The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เขียนแบบเทคนิค

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by phattharaphong.seenual, 2022-05-11 02:39:41

ง31265

เขียนแบบเทคนิค

Keywords: ง31265,เขียนแบบเทคนิค

47
3. Oblique เป็นภาพ 3 มิติอีกแบบหนึ่งซึ่งภาพจะมีลักษณะไกลจากความเป็นจริง โดยที่มีด้าน

หนึ่งทำเป็นมุมเอียง 45 องศา และความยาวของด้านมุมเอียงจะลดลงครึ่งนึงจากขนาดที่เป็นความ
ยาวจรงิ ของช้ินงาน สดั ส่วนของความยาวด้านของภาพเทยี บกบั ขนาดของชิ้นงานจริงของ ความกวา้ ง :
ความสูง : ความลกึ เท่ากบั 1 : 1 : 0.5 ตามลำดบั
ข้อดี เขียนง่ายเพราะทำมมุ 45 องศา และมขี า้ งเดียว

ประหยดั เวลาและเนื้อท่ี
ข้อเสีย รูปร่างไม่ค่อยเหมือนของจรงิ ทำให้ดูเข้าใจยาก

4. Isometric เป็นภาพ 3 มิติ อยู่ในลักษณะที่นำไปใช้ในงานขัยนแบบมากที่สุด ทั้งนี้เพราะยาว
ยาวของด้านของภาพ 3 มิติ ทั้งสามด้านเท่าความยาวด้านจริงของชิ้นงานจริง นั่นคือ สัดส่วนความ
ยาวด้านของภาพเทียบกับขนาดชิ้นงานจริงของ ความกว้าง : ความสูง : ความลึก เท่ากับ 1 : 1 : 1
ตามลำดบั
ข้อดี เขยี นง่ายเพราะมีมุมเอยี ง 30 องศาทง้ั สองข้าง
ขอ้ เสีย เมือ่ เขียนแล้วมีขนาดใหญ่เปลืองเนอ้ื ที่มาก

48
5.2 การเขียนภาพออบลิค

รูปออบลิคเป็นแบบภาพสามมิติอีกชนิดหนึ่ง มีลักษณะคล้ายกับรูปไอโซเมตริก ส่วนท่ี
แตกต่างกันคือ ภาพออบลิคจะแสดงด้านหน้าตรงๆ ส่วนด้านข้างจะทำมุม 45 องศา เพียงด้านเดียว
คือด้านขวามือ เนื่องจากภาพออบลิคแสดงด้านหน้าได้ชัดเจนดี จึงนิยมเขียนภาพที่มีรายละเอียด
ดา้ นหนา้ มาก ๆ

ลำดับขั้นการเขยี นแบบภาพออบลิค
1. ให้เขยี นภาพดา้ นหน้าก่อน

49

2. ขดี เสน้ ดา้ นขา้ ง 45 องศา
3. ขีดเส้นตัง้ ฉากและเสน้ ระนาบให้ครบ

50

5.3 การเขยี นภาพไอโซเมตริก

ภาพ ISOMETRIC เป็นภาพที่มองเห็นสัดส่วนใกล้และไกลออกไป มีขนาดเท่ากัน ลักษณะภาพเป็น
ภาพจริง สามารถวัดขนาดตา่ งๆของดา้ นความยาว ความกวา้ ง และความสูงได้ ภาพ ISOMETRIC ประกอบดว้ ย
เส้นตา่ ง ๆ ดงั น้ี เส้นแกนนอน เส้นแกนต้ังฉาก เส้นแกนเอยี งซา้ ยและแกนเอียงขวายกข้นึ ทำมุม 30 องศาทั้ง
สองขา้ งกับเส้นแกนนอน

การเขียนภาพ ISOMETRIC ประกอบดว้ ยแกนสามแกนทำมุมกัน 120 องศา แกนแรกเขยี นในแนวดิ่ง
และแกนที่เหลือสองแกนเขียนไปทางซ้ายและขวา โดยทำมุม 30 องศากับเส้นแนวนอน งานเขียนแบบภาพ
สามมิติ โดยทั่วไปแล้วนิยมให้แกนด้านซ้ายมือเป็นภาพด้านหน้า แกนด้านขวามือเป็นภาพด้านข้าง และให้
พิจารณาส่วนที่จัดให้เป็นภาพด้านหน้านั้นจะต้องไม่มีเส้นประแสดง เป็นด้านที่ดูแล้วสวยงาม สะดวกในการ
อ่านแบบ

