The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หมากเหลืองbyนิภาพร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Kasanee.kam, 2019-09-26 02:08:15

หมากเหลืองbyนิภาพร

หมากเหลืองbyนิภาพร

ชื่อพนั ธุไ์ ม้ หมากเหลือง รหสั พรรณไม้

ภาพวาดทางพฤกษศาสตร์

บริเวณที่สารวจ หนา้ อาคารเรียน 2 วนั ที่สารวจ 22 กรกฎาคม 2562
ผสู้ ารวจ นางสาวนิภาพร อรุโณทยั ชนั้ ปวส.1/1

วิทยาลยั เทคโนโลยีวชิราโปลี สงขลา
ถนน ทะเลหลวง ตาบล บ่อยาง อาเภอ เมือง จงั หวดั สงขลา รหสั ไปรษณีย์ 90000

ก.7-003 (ฉบบั ปรบั ปรงุ 2553) หนา้ - 1 -

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2

ขอ้ มลู พ้ืนบา้ น

(ขอ้ มูลเก่ยี วกบั การใชป้ ระโยชน์ และขอ้ มูลอ่นื ๆ จากการสอบถามคนในทอ้ งถ่นิ )

ช่ือพ้ืนเมือง(ช่ือในทอ้ งถ่นิ ท่เี กบ็ ตวั อยา่ งพนั ธุไ์ ม)้ หมากเหลือง

การใชป้ ระโยชน์ในทอ้ งถ่นิ (ระบุสว่ นท่ใี ชแ้ ละวธิ กี ารใช)้ :
อาหาร : -
ยารกั ษาโรค : กา้ นหมากเหลืองใชถ้ ูหรือจ้ิมบริเวณฝ่าเทา้ เพ่อื ตรวจหาอาการชาจากภาวะโรคเบาหวาน ลดความ
เส่ยี งการเกดิ แผลจากโรคเบาหวาน มวี ิธกี ารใช้ คือ นากา้ นหมากเหลืองมาผา่ เปลือกนอกออก ใหเ้ หลือเฉพาะ
แกน่ ออ่ นดา้ นใน จากนน้ั เหลาใหส้ ว่ นปลายเรียวเลก็ และปลายสุดเหลาใหม้ น กอ่ นใชจ้ ้ิมบนฝ่าเทา้ ตรวจหา
อาการชา
กอ่ สรา้ ง เคร่ืองเรือน เคร่ืองใช้ ลาตน้ สามารถนามาใชก้ ารกอ่ สรา้ งได้ : เชน่ สะพาน เสาตอมอ่ เฟอรน์ ิเจอร์
ยาฆา่ แมลง ยาปราบศตั รูพืช : -
ความเก่ยี วขอ้ งกบั ประเพณี วฒั นธรรม หรือความเช่อื ทางศาสนา : ใชป้ ลูกเพ่ือเป็นไมม้ งคล โดยมคี วามเช่ือตา่ งๆ
ไดแ้ ก่ – หมากเหลืองชว่ ยใหผ้ ูค้ นเกิดความเคารพ และเช่ือฟงั ในตน เหมือนกา้ นใบหมากเหลืองท่โี คง้ โนม้ ลง
รวมถึงทาใหส้ มาชกิ ในบา้ นเป็นผูม้ จี ิตใจดี จิตใจงดงาม มคี วามถอ่ มเน้ือถอ่ มตน
– หมากเหลืองมกี า้ น และใบสเี หลืองอมเขยี วหรือบางตน้ มสี เี หลืองทอง ชว่ ยสง่ เสริมใหเ้ กดิ ความร่ารวย
มโี ชคลาภใหแ้ กผ้ ูป้ ลูกหรือสมาชิกภายในบา้ น
อ่ืน ๆ (เชน่ การเป็นพษิ อนั ตราย) : -

วนั ท่บี นั ทึกขอ้ มูล 22 กรกฎาคม 2562 สถานท่บี นั ทึก วิยาลยั เทคโนโลยวี ชริ าโปลี สงขลา

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 2 -

ขอ้ มูลพรรณไม้

ลกั ษณะวสิ ัย (habit)

