คำนำ แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว15101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีฉบับนี้ จัดทำขึ้นเพื่อใช้ประกอบการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับ ราชการ เป็นข้าราชการครู ตำแหน่งครูผู้ช่วย สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน การสอบ ประเมิน ภาค ค ความเหมาะสมกับตำแหน่ง วิชาชีพและการปฏิบัติงานในสถานศึกษา ในกิจกรรมการ เรียนการสอนสำหรับรายวิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ซึ่งได้เรียบเรียงเนื้อหาตรงตาม มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับ ปรับปรุง พ.ศ. 2560) โดยในแต่ละหน่วยการเรียนรู้มุ่งเน้นให้ผู้สอนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการเรียน การสอนได้ตรง ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดดังกล่าว และจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็น สำคัญ และสอดรับกับความเป็นไปของโลกในศตรวรรษที่ 21 เพื่อนำไปสู่เป้าหมายของการพัฒนาผู้เรียน ให้เป็นมนุษย์ที่ สมบูรณ์ทั้งในด้านความรู้และคุณธรรม การจัดการเรียนรู้ใช้เทคนิควิธีการจัดการเรียนรู้ใน แผนการจัดการเรียนรู้นี้ใช้เทคนิคที่หลากหลาย เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเรียนรู้ที่ต้องการ ผู้จัดทำหวัง เป็นอย่างยิ่งว่าแผนการจัดการเรียนรู้นี้ จะเป็นแนวทาง ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้อย่างมี ประสิทธิภาพ นางสาวสุรีรัตน์ สุธา ผู้จัดทำ ก
สารบัญ เรื่อง หน้า คำนำ ก สารบัญ ข 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง 1-7 1. คำอธิบายรายวิชา 8-9 2. โครงสร้างรายวิชา 10-16 3. หน่วยการเรียนรู้ 17 4. วิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด 18 5. แผนการจัดการเรียนรู้ 19-24 ภาคผนวก ใบความรู้เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของสาร 25-28 ภาพ E – Book เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของสาร 29 ภาพวีดิทัศน์ เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของสาร 30 ใบกิจกรรม เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของสาร 31 เฉลยใบกิจกรรม เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของสาร 32 แบบประเมินใบกิจกรรม เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของสาร 33-34 แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่ม 35 แบบบันทึกผลประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 36-38 แบบประเมินการนำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน 39-40 ข
สาระที่ 1 : วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.1 : เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต และความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่างๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอด พลังงานการเปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและ ผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมรวมทั้งน าความรู้ไปใช้ประโยชน์ ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.5 1.บรรยายโครงสร้างและลักษณะของ สิ่งมีชีวิตที่เหมาะสมกับการดำรงชีวิต ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับตัวของ สิ่งมีชีวิตในแต่ละแหล่งที่อยู่ ● สิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์มีโครงสร้างและ ลักษณะที่เหมาะสมในแต่ละแหล่งที่อยู่ซึ่งเป็นผลมา จากการปรับตัวของสิ่งมีชีวิต เพื่อให้ดำรงชีวิตและ อยู่รอดได้ในแต่ละแหล่งที่อยู่ เช่น ผักตบชวามีช่อง อากาศในก้านใบช่วยให้ลอยน้ำได้ต้นโกงกางที่ขึ้นอยู่ ในป่าชายเลนมีรากค้ำจุนทำให้ลำต้นไม่ล้ม ปลามี ครีบช่วยในการเคลื่อนที่ในน้ำ 2. อธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง สิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต และความสัมพันธ์ ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งไม่มีชีวิตเพื่อ ประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต 3. เขียนโซ่อาหารและระบุบทบาท หน้าที่ของสิ่งมีชีวิตที่เป็นผู้ผลิตและ ผู้บริโภคในโซอาหาร 4. ต ร ะ ห น ั ก ใ น ค ุ ณ ค ่ า ข อ ง สิ่งแวดล้อมที่มีต่อการดำรงชีวิตของ สิ่งมีชีวิต โดยมีส่วนร่วมในการดูแล รักษาสิ่งแวดล้อม ● ในแหล่งที่อยู่หนึ่ง ๆ สิ่งมีชีวิตจะมี ความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันและสัมพันธ์กับ สิ่งไม่มีชีวิต เพื่อประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต เช่น ความสัมพันธ์กันด้านการกินกันเป็นอาหาร เป็น แหล่งที่อยู่อาศัยหลบภัยและเลี้ยงดูลูกอ่อน ใช้ อากาศในการหายใจ ● สิ่งมีชีวิตมีการกินกันเป็นอาหาร โดยกินต่อกัน เป็นทอดๆในรูปแบบของโซ่อาหาร ทำให้สามารถ ระบุบทบาทหน้าที่ของสิ่งมีชีวิตเป็นผู้ผลิตและ ผู้บริโภค มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง 1
มาตรฐาน ว 1.3 : เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร พันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายทาง ชีวภาพและวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.5 1.อธิบายลักษณะทางพันธุกรรมที่มี การถ่ายทอดจากพ่อแม่สู่ลูกของพืช สัตว์และมนุษย์ 2. แสดงความอยากรู้อยากเห็น โดย การถามคําถามเกี่ยวกับลักษณะที่ คล้ายคลึงกันของตนเองกับพ่อแม่ ● สิ่งมีชีวิตทั้งพืช สัตว์และมนุษย์เมื่อโตเต็มที่ จะมีการสืบพันธุ์เพื่อเพิ่มจำนวนและดำรงพันธุ์โดย ลูกที่เกิดมาจะได้รับการถ่ายทอดลักษณะทาง พันธุกรรมจากพ่อแม่ทให้มีลักษณะทางพันธุกรรมที่ เฉพาะแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ● พืชมีการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม เช่นลักษณะของใบ สีดอก ● สัตว์มีการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม เช่นสีขน ลักษณะของขน ลักษณะของหู ● มนุษย์มีการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม เช่นเชิงผมที่หน้าผากลักยิ้ม ลักษณะหนังตาการห่อ ลิ้นลักษณะของติ่งหู 2
สาระที่2 : วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.1: เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับ โครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลง สถานะของสสาร การ เกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเคมี ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.5 1. อธิบายการเปลี่ยนสถานะของ สสาร เมื่อทำให้สสารร้อนขึ้นหรือเย็นลง โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ • การเปลี่ยนสถานะของสสารเป็นการ เปลี่ยนแปลงทางกายภาพ เมื่อเพิ่มความร้อนให้กับ สสารถึงระดับหนึ่งจะทำให้สสารที่เป็นของแข็ง เปลี่ยนสถานะเป็นของเหลว เรียกว่า การ หลอมเหลวและเมื่อเพิ่มความร้อนต่อไปจนถึงอีก ระดับหนึ่งของเหลวจะเปลี่ยนเป็นแก๊ส เรียกว่า การกลายเป็นไอแต่เมื่อลดความร้อนลงถึงระดับ หนึ่งแก๊สจะเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลว เรียกว่า การควบแน่น และถ้าลดความร้อนต่อไปอีกจนถึง ระดับหนึ่งของเหลวจะเปลี่ยนสถานะเป็นของแข็ง เรียกว่า การแข็งตัว สสารบางชนิดสามารถเปลี่ยน สถานะจากของแข็งเป็นแก๊สโดยไม่ผ่านการเป็น ของเหลว เรียกว่า การระเหิด ส่วนแก๊ส บางชนิด สามารถเปลี่ยนสถานะเป็นของแข็งโดยไม่ผ่านการ เป็นของเหลวเรียกว่าการระเหิดกลับ 2. อธิบายการละลายของสารในน้ำ โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ ● เมื่อใส่สารลงในน้ำแล้วสารนั้นรวมเป็นเนื้อ เดียวกันกับน้ำทั่วทุกส่วน แสดงว่าสารเกิดการ ละลาย เรียกสารผสมที่ได้ว่าสารละลาย 3. วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของสาร เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีโดยใช้ หลักฐานเชิงประจักษ์ ● เมื่อผสมสาร 2 ชนิดขึ้นไปแล้วมีสารใหม่ เกิดขึ้นซึ่งมีสมบัติต่างจากสารเดิมหรือเมื่อสารชนิด เดียวอเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วมีสารใหม่เกิดขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้เรียกว่า การเปลี่ยนแปลงทาง เคมีซึ่งสังเกตได้จากมีสีหรือกลิ่นต่างจากสารเดิม หรือมีฟองแก๊ส หรือมีตะกอนเกิดขึ้นหรือมีการ เพิ่มขึ้นหรือลดลงของอุณหภูมิที่ได้ว่าสารละลาย 3
ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง 4. วิเคราะห์และระบุการเปลี่ยนแปลงที่ ผันกลับได้และการเปลี่ยนแปลงที่ผัน กลับไม่ได้ ● เมื่อสารเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว สาร สามารถเปลี่ยนกลับเป็นสารเดิมได้เป็นการ เปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้เช่น การหลอมเหลว การ กลายเป็นไอ การละลาย แต่สารบางอย่างเกิดการ เปลี่ยนแปลง แล้วไม่สามารถเปลี่ยนกลับเป็น สารเดิมได้เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับไม่ได้เช่น การเผาไหม้การเกิดสนิม มาตรฐาน ว 2.2 : เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุลักษณะการ เคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุ รวมทั้งนําความรู้ไปใช้ประโยชน์ ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.5 1. อธิบายวิธีการหาแรงลัพธ์ของแรง หลายแรงในแนวเดียวกันที่กระทำต่อ วัตถุในกรณีที่วัตถุอยู่นิ่งจากหลักฐาน เชิงประจักษ์ 2. เขียนแผนภาพแสดงแรงที่กระทำ ต่อวัตถุที่อยู่ในแนวเดียวกันและแรง ลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุ 3. ใช้เครื่องชั่งสปริงในการวัดแรงที่ กระทำต่อวัตถุ ● แรงลัพธ์เป็นผลรวมของแรงที่กระทำต่อ วัตถุโดยแรงลัพธ์ของแรง 2 แรงที่กระทำต่อวัตถุ เดียวกันจะมีขนาดเท่ากับผลรวมของแรงทั้งสอง เมื่อแรงทั้งสองอยู่ในแนวเดียวกันและมีทิศทาง เดียวกันแต่จะมีขนาดเท่ากับผลต่างของแรงทั้งสอง เมื่อแรงทั้งสองอยู่ในแนวเดียวกันแต่มีทิศทางตรง ข้ามกัน สำหรับวัตถุที่อยู่นิ่งแรงลัพธ์ที่กระทำต่อ วัตถุมีค่าเป็นศูนย์ ● การเขียนแผนภาพของแรงที่กระทำต่อวัตถุ สามารถเขียนได้โดยใช้ลูกศร โดยหัวลูกศรแสดง ทิศทางของแรง และความยาวของลูกศรแสดง ขนาดของแรงที่กระทำต่อวัตถุ 4. ระบุผลของแรงเสียดทานที่มีต่อ การเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุ จากหลักฐานเชิงประจักษ์ 5. เขียนแผนภาพแสดงแรงเสียดทาน และแรงที่อยู่ในแนวเดียวกันที่กระทำ ต่อวัตถุ ● แรงเสียดทานเป็นแรงที่เกิดขึ้นระหว่าง ผิวสัมผัสของวัตถุ เพื่อต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุ นั้น โดยถ้าออกแรงกระทำต่อวัตถุที่อยู่นิ่งบน พื้นผิวหนึ่งให้เคลื่อนที่แรงเสียดทานจากพื้นผิวนั้น ก็จะต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุแต่ถ้าวัตถุกําลัง เคลื่อนที่แรงเสียดทานก็จะทำให้วัตถุนั้นเคลื่อนที่ ช้าลงหรือหยุดนิ่ง 4
มาตรฐาน ว 2.3 : เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงานปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ารวมทั้งนําความรู้ไปใช้ประโยชน์ ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.5 1. อธิบายการได้ยินเสียงผ่าน ตัวกลางจากหลักฐานเชิงประจักษ์ ● การได้ยินเสียงต้องอาศัยตัวกลาง โดยอาจ เป็นของแข็ง ของเหลว หรืออากาศ เสียงจะส่งผ่าน ตัวกลางมายังหู ป.5 2. ระบุตัวแปร ทดลอง และอธิบาย ลักษณะและการเกิดเสียงสูง เสียงต่ำ 3. ออกแบบการทดลองและอธิบาย ลักษณะและการเกิดเสียงดัง เสียงค่อย 4. วัดระดับเสียงโดยใช้เครื่องมือวัด ระดับเสียง 5. ตระหนักในคุณค่าของความรู้ เรื่องระดับเสียงโดยเสนอแนะแนวทาง ในการหลีกเลี่ยงและลดมลพิษทางเสียง ● เสียงที่ได้ยินมีระดับสูงต่ำของเสียงต่างกัน ขึ้นกับความถี่ของการสั่นของแหล่งกำเนิดเสียง โดยเมื่อแหล่งกำเนิดเสียงสั่นด้วยความถี่ต่ำจะเกิด เสียงต่ำแต่ถ้าสั่นด้วยความถี่สูงจะเกิดเสียงสูง ส่วน เสียงดังค่อยที่ได้ยินขึ้นกับพลังงานการสั่นของ แหล่งกำเนิดเสียง โดยเมื่อแหล่งกำเนิดเสียงสั่นด้วย พลังงานมากจะเกิดเสียงดังแต่ถ้าแหล่งกำเนิดเสียง สั่นด้วยพลังงานน้อยจะเกิดเสียงค่อย ● เสียงดังมาก ๆ เป็นอันตรายต่อการได้ยิน และเสียงที่ก่อให้เกิดความรําคาญเป็นมลพิษทาง เสียงเดซิเบลเป็นหน่วยที่บอกถึงความดังของเสียง 5
สาระที่3 : วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ มาตรฐาน ว 3.1: เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพกาแล็กซี ดาว ฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิต และ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอวกาศ ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.5 1. เปรียบเทียบความแตกต่างของ ด า ว เ คร า ะ ห ์ แ ละ ด า ว ฤ ก ษ ์ จ า ก แบบจําลอง ● ดาวที่มองเห็นบนท้องฟ้าอยู่ในอวกาศซึ่ง เป็นบริเวณที่อยู่นอกบรรยากาศของโลก มีทั้งดาว ฤกษ์และดาวเคราะห์ดาวฤกษ์เป็นแหล่งกำเนิดแสง จึงสามารถมองเห็นได้ส่วนดาวเคราะห์ไม่ใช่ แหล่งกำเนิดแสง แต่สามารถมองเห็นได้เนื่องจาก แสงจากดวงอาทิตย์ตกกระทบดาวเคราะห์แล้ว สะท้อนเข้าสู่ตา 2. ใช้แผนที่ดาวระบุตำแหน่งและ เส้นทางการขึ้นและตกของกลุ่มดาว ฤกษ์บนท้องฟ้า และอธิบายแบบรูป เส้นทางการขึ้นและตกของกลุ่มดาว ฤกษ์บนท้องฟ้าในรอบปี ● การมองเห็นกลุ่มดาวฤกษ์มีรูปร่างต่าง ๆ เกิดจากจินตนาการของผู้สังเกต กลุ่มดาวฤกษ์ต่าง ๆ ที่ปรากฏในท้องฟ้าแต่ละกลุ่มมีดาวฤกษ์แต่ละดวง เรียงกันที่ตำแหน่งคงที่และมีเส้นทางการขึ้น และตก ตามเส้นทางเดิมทุกคืน ซึ่งจะปรากฏตำแหน่งเดิม การสังเกตตำแหน่งและการขึ้น และตกของดาวฤกษ์ และกลุ่มดาวฤกษ์สามารถทำได้โดยใช้แผนที่ดาว ซึ่ง ระบุมุมทิศและมุมเงยที่กลุ่มดาวนั้นปรากฏ ผู้สังเกต สามารถใช้มือในการประมาณค่าของมุมเงยเมื่อ สังเกตดาวในท้องฟ้า มาตรฐาน ว 3.2 : เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายใน โลกและบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศ โลก รวมทั้งผลต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.5 1. เปรียบเทียบปริมาณน้ำในแต่ละ แหล่ง และระบุปริมาณน้ำที่มนุษย์ สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้จากข้อมูล ที่รวบรวมได้ ● โลกมีทั้งน้ำจืดและน้ำเค็มซึ่งอยู่ในแหล่งน้ำ ต่าง ๆที่มีทั้งแหล่งน้ำผิวดิน เช่น ทะเล มหาสมุทร บึง แม่น้ำ และแหล่งน้ำใต้ดิน เช่น น้ำในดิน และน้ำ 6
ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.5 บาดาล น้ำทั้งหมดของโลกแบ่งเป็นน้ำเค็ม ประมาณร้อยละ 97.5 ซึ่งอยู่ในมหาสมุทรและแหล่งน้ำ อื่น ๆ และที่เหลืออีกประมาณร้อยละ 2.5 เป็นน้ำจืด ถ้าเรียงลำดับปริมาณน้ำจืดจากมากไปน้อยจะอยู่ที่ ธาร น้ำแข็ง และพืดน้ำแข็ง น้ำใต้ดิน ชั้นดินเยือกแข็งคงตัว และน้ำแข็งใต้ดิน ทะเลสาบ ความชื้นในดิน ความชื้นใน บรรยากาศ บึง แม่น้ำ และน้ำในสิ่งมีชีวิต 2. ตระหนักถึงคุณค่าของน้ำโดย นําเสนอแนวทางการใช้น้ำอย่าง ประหยัดและการอนุรักษ์น้ำ ● น้ำจืดที่มนุษย์นำมาใช้ได้มีปริมาณน้อยมากจึง ควรใช้น้ำอย่างประหยัดและร่วมกันอนุรักษ์น้ำ 3. สร้างแบบจําลองที่อธิบายการ หมุนเวียนของน้ำในวัฏจักรน้ำ ● วัฏจักรน้ำ เป็นการหมุนเวียนของน้ำที่มีแบบ รูปซ้ำเดิม และต่อเนื่องระหว่างน้ำในบรรยากาศ น้ำผิว ดิน และน้ำใต้ดิน โดยพฤติกรรมการดำรงชีวิตของพืช และสัตว์ส่งผลต่อวัฏจักรน้ำ 4. เปรียบเทียบกระบวนการเกิด เมฆ หมอก น้ำค้าง และน้ำค้างแข็ง จากแบบจําลอง ● ไอน้ำในอากาศจะควบแน่นเป็นละอองน้ำเล็ก ๆโดยมีละอองลอย เช่น เกลือ ฝุ่นละออง ละอองเรณู ของดอกไม้เป็นอนุภาคแกนกลาง เมื่อละอองน้ำจำนวน มากเกาะกลุ่มรวมกันลอยอยู่สูงจากพื้นดินมาก เรียกว่า เมฆ แต่ละอองน้ำที่เกาะกลุ่มรวมกันอยู่ใกล้พื้นดิน เรียกว่า หมอก ส่วนไอน้ำที่ควบแน่นเป็นละอองน้ำเกาะ อยู่บนพื้นผิววัตถุใกล้พื้นดิน เรียกว่า น้ำค้าง ถ้าอุณหภูมิ ใกล้พื้นดินต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง น้ำค้างก็จะกลายเป็น น้ำค้างแข็ง 5. เปรียบเทียบกระบวนการเกิดฝน หิมะ และลูกเห็บ จากข้อมูลที่รวบรวม ได้ ● ฝน หิมะ ลูกเห็บ เป็นหยาดน้ำฟ้าซึ่งเป็นน้ำที่มี สถานะต่าง ๆ ที่ตกจากฟ้าถึงพื้นดิน ฝนเกิดจากละออง น้ำในเมฆที่รวมตัวกันจนอากาศไม่สามารถพยุงไว้ได้จึง ตกลงมา หิมะเกิดจากไอน้ำในอากาศระเหิดกลับเป็น ผลึกน้ำแข็ง รวมตัวกันจนมีน้ำหนักมากขึ้นจนเกินกว่า อากาศจะพยุงไว้จึงตกลงมาลูกเห็บเกิดจากหยดน้ำที่ เปลี่ยนสถานะเป็นน้ำแข็ง แล้วถูกพายุพัดวนซ้ำไปซ้ำมา ในเมฆฝนฟ้าคะนองที่มีขนาดใหญ่และอยู่ในระดับสูงจน เป็นก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ขึ้นแล้วตกลงมา 7
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว15101 รายวิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่5 เวลา 80 ชั่วโมง/ปี จำนวน 2 หน่วยกิต ศึกษา วิเคราะห์โครงสร้างและลักษณะของสิ่งมีชีวิตที่เหมาะสมกับการดำรงชีวิต ซึ่งเป็นผลมาจาก การปรับ และความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตที่เหมาะสมกับการดำรงชีวิตซึ่งเป็นผลมาจากการปรับตัวของ สิ่งมีชีวิตในแต่ละแหล่งที่อยู่ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต และความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิต กับสิ่งไม่มีชีวิต เพื่อประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต โซ่อาหารและบทบาทหน้าที่ของสิ่งมีชีวิตที่เป็นผู้ผลิตและ ผู้บริโภคในโซ่อาหาร คุณค่าของสิ่งแวดล้อมที่มีต่อการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิต โดยมีส่วนร่วมในการดูแล รักษาสิ่งแวดล้อม ลักษณะทางพันธุกรรมที่มีการถ่ายทอดจากพ่อแม่สู่ลูกของพืช สัตว์และมนุษย์ลักษณะที่ คล้ายคลึงกันของตนเองกับพ่อแม่ การเปลี่ยนสถานะของสสารเมื่อทำให้สสารร้อนขึ้นหรือเย็นลง การ ละลายของสารในน้ำ การเปลี่ยนแปลงของสารเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับ ได้และการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับไม่ได้วิธีการหาแรงลัพธ์ของแรงหลายแรงในแนวเดียวกันที่กระทำต่อวัตถุ อยู่นิ่ง แผนภาพแสดงแรงที่กระทำต่อวัตถุที่อยู่ในแนวเดียวกันและแรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุการใช้เครื่องชั่ง สปริงใน การวัดแรงที่กระทำต่อวัตถุผลของแรงเสียดทานที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุการ เขียนแผนภาพแสดงแรงเสียดทานและแรงที่อยู่ในแนวเดียวกันที่กระทำต่อวัตถุการได้ยินเสียงผ่านตัวกลาง ลักษณะและการเกิดเสียงสูง เสียงต่ำ ออกแบบการทดลองและอธิบายลักษณะและการเกิดเสียงดัง เสียง ค่อย การวัดระดับเสียงโดยใช้เครื่องมือวัดระดับเสียง แนวทางในการหลีกเลี่ยงและลดมลพิษทางเสียง ความแตกต่าง ของดาวเคราะห์และดาวฤกษ์จากแบบจำลอง การใช้แผนที่ดาวระบุตำแหน่งและเส้นทาง การขึ้นและตกของกลุ่มดาวฤกษ์บนท้องฟ้า แบบรูปเส้นทางการขึ้นและตกของกลุ่มดาวฤกษ์บนท้องฟ้าใน รอบปีปริมาณน้ำในแต่ละแหล่ง ปริมาณน้ำที่มนุษย์สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้แนวทางการใช้นน้ำอย่าง ประหยัดและการอนุรักษ์น้ำ แบบจำลองการหมุนเวียนของน้ำในวัฏจักรน้ำ กระบวนการเกิดเมฆ หมอก น้ำค้าง และน้ำค้างแข็ง จากแบบจำลอง และกระบวนการเกิดฝน หิมะ และลูกเห็บโดยใช้กระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล การเปรียบเทียบข้อมูลจาก หลักฐานเชิงประจักษ์และการอภิปราย เพื่อให้เกิดความรู้ความคิด ความเข้าใจสามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้มี ความสามารถในการตัดสินใจเห็นคุณค่าของการนำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และค่านิยมที่เหมาะสม คำอธิบายรายวิชา 8
ตัวชี้วัด ว 1.1 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4 ว 1.3 ป.5/1, ป.5/2 ว 2.1 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4 ว 2.2 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4, ป.5/5 ว 2.3 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4 ว 3.1 ป.5/1, ป.5/2 ว 3.2 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4, ป.5/5 รวม 26 ตัวชี้วัด 9
รายวิชา วิทยาศาสตร์ สาระ พื้นฐาน เพิ่มเติม รหัสวิชา ว15101 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1 จำนวน 2 หน่วยกิต จำนวน 2 คาบ/สัปดาห์ จำนวน 40 ชั่วโมง/ภาคเรียน มาตรฐาน การเรียนรู้ / ตัวชี้วัด หน่วย ที่ ชื่อหน่วย การเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน - 1 การเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว ทักษะกระบวนการทา วิทยาศาสตร์ 1. จัดกระทำและสื่อความหมาย ข้อมูล 2. สร้างแบบจำลอง 5.5 5 ว 2.2 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ป.5/5 2 แรงและพลังงาน บทที่ 1 แรงลัพธ์ และแรงเสียดทาน เรื่องที่ 1 แรงลัพธ์ เรื่องที่ 2 แรง เสียดทาน ● แรงลัพธ์เป็นผลรวมของ แรงที่กระทำต่อวัตถุโดยแรงลัพธ์ ของแรง 2 แรงที่กระทำต่อวัตถุ เดียวกันจะมีขนาดเท่ากับผลรวม ของแรงทั้งสองเมื่อแรงทั้งสอง อยู่ในแนวเดียวกันและมีทิศทาง เดียวกันแต่จะมีขนาดเท่ากับ ผลต่างของแรงทั้งสองเมื่อแรงทั้ง สองอยู่ในแนวเดียวกันแต่มีทิศ ทางตรงข้ามกัน สำหรับวัตถุที่อยู่ นิ่งแรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุมีค่า เป็นศูนย์ ● การเขียนแผนภาพของ แรงที่กระทำต่อวัตถุสามารถ เขียนได้โดยใช้ลูกศร โดยหัว ลูกศรแสดงทิศทางของแรง และ ความยาวของลูกศรแสดงขนาด ของแรงที่กระทำต่อวัตถุ 7.5 6 โครงสร้างรายวิชา 10 0
มาตรฐานการ เรียนรู้ / ตัวชี้วัด หน่วย ที่ ชื่อหน่วย การเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน ● แรงเสียดทานเป็นแรงที่ เกิดขึ้นระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุ เพื่อ ต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุนั้น โดยถ้า ออกแรงกระทำต่อวัตถุที่อยู่นิ่งบน พื้นผิวหนึ่งให้เคลื่อนที่แรงเสียดทาน จากพื้นผิวนั้นก็จะต้านการเคลื่อนที่ ของวัตถุแต่ถ้าวัตถุกําลังเคลื่อนที่แรง เสียดทานก็จะทำให้วัตถุนั้นเคลื่อนที่ ช้าลงหรือหยุดนิ่ง ว 2.3 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 2 แรงและพลังงาน บทที่ 2 เสียง เรื่องที่ 1 เสียงกับ การได้ยิน ● การได้ยินเสียงต้องอาศัย ตัวกลาง โดยอาจเป็นของแข็ง ของเหลว หรืออากาศเสียงจะส่งผ่าน ตัวกลางมายังหู ● เสียงที่ได้ยินมีระดับสูงต่ำ ของเสียงต่างกันขึ้นกับความถี่ของ การสั่นของแหล่งกำเนิดเสียง โดย เมื่อแหล่งกำเนิดเสียงสั่นด้วยความถี่ ต่ำจะเกิดเสียงต่ำแต่ถ้าสั่นด้วย ความถี่สูงจะเกิดเสียงสูง ส่วนเสียงดัง ค่อยที่ได้ยินขึ้นกับพลังงานการสั่น ของแหล่งกำเนิดเสียง โดยเมื่อ แหล่งกำเนิดเสียงสั่นด้วยพลังงาน มากจะเกิดเสียงดังแต่ถ้าแหล่งกำเนิด เสียงสั่นด้วยพลังงานน้อยจะเกิดเสียง ค่อย ● เสียงดังมาก ๆ เป็นอันตราย ต่อการได้ยินและเสียงที่ก่อให้เกิด ความรําคาญเป็นมลพิษทางเสียงเดซิ เบลเป็นหน่วยที่บอกถึงความดังของ เสียง 11 6 11