51
การเขยี นภาพ ISOMETRIC แบ่งขั้นตอนการเขยี นได้ 5 ขน้ั ตอน ดังน้ี
1. ภาพ ISOMETRIC คือภาพที่เขียนขึ้นจากส่วนประกอบทั้งสามของวัตถุ คือ ส่วนกว้าง ส่วนยาว
และส่วนสูงตามรูปลักษณะที่ปรากฏ คือมีเส้นแกนตั้งฉาก เส้นแกนเอียง จะทำมุมยกขึ้นเป็น 30 องศาทั้งสอง
ดา้ น

2. ถ้าเราต้องการจะเขียนกล่องรูปสี่เหลี่ยม ให้วัดความยาว ความกว้างของภาพกล่องสี่เหลี่ยม การ
เขียนควรเขยี นเสน้ เบาๆทกุ เสน้

52
3. ให้ลากเส้นจากจุดที่วางวัดไว้ให้ตั้งฉากทั้งสามเส้น ขั้นต่อมาก็วัดขนาดส่วนสูง ของกล่อง
หมายความว่า เสน้ ท่เี ปน็ ความสงู ของกลอ่ ง

4. ใหล้ ากเสน้ จากจุดท่ีเปน็ สว่ นสงู ของกลอ่ งทง้ั สองด้าน ใหข้ นานกันกบั เสน้ แกนเอยี งซา้ ยและเส้นแกน
เอยี งขวา คอื จะตอ้ งมีมมุ เปน็ 30 องศา เชน่ เดียวกนั

53

5. ลากเสน้ ทั้งสองดา้ นตดั กัน โดยใชฉ้ ากสามเหล่ยี มที่มีมุม 30 องศา ดว้ ยเสน้ เบาๆกอ่ น แล้วจงึ ลงเส้น
หนักทีหลัง ส่วนเส้นที่ประนัน้ ก็ควรเขียนเช่นกัน แต่เส้นที่เราไม่สามารถมองเห็นน้ันก็ควรใช้เส้นประ การประ
เส้นควรประใหเ้ สน้ มคี วามห่างเทา่ กัน เสน้ เสมอกันโดยตลอด และควรตอ้ งเปน็ เสน้ ทเี่ บาบาง และเสน้ คมที่สุด

ช่อื .................................................................ชัน้ .........เลขท.่ี ......

ใบงานที่ 5.1 ภาพ 3 มติ ิ

ใหผ้ เู้ รยี นเขียนภาพ Trimetric และ Dimetric จากภาพทีก่ ำหนดให้ โดยกำหนดให้แตล่ ะดา้ นยาวด้านละ 6
หนว่ ย

ช่อื .................................................................ชั้น.........เลขท่.ี ......

ช่อื .................................................................ชั้น.........เลขท่.ี ......

ช่อื .................................................................ชั้น.........เลขท่.ี ......

ชอ่ื .................................................................ชัน้ .........เลขท่.ี ......

ใบงานที่ 5.2 การเขียนภาพออบลิค

ให้ผู้เรยี นเขียนภาพ Oblique จากภาพท่ีกำหนดให้ ลงในกระดาษ A3 โดยกำหนดให้ผเู้ รียนกำหนดความยาว
ดา้ นดว้ ยตนเองตามสดั ส่วนที่กำหนดให้

รปู O1

ชอ่ื .................................................................ชั้น.........เลขท่ี.......

รปู O2

ชอ่ื .................................................................ชั้น.........เลขท่ี.......

รปู O3

ชอ่ื .................................................................ชั้น.........เลขท่ี.......

รปู O4

ชอ่ื .................................................................ชั้น.........เลขท่ี.......

รปู O5

ชอ่ื .................................................................ชั้น.........เลขท่ี.......

รปู O6

ช่อื .................................................................ช้ัน.........เลขที.่ ......

ใหผ้ ู้เรยี นเขียนภาพ Oblique จากภาพที่กำหนดให้ ลงในกระดาษ A3 ตามขนาดท่ีกำหนดให้ (เซนตเิ มตร)

รูป O7

ช่อื .................................................................ช้นั .........เลขที่.......

ใบงานท่ี 5.3 การเขียนภาพไอโซเมตรกิ

ให้ผเู้ รียนเขียนภาพ Isometric จากภาพท่ีกำหนดให้ ลงในกระดาษ A3 โดยกำหนดใหผ้ ู้เรียนกำหนดความยาว
ดา้ นดว้ ยตนเองตามสดั ส่วนท่ีกำหนดให้

รปู I1

ชอ่ื .................................................................ชั้น.........เลขท่ี.......

