The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ดอกเข็มbyนูรีด้า

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Kasanee.kam, 2019-09-25 04:21:20

ดอกเข็มbyนูรีด้า

ดอกเข็มbyนูรีด้า

ชื่อพนั ธ์ุไม้ ต้นเข็มแดง รหสั พรรณไม้ 7-90000-005-023/37
ภาพวาดทางพฤกษศาสตร์

บริเวณทส่ี ารวจ หนา้ อาคารเรียน 2 วนั ทสี่ ารวจ 19 มิถุนายน พ.ศ.2562

ผู้สารวจ นางสาวนูรีดา้ สะหมาน ช้ัน ปวส.1/2

ผู้ร่วมสารวจ 1 นางสาวพชั นี สมสมยั ช้ัน ปวส.1/2

วทิ ยาลยั เทคโนโลยวี ชิราโปลีสงขลา

ถนน ทะเลหลวง ตาบล บอ่ ยาง

อาเภอ เมือง จังหวดั สงขลา รหสั ไปรษณยี ์ 90000

ก.7-003 (ฉบับปรับปรุง 2553)

ข้อมูลพนื้ บ้าน
(ขอ้ มูลเกี่ยวกบั การใชป้ ระโยชน์ และขอ้ มลู อ่ืน ๆ จากการสอบถามคนในทอ้ งถ่ิน)
ชื่อพ้ืนเมือง(ชื่อในทอ้ งถิ่นท่ีเก็บตวั อยา่ งพนั ธุ์ไม)้ ตน้ เขม็ แดง

การใชป้ ระโยชน์ในทอ้ งถ่ิน (ระบุส่วนที่ใชแ้ ละวธิ ีการใช)้ :
อาหาร: ดอกและใบสามารถนามาชุบแป้ งทอด

ยารักษาโรค: ผล แกโ้ รครัดสีดวง
ใบ ใชเ้ ป็นยาฆา่ พยาธิ
ดอก แกโ้ รคตาแดง,ตาแฉะ

ก่อสร้าง เครื่องเรือน เคร่ืองใช:้ ใชเ้ ป็นไมป้ ระดบั

ยาฆา่ แมลง ยาปราบศตั รูพืช: -

ความเก่ียวขอ้ งกบั ประเพณี วฒั นธรรม หรือความเช่ือทางศาสนา: คนไทยสมยั โบราณเชื่อวา่ บา้ นใดมีตน้
เขม็ แดงปลูกไวท้ ี่หนา้ บา้ น จะทาใหม้ ีความฉลาดเฉียบแหลมและดอกเขม็ จะใชป้ ระกอบในพธิ ีงานตา่ งๆ เช่น
พิธีไหวค้ รู

อ่ืน ๆ (เช่น การเป็ นพิษ อนั ตราย): -

ที่มาของขอ้ มลู : ผใู้ หข้ อ้ มลู ช่ือ นางพิกลุ มาลาออ อายุ 52 ปี
ที่อยู่ 2/6 ถ.ชายเขา ต.บอ่ ยาง อ.เมือง จ.สงขลา

วนั ท่ีบนั ทึกขอ้ มูล 30 กรกฎาคม พ.ศ.2562 สถานที่บนั ทึก วทิ ยาลยั เทคโนโลยวี ชิราโปลีสงขลา

ข้อมูลพรรณไม้
ลกั ษณะวสิ ัย (habit)

ไมต้ น้ (tree)  ไมล้ ม้ ลุก(herb) ไมเ้ ล้ือย(climber)

ไมพ้ มุ่ (shrub)

ลกั ษณะวสิ ัย: ไมพ้ ุม่ ขนาดเลก็ ถึงขนาดยอ่ ม ลาตน้ สูงประมาณ 3–5 ฟุต จะแตกกิ่งกา้ นสาขาออก
แผเ่ ป็นพุม่ ลาตน้ เป็นตน้ เดี่ยวหรือแตกกอแผส่ าขาออกไปเป็นตน้ ตน้ เล็กกลมขนาดเส้นรอบวง
ประมาณ 4-10 เซนติเมตร ลาตน้ เรียบสีน้าตาลก่ิงยอดมีสีเขียวแตกก่ิงตรงข้ึนดา้ นบน

ลกั ษณะวสิ ัยอน่ื ๆ

ไผ่ (bamboo เฟิ ร์น (fern) กลว้ ยไม้ (orchid) ปาลม์ (palm)