มาตรฐานการ เรียนรู้ / ตัวชี้วัด หน่วย ที่ ชื่อหน่วย การเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน ว 2.1 ป.5/1 ป.5/2 3 การเปลี่ยนแปลง ของสาร บทที่1 การเปลี่ยนแปลงทาง กายภาพ เรื่องที่ 1 การเปลี่ยนสถานะ เรื่องที่ 2 การละลาย ● การเปลี่ยนสถานะของสสาร เป็นการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ เมื่อเพิ่มความร้อนให้กับสสารถึง ระดับหนึ่งจะทำให้สสารที่เป็น ของแข็งเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลว เรียกว่า การหลอมเหลวและเมื่อเพิ่ม ความร้อนต่อไปจนถึงอีกระดับหนึ่ง ของเหลวจะเปลี่ยนเป็นแก๊ส เรียกว่า การกลายเป็นไอแต่เมื่อลดความร้อน ลงถึงระดับหนึ่งแก๊สจะเปลี่ยน สถานะเป็นของเหลว เรียกว่า การ ควบแน่น และถ้าลดความร้อนต่อไป อีกจนถึงระดับหนึ่งของเหลวจะ เปลี่ยนสถานะเป็นของแข็งเรียกว่า การแข็งตัว สสารบางชนิดสามารถ เปลี่ยนสถานะจากของแข็งเป็นแก๊ส โดยไม่ผ่านการเป็นของเหลว เรียกว่า การระเหิด ส่วนแก๊ส บางชนิด สามารถเปลี่ยนสถานะเป็นของแข็ง โดยไม่ผ่านการเป็นของเหลวเรียกว่า การระเหิดกลับ ● เมื่อใส่สารลงในน้ำแล้วสาร นั้นรวมเป็นเนื้อเดียวกันกับน้ำทั่วทุก ส่วน แสดงว่าสารเกิดการละลาย เรียกสารผสมที่ได้ว่าสารละลาย 6 6 11
มาตรฐาน การเรียนรู้ / ตัวชี้วัด หน่วย ที่ ชื่อหน่วย การเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน ว 2.1 ป.5/3 3 การเปลี่ยนแปลง ของสาร บทที่ 2 การเปลี่ยนแปลงทาง เคมี เรื่องที่ 1 การเปลี่ยนแปลงทาง เคมี ● เมื่อผสมสาร 2 ชนิดขึ้นไปแล้ว มีสารใหม่เกิดขึ้นซึ่งมีสมบัติต่างจาก สารเดิมหรือเมื่อสารชนิดเดียวอเกิด การเปลี่ยนแปลงแล้วมีสารใหม่เกิดขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้เรียกว่า การ เปลี่ยนแปลงทางเคมีซึ่งสังเกตได้จากมี สีหรือกลิ่นต่างจากสารเดิม หรือมีฟอง แก๊ส หรือมีตะกอนเกิดขึ้นหรือมีการ เพิ่มขึ้นหรือลดลงของอุณหภูมิที่ได้ว่า สารละลาย 5 6 ว 2.1 ป.5/4 3 การเปลี่ยนแปลง ของสาร บทที่ 3 การเปลี่ยนแปลงที่ ผันกลับได้และผัน กลับไม่ได้ เรื่องที่ 1 การเปลี่ยนแปลงที่ ผันกลับได้และผัน กลับไม่ได้ ● เมื่อสารเกิดการเปลี่ยนแปลง แล้ว สารสามารถเปลี่ยนกลับเป็น สารเดิมได้เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ผัน กลับได้เช่น การหลอมเหลว การ กลายเป็นไอ การละลาย แต่สาร บางอย่างเกิดการเปลี่ยนแปลง แล้วไม่ สามารถเปลี่ยนกลับเป็นสารเดิมได้ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับไม่ได้ เช่น การเผาไหม้การเกิดสนิม 4 6 สอบปลายภาคเรียน 1 15 รวมภาคเรียนที่ 1 40 50 12
รายวิชา วิทยาศาสตร์ สาระ พื้นฐาน เพิ่มเติม รหัสวิชา ว15101 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 2 จำนวน 2 หน่วยกิต จำนวน 2 คาบ/สัปดาห์ จำนวน 40 ชั่วโมง/ภาคเรียน มาตรฐาน การเรียนรู้ / ตัวชี้วัด หน่วย ที่ ชื่อหน่วย การเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน ว 3.2 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ป.5/5 4 วัฏจักร บทที่ 1 วัฏจักรน้ำ เรื่องที่ 1 แหล่ง น้ำ เรื่องที่ 2 เมฆ หมอก น้ำค้าง และน้ำค้างแข็ง เรื่องที่ 3 หยาดน้ำฟ้า เรื่องที่ 4 การหมุนเวียนของ น้ำ ● โลกมีทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม ซึ่งอยู่ในแหล่งน้ำต่าง ๆที่มีทั้ง แหล ่งน ้ำผ ิวดิน เช ่น ทะ เล มหาสมุทร บึง แม่น้ำ และแหล่งน้ำ ใต้ดิน เช่น น้ำในดิน และน้ำบาดาล น้ำทั้งหมดของโลกแบ่งเป็นน้ำเค็ม ประมาณร้อยละ 97.5 ซึ่งอยู่ใน มหาสมุทรและแหล่งน้ำอื่น ๆ และ ที่เหลืออีกประมาณร้อยละ 2.5 เป็นน้ำจืด ถ้าเรียงลำดับปริมาณ น้ำจืดจากมากไปน้อยจะอยู่ที่ ธาร น้ำแข็ง และพืดน้ำแข็ง น้ำใต้ดิน ชั้นดินเยือกแข็งคงตัวและน้ำแข็ง ใต้ดิน ทะเลสาบ ความชื้นในดิน ความชื้นในบรรยากาศ บึง แม่น้ำ และน้ำในสิ่งมีชีวิต ● น้ำจืดที่มนุษย์นำมาใช้ได้มี ปริมาณน้อยมากจึงควรใช้น้ำอย่าง ประหยัดและร่วมกันอนุรักษ์น้ำ ● วัฏจ ักรน ้ำ เป็น กา ร หมุนเวียนของน้ำที่มีแบบรูปซ้ำเดิม และต่อเนื่องระหว่างน้ำบรรยากาศ น้ำผิวดิน และน้ำใต้ดิน โดย พฤติกรรมการดำรงชีวิตของพืช และสัตว์ส่งผลต่อวัฏจักรน้ำ 14 12 13
มาตรฐาน การเรียนรู้ / ตัวชี้วัด หน่วย ที่ ชื่อหน่วย การเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน ● ไอน้ำในอากาศจะควบแน่น เป็นละอองน้ำเล็ก ๆโดยมีละอองลอย เช่น เกลือ ฝุ่นละออง ละอองเรณูของ ดอกไม้เป็นอนุภาคแกนกลาง เมื่อ ละอองน้ำจำนวนมากเกาะกลุ่มรวมกัน ลอยอยู่สูงจากพื้นดินมาก เรียกว่า เมฆ แต่ละอองน้ำที่เกาะกลุ่มรวมกันอยู่ใกล้ พื้นดิน เรียกว่า หมอก ส่วนไอน้ำที่ ควบแน่นเป็นละอองน้ำเกาะอยู่บน พื้นผิววัตถุใกล้พื้นดิน เรียกว่า น้ำค้าง ถ้าอุณหภูมิใกล้พื้นดินต่ำกว่าจุดเยือก แข็ง น้ำค้างก็จะกลายเป็นน้ำค้างแข็ง ● ฝน หิมะ ลูกเห็บ เป็นหยาดน้ำ ฟ้าซึ่งเป็นน้ำที่มีสถานะต่าง ๆ ที่ตก จากฟ้าถึงพื้นดิน ฝนเกิดจากละอองน้ำ ในเมฆที่รวมตัวกันจนอากาศไม่ สามารถพยุงไว้ได้จึงตกลงมา หิมะเกิด จากไอน้ำในอากาศระเหิดกลับเป็น ผลึกน้ำแข็ง รวมตัวกันจนมีน้ำหนัก มากขึ้นจนเกินกว่าอากาศจะพยุงไว้จึง ตกลงมาลูกเห็บเกิดจากหยดน้ำที่ เปลี่ยนสถานะเป็นน้ำแข็ง แล้วถูกพายุ พัดวนซ้ำไปซ้ำมาในเมฆฝนฟ้าคะนองที่ มีขนาดใหญ่และอยู่ในระดับสูงจนเป็น ก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ขึ้นแล้วตกลงมา ว 3.1 ป.5/1 ป.5/2 4 วัฏจักร บทที่ 2 วัฏจักรการ ปรากฏของกลุ่มดาว เรื่องที่ 1 ดาว เคราะห์และดาวฤกษ์ ● ดาวที่มองเห็นบนท้องฟ้าอยู่ ในอวกาศซึ่งเป็นบริเวณที่อยู่นอก บรรยากาศของโลก มีทั้งดาวฤกษ์ และ ดาวเคราะห์ดาวฤกษ์เป็นแหล่งกำเนิด แสงจึงสามารถมองเห็นได้ส่วนดาว 8 8 14
มาตรฐาน การเรียนรู้ / ตัวชี้วัด หน่วย ที่ ชื่อหน่วย การเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน ว 3.2 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ป.5/5 4 เรื่องที่ 2 กลุ่ม ดาวบนท้องฟ้า เคราะห์ไม่ใช่แหล่งกำเนิดแสง แต่สามารถมองเห็นได้เนื่องจากแสง จากดวงอาทิตย์ตกกระทบดาว เคราะห์แล้วสะท้อนเข้าสู่ตา ● การมองเห็นกลุ่มดาวฤกษ์มี รูปร่างต่าง ๆ เกิดจากจินตนาการของ ผู้สังเกต กลุ่มดาวฤกษ์ต่าง ๆ ที่ ปรากฏในท้องฟ้าแต่ละกลุ่มมีดาว ฤกษ์แต่ละดวงเรียงกันที่ตำแหน่งคงที่ และมีเส้นทางการขึ้น และตกตาม เส้นทางเดิมทุกคืน ซึ่งจะปรากฏ ตำแหน่งเดิม การสังเกตตำแหน่งและ การขึ้นและตกของดาวฤกษ์และกลุ่ม ดาวฤกษ์สามารถทำได้โดยใช้แผนที่ ดาว ซึ่งระบุมุมทิศและมุมเงยที่กลุ่ม ดาวนั้นปรากฏ ผู้สังเกตสามารถใช้มือ ในการประมาณค่าของมุมเงยเมื่อ สังเกตดาวในท้องฟ้า 14 12 ว 1.3 ป.5/1 ป.5/2 5 สิ่งมีชีวิต บทที่ 1 ลักษณะ ทาง พันธุกรรมของ สิ่งมีชีวิต เรื่องที่ 1 การถ่ายทอด ลักษณะทาง พันธุกรรมของ สิ่งมีชีวิต ● สิ่งมีชีวิตทั้งพืช สัตว์และ มนุษย์เมื่อโตเต็มที่จะมีการสืบพันธุ์ เพื่อเพิ่มจำนวนและดำรงพันธุ์โดยลูก ที่เกิดมาจะได้รับการถ่ายทอด ลักษณะทางพันธุกรรมจากพ่อแม่ทให้ มีลักษณะทางพันธุกรรมที่เฉพาะ แตกต่างจากสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ● พืชมีการถ่ายทอดลักษณะทาง พันธุกรรม เช่นลักษณะของใบ สีดอก ● สัตว์มีการถ่ายทอดลักษณะ ทางพันธุกรรม เช่นสีขน ลักษณะของ ขน ลักษณะของหู 7 6 15
16