ไมต้ น้ (tree) ไมพ้ ุม่ (shrub) ไมล้ ม้ ลุก(herb) ไมเ้ ล้ือย(climber)
ลกั ษณะวสิ ัยอน่ื ๆ

ไผ่ (bamboo เฟิ ร์น (fern) กลว้ ยไม้ (orchid)  ปาลม์ (palm)

ลกั ษณะวสิ ัย : ปาล์ม
หมากเหลอื ง (Yellow palm) เป็ นปาล์มประดบั ชนดิ หนงึ่ ทนี่ ยิ มปลกู ประดบั ไว้ภายในบ้านหรือปลูกในแปลงจดั
สวน เนอ่ื งจาก ก้านใบ และใบมสี ีเหลอื งอมเขยี วสวยงาม ลาต้นไม่สูงมากนกั มอี ายยุ นื ยาว สามารถปลูก และดแู ล
ง่าย

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 3 -

เรือนยอด ทรงพ่มุ (crown shape)

 กลม (rounded) ทรงกระบอก (cylindric) รูปร่ม (umbellate) รูปกรวย (conical)

รูปคลา้ ยฉตั ร(Verticillate) รูปแตกไม่เป็นระเบียบ(irregular) รูปมีก่ิงหอ้ ยยอ้ ยลงมา(irregular)

หมากเหลอื ง มลี าต้นเพรา ทรงกลม และต้งั ตรง ลาต้นแตกหน่อเป็ นกอใหม่รอบต้นแม่ เมอ่ื โตเตม็ ทจ่ี ะสูงได้ถงึ 8
เมตร ขนาดลาต้นประมาณ 4-8 เซนตเิ มตร ลาต้นมลี กั ษณะเป็ นข้อหรือเป็ นวงชัดเจน ผวิ ลาต้นเรียบ โคนลาต้นมสี ีเหลอื ง
ส้มหรือเขียวอมเหลอื ง ลาต้นส่วนปลายมนี วลสีขาวปกคลมุ

ความสูง 8 ม. ความกวา้ งทรงพมุ่ 4-8 ม.

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 4 -

ถ่นิ อาศัย (habitat) พชื อิงอาศยั (epiphyte) กาฝาก (parasite)
 พชื บก (terrestrial)

พืชน้า (aquatic) :

พืชใตน้ ้า (submerged plant) พืชโผลเ่ หนือน้า (emerged plant)

พชื ลอยน้า (floating plant) พชื ชายน้า (marginal plant)

พชื ทเี่ กดิ บนบก แบ่งตามลกั ษณะทว่ั ไปได้เป็ น ๓ ชนดิ คอื ไม้ต้น (trees) ไม้พ่มุ (shrubs) ไม้ล้มลุก ลาต้นอ่อน
(herbs) ไม้ต้น และไม้พุ่ม ไม่ค่อยพบว่าเป็ นวชั พชื ทร่ี ้ายแรง ท้งั นเี้ พราะก่อนดาเนนิ การเกษตรน้ัน จาเป็ นต้องปรับทโี่ ค่น
ต้นไม้ใหญ่ ถอนรากโคนทงิ้ เสียก่อน ฉะน้นั จงึ ไม่ค่อยมปี ัญหาในด้านการกาจดั วชั พชื ทเ่ี ป็ นไม้ต้น และไม้พ่มุ เท่าใดนกั
นอกจากในทด่ี นิ ทบี่ ุกเบกิ ใหม่ เพอ่ื การเพาะปลกู

ลาต้นเหนือดนิ (aerial stem) :
 ต้งั ตรงเองได้

ลาต้นเหนอื ดนิ : ต้งั ตรงเองได้

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 5 -

เปลอื กลาต้น
สี โคนลาตน้ มีสีเหลืองสม้ หรือเขยี วอมเหลือง ลาตน้ ส่วนปลายมีนวลสีขาวปกคลมุ
ลกั ษณะ :

 เรียบ ขรุขระ แตกเป็ นสะเก็ด แตกเป็ นเสน้

มีหนาม อื่น ๆ ............................

