บูรณาการวิทยาศาสตร์
Physics Chemistry Biology
คำนำ 1
หนังสือ "บูรณาการ" นี้ เป็นการนำเนื้อหาบางส่วนของวิชา
ชีววิทยา(ว30243)เคมี(ว30223)และฟิสิกส์(ว30203)มารวมไว้ใน
เล่มเดียว เพื่อให้ได้ศึกษาหาความรู้ในรายวิชาวิทยาศาสตร์ได้ง่าย
และสามารถน ำไปต่อยอดได้ โดย ได้ศึกษาผ่านแหล่งความรู้ต่างๆ
อาทิเช่น หนังสือ ห้องสมุดและแหล่งความรู้จากเว็บไซต์ต่างๆเพื่อ
ให้ได้เนื้อหาที่ครบถ้วนสมบูรณ์โดย หนังสือเล่มนี้จะมีเนื้อหาเกี่ยว
กับ การลำเลียง
ความสัมพันธ์ระหว่าปริมาตร ความดัน อุณหภูมิและจำนวนโมล
และคลื่น
ทางคณะผู้จัดทำคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดทำหนังสือเล่ม
นี้จะมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้สนใจศึกษาชีววิทยาเคมีและฟ ิสิกส์
เป็นอย่างดี
คณะผู้จัดทำ
นาย พีรพัฒน์ โชติมณี
นางสาว ภัทรนิษฐ์ หอมศักดิ์มงคล
นางสาว ภิชญาดา พันธชัย
นางสาว ธวัลรัตน์ สุริยะ
นางสาว กัลยกร แสงพราว
สารบัญ 2
เรื่อง หน้า
คำนำ 1
สารบัญ 2
ชีววิทยา BIOLOGY 4
การลำเลียงของพืช
การแลกเปลี่ยนแก๊ส และการคายน้ำ 5
การลำเลียงธาตุอาหาร 7
การลำเลียงอาหาร 8
เคมี CHEMISTRY 9
ความสัมพันธ์ระหว่าปริมาตร ความดัน อุณหภูมิและจำนวนโมล
กฎของบอยล์ 10
กฎของชาร์ล
กฎเกย์ลุสแซก 11
กฎของอาโวกาโดร 12
กฏรวมของแก๊ส 13
สมการภาวะของแก๊สอุดมคติ 14
สมการของแก๊สอุดมคติกับมวลโมเลกุลและความหนาแน่น 15
16
17
สารบัญ 3
เรื่อง หน้า
ฟิสิกส์PHYSICS 18
คลื่น 19
ชนิดของคลื่น และส่วนประกอบของคลื่น 20
ส่วนประกอบของคลื่น 22
สมบัติของคลื่น 23
บรรณานุกรม
รายชื่อสมาชิก 25
ภาคผนวก 28
29
4
Biology
5
การลำเลียงของพืช
การลำเลียงน้ำ น้ำ ราก คอร์เทกซ์ ไซเล็ม
การลำเลียงน้ำจากสิ่งแวดล้อมเข้าสู่รากพืช
ปกติสารละลายในดินมีความเข้มข้นต่ำกว่าในราก
ทำให้น้ำเข้าสู่รากพืชโดยการออสโมซิสและการแพร่เเบบฟาซิลิเทต
การลำเลียงน้ำเข้าสู่ไซเล็ม
มี 3 แบบ
-Symplast pathway เป็นการลำเลียงน้ำจากเซลล์หนึ่งสู่อีกเซลล์หนึ่ง
ผ่านพลาสดมเดตมาตาแบะเข้าสู่ไซเล็ม
-apoplast pathway เป็นการลำเลียงน้ำไปตามผนังเซลล์และช่องว่างระหว่างเซลล์
แต่เมื่อลำเลียงไปถึงเอนโดเดอร์มิส น้ำจะเปลี่ยนการลำเลียงแบบ apoplast
เป็นแบบ symplast แล้วเข้าสู่ไซเล็ม
-Transmembrane pathway เป็นการลำเลียงน้ำจากเซลล์โดยผ่านเยื่อหุ้มเซลล์
Biology
Biology 6
การลำเลียงน้ำภายในไซเล็ม
• เป็นการเคลื่อนที่ในแนวดิ่งจา
กรากสู่ด้านบน โดยอาศัยการ
ซึมตามรู แรงดึงจากการคาย
น้ำ และความดันราก
•การซึมตามรูเล็ก (capillary action) เป็นแรงดึงที่เกิดจากโมเลกุลน้ำ+ผิวหนังในพืช
*ไม่สามารถลำเลียงไปถึงยอดสูงๆได้
•แรงดึงจากการคายน้ำ (transpiration pull) เป็นแรงดันที่เกิดจากการดึงน้ำมาทดแทนที่
