แหล่งเรียนรู้มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมลำตัดและเพลงพื้นบ้านภาคกลาง พ่อหวังเต๊ะ - แม่ศรีนวล
นิทรรศการบ้านลำตัดคณะหวังเต๊ะ ๓ ศิลปินแห่งชาติ
คู่มือการเรียนรู้
ลำตัด
และเพลงพื้นบ้านภาคกลาง
แหล่งเรียนรู้มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมลำตัดและเพลงพื้นบ้านภาคกลาง พ่อหวังเต๊ะ - แม่ศรีนวล
นิทรรศการบ้านลำตัดคณะหวังเต๊ะ ๓ ศิลปินแห่งชาติ
คู่มือการเรียนรู้
ลำตัด
และเพลงพื้นบ้านภาคกลาง
คู่มือการเรียนรู้ลำตัดและเพลงพื้นบ้านภาคกลาง
___________________________________________________________________________
© แหล่งเรียนรู้มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมลำตัดและเพลงพื้นบ้านภาคกลาง พ่อหวังเต๊ะ-แม่ศรีนวล
ตำบลลำลูกบัว อำเภอดอนตูม จังหวัดนครปฐม
ที่ปรึกษา นางศรีนวล ขำอาจ
คณะผู้จัดทำ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อภิลักษณ์ เกษมผลกูล
ศิลปกรรม
นายอธิชนัน สิงหตระกูล
นางสาวนิรามัย นิมา
นายกิตตินันท์ พลอยสระศรี
นายบัณฑิตย์ แตงอ่อน
นายอธิชนัน สิงหตระกูล
เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อประโยชน์สำหรับการศึกษา
ห้ามจำหน่าย
คำนำ
คู่มือการอบรมลำตัดและเพลงพื้นบ้านภาคกลางนี้จัดทำขึ้นเพื่อใช้ประกอบกิจกรรมอบรม ศิลปะ
การแสดงลำตัดและเพลงพื้นบ้านภาคกลาง เพื่อถ่ายทอดมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของแหล่งเรียนรู้
มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมลำตัดและเพลงพื้นบ้านภาคกลาง พ่อหวังเต๊ะ - แม่ศรีนวล สู่ผู้สนใจ
เนื้อหาประกอบด้วยประวัติครูเพลงลำตัดคณะหวังเต๊ะ ประวัติคณะลำตัดหวังเต๊ะ ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับ
ลำตัด เพลงลำตัด เพลงพื้นบ้าน ลักษณะและตัวอย่างการแต่งเพลงลำตัด และท่ารำแบบลำตัด
ซึ่งผู้รวบรวมและเรียงได้ชำระปรับปรุงเนื้อหาให้ครบถ้วน เหมาะสมสำหรับเป็นประโยชน์ในการเรียนรู้
และต่อยอดจากคู่มือการอบรมของแหล่งเรียนรู้ ฯ ที่เคยจัดทำไว้แล้วก่อนหน้านี้
ในโอกาสนี้ขอขอบพระคุณครูเพลงพื้นบ้าน แม่ศรีนวล ขำอาจ คณะวิทยากร และหน่วยงานผู้
ส่งเสริมวัฒนธรรมศิลปะการแสดงลำตัด ที่อุทิศสรรพกำลังเพื่อสืบทอดภูมิปัญญาด้านลำตัดให้ยังคงอยู่
ต่อไปด้วยกันอย่างไม่ย่อท้อ
คณะผู้จัดทำ
สารบัญ ๑
๔
ประวัติพ่อหวังเต๊ะ (หวังดี นิมา) ๗
ประวัติแม่ศรีนวล ขำอาจ ๙
ลำตัด : ประวัติและความเป็นมา ๑๑
ประวัติคณะลำตัดหวังเต๊ะ ๑๒
ระเบียบวิธีการเล่นลำตัดคณะหวังเต๊ะ - แม่ศรีนวล ๒๓
คู่มือลำตัดคณะพ่อหวังเต๊ะ-แม่ศรีนวล รูปแบบอินโฟกราฟิกและสื่อประสม ๒๔
กลอนเพลงลำตัด ๒๕
๒๖
บันตนเตรมมาเตรมเต ๒๗
เพลงลอยนกน้อย (หญิง) ๒๘
เพลงลอยนกน้อย (ชาย) ๒๙
เพลงลอยป๊ะเพียว (หญิง) ๓๐
เพลงลอยทุงเล (ชาย) ๓๑
เพลงลอยทุงเล (หญิง) ๓๒
ลำตัดทำนองกลาง กลอนไลตบมือ ๓๓