ยาง
 ไม่มี

มี: สีขาวข่นุ สีอ่ืน ๆ ........................
สีขาวใส

หมากเหลอื ง มลี าต้นเพรา ทรงกลม และต้งั ตรง ลาต้นแตกหน่อเป็ นกอใหม่รอบต้นแม่ เมอื่ โตเตม็ ทจี่ ะสูงได้ถึง 8
เมตร ขนาดลาต้นประมาณ 4-8 เซนตเิ มตร ลาต้นมลี กั ษณะเป็ นข้อหรือเป็ นวงชัดเจน ผวิ ลาต้นเรียบ โคนลาต้นมสี ีเหลอื ง
ส้มหรือเขียวอมเหลอื ง ลาต้นส่วนปลายมนี วลสีขาวปกคลมุ

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 6 -

ใบ (leaf)
ชนิดของใบ

ใบเดยี่ ว (simple leaf)  ใบประกอบ (compound leaf) แบบนิว้ มอื (palmate)

ขนนกช้ันเดยี ว (pinnate) ขนนกสองช้ัน (bipinnate) ขนนกสามช้ัน (tripinnate)

 ขนนกปลายคี่ (odd-pinnate) ขนนกปลายคู่ (even-pinnate)

สี เหลืองอมสม้ ขนาดแผน่ ใบ ใบมที างใบยาว 1.5 -2 เมตร
จานวนใบยอ่ ย (กรณีเป็นใบประกอบ) ประมาณ 38 ใบ ขนาดแผน่ ใบยอ่ ย กวา้ ง 1 - 2 ซม. ยาว 40 - 60 ซม.

ลกั ษณะพิเศษของใบ ใบยอ่ ยมลี กั ษณะเรียวยาว โคนใบสอบรูปล่มิ ปลายใบเรียวแหลม คลา้ ยใบมะพรา้ ว

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 7 -

การเรียงตวั ของใบบนกิ่ง (phyllotaxy)

สลบั (alternate)  สลบั ระนาบเดียว (distichous) กระจุก (fascicled)

ตรงขา้ ม (opposite) ตรงขา้ มสลบั ต้งั ฉาก(decussate) เป็นวงรอบ (whorled)

คลา้ ยแบบจุก (Clusterd) กหุ ลาบซอ้ น (rosette)

ใบ เป็ นใบประกอบแบบขนนก กาบใบหุ้มลาต้น มสี ีเหลอื งอมส้ม เรียงเยอื้ งกนั ตามความสูง ใบมที างใบยาว 1.5-2
เมตร ทางใบมสี ีเขียวอ่อนหรือสีเขยี วอมเหลอื ง บนทางใบมใี บย่อยเรียงเยอื้ งสลบั กนั เป็ นแถว ใบย่อยมลี กั ษณะเรียวยาว
โคนใบสอบรูปลมิ่ ปลายใบเรียวแหลม คล้ายใบมะพร้าว กว้างประมาณ 1-2 เซนตเิ มตร ยาวประมาณ 40-60 เซนตเิ มตร
แผ่นใบ และขอบใบเรียบ มสี ีเขียวอมเหลอื ง

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 8 -

ใบเปลย่ี นแปลงไปทาหน้าทพ่ี เิ ศษ (Modified Leaf)

ใบมือเกาะ(leaf tendrils) ใบหนาม(spinose leaf) ใบกินแมลง(insectivorous leaf)

ใบสะสมอาหาร(storage leaf) ใบขยายพนั ธ์ (reproductive leaf)

การเรียงตวั ของเส้นใบ (Leaf Venation)
การเรียงเส้นใบแยกสองแฉก (Dichotomous Venation)

 การเรียงเส้นใบแบบขนาน (Paralle Venation)

การเรียงเส้นใบแบบขนานรูปฝ่ ามือ เส้นใบขนานแบบขนนก
 (palmatelyparalled venation) (pinnately parallel venation)

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 9 -

เส้นใบร่างแห (Netted หรือ Reticulated Venation)

เส้นใบร่างแหแบบฝ่ ามือ เส้นใบร่างแหแบบขนนก
(palmately netted venation ( pinnately netted venation)
รูปร่างแผ่นใบ (leaf shape)

รูปเขม็ (acicular, needle shaped) รูปแถบ (linear) รูปขอบขนาน (oblong) รูปรี (elliptic)