เรือนยอด ทรงพ่มุ (crown shape)

กลม (rounded) ทรงกระบอก (cylindric) รูปร่ม (umbellate) รูปกรวย (conical)

รูปคลา้ ยฉตั ร(Verticillate) รูปแตกไม่เป็ นระเบียบ(irregular) รูปมีก่ิงหอ้ ยยอ้ ยลงมา(irregular)
เรือนยอด รูปไข่ ความสูง 3–5 ฟุต ความกวา้ งทรงพมุ่ 4 -10 เซนติเมตร

ถิ่นอาศัย (habitat) พืชอิงอาศยั (epiphyte) กาฝาก (parasite)
 พืชบก (terrestrial)

พชื บก หมายถึง วชั พชื ท่ีเกิดบนบก แบ่งตามลกั ษณะทวั่ ไปไดเ้ ป็น 3 ชนิด คือ ไมต้ น้ (trees)
ไมพ้ มุ่ (shrubs) ไมล้ ม้ ลุกลาตน้ อ่อน (herbs) ไมต้ น้ และไมพ้ ุม่ ไมค่ ่อยพบวา่ เป็นวชั พืชที่
ร้ายแรง ท้งั น้ีเพราะก่อนดาเนินการเกษตรน้นั จาเป็ นตอ้ งปรับที่โค่นตน้ ไมใ้ หญ่ ถอนรากโคน
ทิง้ เสียก่อน

พชื น้า (aquatic) : พืชโผล่เหนือน้า (emerged plant)
พชื ใตน้ ้า (submerged plant) พืชชายน้า (marginal plant)
พืชลอยน้า (floating plant)

ลาต้น (stem)
ชนิดของลาต้น

ลาต้นใต้ดนิ (underground stem) :

เหงา้ (rhizome) หวั แบบมนั ฝร่ัง (tuber)

หวั แบบหวั หอม (bulb) หวั แบบเผือก (corm)

ลาต้นเหนือดนิ (aerial stem) :
 ต้งั ตรงเองได้
ต้งั ตรงเองไม่ได้

ลาต้นเหนือดิน : ต้งั ตรงเองได้

ใชล้ าตน้ เก่ียวพนั (twining) ใชม้ ือเกาะ (tendril)

ใชต้ ะขอ (hook) หรือหนามยดึ เกาะ ใชร้ ากยดึ เกาะ (climbing root)
ทอดนอนตามพนื้ ดนิ

ทอดนอน(procumbent) ทอดชูยอด(decumbent) เกาะเล้ือย(creeping)

เปลอื กลาต้น ขรุขระ แตกเป็นสะเก็ด แตกเป็ นเส้น
สี น้าตาล อื่น ๆ ............................ สีอ่ืน ๆ ........................
ลกั ษณะ : เรียบ

 เรียบ
มีหนาม

ยาง
 ไม่มี
มี

สีขาวใส สีขาวขนุ่

เปลอื กมสี ีนา้ ตาลเข้ม กิ่งยอดมีสีเขียว

ใบ (leaf)
ชนิดของใบ

 ใบเด่ยี ว (simple leaf) ใบประกอบ (compound leaf) แบบนิว้ มือ (palmate)

ขนนกช้ันเดียว (pinnate) ขนนกสองช้ัน (bipinnate) ขนนกสามช้ัน (tripinnate)

ขนนกปลายค่ี (odd-pinnate) ขนนกปลายคู่ (even-pinnate)

ใบ : ชนิดของใบคือใบเด่ียวมีสีเขียว และเปราะง่าย ขนาดแผ่นใบ กวา้ ง 6 ซ.ม. ยาว 11 ซม.