รปู I2

ชอ่ื .................................................................ชั้น.........เลขท่ี.......

รปู I3

ชอ่ื .................................................................ชั้น.........เลขท่ี.......

รปู I4

ชอ่ื .................................................................ชั้น.........เลขท่ี.......

รปู I5

ชอ่ื .................................................................ชั้น.........เลขท่ี.......

รปู I6

ช่อื .................................................................ช้นั .........เลขที.่ ......

ใหผ้ ู้เรียนเขยี นภาพ Isometric จากภาพท่ีกำหนดให้ ลงในกระดาษ A3 ตามขนาดที่กำหนดให้ (เซนตเิ มตร)

รูป I7

72

หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 6
เร่ือง ภาพฉาย

6.1 ชนิดของเส้นตามมาตรฐานงานเขยี นแบบ

A : เสน้ เตม็ หนา
B : เสน้ เตม็ บาง
C : เสน้ ประ
D : เส้นศนู ยก์ ลาง
E : เส้นมือเปล่า

73

การอ่านและเขียนแบบภาพฉายของงานรูปทรงสเ่ี หล่ียมตัดตรง ภาพฉายเป็นเรื่องท่สี ำคัญมากในงาน
เขียนแบบ เนือ่ งจากภาพฉายสามารถทำให้เรามองเหน็ ด้านตา่ งๆ ของวัตถไุ ด้ ทำใหเ้ ราสามารถเข้าใจในช้ินงาน
จรงิ ท่ีจะทำไดง้ ่าย ในการเรม่ิ ตน้ ในการเรยี นภาพฉายผู้เรียนตอ้ งเข้าใจหลักการเกดิ ภาพก่อน

ภาพฉาย (Orthogonal Projection)

สิ่งที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการสื่อความหมายจากผู้ออกแบบชิ้นงานไปสู่ช่างผู้ผลิตงานก็คือแบบ
งาน (Drawing) แบบงานจงึ เป็นส่งิ ท่แี สดงถึงรูปรา่ ง ขนาดและรายละเอยี ดตา่ ง ๆ ของวตั ถุที่ตอ้ งการได้อย่าง
สมบรู ณ์ และประกอบด้วยข้อมลู ท่ีต้องการทั้งหมดในการผลิตและตรวจสอบงานนน้ั

แบบงานเป็นสื่อที่เเสดงให้ช่างผู้ชำนาญงานได้รู้ถึงรูปร่างและขนาดของชิ้นงานที่จะทำนั้น โดยจะ
กำหนดข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการทำงานลงในแบบงานนั้นด้วย เช่น วัสดุจองช้ินงาน ลักษณะงานสำเร็จ ซึ่ง
เป็นไปตามมาตรฐานงานเขยี นแบบ ดว้ ยเหตนุ ี้ช่างทีด่ จี ึงจำเป็นต้องสามารถอา่ นแบบหรือสร้างแบบงานได้เป็น
อย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถอ่านแบบหรือสร้างแบบงานได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างย่ิง
ความสามารถในการอ่านแบบไดถ้ ูกตอ้ งตามมาตรฐาน

มีหลายวิธีในการที่จะอธิบายรูปร่างของวัตถุหรือชิ้นงานที่ต้องการจะถ่ายทอดจากบุคคลหนึ่งไปสู่อีก
คนหนึ่ง อาจอธิบายโดยคำพูดหรือถ้อยคำแทนการใช้ภาพถ่ายวัตถุนั้น หรืออีกวิธีหนึ่งที่นิยมใช้กันคือ การ
แสดงโดยการเขียนรูปภาพของวัตถทุ เี่ รยี กกันว่า “ แบบงาน ( Drawing )”

แบบงานมาตรฐานทใ่ี ชแ้ สดงทอี่ ยู่ 2 ลักษณะ คือ

1. แบบงานภาพ 3 มิติ
2. แบบงานภาพ 2 มติ ิ

เมื่อเราจะกลา่ วถึงลกั ษณะของวัตถแุ ตล่ ะอยา่ งแก่บุคคลทัว่ ๆ ไป เรามักจะเปรยี บเทียบวตั ถนุ ั้นกบั ส่ิงอ่ืนท่ี
ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดี แต่ในวงการช่างซึ่งต้องการคำจำกัดความที่แน่นอนของรูปชิ้นงาน เรามักจะใช้การ
เปรียบเทยี บกบั รูปทรงทางเรขาคณติ เชน่ ทรงกลม ทรงเหลี่ยม ทรงกรวย เป็นต้น ทงั้ น้เี พือ่ ให้เกิดความง่าย
ตอ่ การเขยี นและการอ่านแบบงาน อกี ท้ังยงั ช่วยให้ชา่ งสามารถหาวธิ ีการในการผลติ ช้นิ งานนน้ั ได้ง่ายขน้ึ ดว้ ย