เสียไปจากการคายน้ำ *วิธีนี้ลำเลียงน้ำในปริมาณมาก
•ความดันราก (root pressure) เป็นแรงดันที่เกิดในไซเล็มของราก
สามารถดันน้ำขึ้นสู่ส่วนบนของพืชได้
การแลกเปลี่ยนแก๊ส 7
และการคายน้ำ
กลไกการเปิดปิดปากใบ
การคายน้ำ
ปากใบเปิด ปากใบปิด
•ปากใบจะเปิดจะเปิดในเวลากลางวันและในปิดในเวลากลางคืน
•การเปิดปิดปากใบขึ้นอยู่กับความเต่ง
-เซลล์คุมเต่ง:ปากใบเปิด
-เซลล์คุมไม่เต่ง:ปากใบปิด
•K+และซูโครส มีความสัมพันธ์กับการเปิดปิดของปากใบและความกว้างของรูปากใบ
การแลกเปลี่ยนแก๊ส
•การเปิดปากใบทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนแก๊สระหว่างพืชกับบรรยากาศ
•โดยจะแพร่จากความเข้มข้นสูงไปความเข้มข้นต่ำ
•ในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง เซลล์จะใช้ CO2และเกิด O2
Biology
Biology 8
การลำเลียงธาตุอาหาร
การเคลื่อนที่ของธาตุอาหารเข้าสู่พืช
ธาตุอาหารจะเข้าสู่เซลล์และไซเล็มโดยอาศัยโปรตีนตีนลำเลียง มี 2 แบบ คือ
ฟาซิลิเทต (facilitated diffusion)
คือ การเคลื่อนที่ของโมเลกุลของสารผ่านเยื่อเลือกผ่านจากบริเวณที่มีความเข้มข้นของสารสูง
ไปยังบริเวณที่มีความเข้มข้นของสารต่ำ โดยอาศัยโมเลกุลของโปรตีนที่เป็นองค์ประกอบของเยื่อ
หุ้มเซลล์เป็นตัวพา(carrier protein) ตัวพาจะจับกับสารที่ถูกลำเลียงแล้วผ่านเยื่อหุ้มเซลล์เมื่อ
ผ่านไปแล้วจึงสลายตัวปล่อยสารที่ลำเลียงไว้ แล้วตัวพาก็กลับมาทำหน้าที่ลำเลียงสารใหม่
การลำเลียงวิธีนี้ไม่ต้องใช้พลังงาน
แอกทีฟทรานสปอร์ต(Active transport)
เป็นการแพร่ของสารโดยใช้โปรตีนเป็นองค์ประกอบของเยื่อหุ้มเซลล์เป็นตัวพาและใช้พลังงาน
จากATPซึ่งสามารถทำให้อนุภาคของสารจากบริเวณที่มีความเข้มข้นของสารน้อย
แพร่ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์สู่บริเวณที่มีความเข้มข้นของสารมากกว่าได้
ธาตุอาหารที่สำคัญ
ธาตุที่ต้องการมาก
•ธาตุหลัก C H O N P K Ca Mg S
ธาตุที่ต้องการน้อย
•Cl Fe Mn B Zn Cu Ni Si Mo
9
การลำเลียงอาหาร
Ernst Munch (นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน)
น้ำตาลบางส่วนที่พืชสร้างขึ้นจากกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงจะถูกลำเลียงออกมา
ในไซโทพลาสซึมแล้วเปลี่ยนเป็นน้ำตาลซูโครส หลังจากนั้นจะเคลื่อนย้ายจากเซลล์
บริเวณสร้างไปยังโฟลเอ็ม และถูกลำเลียงไปยังส่วนต่างๆผ่านซีฟทิวบ์
1.ซูโครสออกจากแหล่งสร้างเข้าสู่ซีฟทิวบ์เมมเบอร์
ทำให้ความเข้มข้นของสารละลายในซีฟทิวบ์เมมเบอร์จึงสูงขึ้น
2.น้ำจากเซลล์ข้างเคียงและเวสเซลเมมเบอร์
เข้าซีฟทิวบ์เมมเบอร์โดยการออสโมซิส
ทำให้ความดันซีฟทิวบ์เมมเบอร์แหล่งสร้างสูง
3.ความดันที่สูงขึ้นทำให้สารละลายในซีฟทิวบ์
เมมเบอร์ซึ่งมีซูโครสเคลื่อนที่จากซีฟทิวบ์เมมเบอร์