ลำตัดทำนองกลาง กลอนลูตาโป๋ ๓๕
ลำตัดทำนองกระพือ กลอนเลยกากะไน ๓๗
ลำตัดทำนองกระพือ กลอนลายาซียาไซ ๓๘
ลำตัดทำนองเพราะกลอนลีช่อลำไย ๓๙
ลำตัดทำนองโศกกลอนลอนเมื่อชีวิตเรายังไม่ตาย ๔๓
ลำตัดทำนองแขก, ทำนองมอญ, ทำนองลาว ๔๔
กลอนเพลงพื้นบ้าน ๔๖
เพลงฉ่อย ๔๗
เพลงอีแซว ๔๘
เพลงเกี่ยวข้าว ๔๙
เพลงเรือ ๕๐
เพลงขอทาน ๕๑
เพลงพวงมาลัย ๕๒
เพลงลำพาข้าวสาร ๕๓
เพลงโนเน ๕๕
เพลงปรบไก่
ลักษณะคำประพันธ์และตัวอย่างการแต่งกลอนลำตัด
ท่ารำแบบลำตัด
๑
พ่อหวังเต๊ะ (หวังดี นิมา)*
ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงพื้นบ้าน) พุทธศักราช ๒๕๓๑
ประวัติ
นายหวังดี นิมา หรือเป็นที่รู้จักกันดีในนาม “หวังเต๊ะ” เกิดเมื่อเดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๔๖๘ ที่จังหวัด
ปทุมธานี พ่อหวังเต๊ะเป็นศิลปินผู้มีความสามารถเป็นเลิศด้านศิลปะเพลงพื้นบ้าน มีความชำนาญเป็นพิเศษในการ
แสดงลำตัด โดยตั้งคณะชื่อ “ลำตัดหวังเต๊ะ” รับงานแสดงเป็นอาชีพมาจนถึงปัจจุบัน จนชื่อหวังเต๊ะแทบจะกลาย
เป็นสัญลักษณ์ของลำตัดแม้ว่าจะชำนาญในเพลงพื้นบ้านแบบอื่นๆ ด้วย กล่าวได้ว่าพ่อหวังเต๊ะเป็นศิลปินผู้สร้างสรรค์
และสืบทอดศิลปะการแสดงพื้นบ้านให้ยืนยงอยู่ได้อย่างน่าภาคภูมิยิ่ง พ่อหวังเต๊ะเป็นศิลปินที่มีความสามารถรอบตัว
มีความเป็นเลิศทั้งด้านปฏิภาณและความคิดในการแสดงเพลงพื้นบ้าน สามารถด้นกลอนสดและแต่งคำร้องได้อย่าง
คมคาย เหมาะสมกับลีลาและสถานการณ์ สร้างความบันเทิงเริงรมย์แก่ผู้ฟังผู้ชมตลอดเวลาอย่างยากจะหาใครเทียบ
ได้ทั้งในอดีตและปัจจุบัน พ่อหวังเต๊ะได้แสดงให้มหาชนประจักษ์ถึงอัจฉริยภาพในการใช้ภาษาและการแสดงได้อย่าง
เชี่ยวชาญ สมกับสุนทรียลักษณ์ของภาษาไทยที่มีมาแต่โบราณกาล และยังเป็นศิลปินผู้มีคุณธรรมได้ใช้ศิลปะการ
แสดงเป็นสัมมาชีพอย่างซื่อสัตย์ตลอดมา ทั้งได้ถ่ายทอดศิลปะวิชาให้แก่ทั้งบุคคลในคณะและสถาบันต่างๆ อย่าง
สม่ำเสมอ นับได้ว่าพ่อหวังเต๊ะเป็นศิลปินที่ได้บำเพ็ญประโยชน์ทั้งด้านสร้างสรรค์และอนุรักษ์ศิลปะ อันเป็นสมบัติทาง
วัฒนธรรมไทยมาตลอดระยะเวลายาวนาน
นายหวังดี นิมา หรือหวังเต๊ะ จึงได้รับการประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง
(เพลงพื้นบ้าน) พุทธศักราช ๒๕๓๑
พ่อหวังเต๊ะเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับ มะเร็งปอด และโรคหัวใจ เมื่อวันอังคารที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๕ เวลา
๐๓.๑๓ น. ณ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ สิริอายุรวม ๘๗ ปี
_________________________
* กรมส่งเสริมวัฒนธรรม. ๒๕๕๕. นายหวังดี นิมา (หวังเต๊ะ) ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงพื้นบ้าน) พุทธศักราช
๒๕๓๑ . (ออนไลน์) . แหล่งที่มา : http:// www1.culture. go. th/ subculture3/ images/ M_images/vt4.pdf. เข้าถึงวันที่ ๒๙
กันยายน ๒๕๖๐.