ภาพฉาย หมายถึง ภาพที่มองจากชิ้นงานจริงฉายไปปรากฏรูปทรงบนระนาบรับภาพ โดยทั่วไปในการ
เขียนแบบชิ้นส่วนใด ๆ ถ้าจะให้มองเห็นได้ชัดเจนและดูเหมือนจริงนั้นสามารถเขียนได้ด้วยภาพ 3 มิติ ซึ่ง
แสดงเพียงภาพเดียวก็สามารถมองได้ชัดเจนทั้งสามารถกำหนดรายละเอียดต่าง ๆ ได้และนำไปทำการผลิตได้
ด้วย แต่การเขียนภาพ 3 มิติ นั้นกระทำได้ยากต้องใช้เวลาในการเขียนแบบงานต้องมีเครื่องมือและอุปกรณ์
ช่วยหลายอย่าง จึงไม่เหมาะสมที่จะนำวิธีการนี้มาเขียนแบบเพื่อสั่งงานผลิต เพราะจะทำให้ต้นทุนการผลิต
สูงขึน้ ภาพ 3 มิติ เหมาะสำหรับแสดงรปู รา่ งและการประกอบกนั อยูข่ องช้ินงานในคราวที่จำเปน็ มากกวา่

การท่ีจะเขียนงานให้ง่ายและรวดเรว็ ขึ้นสามารถเขียนได้โดยวธิ ีการมองภาพทลี ะด้านและนำเอาแต่ละด้าน
มาเขียนลงบนกระดาษให้สัมพันธ์กัน จะทำให้การเขียนลงบนกระดาษให้สัมพันธ์กันจะทำให้การเขียน ,การ
แสดงอตั ราส่วน ,การแสดงขนาด ,การใช้อุปกรณต์ ่าง ๆ ชว่ ยและสะดวกยิ่งข้ึน

74

เป็นการเขียนภาพแตล่ ะดา้ นอย่างไม่มีเกณฑ์ ซึ่งทัง้ 3 ภาพ (A, B , C) จะไมม่ คี วามสมั พันธ์กัน การ
มองภาพของแตล่ ะคนก็แตกตา่ งกนั ไปทำให้เกิดความสับสนในการอ่านแบบ การที่จะทำให้ภาพมคี วามสัมพันธ์
กนั อย่างมกี ฎเกณฑ์น้นั สามารถทำไดโ้ ดยการกำหนดวธิ ีการในการวางภาพ
6.2 หลักการพนื้ ฐานของการฉายภาพ

ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า ภาพฉาย หมายถึง ภาพที่มองจากชิ้นงานจริงแล้วฉายไปปรากฏรูปทรงบน
ระนาบรับภาพดังนั้นการมองภาพแต่ละด้านดังได้กล่าวมาแล้วนั้นคือการมองภาพเพื่อนำไปสู่การฉายภาพ
นั้นเอง ปกติแล้วแสงที่ฉายผ่านชิ้นงานจะกระทบกับระนาบระนาบรองรับภาพ ภาพที่เกิดขึ้นบนระนาบจะมี
ขนาดขยายใหญ่ขน้ึ ตามระยะหางของระนาบนั้น แตก่ ารมองภาพเม่ือฉายไปยังระนาบรับภาพในทางเขียนแบบ
เครอื่ งกลใหถ้ ือว่าเส้นทีฉ่ ายไปยังระนาบนั้นเปน็ เส้นขนานกนั ทุกเสน้ ดงั นั้นภาพที่ปรากฎบนระนาบจะมีสัดส่วน
สองด้านท่มี องเทา่ กับของจรงิ

75

การเกิดภาพบนระนาบ

เมอื่ นำระนาบรับภาพของท้งั 3 ดา้ น จากภาพที่มาวางในตำแหน่งท่ถี ูกตอ้ งระนาบจะมลี กั ษณะเปน็ รปู
กลอ่ งสเ่ี หล่ียม

กลอ่ งที่เกิดขึ้นน้เี ปน็ เพียงกลอ่ งในจติ นาการเทา่ น้นั ซง่ึ ในการทำงานจริงจะไมม่ ใี ห้เหน็ การทีเ่ อารปู ร่าง
ของกลอ่ งระนาบมาแสดงให้เหน็ กเ็ พ่อื ให้มองเหน็ ความสมั พนั ธก์ ันของแต่ละด้านและให้สามารถเข้าใจถึงความ
เป็นมาของการฉายภาพเท่าน้นั