การเรียงตัวของใบบนกงิ่ (phyllotaxy)

สลบั (alternate) สลบั ระนาบเดียว (distichous) กระจุก (fascicled)

ตรงขา้ ม (opposite)  ตรงขา้ มสลบั ต้งั ฉาก(decussate) เป็นวงรอบ (whorled)

คลา้ ยแบบจุก (Clusterd) กุหลาบซอ้ น (rosette)

การเรียงตวั ของใบบนก่ิง : ตรงขา้ มสลบั ต้งั ฉาก การเรียงใบสองใบที่สลบั กนั ออกจากขอ้ ลาตน้
หรือกิ่ง

ใบเปลย่ี นแปลงไปทาหน้าทพ่ี เิ ศษ (Modified Leaf)

ใบมือเกาะ(leaf tendrils) ใบหนาม(spinose leaf) ใบกินแมลง(insectivorous leaf)

ใบสะสมอาหาร(storage leaf) ใบขยายพนั ธ์ (reproductive leaf)

การเรียงเส้นใบแยกสองแฉก (Dichotomous Venation)

การเรียงเส้นใบแบขนาน (Paralle Venation)

การเรียงเส้นใบแบบขนานรูปฝ่ ามือ เส้นใบขนานแบบขนนก
(palmatelyparalled venation) (pinnately parallel venation)
 เส้นใบร่างแห (Netted หรือ Reticulated Venation)

เส้นใบร่างแหแบบฝ่ ามือ เส้นใบร่างแหแบบขนนก
(palmately netted venation  ( pinnately netted venation)

เส้นใบร่างแห : เส้นใบร่างแหแบบขนนก

รูปร่างแผ่นใบ (leaf shape)

รูปเขม็ (acicular, needle shaped) รูปแถบ (linear) รูปขอบขนาน (oblong) รูปรี (elliptic)

รูปใบหอก (lanceolate) รูปใบหอกกลบั (oblanceolate) รูปไข่ (ovate) รูปไขก่ ลบั (obovate)

รูปหวั ใจ (cordate) รูปหวั ใจกลบั (obcordate) รูปสามเหลี่ยม (deltoid) รูปคลา้ ยสามเหลี่ยม (obdeltoid)

รูปลิ่ม (cuneate) รูปคลา้ ยสี่เหล่ียมขา้ วหลามตดั (rhomboid) รูปไต (reniform) รูปโล่ (peltate)

รูปวงกลม (orbicular) รูปชอ้ น (spathulate, spatulate) รูปเง่ียงใบหอก (hastate) รูปหวั ลูกศร (sagittate)

รูปจนั ทร์เส้ียว (lunate) รูปไวโอลิน (pandurate) รูปพดั (flabellate) รูปพดั (fan-
shaped)

รูปลิ่มแคบ (subulate) รูปแฉกแบบนิ้วมือ (palmalifid) รูปแฉกลึกแบบนิ้วมือ (palmatisect)

รูปหยกั แบบขนนก(pinnatifid) รูปหยกั ลึกสุดแบบขนนก (pinnatisect)

รูปร่างแผ่นใบ : รูปรี แผน่ ใบรูปคลา้ ยวงรี ซ่ึงมีส่วนตรงกลางของแผน่ ใบท่ีออกกลมๆและฐาน
ดา้ นล่างกบั ปลายค่อยๆเรียวไปหรือกิ่ง

รูปร่างปลายใบ (Leaf Apex)



เรียวแหลม (acuminate) แหลม (acute) ต่ิงแหลม (apiculate) แหลมเขม็ (aristate)

ยาวคลา้ ยหาง (caudate) มว้ น (cirrhose) เวา้ ลึก (cleft) ติ่งแหลมยาว (cuspidate)

เวา้ ต้ืน (emarginate) ติ่งหนาม (mucronate) ติ่งหนามส้ัน (mucronulate) ป้ าน, มน (obtuse)

เวา้ บุ๋ม (retuse) กลม (rounded) หนาม (spinose) ตดั (truncate)

ปลายแหวง่ (praemorse) ปลายแหลมแขง็ (pungent)

รูปร่างปลายใบ : ปลายใบแหลมหรือมน ปลายใบสอบเขา้ หากนั แลว้ ยนื ยาวออกไปเลก็ นอ้ ย

รูปร่างฐานใบ (LeafBase)
รูปลิ่ม (cuneate) รูปหุม้ ลาตน้ (amplexicaul) รูปสอบเรียว (attenuate) รูปติ่งหู (auriculate)

รูปฐานคู่เชื่อมรอบขอ้ รูปหวั ใจ (cordate) รูปครีบ (decurrent) รูปเงี่ยงใบหอก (hastate)
(connate perfoliate)



รูปลิ้น (ligulate) รูปเฉียง, เบ้ียว (oblique) รูปป้ าน, มน (obtuse) รูปโล่ (peltate)