๒
คำประกาศเกียรติคุณ
นายหวังดี นิมา หรือเป็นที่รู้จักกันดีในนามหวังเต๊ะ เกิดเมื่อเดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๔๖๘ ที่จังหวัดปทุมธานี
หวังเต๊ะเป็นศิลปินผู้มีความสามารถเป็นเลิศด้านศิลปะเพลงพื้นบ้าน มีความชำนาญเป็นพิเศษในการแสดงลำตัดโดย
ตั้งคณะชื่อลำตัดหวังเต๊ะรับงานแสดงเป็นอาชีพมาจนถึงปัจจุบันกว่า ๔๐ ปีจนชื่อหวังเต๊ะแทบจะกลายเป็นสัญลักษณ์
ของลำตัดแม้ว่าจะชำนาญในเพลงพื้นบ้านแบบอื่นๆ ด้วย กล่าวได้ว่า หวังเต๊ะเป็นศิลปินผู้สร้างสรรค์และสืบทอด
ศิลปะการแสดงพื้นบ้านให้ยืนยงอยู่ได้อย่างน่าภาคภูมิยิ่ง หวังเต๊ะเป็นศิลปินที่มีความสามารถรอบตัว มีความเป็นเลิศ
ทั้งด้านปฏิภาณและความคิดในการแสดงเพลงพื้นบ้าน สามารถด้นกลอนสดและแต่งคำร้องได้อย่างคมคายเหมาะสม
กับลีลาและสถานการณ์ สร้างความบันเทิงเริงรมย์แก่ผู้ฟังผู้ชมตลอดเวลาอย่างยากจะหาใครเทียบได้ทั้งในอดีตและ
ปัจจุบัน หวังเต๊ะ ได้แสดงให้มหาชนประจักษ์ถึงอัจฉริยภาพในการใช้ภาษาและการแสดงได้อย่างเชี่ยวชาญสมกับ
สุนทรียลักษณ์ของภาษาไทยที่มีมาแต่โบราณกาล หวังเต๊ะเป็นศิลปินผู้มีคุณธรรม ได้ใช้ศิลปะการแสดงเป็นสัมมาชีพ
อย่างซื่อสัตย์ตลอดมา ทั้งได้ถ่ายทอดศิลปะวิชาให้แก่ทั้งบุคคลในคณะและสถาบันต่างๆ อย่างสม่ำเสมอนับว่าหวังเต๊ะ
เป็นศิลปินที่ได้บำเพ็ญประโยชน์ทั้งด้านสร้างสรรค์และอนุรักษ์ศิลปะอันเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมไทยมาตลอดระยะ
เวลายาวนาน
นายหวังดี นิมา หรือหวังเต๊ะ สมควรได้รับการประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการ
แสดง (เพลงพื้นบ้าน) ประจำปี พุทธศักราช ๒๕๓๑
๓
๔
แม่ศรีนวล ขำอาจ
ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงพื้นบ้าน-ลำตัด) พุทธศักราช ๒๕๖๒
ประวัติ
นางศรีนวล ขำอาจ เริ่มฝึกหัดการแสดงพื้นบ้าน ประเภทลำตัด ตั้งแต่อายุ ๑๕ ปี ในปี พ.ศ. ๒๕๐๕
โดยมี ครูเต๊ะ นิมาผู้เป็นบิดาของนายหวังดี นิมา หรือหวังเต๊ะ เป็นครูคนแรก นอกจากนี้ แม่ศรีนวลยัง
ได้ศึกษาการแต่งบทลำตัดแบบโบราณจากแม่ตะลุ่ม แม่เพลงลำตัดอาวุโสอีกท่านหนึ่ง อีกทั้งยังได้ศึกษา
แบบแผนการแสดงจากศิลปินเพลงพื้นบ้านรุ่นเก่าด้วยตนเอง อาทิ แม่ทองอยู่ รักษาพล แม่ทองหล่อ
ทำเลทอง ตาพรหม ตาผ่าน เป็นต้น ตลอดจนได้ฝึกหัดแต่งบทลำตัดตามคำแนะนำของนายหวังดี
(หวังเต๊ะ) ผู้เป็นหัวหน้าคณะ
นอกจากลำตัดซึ่งเป็นเพลงพื้นบ้านที่แม่ศรีนวลมีความชำนาญเป็นพิเศษแล้ว แม่ศรีนวลยังสนใจศึกษา
ศิลปะการแสดงเพลงพื้นบ้านประเภทอื่น ๆ จากพ่อเพลงแม่เพลงหลายท่าน อันได้แก่ ฝึกหัดเพลงอีแซว
และเพลงฉ่อยจากแม่บัวผัน จันทร์ศรี (ศิลปินแห่งชาติ) และแม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ (ศิลปินแห่งชาติ)
เพลงปรบไก่และเพลงโนเนจาก อาจารย์นาฏยา สุวรรณทรัพย์ อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลย
อลงกรณ์ รวมถึงเพลงขอทาน เพลงเกี่ยวข้าว และเพลงพวงมาลัยของจังหวัดปทุมธานีจาก พ่อหวังเต๊ะ