รูปใบหอก (lanceolate) รูปใบหอกกลบั (oblanceolate) รูปไข่ (ovate) รูปไขก่ ลบั (obovate)

รูปหวั ใจ (cordate) รูปหวั ใจกลบั (obcordate) รูปสามเหล่ียม (deltoid) รูปคลา้ ยสามเหลี่ยม (obdeltoid)

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 10 -

รูปล่ิม (cuneate) รูปคลา้ ยสี่เหล่ียมขา้ วหลามตดั (rhomboid) รูปไต (reniform) รูปโล่ (peltate)

รูปวงกลม (orbicular) รูปชอ้ น (spathulate, spatulate) รูปเงี่ยงใบหอก (hastate) รูปหวั ลูกศร (sagittate)

รูปจนั ทร์เส้ียว (lunate) รูปไวโอลิน (pandurate) รูปพดั (flabellate) รูปพดั (fan-shaped)

 รูปแฉกแบบนิ้วมือ (palmalifid) รูปแฉกลึกแบบนิ้วมือ (palmatisect)

รูปลิ่มแคบ (subulate)

รูปหยกั แบบขนนก(pinnatifid) รูปหยกั ลึกสุดแบบขนนก (pinnatisect)

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 11 -

รูปร่างปลายใบ (Leaf Apex)



เรียวแหลม (acuminate) แหลม (acute) ต่ิงแหลม (apiculate) แหลมเขม็ (aristate)

ยาวคลา้ ยหาง (caudate) มว้ น (cirrhose) เวา้ ลึก (cleft) ต่ิงแหลมยาว (cuspidate)

เวา้ ต้ืน (emarginate) ต่ิงหนาม (mucronate) ต่ิงหนามส้นั (mucronulate) ป้ าน, มน (obtuse)

เวา้ บุ๋ม (retuse) กลม (rounded) หนาม (spinose) ตดั (truncate)

ปลายแหวง่ (praemorse) ปลายแหลมแขง็ (pungent)

รูปร่างปลายใบ : เรียวแหลม

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 12 -

รูปร่างฐานใบ (LeafBase)



รูปล่ิม (cuneate) รูปหุม้ ลาตน้ (amplexicaul) รูปสอบเรียว (attenuate) รูปต่ิงหู (auriculate)

รูปฐานคูเ่ ช่ือมรอบขอ้ รูปหวั ใจ (cordate) รูปครีบ (decurrent) รูปเงี่ยงใบหอก (hastate)
(connate perfoliate)

รูปลิน้ (ligulate) รูปเฉียง, เบ้ียว (oblique) รูปป้ าน, มน (obtuse) รูปโล่ (peltate)

รูปกลม (rounded) รูปหวั ลูกศร (sagittate) รูปตดั (truncate)

รูปร่างฐานใบ : รูปลม่ิ

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 13 -

ขอบใบ (Leaf Margin)



ขอบเรียบ (entire) หนามแหลม (aculeate, spinose) ขนครุย (ciliate) หยกั มน (crenate)

หยกั มนถ่ี (crenulate) หยกั ซี่ฟัน (dentate) หยกั ซ่ีฟันถ่ี (denticulate) จกั ฟันเลื่อย (serrate)

จกั ฟันเล่ือยถ่ี (serrulate)จกั ฟันเล่ือยซอ้ น (double serrate) หยกั ไม่เป็นระเบียบ (erose) ขอบใบมว้ นลง (revolute)

คลื่น (undulate) พู (lobed) ยบั ยน่ (crispate) รูปฝ่ ามือ (palmate)

ขอบใบ : ขอบเรียบ

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 14 -

ดอก (flower)  ดอกช่อ (inflorescence) :
ชนดิ ของช่อดอก

ดอกเดยี่ ว (solitary)

ช่อกระจุกดา้ นเดียวชนิดเดี่ยว (simple monochasium) ช่อวงแถวเด่ียว (helicoids cyme) ช่อวงแถวคู่ (scorpioid cyme)
ช่อกระจุกซอ้ นเด่ียว (simple dichasium) ช่อกระจุกซอ้ นเชิงประกอบ (compound dichasium) ช่อกระจะ (raceme)

ช่อเชิงลด (spike) ช่อแบบหางกระรอก (ament, catkin) ช่อเชิงหลนั่ (corymb)