กล่องระนาบน้ี ระนาบท้ัง 3 จะวางในตำแหนง่ ที่ถกู ต้องโดยทัง้ 3 ระนาบจะวางเปน็ มุมฉากต่อกันตาม
แนวแกน X,Yและ Z โดยจะจนิ ตนาการให้ชิน้ งานท่ีเราจะฉายนั้นลอยอยรู่ ะหวา่ งระนาบทง้ั 3 น้นั เมอ่ื ฉายภาพ
ไปยังระนาบทั้ง 3 จะปรากฎเป็นภาพชิ้นงานแต่ละด้านเปน็ ภาพฉายเส้นตามลักษณะของช้ินงานแตล่ ะด้านท้งั
3 ด้าน จะมีความสัมพันธ์โดยถึงกัน เช่นด้านข้างจะสูงเท่ากับด้านหน้า ด้านบนจะยาวเท่ากับความยาวของ
ด้านหนา้

76

การเขียนแบบภาพฉายตามขั้นตอนนั้น จะนำเอาหลักการพื้นฐานเหล่านี้มาเป็นพื้นฐานในการมอง
ภาพสามารถเขียนได้รวดเร็วและถูกต้องยิ่งขึ้น การเขียนแบบจริงๆ นั้น ผู้ที่มีความชำนาญจะใช้ขั้นตอนที่ 4
เขียนได้เลย ดังนั้นผู้ที่เขียนแบบจึงจำเป็นต้องเข้าใจในหลักการและความเป็นมาของการฉายภาพเหล่านี้เป็น
อย่างดีจงึ จะสามารถเขียนแบบตามขน้ั ตอนที่ 4 ได้ถกู ตอ้ งและรวดเรว็

77

ลักษณะพืน้ ฐานของภาพฉาย
1. แสดงภาพแต่ละดา้ นเป็นภาพ 2 มติ ิ
2. เป็นภาพลายเสน้
3. ไม่มคี วามลึกบนภาพแตล่ ะด้าน

6.3 ระนาบของภาพฉาย
ระนาบการมองภาพฉายจะประกอบดว้ ย

1. ระนาบดิ่ง คือ แนวแกน Y
2. ระนาบดง่ิ คือ แนวแกน X
3. ระนาบดง่ิ คอื แนวแกน Z
การฉายภาพทุกระบบไมว่ า่ จะเป็นระบบ ISO หรอื ระบบอังกฤษก็ตาม จะถือเอาระนาบน้ีเป็นหลกั ใน
การมองภาพ

78

การมองภาพบนระนาบของภาพฉาย
การฉายภาพของแตล่ ะดา้ นไม่ว่าจะอยู่ในมมุ การฉายท่ี 1,2,3และ 4 กต็ าม การมองภาพฉายไปยัง
ระนาบตา่ งๆนั้นใหย้ ดึ เกณฑต์ ่อไปน้ี
1. ภาพด้านหนา้ ใหม้ องจากขวามอื ฉายไปยงั ระนาบด่ิง
2.ภาพด้านข้างใหม้ องจากซ้ายมือ ฉายไปยงั ระนาบขา้ ง
3.ภาพด้านบนใหม้ องจากดา้ นบน ฉายไปยังระนาบนอน

79
การเกิดของมุมฉาย
มุมการฉายของการฉายภาพเกิดจากการติดกันของระนาบนอน เกิดเป็น 4 ช่อง หรือ 4 ควอแดรนท์
คือ ควอแดรนท์ท่ี 1,2,3 และ 4 โดยระนาบข้างปิดกันอยู่ ควอแดรนท์ที่ 1 เรียกว่า มุมการฉายท่ี 1 ควอแด
รนท์ที่ 2 เรียกว่า มุมการฉายที่ 2 ควอแดรนท์ที่ 3 เรียกว่า มุมการฉายท่ี 3 และควอแดรนท์ที่ 4 เรียกว่า มุม
การฉายที่ 4