มีแหล่งสร้างไปยังแหล่งรับที่มีความดันต่ำกว่า
4.ซูโครสเคลื่อนที่ออกจากซีฟทิวบ์เมมเบอร์เข้าสู่เนื้อเยื่อแหล่งรับ ทำให้ความ
เข้มข้นของสารละลายในซีฟทิวบ์เมมเบอร์ลดลง
5.น้ำจากซีฟทิวบ์เมมเบอร์จึงเคลื่อนที่ออกสู่เซลล์ข้างเคียงและเวสเซลลเมมเบอร์โดย
การออสโมซิส ทำใหความดันในซีฟทิวบ์เมมเบอร์บริเวณแหล่งรับต่ำลง
ซึ่งทำให้ยังคงมีความแตกต่างของความดันในซีฟทิวบ์เมมเบอร์ระหว่างบริเวณแหล่ง
สร้างกับแหล่งรับการลำเลียงในโฟลเอ็ม
เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
Biology
Chemistry
10
Chemistry 11
ความสัมพันธ์ระหว่าปริมาตร ความดัน
อุณหภูมิและจำนวนโมล
สมบัติทั่วไป และทฤษฏีจลน์ของแก๊ส
แก๊สจะมีแรงยึดเหนี่ยวอนุภาคน้อยมากเมื่อเทียบกับของแข็งและของเหลว จึงทํา
ให้อนุภาคของแก๊ส อยู่ห่างกันมาก เมื่อบรรจุแก๊สลงในภาชนะ อนุภาคของแก๊สจะ
ฟุ้งกระจายเต็มภาชนะที่บรรจุ ทําให้รูปร่าง เปลี่ยนแปลงตามขนาดและรูปร่างของ
ภาชนะนั้น อีกท้ังสามารถบีบอัดให้ปริมาตรของแก๊สลดลงได้ด้วยเพื่อความ
สะดวกในการศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับแก๊สนักวิทยาศาสตร์จึงได้สร้างทฤษฎีจลน์
ของแก๊สขึ้นซึ่งมีความดังนี้
01 แก๊สประกอบด้วยอนุภาคจำนวนมากที่มีขนาดเล็กจนถือได้
ว่าอนุภาคแก๊สไม่มีปริมาตร เมื่อ เทียบกับขนาดภาชนะที่
บรรจุ
โมเลกุลแก๊สอยู่ห่างกันมาก ทําให้แรงดึงดูดและ 02
แรงผลักระหว่างโมเลกุลมีน้อยมากจน ถือได้ว่า
ไม่มีแรงกระทําต่อกัน
โมเลกุลทุกโมเลกุลจะเคลื่อนที่เป็นเส้นตรงแบบสับสนไร้
03 ทิศทางด้วยอัตราเร็วคงที่ และอาจเปลี่ยนแนวการเคลื่อนที่
ได้หากไปชนใส่ผนังภาชนะหรือชนกับโมเลกุลแก๊สด้วยกันเอง
เรียกการคลื่อนที่แบบนี้ว่า การเคลื่อนที่แบบบราวน์เนียน
โมเลกุลของแก๊สที่ชนกันเองหรือชนผนังภาชนะ 04
จะเกิดการถ่ายเทพลังงานให้แก่กันได้ แต่
พลังงานรวมของระบบมีค่าคงที่
ณ อุณหภูมิเดียวกันโมเลกุลของแก๊สแต่ละโมเลกุลจะเคลื่อนที่ด้วย
ความเร็วไม่เท่ากัน แต่ มีพลังงานจลน์เฉลี่ยเท่ากัน โดยพลังงานจลน์
05 เฉลี่ยของแก๊สจะแปรผันตรงกับอุณหภูมิเคลวิน แก๊สที่มีสมบัติเป็นไป
ตามทฤษฎีจลน์ทุกประการเรียกว่า แก๊สในอุดมคติ ส่วนแก๊สในความ
เป็นจริงจะมีสมบัติใกล้เคียงกับทฤษฎีจลน์เมื่อความดันต่ํา และอุณภูมิ
สูงเท่านั้นโดยเฉพาะแก๊ส เฉื่อยจะมีสมบัติใกล้เคียงกับแก๊สอุดมคติมาก
จนถือว่าเป็นแก๊สอุดมคติได้
ความสัมพันธ์ระหว่างปริมาตร ความดันและอุณหภุูมิของแก๊ส 12
กฎของบอยล์
กล่าวว่า
" เมื่ออุณหภูมิและมวลของแก๊สคงที่
ปริมาตรของแก๊สจะแปรผกผันกับ
ความดันของแก๊ส"
P1V1 = P2V2
ควรระวัง 1. P และ V ใช้หน่วยใดๆ ก็ได้แต่ตอนแรกและตอน
หลังต้องใช้ หน่วยให้เหมือนกันเพื่อจะได้ใช้ตัดทอนกันได้