รูปกลม (rounded) รูปหวั ลูกศร (sagittate) รูปตดั (truncate)
รูปร่างฐานใบ : รูปป้ าน , มน : ฐานใบโคง้ แคบ

ขอบใบ (Leaf Margin)



ขอบเรียบ (entire) หนามแหลม (aculeate, spinose) ขนครุย (ciliate) หยกั มน (crenate)

หยกั มนถ่ี (crenulate) หยกั ซ่ีฟัน (dentate) หยกั ซี่ฟันถ่ี (denticulate) จกั ฟันเลื่อย (serrate)

จกั ฟันเล่ือยถี่ (serrulate)จกั ฟันเลื่อยซอ้ น (double serrate) หยกั ไม่เป็นระเบียบ (erose) ขอบใบมว้ นลง (revolute)

คลื่น (undulate) พู (lobed) ยบั ยน่ (crispate) รูปฝ่ ามือ (palmate)

ขอบใบ : ขอบเรียบ เป็ นเส้นเดี่ยวกนั ตลอด

ดอก (flower)  ดอกช่อ (inflorescence) :
ชนิดของช่อดอก

ดอกเดยี่ ว (solitary)

ช่อกระจุกดา้ นเดียวชนิดเด่ียว ช่อวงแถวเด่ียว ช่อวงแถวคู่
(simple monochasium) (helicoids cyme) (scorpioid cyme)

ช่อกระจุกซอ้ นเดี่ยว  ช่อกระจะ (raceme)
(simple dichasium)
ช่อกระจุกซอ้ นเชิงประกอบ
(compound dichasium)

ช่อเชิงลด (spike) ช่อแบบหางกระรอก (ament, catkin) ช่อเชิงหลน่ั (corymb)

ช่อเชิงลดมีกาบ (spadix) ช่อซ่ีร่ม (umbel) ช่อซ่ีร่มเชิงประกอบ
(compound umbel)

ช่อกระจุกแน่น (capitulum, head) ช่อแยกแขนง (panicle, compound raceme)

ชนิดของช่อดอก: ช่อกระจุกซอ้ นเชิงประกอบ ช่อดอกท่ีมีหลายช่อกระจุกซอ้ นเดี่ยว

ตาแหน่งทอ่ี อกดอก ซอกใบ (axillary) ตามลาต้นหรือกงิ่ (cauliflorous)
 ปลายยอด (terminal)

รูปร่างของดอกแบบต่างๆ (Perianth Forms)

รูปกงลอ้ (rotate, wheel-shaped) รูประฆงั (campanulate, bell-shaped) รูปคนโท, โถ (urceolate, urn-shaped)



รูปดอกเขม็ (salverform, hypocrateriform) รูปกรวย (funnelform) รูปหลอด (tubular)

รูปลิ้น (ligulate, tongue-shaped) รูปปากเปิ ด (bilabiate) รูปปากปิ ด (personate)

รูปกระเปาะทรงกระบอก (foxgloveform) รูปดอกถวั่ (papilionaceous)

ตาแหน่งออกของดอก : ปลายยอด ในแต่ละช่อจะประกอบดว้ ยดอกขนาดเลก็ เป็นหลอด ตรง
ปลายหลอดจะเป็นกลีบซ่ึงมีอยู่ 4-5 กลีบ ปลายกลีบแหลม ลกั ษณะดอกและสีสรรแตกต่างกนั ไป

กลบี ดอก (corolla) รูปดอกถวั่ (papilionaceous) รูปดอกกลว้ ยไม้ (orchid)
แยกจากกนั (polypetalous) :
รูปดอกพเิ ศษ (พบในพชื เฉพาะกล่มุ )



รูปกากบาท (cruciform)

กลบี ดอก : โคนเช่ือมติดกนั ปลายแยกเป็น 4 แฉก สี แดง รูปดอกเขม็

เกสรเพศผู้ (stamen)



ติดท่ีฐาน (basifixed, innate) ติดท่ีดา้ นหลงั (dorsifixed) เชื่อมติด (adnate) ติดกลาง (versatile)

แตกตามยาว แตกตามช่อง แตกตามขวาง แตกแบบมีลิ้นปิ ดเปิ ด

(longitudinal dehiscence) (poricidal dehiscence) (transverse dehiscence) (valvular dehiscence)