การมองตำแหนง่ ช้ินงานในมุมมองตา่ งๆ
การฉายภาพบนระนาบของภาพฉายน้ี ผู้เขียนแบบสามารถเลือกมองการได้ทั้ง 4 มุมการฉาย เช่น
เลือกมองในมมุ การฉายท่ี 1ให้ฉายภาพภายในควอแดรนทท์ ่ี 1 เทา่ นั้น หรือเลือกมองในมุมการฉายท่ี 3 ให้ฉาย
ที่ 3 ให้ฉายภาพในควอแดรนท์ท่ี 3 เทา่ น้ัน จะไมเ่ ก่ียว กบั มมุ การมองอืน่ ๆ

80
การวางชิ้นงานไม่ว่าจะเลอื กมองมุมการมองฉากใดกต็ ามจะตอ้ งสมมติให้ชิน้ งานวางลอยอยูใ่ นมมุ การ
ฉายเป็นทศิ ทางเดียวกนั เสมอ

การฉายภาพระบบมุมท่ี 1 E (E –Method)ชิ้นงานจะถูกสมมติให้วางลอยอยู่ในควอแดรนท์ที่ 1 เม่ือ
ฉายเส้นต่าง ๆไปตกที่ระนาบรบั ภาพของท้ัง 3 ด้าน แล้วคลี่ระนาบรบั ภาพทั้ง 3 ออกให้อยู่ในระนาบดิง่ จะได้
ภาพด้านบนอย่ขู า้ งลา่ งของภาพด้านหนา้ ภาพทมี่ องดา้ นซา้ ยจะอยู่ขวามือของด้านหนา้

81

ภาพฉายระบบมุมท่ี 1 นัน้ นิยมใช้ในประเทศแถบยโุ รป โดยเฉพาะในประเทศเยอรมัน การฉายภาพวธิ ี
E-Method ใชส้ ัญลักษณ์

82

การฉายภาพระบบมุมที่ 3 หรือ A (A-Method)ชิ้นงานจะถูกสมมติให้วางลอยอยู่ในควอแดรนท์ท่ี 3
โดยปกตทิ ิศทางการมองจะเป็นไปตามกฎเกณฑ์ข้างตน้ แต่การฉายภาพระบบมุมท่ี 3 น้ี ได้กำหนดการมองการ
มองภาพต่างออกไปโดยจะมองผา่ นระนาบเขา้ ไปหาช้นิ งานแลว้ เขยี นภาพไว้บนระนาบรับภาพ เม่ือคลี่ภาพออก
จึงได้ภาพด้านบนอยู่ด้านบนของภาพด้านหน้า และภาพที่มองทางด้านขวามือของภาพด้านหน้า ภาพฉาย
ระบบมุมที่ 3 นยิ มใช้ในประเทศอเมรกิ า การฉายภาพวิธี A-Method ใช้สัญลกั ษณ์

83
6.4 หลกั การในการมองภาพบนชิ้นงานจริง
ในการมองภาพจากชิ้นงานจริง เม่ือนำมาเขียนลงบนกระดาษเขียนแบบนน้ั ใหถ้ อื เอาด้านหน้าเป็น
หลกั ดังน้นั การมองภาพจากช้นิ งานจรงิ จะตอ้ งเอาดา้ นท่ีชัดเจนและมรี ายละเอยี ดมากทส่ี ุดเปน็ ด้านหน้า

หลงั จากเลอื กภาพดา้ นหน้าได้แลว้ การมองภาพดา้ นขา้ งกใ็ หม้ องจากด้านขา้ งของชน้ิ งานโดยถือเอา
ด้านหนา้ เปน็ หลัก

หมายเหตุ ภาพดา้ นข้างจะมีทั้งด้านซ้ายและด้านขวา การทีจ่ ะมองด้านใดน้ันให้ถือเอาด้านหน้า
เป็นหลกั ควรมองภาพด้านข้างซ้ายเพราะมองเป็นรายละเอียดไดช้ ัดเจน

84

ในการมองภาพด้านบนใหม้ องจากด้านบนลงมาโดยถอื เอาด้านหนา้ เป็นหลกั

ในบางครงั้ การเลือกมองภาพดา้ นหนา้ สามารถจะมองจากมุมอื่นๆ ได้

เมื่อเลือกภาพด้านหน้า ด้านขา้ งท่ีมองเหน็ เมอื่ นำเอาไปเขียนบนกระดาษเขยี นแบบกจ็ ะเปล่ยี นไปเป็น
อีกมุมหน่งึ ด้วย สว่ นด้านบนก็มองลงจากด้านบนเหมอื นเดมิ ที่ สำคญั คอื ให้ถือเอาดา้ นหน้าเปน็ หลัก

85

6.5 หลกั การเขียนภาพฉาย
หลักการเขียนภาพฉายโดยปกตินั้น จะมีการฉายภาพไปยังระนาบ หรือ ผนังเพื่อทำให้เกิดภาพ