หน่วยการเรียนรู้ที่ใช้ในการจัดทำแผนการเรียนรู้ที่ใช้ในการสอบปฏิบัติการสอน ชื่อวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว15101 ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน่วย ที่ ชื่อหน่วยการ เรียนรู้ มาตรฐาน การเรียนรู้/ ตัวชี้วัด สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน 3 การ เปลี่ยนแปลง ของสาร บทที่1 การ เปลี่ยนแปลง ทางกายภาพ เรื่องที่ 1 การเปลี่ยน สถานะ เรื่องที่ 2 การละลาย ว 2.1 ป.5/1 ป.5/2 ● เมื่อผสมสาร 2 ชนิดขึ้นไปแล้วมี สารใหม่เกิดขึ้นซึ่งมี สม บ ั ต ิ ต ่ า ง จ า ก สารเดิมหรือเมื่อ สารชนิดเดียวอเกิด การเปลี่ยนแปลง แ ล ้ ว ม ี ส า ร ใ ห ม่ เ ก ิ ด ข ึ ้ น ก า ร เ ป ลี ่ ย น แ ป ลง นี้ เ ร ี ย ก ว ่ า ก า ร เปลี่ยนแปลงทาง เคมีซึ่งสังเกตได้จาก มีสีหรือกลิ่นต่าง จากสารเดิม หรือมี ฟองแก๊ส หรือมี ตะกอนเกิดขึ้นหรือ มีการเพิ่มขึ้นหรือ ลดลงของอุณหภูมิ ที่ได้ว่าสารละลาย 6 6 17
วิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเ ระดับชั้น ประถมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่1 รวม 20 มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด เนื้อหา/ มาตรฐาน ว 2.1: เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติ ของสสารกับโครงสร้างและ แรงยึดเหนี่ยวระห ว่าง อนุภาค หลักและธรรมชาติ ของการเปลี่ยนแปลงสถานะ ข อ ง ส ส า ร ก า ร เ กิด ส า ร ล ะ ล า ย แ ล ะ ก า ร เกิดปฏิกิริยาเคมี มาตรฐานการเรียนรู้ ช่วงชั้นที่2 มฐ. ว 2.1 ป.4/1 อธิบายการเปลี่ยน สถานะของสสาร เมื่อทำ ให้สสารร้อนขึ้นหรือเย็น ลง โดยใช้หลักฐานเชิง ประจักษ์ การเปลี่ยนส เปลี่ยนแปลงทางก ร้อนให้กับสสารถึงร ที่เป็นของแข็งเปลี่ย เรียกว่า การหลอม ร้อนต่อไปจนถึงอีก เปลี่ยนเป็นแก๊ส เรี แต่เมื่อลดความร้อน เปลี่ยนสถานะเป็นข ควบแน่น และถ้าล จนถึงระดับหนึ่งขอ เป็นของแข็งเรียกว่ ชนิดสามารถเปลี่ยน แก๊สโดยไม่ผ่านการ การระเหิด ส่วนแ เปลี่ยนสถานะเป็นข เป็นของเหลวเรียกว่ 18
รู้/ตัวชี้วัด ที่ใช้ในกำรสอบปฏิบัติการสอน ทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์รหัสวิช ว15101 0 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 2 ชั่วโมง ครูผู้สอน นางสาวสุรีรัตน์ สุธา /สาระสำคัญ คุณภาพของผู้เรียน ความรู้ความเข้าใจ (K) ทักษะปฏิบัติ (P) คุณลักษณะนิสัย (A) สถานะของสสารเป็นการ กายภาพ เมื่อเพิ่มความ ระดับหนึ่งจะทำให้สสาร ยนสถานะเป็นของเหลว เหลวและเมื่อเพิ่มความ ระดับหนึ่งของเหลวจะ ียกว่า การกลายเป็นไอ นลงถึงระดับหนึ่งแก๊สจะ ของเหลว เรียกว่า การ ลดความร้อนต่อไปอีก งเหลวจะเปลี่ยนสถานะ า การแข็งตัว สสารบาง นสถานะจากของแข็งเป็น รเป็นของเหลว เรียกว่า แก๊ส บางชนิดสามารถ ของแข็งโดยไม่ผ่านการ าการระเหิดกลับ 1.นักเรียนสามารถ ร ะ บ ุ แ ล ะ อ ธ ิ บ า ย ลักษณะการเปลี่ยน สถานะของสารได้ (K) 1. น ั ก เ ร ี ย น สามารถสื่อสาร เพื่อถ่า ย ท อ ด ความรู้ เรื่องการ เปลี่ยนสถานะ ของสารให้กับ เพื่อนนักเรียนใน ชั้นเรียนได้ (P) 1.นักเรียนเป็นผู้ใฝ่ เรียนรู้ และมุ่งมั่นใน การทำงาน (A)
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว15101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง การเปลี่ยนแปลงของสาร เวลา 6 ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของสาร เวลา 1 ชั่วโมง ครูผู้สอน นางสาวสุรีรัตน์ สุธา 1. มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด : 1.1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของ สสารกับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของ สสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเคมี 1.2. ตัวชี้วัดชั้นปี ป. 5/1 : อธิบายการเปลี่ยนสถานะของสสาร เมื่อทำให้สารร้อนขึ้นหรือเย็นลง โดยใช้หลักฐานเชิง ประจักษ์ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้: 1. นักเรียนสามารถระบุและอธิบายลักษณะการเปลี่ยนสถานะของสารได้ (K) 2. นักเรียนเป็นผู้ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการทำงาน (A) 3. นักเรียนสามารถสื่อสาร เพื่อถ่ายทอดความรู้เรื่องการเปลี่ยนสถานะของสารให้กับเพื่อน นักเรียนในชั้นเรียนได้(P) สาระส าคัญ : การเปลี่ยนสถานะของสสาร เป็นการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ เมื่อเพิ่มความร้อนให้กับสสารถึง ระดับหนึ่งจะทำให้สสารที่เป็นของแข็งเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลว เรียกว่า “การหลอมเหลว” และเมื่อ เ พิ่ ม ความร้อนต่อไปจนถึงอีกระดับหนึ่งของเหลวจะเปลี่ยนเป็นแก๊ส เรียกว่า “การกลายเป็นไอ” แต่เมื่อลด ความร้อนลงถึงระดับหนึ่งแก๊สจะเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลว เรียกว่า “การควบแน่น” และถ้าลดความ ร้อนต่อไปอีกจนถึงระดับหนึ่งของเหลวจะเปลี่ยนสถานะเป็นของแข็ง เรียกว่า “การแข็งตัว” สสารบาง 19
ชนิดสามารถเปลี่ยนสถานะจากของแข็งเป็นแก๊สโดยไม่ผ่านการเป็นของเหลว เรียกว่า “การระเหิด” ส่วน แก๊สบางชนิดสามารถเปลี่ยนสถานะเป็นของแข็งโดยไม่ผ่านการเป็นของเหลว เรียกว่า “การระเหิดกลับ” เมื่อสารเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว สารสามารถเปลี่ยนกลับเป็นสารเดิมได้ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้ แต่สารบางอย่างเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วไม่สามารถเปลี่ยนกลับเป็นสารเดิมได้ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ผัน กลับไม่ได้ สาระการเรียนรู้: การเปลี่ยนแปลงของสสารทางกายภาพ คุณลักษณะอันพึงประสงค์: 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน : 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ชิน้งานหรือภาระงาน : 1. ชุดกิจกรรมแผนภาพการเปลี่ยนสถานะของสาร 2. ใบกิจกรรม เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของสาร การจัดกิจกรรมการเรียนรู้: 1. ขั้นสร้างความสนใจ(Engagement) : นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสสารที่เคยเรียนรู้มา โดยครูใช้คำถามกระตุ้นความคิด นักเรียนดังต่อไปนี้ เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของสาร – นักเรียนรู้ไหมว่าวัตถุต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเรา เราเรียกว่าอะไร (แนวคำตอบ สสาร) – นักเรียนรู้ไหมว่า “สสาร” และ “สาร” ต่างกันอย่างไร (แนวคำตอบ สสารคือ สิ่งที่มีมวล ต้องการที่อยู่ และสัมผัสได้ ส่วนสาร คือ สสารที่ทราบสมบัติ หรือสสารที่จะศึกษา) – ให้นักเรียนช่วยกันยกตัวอย่างสสารในชีวิตประจำวัน (แนวคำตอบ ไม้ โลหะ แก้ว และน้ำ) – สารมีสถานะใดบ้าง (แนวคำตอบ เป็นได้ทั้งของแข็ง ของเหลว และแก๊ส) 20
– นักเรียนคิดว่าสารที่พบเจอในชีวิตประจำวันเช่น น้ำ มีการเปลี่ยนแปลงเป็นสถานะใดได้บ้าง (แนวคำตอบ ของแข็ง (น้ำแข็ง), ของเหลว (น้ำ), แก๊ส (ไอน้ำ) ) – การเปลี่ยนสถานะของสารนักเรียนสามารถสังเกตจากสิ่งใด (แนวคำตอบ สังเกตจากการที่ สสารเปลี่ยนจากของแข็งเป็นของเหลวหรือแก๊ส โดยที่ไม่มีสารใหม่เกิดขึ้น) 2. ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) : นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน ศึกษาและสืบค้นข้อมูลจากใบความรู้เรื่อง การเปลี่ยนสถานะ ของสาร โดยนักเรียนสามารถสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมจาก E – Book และวีดิทัศน์เรื่องการเปลี่ยนสถานะ ของสาร ใน QR code ที่แนบมาในใบความรู้นี้ หรือสืบค้นข้อมูลจากในหนังสือเรียน โดยครูคอยใน คำแนะนำช่วยเหลือนักเรียนขณะทำกิจกรรมสำรวจและสืบค้นข้อมูล และเปิดโอกาสให้นักเรียนทุกคน ซักถามเมื่อมีปัญหา 3. ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) : 1. ครูแจกชุดกิจกรรมแผนภาพการเปลี่ยนสถานะของสาร กลุ่มละ 1 ชุด หลังจากนั้น นักเรียนร่วมกันเลือกคำจำกัดความ และภาพแสดงลักษณะการจัดเรียงอนุภาคของสาร ให้สัมพันธ์กัน 2. นักเรียนแต่ละกลุ่ม ออกมานำเสนอแผนภาพแสดงความสัมพันธ์ของการเปลี่ยนสถานะ ของสารหน้าชั้นเรียน นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง 3. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายสรุปความรู้จากชุดกิจกรรม โดยใช้แนวคำถามกระตุ้น ความคิด ดังต่อไปนี้ – สาร สามารถเปลี่ยนจากสถานะหนึ่ง ไปอีกสถานะหนึ่งต้องขึ้นอยู่กับอะไร (แนวคำตอบ อุณหภูมิ หรือการเพิ่ม และลดของความร้อน) – ยกตัวอย่างกระบวนการที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนสถานะของสาร (แนวคำตอบ การหลอมเหลว การเดือดหรือการกลายเป็นไอ การแข็งตัว การระเหิด และ การระเหิดกลับ) 4. ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) : 1. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายความรู้ที่ได้จากการปฏิบัติกิจกรรม โดยใช้แนวคำถาม กระตุ้นความคิด ดังต่อไปนี้ – การหลอมเหลว ( Melting ) คืออะไร (แนวคำตอบ กระบวนการที่เพิ่มอุณหภูมิแล้วทำ ให้สสารเปลี่ยนสถานะจากของแข็งกลายเป็นของเหลว) 21