2. สูตรนี้ใช้ได้เมื่ออุณหภูมิและมวลแก๊สคงที่
Chemistry
Chemistry 13
กฎของชาร์ล
กล่าวว่า
“เมื่อความดันและมวลของก๊าซคงที่
ปริมาตรของก๊าซจะแปรผันโดยตรง
กับอุณหภูมิเคลวิน”
ภาพของ Jacques Charles
ควรระวัง
1. V ใช้หน่วยใดๆ ก็ได้แต่ตอนแรกและตอนหลังต้องใช้หน่วยให้เหมือน
กัน เพื่อจะได้ใช้ตัดทอนกันได้ ส่วน T ต้องให้น่วยเคลวิน เท่าน้ัน
2. สูตรนี้ใช้ได้เมื่อความดันและมวลแก๊สคงที่
กฎเกย์ลุสแซก 14
กล่าวว่า ภาพของ Gay-Lussac
“เมื่อปริมาตรและมวลของก๊าซคงที่
ความดันของก๊าซจะแปรผันโดยตรงกับ
อุณหภูมิเคลวิน”
ควรระวัง
1. P ใช้หน่วยใดๆ ก็ได้แต่ตอนแรกและตอนหลังต้องใช้หน่วยให้เหมือน
กัน เพื่อจะได้ใช้ตัดทอนกันได้ ส่วน T ต้องใหน่วยเคลวิน เท่านั้น
2. สูตรนี้ใช้ได้เมื่อปริมาตรและมวลแก๊สคงท
Chemistry
Chemistry 15
กฎของอาโวกาโดร
กล่าวว่า
“เมื่ออุณหภูมิและความดันคงที่
ปริมาตรของก๊าซจะแปรผันโดยตรง
กับปริมาณ
(จํานวนโมล) ของก๊าซนั้น”
ควรระวัง 1. V ใช้หน่วยใดๆ ก็ได้แต่ตอนแรกและตอนหลังต้องใช้หน่วยให้
เหมือนกัน เพื่อจะได้ใช้ตัดทอนกันได้ ส่วน n ต้องใหน่วยโมลเท่าน้ัน
2. สูตรนี้ใช้ได้เม่ืออุณหภูมิและความดันคงที่
16
กฏรวมของแก๊ส
เมื่อเรานํากฏของบอยล์ กฏของชาร์ล และกฏของเกย์ลูสแซกมารวมกัน
ควรระวัง 1. P , V ใช้หน่วยใดๆ ก็ได้แต่ตอนแรกและตอนหลัง ต้องใช้หน่วย ให้เหมือนกัน
เพื่อจะได้ใช้ตัดทอนกันได้ ส่วน T ต้องใช้ในหน่วยเคลวินเท่านั้น
2. สูตรนี้ใช้ได้เมื่อมวลแก๊สคงที่
สมการภาวะของแก๊สอุดมคติ
เป็นการนํากฎของบอยล์ กฎของชาร์ลส์และกฎของอาโวกาโดรมารวมกัน เพื่อใช้หาความ
สัมพันธ์ระหว่าง P , V , T และ n ของก๊าซ
Chemistry
Chemistry 17
สมการของแก๊สอุดมคติกับมวล
โมเลกุลและความหนาแน่น
จากการคํานวณเกี่ยวกับโมล
เมื่อนํามาประยุกต์เข้ากับสมการของแก๊สอุดมคติ PV = nRT จะสามารถคํา
นวณเกี่ยวกับมวล โมเลกุลและความหนาแน่นของแก๊ส (d) ได้
PHYSICS 18
Physics 19
คลื่น (Wave)
คลื่น คือ ปรากฏการณ์ที่แหล่งกำเนิดคลื่นแผ่กระจายพลังงานออกจากแหล่ง
กำเนิดนั้นๆ หรือ
การสั่นของแหล่งกำเนิดและมีการถ่ายทอดไปยังตัวกลาง
อ้างอิง ondemand.in.th
ชชนนิิดดขขอองงคคลลืื่่นน ((wwaavvee ttyyppee)) 20
เเเเลละะ สส่่ววนนปปรระะกกออบบขขอองงคคลลืื่่นน
01 แบ่งชนิดของคลื่นโดยพิจารณาการอาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่ สามารถ
แบ่งคลื่นได้เป็น 2 ชนิด คือ
1.1 คลื่นกลหรือคลื่นยืดหยุ่น (Mechanical Wave หรือ Elastic
Wave) คือ คลื่นที่อาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่ โดยตัวกลางจะเกิดการสั่น
ทำให้เกิดการส่งผ่านพลังงานจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง เช่น คลื่นเสียง, คลื่น
น้ำ, คลื่นในเส้นเชือก เป็นต้น