(หวังดี) นิมา (ศิลปินแห่งชาติ) ยิ่งไปว่านั้น แม่ศรีนวลยังได้ศึกษาศิลปะการรำตามแบบนาฏศิลป์ไทย
มาตรฐานจาก คุณครูทองเริ่ม มงคลนัฏ ครูนาฏศิลป์ผู้เชี่ยวชาญด้านการแสดงโขนของกรมศิลปากร
และศิลปะการรำแบบพื้นบ้านจาก คณะลิเกศิลป์พร อีกด้วย
แม่ศรีนวล เริ่มเข้าสู่วงการเพลงพื้นบ้านลำตัดภายหลังจากสำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔
ซึ่งเป็นการศึกษาภาคบังคับ โดยหลังจากศึกษาและฝึกซ้อมการร้องลำตัดจากครูเต๊ะ นิมา ได้เพียง ๓
เดือน แม่ศรีนวลก็สามารถออกแสดงเป็นครั้งแรกในคณะลำตัดของคณะบุญช่วยในปี พ.ศ. ๒๕๐๕ ซึ่ง
ขณะนั้นแม่ศรีนวลมีอายุเพียง ๑๕ ปี
๕
นานวันเข้าความสามารถของนางศรีนวลในฐานะ “แม่เพลงลำตัด” ยิ่งปรากฏออกมาอย่างเด่นชัด
ส่งผลให้แม่ทองเลื่อน ครูลำตัดอาวุโสซึ่งเป็นที่เคารพของคนในวงการเพลงพื้นบ้าน ได้สนับสนุนให้
แม่ศรีนวลเข้าร่วมกับคณะลำตัดของพ่อหวังเต๊ะ นิมา และแม่ประยูร ยมเยี่ยม เพื่อให้เป็นนักแสดงหลัก
อีกคนหนึ่งของคณะในเวลาต่อมา ทั้งนี้แม่ศรีนวลได้แสดงประจำคณะลำตัดของนายหวังดี (หวังเต๊ะ)
นิมา มาจนถึงปัจจุบัน และยังคงเป็นหัวหน้ารับงานแสดงสืบต่อมา
นางศรีนาล ขำอาจ ได้รับการประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขา ศิลปะการแสดง
(เพลงพื้นบ้าน-ลำตัด) พุทธศักราช ๒๕๖๒
๖
คำประกาศเกียรติคุณ
นางศรีนวล ขำอาจ เกิดเมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๐ ที่เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร ปัจจุบันอายุ ๗๓
ปี มีความสนใจใฝ่รู้ในศิลปะการแสดงพื้นบ้านมาตั้งแต่วัยเยาว์ โดยสามารถจดจำคำร้อง ท่ารำ และ ฝึกฝนด้วยตนเอง
หลังจบการศึกษาระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนวัดกลางทอง (วัดปุรณาวาส) เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร เมื่ออายุได้
๑๕ ปี จึงได้เริ่มฝึกหัดการแสดงพื้นบ้าน (ลำตัด) จากครูเต๊ะ นิมา ซึ่งเป็นบิดาของ นายหวังดี นิมา (หวังเต๊ะ) ต่อมาได้
เรียนรู้การขับร้องเพลงพื้นบ้านเพิ่มเติมจากครูเพลงอีกหลายท่าน อาทิ แม่ทองอยู่ รักษาพล แม่ทองหล่อ ทำเลทอง
พ่อพรหม เอี่ยมเจ้า แม่บัวผัน จันทร์ศรี แม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ (นางเกลียว เสร็จกิจ) และ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๐ ได้รับ
ปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ากมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์ นางศรีนวล
ขำอาจ ออกแสดงลำตัดเป็นครั้งแรกกับคณะบุญช่วย และด้วยความเป็นผู้มีปฏิภาณไหวพริบ และลีลาการร้องการรำ
อันสวยงาม จึงทำให้แม่ทองเลื่อน คุณพันธ์ ครูลำตัดอาวุโสสนับสนุนให้เข้าร่วมในคณะลำตัดของหวังเต๊ะนับแต่นั้น
เป็นต้นมา รับบทนางเอก ทำหน้าที่แม่เพลงร้องนำ ด้วยความรักในงานแสดงจึงพยายามศึกษาเพิ่มเติมจากครูเพลง
รุ่นเก่าที่มีชื่อเสียง ทำให้พัฒนาฝีมือในการแสดงมากขึ้น รวมถึงได้รับคำแนะนำเทคนิคต่าง ๆ ในการแสดงลำตัดจาก
นายหวังดี นิมา (หวังเต๊ะ) หัวหน้าคณะซึ่งเป็นทั้งครูและคู่ชีวิต ในช่วงเวลาเกือบ ๖ ทศวรรษ นางศรีนวลได้