– การกลายเป็นไอ หรือการระเหย (Evaporation) คืออะไร (แนวคำตอบกระบวนการ ที่เพิ่มอุณหภูมิแล้วทำให้สสารเปลี่ยนสถานะจากของเหลวกลายเป็นแก๊ส) – การควบแน่น ( Condensation ) คืออะไร (แนวคำตอบ กระบวนการที่ลดอุณหภูมิ แล้วทำให้สสารเปลี่ยนสถานะ จากแก๊สกลายเป็นของเหลว) – การแข็งตัว ( Fleezing ) คืออะไร (แนวคำตอบ กระบวนการที่ลดอุณหภูมิแล้วทำให้ สสารเปลี่ยนสถานะจากของเหลวกลายเป็นของแข็ง) – การระเหิด ( Sublimation ) คืออะไร (แนวคำตอบ กระบวนการที่ของแข็งดูดความ ร้อน (อุณหภูมิเพิ่มขึ้น) แล้วทำให้สถานะของสารเปลี่ยนแปลงไปจากของแข็งกลายเป็นแก๊ส ) – การระเหิดกลับ ( Deposition ) คืออะไร (แนวคำตอบ เป็นกระบวนการการเปลี่ยน สถานะของสารจากแก๊สกลายเป็นของแข็ง โดยไม่ผ่านสถานะของเหลว ใช้ความเย็นในการก่อตัว) 2. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เรื่องการเปลี่ยนสถานะของสารว่า สารสามารถเปลี่ยน สถานะจากสถานะหนึ่งไปเป็นอีกสถานะหนึ่งได้ โดยการเพิ่มอุณหภูมิให้แก่สารหรือลดอุณหภูมิทำให้สาร เย็นลง เช่น เมื่อเพิ่มความร้อนให้แก่น้ำแข็งจะทำให้น้ำแข็งเกิดการหลอมเหลวเปลี่ยนเป็นน้ำ ซึ่งมีสถานะ ของเหลว เรียกกระบวนการนี้ว่า การหลอมเหลว เมื่อให้ความร้อนต่อไปเรื่อย ๆ น้ำจะกลายเป็นไอน้ำ ซึ่งมี สถานะเป็นแก๊ส เรียกกระบวนการนี้ว่า การกลายเป็นไอ (ระเหย) แต่เมื่อทำให้ไอน้ำเย็นตัวลงโดยการลด ความร้อน ไอน้ำซึ่งมีสถานะแก๊สจะเปลี่ยนเป็นน้ำซึ่งมีสถานะของเหลว เรียกกระบวนการนี้ว่า การ ควบแน่น แล้วหากลดความร้อนต่อไปอีก น้ำซึ่งมีสถานะของเหลวจะเปลี่ยนเป็นน้ำแข็ง ซึ่งมีสถานะ ของแข็ง เรียกกระบวนการนี้ว่า การแข็งตัว 5. ขั้นประเมิน (Evaluation) : 1. ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจุด ใดบ้างที่ยังไม่เข้าใจหรือยังมีข้อสงสัย ถ้าพบว่ามีนักเรียนที่ยังไม่เข้าใจหรือมีข้อสงสัย ครูช่วยอธิบายเพิ่มเติม ให้นักเรียนจนเกิดความเข้าใจ 2. นักเรียนทำใบกิจกรรม เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของสาร แล้วร่วมกันเฉลยพร้อมกัน สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้: 1. ใบความรู้ เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของสาร 2. สื่อการเรียนรู้ E – Book เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของสาร 3. สื่อการเรียนรู้วีดิทัศน์เรื่องการเปลี่ยนสถานะของสาร 4. หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 5. ชุดกิจกรรมแผนภาพเรื่อง การเปลี่ยนสถานะของสาร 6. ใบกิจกรรม เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของสาร 22
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้: จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือ เกณฑ์ 1. นักเรียนสามารถระบุ และอธิบายลักษณะการ เปลี่ยนสถานะของสารได้ (K) - ต ร ว จแ ผน ภ า พ ก า ร เปลี่ยนสถานะของสาร - ตรวจใบกิจกรรม เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของสาร - แบบประเมินพฤติกรรม กลุ่ม - แบบประเมินใบกิจกรรม เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของ สาร - ระดับคุณภาพ “ดี” ขึ้นไป ถือว่า ผ่าน - ระดับคุณภาพ 2 ขึ้นไป ถือว่าผ่าน 2. นักเรียนเป็นผู้มีใฝ่ เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการ ทำงาน (A) - สังเกตความมีวินัย ใฝ่ เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการ ทำงาน - แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 3. นักเรียนสามารถ สื่อสาร เพื่อถ่ายทอด ความรู้ เรื่องการเปลี่ยน สถานะของสารให้กับ เพื่อนนักเรียนในชั้นเรียน ได้ (P) - การนำเสนอแผนภาพ การเปลี่ยนสถานะของสาร - แ บ บ ป ร ะ เ ม ิ น ก า ร นำเสนอหน้ำชั้นเรียน - ระดับคุณภาพ “ดี” ขึ้นไป 23
บันทึกหลังสอน แผนการจัดการเรียนรู้ที่2 หน่วยการเรียนรู้ที่3 สอนวันที่..........เดือน...........................พ.ศ.............. เรื่อง.............กานเปลี่ยนสถานะของสาร............................................................................................... นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ห้อง.....1...../...2..../....3.../..4..../...5... จำนวนทั้งหมด..............คน นักเรียนจำนวน.........................................คน • ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ โดยรวม......................คน คิดเป็นร้อยละ.............................. • ไม่ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้โดยรวม..................คน คิดเป็นร้อยละ................................ ได้แก่……………………………………………………………………………..………………………....................... • นักเรียนที่มีความสามารถพิเศษ/นักเรียนเด็กพิเศษ ได้แก่……………………………………………………………………………..………………………........................ • นักเรียนที่ไม่ผ่านการประเมินจุดประสงค์ด้านความรู้ (K) จำนวน............................คน ได้แก่ ……………………………………………………………………………..……………………………….............. • นักเรียนที่ไม่ผ่านการประเมินจุดประสงค์ด้านทักษะ (P) จำนวน.............................คน ได้แก่ ……………………………………………………………………………..…………………...............………… • นักเรียนที่ไม่ผ่านการประเมินจุดประสงค์ด้านคุณลักษณะ (A) จำนวน............................คน ได้แก่……………………………………………………………………………..…………………………..................... - ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… - ด้านทักษะกระบวนการ (P) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… - ด้านคุณลักษณะ (A) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… - ปัญหาและอุปสรรค / แนวทางการแก้ไข / ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ................................................ผู้สอน ลงชื่อ..........................................หัวหน้าสายชั้น ……………./…………./…………… ……………/…………./…………. 24
ภาคผนวก