1.2 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic Wave) คือ คลื่นที่ไม่ต้อง
อาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่ เช่น คลื่นแสง, คลื่นวิทยุ เป็นต้นเนื่องจาก
แหล่งกำเนิดติดกับมอเตอร์ หรือการสบัดเชือกอย่างต่อเนื่อง
แบ่งชนิดของคลืนโดยพิจารณาทิศทางของการเคลื่อนที่ของคลื่นและของ 02
ตัวกลางที่ถูกรบกวน สามารถแบ่งได้เป็น 2 ชนิดคือ
2.2 คลื่นตามยาว (Longitudinal Wave) คือ คลื่นที่ทำให้อนุภาคของ
ตัวกลางที่คลื่นเคลื่อนที่ผ่านมีการเคลื่อนที่ไปกลับในทิศทางที่เดียวกันกับ
ทิศทางการเคลื่อนของคลื่น เช่น คลื่นเสียง, คลื่นในสปริง เป็นต้น
03 แบ่งตามความต่อเนื่องของแหล่งกำเนิดแบ่งออกได้ 2 ชนิด
3.1 คลื่นดล ( PuLse Wave ) เป็นคลื่นที่เกิดจากแหล่งกำเนิดสั่น หรือ
การรบกวนตัวกลางเป็นช่วงเวลาสั่น ๆ ทำให้เกิดคลื่นเพียง 1 หรือ 2 คลื่นแผ่
ออกไป เช่น การนิ้วจุ่มที่ผิวน้ำเพียงครั้งหรือ 2 ครั้ง
3.2 คลื่นต่อเนื่อง ( Continuous Wave ) เป็นคลื่นที่เกิดจากแหล่งกำเนิด
สั่น หรือการรบกวนตัวกลางอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดคลื่นแผ่ออกไปเป็นขบวน
อย่างต่อเนื่อง เช่น การเกิดคลื่นผิวน้ำเนื่องจากแหล่งกำเนิดติดกับมอเตอร์
หรือการสบัดเชือกอย่างต่อเนื่อง
Physics
Physics 21
• คาบ (period : T )
หมายถึง ช่วงเวลาที่คลื่น
เคลื่อนที่ผ่านตำแหน่งใด
ๆ ครบหนึ่งลูกคลื่นแทน
ด้วยสัญลักษณ์ มีหน่วย
เป็นวินาทีต่อรอบ (s/รอบ)
โดย T = 1/f
• ความถี่ (frequency : f ) หมายถึง จำนวนลูกคลื่นที่เคลื่อนที่ผ่านตำ
แหน่งใดๆในหนึ่งหน่วยเวลา แทนด้วยสัญลักษณ์ มีหน่วยเป็นรอบต่อ
วินาที (s-1) หรือเฮิรตซ์ (Hz) โดย f = 1/T
• มุมเฟส (Phases Angle : Φ ) หมายถึง มุมที่ใช้กำหนดตำแหน่ง
บนคลื่นขณะที่เคลื่อนที่โดยมีความสัมพันธ์กับการกระจัดของการ
เคลื่อนที่ของคลื่น ในระบบ SI มีหน่วยเป็นเรเดียน (Radian : rad)
ส่วนประกอบของคลื่น 22
1. สันคลื่น (Crest) เป็นตำแหน่งสูงสุดของคลื่น หรือเป็นตำแหน่งที่มีการกระ
จัดสูงสุดในทางบวก จุด b , f
2. ท้องคลื่น (Crest) เป็นตำแหน่งต่ำสุดของคลื่น หรือเป็นตำแหน่งที่มีการก
ระจัดสูงสุดในทางลบ จุด d , s
3. แอมพลิจูด (Amplitude) เป็นระยะการกระจัดมากสุด ทั้งค่าบวกและค่าลบ
วัดจากระดับปกติไปถึงสันคลื่นหรือไปถึงท้องคลื่น สัญลักษณ์ A
4. ความยาวคลื่น (wavelength : λ ) เป็นความยาวของคลื่นหนึ่งลูกมีค่า
เท่ากับระยะระหว่างสันคลื่นหรือท้องคลื่นที่อยู่ถัดกัน หรือระยะระหว่าง 2
ตำแหน่ง บนคลื่นที่ที่เฟสตรงกัน(inphase) ความยาวคลื่นแทนด้วยสัญลักษณ์
Lamda มีหน่วยเป็นเมตร (m) ระยะ เส้นสีเเดงเเละฟ้า
Physics
Physics 23
สมบัติของคลื่น (wave properties)