ฉายขึ้นในระนาบแต่ละด้าน เกิดเป็นภาพด้านหน้า ภาพด้านบน และภาพด้านข้าง สำหรับระบบในการเขียน
ภาพฉายทนี่ ิยมใช้กันทว่ั ไป มดี ว้ ยกัน 2 ระบบ คอื . ระบบ E (ISO-Method E).และ ระบบ A(ISO-Method A)

การเขยี นภาพฉายระบบ E จะเปน็ การมองภาพฉายมุมท่ี 1 (First Angle Projection)

86
การมองภาพฉายมุมที่ 1 (First Angle Projection) คือการฉายภาพ 3 ด้าน ที่เหมือนกับการมอง
ช้นิ งานทีม่ ฉี ากดา้ นหลงั รองรับภาพ ซ่ึงจะประกอบดว้ ยภาพด้านหนา้ (Front View) ภาพด้านบน (Top View)
และภาพด้านขา้ ง (Side View )ดงั แสดงในรูปดา้ นล่างน้ี

ภาพฉายด้านหน้า มองจากทางขวามือของงาน และด้านข้าง มองจากซ้ายมือของงาน ส่วนภาพ
ด้านบนมองจากสว่ นบนของงาน ทำให้เกิดภาพฉาย 3 ดา้ นดงั รูป

87

การมองภาพฉายตามระบบ A จะเป็นการเขียนภาพฉายจากมุมที่ 3 (Third Angle Projection) โดย
ชนิ้ งานจะถูกสมมติให้ทำการมองจากมุมท่ี 3 ซึ่งเป็นการมองท่ีนิยมใช้กนั ทั่วไปในประเทศอเมริกาส่วนการมอง
ภาพฉายมุมท่ี 1 ซึ่งจะนิยมกันในประเทศยุโรปและทางด้านเอเซีย ทั้งนี้การมองภาพจะคล้ายกับการมองตาม
ระบบมมุ ท่ี 1 แตก่ ารวางตำแหน่งของภาพจะนำไปวางภาพดา้ นไว้ทางทิศทางนนั้ ๆ ตวั อย่างเชน่ การมองภาพ
ด้านหน้า ภาพฉายด้านหน้า ภาพฉายด้านหน้า จะวางไว้ทางด้านหน้าของงานที่มอง หรือภาพด้านบนจะวาง
ดา้ นบนไว้ท่ีส่วนบนของชิน้ งานทมี่ อง ซง่ึ อาจทำใหเ้ กดิ ความสับสนข้ึนได้สำหรับผู้ทเ่ี รียนวชิ าเขยี นแบบ

การมองภาพฉายมุมที่ 3 (Third Angle Projection) การมองภาพฉายวิธีนีจ้ ะกำหนดให้ภาพด้านข้าง
โดยการมองจากทางขวามือของงาน ภาพดา้ นบนจะวางไว้ท่ีด้านบนชองภาพ หรอื งานท่ีถกู มอง ท้ังนี้เพราะเกิด
จากการหมุนของระนาบนอน

88

การมองภาพและการเขียนภาพฉายมุมท่ี 1

การมองภาพและการเขียนภาพฉายมมุ ท่ี 1 นยิ มใช้กนั ในการอุตสาหกรรมทางประเทศทางยุโรป โดย
จะมองภาพทางดา้ นขวาของรปู งานเป็นภาพด้านหนา้ (FRONT VIEW ) และมองภาพทางดา้ นซ้ายของรูปงาน
เปน็ ภาพดา้ นข้าง (SIDW VIEW) ภาพด้านบน (TOPVIEW) จะอยู่ทางดา้ นลา่ งของภาพดา้ นหนา้

89

การมองภาพและการเขียนภาพฉายมุมที่ 3

การมองภาพและการเขียนภาพฉายมุมท่ี 3 นยิ มใชก้ ันในงานอุตสาหกรรมทางประเทศอเมริกา โดยจะ
มองภาพทางด้านซ้ายของรูปงานเป็นภาพด้านหน้า (FRIBT VUEW) และมองภาพทางด้านขวาของรูปงานเปน็
ภาพด้านข้าง (SIDE VIEW) ภาพดา้ นบน (TOP VIEW) จะอยู่เหนือภาพดา้ นหนา้