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ( Physical Change ) : เป็นการ เปลี่ยนแปลงที่ท าให้ลักษณะของสารเปลี่ยนแต่องค์ประกอบของสารยังคงเดิม นั่น คือ สารที่เปลี่ยนแปลงนั้นยังคงเป็นสารเดิมไม่ได้เปลี่ยนเป็นสารใหม่ และการ เปลี่ยนแปลงนี้สามารถเปลี่ยนกลับสภาพเดิมได้โดยวิธีง่าย ๆ เช่น น ้าเปลี่ยนสถานะ จากของเหลวกลายเป็นไอน ้า องค์ประกอบก็ยังเป็น H2O และไอน ้าก็ควบแน่น กลายเป็นน ้าได้โดยวิธีง่าย ๆ การเปลี่ยนแปลงทางเคมี( Chemical Change ) : เป็ นการ เปลี่ยนแปลงที่มีสารใหม่เกิดขึ้น ซึ่งสารใหม่จะมีสมบัติต่างไปจากสารเดิมและการ ท าสารใหม่ให้กลับไปเป็นสารเดิมท าได้ยาก เช่น การเผาแก๊สไฮโดรเจนในอากาศ แก๊สไฮโดรเจนจะท าปฏิกิริยากับแก๊สออกซิเจนเกิดเป็นน ้าซึ่งมีสมบัติต่างจากแก๊ส ไฮโดรเจนและแก๊สออกซิเจน และเมื่อต้องการท าให้น ้าเปลี่ยนไปเป็นแก๊ส ไฮโดรเจนและแก๊สออกซิเจนก็ท าได้ยาก ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางเคมีสามารถ เขียนแทนด้วยสมการเคมีดังเช่นตัวอย่าง 2H2O + O2 2H2O จากตัวอย่างจะเห็นว่าสมการเคมีประกอบด้วยสารตั้งต้นอยู่ทางซ้ายมือ แล้วตามด้วยลูกศร ซึ่งหมายถึงเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีได้เป็นผลิตภัณฑ์ซึ่ง เป็นสารใหม่ทางขวามือ นักวิทยาศาสตร์ได้แบ่งการเปลี่ยนแปลงของสารออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ใบความรู้ เรื่อง การเปลยี่นสถานะของสาร 25
บทเรียนนี้จะกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ นั่นก็คือ การเปลี่ยนสถานะของสารซึ่งเป็น เรื่องที่เป็นพื้นฐานที่นักเรียนต้องทำความเข้าใจ เพื่อเป็นพื้นฐานสำคัญในการเรียนในขั้นต่อไป และสามารถ อธิบายปรากฏการณ์ต่าง ๆ ของสสารรอบตัวได้ ภาพที่ 1 แผนภาพแสดงการเปลี่ยนสถานะของสาร ที่มา: http://www.sittichok2890.wordpress.com การหลอมเหลว ( Melting ) : การเปลี่ยนสถานะจากของแข็งเป็นของเหลว โดยการเพิ่มความร้อนให้กับสาร การหลอมเหลว ของแข็ง ของเหลว (เพิ่มความร้อน) เช่น การหลอมเหลวน้ำแข็งก้อนกลายเป็นน้ำ ภาพที่ 2 น้ำแข็งกำลังหลอมเหลว ที่มา: https://pixabay.com, wolfBlur การเปลี่ยนสถานะของสาร จะมีพลังงานเข้ามาเกี่ยวข้อง ได้แก่ 1. การดูดความร้อน (อุณหภูมิเพิ่มขึ้น) 2. การคายความร้อน (อุณหภูมิลดลง) 1. 26
การกลายเป็นไอ (Evaporation) : การเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นแก๊ส โดยการเพิ่มความร้อนให้กับสาร แบ่งได้ 2 กระบวนการ ได้แก่ 1. การเหย เป็นการเปลี่ยนสถานะจากของเหลวที่อยู่บริเวณผิวหน้าไปเป็นแก๊ส 2. การเดือด เป็นการเปลี่ยนสถานะจากของเหลวโดยการเพิ่มความร้อนจนถึงจุดเดือด เป็นแก๊ส การกลายเป็นไอ ของเหลว แก๊ส (เพิ่มความร้อน) เช่น การกลายเป็นไอของน้ำ ภาพที่ 2 การกลายเป็นไอของน้ำ ที่มา: https://sites.google.com/site/krufonkuiwit/home/bth-thi-1-kar-canaek-sar/ การควบแน่น ( Condensation ) : การเปลี่ยนสถานะจากแก๊สเป็นของเหลว โดยการลดความร้อนให้กับสาร การควบแน่น แก๊ส ของเหลว (ลดความร้อน) เช่น การควบแน่นของไอน้ำ ภาพที่ 4 ไอน้ำกำลังจับตัวกลายเป็นหยดน้ำค้าง ที่มา: https://ngthai.com/science/25695/condensation/ การแข็งตัว ( Fleezing ) : การเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นของแข็ง โดยการลดความร้อนให้กับสาร การแข็งตัว แก๊ส ของเหลว (ลดความร้อน) เช่น การแข็งตัวของไอศกรีม %B8%87/ 2. 3. 4. ภาพที่ 5 น้ำจับตัวกลายเป็นน้ำแข็ง ที่มา:https://bluemochateas.com/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B9%81%E0%B8%82%E0%B9%87%E0 27
การระเหิด ( Sublimation ) : การเปลี่ยนสถานะจากของแข็งเป็นแก๊ส (ไม่ผ่านการเป็นของเหลว) โดยการเพิ่มความร้อน ให้กับสาร การระเหิด ของแข็ง แก๊ส (เพิ่มความร้อน) เช่น การระเหิดของเกล็ดไอโอดีน, น้ำแข็งแห้ง, การบูร, ลูกเหม็น ภาพที่ 6 การระเหิดของน้ำแข็งแห้ง ที่มา: https://sites.google.com/site/krufonkuiwit/home/bth-thi-1-kar-canaek-sar/ การระเหิดกลับ ( Deposition ) : การเปลี่ยนสสถานะจากแก๊สเป็นของแข็ง (ไม่ผ่านการเป็นของเหลว) โดยการลดความร้อน ให้กับสาร การระเหิดกลับ แก๊ส ของเหลว (ลดความร้อน) เช่น การระเหิดกลับของเกล็ดไอโอดีน ภาพที่ 6 การเปลี่ยนสถานะของน้ำ ที่มา: http://www.lesa.biz/earth/atmosphere/state-of-water 5. 6. มุมหาความรู้เพิ่มเติม : QR code E – Book เรื่องการเปลี่ยนสถานะของสาร QR code วีดีทัศน์ เรื่องการเปลี่ยนสถานะของสาร Scan 28
ภาพ E – Book เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของสาร 29
ภาพวีดิทัศน์เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของสาร 30
ชื่อ..............................................................นามสกุล................................................ชั้น ป.5/…….เลขที่........... ใบกิจกรรม เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของสาร คำชี้แจง : ให้นักเรียนพิมพ์คำตอบที่มีความสัมพันธ์กับคำถามลงในช่องว่างให้ถูกต้อง ทางกายภาพ หลอมเหลว ลดอุณหภูมิ กลายเป็นไอ ไอศกรีม ของแข็งที่เปลี่ยนเป็นของเหลว เพิ่มอุณหภูมิ ระเหิด ควบแน่น หิมะ 1. การเปลี่ยนสถานะของสาร เป็นการเปลี่ยนแปลงแบบใด 2. การหลอมเหลวของน้ำแข็ง เปลี่ยนจากสถานะใดเป็นสถานะใด 3. สารใดเกิดจากกระบวนการแข็งตัว (ของเหลว ของแข็ง) 4. ต้องการให้น้ำเปลี่ยนเป็นน้ำแข็งต้องทำอย่างไร 5. สารใดเกิดจากกระบวนการระเหิดกลับ(แก๊ส ของแข็ง) 6. เมื่อเพิ่มความร้อนให้น้ำ น้ำจะเปลี่ยนสถานะเป็นอย่างไร 7. ถ้าต้องการให้น้ำแข็งเปลี่ยนเป็นน้ำต้องทำอย่างไร 8. ของแข็ง เปลี่ยนเป็นแก๊ส คือการเปลี่ยนแปลงสถานะแบบใด 9. ไอน้ำ เปลี่ยนเป็น หยดน้ำ คือการเปลี่ยนแปลงสถานะแบบใด 10. การที่เนยแข็งเปลี่ยนเป็นเนยเหลว คือการเปลี่ยนแปลงสถานะแบบใด 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. ข้อเสนอแนะ : ....................................................................................................... คะแนน 31
ชื่อ..............................................................นามสกุล................................................ชั้น ป.5/…….เลขที่........... เฉลยใบกิจกรรม เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของสาร คำชี้แจง : ให้นักเรียนพิมพ์คำตอบที่มีความสัมพันธ์กับคำถามลงในช่องว่างให้ถูกต้อง ทางกายภาพ หลอมเหลว ลดอุณหภูมิ กลายเป็นไอ ไอศกรีม ของแข็งที่เปลี่ยนเป็นของเหลว เพิ่มอุณหภูมิ ระเหิด ควบแน่น หิมะ 1. การเปลี่ยนสถานะของสสาร เป็นการเปลี่ยนแปลงแบบใด 2. การหลอมเหลวของน้ำแข็ง เปลี่ยนจากสถานะใดเป็นสถานะใด 3. สารใดเกิดจากกระบวนการแข็งตัว (ของเหลว ของแข็ง) 4. ต้องการให้น้ำเปลี่ยนเป็นน้ำแข็งต้องทำอย่างไร 5. สารใดเกิดจากกระบวนการระเหิดกลับ(แก๊ส ของแข็ง) 6. เมื่อเพิ่มความร้อนให้น้ำ น้ำจะเปลี่ยนสถานะเป็นอย่างไร 7. ถ้าต้องการให้น้ำแข็งเปลี่ยนเป็นน้ำต้องทำอย่างไร 8. ของแข็ง เปลี่ยนเป็นแก๊ส คือการเปลี่ยนแปลงสถานะแบบใด 9. ไอน้ำ เปลี่ยนเป็น หยดน้ำ คือการเปลี่ยนแปลงสถานะแบบใด 10. การที่เนยแข็งเปลี่ยนเป็นเนยเหลว คือการเปลี่ยนแปลงสถานะแบบใด 1. ทางกายภาพ 2. ของแข็งที่เปลี่ยนเป็นของเหลว 3. ไอศกรีม 4. ลดอุณหภูมิ 5. หิมะ 6. กลายเป็นไอ 7. เพิ่มอุณหภูมิ 8. ระเหิด 9. ควบแน่น 10. หลอมเหลว ข้อเสนอแนะ : ....................................................................................................... คะแนน 32
แบบประเมินใบกิจกรรม เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของสาร ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/……. เลขที่ ชื่อ - สกุล การประเมิน รวม 10 คะแนน สรุประดับคุณภาพ ทักษะกระบวนการ( 4) ความถูกต้อง( 3) ความเรียบร้อยของ งานและส่งงานตรงต่อ เวลา( 3) 4 3 2 1 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 33