คลื่นทุกชนิดแสดงสมบัติ 4 อย่าง คือการสะท้อน การหักเห
การแทรกสอด และการเลี้ยวเบน
01 การสะท้อน
(reflection)
การสะท้อน เกิดจากคลื่นเคลื่อนที่ไป
กระทบสิ่งกีดขวาง แล้วเปลี่ยน
ทิศทางกลับสู่ตัวกลางเดิม
การหักเห 02
(refraction)
การหักเห เกิดจากคลื่นเคลื่อนที่ผ่าน การเลี้ยวเบน
ตัวกลางที่ต่างกัน แล้วทำให้อัตราเร็ว (diffraction)
เปลี่ยนไป เช่น อากาศผ่านสู่น้ำ การเลี้ยวเบน เกิดจากคลื่น
เคลื่อนที่ไปพบสิ่งกีดขวาง ทำให้
03 คลื่นส่วนหนึ่งอ้อมบริเวณของสิ่ง
กีดขวางแผ่ไปทางด้านหลังของ
สิ่งกีดขวาง นั้น
24
04 การแทรกสอด (interference)
เกิดจากคลื่นสองขบวนที่เหมือนกันทุกประการเคลื่อนที่มาก
แล้วเกิดการซ้อนทับกัน เช่น ถ้าเป็นคลื่นแสงจะเห็นแถบมืด
และแถบสว่างสลับกัน ส่วนคลื่นเสียงจะได้ยินเสียงดังเสียง
ค่อยสลับกัน การเเทรกสอดเเบ่งออกเป็น 2 แบบได้เเก่
แบบที่ 1 การแทรกสอดแบบเสริมกัน (Constructive interference) การเกิดในลักษณะนี้มีได้มี 2 กรณีคือ เมื่อ
สันคลื่นมาเจอกับสันคลื่นและเมื่อท้องคลื่น มาเจอกับท้องคลื่นดังรูป
รูปแสดงการซ้อนทับของคลื่นที่มี
แอมพลิจูดเป็นบวก
รูปแสดงการซ้อนทับของคลื่นที่มี
แอมพลิจูดเป็นลบ
แบบที่ 2 การแทรกสอดแบบหักล้าง (Destructive interference) จะเกิดขึ้นเมื่อคลื่นหรือส่วนของคลื่นที่มาเจอกัน
มีการกระจัดในทิศตรงข้ามกัน
รูปแสดงการซ้อนทับของคลื่นที่มี
แอมพลิจูดทิศทางต่างกัน
ข้อสังเกต คลื่นรวมที่เกิดขี้นจะมีขนาดเปลี่ยนไปตามผลรวมของคลื่นทั้งสอง โดยการ
รวมคลื่นจะเกิดขึ้นทุก ๆ ตำแหน่งที่คลื่นทั้งสองเจอกัน และหลังจากการซ้อนทับของ
คลื่นทั้งสองแล้ว คลื่นแต่ละลูกจะเคลื่อนที่ผ่านกันไปโดยไม่มีการเปลียนแปลงไปจาก
ตอนแรก
อ้างอิงhttps://sites.google.com Physics
25
บรรณานุกรม
ข้อมูล คำนำ
หมายเหตุ : NaniTalk Editor. (2562). วิธีเขียนคำนำรายงาน พร้อมตัวอย่างคํานําทั้งมหาลัยและมัธยม!. สืบค้น 17 กันยายน
2565,
จาก
https://www.nanitalk.com/how-to-general/19933
ข้อมูล ชีวะ
หมายเหตุ : bee_bua.(2562). การลำเลียงของพืช. สืบค้น 15 กันยายน 2565,
จาก
https://www.clearnotebooks.com/th/notebooks/990624
หมายเหตุ : นายพิเชษฐ์ บุญทวี, นางรัชนีวรรณ บุญทวี, นางสาวสินีนาถ สมแสง, นางสาวพนิดาทะนันไชย. เซลล์ของสิ่งมีชีวิต :
แอกทีฟทรานสปอร์ต. สืบค้น 17 กันยายน2565
จาก
http://www.thaigoodview.com/library/contest1/science04/45/2/cell/content/active_trans.html
หมายเหตุ: นายพิเชษฐ์ บุญทวี, นางรัชนีวรรณ บุญทวี, นางสาวสินีนาถ สมแสง, นางสาวพนิดาทะนันไชย. เซลล์ของสิ่งมีชีวิต :
การแพร่แบบฟาซิลิเทต. สืบค้น 17 กันยายน2565
จาก
http://www.thaigoodview.com/library/contest1/science04/45/2/cell/content/facilitated.html