สร้างสรรค์ผลงานการแสดงพื้นบ้าน (ลำตัด) มาอย่างต่อเนื่อง มีความสามารถด้านการขับร้องด้นสดการประพันธ์
บทร้องลำตัด สร้างสรรค์ท่ารำประกอบการแสดงลำตัด จนเป็นมาตรฐานให้กับศิลปินลำตัดทั่วไป เผยแพร่ การแสดง
ผ่านสื่อสมัยใหม่ทุกรูปแบบสู่สังคม รักษากฎเกณฑ์การใช้ภาษาที่สุภาพ และปรับวิธีการแสดงให้เหมาะสมกับ
กาลเทศะ เป็น ผู้สร้างศิลปินลำตัดรุ่นใหม่และถ่ายทอดความรู้แก่เยาวชนอย่างต่อเนื่องจนได้รับรางวัลต่าง ๆ
มากมายทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ จึงนับได้ว่าเป็นศิลปินเพลงพื้นบ้านชั้นนำที่สามารถอนุรักษ์สืบสาน ศิลปะ
และ วัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของชาติ ผ่านบทร้องรำที่ไพเราะ มีอารมณ์ขัน เป็นผู้ใฝ่รู้ พัฒนาตนเองอยู่เสมอ นำ
ความรู้ในโลกปัจจุบัน ปรับประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัย เข้าถึงคนทุกกลุ่ม เพื่อปลุกจิตสำนึกและภาคภูมิใจใน ศิลปะ
การแสดงพื้นบ้าน (ลำตัด) ผ่านการแสดง การส่งเสริม การฝึกอบรม โดยเปิดบ้านพักให้เป็น “แหล่งเรียนรู้เพลงพื้น
บ้านภาคกลาง พ่อหวังเต๊ะ แม่ศรีนวล” ถ่ายทอดแก่เยาวชน และประชาชน ผู้สนใจโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ
นอกจากนี้ยังเป็นผู้ที่ให้ความร่วมมือสนับสนุนหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างเต็มความรู้ ความสามารถ และ
เป็นวิทยากรบรรยายพิเศษให้กับสถาบันทางการศึกษาหลายแห่ง ตลอดจนให้การช่วยเหลือ งานสาธารณกุศลต่าง ๆ
อย่างสม่ำเสมอ นางศรีนวล ขำอาจ จึงสมควรได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง
(เพลงพื้นบ้าน - ลำตัด) พุทธศักราช ๒๕๖๒
๗
ลำตัด : ประวัติและความเป็นมา
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อภิลักษณ์ เกษมผลกูล* เรียบเรียง
ลำตัดเป็นการแสดงพื้นบ้านของภาคกลาง จัดเป็นการแสดงบนเวทีที่มีขึ้นในเทศกาลเพื่อความรื่นเริง
และได้รับความนิยมมาก การเล่นลำตัดนั้นมีทั้งการร้องด้วยทำนองต่าง ๆ กันเปลี่ยนแปลงไปตามเนื้อ
ร้องที่ปรากฏ และการรำประกอบด้วยลีลาต่าง ๆ ในเรื่องความหมายของลำตัดนั้น มีผู้รู้ทางด้านศิลป
วัฒนธรรมได้ให้ความหมายไว้อย่างน่าสนใจ ดังจะ ยกตัวอย่างมาดังต่อไปนี้
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานได้ให้ความหมายของคำว่า “ลำตัด” ไว้ว่า หมายถึง “การละเล่น
ที่เป็นทำนองร้องต่อกันคนละวรรคหรือคนละหน” เด่นดวง พุ่มศิริ ได้กล่าวถึงความหมายของลำตัดไว้ว่า
“ลำ คือ เนื้อร้องในใจความต่าง ๆ กัน เช่น ลำไหว้ครู ลำเกี้ยว ลำสาด ลำว่า ลำด่า ลำลอย เป็นต้น
ส่วนคำว่า ตัด หมายถึง ว่าตัดเข้าทำนองเพลงต่าง ๆ ของแขกของไทย ของเพลงมโหรี ปี่พาทย์ ในตอน
ที่ไพเราะเหมาะสมที่จะร้องเข้าจังหวะรำมะนำได้ครึกครื้น กระฉับกระเฉง นอกจากนี้ก็ไปตัดหรือเลียน
แบบการแสดงอื่น ๆ อย่างโน้นนิดนี้หน่อย เช่น โขน ละคร งิ้ว สวดคฤหัสถ์ และทำนองเพลงพื้นบ้า
นอื่นๆ เช่น เพลงฉ่อย เพลงเกี่ยวข้าว เพลง อีแซว ...”