รายละเอียดเกณฑ์การประเมินผลใบกิจกรรม : รายการประเมิน คำอธิบายคุณภาพ 4 3 2 1 0 ทักษะ กระบวนการ (พิจารณา 4 ทักษะ) 1) ทักษะการสังเกต 2) ทักษะการ จำแนกประเภท 3) ทักษะการจัด กระทำและสื่อ ความหมายข้อมูล 4) ทักษะการลง ความเห็น มี 4 ทักษะ มี 3 ทักษะ มี 2 ทักษะ มี1 ทักษะ ไม่มี ทักษะ กระบวน การ ความถูกต้อง - ถูกต้องตั้งแต่ 8-10 ข้อ ถูกต้องน้อยกว่า 7 ข้อ ถูกต้องน้อยกว่า 4 ข้อ ไม่มี ความ ถูกต้อง ความเรียบร้อย ของงานและส่ง งานตรงต่อเวลา - ใบกิจกรรม เรียบร้อย เสร็จ และส่ง ใบกิจกรรมไม่ เรียบร้อย เสร็จ และส่ง ใบกิจกรรมไม่ เรียบร้อย ไม่ เสร็จแต่ส่ง ไม่มีส่ง ใบ กิจกรรม เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ (ดูจากคะแนนรวมเต็ม 10 คะแนน) คะแนน ระดับคุณภาพ 0 - 2 1 (ปรับปรุง) 3 - 5 2 (พอใช้) 6 - 8 3 (ดี) 9 - 10 4 (ดีมาก) 34
แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่ม กลุ่มที่ (ชื่อกลุ่ม).............................................................. สมาชิกในกลุ่ม 1..........................................................2.......................................................... 3..........................................................4.......................................................... 5.........................................................6.......................................................... คำชี้แจง ให้ทำเครื่องหมาย ในช่องที่ตรงกับความเป็นจริง พฤติกรรมที่สังเกต คะแนน 4 3 2 1 1. การมีส่วนร่วมในการวางแผน 2. การปฏิบัติงานตามบทบาทหน้าที่ 3. การให้ความร่วมมือในการทำงาน 4. การแสดงความคิดเห็น 5. การยอมรับความคิดเห็น รวม ลงชื่อ .................................................... ผู้ประเมิน ( นางสาวสุรีรัตน์ สุธา ) ครูประจำวิชา ................ /................ /............... เกณฑ์การให้คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัติเป็นประจำ ให้ 4 คะแนน (ดีมาก) พฤติกรรมที่ปฏิบัติบ่อยครั้ง ให้ 3 คะแนน (ดี) พฤติกรรมที่ปฏิบัติบางครั้ง ให้ 2 คะแนน (ปานกลาง) พฤติกรรมที่ปฏิบัติน้อยครั้ง ให้ 1 คะแนน (ปรับปรุง) 35
แบบบันทึกผลประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คำชี้แจง ให้ผู้ประเมินสังเกตพฤติกรรมของนักเรียน แล้วเขียนคะแนนลงในช่องระดับคะแนนที่ตรงกับ ความเป็นจริงเลขที่ ชื่อ - สกุล ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นในการทำงาน รวมคะแนน ตั้งใจเรียน แสวงหาความรู้ ตั้งใจทำงาน เพียรพยายาม 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 16 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 ลงชื่อ .................................................... ผู้ประเมิน ( นางสาวสุรีรัตน์ สุธา ) ครูประจำวิชา ................ /................ /............... 36
รายละเอียดเกณฑ์การให้คะแนนการประเมิน ตัวชี้วัด เกณฑ์การประเมิน 4 3 2 1 1. ใฝ่เรียนรู้ 1.1 ตั้งใจ เพียร พยายาม ในการ เรียนและเข้าร่วม กิจกรรม เข้าเรียนตรงเวลา ตั้งใจเรียน เอาใจ ใส่และมีความเพียร พยายามในการ เรียนรู้ มีส่วนร่วม ในการเรียนรู้และ เข้าร่วมกิจกรรม การเรียนรู้ต่าง ๆ ทั้งภายในและ ภายนอกโรงเรียน เป็นประจำ เข้าเรียนตรงเวลา ตั้งใจเรียน เอาใจ ใส่และมีความเพียร พยายามในการ เรียนรู้ มีส่วนร่วม ในการเรียนรู้และ เข้าร่วมกิจกรรม การเรียนรู้ต่าง ๆ บ่อยครั้ง เข้าเรียนตรงเวลา ตั้งใจเรียน เอาใจ ใส่ในการเรียนรู้ และเข้าร่วม กิจกรรมการเรียนรู้ บางครั้ง ไม่ตั้งใจเรียน 1.2 แสวงหา ความรู้จากแหล่ง เรียนรู้ต่าง ๆ ทั้ง ภายในและ ภายนอกโรงเรียน ด้วยการเลือกใช้สื่อ อย่างเหมาะสม สรุปเป็นองค์ ความรู้ สามารถ นำไปใช้ใน ชีวิตประจำวันได้ ศึกษาค้นคว้าหา ความรู้จากหนังสือ เอกสาร สิ่งพิมพ์ สื่อเทคโนโลยีและ สารสนเทศ แหล่ง เรียนรู้ทั้งภายใน และภายนอก โรงเรียน เลือกใช้ สื่อได้อย่าง เหมาะสมมีการ บันทึกความรู้ วิเคราะห์ข้อมูล สรุปเป็นองค์ ความรู้และ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ด้วยวิธีการที่ หลากหลายและ นำไปใช้ใน ชีวิตประจำวันได้ ศึกษาค้นคว้าหา ความรู้จากหนังสือ เอกสาร สิ่งพิมพ์ สื่อเทคโนโลยีและ สารสนเทศ แหล่ง เรียนรู้ทั้งภายใน และภายนอก โรงเรียน เลือกใช้ สื่อได้อย่าง เหมาะสมมีการ บันทึกความรู้ วิเคราะห์ข้อมูล สรุปเป็นองค์ ความรู้ แลกเปลี่ยน เรียนรู้กับผู้อื่น ศึกษาค้นคว้าหา ความรู้จากหนังสือ เอกสาร สิ่งพิมพ์ สื่อเทคโนโลยีและ สารสนเทศ แหล่ง เรียนรู้ทั้งภายใน และภายนอก โรงเรียน เลือกใช้ สื่อได้อย่าง เหมาะสมมีการ บันทึกความรู้ ไม่ศึกษาค้นคว้าหา ความรู้ 37
ตัวชี้วัด เกณฑ์การประเมิน 4 3 2 1 2. มุ่งมั่นในการทำงาน 2.1 ตั้งใจและ รับผิดชอบในการ ปฏิบัติหน้าที่การ งาน ตั้งใจและ รับผิดชอบในการ ปฏิบัติหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมาย ให้สำเร็จ มีการ ปรับปรุงและ พัฒนาการทำงาน ให้ดีขึ้นด้วย ตนเอง ตั้งใจและ รับผิดชอบในการ ปฏิบัติหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมาย ให้สำเร็จ มีการ ปรับปรุงและ พัฒนาการทำงาน ให้ดีขึ้น ตั้งใจและ รับผิดชอบในการ ปฏิบัติหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมาย ให้สำเร็จ มีการ ปรับปรุงการ ทำงานให้ดีขึ้น ไม่ตั้งใจการ ปฏิบัติหน้าที่การ งาน 2.2 ทำงานด้วย ความเพียร พยายามและ อดทนเพื่อให้งาน สำเร็จตาม เป้าหมาย ทำงานด้วยความ ขยันอดทน และ พยายามให้งาน สำเร็จตาม เป้าหมายภายใน เวลาที่กำหนดไม่ ย่อท้อต่อปัญหา แก้ปัญหา อุปสรรคในการ ทำงานและชื่นชม ผลงานด้วยความ ภาคภูมิใจ ทำงานด้วยความ ขยันอดทน และ พยายามให้งาน สำเร็จตาม เป้าหมายไม่ย่อ ท้อต่อปัญหา ใน การทำงานและ ชื่นชมผลงานด้วย ความภาคภูมิใจ ทำงานด้วยความ ขยันอดทน และ พยายามให้งาน สำเร็จตาม เป้าหมายและชื่น ชมผลงานด้วย ความภาคภูมิใจ ไม่ขยัน อดทนใน การทำงาน เกณฑ์การตัดสินระดับคุณภาพ 13 – 16 คะแนน ระดับคุณภาพ 4 หมายถึง ดีมาก 9 – 12 คะแนน ระดับคุณภาพ 3 หมายถึง ดี 5 – 8 คะแนน ระดับคุณภาพ 2 หมายถึง พอใช้ 0 – 4 คะแนน ระดับคุณภาพ 1 หมายถึง ปรับปรุง 38
แบบประเมินการนำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/…. เลขที่ ชื่อ - สกุล การประเมิน รวม (8 คะแนน) สรุประดับคุณภาพ เนื้อหา(2) ลำดับขั้นตอน(2) ความถูกต้องของภาษาที่ใช้(2) บุคลิกของผู้นำเสนอ(2) ดี พอใช้ ปรับปรุง 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 ลงชื่อ .................................................... ผู้ประเมิน ( นางสาวสุรีรัตน์ สุธา ) ครูประจำวิชา ................ /................ /............... 39
เกณฑ์การรประเมินการรนำเสนอหน้ำชั้นเรียน รายการประเมิน ระดับคะแนน 2 1 0 1. เนื้อหา ถูกต้อง ครบถ้วน เนื้อหาถูกต้องเพียง บางส่วน เนื้อหาไม่ถูกต้อง 2. ลำดับขั้นตอน เป็นไปตามลำดับ ขั้นตอนและครบถ้วน เป็นไปตามลำดับ ขั้นตอนแต่ไม่ครบถ้วน ไม่เป็นไปตามลำดับ ขั้นตอน 3. ความถูกต้องของ ภาษาที่ใช้ ใช้ภาษาได้ถูกต้อง เหมาะสมกับเนื้อหา ตัว ควบกล่ำชัดเจน ใช้ภาษาได้ถูกต้อง เหมาะสมกับเนื้อหา แต่ ตัวควบกล่ำไม่ชัดเจน ใช้ภาษาไม่ถูกต้อง ไม่ เหมาะสมกับเนื้อหา 4. บุคลิกภาพของผู้ นำเสนอ แต่งกายเรียบร้อย ยิ้ม แย้ม มีความ กระตือรือร้น เชื่อมั่นใน ตนเอง แต่งกายเรียบร้อย ขาด ความกระตือรือร้น ไม่มี เชื่อมั่นในตนเอง แต่งกายไม่เรียบร้อย ขาดความกระตือรือร้น ไม่มีเชื่อมั่นในตนเอง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ 6 – 8 คะแนน ระดับคุณภาพ ดีมาก 4 – 6 คะแนน ระดับคุณภาพ ดี 0 – 3 คะแนน ระดับคุณภาพ ปรับปรุง 40