รูป ชีวะ
หมายเหตุ : Freepik. (2560). Biotech Science Images. [Images]. สืบค้น17 กันยายน2565
จาก
https://www.freepik.com/free-photos-vectors/biotech-science?format=collections
หมายเหตุ: FOROS Vi.cl. (2554). Resúmenes interactivos....[Images]. สืบค้น 17 กันยายน 2565
จาก
https://www.vi.cl/foro/topic/1071-apuntes-de-biologia-y-quimica-revisado-y-corregido/page-45
หมายเหตุ: KnowledgeProject. (2556). Representation of the water transport pathways along the soil-plant-
atmosphere continuum (SPAC). [Images]. สืบค้น 17 กันยายน2565
จาก
https://www.nature.com/scitable/knowledge/library/water-uptake-and-transport-in-vascular-plants-103016037/
หมายเหตุ: @brgfx. (2562). Diagram showing transpiration of plants. [Images]. สืบค้น 17 กันยายน2565
จาก
https://www.freepik.com/free-vector/diagram-showing-transpiration-plants_5916230.htm?
epik=dj0yJnU9ckxTQjlhcUZxQm1mSVdtajR2Q3VkMURyTVlQbnE0MHEmcD0wJm49NFFtT2VlZ0FIaWxfZFJBX0FQ
ZmxsdyZ0PUFBQUFBR01sdzUw
หมายเหตุ: Pinutchaya Nakchumroon. (2560).บทที่ 11 โครงสร้างและหน้ าที่ของพืช ใบ. [Images]. สืบค้น 17 กันยายน
2565
จาก
https://www.slideshare.net/pinutchayanakchumroon/11-4-75544642
หมายเหตุ: macmillanhighered.com. (2560). The Pressure Flow Model Differences in water potential produce a
pressure gradient that moves phloem sap from sources to sinks. [Images]. สืบค้น17กันยายน2565
จาก
https://www.macmillanhighered.com/BrainHoney/Resource/6716/digital_first_content/trunk/test/hillis2e/asset/img_ch
25/c25_fig14.html
26
บรรณานุกรม
ข้อมูล เคมี
หมายเหตุ: นางสาววาทินี เสสราษฎร์. (2563). แบบฝึกทักษะ เรื่อง แก๊ส และสมบัติข องแก๊ส ชุดที่ 1 เรื่องความสัมพันธ์ร ะหว่าง
ปริมาตร ความดัน อุณหภูมิและจำนวนโมลแก๊ส. สืบค้น 14 กันยายน2565,
จาก
https://kbs.ac.th/wp-
content/uploads/2021/07/%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-
1%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%9E
%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B9%8C%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%A7%
E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E
0%B8%95%E0%B8%A3-%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B8%B1.pdf
ข้อมูล รูปภาพ
หมายเหตุ: freepik. (2560). Close-up view of science concept. [Images]. สืบค้น13 กันยายน2565
จาก
https://www.freepik.com/free-photo/close-up-view-science-concept_9461591.htm?