ช่อเชิงลดมีกาบ (spadix) ช่อซ่ีร่ม (umbel) ช่อซ่ีร่มเชิงประกอบ (compound umbel)

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 15 -



ช่อกระจุกแน่น (capitulum, head) ช่อแยกแขนง (panicle, compound raceme)
ตาแหน่งทอี่ อกดอก

ปลายยอด (terminal) ซอกใบ (axillary)  ตามลาต้นหรือกงิ่ (cauliflorous)

รูปร่างของดอกแบบต่างๆ (Perianth Forms)

รูปกงลอ้ (rotate, wheel-shaped) รูประฆงั (campanulate, bell-shaped) รูปคนโท, โถ (urceolate, urn-shaped)

รูปดอกเขม็ (salverform, hypocrateriform) รูปกรวย (funnelform) รูปหลอด (tubular)

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 16 -



รูปลิน้ (ligulate, tongue-shaped) รูปปากเปิ ด (bilabiate) รูปปากปิ ด (personate)

รูปกระเปาะทรงกระบอก (foxgloveform) รูปดอกถว่ั (papilionaceous)

หมากเหลอื งออกดอกเป็ นช่อเหมอื นกบั ช่อดอกของปาล์มทวั่ ไป ก้านช่อดอกยาวประมาณ 60-100 เซนตเิ มตร
ปลายช่อแตกแขนงเป็ นช่อย่อย บนช่อแขนงประกอบด้วยดอกย่อยจานวนมาก ดอกย่อยแต่ละดอกมสี ีขาว ท้งั นี้ ดอกหมาก
เหลอื งเป็ นดอกไม่สมบูรณ์เพศ มกี ารแยกเพศอยู่คนละต้น

กลบี ดอก (corolla)

แยกจากกนั (polypetalous) :

รูปดอกพเิ ศษ (พบในพชื เฉพาะกลุ่ม)



รูปกากบาท (cruciform) รูปดอกถว่ั (papilionaceous) รูปดอกกลว้ ยไม้ (orchid)
เกสรเพศผู้ (stamen) มจี านวน 3 กลบี สี ขาว

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 17 -

มจี านวน 1 อนั สีและลกั ษณะ สีขาว



ติดท่ีฐาน (basifixed, innate) ติดที่ดา้ นหลงั (dorsifixed) เชื่อมติด (adnate) ติดกลาง (versatile)

แตกตามยาว (longitudinal dehiscence) แตกตามช่อง (poricidal dehiscence) แตกตามขวาง (transverse dehiscence)

แตกแบบมีลิ้นปิ ดเปิ ด (valvular dehiscence)

เกสรเพศเมยี (pistil)

มจี านวน 5 อนั สีและลกั ษณะ สีขาว



รังไขเ่ หนือวงกลีบ (superior ovary) รังไข่ใตว้ งกลีบ (inferior ovary) รังไขก่ ่ึงใตว้ งกลีบ (half-inferior ovary)

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 18 -

องค์ประกอบอนื่ ๆ ของดอก



ใบประดบั คลา้ ยกลีบดอก (petaloid bract) วงใบประดบั (involucres, involucral bract, phyllary)

วงกลีบเล้ียงคลา้ ยกลีบดอก (petaloid calyx) กาบหุม้ ช่อดอก (spathe) ริ้วประดบั (epicalyx)

กลนิ่ (scent) :
ไมม่ ี  มี .........................................................

ผล (fruit)
ชนิดของผล



ผลเดี่ยว Simple Fruit ผลกลุ่ม (Aggregate Fruit)

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 19 -

ผลรวม (Multiple Fruit) ผลแบบมะเด่ือ (syconium)
ผลมเี นือ้ สด (Fleshy Fruit)



ผลเมลด็ เดียวแขง็ (Drupe)

ผลแบบมเี น้ือหลายเมลด็ (Berry) หนา้ - 20 -

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2

ผลแบบสม้ (Hesperidium)

ผลแบบแตง (Pepo)

ผลแห้ง (Dry Fruit)
ผลแห้งแก่ไม่แตก (Dry Indehiscent Fruit)