นอกจากนี้ยังมีผู้ให้ความหมายของคำว่า ลำตัด ไว้อีกว่า “ลำ คือ เพลง ตัด คือ แยก ฉะนั้น ลำตัด
จึงเป็นการนำเพลงประเภทต่าง ๆ เป็นบางตอนจากบทเพลงมาร้องต่อกัน ว่ากันไปเรื่อย ๆ เช่น ว่าเพลง
อีแซวต่อด้วยเพลงฉ่อยอะไรทำนองนี้ เพลงลำตัดจึงตัดสมชื่อจริง”
มนตรี ตราโมท ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ทางด้านการดนตรี และการแสดงในด้านต่าง ๆ ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่
ได้พยายามค้นหาที่มาของคำว่า ลำตัด ว่าใครเป็นผู้ตั้งชื่อของการละเล่นชนิดนี้ และการตั้งชื่อเช่นนี้มา
จากอะไร ซึ่งก็ไม่ได้รับคำตอบเป็นที่พอใจหรือได้รับความสว่างขึ้นอย่างไรเลย แต่เมื่อมาพิจารณาดูการ
เล่นลิเกบันตน ซึ่งเป็นการเล่นของมลายู จะพบว่ามีการเล่นที่คล้ายกับลำตัดของไทย คือ ตอนที่เรียกว่า
ละกูเยา ซึ่งมีลักษณะ เป็นกลอนด้นและมีลูกคู่รับเมื่อจบบทหนึ่ง ๆ ส่วนชื่อลำตัดนั้นถ้าพิจารณาตามชื่อ
น่าจะสันนิษฐานได้ว่า “เป็นเพราะลำที่ร้องนั้นตัดทอนจากเพลงต่าง ๆ ที่ใช้ร้องส่งกันทั่วไป”
นอกจากข้อสันนิษฐานดังกล่าวแล้ว มนตรี ตราโมท ยังได้ให้ข้อสังเกตเพิ่มเติมไว้ว่า คำว่า เพลง กับ
ลำ นี้ไม่เหมือนกัน หากจะว่ากันตามข้อสันนิษฐานข้างต้นก็ควรจะเรียกว่า “เพลงตัด” ไม่ใช่ “ลำตัด”
และหาก จะใช้คำว่า “ลำ” ก็ควรใช้กิริยาว่า “ขับ” แต่เมื่อใช้กิริยาว่า “ร้อง” ก็ควรใช้คำว่า “เพลง”
____________________
* อาจารย์ประจำ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรม, หน้า ๗๑๐.
เด่นดวง พุ่มศิริ, การศึกษาและวิจัยวัฒนธรรมพื้นบ้านในแนวศิลปกรรม, หน้า ๑๔๔.
ปฏิญญา ๒, ๑๕ (๑๔ ธันวาคม ๒๕ ๒๒): ๔๐. ๔ มนตรี ตราโมท, การละเล่นของไทย, หน้า ๙๒. ๕ เรื่องเดิม, หน้า ๙๓.
๘
เมื่อ “ขับ” เป็นกิริยาที่ทำให้เกิดเสียงออกมาเป็น “ลำ” และ “ร้อง” เป็นกิริยาที่ทำให้เกิดเสียงออกมา
เป็น “เพลง” ต่อจากนั้นก็ต้องมาวินิจฉัยคำว่า “ลำ” กับ “เพลง” นั้นว่าต่างกันอย่างไร ตามหลักวิชาคีตศิลป์
นั้น สิ่งที่ประกอบขึ้นด้วยเสียงให้เกิดความไพเราะหรือแสดงความรู้สึกนั้น ๆ ได้แก่ ลำนำ ทำนอง และจังหวะ
“ลำนำ” หมายถึง ความสั้นยาว เบา แรง ของเสียง เรียกว่า “ทำนอง” หมายถึง เสียงสูงๆ ต่ำ ๆ สลับกัน
ไป เรียกว่า Melody และ “จังหวะ” หมายถึง ส่วนแบ่งย่อยที่เป็นระยะสม่ำเสมอ เรียกว่า Timing หรือ
มาตรา
ทั้ง “ลำ” และ “เพลง” ย่อมมีส่วนประกอบทั้ง ๓ ส่วนนี้ประกอบอยู่ทั้งสิ้น ผิดกันแต่ว่า “ลำ” นั้น ยึด
ลำนำมากกว่า ทำนอง ใช้เสียงสูงต่ำไปตามส่วนของถ้อยคำและจังหวะไม่ค่อยจะแน่นอน เช่น แอ่วและเสภา
เป็นต้น สำหรับ “เพลง” ยึดทำนองอย่างเคร่งครัดมากกว่าลำนำ เสียงสูงต่ำที่ประดิษฐ์แต่งไว้อย่างไรดำเนิน
ไปอย่างนั้น แม้เสียงของถ้อยคำจะขัดกับทำนองก็ต้องพยายามอนุโลมถ้อยคำนั้นให้หวนมาเข้าทำนองให้ได้
และจังหวะต้องสม่ำเสมอแน่นอน เช่น เพลงร้องต่าง ๆ ที่ร้องส่งเข้ากับดนตรี เป็นต้น
ถึงแม้ว่าหลักวิชาจะเป็นดังกล่าวข้างต้นก็จริง แต่ความหมายอันเกิดจากการเคยชินของคำพูดก็อาจ
