,000 ปี ก่อนคริสต์ศักราชถึงคริสต์ ศักราชที่ 1000 ชาวอียิปต์มีศาสนาและพิธีกรรมอันซับซ้อน แทรกซึม อยู่เป็นวัฒนธรรมอยู่ในสังคมเป็นเวลานาน มีการนับถือเทพเจ้าที่มี ลักษณะอันหลากหลาย ดังนั้น งานจิตรกรรม ประติมากรรม และ สถาปัตยกรรมส่วนมากจึงเป็นเรื่องเกี่ยวกับศาสนา พิธีกรรม โดย เฉพาะพิธีฝังศพ ซึ่งมีความเชื่อว่าเมื่อตายแล้วจะยังมีชีวิตอยู่ในโลก ใหม่ได้อีก จึงมีการรักษาศพไว้อย่างดี และนำ สิ่งของเครื่องใช้ที่มีค่า ของผู้ตายบรรจุตามลงไปด้วย ศิลปะอียิ อีปต์
ศิ ล ป ะ อี ยิ ป ต์ 5 8 งานจิตรกรรมของอียิปต์ เป็นภาพที่เขียนไว้บนฝาผนังสุสานและวิหาร ต่าง ๆ สีที่ใช้ เขียนภาพทำ จากวัสดุทางธรรมชาติ ได้แก่เขม่าไฟ สารประกอบทองแดง หรือสีจากดินแล้วนำ มาผสมกับน้ำ และยางไม้ ลักษณะของงานจิตรกรรมเป็นงานที่เน้นให้เห็นรูปร่างแบน ๆ มีเส้น รอบ นอกที่คมชัด จัดท่าทางของคนแสดงอิริยาบถต่าง ๆ ในรูป สัญลักษณ์มากกว่าแสดงความเหมือนจริงตามธรรมชาติ มักเขียน อักษรภาพลงในช่องว่างระหว่างรูปด้วย และเน้นสัดส่วนของสิ่งสำ คัญ ในภาพให้ใหญ่โตกว่าส่วนประกอบอื่น ๆ เช่นภาพของกษัตริย์หรือ ฟาโรห์ จะมีขนาดใหญ่กว่า มเหสี และคนทั้งหลาย นิยมระบายสี สดใส บนพื้นหลังสีขาว จิตรกรรม
ศิ ล ป ะ อี ยิ ป ต์ 5 9 งานประติมากรรมของอียิปต์ จะมีลักษณะเด่นกว่างานจิตรกรรม มี ตั้งแต่รูปแกะสลักขนาดมหึมาไปจนถึงผลงานอันประณีตบอบบางของ พวกช่าทงทอง ชาวอิยิปต์นิยมสร้างรูปสลักประติมากรรมจากหินชนิด ต่าง ๆ เช่น หินแกรนิต หินดิโอไรด์ และหินบะซอลท์ หรือบางทีก็ เป็น หินอะลาบาสเตอร์ ซึ่งเป็นหินเนื้ออ่อนสีขาว ถ้าเป็นประติมากรรม ขนาดใหญ่ก็มักเป็นหินทราย นอกจากนี้ยังมีการทำ จากหินปูน และไม้ ซึ่งมักจะพอกด้วยปูนและระบายสีด้วย งานประติมากรรมขนาดเล็กมัก จะทำ จากวัสดุมีค่า เช่น ทองคำ เงิน อิเลคตรัม หินแลพิสแลซูลี เซรามิค ฯลฯ ประติมากรรมของอียิปต์มีทั้งแบบนูนต่ำ แบบลอยตัว แบบนูนต่ำ มักจะ แกะสลักลวดลายภาพบนผนัง บนเสาวิหาร และประกอบรูปลอยตัว ประติมากรรมแบบลอยตัวมักทำ เป็น รูปเทพเจ้าหรือรูปฟาโรห์ ที่มี ลักษณะคล้ายกับเทพเจ้า นอกจากนี้ยังทำ เป็นรูปข้าทาสบริวาร สัตว์ เลี้ยง และ สิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ เพื่อใช้ประกอบในพิธีศพอีกด้วย ในที่ นี้ทางเราจึงให้ข้อมูลครบถ้วน ประติมากรรม
ศิ ล ป ะ อี ยิ ป ต์ 6 0 สถาปัตยกรรมอียิปต์ ใช้ระบบโครงสร้างเสาและคานแสดงรูปทรงที่ เรียบง่ายและ แข็งทื่อ ขนาดช่องว่างภายในมีเล็กน้อยและต่อเนื่อง กันโดยตลอด สถาปัตยกรรมสำ คัญของชาวอียิปต์ได้แก่ สุสานที่ฝัง ศพ ซึ่งมีตั้งแต่ของประชาชนธรรมดาไปจนถึงกษัตริย์ ซึ่งจะมีความ วิจิตร พิสดาร ใหญ่โตไปตามฐานะ และอำ นาจ ลักษณะของการ สร้างสุสานที่เป็นสถาปัตยกรรมสำ คัญแห่งยุคก็คือ พีระมิด พีระมิด ในยุคแรกเป็นแบบขั้นบันได หรือเรียกว่า มัสตาบา ต่อมามีการ พัฒนา รูปแบบวิธีการก่อสร้างจนเป็นรูปพีระมิดที่เห็นในปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังมีการสร้างวิหารเทพเจ้า เพื่อใช้ประกอบพิธีกรรมของ นักบวช และวิหารพิธีศพ เพื่อใช้ประกอบพิธีศพ ในสมัยอาณาจักร ใหม่ วิหารเหล่านี้มีขนาดใหญ่โต และสวยงาม ทำ จากอิฐและหิน ซึ่ง นำ รูปแบบวิหารมาจากสมัยอาณาจักรกลางที่เจาะเข้าไปในหน้าผา บริเวณหุบผากษัตริย์แ ย์ ละ หุบผาราชินี ซึ่งเป็นบริเวณที่มีสุสานกษัตริย์ และราชินีฝังอยู่เป็นจำ นวนมาก สถาปัต ปั ยกรรม
ผู้ จั ด ทำ 6 1 ผู้จั ผู้ดทำ เป็ดมะลิ Ped-Mali นายชาญวิทวิย์ เจิมเกิดกิม.5/3 เลขที่4 นายยศธร สาทอง ม.5/6 เลขที่11 น.ส.เกตน์สิรีสิ รี แซ่จิ๋ว ม.5/6 เลขที่21 น.ส.ภูรี จิตต์กมลศัก ศั ดิ์ ม.5/6 เลขที่24 น.ส.กัล กั ยารัต รั น์ คชสิตสิย์ ม.5/6 เลขที่31 น.ส.ทิพย์เกสร ชื่น ชื่ อารมณ์ ม.5/6 เลขที่32 น.ส.สุริสริา อุ่นภัก ภั ดิ์ ม.5/6 เลขที่33 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7.