เกสรเพศผู้ เกสรเพศผสู้ ีเหลือง 4 อนั ติดอยทู่ ่ีหลอดดอกดา้ นบนและอยสู่ ลบั กบั กลีบ กา้ นเกสร
เพศผู้ จะติดกบั อบั เรณู และรังไข่จะอยใู่ ตว้ งกลีบของดอก

เกสรเพศเมยี (pistil)


รังไข่เหนือวงกลีบ (superior ovary) รังไขใ่ ตว้ งกลีบ (inferior ovary) รังไขก่ ่ึงใตว้ งกลีบ (half-inferior ovary)
องค์ประกอบอน่ื ๆ ของดอก

ใบประดบั คลา้ ยกลีบดอก (petaloid bract) วงใบประดบั (involucres, involucral bract, phyllary)

วงกลีบเล้ียงคลา้ ยกลีบดอก (petaloid calyx) กาบหุม้ ช่อดอก (spathe) ริ้วประดบั (epicalyx)

กลนิ่ (scent) :
ไมม่ ี มี

เกสรเพศเมีย : ยนื่ เลยหลอดดอก มี 2 แฉก เกสรเพศเมียจะมีหน่ึง หรือ หลายคาร์เพลท่ีเช่ือม
ติดกนั
กลน่ิ : ไมม่ ี

ผล (fruit) ผลกลุ่ม (Aggregate Fruit)
ชนิดของผล



ผลเดี่ยว Simple Fruit

ผลรวม (Multiple Fruit) ผลแบบมะเด่ือ (syconium)
ผลมเี นือ้ สด (Fleshy Fruit)



ผลเมลด็ เดียวแขง็ (Drupe)

ผลแบบมีเน้ือหลายเมลด็ (Berry)
ผลแบบส้ม (Hesperidium)
ผลแบบแตง (Pepo)

ผลแห้ง (Dry Fruit)
ผลแห้งแก่ไม่แตก (Dry Indehiscent Fruit)

ผลแหง้ เมล็ดติดหรือผลแบบธญั พชื (Caryopsis or Grain) ผลเปลือกแขง็ มีกาบรูปถว้ ย (Acorn)

ผลแหง้ เมล็ดอ่อน (Achene) ผลแหง้ เมลด็ ล่อนปลายมีขน (cypsela)

 ผลเปลือกแหง้ เมลด็ เดียว (Nut)

ผลแบบปี กเดียว (Samara) ผลคลา้ ยผลปี กเดียว (samaroid)

ผลแยกแลว้ แตก (Schizocarp)
ผลแห้งแก่แตก (Dry Dehiscent Fruit) แบ่งเป็ น

ฝักแตกแนวเดียว (Follicle) ผลแตกแบบผกั กาด (Silique) ฝักแบบถวั่ (Legume)

ผลแบบฝักหกั ขอ้ (loment, lomentum) ผลแบบผกั ชี (cremocarp)

ผลแห้งแตก (capsule)
ผลท่ีเกิดจากดอกท่ีรังไขม่ ีหลายคาร์เพลเช่ือมกนั และเม่ือผลแก่จะแตก แบง่ ออกเป็น

ผลแหง้ แตกตามรอยประสาน (septicidal capsule) ผลแหง้ แตกกลางพู (loculicidal capsule)

ผลแหง้ แตกเป็ นช่อง (poricidal capsule) ผลแหง้ แตกแบบฝาเปิ ด (circumscissile capsule, pyxis)

ผล : ผลเด่ียว ชนิดของผลที่เกิดจากดอกเดียว สีของผล : ผลออ่ น สีเขียว ผลแก่ สีดา
รูปร่างผล : กลม
เมลด็ : จานวน 1 เมล็ด สีของเมลด็ : น้าตาลอ่อน รูปร่างเมลด็ : กลม

วาดภาพ หรือติดภาพวาดส่วนต่างๆ ของพชื

สว่ นของ ลำตน้ สว่ นของ ดอก
สว่ นของ ใบ สว่ นของ ผล
สว่ นของ รำก

สรุปลกั ษณะและข้อมูลพรรณไม้
(สรุปลกั ษณะและขอ้ มูลพรรณไมต้ ้งั แต่หนา้ 2-7และขอ้ มูลพ้ืนบา้ นหนา้ 1 โดยเขียนเป็ นเรียงความบรรยาย)