เปลี่ยนแปลงไปและยังต้องติดแน่นอยู่ในความรู้สึกของคนเราได้ เช่น คำว่า ดนตรี ซึ่งมีความหมายเพียงเครื่อง
ที่ มีสาย หรือวงบรรเลงที่มีเครื่องสาย (ดีด สี) เป็นประธาน ส่วนดุริยะ หมายถึง เครื่องปี่พาทย์ ซึ่งมีเครื่องตี
เป่า เป็นประธาน แต่ความรู้สึกที่เราพูดกันจนมีความหมายฝังตัวแน่นด้วยความเคยชินนั้น ไม่ว่าดุริยะหรือ
ดนตรีก็ หมายถึงเครื่องบรรเลงได้ทั่วไป ไม่ว่าชนิดไหน แม้ลำ กับ เพลง ก็เช่นเดียวกัน คือ ใช้พูดโดยมีความ
หมายถึงสิ่ง เดียวกันมาแต่โบราณแล้ว เช่น เพลงร้อง ในการเล่นสักวา ก็เรียก ลำ ซึ่งมี ลำพระทอง ลำแขกล
พบุรี และลำลา เป็นต้น เพลงที่นักสวดคฤหัสถ์ร้องก็เรียกกันว่า ลำสวด ละครพูดที่แทรกเพลงร้อง ก็เรียกว่า
ละครพูดสลับลำ
ดังนั้น คำว่า ลำ ที่ประกอบเป็นชื่อเรียกการละเล่นชนิดนี้ว่า ลำตัด นั้นอาจจะหมายถึง การร้องเพลงตัด
ก็ได้ แต่เมื่อพิจารณาดูแล้วลำตัดนี้ก็มีส่วนเป็นลำอยู่ด้วย คือ ตอนที่ต้นเสียงและคอสองร้องเป็นใจความนั้นยึด
ลำนำ (Rythum) มากกว่าทำนอง (Melody) ซึ่งเป็นลักษณะของลำ ส่วนตอนท้ายที่ลูกคู่รับนั้นจะเป็น
ลักษณะของเพลงทำนองที่นำมาให้ลูกคู่รับโดยมากจะตัดมาจากเพลงร้องหรือเพลงดนตรีอีกชั้นหนึ่ง โดยเลือก
เอาแต่ตอนที่ ๑ เหมาะสำหรับการร้องมาเท่านั้น เพราะฉะนั้นถ้าจะเรียกการละเล่นชนิดนี้ให้ถูกต้องตาม
ลักษณะที่เป็นอยู่ จะต้องใช้ชื่อเรียกอย่างยืดยาวดังที่ มนตรี ตราโมท เรียกว่า “ขับลำนำด้วยร้องเพลงตัด” ซึ่ง
แทนที่จะเป็นชื่อเรียกก็จะกลายเป็นคำอธิบายไป จึงเห็นได้ว่า ผู้ที่เริ่มการแสดงชนิดนี้ขึ้นพร้อมทั้งตั้งชื่อว่า ลิเก
ลำตัด (เพราะมาจากดิเกร์) และต่อมาก็ถูกตัดลงไปโดยความกร่อนของภาษาเหลือเพียงคำว่า ลำตัด จึงเป็น
การตั้งชื่อที่เหมาะสม เรียกง่าย และมีความหมายตรงกับการแสดงมากที่สุด
ดังนั้น จึงพอสรุปได้ว่า ลำตัด หมายถึง การแสดงที่เป็นทำนองเพลงที่ชายหญิงร้องโต้ตอบกันด้วย ถ้อยคำ
ที่เผ็ดร้อน ชวนคิด ชวนขัน มีรำมะนาเป็นดนตรีประกอบ การแสดงจะเริ่มต้นด้วยการโหมโรงรำมะนาก่อน
แล้วชายหญิงจึงจะว่ากลอนโต้ตอบกัน
๙
๑๑
ระเบียบวิธีการเล่นลำตัดคณะหวังเต๊ะ - แม่ศรีนวล
๑. พื้นรำมะนาโหมโรงกลอง
๒. ขึ้นหน้ากลองร้องบันตน
๓. ฝ่ายชายขึ้นยืนแรก
- ร้องเพลงลอยขึ้น
- ว่าลำออกตัว หรือ ลำอวยพร
- ว่าลำสาด
- ร้องเพลงลอยลง
๔. ฝ่ายหญิงขึ้นยืนแรก
- ร้องเพลงลอยขึ้น
- ว่าลำตัดออกตัว หรือ ลำอวยพร
- ว่าลำสาด
- ร้องเพลงลอยลง
๕. ฝ่ายชายฝ่ายหญิงขึ้นยืนสอง
- ว่าลำเกี้ยว/แก้เกี้ยว
- ว่าลำว่า/แก้
๖. สลับร้องเพลงพื้นบ้านพื้นเมือง
- เช่น เพลงฉ่อย เพลงอีแซว เพลงเกี่ยวข้าว
๗. ร้องเพลงลอยลา
๘. พื้นรำมะนาลงกลอง
จัดทำโดย นักศึกษาคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
๑๓
๑๔
สธ. จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า ฯ
2563
รับพระราชทานรางวัลศิลปิ นแห่งชาติ
สาขาศิลปะการแสดง (เพลงพื้นบ้าน-ลำตัด)
ปี พุทธศักราช 2562
๑๕
๑๖
8
8
8ศิลปิ นแห่งชาติ
สาขาศิลปะการแสดง