ผลแหง้ เมลด็ ติดหรือผลแบบธญั พชื (Caryopsis or Grain) ผลเปลือกแขง็ มีกาบรูปถว้ ย (Acorn)

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 21 -

ผลแหง้ เมลด็ ออ่ น (Achene) ผลแหง้ เมลด็ ลอ่ นปลายมขี น (cypsela)

 ผลเปลือกแหง้ เมลด็ เดียว (Nut)

ผลแบบปี กเดียว (Samara) ผลคลา้ ยผลปี กเดียว (samaroid)

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 22 -

ผลแยกแลว้ แตก (Schizocarp)

สขี องผล ผลออ่ นสี เขยี ว ผลแกส่ ี เหลืองอมสม้
รูปร่างผล มรี ูปกลมรี ขนาดประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร ผลดิบมีสีเขียว เมื่อสกุ เปลี่ยนเป็ นสีเหลืองอมสม้
ลกั ษณะพิเศษของผล สุกจดั เปล่ยี นเป็นสมี ว่ งอมดา
เมล็ด (seed)
จานวนเมลด็ 1 สขี องเมลด็ น้าตาล
รูปร่างเมลด็ มรี ูปกลมรี

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 23 -

วาดภาพ หรือติดภาพวาดส่วนต่างๆ ของพืช สว่ นของ ผล
สว่ นของ ลาตน้ สว่ นของ ดอก
สว่ นของ ใบ สว่ นของ ราก

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 24 -

สรปุ ลกั ษณะและขอ้ มูลพรรณไม้

(สรุปลกั ษณะและขอ้ มูลพรรณไมต้ ง้ั แตห่ นา้ 2-7และขอ้ มูลพ้ืนบา้ นหนา้ 1 โดยเขยี นเป็นเรียงความบรรยาย)

ช่ือพนั ธุไ์ ม้ หมากหลือง รหสั พรรณไม้

ประโยชน์หมากเหลือง
1. หมากเหลืองนิยมปลูกทง้ั ในแปลงจดั สวน การดา้ นภูมิทศั น์ และการปลูกในกระถางเพ่ือเป็นไมป้ ระดบั

เน่ืองจากมที รงพุม่ สวยงาม ทางใบยาว โคง้ ยอ้ ยลงดนิ แผน่ ใบมสี เี หลืองอมเขยี วสวยงาม ทงั้ น้ี การปลูกในกระถาง ควรวาง
กระถางในพ้ืนท่รี ่มหรือมแี สงแดดไมส่ อ่ งทง้ั วนั หรือมแี สงราไร อาทิ การวางกระถางภายในบา้ น หนา้ บา้ นท่มี รี ่ม หรือวางไวข้ า้ ง
บา้ นท่มี รี ่มในบางครั้ง เพราะการปลูกในกระถางจะสูญเสยี ความช้ืนไดง้ า่ ยกวา่ การปลูกลงแปลง

2. ใชป้ ลูกเพ่ือเป็นไมม้ งคล โดยมคี วามเช่ือตา่ งๆ ไดแ้ ก่
– หมากเหลืองชว่ ยใหผ้ ูค้ นเกิดความเคารพ และเช่ือฟงั ในตน เหมือนกา้ นใบหมากเหลืองท่โี คง้ โนม้ ลง รวมถึงทาให้
สมาชิกในบา้ นเป็นผูม้ จี ิตใจดี จิตใจงดงาม มคี วามถอ่ มเน้ือถอ่ มตน
– หมากเหลืองมกี า้ น และใบสเี หลืองอมเขยี วหรือบางตน้ มสี เี หลืองทอง ชว่ ยสง่ เสริมใหเ้ กิดความร่ารวย มโี ชค
ลาภใหแ้ กผ้ ูป้ ลูกหรือสมาชกิ ภายในบา้ น
3. หมากเหลืองนอกจากจะปลูกเพ่ือการประดบั แลว้ เกษตรกรบางรายยงั ปลูกเพ่อื ตดั กา้ นใบสง่ ขาย สรา้ งรายได้
งามเชน่ กนั กา้ นใบท่จี าหน่ายถูกใชส้ าหรับจดั ตกแตง่ ในพิธตี า่ งๆ อาทิ งานมงคล งานเทศกาลชุมชน และงานสาคญั ของทาง
ราชการ
4. กา้ นหมากเหลืองใชถ้ ูหรือจ้มิ บริเวณฝ่าเทา้ เพ่ือตรวจหาอาการชาจากภาวะโรคเบาหวาน ลดความเส่ยี งการ
เกิดแผลจากโรคเบาหวาน มวี ิธกี ารใช้ คือ นากา้ นหมากเหลืองมาผา่ เปลือกนอกออก ใหเ้ หลอื เฉพาะแกน่ ออ่ นดา้ นใน จากนน้ั
เหลาใหส้ ว่ นปลายเรียวเลก็ และปลายสุดเหลาใหม้ น กอ่ นใชจ้ ้มิ บนฝ่าเทา้ ตรวจหาอาการชา