ช่ือพนั ธ์ุไม้ ต้นเขม็ แดง รหัสพรรณไม้ 7-90000-005-023/37

ลกั ษณะวสิ ัย เป็นไมพ้ มุ่ เรือนยอดทรงพมุ่ เป็ นทรงกระบอก อาศยั อยบู่ นบก เป็นตน้ ไมต้ ้งั ตรงเองได้
ชนิดของใบเป็ นใบสีเดี่ยว การเรียงตวั ของใบจะสลบั รูปแผน่ ใบเป็นรูปวงรี ส่วนปลายใบจะแหลม ดอกของ
ตน้ เขม็ แดงจะเป็ นดอกช่อ ผลของตน้ เขม็ แดงเวลายงั ไม่สุกเป็นสีเขียว และพอเวลาสุกเป็ นสีดา รูปร่างของผล
เป็ นวงกลม

สรรพคุณทางยา
1. รากมีรสหวาน ใชร้ ับประทานแกโ้ รคตาและทาใหเ้ จริญอาหาร
2. ใบใชเ้ ป็นยาฆ่าพยาธิ
3. ดอกแกโ้ รคตาแดงและตาแฉะ
4. ผลแกโ้ รคริดสีดวงในจมูก

ความเกยี่ วข้องกบั ประเพณี วัฒนธรรมหรือความเช่ือทางศาสนา
คนไทยสมยั โบราณเชื่อวา่ บา้ นใดมีตน้ เขม็ แดงปลูกไวท้ ี่หนา้ บา้ น จะทาใหม้ ีความฉลาด เฉียบแหลม
และดอกเขม็ จะนาไปใชใ้ นพิธีงานสาคญั ตา่ งๆ เช่น พิธีไหวค้ รู

ข้อมูลพฤกษศาสตร์
ช่ือวทิ ยาศาสตร์ : Ixora Chinensis Lamk Ixora SPP.
ชื่อวงศ์ : RUBIACEAE
ช่ือสามญั : ตน้ เขม็ แดง
ช่ือพนื้ เมอื งอนื่ ๆ : ตน้ เขม็ แดง
ถิ่นกาเนิด : เป็นพนั ธุ์ไมห้ อมพ้ืนเมืองแถบอเมริกาใต้
การกระจายพนั ธ์ุ:

ในประเทศไทย : ปักชากิ่ง เพาะเมล็ด ตอนก่ิง
ในประเทศอนื่ ๆ : -
นิเวศวทิ ยา : -
เวลาออกดอก : ออกดอกตลอดท้งั ปี
เวลาติดผล : -
การขยายพนั ธ์ุ : ปักชากิ่ง เพาะเมลด็ ตอนกิ่ง
การใช้ประโยชน์ : สามารถนาไปทาสมุนไพรและนาไปเป็นไมป้ ระดบั ได้
ประวตั พิ นั ธ์ุไม้ (การนาเข้ามาปลกู ในประเทศไทย) : -
เอกสารอ้างองิ : https://Sites.gocgle.com/site/www.bio27-myThreecem.

บนั ทกึ ข้อมูลเพม่ิ เตมิ
เช่น ประวตั ิพนั ธุ์ไม้ (ประวตั ิการนาเขา้ มาปลูกในโรงเรียน) เวลาการออกดอก หรือติดผลนอกฤดูกาล หรือ

อ่ืน ๆ

1 ก.ค. ตน้ เขม็ ออกดอก ทาใหย้ อดใบมนั ไม่มี การเจริญเติบโตกด็ ี ตน้ เรียงกนั เป็ นระเบียบเรียบร้อย
9 ก.ค. ใบออ่ นกาลงั ออกข้ึนสวย และกาลงั จะออกดอก
16 ก.ค. ฝนตกทาใหต้ น้ เขม็ ออกใบสวย เจริญเติบโตไดด้ ี ออกดอกสวย สีของกา้ นตน้ เขม็ ก็สีสวยเสมอกนั
21 ก.ค. ใบไมส้ ูงเกินไป จะไม่คอ่ ยเป็นระเบียบเหมือนตอนท่ีพ่ึงตดั ใหมๆ่
23 ก.ค. ฝนตกในตอนเท่ียง ตน้ ไมด้ ูสดช่ืน ดอกของตน้ เขม็ ก็สีแดงมาก ดูแลว้ สบายตา สบายใจ


Click to View FlipBook Version