(เพลงพื้นบ้าน-ลำตัด) ปี 62
๑๗
การแสดงลำตัดหน้าพระที่นั่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร ฯ
และสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง
การแสดงลำตัดหน้าพระที่นั่งสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า ฯ
การแสดงเพลงเรือหน้าพระที่นั่งสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า ฯ
การแสดงลำตัดหน้าพระที่นั่ง สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ
เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี
การแสดงลำตัดหน้าพระที่นั่งสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า ฯ
การแสดงลำตัดหน้าที่นั่ง
พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นสุทธนารีนาถ
การแสดงลำตัดหน้าพระที่นั่งสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า ฯ
การแสดงลำตัดหน้าพระที่นั่งสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า ฯ
๑๘
๑๙
ข้อปฏิบัติของลำตัดคณะหวังเต๊ะ
๒๐
๒๑
๒๒
กลอนเพลงลำตัด
๒๔
ลำบันตน เตรมมาเตรมเต
(นำ) ยาดี มาซิมาว่ากัน (เอยสัญญากันไว้ว่าดี)
แม่มีก็ระสา (อ๋อแม่มาก็รศรี) (ซ้ำ)
บ้านน้องอยู่นี่ (บ้านพี่อยู่ไกล) (ซ้ำ)
จุดไต้แวม ๆ (ว่าเห็นแก้มไว ๆ)
พี่นึกจะทัก (แต่ไม่รู้จักอะไร)
มันแสนอาลัยเสียจริง ๆ เอย
(ลูกคู่) เตรมมาเตรมเต ออรังย่าเฮ ฮุดเซย่าไซ
ยืนนี้ก็เป็นยืนแรก ฉันนำลำแขกมาจ่ายแจกหญิงชาย
-------------------------------------------
ยืนนี้ก็เป็นยืนต้น ฉันนำบันตนมาปะปนเพลงไทย
-------------------------------------------
นานาจิตตัง ต่าง ๆ กันจะชอบ สุดที่จะประกอบมาให้ท่านชอบด้วยหัวใจ
-------------------------------------------
๒๕
๒๖
๒๗
๒๘
เพลงลอย ทุงเล (ชาย)
(ลูกคู่) ทุงเล ทุงเล วันนี้จะเห่พม่าใหม่ (ซ้ำ)
ตั้งแต่มาอยู่เมืองไทย มาเป็นครูใหญ่ตีกลองยาว (ซ้ำ)
สวยจริง สวยจริง แม่นวลอย่านิ่งรอช้า (ซ้ำ)
พี่ตั้งใจหมายมา มาพบหน้าแม่สาว ๆ (ซ้ำ)
-------------------------------------------
คนงาม คนงาม พี่ขอไถ่ถามทรามวัน (ซ้ำ)
หน้าเจ้างามบาดใจ ใช้แป้งอะไรถึงได้ขาว
เห็นกลางคืนแล้วตกใจ เฮ้ยแสงอะไรมันวาววาว
-------------------------------------------
โฉมตรู โฉมตรู นวลน้องมีคู่กันหรือยัง (ซ้ำ)
ถ้าหากว่าน้องไม่เกลียดชัง พี่ขอไปนั่งในใจดาว
ถ้าหากว่าน้องไม่เกลียดชัง พี่ขอยืมตังค์ได้หรือเปล่า
๒๙
เพลงลอย ทุงเล (หญิง)
(ลูกคู่) ทุงเล ทุงเล วันนี้จะเห่พม่าใหม่ (ซ้ำ)
ตั้งแต่มาอยู่เมืองไทย มาเป็นครูใหญ่ตีกลองยาว (ซ้ำ)
ปากดี ปากดี เห็นว่าพวกพี่มาเอาใจ (ซ้ำ)
แหมผู้ชายปากไว ไอ้พวกผู้ชายปากยาว (ซ้ำ)
-------------------------------------------
เก่งจริง เก่งจริง ขอเชิญพ่อวิ่งกันเข้ามา (ซ้ำ)
อย่ามานั่งลอยหน้า จะเสียเวลากันเปล่า ๆ
หากพวกแกจะเข้ามา ฉันขอยันหน้าแกเบา ๆ
-------------------------------------------
๓๐
๓๑
๓๒
๓๓
๓๔
๓๕
๓๖
๓๗
๓๘
กลอนเพลงพื้นบ้าน
๔๐
๔๑
๔๒
๔๓
๔๔