epik=dj0yJnU9bXhkRlU2VFNtVk1qU2dyTm5jZlZteFhDbTJtZU9MRlkmcD0wJm49bkVsdW80TTFnb195ZHBYdkM0Y
lVJdyZ0PUFBQUFBR01sMGVZ
หมายเหตุ: นางสาววาทินี เสสราษฎร์. (2563).แบบฝึกทักษะ เรื่อง แก๊ส และสมบัติของแก๊ส ชุดที่ 1 เรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง
ปริมาตร ความดัน อุณหภูมิและจำนวนโมลแ ก๊ส. [Images]. สืบค้น13 กันยายน2565
จาก
https://kbs.ac.th/wp-
content/uploads/2021/07/%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-
1%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%9E
%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B9%8C%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%A7%
E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E
0%B8%95%E0%B8%A3-%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B8%B1.pdf
หมายเหตุ: $py. (2559). นักวิทยาศาสตร์ (scientist). [Images]. สืบค้น17กันยายน2565
จาก
http://ceiinsstt.blogspot.com/2016/09/robert-boyle-father-of-chemistry.html?m=1
หมายเหตุ: Jacques Charles Wikipedia. (2565). Jacques Charles. [Images]. สืบค้น17กันยายน2565
จาก
https://alchetron.com/Jacques-Charles
หมายเหตุ: Wikipedia. (2565). Louis Gay-Lussac. [Images]. สืบค้น 17กันยายน2 565
จาก
https://nl.m.wikipedia.org/wiki/Louis_Gay-Lussac
หมายเหตุ: Anne Marie Helmenstine, Ph.D. . (2562). [Images]. สืบค้น17กันยายน2565
จาก
https://www.thoughtco.com/definition-of-avogadros-law-605825?utm_source=pinterest
27
บรรณานุกรม
ข้อมูลฟิ สิกส์
หมายเหตุ: พี่เกรท สรณภพ เทวปฏิคม. (2564). ฟิสิกส์ ม.5 สรุป คลื่น (Wave) เข้าใจง่ายในบทความเดียว!. สืบค้น13
กันยายน2565,
จาก
https://www.ondemand.in.th/%E0%B8%9F%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%AA
%E0%B9%8C-%E0%B8%A1-5-%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99/
หมายเหตุ: นางสาว อัญชิสา อ่อนละมัย. (2554). ฟิสิกส์เรื่องคลื่น. สืบค้น1 3 กันยายน2565,
จาก
https://sites.google.com/site/fisiksreuxngkhluna/
ข้อมูลรูป
หมายเหตุ: valeria_aksakova 7k recursos.(2562). Mancuernas planas sobre fondo rosa y amarillo. [Images]. สืบค้น
13 กันยายน2565
จาก
https://www.freepik.es/foto-gratis/mancuernas-planas-sobre-fondo-rosa-amarillo_4149846.htm
หมายเหตุ: พี่เกรท สรณภพ เทวปฏิคม. (2564). ฟิสิกส์ ม.5 สรุป คลื่น (Wave) เข้าใจง่ายในบทความเดียว!. [Images]. สืบค้น
13 กันยายน2565
จาก
https://www.ondemand.in.th/%E0%B8%9F%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%AA
%E0%B9%8C-%E0%B8%A1-5-%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99/
หมายเหตุ: นางสาว อัญชิสา อ่อนละมัย. (2554). ฟิสิกส์เรื่องคลื่น. [Images]. สืบค้น13 กันยายน2565
จาก
https://sites.google.com/site/fisiksreuxngkhluna/
ข้อมูล บรรณานุกรม
หมายเหตุ: Soraya S. (2565). การเขียนบรรณานุกรม รูปแบบ APA 7th. สืบค้น17กันยายน 2565,
จาก
https://www.nupress.grad.nu.ac.th/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8
%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%B2%E0%B8%
99%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A1/
28
รายชื่อสมาชิก
ชั้น ม.5/8
นาย พีรพัฒน์ โชติมณี เลขที่ 3 หน้าที่
นางสาว ภัทรนิษฐ์ หอมศักดิ์มงคล รวบรวมข้อมูล วิชา ฟิสิกส์
นางสาว ภิชญาดา พันธชัย
นางสาว ธวัลรัตน์ สุริยะ เลขที่ 12 หน้าที่
นางสาว กัลยกร แสงพราว ออกแบบหน้าปก
ออกแบบสไลด์
เลขที่ 20 หน้าที่
รวบรวมข้อมูล
วิชา ชีววิทยา
เลขที่ 30 หน้าที่
รวมรวมข้อมูล
วิชา เคมี
เลขที่ 35 หน้าที่
ออกแบบสไลด์
เขียนคำนำ
บรรนาณุกรม
29
ภาคผนวก