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 25 -

ขอ้ มลู พฤกษศาสตร์

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Chrysalidocarpus lutescens
ช่ือวงศ์ : Palmae (Arecaceae)
ชื่อสามญั : Yellow palm
ชื่อพ้ืนเมืองอ่ืน ๆ : หมากเหลือง
ถิ่นกาเนิด : ในแถบหมูเ่ กาะมาดากสั การ์
การกระจายพนั ธุ์ :

ในประเทศไทย : การปลูกดว้ ยเมลด็ และการแยกหน่อปลูก
ในประเทศอ่ืน ๆ : -
นิเวศวิทยา : -
เวลาออกดอก : -
เวลาติดผล : -

การขยายพนั ธุ์ : การปลูกดว้ ยเมลด็ และการแยกหน่อปลูก

การใชป้ ระโยชน์ : ใชป้ ลูกเพ่ือเป็นไมม้ งคล โดยมคี วามเช่ือตา่ งๆ ไดแ้ ก่
– หมากเหลืองชว่ ยใหผ้ ูค้ นเกดิ ความเคารพ และเช่ือฟงั ในตน เหมือนกา้ นใบหมากเหลืองท่โี คง้ โนม้ ลง รวมถึงทาใหส้ มาชกิ

ในบา้ นเป็นผูม้ จี ิตใจดี จิตใจงดงาม มคี วามถอ่ มเน้ือถอ่ มตน
– หมากเหลืองมกี า้ น และใบสเี หลืองอมเขยี วหรือบางตน้ มสี เี หลืองทอง ชว่ ยสง่ เสริมใหเ้ กดิ ความร่ารวย มโี ชคลาภใหแ้ กผ้ ู ้

ปลูกหรือสมาชิกภายในบา้ น
ประวตั ิพนั ธุไ์ ม้ (การนาเขา้ มาปลูกในประเทศไทย) : -
เอกสารอา้ งอิง : https://puechkaset.com/หมากเหลือง/

บนั ทึกขอ้ มลู เพิ่มเติม หนา้ - 26 -
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2

เชน่ ประวตั พิ นั ธุไ์ ม้ (ประวตั กิ ารนาเขา้ มาปลูกในโรงเรียน) เวลาการออกดอก หรือตดิ ผลนอกฤดูกาล หรืออ่ืน ๆ

หมากเหลือง (องั กฤษ: yellow palm, butterfly palm; ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Dypsis lutescens) เป็นปาลม์ ประดบั
ท่มี ถี ่นิ กาเนิดในมาดากสั การ์ เป็นปาลม์ แตกกอ สูงไดถ้ ึง 8 เมตร ลาตน้ มเี สน้ ผา่ นศูนยก์ ลาง 4-8 เซนตเิ มตร ลาตน้ และคอ
ใบมสี เี หลืองสม้ จนถึงเขยี ว ใบรูปขนนก ทางใบยาว 2 เมตร ชอ่ ดอกแยกเพศอยูร่ ่วมตน้ ออกใตค้ อ แผก่ ระจาย ยาว 50-70
เซนตเิ มตร ผลรูปรี ขนาด 1.5 เซนติเมตร เม่ือสุกสเี หลืองสม้ ขยายพนั ธุด์ ว้ ยการเพาะเมลด็ หรือแยกหน่อ

งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หนา้ อาคารเรียน 2 หนา้ - 27 -


Click to View FlipBook Version