90

6.6 การเขียนภาพฉาย

ชิ้นงานที่ผลิตขึ้นมาทำชิ้นส่วนเครื่องจักรกล หรือเครื่องใช้ต่าง ๆ นั้น มีรูปร่างลักษณะต่าง ๆ เช่น
รูปทรงเหลี่ยม รูปทรงกระบอก หรือรูปทรงพีระมิด ผู้เป็นช่างเทคนิคจะต้องฝึกหัดเขียนแบบงานรูปร่างต่างๆ
เพอื่ สามารถเขียนแบบส่ังงานได้ และจะต้องฝึกหัดมองดา้ นต่าง ๆ ของรูปงาน เพือ่ สามารถปฏิบัติงานตามแบบ
สั่งงานได้ถูกต้อง เนื้อหาในหน่วยนี้ จะฝึกหัดมองภาพด้านต่าง ๆ การเขียนภาพฉายมุมที่ 1 (FIRST ANGLE)
และการเขียนภาพฉายมมุ ที่ 3 (THIRD SNGLE)

ภาพดา้ นหน้า ควรเป็นภาพที่มพี ้ืนผวิ ที่สามารถแสดงรายละเอยี ดเกยี่ วกบั ขนาด และรปู ร่างพื้นผวิ
ของงานไดช้ ดั เจนท่สี ุด ในการเขียนภาพฉายจะต้องเขยี นกอ่ นเป็นภาพหลัก

ภาพด้านขา้ ง จะเขยี นไวท้ างด้านขวามือของภาพดา้ นหนา้ โดยการถ่ายขนาดความสงู จากภาพ
ด้านหน้า

ภาพด้านบน จะเขยี นภาพดา้ นบนไวใ้ ต้ภาพดา้ นหน้าโดยถ่ายขนาดความยาวของภาพดา้ นหนา้
และความกวา้ งจากภาพด้านข้าง

1. การเขียนภาพฉายงานรูปทรงเหลี่ยม

91

2. การเขยี นภาพฉายงานรปู ทรงกระบอก

3. การเขียนภาพฉายงานรปู ทรงพีระมิด

92

ลำดบั ข้ันการเขยี นเสน้ ฉาย
การฉายเส้นวิธีที่ 1
สิง่ ท่กี ำหนดมาให้ กำหนดภาพฉายมาให้แล้ว 2 ดา้ น คอื ภาพด้านหนา้ และดา้ นขา้ ง หรือภาพ
ด้านหนา้ กับภาพด้านบน แล้วใหเ้ ขียนภาพฉายทขี่ าดอยู่อกี ดา้ นหนึ่งให้ครบถว้ น

93

การฉายเส้นวธิ ีท่ี 2

สิ่งที่กำหนดมาให้ กำหนดภาพฉายมาให้แล้ว 2 ด้าน แล้วด้านที่เหลือ โดยวิธีนี้มีการกำหนดตำแหน่ง
ที่ตั้งของด้านเอาไว้ด้วย เส้นผ่าศูนย์กลาง วิธีนี้ส่วนใหญ่มักจะเป็นการฉายเส้นเพื่อหาชิ้นงานที่มีรูปทรงกลม
งานกลม ทรงกระบอกกลม กรวยกลม ปิรามดิ และวงกลมทุกชนดิ

94

การเขยี นเส้นฉายวิธที ่ี 3
สิ่งที่กำหนดให้ กำหนดภาพฉายมาให้ทั้ง 3 ด้าน และให้เขียนเส้นที่ยังขาดอยู่ในแต่ละด้าน ให้
ครบถ้วน (ภาพฉายทงั้ 3 ด้านยังไมส่ มบรู ณ์)

95

การเขียนเสน้ ฉายวิธีที่ 4

สิ่งที่กำหนดให้ กำหนดภาพฉายมาให้ 2 ด้าน และให้เขียนด้านที่ยังขาดอยู่ครบถ้วน วิธีนี้ก็คือ การ
ฉายเส้นวิธีท่ี 2 นั้นเอง แต่การฉายเส้นจะเขียนเพียงครึ่งเดียว ทำให้ประหยัดเวลาในการเขียนภาพลงได้มาก
และจะทำให้ไมย่ ุ่งยาก หรือสบั สน ถ้าตอ้ งเขยี นเส้นฉายเปน็ จำนวนมาก ๆ

ช่ือ.................................................................ช้นั .........เลขท่.ี ......
ใบงานท่ี 6.1 การเขียนภาพฉายมุมมองท่ี 1
จากโจทยใ์ หผ้ ้เู รยี นเลือกเขยี นภาพฉายมุมมองท่ี 1 ลง จำนวน 9 ช้ินงาน กระดาษ A3


Click to View FlipBook Version